บทสวดมนต์ ภาษาอังกฤษ (CHANTING BOOK FOR BUDDHA)

ในห้อง 'บทสวดมนต์ - คาถา' ตั้งกระทู้โดย viphard, 30 มีนาคม 2013.

  1. viphard

    viphard เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2010
    โพสต์:
    951
    ค่าพลัง:
    +1,877
    [​IMG]
    สมเด็จองค์ปฐมวัดท่าซุง​
    Daily Chanting Book
    Blessing Chanting Book
    Caturarakkha
    Mettabhavana
    Mettabhavana-2
    Narasihagatha
    Aggasavika Bhikkhuni
    Namakkarapali

    นนัสการพระรัตนตรัย (Ratanattaya Vandana) – Salutation to the Triple Gem

    นมัสการพระพุทธเจ้า (Buddhābhivādanā) – Homage to the Buddha

    นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมา สัมพุทธัสสะ (3 จบ)
    (ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคเจ้า พระองค์นั้น ซึ่งเป็นผู้ไกลจากกิเลส ตรัสรู้ชอบได้โดยพระองค์เอง)

    Namo Tassa Bhagavato Arahato Sammā Sambuddhassa (repeat three times)

    Homage to the Blessed One, the Worthy One, the Perfectly Self-awakened One

    …………………………………………………………………………………………………….

    อะระหัง สัมมาสัมพุทโธ ภะคะวา พุทธัง ภะควันตัง อะภิวาเทมิ
    (พระผู้มีพระภาคเจ้า, เป็นพระอรหันต์ ดับเพลิงกิเลสเพลิงทุกข์สิ้นเชิง ตรัสรู้ชอบได้โดยพระองค์เอง ข้าพเจ้าอภิวาทพระผู้มีพระภาคเจ้า, ผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน)
    Araham sammā-sambuddho bhagavā Buddham bhagavantam abhivādemi
    The Lord, the Perfectly Enlightened and Blessed One, I pay homage to the Buddha, the Awakened One, the Blessed One.


    กราบ (prostrate once)

    สวากขาโต ภะคะวะตา ธัมโม ธัมมัง นะมัสสามิ
    (พระธรรม เป็นธรรมที่พระผู้มีพระภาคเจ้า, ตรัสไว้ดีแล้ว ข้าพเจ้านมัสการพระธรรม)
    Svākkhāto bhagavatā dhammo Dhammam namassāmi
    The Teaching, well expounded by the Blessed One, I pay homage to the Dhamma.


    กราบ (prostrate once)

    สุปะฏิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ สังฆัง นะมามิ
    (พระสงฆ์สาวกของพระผู้มีพระภาคเจ้า, ปฏิบัติดีแล้ว ข้าพเจ้านอบน้อมพระสงฆ์)
    Supatipanno bhagavato sāvakasańgho Sańgham namāmi
    The Sangha, the Blessed One's disciples have practiced well, I pay homage to the Sangha.


    กราบ (prostrate once)
    …………………………………………………………………………………………..

    ไตรสรณคมน์ (Tisarana) - The Three Refuges usually recited prior the Five Precepts.


    พุทธัง สะระณัง คัจฉามิ - (ข้าพเจ้าขอถือเอา พระพุทธ เป็นที่พึ่งที่ระลึก)
    Buddham saranam gacchami - I go to the Buddha for refuge.

    ธัมมัง สะระณัง คัจฉามิ - (ข้าพเจ้าขอถือเอา พระธรรม เป็นที่พึ่งที่ระลึก)
    Dhammam saranam gacchami - I go to the Dhamma for refuge.

    สังฆัง สะระณัง คัจฉามิ - (ข้าพเจ้าขอถือเอา พระสงฆ์ เป็นที่พึ่งที่ระลึก)
    Sangham saranam gacchami - I go to the Sangha for refuge.


    ทุติยัมปิ พุทธัง สะระณัง คัจฉามิ - (ข้าพเจ้าขอถือเอา พระพุทธ เป็นที่พึ่งที่ระลึกเป็นครั้งที่สอง)
    Dutiyampi Buddham saranam gacchami - For a second time, I go to the Buddha for refuge.

    ทุติยัมปิ ธัมมัง สะระณัง คัจฉามิ - (ข้าพเจ้าขอถือเอา พระธรรม เป็นที่พึ่งที่ระลึกเป็นครั้งที่สอง)
    Dutiyampi Dhammam saranam gacchami - For a second time, I go to the Dhamma for refuge.

    ทุติยัมปิ สังฆัง สะระณัง คัจฉามิ - (ข้าพเจ้าขอถือเอา พระสงฆ์ เป็นที่พึ่งที่ระลึกเป็นครั้งที่สอง)
    Dutiyampi Sangham saranam gacchami - For a second time, I go to the Sangha for refuge.


    ตะติยัมปิ พุทธัง สะระณัง คัจฉามิ - (ข้าพเจ้าขอถือเอา พระพุทธ เป็นที่พึ่งที่ระลึกเป็นครั้งที่สาม)
    Tatiyampi Buddham saranam gacchami - For a third time, I go to the Buddha for refuge.

    ตะติยัมปิ ธัมมัง สะระณัง คัจฉามิ - (ข้าพเจ้าขอถือเอา พระธรรม เป็นที่พึ่งที่ระลึกเป็นครั้งที่สาม)
    Tatiyampi Dhammam saranam gacchami - For a third time, I go to the Dhamma for refuge.

    ตะติยัมปิ สังฆัง สะระณัง คัจฉามิ - (ข้าพเจ้าขอถือเอา พระสงฆ์ เป็นที่พึ่งที่ระลึกเป็นครั้งที่สาม)
    Tatiyampi Sangham saranam gacchami - For a third time, I go to the Sangha for refuge

    …………………………………………………………………………………………………..

    ศีล 5 (panca-sila) - The Five Precepts

    1. ปาณาติปาตา เวระมะณี สิกขาปะทัง สะมาทิยามิ - (เว้นจากทำลายชีวิต)
    Panatipata veramani sikkhapadam samadiyami
    I undertake the precept to refrain from destroying living beings, prohibits killing, hurting and torturing.


    2. อะทินนาทานา เวระมะณี สิกขาปะทัง สะมาทิยามิ - (เว้นจากถือเอาของที่เขามิได้ให้)
    Adinnadana veramani sikkhapadam samadiyami
    I undertake the precept to refrain from taking that which is not given, stealing, actions supporting stealing.


    3. กาเมสุมิจฉาจารา เวระมะณี สิกขาปะทัง สะมาทิยามิ - (เว้นจากประพฤติผิดในกาม)
    Kamesu micchacara veramani sikkhapadam samadiyami
    I undertake the precept to refrain from sexual misconduct, infidelity in marriage life.


    4. มุสาวาทา เวระมะณี สิกขาปะทัง สะมาทิยามิ - (เว้นจากพูดเท็จ)
    Musavada veramani sikkhapadam samadiyami
    I undertake the precept to refrain from false speech, lies.


    5. สุราเมระยะมัชชะปะมาทัฏฐานา เวระมะณี สิกขาปะทัง สะมาทิยามิ - (เว้นจากของเมา คือ สุราเมรัยอันเป็นที่ตั้งแห่งความประมาท)
    Suramerayamajja pamadatthana veramani sikkhapadam samadiyami
    I undertake the precept to refrain from intoxicating drinks and drugs which lead to carelessness.


    ……………………………………………………………………………..

    อาราธนาศีล 5 (Aradhana Tisarana PancaSila) – Request for the Three Refuges and the Five Precepts from Bhikku.

    (Individual request: change Mayam to Aham, and Yaacaama to Yaacaami)

    มะยัง ภันเต ติสะระเณนะ สะหะ ปัญจะ สีลานิ ยาจามะ
    (ข้าแต่พระสงฆ์ผู้เจริญ ข้าพเจ้าทั้งหลายขอศีล ๕ ข้อ เพื่อจะรักษาไว้ทีละข้อ พร้อมทั้งพระรัตนตรัย)

    Mayam (Aham) bhante, ti-saranena saha panca sīlāni yācāma (yācāmi).

    Venerable Sir, we (I) request the Three Refuges and the Five Precepts.
    May we (I), Venerable Sir, observe the Five Precepts together with the Three Refuges.



    ทุติยัมปิ มะยัง ภันเต ติสะระเณนะ สะหะ ปัญจะ สีลานิ ยาจามะ
    (แม้ครั้งที่สอง ข้าแต่พระสงฆ์ผู้เจริญ ข้าพเจ้าทั้งหลายขอศีล ๕ ข้อ เพื่อจะรักษาไว้ทีละข้อ พร้อมทั้งพระรัตนตรัย)

    Dutiyampi mayam bhante, ti-saranena saha panca sīlāni yācāma

    Venerable Sir, for the second time, we request the Three Refuges and the Five Precepts
    For the second time, May we, O Venerable Sir, observe the Five Precepts together with the Three Refuges.



    ตะติยัมปิ มะยัง ภันเต ติสะระเณนะ สะหะ ปัญจะ สีลานิ ยาจามะ
    (แม้ครั้งที่สาม ข้าแต่พระสงฆ์ผู้เจริญ ข้าพเจ้าทั้งหลายขอศีล ๕ ข้อ เพื่อจะรักษาไว้ที่ละข้อๆ พร้อมทั้งพระรัตนตรัย)

    Tatiyampi mayam bhante, ti-saranena saha panca sīlāni yācāma

    Venerable Sir, for the third time, we request the Three Refuges and the Five Precepts
    For the third time, May we, O Venerable Sir, observe the Five Precepts together with the Three Refuges.



    Repeat after Bhikku 3 times:

    นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ (3 จบ)
    (ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคเจ้า พระองค์นั้น ซึ่งเป็นผู้ไกลจากกิเลส ตรัสรู้ชอบได้โดยพระองค์เอง)

    Namo Tassa Bhagavato Arahato Sammā Sambuddhassa (repeat three times)

    Homage to the Blessed One, the Worthy One, the Rightly Self-Awakened One


    Repeat after Bhikku:


    พุทธัง สะระณัง คัจฉามิ - (ข้าพเจ้าขอถือเอา พระพุทธ เป็นที่พึ่งที่ระลึก)
    Buddham saranam gacchami - I go to the Buddha for refuge.

    ธัมมัง สะระณัง คัจฉามิ - (ข้าพเจ้าขอถือเอา พระธรรม เป็นที่พึ่งที่ระลึก)
    Dhammam saranam gacchami - I go to the Dhamma for refuge.

    สังฆัง สะระณัง คัจฉามิ - (ข้าพเจ้าขอถือเอา พระสงฆ์ เป็นที่พึ่งที่ระลึก)
    Sangham saranam gacchami - I go to the Sangha for refuge.


    ทุติยัมปิ พุทธัง สะระณัง คัจฉามิ - (ข้าพเจ้าขอถือเอา พระพุทธ เป็นที่พึ่งที่ระลึกเป็นครั้งที่สอง)
    Dutiyampi Buddham saranam gacchami - For a second time, I go to the Buddha for refuge.

    ทุติยัมปิ ธัมมัง สะระณัง คัจฉามิ - (ข้าพเจ้าขอถือเอา พระธรรม เป็นที่พึ่งที่ระลึกเป็นครั้งที่สอง)
    Dutiyampi Dhammam saranam gacchami - For a second time, I go to the Dhamma for refuge.

    ทุติยัมปิ สังฆัง สะระณัง คัจฉามิ - (ข้าพเจ้าขอถือเอา พระสงฆ์ เป็นที่พึ่งที่ระลึกเป็นครั้งที่สอง)
    Dutiyampi Sangham saranam gacchami - For a second time, I go to the Sangha for refuge.


    ตะติยัมปิ พุทธัง สะระณัง คัจฉามิ - (ข้าพเจ้าขอถือเอา พระพุทธ เป็นที่พึ่งที่ระลึกเป็นครั้งที่สาม)
    Tatiyampi Buddham saranam gacchami - For a third time, I go to the Buddha for refuge.

    ตะติยัมปิ ธัมมัง สะระณัง คัจฉามิ - (ข้าพเจ้าขอถือเอา พระธรรม เป็นที่พึ่งที่ระลึกเป็นครั้งที่สาม)
    Tatiyampi Dhammam saranam gacchami - For a third time, I go to the Dhamma for refuge.

    ตะติยัมปิ สังฆัง สะระณัง คัจฉามิ - (ข้าพเจ้าขอถือเอา พระสงฆ์ เป็นที่พึ่งที่ระลึกเป็นครั้งที่สาม)
    Tatiyampi Sangham saranam gacchami - For a third time, I go to the Sangha for refuge


    Bhikku:

    ติสะระณะคะมะนัง นิฏฐิตัง
    Ti-sarana-gamanam nitthitam. - This ends the going for refuge.

    All:

    อามะ ภันเต
    Āma bhante. - Yes, Venerable Sir.

    ……………………………………………………………………………………………………………

    คำสมาทานศีล 5 – Acceptance of the Five Precepts, repeat each precept after Bhikku:

    1. ปาณาติปาตา เวระมะณี สิกขาปะทัง สะมาทิยามิ

    (ข้าพเจ้าขอสมาทานสิกขาบท คือเจตนาเป็นเครื่องงดเว้นจากการฆ่า การเบียดเบียน การทำร้ายร่างกายคนและสัตว์
    แล้วมีจิตใจประกอบด้วยเมตตากรุณา มีความปรารถนาดี และสงสารเห็นอกเห็นใจผู้อื่นสัตว์อื่น)

    Pānātipātā veramanī sikkhā-padam samādiyāmi

    I undertake the training rule to refrain from taking life.



    2. อะทินนาทานา เวระมะณี สิกขาปะทัง สะมาทิยามิ

    (ข้าพเจ้าขอสมาทานสิกขาบท คือเจตนาเป็นเครื่องงดเว้นจากการถือเอาสิ่งของที่เจ้ าของไม่ได้ให้ด้วยอาการแห่งขโมยหรือโจร อันได้แก่ ลัก ฉก ชิง วิ่งราว ขู่กรรโชก ขู่เข็ญ ปล้น จี้ ตู่ ฉ้อโกง หลอก ลวง ปลอม ตระบัด เบียดบัง สับเปลี่ยน ลักลอบ ยักยอก และรับสินบน
    แล้วเป็นผู้มีความขยันประกอบสัมมาชีพ บริจาคทาน และเคารพในกรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินของผู้อื่น)

    Adinnādānā veramanī sikkhā-padam samādiyāmi

    I undertake the training rule to refrain from stealing.



