บทเริ่มต้นของการหลุดพ้น

ในห้อง 'พุทธศาสนา และ ธรรมะ' ตั้งกระทู้โดย สันโดษ, 7 พฤษภาคม 2009.

  1. สันโดษ

    สันโดษ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    9,940
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +16,870
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=3 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top><TABLE cellSpacing=2 cellPadding=2 align=center bgColor=#f5f5f5 border=0><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR><TR><TD align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top>
    บทเริ่มต้นแห่งการหลุดพ้น


    คนเราโชคดีไปคนละแบบ
    บางคนเกิดมาก็โชคดีที่หน้าตาดี
    เรียนดี พ่อแม่ดีเข้าใจทุกอย่าง
    เพื่อนดี หรือแม้แต่ได้คู่ใจที่ดี
    อะไรที่ดีดี ที่บางคนมี แต่บางคนกลับไม่มี
    ล้วนหาเหตุผลได้จากการทำดีมายาวนาน แต่ชาติปางไหนก็ตาม
    บุญที่สะสมมักส่งผลต่อเนื่อง

    เหมือนกับบาปกรรม ที่ตามติดต่อเนื่องเช่นกัน
    บางคนเกิดมาพร้อมรูปสมบัติ ทรัพย์สมบัติ แต่ไม่มีความสุข
    อาจสุขภาพไม่ดี อาจเจอรักไม่ดี
    คนรอบข้างไม่ดี ทำให้ไม่มีความสุข

    เพราะบุญกับบาป แยกจากกัน
    ทำบาปแค่ไหนรับไปแค่ไหน
    บุญไม่อาจลบล้างบาปได้
    บุญส่วนบุญ บาปส่วนบาป
    แยกจากกันคนละส่วน
    รับผลคนละอย่าง

    บางคนคิดว่า สามารถทำบุญลบล้างบาปที่เคยทำได้
    บางคนคิดว่า บาปบุญไม่มีจริง
    นรก สวรรค์ เป็นแค่เรื่องเล่าหลอกๆ
    คนบางคนถึงทำบาปทำร้าย ทำลาย ชีวิตอื่นๆอย่างไม่สะทกสะท้าน

    เมื่อก่อนเคยคิดว่า แค่เงยหน้าขึ้นมองบนฟ้า
    ก็คือสวรรค์ เทวดาอยู่บนนั้น
    และเทวดาก็มองอยู่ ทำดีทำไม่ดี เทวดาก็มองเห็น


    นรกก็ต้องอยู่ลึกใต้ดิน
    แต่ความจริงใต้ดินเป็นที่อยู่ของไส้เดือน
    และบนฟ้า ก็แค่ละอองน้ำที่รวมตัวเป็นไอ
    เป็นเมฆให้คนจินตนาการ
    และฝันถึงคนรัก


    นรกสวรรค์อยู่ในใจเราเอง
    จิตเรารับรู้ทุกอย่างที่เรากระทำ
    ทำดี ทำชั่ว ใครไม่รู้ เรารู้
    เราแบกอยู่ในสำนึกที่เราซุกซ่อนไว้


    เรื่องเล่ายาวนานบอกว่าทำดี ขึ้นสวรรค์ ทำบาปลงนรก
    ความจริงไม่มีใครรู้ ตายแล้วไปไหน
    แต่ที่รู้แน่ๆ ที่คิดได้วันนี้ คือตายแล้ว จบ
    จบความรู้สึกเจ็บปวด จบสิ้นความทรงจำ
    จบการเรียนรู้ เพื่อจะไปเรียนรู้ใหม่
    การเรียนรู้ของชีวิตไม่มีบทจบ
    ตราบเท่าที่ ผลแห่งบาปยังตามติด

    สิ่งที่ได้รับหลังการจบสิ้นสังขาร
    ดวงจิตไม่ได้ขึ้นสววรค์
    หรือลงนรก
    แต่จะมีผลพวงในการลงมาเรียนรู้ใหม่อีกครั้ง
    ในการเกิดเป็นชีวิตใหม่

    ผลบุญ ผลกรรมที่เคยทำไว้ก่อนตาย
    ก็จะส่งผลต่อมาในการเกิดใหม่
    นั่นแหละ คือคำตอบว่าทำไม
    คนเราแตกต่างกัน
    ทั้งหน้าตา ความเป็นอยู่ กระทั่งจิตใจ และวิธีคิด

    ทำไมบางคน คิดแต่สิ่งร้ายๆ
    จิตใจหมกมุ่นใฝ่ต่ำ คิดถึงแต่การทำลายล้าง
    อิจฉา ริษยา ใครดีกว่าต้องหมั่นไส้ มีจิตใจที่ไม่สงบสุข

    บางคน ใจดี คิดสิ่งดี มองโลกในแง่ดี
    นี่เพราะภาวะการคิดของจิตที่ต่างกันของคน
    ที่ส่งผลมาแต่ปางก่อนๆ ถึงปัจจุบัน

    ความสุข ความทุกข์
    การคิด การติดยึด
    ล้วนเป็นผลปวงแห่งบาปบุญทั้งสิ้น
    การสลัดตัดความทุกข์
    ตัดการติดยึด ออกไปได้ในแต่ละอย่าง
    ล้วนหนาหนัก
    เพราะเราถูกทดสอบด้วยแรงแห่งกิเลส
    การอยากได้ อยากมี อยากครอบครอง
    ตัดสิ่งใดออกไปได้ ก็เหมือนพ้นทุกข์ไปหนึ่งเปราะ

    แต่...

    เมื่อเราว่ายอยู่ในวังวนการเกิด แก่เจ็บตาย
    สิ่งที่จะสลัดให้พ้นออกไป
    ยากที่ใจจะไม่ต้องทนทุกข์
    แต่เมือ่ใดก็ตาม ที่เราตัดวงเวียนชีวิตเหลือแค่
    การเกิดและการ ตาย
    ไม่ต้องอยู่จนถึง แก่
    หรือต้องเจ็บ จนถึงตาย


    Ps... เมื่อนั้น ก็หมายถึง บทเริ่มต้นแห่งการหลุดพ้นจากการเป็นมนุษย์ ...





    ขอบคุณบทความจากทำดีดอทเน็ต(ธัมมทินทร์)

    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
     

แชร์หน้านี้

Loading...