    3. กาเมสุ มิจฉาจารา เวระมะณี สิกขาปะทัง สะมาทิยามิ

    (ข้าพเจ้าสมาทานซึ่งสิกขาบท คือ เจตนาเป็นเครื่องงดเว้น เว้นจากการประพฤติผิดในกาม)

    Kāmesu micchācārā veramanī sikkhā-padam samādiyāmi

    I undertake the training rule to refrain from sexual misconduct.



    4. มุสาวาทา เวระมะณี สิกขาปะทัง สะมาทิยามิ

    (ข้าพเจ้าสมาทานซึ่งสิกขาบท คือ เจตนาเป็นเครื่องงดเว้นจากมุสาวาท เว้นจากการพูดเท็จ คำไม่เป็นจริง และคำล่อลวง อำพรางผู้อื่น)

    Musāvādā veramanī sikkhā-padam samādiyāmi

    I undertake the training rule to refrain from telling lies.



    5. สุราเมระยะมัชชะปะมาทัฏฐานา เวระมะณี สิกขาปะทัง สะมาทิยามิ

    (ข้าพเจ้าขอสมาทานสิกขาบท คือเจตนาเป็นเครื่องงดเว้นจากการดื่มน้ำเมาอันเป็นที ่ตั้งแห่งความประมาท อันได้แก่ น้ำสุรา เมรัย เครื่องดื่มมึนเมาอื่น ๆ และการเสพยาเสพติดอื่นๆ เช่น ฝิ่น เฮโรอีน กัญชา ยาบ้า ฯลฯ)

    Surā-meraya-majja-pamādatthānā veramanī sikkhā-padam samādiyāmi

    I undertake the training rule to refrain from intoxicating liquors and drugs that lead to carelessness.


    Bhikku:


    อิมานิ ปัญจะสิกขาปะทานิ
    Imāni panca sikkhā-padāni: - These are the five training rules.

    สีเลนะ สุคะติง ยันติ – (ศีล นั้นจักเป็นเหตุให้ถึงความสุข)
    Sīlena sugatim yanti. - Through Precepts people go for happiness.

    สีเลนะ โภคะสัมปะทา - (ศีล นั้นจักเป็นเหตุให้ได้มาซึ่ง โภคทรัพย์)
    Sīlena bhoga-sampadā. - Through Precepts people go for good fortune.

    สีเลนะ นิพพุติง ยันติ - (และศีลนั้นยัง จะเป็นเหตุให้ได้ไปถึง นิพพาน คือความดับเย็นจากกิเลศ เครื่องเศร้าหมอง ทั้งปวง)
    Sīlena nibbutim yanti. - Through Precepts people attain the extinction of passion.

    ตัสฺมา สีลัง วิโสธะเย - (ศีล จึงเป็นสิ่งที่วิเศษนักที่เธอทั้งหลายพึงยึดถือเป็นห ลัก ประจำชีวิต ประจำจิตใจ ปฏิบัติ ให้ได้ ดังนี้ แล)
    Tasmā sīlam visodhaye. - Therefore let they purify their Precepts.


    All:

    สาธุ ภันเต
    Sadhu bhante - Well said, Venerable sir

    กราบ 3 ครั้ง (prostrate 3 times)

    ที่มานะครับ ขออนุโมทนาบุญ เป็นอย่างสูงด้วยครับ : http://www.thailandqa.com/forum/showthread.php?32134-Chanting-Pali-Thai-English-and-translation
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 12 เมษายน 2013
  2. viphard

    viphard เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2010
    โพสต์:
    951
    ค่าพลัง:
    +1,877
    บทสวดมนต์ ภาษาอังกฤษ : บทสรรเสริญพระพุทธคุณ พระธรรมคุณ และพระสังฆคุณ (บทอิติปิโส – Itipiso)

    [​IMG]
    พระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร ​

    บทสรรเสริญพระพุทธคุณ พระธรรมคุณ และพระสังฆคุณ (บทอิติปิโส – Itipiso)
    Recollection of the Buddha, the Dhamma, and the Sangha

    บทสรรเสริญ พระพุทธคุณ (พุทธานุสติ) – Recollection of the Buddha
    เป็นการสวดเพื่อระลึกถึงพระคุณของพระพุทธเจ้า 9 ประการ – 9 Attributes of the Buddha

    นมัสการพระพุทธเจ้า (Buddhābhivādanā) – Homage to the Buddha

    นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมา สัมพุทธัสสะ (3 จบ)
    (ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคเจ้า พระองค์นั้น ซึ่งเป็นผู้ไกลจากกิเลส ตรัสรู้ชอบได้โดยพระองค์เอง)

    Namo Tassa Bhagavato Arahato Sammā Sambuddhassa (repeat three times)

    Homage to the Blessed One, the Worthy One, the Perfectly Self-awakened One


    อิติปิ โส ภะคะวา - (เพราะเหตุอย่างนี้ พระผู้มีพระภาคเจ้านั้น)
    Itipiso bhagavā - He is the Blessed One,

    1. อะระหัง - (เป็นผู้ไกลจากกิเลส)
    araham - a Worthy One, a person whose mind is free from all defilements,

    2. สัมมาสัมพุทโธ - (เป็นผู้ตรัสรู้ชอบโดยพระองค์เอง)
    sammā-sambuddho - the Perfectly Self-awakened One,

    3. วิชชาจะระณะสัมปันโน - (เป็นผู้ถึงพร้อมด้วยวิชชา - ความรู้แจ้ง และจรณะ - ความประพฤติดี)
    Vijjā-carana-sampanno - impeccable in knowledge and conduct, accomplished in the conduct leading to awareness or cognitive skill,

    4. สุคะโต - (เป็นผู้ไปแล้วด้วยดี)
    Sugato - well-being, going (or gone) to a good destination, the Accomplished One,

    5. โลกะวิทู - (เป็นผู้รู้โลกอย่างแจ่มแจ้ง)
    Lokavidū - the Knower of the Worlds,

    6. อะนุตตะโร ปุริสสะธัมมะสาระถิ - (เป็นผู้สามารถฝึกบุรุษที่สมควรฝึกได้ อย่างไม่มีใครยิ่งกว่า)
    Anuttaro purisa-damma-sārathi – the Supreme Trainer of those wishing to be trained,

    7. สัตถาเทวะมนุสสานัง - (เป็นครูผู้สอนของเทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย)
    satthā deva-manussānam - the Teacher of divine and human beings,

    8. พุทโธ - (เป็นผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบานด้วยธรรม)
    Buddho - the Awakened One, Enlightened and Holy,

    9. ภะคะวาติ. - (เป็นผู้มีความเจริญจำแนกธรรมสั่งสอนสัตว์ ดังนี้)
    Bhagavāti – the Blessed One.

    กราบ (prostrate once)


    บทสรรเสริญ พระธรรมคุณ (ธัมมานุสติ) – Recollection of the Dhamma (Doctrine)
    เป็นการสวดเพื่อระลึกถึงคุณของพระธรรม 6 ประการ – 6 Attributes of Dhamma

    1. สวากขาโต ภะคะวา ธัมโม - (พระธรรม เป็นสิ่งที่พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสไว้ดีแล้ว)
    Svākkhāto bhagavatā dhammo - Dhamma is well expounded by the Blessed One,

    2. สันทิฏฐิโก - (เป็นสิ่งที่ผู้ศึกษาและปฏิบัติ พึงเห็นได้ด้วยตนเอง)
    Sanditthiko - self-evident, immediately apparent, immanent here and now,

    3. อะกาลิโก - (เป็นสิ่งที่ปฏิบัติได้ และให้ผลได้ไม่จำกัดกาล)
    akāliko – timeless, unconditioned by time or season,

    4. เอหิปัสสิโก - (เป็นสิ่งที่ควรกล่าวแก่ผู้อื่นว่าท่านจงมาดูเถิด)
    Ehipassiko - inviting everybody to come and see to experience results of the Teachings,

    5. โอปะนะยิโก - (เป็นสิ่งที่ควรน้อมเข้ามาใส่ตัว)
    Opanayiko - leading inwards, peace within mind, to Nippana

    6. ปัจจัตตัง เวทิตัพโพ วิญญูหีติ - (เป็นสิ่งที่ผู้รู้ พึงรู้ได้เฉพาะตน ดังนี้ ฯ)
    paccattam veditabbo vinnuhiti - can be attained individually by the wise.

    กราบ (prostrate once)


    บทสรรเสริญ พระสังฆคุณ (สังฆานุสติ) – Recollection of the Sangha
    เป็นการสวดเพื่อระลึกถึงคุณของพระอริยสงฆ์ 9 ประการ – 9 Attributes of the Sangha

    1. สุปะฏิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ - (สงฆ์สาวกของพระผู้มีพระภาคเจ้าหมู่ใด ปฏิบัติดีแล้ว)
    Supatipanno bhagavato sāvaka-sangho,
    The Sangha, the Blessed One's disciples who have practiced well,


    2. อุชุปฏิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ - (สงฆ์สาวกของพระผู้มีพระภาคเจ้าหมู่ใด ปฏิบัติตรงแล้ว)
    Uju-patipanno bhagavato sāvaka-sangho,
    The Sangha, the Blessed One's disciples who have practiced straight,


    3. ญายะปฎิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ - (สงฆ์สาวกของพระผู้มีพระภาคเจ้าหมู่ใด ปฏิบัติเพื่อรู้ธรรมเป็นเครื่องออกจากทุกข์แล้ว)
    Nāya-patipanno bhagavato sāvaka-sangho,
    The Sangha, the Blessed One's disciples who have practiced insightfully,


    4. สามีจิปฎิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ - (สงฆ์สาวกของพระผู้มีพระภาคเจ้าหมู่ใด ปฏิบัติสมควรแล้ว)
    Sāmīci-patipanno bhagavato sāvaka-sangho,
    The Sangha, the Blessed One's disciples who have practiced with integrity,


    ยะทิทัง - (ได้แก่บุคคลเหล่านี้ คือ)
    Yadidam - That is

    จัตตาริ ปุริสสะ ยุคานิ อัฏฐะ ปุริสะปุคคะลา - (คู่แห่งบุรุษสี่คู่ นับเรียงตัวได้แปดบุรุษ - อริยบุคคล 8)
    บุรุษ หมายถึง ผู้ฟังและปฏิบัติตามคำสอนของพระพุทธเจ้าจนสามารถละกิ เลสเป็นพระอริยบุคคลชั้นใดชั้นหนึ่งใน 8 ชั้น หรือ 4 คู่ คือ
    โสดาปัตติมรรค – โสดาปัตติผล,
    สกทาคามิมรรค - สกทาคามิผล,
    อนาคามิมรรค - อนาคามิผล,
    อรหัตตมรรค - อรหัตตผล

    cattāri purisa-yugāni attha purisa-puggalā:
    The four pairs, the eight kinds of noble beings;
    sotapanna (stream-enterer) - (1) the path to stream-entry; (2) the fruition of stream-entry
    sakadakami (once-returner) - (3) the path to once-returning ; (4) the fruition of once-returning
    anagami (non-returner) - (5) the path to non-returning ; (6) the fruition of non-returning
    arahant (worthy one) - (7) the path to arahantship ; (8) the fruition of arahantship


    เอสะ ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ - (นั่นแหละ สงฆ์สาวกของพระผู้มีพระภาคเจ้า)
    Esa bhagavato sāvaka-sangho — these are the Blessed One's disciples, the Sangha,

    5. อาหุเนยโย - (เป็นผู้ควรแก่สักการะที่เขานำมาบูชา)
    Āhuneyyo - worthy of gifts,

    6. ปาหุเนยโย - (เป็นผู้ควรแก่สักการะที่จัดไว้ต้อนรับ)
    Pāhuneyyo - worthy of hospitality,

    7. ทักขิเนยโย - (เป็นผู้ควรรับทักษิณาทาน)
    Dakkhineyyo - worthy of offerings,

    8. อัญชะลีกะระนีโย - (เป็นผู้ที่บุคคลทั่วไปควรทำอัญชลี)
    Anjali-karanīyo - worthy of respect,

    9.อะนุตตะรัง ปุญญะเขตตัง โลกัสสาติ – (เป็นเนื้อนาบุญของโลก ไม่มีนาบุญอื่นยิ่งกว่า ดังนี้)
    Anuttaram punnakkhettam lokassāti. - the supreme field of merit for the world.

    กราบ (prostrate once)

    บทสวดมนต์ ภาษาอังกฤษ : (CHANTING BOOK FOR BUDDHA)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 11 เมษายน 2013
  3. viphard

    viphard เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2010
    โพสต์:
    951
    ค่าพลัง:
    +1,877
    บทสวดมนต์ ภาษาอังกฤษ : พุทธชัยมงคลคาถา or บทพาหุง (Bahum) - . Jayamangala Gāthā (the eight victories and blessing)

    [​IMG]
    พระพุทธนิมิตรวิชิตมารโมลีศรีสรรเพชญ์บรมไตรโลกนาถ วัดหน้าพระเมรุ​
    พุทธชัยมงคลคาถา or บทพาหุง (Bahum) - . Jayamangala Gāthā (the eight victories and blessing)

    Chant for others, change ‘me (เม) – I’ to ‘te (เต) – You’

    1. พาหุง สะหัส สะมะภินิมมิตะสาวุธันตัง
    Bāhung sahassa mabhi nimmita sāvu dhantang
    ครีเมขะลัง อุทิตะโฆ ระสะเสนะมารัง
    Gīri mekhalang udita ghora sasena mārang
    ทานาทิธัมมะวิธินา ชิตะวา มุนินโท
    Dānādi-dhammavidhinā jitavā munindo
    ตันเตชะสา ภะวะตุ เม (เต) ชะยะมังคลานิฯ
    Tang tejasā bhavatu me (te) jaya mangalāni

    ด้วยเดชานุภาพของสัมมาสัมพุทธเจ้า ผู้เป็นจอมมุนี (นักปราชญ์, ฤษี, พระสงฆ์) ได้ทรงชนะพระยามารผู้ซึ่งเนรมิตแขนมากตั้งพัน ถืออาวุธครบมือ ขี่ช้างครีเมขละ มาพร้อมกับเหล่าเสนามารซึ่งโห่ร้องกึกก้อง ด้วยธรรมวิธีอธิษฐานถึงทานบารมี เป็นต้นนั้น

    Mara, the devil, creating form of thousand arms with weapon, on the elephant named ‘Girimekhala’, together with his evil troops roared frightfully.

    By the power of the Buddha, the Lord of Munis (sage, ascetic, Buddhist preist) conquered Mara by a perfection of generosity (dana) and so on.

    ขอชัยมงคลทั้งหลายจงมีแด่ข้าพเจ้า ด้วยเดชแห่งพระพุทธชัยมงคลนั้นเถิดฯ
    By the power of glorious triumph, may the victory blessings be mine.


    2. มาราติเรกะมะภิยุชฌิตะ สัพพะรัตติง
    Mārāti reka mabhi yujjhita sabba ratting
    โฆรัมปะนา ฬะวะกะมักขะ มะถัทธะยักขัง
    Ghorang panā-lavaka makkha mathaddha yakkhang
    ขันตีสุทันตะวิธินา ชิตะวา มุนินโท
    Khantī sudanta vidhinā jitavā Munindo
    ตันเตชะสา ภะวะตุ เม ชะยะมังคะลานิฯ
    Tang tejasā bhavatu me (te) jaya mangalāni

    ด้วยเดชานุภาพของสัมมาสัมพุทธเจ้า ผู้เป็นจอมมุนี ได้เอาชนะยักษ์ชื่อ อาฬวกะ ผู้มีจิตหยาบกระด้าง ผู้ไม่มีความอดทน มีความพิลึกน่ากลัวกว่าพระยามาร ซึ่งได้เข้ามาต่อสู้อย่างยิ่งยวดจนตลอดคืนยันรุ่ง ด้วยวิธีทรมานอันดี คือ ขันติ ความอดทน

    The yaksa or demon named ‘Alavaka’, obstinate, arrogant, impatient, and more frightening than Mara, battled with the Buddha whole night.

    By the power of the Buddha, the Lord of Munis conquered the yaksa by his patience (khanti).

    ขอชัยมงคลทั้งหลายจงมีแด่ข้าพเจ้า ด้วยเดชแห่งพระพุทธชัยมงคลนั้นเถิดฯ
    By the power of glorious triumph, may the victory blessings be mine.


    3. นาฬาคิริง คะชะวะรัง อะติมัตตะภูตัง
    Nālāgiring gaja varang ati matta bhūtang
    ทาวัคคิจักกะมะสะนีวะ สุทารุณันตัง
    Dāvaggi cakka masanīva sudāru nantang
    เมตตัมพุเสกะวิธินา ชิตะวา มุนินโท
    Mettambu seka vidhinā jitavā Munindo
    ตันเตชะสา ภะวะตุ เม ชะยะมังคะลานิฯ
    Tang tejasā bhavatu me jaya mangalāni

    ด้วยเดชานุภาพของสัมมาสัมพุทธเจ้า ผู้เป็นจอมมุนี ได้เอาชนะช้างตัวประเสริฐ ชื่อ นาฬาคิรี ที่กำลังเมามันยิ่งนัก และแสนจะดุร้าย ประดุจไฟป่าและจักราวุธและสายฟ้า ด้วยวิธีรดลงด้วยน้ำ คือ ความมีพระทัยเมตตา

    The elephant named ‘Nalagiri’, maddened, very cruel like a forest fire, a wheeled-weapon, and a thunderbolt.

    By the power of the Buddha, the Lord of Munis conquered the elephant by metta (good will, loving kindness).

    ขอชัยมงคลทั้งหลายจงมีแด่ข้าพเจ้า ด้วยเดชแห่งพระพุทธชัยมงคลนั้นเถิดฯ
    By the power of glorious triumph, may the victory blessings be mine.


    4. อุกขิตตะขัคคคะมะติหัตถะสุทารุณันตัง
    Ukkhitta khagga matihattha sudāru nantang
    ธาวันติโยชะนะปะถัง คุลิมาละวันตัง
    Dhāvang ti yojana pathangulimāla vantang
    อิทธีภิสังขะตะมะโน ชิตะวา มุนินโท
    Iddhībhi sankhata mano jitavā Munindo
    ตันเตชะสา ภะวะตุ เม ชะยะมังคะลานิฯ
    Tang tejasā bhavatu me jaya mangalāni

    ด้วยเดชานุภาพของสัมมาสัมพุทธเจ้า ผู้เป็นจอมมุนี ทรงแสดงอิทธิฤทธิ์ปาฏิหารย์ จึงได้เอาชนะโจรชื่อ องคุลิมาล ผู้แสนจะดุร้าย มีฝีมือ ถือดาบวิ่งไล่พระองค์ไปสิ้นระยะทาง ๓ โยชน์

    The bandit named ‘Angulimala’, very cruel, with his sword, ran towards the Buddha for a distance of 3 yojanas.

    By the power of the Buddha, the Lord of Munis conquered the bandit by mind marvel through supernatural powers.

    ขอชัยมงคลทั้งหลายจงมีแด่ข้าพเจ้า ด้วยเดชแห่งพระพุทธชัยมงคลนั้นเถิดฯ
    By the power of glorious triumph, may the victory blessings be mine.


    5. กัตวานะ กัฏฐะมุทะรัง อิวะ คัพภินียา
    Katvāna kattha mudarang iva gabbhi nīyā
    จิญจายะ ทุฎฐะวะจะนัง ชะนะกายะมัชเฌ
    Cincāya duttha vacanang janakāya majjhe
    สันเตนะ โสมะวิธินา ชิตะวา มุนินโท
    Santena somavidhinā jitavā munindo
    ตันเตชะสา ภะวะตุ เม ชะยะมังคะลานิฯ
    Tang tejasā bhavatu me jaya mangalāni

    ด้วยเดชานุภาพของสัมมาสัมพุทธเจ้า ผู้เป็นจอมมุนี ได้เอาชนะคำกล่าวใส่ร้ายของ นางจิญจมาณวิกา ซึ่งทำอาการเหมือนดั่งตั้งครรภ์ เพราะเอาท่อนไม้กลมผูกไว้ที่หน้าท้อง ด้วยวิธีทรงสมาธิอันงาม คือ ความกระทำพระทัยให้ตั้งมั่นนิ่งเฉย ในท่ามกลางหมู่ชน

    The woman named ‘Cinca’ who tied her belly with round wood, acted like a pregnant woman and made foul accusation with harsh words towards the Buddha in the midst of people.

    By the power of the Buddha, the Lord of Munis conquered the false accusation of this woman by serene and peaceful mean.

    ขอชัยมงคลทั้งหลายจงมีแด่ข้าพเจ้า ด้วยเดชแห่งพระพุทธชัยมงคลนั้นเถิดฯ
    By the power of glorious triumph, may the victory blessings be mine.


    6. สัจจัง วิหายะ มะติสัจจะกะวาทะเกตุง
    Saccang vihāya matisaccaka vāda ketung
    วาทาภิโรปิตะมะนัง อะติอันธะภูตัง
    Vādā bhiropita manang ati andha-bhūtang
    ปัญญาปะทีปะชะลิโต ชิตะวา มุนินโท
    Pannā padīpa jalito jitavā Munindo
    ตันเตชะสา ภะวะตุ เม ชะยะมังคะลานิฯ
    Tang tejasā bhavatu me jaya mangalāni

    ด้วยเดชานุภาพของสัมมาสัมพุทธเจ้า ผู้เป็นจอมมุนี ผู้รุ่งเรืองด้วยแสงสว่าง คือ ปัญญา ได้เอาชนะ สัจจกะนิครนถ์ ผู้มีความคิดมุ่งหมายในอันจะละทิ้งความสัตย์ มีใจคิดจะยกถ้อยคำของตนให้สูงประดุจยกธง มีนิสัยตลบตะแลง มีสันดานโอ้อวด มีใจมืดมนยิ่งนัก ด้วยการแสดงเทศนาให้ถูกใจ

    Saccaka who ignored the truth, pretended to be a learner, delighted in argument with his mind completely blind.

    By the power of the Buddha, the Lord of Munis conquered the debater by the wisdom, the light of discernment.

    ขอชัยมงคลทั้งหลายจงมีแด่ข้าพเจ้า ด้วยเดชแห่งพระพุทธชัยมงคลนั้นเถิดฯ
    By the power of glorious triumph, may the victory blessings be mine.


    7. นันโทปะนันทะภุชะคัง วิพุธัง มะหิทธิง
    Nano-pananda bhujagang vibudhang mahiddhing
    ปุตเตนะ เถระภุชะเคนะ ทะมาปะยันโต
    Puttena thera bhujagena damapayanto
    อิทธูปะเทสะวิธีนา ชิตะวา มุนินโท
    Iddhūpadesa vidhinā jitavā Munindo
    ตันเตชะสา ภะวะตุ เม ชะยะมังคะลานิฯ
    Tang tejasā bhavatu me jaya mangalāni

    ด้วยเดชานุภาพของสัมมาสัมพุทธเจ้า ผู้เป็นจอมมุนี ได้เอาชนะพญานาคราช ชื่อ นันโทปนันทะ ผู้มีความรู้ผิด มีฤทธิ์มาก ด้วยวิธีโปรดให้พระโมคคัลลานเถระพุทธชิโนรส แสดงฤทธิ์เนรมิตกายเป็นนาคราช ไปทรมานพญานาค ชื่อ นันโทปนันทะ นั้น

    The king of nagas named ‘Nandopananda’, powerful serpent with wrong views.

    By the power of the Buddha, the Lord of Munis conquered the naga by sending Moggallana to tame this serpent through psychic powers.

    ขอชัยมงคลทั้งหลายจงมีแด่ข้าพเจ้า ด้วยเดชแห่งพระพุทธชัยมงคลนั้นเถิดฯ
    By the power of glorious triumph, may the victory blessings be mine.


    8. ทุคคาหะทิฏฐิภุชะเคนะ สุทัฏฐะหัตถัง
    Duggāha ditthi bhujagena sudattha hatthang
    พรัหมัง วิสุทธิชุติมิทะพะกาภิธานัง
    Brahmang visuddhi juti middha bakā bhidhānang
    ญาณาคะเทนะ วิธินา ชิตะวา มุนินโท
    Nānā gadena vidhinā jitavā Munindo
    ตันเตชะสา ภะวะตุ เม ชะยะมังคะลานิ
    Tang tejasā bhavatu me jaya mangalāni

    ด้วยเดชานุภาพของสัมมาสัมพุทธเจ้า ผู้เป็นจอมมุนี ได้เอาชนะพระพรหมผู้มีนามว่า ท้าวผกาพรหม ผู้มีฤทธิ์ คิดว่าตนเป็นผู้รุ่งเรืองด้วยคุณอันบริสุทธิ์ ผู้ถูกพญานาครัดมือไว้แน่น เพราะมีจิตคิดถือเอาความเห็นผิด ด้วยวิธีวางยา คือ ทรงแสดงเทศนาให้ถูกใจ

    The powerful brahma named ‘Baka’, thought of himself as pure, delight one, his hands tied tightly by serpent because of wrong views.

    By the power of the Buddha, the Lord of Munis conquered this brahma by his words of knowledge.

    ขอชัยมงคลทั้งหลายจงมีแด่ข้าพเจ้า ด้วยเดชแห่งพระพุทธชัยมงคลนั้นเถิดฯ
    By the power of glorious triumph, may the victory blessings be mine.


    เอตาปิ พุทธะชะยะมังคะละอัฏฐะคาถา
    Etā pi Buddha jaya mangala attha gāthā
    โย วาจะโน ทินะทิเน สะระเต มะตันที
    Yo vācano dina dine sarate matandi
    หิตวานะเนกะวิวิธานิ จุปัททะวานิ
    Hitvāna neka vividhāni c’upaddavāni
    โมกขัง สุขัง อะธิคะมยยะ นะโร สะปัญโญ ฯ
    Mokkhang sukhang adhi gameyya naro sapanno

    บุคคลใดมีปัญญา ไม่เกียจคร้าน สวดและระลึกถึงพระพุทธชัยมงคล ๘ คาถาเหล่านี้ทุกๆ วัน บุคคลนั้นจะพึงละความจัญไรอันตรายทั้งหลายทุกอย่างเส ียได้ และเข้าถึงความหลุดพ้น คือ พระนิพพานอันบรมสุข นั้นแลฯ

    The wise one, without laziness, recites and recollects these eight auspicious victories every day, all kinds of misfortunes, obstacles, and dangers will be destroyed, and will attain the bliss of Nibbana.
    ………………………………………………….
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 11 เมษายน 2013
  4. viphard

    viphard เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2010
    โพสต์:
    951
    ค่าพลัง:
    +1,877
    บทสวดมนต์ ภาษาอังกฤษ : บทมหากา (มหาการุณิโก) Jaya Gāthā (victory protection)

    [​IMG]
    พระพุทธชินราช วัดพระศรีมหาธาตุวรมหาวิหาร​

    After reciting the verses of Jayamangala Gāthā, always followed by Jaya Gāthā (victory protection) or บทมหากา (มหาการุณิโก)

    มหาการุณิโก นาโถ - สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระผู้ทรงเป็นที่พึ่งของสรรพสัตว์ทรงประกอบด้วยพระมห ากรุณา
    Mahā kāruniko nātho – the Buddha, the refuge of all beings, with great compassion

    หิตายะ สัพพะปาณินัง ปูเรตวา ปาระมี สัพพา - ทรงบำเพ็ญพระบารมีทั้งปวง เพื่อประโยชน์เกื้อกูลแก่สรรพสัตว์
    hitāya sabba pāninang pūretvā pārami sabbā – He fulfilled all the perfections for the welfare of all beings,

    ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง – ถึงแล้วซึ่งความตรัสรู้อันอุดม
    patto sambodhi muttamang – He attained the enlightenment,

    เอเตนะ สัจจะวัชเชนะ - ด้วยการกล่าวคำสัตย์นี้
    Etena sacca vajena – by saying of this truth,

    โหตุ เม (เต) ชะยะมังคะลังฯ - ขอชัยมงคลจงมีแด่ข้าพเจ้า (ท่าน)
    hotu me (te) jaya mangalang – may all victory blessings be mine (you).

    ชะยันโต โพธิยา มูเล สักยานัง นันทิวัฑฒะโน
    Jayanto bodhiyā mūle sakyānang nandi vaddhana
    เอวัง ตะวัง วิชะโย โหหิ ชะยัสสุ ชะยะมังคะเล
    Evang tvang vijayo hohi jayassu jaya mangale
    อะปะราชิตะปัลลังเก สีเส ปะฐะวิโปกขะเร
    Aparā jita pallanke sīse patha vipokkhare
    อะภิเสเก สัพพะ พุทธานัง อัคคัปปัตโต ปะโมทะติฯ
    Abiseke sabba buddhānang aggappatto pamodati

    ขอข้าพเจ้าจงมีชัยชนะในชัยมงคลพิธี ดุจพระจอมมุนีทรงมีชัยชนะมาร ณ โคนต้นมหาโพธิ์ ทรงถึงความเป็นเลิศยอดเยี่ยม ทรงปีติปราโมทย์อยู่เหนืออชิตบัลลังก์อันสูงสุด ณ โบกขรปฐพี (โบกขร – ใบบัว or lotus leaf, ปฐพี – ดิน, โลก or ground, earth) ทรงเพิ่มพูนความยินดีแก่เหล่าประยูรญาติศากยวงศฉะนั้ น

    The victory, defeating Mara at the foot of the Bodhi tree, he attained the accomplished one, rejoiced above the highest throne at the lotus leaf of the world, increased delight of the Sakyans, may all victory blessings be mine.


    สุนักขัตตัง สุมังคะลัง - เวลาที่ประพฤติชอบชื่อว่า ฤกษ์ดี มงคลดี
    Sunak khattang sumangalang – the time of good deeds: auspicious time
    สุปะภาตัง สุหุฏฐิตัง - สว่างดี รุ่งดี
    Supa-bhātang suhut-thitang – bright, lucky dawn
    สุขะโณ สุมุหุตโต จะ - และขณะดี ครู่ดี
    Sukhano sumuhutto ca – and lucky moment
    สุยิฏฐัง พรัหมะ จาริสุ - บูชาดีแล้วในพรหมจารีบุคคลทั้งหลาย
    Suyitthang brahmma cārīsu – right worship
    ปะทักขิณัง กายะกัมมัง - กายกรรมอันเป็นกุศล
    Padak-khinang kāya kammang – auspicious bodily acts
    วาจากัมมัง ปะทักขิณัง - วจีกรรมอันเป็นกุศล
    Vācā kammang padak-khinang – auspicious speech
    ปะทักขิณัง มโนกัมมัง - มโนกรรมอันเป็นกุศล
    Padak-khinang mano kammang – auspicious mind
    ปะณิธี เต ปะทักขิณา - ความปรารถนาดีอันเป็นกุศล
    Panidhī te padak-khinā – auspicious intentions
    ปะทักขิณานิ กัตวานะ - ผู้ได้ประพฤติกรรมอันเป็นกุศล
    Padak-khināni katvāna – for those who perform auspicious deeds
    ละภันตัตเถ ปะทักขิเณ - ย่อมประสบประโยชน์และความสุข
    Labhang-tatthe pada-khine – always obtain benefits and happiness.

    ภะวะตุ สัพพะมังคะลัง รักขันตุ สัพพะเทวะตา สัพพะพุทธา นุภาเวนะ สะทา โสตถี ภะวันตุ เม (เต) - ขอสรรพมงคลจงมีแก่ข้าพเจ้า ขอเหล่าเทพยดาทั้งปวงจงรักษาข้าพเจ้า ด้วยอานุภาพแห่งพระพุทธเจ้า ขอความสุขสวัสดีทั้งหลาย จงมีแก่ข้าพเจ้าทุกเมื่อ

    Bhavatu sabba mangalang-rakkhantu sabba devatā sabba Buddhānu bhāvena-sadā sotthī bhavantu me, - May all auspicious things be mine, may I (you) be protected by all devas, with the power of the Bhudda, may all blessings be mine (you).


    ภะวะตุ สัพพะมังคะลัง รักขันตุ สัพพะเทวะตา สัพพะธัมมา นุภาเวนะ สะทา โสตถี ภะวันตุ เม* - ขอสรรพมงคลจงมีแก่ข้าพเจ้า ขอเหล่าเทพยดาทั้งปวงจงรักษาข้าพเจ้า ด้วยอานุภาพแห่งพระธรรม ขอความสุขสวัสดีทั้งหลาย จงมีแก่ข้าพเจ้าทุกเมื่อ

    Bhavantu sabba mangalang-rakkhantu sabba devatā sabba Dhammānu bhāvena-sadā sotthī bhavantu me, - May all auspicious things be mine, may I be protected by all devas, with the power of the Dhamma, may all blessings be mine.


    ภะวะตุ สัพพะมังคะลัง รักขันตุ สัพพะเทวะตา สัพพะสังฆา นุภาเวนะ สะทา โสตถี ภะวันตุ เม* - ขอสรรพมงคลจงมีแก่ข้าพเจ้า ขอเหล่าเทพยดาทั้งปวงจงรักษาข้าพเจ้า ด้วยอานุภาพแห่งพระสงฆ์ ขอความสุขสวัสดีทั้งหลาย จงมีแก่ข้าพเจ้าทุกเมื่อ

    Bhavatu sabba mangalang-rakkhantu sabba devatā sabba Sanghānu bhāvena-sadā sotthī bhavantu me. - May all auspicious things be mine, may I be protected by all devas, with the power of the Sangha, may all blessings be mine.
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 11 เมษายน 2013
  5. viphard

    viphard เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2010
    โพสต์:
    951
    ค่าพลัง:
    +1,877
    บทสวดมนต์ ภาษาอังกฤษ : คาถาแผ่ส่วนกุศล (Pattidana) - Transference of Merits

    [​IMG]
    คาถาแผ่ส่วนกุศล (Pattidana) - Transference of Merits

    อิทัง เม มาตาปิตูนัง โหตุ สุขิตา โหนตุ มาตาปิตะโร
    (ขอส่วนบุญนี้จงสำเร็จแก่มารดา บิดาของข้าพเจ้า ขอให้มารดา บิดาของข้าพเจ้ามีความสุข)
    Idang me mātāpitūnang hotu sukhitā hontu mātāpitaro
    May this merit share with my parents
    , may they be happy


    อิทัง เม ญาตีนัง โหตุ สุขิตา โหนตุ ญาตะโย
    (ขอส่วนบุญนี้จงสำเร็จแก่ญาติทั้งหลายของข้าพเจ้า ขอให้ญาติทั้งหลายของข้าพเจ้ามีความสุข)
    Idang me nātinang hotu sukhitā hontu nātayo
    May this merit share with my relatives
    , may they be happy


    อิทัง เม คุรูปัชฌายาจริยานัง โหตุ สุขิตา โหนตุ คุรูปัชฌายาจริยา
    (ขอส่วนบุญนี้จงสำเร็จแก่ครูอุปัชฌาย์อาจารย์ของข้าพ เจ้า ขอให้ครูอุปัชฌาย์อาจารย์ของข้าพเจ้ามีความสุข)
    Idang me gurū-pajjhāyā cariyānang hotu sukhitā hontu gurū-pajjhāyā cariyā
    May this merit share with my teachers and preceptors
    , may they be happy


    อิทัง สัพพะเทวะตานัง โหตุ สุขิตา โหนตุ สัพเพเทวา
    (ขอส่วนบุญนี้จงสำเร็จแก่เทวดาทั้งหลายทั้งปวง ขอให้เทวดาทั้งหลายทั้งปวงมีความสุข)
    Idang sabba devānang hotu sukhitā hontu sabbe devā
    May this merit share with all divide beings
    , may they be happy


    อิทัง สัพพะเปตานัง โหตุ สุขิตา โหนตุ สัพเพ เปตา
    (ขอส่วนบุญนี้จงสำเร็จแก่เปรตทั้งหลายทั้งปวง ขอให้เปรตทั้งหลายทั้งปวงมีความสุข)
    Idang sabba petānang hotu sukhitā hontu sabbe petā
    May this merit share with all hungry ghosts
    , may they be happy


    อิทัง สัพพะเวรีนัง โหตุ สุขิตา โหนตุ สัพเพเวรี
    (ขอส่วนบุญนี้จงสำเร็จแก่เจ้ากรรมนายเวรทั้งหลายทั้ง ปวง ขอให้เจ้ากรรมนายเวรทั้งหลายทั้งปวงมีความสุข)
    Idang sabba verīnang hotu sukhitā hontu sabbe verī
    May this merit share with all enemies
    , may they be happy


    อิทัง สัพพะสัตตานัง โหตุ สุขิตา โหนตุ สัพเพ สัตตา
    (ขอส่วนบุญนี้จงสำเร็จแก่สัตว์ทั้งหลายทั้งปวง ขอให้สัตว์ทั้งหลายทั้งปวงมีความสุขทั่วหน้ากันเทอญ)
    Idang sabba sattānang hotu sukhitā hontu sabbe sattā
    May this merit share with all beings
    , may they be happy


    ………………………………………………………………………..
    บทสวดมนต์ ภาษาอังกฤษ : CHANTING BOOK FOR BUDDHA
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 11 เมษายน 2013
  6. viphard

    viphard เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2010
    โพสต์:
    951
    ค่าพลัง:
    +1,877
    บทสวดมนต์ ภาษาอังกฤษ : กรวดน้ำย่อ (Patti Dāna) - Transference of Merits to Departed Relatives

    [​IMG]
    กรวดน้ำย่อ (Patti Dāna) - Transference of Merits to Departed Relatives

    อิทัง เม ญาตินัง โหตุ สุขิตา โหนตุ ญาตะโย

    (ขอผลบุญกุศลนี้จงสำเร็จประโยชน์แก่ญาติทั้งหลายของข ้าพเจ้า ขอญาติทั้งหลายของข้าพเจ้าจงเป็นสุขเป็นสุขเถิด)

    Idam me nātinam hotu-sukhitā hontu nātayo

    May my relatives share these merits and may they be happy


    ……………………………………………………………………….

    คาถาแผ่เมตตาให้สรรพสัตว์ทั้งหลาย (Mettā bhāvanā) - spreading loving kindness to all beings

    สัพเพ สัตตา สุขี โหนตุ – (สัตว์ทั้งหลายทั้งปวง ที่เป็นเพื่อนทุกข์ เกิด แก่ เจ็บ ตาย ด้วยกันทั้งสิ้น จงเป็นสุขเป็นสุขเถิด)
    Sabbe sattā Sukhī hontu - May all beings subject to birth, aging, illness, and death, be happy.

    สัพเพ สัตตา อะเวรา โหนตุ – จงเป็นสุขเป็นสุขเถิด อย่าได้มีเวรแก่กันและกันเลย
    Sabbe sattā Averā hontu – May all beings be free from enmity, ill-will,

    สัพเพ สัตตา อัพพะยาปัชฌา โหนตุ – (จงเป็นสุขเป็นสุขเถิด อย่าได้เบียดเบียนซึ่งกันและกันเลย)
    Sabbe sattā Abbayā pajjhā hontu – May all beings be free from exploiting each other,

    สัพเพ สัตตา อะนีฆา โหนตุ – (จงเป็นสุขเป็นสุขเถิด อย่าได้มีความทุกข์กายทุกข์ใจเลย)
    Sabbe sattā Anīghā hontu – May all beings be free from physical and mental sufferings,

    สัพเพ สัตตา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุ – (จงมีความสุขกาย สุขใจ รักษาตนให้พ้นจากทุกข์ภัยทั้งสิ้นเทอญ)
    Sabbe sattā Sukhī attānang pariha-rantu - May all beings live in peace and happily, free from all sufferings and dangers.

    ………………………………………………….

    คาถาแผ่เมตตาตนเอง – loving kindness to oneself

    อะหัง สุขิโต โหมิ – (ขอให้ข้าพเจ้ามีความสุข)
    Aham Sukhito homi - May I be happy

    อะหัง นิททุกโข โหมิ – (ขอให้ข้าพเจ้าปราศจากความทุกข์)
    Aham Niddukkho homi - May I be free from sufferings,

    อะหัง อะเวโร โหมิ – (ขอให้ข้าพเจ้าปราศจากเวร)
    Aham Avero homi - May I be free from enmity,

    อะหัง อัพยาปัชโฌ โหมิ – (ขอให้ข้าพเจ้าปราศจากอุปสรรคอันตรายทั้งปวง)
    Aham Abyapajjho homi - May I be free from obstacles and dangers,

    สุขี อัตตานัง ปะริหะรามิ - (ขอให้ข้าพเจ้าจงมีความสุขกายสุขใจ รักษากายวาจาใจให้พันจากความทุกข์ภัยทั้งปวงเถิด)
    Sukhi attanam pariharami - May I live in peace and happily, free from all sufferings and dangers.
    หนังสือสวดมนต์ภาษาอังกฤษ บทสวดมนต์ภาษาอังกฤษ หนังสือสวดมนภาษาอังกฤษ บทสวดมนภาษาอังกฤษ chanting book
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 11 เมษายน 2013
  7. viphard

    viphard เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2010
    โพสต์:
    951
    ค่าพลัง:
    +1,877
    ผมก็เจอในเวบนี้หละครับ(ของดีจริงๆต้องบอกต่อครับ ไม่ได้ส่วนได้ส่วนเสียอะไรนะครับ ธรรมทานล้วนๆครับ)
    เป็นหนังสือบทสวดมนต์ภาษาอังกฤษครับ
    ท่านเจ้าของใจดีมากๆครับ เล่มจริงราคา ๓๙๙ บาท ท่านต้องการให้แจกเป็นธรรมทาน ตัวผมเองก็จัดทำไป ล๊อตนึงแล้วครับ


    รูปแบบหนังสือนะครับ เป็น VDO ครับ
    หนังสือบทสวดมนต์ภาษาอังกฤษ - YouTube


    Capture มาให้นะครับ
    [​IMG]
    [​IMG]


    ตัวผมเองและกัลยาณมิตรได้ขออนุญาติ(ได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีมากๆครับ)

    และรวบรวมปัจจัย จัดสร้าง จำนวน ๒๑๙ เล่มในวันเกิดปีนี้๒๕๕๖พอดีเลยครับ
    โมทนากับเจ้าของกระทู้ด้วยครับ
     
  8. Nirvana

    Nirvana เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กุมภาพันธ์ 2005
    โพสต์:
    8,188
    ค่าพลัง:
    +20,865
    อนุโมทนา...สาธุ ครับ

    ครบถ้วนถูกต้องทุกสระและพยัญชนะ
     
  9. viphard

    viphard เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2010
    โพสต์:
    951
    ค่าพลัง:
    +1,877
  10. viphard

    viphard เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2010
    โพสต์:
    951
    ค่าพลัง:
    +1,877
    คำอุทิศส่วนกุศล(English) Giving the merits

    อิทัง ปุญญะ ผะลัง ผลบุญใด ที่ข้าพเจ้าทั้งหลาย ได้บำเพ็ญแล้ว ณ โอกาสนี้ ข้าพเจ้าทั้งหลาย ขออุทิศส่วนกุศลนี้ ให้แก่เจ้ากรรมนายเวรทั้งหลาย ที่เคยล่วงเกินมาแล้ว แต่ชาติก่อนก็ดี ชาตินี้ก็ดี ขอเจ้ากรรมนายเวรทั้งหลาย จงโมทนาส่วนกุศลนี้ ขอจงอโหสิกรรม ให้แก่ข้าพเจ้า ตั้งแต่วันนี้ ตราบเท้าเข้าสู่พระนิพพาน

    Itang phunya palang – Those reward of good deeds or merit which we have done, in this occasion, we want to sacrifice this merit for the persons with previous deeds on each other who we have been offended from previous life, on this secular. Please be pleased and forgive us since now till reach the nirvana.

    และข้าพเจ้าทั้งหลาย ขออุทิศส่วนกุศลนี้ ให้แก่เทพเจ้าทั้งหลาย ที่ปกปักรักษาข้าพเจ้า และเทพเจ้าทั้งหลาย ทั่วสากลพิภพ และพระยายมราช ขอเทพเจ้าทั้งหลาย และพระยายมราช จงโมทนาส่วนกุศลนี้ ขอจงเป็นสักขีพยานในการบำเพ็ญกุศล ของข้าพเจ้าในครั้งนี้ด้วยเถิด

    We want to sacrifice this merit for the god who protect me and all the god in the world, the god of death, may the god in the world and the god of death be pleased, be the eye-witness for us to make this merits.

    และขออุทิศส่วนกุศลนี้ ให้แก่ท่านทั้งหลาย ที่ล่วงลับไปแล้ว ที่เสวยความสุขอยู่ก็ดี เสวยความทุกข์อยู่ก็ดี เป็นญาติก็ดี มิใช่ญาติก็ดี ขอท่านทั้งหลาย จงโมทนาส่วนกุศลนี้ พึงได้รับประโยชน์ ความสุข เช่นเดียวกับข้าพเจ้า จะพึงได้รับ ณ กาลบัดเดี๋ยวนี้เถิด

    We want to sacrifice this merit for the people who have died which having the happiness or suffering, who are relatives or not relatives. May you all be pleased for this merits, wish you have the happiness same as us since now then.

    ผลบุญใดที่ข้าพเจ้าทั้งหลาย ได้บำเพ็ญแล้ว ณ โอกาสนี้ ขอผลบุญนี้จงเป็นปัจจัย ให้ข้าพเจ้าทั้งหลาย ได้เข้าถึงซึ่งพระนิพพาน ในชาติปัจจุบันนี้เถิด

    Wish the merits we have made make us reach the nirvana in this secular.

    หากข้าพเจ้าทั้งหลาย ยังไม่ถึงซึ่งพระนิพพานเพียงไร ขอความไม่มีจงอย่าปรากฏแก่ข้าพเจ้า ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป

    If we can not reach the nirvana yet, wish we will not have “the lacked” since now then.
     
  11. viphard

    viphard เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2010
    โพสต์:
    951
    ค่าพลัง:
    +1,877
    คำขอขมาพระรัตนตรัย
    Begging the Triple Gems for pardon


    หากข้าพระพุทธเจ้า ได้เคยประมาทพลาดพลั้ง ล่วงเกินต่อพระรัตนตรัย อันมีพระพุทธเจ้า ทุกๆ พระองค์ พระปัจเจกพุทธเจ้าทุกๆ พระองค์ พระธรรม และพระอริยสงฆ์ทั้งหลาย ในชาติก่อนก็ดี ชาตินี้ก็ดี ด้วยทางกายหรือวาจาก็ดี และด้วยเจตนา หรือไม่มีเจตนาก็ดี รู้เท่าไม่ถึงกาณ์ก็ดี ขอองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทุกๆ พระองค์ พระปัจเจกพุทธเจ้าทุกๆ พระองค์ พระธรรม พระอริยสงฆ์ทั้งหลาย และผู้มีพระคุณทุกท่าน ได้โปรดอดโทษให้แก่ข้าพระพุทธเจ้า ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป ตราบเท่าเข้าสู่พระนิพพานด้วยเทอญ.

    Whether in this life or in previous lives I had verbally or physically, intentionally or unintentionally, transgressed in any ways upon the Triple Gems including all the Lord Buddhas, their Dharmas, the enlightened Sangkhas and all my gracious benefactors; may I beg them for pardon of any and all such transgressions from now on until such time as I may achieve Nirvana.
     
  12. viphard

    viphard เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2010
    โพสต์:
    951
    ค่าพลัง:
    +1,877
    [​IMG]

    ชิน, ชินะ, ชีนนะ – ผู้ชนะ, Jina, the conqueror, the victor, the Buddha

    บัญชร – กรง (cage), ซี่กรง (baluster, bar), หน้าต่าง (window)
    [​IMG]

    This gatha is recited for protection and blessing, the invitation (อาราธนา) for the Buddha, arahants, suttas, and parittas (verses of protection to ward off misfortunes and dangers) to enshrine or transmute into respective parts of our body as protection from evils, mishaps, inauspicious things, etc.

    According to the old text ‘พุทธนวมวินิจฉัย’ (ใน วินยสมูหวินิจฉัย หน้า 505-509 อุปปตสนตินิทาน บันทึกเรื่อง พุทธาภิเษก), the original verse was composed by a senior Thai monk (พระเถระ – Pra Thera*) in ChiangMai around B.E. 2120-2150, then spread to Burma and Sri Lanka. Anyway, no conclusion who was the first composer and when.
    *Pra Thera - an elder, a senior monk (of at least ten years’ standing)

    This gatha was rewritten and completed by สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี) or Somdet Dto Phromrangsri or LuangPor Dto, Wat Rakang Kositaram, he passed away at the age of 84 in B.E 2415, with 65 years of monkhood.


    Begin the chanting with ‘Namo’ verse 3 times, then the preliminary passage, and the verse of Jinapanjara Gatha.
    ………………………………………………………………………………………

    Homage to the Buddha

    นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมา สัมพุทธัสสะ (3 จบ)
    (ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคเจ้า พระองค์นั้น ซึ่งเป็นผู้ไกลจากกิเลส ตรัสรู้ชอบได้โดยพระองค์เอง)
    Namo Tassa Bhagavato Arahato Sammā Sambuddhassa (repeat three times)
    Homage to the Blessed One, the Worthy One, the Perfectly Self-awakened One
    ………………………………………………………………………………………

    Preliminary passage

    ปุตตะกาโมละเภปุตตัง ธะนะกาโมละเภธะนัง, - ผู้ปรารถนาบุตร พึงได้บุตร ผู้ปรารถนาทรัพย์ พึงได้ทรัพย์
    Puttakamo-labhe-puttam, danakamo-labhedanam,
    Wish for a son or a daughter, one will have a son or a daughter. Wish for wealth, one will acquire wealth.

    อัตถิกาเยกายะญายะ เทวานังปิยะตัง สุตตะวา - บัณฑิตได้ฟังมาว่า ความเป็นที่รักของเหล่าเทวดามีอยู่ในกาย เพราะ รู้ได้ด้วยกาย
    Atthikaye-kaya-nyaya, dhevanam-piyatamsuttava
    Having heard by the wise that being a dear one (pleasantness) of celestial beings can be found in oneself, contemplating goodness within ourselves



    One who is endowed with virtue and insight, established in the Dhamma, who has realized the Truth and performs his own duties, is loved by deities and human beings.อิติปิ โส ภะคะวา ยะมะราชาโน ท้าวเวสสุวัณโณ มะระณัง สุขัง อะระหัง สุคะโต นะโม พุทธายะ
    Iti pi so bhagava, yamarajano daovessuvanno, maranam-sukham arahamsugato, namo buddhaya



    This line of manta-gatha (มนตร์คาถา) may be found in some sources, but not in the original version of Somdet Dto, so far I haven’t found any explanation why this mantra added.

    Iti pi so Bhagava – the Buddha, the Blessed One
    Yamarajano – the God of Death
    Daovessuvanno – or Kuvera, the Guardian of the North, God of good fortune
    Maranam – death
    Sukham – happiness, fortune, or rebirth in a happy realm
    Araham – the person whose mind is free from taints of all defilements. Serene and pure, no more round of rebirth
    Sugato – going (or gone) to a good destination
    Namo Buddhaya – this mantra ‘namo buddhaya’ is included as the essence mantra in many gathas, Literal meaning is ‘respect to Buddha’, some gathas mention as the short name of 5 Buddhas, the old
    Na-ga-ro, Ga-ghu-san-tho-ja
    Mo-ga-ro, Go-na-ka-ma-no
    Phut-tha-ga-ro, Gas-sa-po, Phut-tho
    Tha-ga-ro, Sak-ka-ya-pung-ka-wo
    Ya-ga-ro, A-ri-ya-met-taey-yo, Pan-ja, Phut-tha, Na-ma-mi-hang ……………………………………………………………………….


    [​IMG]

    พระคาถาชินบัญชร – Jinapanjara Gatha

    1. ชะยาสะนากะตา พุทธา เชตะวา มารัง สะวาหะนัง จะตุสัจจาสะภัง ระสัง เย ปิวิงสุ นะราสะภา
    Jayāsanāgatā Buddha Jetavā Māram savāhanam, Catu-saccāsabham rasam Ye pivinsu narāsabhā
    พระพุทธเจ้าและพระนราสภาพระผู้องอาจในหมู่ชน ทั้งหลาย ผู้ประทับนั่งแล้วบนชัยบัลลังก์ ทรงพิชิตพระยามาราธิราช ผู้พรั่งพร้อมด้วยเสนาราชพาหนะแล้ว เสวยอมตรส คือ อริยะสัจธรรมทั้งสี่ประการ อันทำให้รู้แจ้ง เป็นผู้นำสรรพสัตว์ให้ข้ามพ้นจากกิเลสและกองทุกข์
    The Buddha and the great sages of virtue have seated on the throne of victory, having conquered Mara together with his troop, the Buddha experienced the taste of deathless Dhamma (complete realization of the eternal truth): the four Noble Truths, leading all beings to overcome kilesa (defilements - greed, hatred, delusion, etc.) and dukkha (sufferings).

    2. ตัณหัง กะราทะโย พุทธา อัฏฐะวีสะติ นายะกา สัพเพ ปะติตฐิตา มัยหัง มัตถะเก เต มุนิสสะรา
    Tanhankarādayo Buddhā Attha-vīsati nāyakā, Sabbe patitthitā mayham Matthake te munissarā
    พระพุทธเจ้า 28 พระองค์ มีพระผู้ทรงพระนามว่า ตัณหังกร เป็นอาทิ ขออัญเชิญพระพุทธเจ้า ผู้เป็นจอมมุนีทุกพระองค์มาประดิษฐานเหนือเศียรเกล้า ของข้าพเจ้า
    There are 28 Buddhas such as the great one named Tanhankara, may all the Buddhas, all Lords of Munis (sage, the calm one) enshrine above my head.

    3. สีเส ปะติฏฐิโต มัยหัง พุทโธ ธัมโม ทะวิโลจะเน สังโฆ ปะติฏฐิโต มัยหัง อุเร สัพพะคุณากะโร
    Sīse patitthito mayham Buddho dhammo davilocane, Sangho patitthito mayham Ure sabba-gunākaro
    ขออัญเชิญองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าประดิษฐานอยู ่บนศีรษะ พระธรรมอยู่ที่ดวงตาทั้งสอง พระสงฆ์ผู้เป็นอากรบ่อเกิดแห่งสรรพคุณความดีอยู่ที่อ ก
    The Buddha enshrines over the crown of my head, the Dhamma in my 2 eyes, the Sangha originates of virtuous properties is in my chest.

    4. หะทะเย เม อุนุรุทโธ สารีปุตโต จะ ทักขิเณ โกณฑัญโญ ปิฏฐิภาคัสมิง โมคคัลลาโน จะวามะเก
    Hadaye me Anuruddho Sārīputto ca dakkhine, Kondanno pitthi-bhāgasamim Moggallāno ca vāmake
    พระอนุรุทธะอยู่ที่ใจ พระสารีบุตรอยู่เบื้องขวา พระอัญญาโกณฑัญญะอยู่เบื้องหลัง พระโมคคัลลาน์อยู่เบื้องซ้าย
    Venerable Anuruddha is in my heart, Ven. Sariputta on my right, Ven. Kondanna is behind me, Ven. Moggallana on my left.

    5. ทักขิเณ สะวะเน มัยหัง อาสุง อานันทะราหุโล กัสสะโป จะ มะหานาโม อุภาสุง วามะโสตะเก
    Dakkhine savane mayham Āsum Ānanda-Rāhulo, Kassapo ca Mahānāmo Ubhāsum vāma-sotake
    พระอานนท์กับพระราหุลอยู่หูขวา พระกัสสะปะกับพระมหานามะอยู่ที่หูซ้าย
    Ven. Ananda and Ven. Rahula are in my right ear, Ven. Kassapa and Ven. Mahanama are in my left ear.

    6. เกสันโต ปิฏฐิภาคัสมิง สุริโย วะ ปะภังกะโร นิสินโน สิริสัมปันโน โสภิโต มุนิ ปุงคะโล
    Kesante pitathi-bhāgasamim Suriyo va pabhankaro, Nisinno siri-sampanno Sobhito muni-pungavo
    พระมุนีผู้ประเสริฐ คือ พระโสภิตะ ผู้เพียบพร้อมด้วยสิริอันเรืองรอง ดังพระอาทิตย์ทอแสงอยู่ที่ทุกเส้นขนตลอดร่างทั้งข้าง หน้าและข้างหลัง
    Ven. Sobhita, the noble sage, with resplendent glory likened the sun shining through every hair all over the body.

    7. กุมาระกัสสะโป เถโร มะเหสี จิตตะวาทะโก โส มัยหัง วะทะเน นิจจัง ปะติฏฐาสิ คุณากะโร
    Kumāra-kassapo thero Mahesī citta-vādako, So mayham vadane niccam Patitthāsi gunākaro
    พระเถระกุมาระกัสสะปะ ผู้แสวงบุญทรงคุณอันวิเศษ มีวาทะอันวิจิตรไพเราะอยู่ปากเป็นประจำ
    Thera Kumārakassapa, the virtuous one, fair-spoken, brilliant speech, always is at my mouth.

    8. ปุณโณ อังคุลิมาโลจะ อุปะลี นันทะสีวะลี เถรา ปัญจะอิเมชาตา นะลาเต ติละกา มะมะ
    Punno Angulimālo ca Upālī Nanda-Sīvalī, Therā pacna ime jātā Nalāte tilakā mama
    พระปุณณะ พระอังคุลิมา พระอุบาลี พระนันทะ และพระสีวะลี พระเถระทั้ง ๕ นี้ จงปรากฎเกิดเป็นกระแจะจุณเจิมที่หน้าผาก
    The five Thera: Punna, Angulimāla, Upālī, Nanda, and Sīvalī appear as an auspicious mark on my forehead.

    9. เสสาสีติ มะหาเถรา วิชิตา ชินะสาวะกา เอเตสีติ มะหาเถรา ชิตะวันโต ชิโนระสา ชะลันตา สีละเตเชนะ อังคะมังเคสุ สัณฐิตา
    Sesāsīti mahātherā Vijitā jina-sāvakā, Etesīti mahātherā Jitavanto jinorasā, Jalantā sīla-tejena Angamangesu santhitā
    พระมหาเถระ 80 องค์ที่เหลือ ผู้ชนะแล้ว เป็นพระโอรส เป็นพระสาวกของพระพุทธเจ้าผู้ทรงชัย แต่ละองค์ล้วนรุ่งเรืองไพโรจน์ด้วยเดชแห่งศีล ประดิษฐานอยู่ทั่วอวัยวะน้อยใหญ่ทั้งหลาย
    The remaining 80 Arahants of Sammasumbuddha, the Victor, the son of the Victor, the disciples of the Conqueror (defeated all defilements and impurities), shining glory with power of moral virtues, they are at various parts of my body.

    10. ระตะนัง ปุระโต อาสิ ทักขิเณ เมตตะสุตตะกัง ธะชัคคัง ปัจฉะโต อาสิ วาเม อังคุลิมาละกัง
    Ratanam purato āsi Dakkhine Metta-suttakam, Dhajaggam pacchato āsi Vāme Angulimālakam
    พระรัตนะสูตรอยู่เบื้องหน้า พระเมตตาสูตรอยู่เบื้องขวา พระธชัคคสูตรอยู่เบื้องหลัง พระอังคุลิมาลปริตรอยู่เบื้องซ้าย
    The Ratana Sutta is in front of me, the Metta Sutta is on the right. The Dhajagga Sutta is behind, the Angulimāla Paritta on the left.

    11. ขันธะโมระปะริตตัญจะ อาฏานาฏิยะ สุตตะกัง อากาเส ฉะทะนัง อาสิ เสสา ปาการะสัณฐิตา
    Khandha-Mora-parittanca Ātānātiya-suttakam, Ākāse chadanam āsi Sesā pākāra-santhitā
    พระขันธปริตร พระโมรปริตร และพระอาฎานะฏิยสูตร เป็นเครื่องกางกั้นดุจหลังคาอยู่บนนภากาศ ขอพระสูตรที่เหลือมาตั้งดุจกำแพงป้องกัน
    The Khandha Paritta, the Mora Paritta and the Ātānātiya Sutta is the roof on sky above me, and the rest of suattas is set as a wall around me.

    12. ชินานานาวะระสังยุตตา สัตตัปปาการะลังกะตา วาตะปิตตาทิสัญชาตา พาหิรัชฌัตตุปัททะวา
    Jinānābala-samyuttā Satta-pākāra-lankatā, Vāta-pittādi-sanjātā Bāhirajjhatt'upaddavā
    ขอพระอาณา คืออำนาจของพระพุทธเจ้าผู้ทรงชัย อันประกอบด้วยพระคุณอันประเสริฐ มาประดับเป็นกำแพงเจ็ดชั้น คุ้มครองข้าพเจ้าจากอุปัทวะอันตรายภายนอกมีโรคที่เกิ ดจากลม เป็นต้น และอันตรายภายใน มีโรคที่เกิดจากดีกำเริบ เป็นต้น
    The wall of seven barriers established through the power with great virtues of the Conqueror, protecting me from calamities, misfortunes, sickness from wind and bile, etc.

    13. อะเสสา วินะยัง ยันตุ อะนันตะชินะเตชะสา วะสะโต เม สะกิจเจนะ สะทา สัมพุทธะปัญชะเร
    Asesā vinayam yantu Ananta-jina-tejasā, Vasato me sakiccena Sadā Sambuddha-panjare
    ด้วยเดชานุภาพแห่งพระอนันตชินเจ้า ขออันตรายทั้งหลายจงพินาศไป อนึ่งเมื่อข้าพเจ้าอยู่ในพระบัญชรแห่งพระสัมมาสัมพุท ธเจ้าแล้ว ไม่ว่าจะทำกิจใดๆ ขอให้สำเร็จทุกเมื่อเถิด
    By the power of the Victor, may all dangers be destroyed completely. As I dwell in the victorious cage of the Buddha, may all I do always be successful.

    14. ชินะปัญชะระมัชฌัมหิ วิหะรันตัง มะฮี ตะเล สะทา ปาเลนตุ มัง สัพเพ เต มะหาปุริสาสะภา
    Jina-panjara-majjhamhi Viharantam mahītale, Sadā pālentu ma sabbe Te mahā-purisāsabhā
    ขอพระมหาบุรุษผู้ทรงพระคุณอันล้ำเลิศทั้งปวงนั้น จงอภิบาลข้าพเจ้าผู้อยู่ในภาคพื้นท่ามกลางพระชินบัญช ร ข้าพเจ้าได้รับการคุ้มครองปกปักรักษาภายในเป็นอันดีฉ ะนี้แล
    I have been in the midst of the conquerors, well-sheltered, may all the Great Noble Men always guard me from all perils

    15. อิจเจวะมันโต สุคุตโต สุรักโข, ชินานุภาเวนะ ชิตูปัททะโว, ธัมมานุภาเวนะ ชิตาริสังโฆ, สังฆานุภาเวนะ ชิตันตะราโย, สัทธัมมานะภาวะปาลิโต จะรามิชินะปัญชะเรติ
    Iccevamanto sugutto surakkho, Jinānubhāvena jitupaddavo, Dhammānubhavena jitārisangho, Sanghānubhāvena jitantarāyo, Saddhammānubhāva-pālito carāmi jina-panjareti
    ข้าพเจ้าได้รับการคุ้มครองรักษาไว้ภายใน ชินบัญชรดังพรรณนามาฉะนี้แล้ว
    ด้วยอานุภาพแห่งพระชินะพุทธเจ้า จึงชนะเสียได้ซึ่งอุปัทวอันตรายใดๆ ชนะข้าศึกศัตรูด้วยอานุภาพแห่งพระธรรม ชนะอันตรายทั้งปวงด้วยอานุภาพแห่งพระสงฆ์
    ข้าพเจ้าได้รับการอภิบาลรักษาด้วยคุณานุภาพแห่งสัทธร รม รักษาดำเนินชีวิตไปในบัญชรของพระพุทธเจ้าผู้ทรงชัยโด ยสวัสดีเป็นนิจนิรันดรเทอญ
    As described, I have been well protected within the cage of the Conquerors,
    Through the power of the Conqueror (the Buddha), thus I overcome wickedness, evils, accidents, misfortunes, etc.,
    Through the power of the Dhamma, all enemies are defeated,
    Through the power of the Sangha, all dangers are ceased,
    I have been protected by the virtuous power of the true doctrine,
    May I am always well guarded in the safe place of the Victor’s cage.


    [​IMG]
     
  13. viphard

    viphard เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2010
    โพสต์:
    951
    ค่าพลัง:
    +1,877

    อะหัง อะเวโร โหมิ - ขอให้ข้าพเจ้าจงเป็นผู้ไม่มีเวร
    Aham avero homi -May I be free from enmity and danger

    อัพยาปัชโฌ โหมิ - อย่าได้มีความอาฆาตพยาบาทและเบียดเบียน
    abyapajjho homi -May I be free from mental suffering

    อะนีโฆ โหมิ - อย่าได้มีความทุกข์กายทุกข์ใจ
    anigha homi - May I be free from physical suffering


    สุขี อัตตานัง ปะริหะรามิ - ขอให้มีแต่ความสุขตลอดไป
    sukhi - attanam pariharami -May I take care of myself happily


    มะมะ มาตาปิตุ- ขอให้มารดาบิดา
    Mama matapitu - May my parents


    อาจาริยา จะ ญาติมิตตา จะ - ครูบาอาจารย์ และญาติสนิท มิตร สหาย
    acariya ca natimitta ca - teacher relatives and friends


    สะพราหมะจาริโน จะ - พร้อมทั้งเพื่อนประพฤติพรหมจรรย์ ทั้งหลายของข้าพเจ้า
    sabrahma - carino ca - fellow Dhamma farers


    อะเวรา โหนตุ - จงอย่าได้มีเวร
    avera hontu - be free from enmity and danger


    อัพยาปัชฌา โหนตุ - อย่าได้มีความอาฆาตพยาบาทและเบียดเบียน
    abyapajjha hontu - be free from mental suffering


    อะนีฆา โหนตุ - อย่าได้มีความทุกข์กายทุกข์ใจ
    anigha hontu - be free from physical suffering


    สุขี อัตตานัง ปะริหรันตุ - ขอให้มีแต่ความสุขตลอดไป
    sukhi - attanam pariharantu - may they take care of themselves happily


    อิมัสมิง อาราเม สัพเพ โยคิโน - ขอให้ผู้บำเพ็ญเพียรทั้งปวงในอารามแห่งนี้
    Imasmim arame sabbe yogino - May all meditators in this compound


    อะเวรา โหนตุ - จงอย่าได้มีเวร
    avera hontu - be free from enmity and danger


    อัพยาปัชฌา โหนตุ - อย่าได้มีความอาฆาตพยาบาทและเบียดเบียน
    abyapajjha hontu - be free from mental suffering


    อะนีฆา โหนตุ - อย่าได้มีความทุกข์กายทุกข์ใจ
    anigha hontu - be free from physical suffering


    สุขี อัตตานัง ปะริหรันตุ - ขอให้มีแต่ความสุขตลอดไป
    sukhi - attanam pariharantu - May they take care of themselves happily


    อิมัสมิง อาราเม สัพเพ ภิกขู - ขอให้พระภิกษุ
    Imasmim arame sabbe bhikkhu - May all monks in this compound


    สามะเณรา จะ - สามเณร
    samanera ca - novice monks


    อุปาสะกา อุปาสิกายา จะ - และอุบาสก อุบาสิกา ทั้งปวงในอารามแห่งนี้
    upasaka - upasikaya ca - laymen and laywomen disciples

    อะเวรา โหนตุ - จงอย่าได้มีเวร
    avera hontu - be free from enmity and danger

    อัพยาปัชฌา โหนตุ - อย่าได้มีความอาฆาตพยาบาทและเบียดเบียน
    abyapajjha hontu - be free from mental suffering

    อะนีฆา โหนตุ - อย่าได้มีความทุกข์กายทุกข์ใจ
    anigha hontu - be free from physical suffering

    สุขี อัตตานัง ปะริหรันตุ - ขอให้มีแต่ความสุขตลอดไป
    sukhi - attanam pariharantu - may they take care of themselves happily

    อัมหากัง จะตุปัจจายะทายะกา - ขอให้ผู้ถวายปัจจัยสี่ให้แก่ข้าพเจ้า
    Amhakam catupaccaya dayaka - May our donors of the four supports: clothing, food, medicine and lodging

    อะเวรา โหนตุ - จงอย่าได้มีเวร
    avera hontu - be free from enmity and danger

    อัพยาปัชฌา โหนตุ - อย่าได้มีความอาฆาตพยาบาทและเบียดเบียน
    abyapajjha hontu - be free from mental suffering

    อะนีฆา โหนตุ - อย่าได้มีความทุกข์กายทุกข์ใจ
    anigha hontu - be free from physical suffering

    สุขี อัตตานัง ปะริหรันตุ - ขอให้มีแต่ความสุขตลอดไป
    sukhi - attanam pariharantu - May they take care of themselves happily

    อัมหากัง อารักขา เทวาตา - ขอให้เหล่าเทวดาอารักษ์ที่อารักขาข้าพเจ้า และเหล่าเทวดาอารักษ์
    Amhakam arakkha devata - May our guardian devas

    อิมัสมิง วิหาเร - ที่อยู่ในวิหารนี้
    Ismasmim vihare - in this monastery

    อิมัสมิง อาวาเส - อาวาส
    Ismasmim avase - in this dwelling

    อิมัสมิง อาราเม - อารามแห่งนี้
    Ismasmim arame - in this compound

    อะเวรา โหนตุ - จงอย่าได้มีเวร
    avera hontu - be free from enmity and danger

    อัพยาปัชฌา โหนตุ - อย่าได้มีความอาฆาตพยาบาทและเบียดเบียน
    abyapajjha hontu - be free from mental suffering

    อะนีฆา โหนตุ - อย่าได้มีความทุกข์กายทุกข์ใจ
    anigha hontu -be free from physical suffering

    สุขี อัตตานัง ปะริหรันตุ - ขอให้มีแต่ความสุขตลอดไป
    sukhi - attanam pariharantu - May they take care of themselves happily

    สัพเพ สัตตา - ขอให้สัตว์ทั้งหลาย
    Sabbe satta - May all beings

    สัพเพ ปาณา - สิ่งที่มีชีวิตทั้งปวง
    sabbe pana - all breathing things

    สัพเพ ภูตา-ภูติทั้งปวง
    sabbe bhutta - all creatures

    สัพเพ ปุคคะลา - บุคคลทั้งปวง
    sabbe puggala - all individuals

    สัพเพ อัตตภาวา ปริยาปันนา - สัตว์ที่เนื่องด้วยอัตตภาพ ทั้งหลายทั้งปวง
    sabbe attabhava pariyapanna - all personalities (all beings with mind and body)

    สัพพา อิตถีโย - หญิงทั้งปวง
    sabbe itthoyo - may all females

    สัพเพ ปุริสา - ชายทั้งปวง
    sabbe purisa - all males

    สัพเพ อริยา - พระอริยบุคคลทั้งปวง
    sabbe ariya - all noble ones (saints)

    สัพเพ อนริยา - ปุตุชนทั้งปวง
    sabbe anariya - all worldlings (those yet to attain sainthood)

    สัพเพ เทวา - เทวดาทั้งปวง
    sabbe deva - all devas (deities)

    สัพเพ มนุสสา - มนุษย์ทั้งปวง
    sabbe manussa - all humans

    สัพเพ วินิปาติกา - สัตว์นรก อสูรกายทั้งหลายทั้งปวง
    sabbe vinipatika - all those in the four woeful planes

    อะเวรา โหนตุ - จงอย่าได้มีเวร
    avera hontu - be free from enmity and dangers

    อัพยาปัชฌา โหนตุ - อย่าได้มีความอาฆาตพยาบาทและเบียดเบียน
    abyapajjha hontu - be free from mental suffering

    อะนีฆา โหนตุ - อย่าได้มีความทุกข์กายทุกข์ใจ
    anigha hontu - be free from physical suffering

    สุขี อัตตานัง ปะริหรันตุ - ขอให้มีแต่ความสุขตลอดไป
    sukhi - attanam pariharantu -may they take care of themselves happily

    ทุกขา มุจจันตุ - ขอให้สรรพสัตว์ทั้งหลายผู้มีกรรมเป็นของของตน จงพ้นจากความทุกข์ยาก ลำบาก
    Dukkha muccantu - May all being be free from suffering

    ยถาลัทธาสัมปัตติโต มา วิคัจฉันตุ - จงอย่าแคล้วคลาดจากสมบัติ คือ ความสุข ความเจริญ
    Yattha-laddha-sampattito mavigacchantu - May whatever they have gained not be lost

    กัมมัสสะกา - ที่ตนจะพึ่งได้ (ตนย่อมเป็นเจ้าของกรรมนั้น )
    Kammassaka - All beings are owners of their own Kamma (Karma)

    ปุรถิมายะ ทิสายะ - ขอสรรพสัตว์ทั้งหลายผู้มีกรรมเป็นของของตนที่อาศัยอยู่ในทิศบูรพา ( ทิศตะวันออก )
    Purathimaya disaya - in the eastern direction

    ปัจฉิมายะ ทิสายะ -ในทิศปัจฉิม ( ทิศตะวันตก )
    pacchimaya disaya - in the western direction

    อุตตรายะ ทิสายะ - ในทิศอุดร ( ทิศเหนือ )
    uttara disaya - in the northern direction

    ทักขิณายะ ทิสายะ - ในทิศทักษิณ ( ทิศใต้ )
    dakkhinaya disaya - in the southern direction

    ปุรถิมายะ อนุทิสายะ - ในทิศอาคเนย์ ( ทิศตะวันออกเฉียงใต้ )
    purathimaya anudisaya - in the southeast direction

    ปัจฉิมายะ อนุทิสายะ - ในทิศพายัพ ( ทิศตะวันตกเฉียงเหนือ )
    pacchimaya anudisaya - in the northwest direction

    อุตตระ อนุทิสายะ - ในทิศอิสาน ( ทิศตะวันออกเฉียงเหนือ )
    uttara anudisaya - in the northeast direction

    ทักขิณายะ อนุทิสายะ - ในทิศหรดี ( ตะวันตกเฉียงใต้ )
    dakkhinaya anudisaya - in the southwest direction

    เหฎฐิมายะ ทิสายะ - ในทิศเบื้องล่าง
    hetthimaya disaya - in the direction below

    อุปาริมายะ ทิสายะ - ในทิศเบื้องบน
    uparimaya disaya - in the direction above

    สัพเพ สัตตา - ขอให้สัตว์ทั้งหลาย
    Sabbe satta - May all beings

    สัพเพ ปาณา -สิ่งที่มีชีวิตทั้งปวง
    sabbe pana - all breathing things

    สัพเพ ภูตา - ภูติทั้งปวง
    sabbe bhutta - all creatures

    สัพเพ ปุคคะลา - บุคคลทั้งปวง
    sabbe puggala - all individuals (all beings)

    สัพเพ อัตตภาวา ปริยาปันนา - สัตว์ที่เนื่องด้วยอัตตภาพ ทั้งหลายทั้งปวง
    sabbe attabhava pariyapanna - all personalities (all beings with mind and body)

    สัพพา อิตถีโย - หญิงทั้งปวง
    sabbe itthoyo - may all females

    สัพเพ ปุริสา - ชายทั้งปวง
    sabbe purisa - all males

    สัพเพ อริยา - พระอริยบุคคลทั้งปวง
    sabbe ariya - all noble ones (saints)

    สัพเพ อนริยา - ปุตุชนทั้งปวง
    sabbe anariya - those yet to attain sainthood

    สัพเพ เทวา - เทวดาทั้งปวง
    sabbe deva - all devas (deities)

    สัพเพ มนุสสา - มนุษย์ทั้งปวง
    sabbe manussa - all humans

    สัพเพ วินิปาติกา - สัตว์นรก อสูรกายทั้งหลายทั้งปวง
    sabbe vinipatika - all those in the 4 woeful planes

    อะเวรา โหนตุ - จงอย่าได้มีเวร
    avera hontu - be free from enmity and dangers

    อัพยาปัชฌา โหนตุ - อย่าได้มีความอาฆาตพยาบาทและเบียดเบียน
    abyapajjha hontu - be free from mental suffering

    อะนีฆา โหนตุ - อย่าได้มีความทุกข์กายทุกข์ใจ
    anigha hontu - be free from physical suffering

    สุขี อัตตานัง ปะริหรันตุ - ขอให้มีแต่ความสุขตลอดไป
    sukhi - attanam pariharantu - May they take care of themselves happily

    ทุกขา มุจจันตุ -ขอให้สรรพสัตว์ทั้งหลายผู้มีกรรมเป็นของของตน จงพ้นจากความทุกข์ยาก ลำบาก
    Dukkha muccantu - May all beings be free from suffering

    ยถาลัทธาสัมปัตติโต มา วิคัจฉันตุ - จงอย่าแคล้วคลาดจากสมบัติ คือ ความสุข ความเจริญ
    Yattha laddha sampattito mavigacchantu - May whatever they have gained not be lost

    กัมมัสสะกา - ที่ตนจะพึ่งได้ (ตนย่อมเป็นเจ้าของกรรมนั้น )
    Kammassaka - All beings are owners of their own kamma (karma)

    อุทธัง ยาวะ ภะวัคคา จะ - ขอให้สรรพสัตว์ทั้งหลายผู้มีกรรมเป็นของของตน เบื้องบนไปจนถึงภวัคคภูมิ
    Uddham yava bhavagga ca - As far as the highest plane of existence

    อโธ ยาวะ อวิจจิโต - เบื้องล่างไปจนกระทั้งถึงอเวจีมหานรก
    adho yava aviccito - to as far down as the lowest plane

    สมันตา จักกะวาเลสุ - โดยรอบแห่งจักรวาล
    samanta cakkavalesu - in the entire universe

    เย สัตตา ปถวิจารา - ขอให้สัตว์ทั้งหลายที่ท่องเที่ยวไปบนแผ่นดิน
    ye satta pathavicara - whatever beings that move on earth

    อัพยาปัชฌา นิเวรา จะ - จงอย่าได้มีความอาฆาตพยาบาทและเบียดเบียนปราศจากเวร
    abyapajjha nivera ca - may they are free of mental suffering and enmity

    นิทุกขา จะ นุปัททวา - ปราศจากทุกข์ ปราศจากอันตรายทั้งปวง
    nidukkha ca nupaddava - and from physical suffering and danger

    อุทธัง ยาวะ ภะวัคคา จะ - ขอให้สรรพสัตว์ทั้งหลายผู้มีกรรมเป็นของของตน เบื้องบนไปจนถึงภวัคคภูมิ
    Uddham yava bhavagga ca - As far as the highest plane of existence

    อโธ ยาวะ อวิจจิโต - เบื้องล่างไปจนกระทั้งถึงอเวจีมหานรก
    adho yava aviccito - to as far down as the lowest plane

    สมันตา จักกะวาเลสุ - โดยรอบแห่งจักรวาล
    samanta cakkavalesu - in the entire universe

    เย สัตตา อุทักเขจารา - ขอให้สัตว์ทั้งหลายที่ท่องเที่ยวไปในน้ำ
    ye satta udakecara - whatever beings that move on water

    อัพยาปัชฌา นิเวรา จะ - จงอย่าได้มีความอาฆาตพยาบาทและเบียดเบียนปราศจากเวร
    abyapajjha nivera ca - may they are free of mental suffering and enmity

    นิทุกขา จะ นุปัททวา - ปราศจากทุกข์ ปราศจากอันตรายทั้งปวง
    nidukkha ca nupaddava - and from physical suffering and danger

    อุทธัง ยาวะ ภะวัคคา จะ - ขอให้สรรพสัตว์ทั้งหลายผู้มีกรรมเป็นของของตน เบื้องบนไปจนถึงภวัคคภูมิ
    Uddham yava bhavagga ca - As far as the highest plane of existence

    อโธ ยาวะ อวิจจิโต - เบื้องล่างไปจนกระทั้งถึงอเวจีมหานรก
    adho yava aviccito - to as far down as the lowest plane

    สมันตา จักกะวาเลสุ - โดยรอบแห่งจักรวาล
    samanta cakkavalesu - in the entire universe

    เย สัตตา อากาเสจารา - ขอให้สัตว์ทั้งหลายที่ท่องเที่ยวไปในอากาศ
    ye satta akasecara - whatever beings that move in air

    อัพยาปัชฌา นิเวรา จะ - จงอย่าได้มีความอาฆาตพยาบาทและเบียดเบียนปราศจากเวร
    abyapajjha nivera ca - may they are free of mental suffering and enmity

    นิทุกขา จะ นุปัททวา - ปราศจากทุกข์ ปราศจากอันตรายทั้งปวง เทอญ.
    anidukkha ca nupaddava - and from physical suffering and danger.

    อะหัง อะเวโร โหมิ - ขอให้ข้าพเจ้าจงเป็นผู้ไม่มีเวร
    Aham avero homi -May I be free from enmity and danger

    อัพยาปัชโฌ โหมิ - อย่าได้มีความอาฆาตพยาบาทและเบียดเบียน
    abyapajjho homi -May I be free from mental suffering

    อะนีโฆ โหมิ - อย่าได้มีความทุกข์กายทุกข์ใจ
    anigha homi - May I be free from physical suffering


    สุขี อัตตานัง ปะริหะรามิ - ขอให้มีแต่ความสุขตลอดไป
    sukhi - attanam pariharami -May I take care of myself happily


    มะมะ มาตาปิตุ- ขอให้มารดาบิดา
    Mama matapitu - May my parents


    อาจาริยา จะ ญาติมิตตา จะ - ครูบาอาจารย์ และญาติสนิท มิตร สหาย
    acariya ca natimitta ca - teacher relatives and friends


    สะพราหมะจาริโน จะ - พร้อมทั้งเพื่อนประพฤติพรหมจรรย์ ทั้งหลายของข้าพเจ้า
    sabrahma - carino ca - fellow Dhamma farers


    อะเวรา โหนตุ - จงอย่าได้มีเวร
    avera hontu - be free from enmity and danger


    อัพยาปัชฌา โหนตุ - อย่าได้มีความอาฆาตพยาบาทและเบียดเบียน
    abyapajjha hontu - be free from mental suffering


    อะนีฆา โหนตุ - อย่าได้มีความทุกข์กายทุกข์ใจ
    anigha hontu - be free from physical suffering


    สุขี อัตตานัง ปะริหรันตุ - ขอให้มีแต่ความสุขตลอดไป
    sukhi - attanam pariharantu - may they take care of themselves happily


    อิมัสมิง อาราเม สัพเพ โยคิโน - ขอให้ผู้บำเพ็ญเพียรทั้งปวงในอารามแห่งนี้
    Imasmim arame sabbe yogino - May all meditators in this compound


    อะเวรา โหนตุ - จงอย่าได้มีเวร
    avera hontu - be free from enmity and danger


    อัพยาปัชฌา โหนตุ - อย่าได้มีความอาฆาตพยาบาทและเบียดเบียน
    abyapajjha hontu - be free from mental suffering


    อะนีฆา โหนตุ - อย่าได้มีความทุกข์กายทุกข์ใจ
    anigha hontu - be free from physical suffering


    สุขี อัตตานัง ปะริหรันตุ - ขอให้มีแต่ความสุขตลอดไป
    sukhi - attanam pariharantu - May they take care of themselves happily


    อิมัสมิง อาราเม สัพเพ ภิกขู - ขอให้พระภิกษุ
    Imasmim arame sabbe bhikkhu - May all monks in this compound


    สามะเณรา จะ - สามเณร
    samanera ca - novice monks


    อุปาสะกา อุปาสิกายา จะ - และอุบาสก อุบาสิกา ทั้งปวงในอารามแห่งนี้
    upasaka - upasikaya ca - laymen and laywomen disciples

    อะเวรา โหนตุ - จงอย่าได้มีเวร
    avera hontu - be free from enmity and danger

    อัพยาปัชฌา โหนตุ - อย่าได้มีความอาฆาตพยาบาทและเบียดเบียน
    abyapajjha hontu - be free from mental suffering

    อะนีฆา โหนตุ - อย่าได้มีความทุกข์กายทุกข์ใจ
    anigha hontu - be free from physical suffering

    สุขี อัตตานัง ปะริหรันตุ - ขอให้มีแต่ความสุขตลอดไป
    sukhi - attanam pariharantu - may they take care of themselves happily

    อัมหากัง จะตุปัจจายะทายะกา - ขอให้ผู้ถวายปัจจัยสี่ให้แก่ข้าพเจ้า
    Amhakam catupaccaya dayaka - May our donors of the four supports: clothing, food, medicine and lodging

    อะเวรา โหนตุ - จงอย่าได้มีเวร
    avera hontu - be free from enmity and danger

    อัพยาปัชฌา โหนตุ - อย่าได้มีความอาฆาตพยาบาทและเบียดเบียน
    abyapajjha hontu - be free from mental suffering

    อะนีฆา โหนตุ - อย่าได้มีความทุกข์กายทุกข์ใจ
    anigha hontu - be free from physical suffering

    สุขี อัตตานัง ปะริหรันตุ - ขอให้มีแต่ความสุขตลอดไป
    sukhi - attanam pariharantu - May they take care of themselves happily

    อัมหากัง อารักขา เทวาตา - ขอให้เหล่าเทวดาอารักษ์ที่อารักขาข้าพเจ้า และเหล่าเทวดาอารักษ์
    Amhakam arakkha devata - May our guardian devas

    อิมัสมิง วิหาเร - ที่อยู่ในวิหารนี้
    Ismasmim vihare - in this monastery

    อิมัสมิง อาวาเส - อาวาส
    Ismasmim avase - in this dwelling

    อิมัสมิง อาราเม - อารามแห่งนี้
    Ismasmim arame - in this compound

    อะเวรา โหนตุ - จงอย่าได้มีเวร
    avera hontu - be free from enmity and danger

    อัพยาปัชฌา โหนตุ - อย่าได้มีความอาฆาตพยาบาทและเบียดเบียน
    abyapajjha hontu - be free from mental suffering

    อะนีฆา โหนตุ - อย่าได้มีความทุกข์กายทุกข์ใจ
    anigha hontu -be free from physical suffering

    สุขี อัตตานัง ปะริหรันตุ - ขอให้มีแต่ความสุขตลอดไป
    sukhi - attanam pariharantu - May they take care of themselves happily

    สัพเพ สัตตา - ขอให้สัตว์ทั้งหลาย
    Sabbe satta - May all beings

    สัพเพ ปาณา - สิ่งที่มีชีวิตทั้งปวง
    sabbe pana - all breathing things

    สัพเพ ภูตา-ภูติทั้งปวง
    sabbe bhutta - all creatures

    สัพเพ ปุคคะลา - บุคคลทั้งปวง
    sabbe puggala - all individuals

    สัพเพ อัตตภาวา ปริยาปันนา - สัตว์ที่เนื่องด้วยอัตตภาพ ทั้งหลายทั้งปวง
    sabbe attabhava pariyapanna - all personalities (all beings with mind and body)

    สัพพา อิตถีโย - หญิงทั้งปวง
    sabbe itthoyo - may all females

    สัพเพ ปุริสา - ชายทั้งปวง
    sabbe purisa - all males

    สัพเพ อริยา - พระอริยบุคคลทั้งปวง
    sabbe ariya - all noble ones (saints)

    สัพเพ อนริยา - ปุตุชนทั้งปวง
    sabbe anariya - all worldlings (those yet to attain sainthood)

    สัพเพ เทวา - เทวดาทั้งปวง
    sabbe deva - all devas (deities)

    สัพเพ มนุสสา - มนุษย์ทั้งปวง
    sabbe manussa - all humans

    สัพเพ วินิปาติกา - สัตว์นรก อสูรกายทั้งหลายทั้งปวง
    sabbe vinipatika - all those in the four woeful planes

    อะเวรา โหนตุ - จงอย่าได้มีเวร
    avera hontu - be free from enmity and dangers

    อัพยาปัชฌา โหนตุ - อย่าได้มีความอาฆาตพยาบาทและเบียดเบียน
    abyapajjha hontu - be free from mental suffering

    อะนีฆา โหนตุ - อย่าได้มีความทุกข์กายทุกข์ใจ
    anigha hontu - be free from physical suffering

    สุขี อัตตานัง ปะริหรันตุ - ขอให้มีแต่ความสุขตลอดไป
    sukhi - attanam pariharantu -may they take care of themselves happily

    ทุกขา มุจจันตุ - ขอให้สรรพสัตว์ทั้งหลายผู้มีกรรมเป็นของของตน จงพ้นจากความทุกข์ยาก ลำบาก
    Dukkha muccantu - May all being be free from suffering

    ยถาลัทธาสัมปัตติโต มา วิคัจฉันตุ - จงอย่าแคล้วคลาดจากสมบัติ คือ ความสุข ความเจริญ
    Yattha-laddha-sampattito mavigacchantu - May whatever they have gained not be lost

    กัมมัสสะกา - ที่ตนจะพึ่งได้ (ตนย่อมเป็นเจ้าของกรรมนั้น )
    Kammassaka - All beings are owners of their own Kamma (Karma)

    ปุรถิมายะ ทิสายะ - ขอสรรพสัตว์ทั้งหลายผู้มีกรรมเป็นของของตนที่อาศัยอยู่ในทิศบูรพา ( ทิศตะวันออก )
    Purathimaya disaya - in the eastern direction

    ปัจฉิมายะ ทิสายะ -ในทิศปัจฉิม ( ทิศตะวันตก )
    pacchimaya disaya - in the western direction

    อุตตรายะ ทิสายะ - ในทิศอุดร ( ทิศเหนือ )
    uttara disaya - in the northern direction

    ทักขิณายะ ทิสายะ - ในทิศทักษิณ ( ทิศใต้ )
    dakkhinaya disaya - in the southern direction

    ปุรถิมายะ อนุทิสายะ - ในทิศอาคเนย์ ( ทิศตะวันออกเฉียงใต้ )
    purathimaya anudisaya - in the southeast direction

    ปัจฉิมายะ อนุทิสายะ - ในทิศพายัพ ( ทิศตะวันตกเฉียงเหนือ )
    pacchimaya anudisaya - in the northwest direction

    อุตตระ อนุทิสายะ - ในทิศอิสาน ( ทิศตะวันออกเฉียงเหนือ )
    uttara anudisaya - in the northeast direction

    ทักขิณายะ อนุทิสายะ - ในทิศหรดี ( ตะวันตกเฉียงใต้ )
    dakkhinaya anudisaya - in the southwest direction

    เหฎฐิมายะ ทิสายะ - ในทิศเบื้องล่าง
    hetthimaya disaya - in the direction below

    อุปาริมายะ ทิสายะ - ในทิศเบื้องบน
    uparimaya disaya - in the direction above

    สัพเพ สัตตา - ขอให้สัตว์ทั้งหลาย
    Sabbe satta - May all beings

    สัพเพ ปาณา -สิ่งที่มีชีวิตทั้งปวง
    sabbe pana - all breathing things

    สัพเพ ภูตา - ภูติทั้งปวง
    sabbe bhutta - all creatures

    สัพเพ ปุคคะลา - บุคคลทั้งปวง
    sabbe puggala - all individuals (all beings)

    สัพเพ อัตตภาวา ปริยาปันนา - สัตว์ที่เนื่องด้วยอัตตภาพ ทั้งหลายทั้งปวง
    sabbe attabhava pariyapanna - all personalities (all beings with mind and body)

    สัพพา อิตถีโย - หญิงทั้งปวง
    sabbe itthoyo - may all females

    สัพเพ ปุริสา - ชายทั้งปวง
    sabbe purisa - all males

    สัพเพ อริยา - พระอริยบุคคลทั้งปวง
    sabbe ariya - all noble ones (saints)

    สัพเพ อนริยา - ปุตุชนทั้งปวง
    sabbe anariya - those yet to attain sainthood

    สัพเพ เทวา - เทวดาทั้งปวง
    sabbe deva - all devas (deities)

    สัพเพ มนุสสา - มนุษย์ทั้งปวง
    sabbe manussa - all humans

    สัพเพ วินิปาติกา - สัตว์นรก อสูรกายทั้งหลายทั้งปวง
    sabbe vinipatika - all those in the 4 woeful planes

    อะเวรา โหนตุ - จงอย่าได้มีเวร
    avera hontu - be free from enmity and dangers

    อัพยาปัชฌา โหนตุ - อย่าได้มีความอาฆาตพยาบาทและเบียดเบียน
    abyapajjha hontu - be free from mental suffering

    อะนีฆา โหนตุ - อย่าได้มีความทุกข์กายทุกข์ใจ
    anigha hontu - be free from physical suffering

    สุขี อัตตานัง ปะริหรันตุ - ขอให้มีแต่ความสุขตลอดไป
    sukhi - attanam pariharantu - May they take care of themselves happily

    ทุกขา มุจจันตุ -ขอให้สรรพสัตว์ทั้งหลายผู้มีกรรมเป็นของของตน จงพ้นจากความทุกข์ยาก ลำบาก
    Dukkha muccantu - May all beings be free from suffering

    ยถาลัทธาสัมปัตติโต มา วิคัจฉันตุ - จงอย่าแคล้วคลาดจากสมบัติ คือ ความสุข ความเจริญ
    Yattha laddha sampattito mavigacchantu - May whatever they have gained not be lost

    กัมมัสสะกา - ที่ตนจะพึ่งได้ (ตนย่อมเป็นเจ้าของกรรมนั้น )
    Kammassaka - All beings are owners of their own kamma (karma)

    อุทธัง ยาวะ ภะวัคคา จะ - ขอให้สรรพสัตว์ทั้งหลายผู้มีกรรมเป็นของของตน เบื้องบนไปจนถึงภวัคคภูมิ
    Uddham yava bhavagga ca - As far as the highest plane of existence

    อโธ ยาวะ อวิจจิโต - เบื้องล่างไปจนกระทั้งถึงอเวจีมหานรก
    adho yava aviccito - to as far down as the lowest plane

    สมันตา จักกะวาเลสุ - โดยรอบแห่งจักรวาล
    samanta cakkavalesu - in the entire universe

    เย สัตตา ปถวิจารา - ขอให้สัตว์ทั้งหลายที่ท่องเที่ยวไปบนแผ่นดิน
    ye satta pathavicara - whatever beings that move on earth

    อัพยาปัชฌา นิเวรา จะ - จงอย่าได้มีความอาฆาตพยาบาทและเบียดเบียนปราศจากเวร
    abyapajjha nivera ca - may they are free of mental suffering and enmity

    นิทุกขา จะ นุปัททวา - ปราศจากทุกข์ ปราศจากอันตรายทั้งปวง
    nidukkha ca nupaddava - and from physical suffering and danger

    อุทธัง ยาวะ ภะวัคคา จะ - ขอให้สรรพสัตว์ทั้งหลายผู้มีกรรมเป็นของของตน เบื้องบนไปจนถึงภวัคคภูมิ
    Uddham yava bhavagga ca - As far as the highest plane of existence

    อโธ ยาวะ อวิจจิโต - เบื้องล่างไปจนกระทั้งถึงอเวจีมหานรก
    adho yava aviccito - to as far down as the lowest plane

    สมันตา จักกะวาเลสุ - โดยรอบแห่งจักรวาล
    samanta cakkavalesu - in the entire universe

    เย สัตตา อุทักเขจารา - ขอให้สัตว์ทั้งหลายที่ท่องเที่ยวไปในน้ำ
    ye satta udakecara - whatever beings that move on water

    อัพยาปัชฌา นิเวรา จะ - จงอย่าได้มีความอาฆาตพยาบาทและเบียดเบียนปราศจากเวร
    abyapajjha nivera ca - may they are free of mental suffering and enmity

    นิทุกขา จะ นุปัททวา - ปราศจากทุกข์ ปราศจากอันตรายทั้งปวง
    nidukkha ca nupaddava - and from physical suffering and danger

    อุทธัง ยาวะ ภะวัคคา จะ - ขอให้สรรพสัตว์ทั้งหลายผู้มีกรรมเป็นของของตน เบื้องบนไปจนถึงภวัคคภูมิ
    Uddham yava bhavagga ca - As far as the highest plane of existence

    อโธ ยาวะ อวิจจิโต - เบื้องล่างไปจนกระทั้งถึงอเวจีมหานรก
    adho yava aviccito - to as far down as the lowest plane

    สมันตา จักกะวาเลสุ - โดยรอบแห่งจักรวาล
    samanta cakkavalesu - in the entire universe

    เย สัตตา อากาเสจารา - ขอให้สัตว์ทั้งหลายที่ท่องเที่ยวไปในอากาศ
    ye satta akasecara - whatever beings that move in air

    อัพยาปัชฌา นิเวรา จะ - จงอย่าได้มีความอาฆาตพยาบาทและเบียดเบียนปราศจากเวร
    abyapajjha nivera ca - may they are free of mental suffering and enmity

    นิทุกขา จะ นุปัททวา - ปราศจากทุกข์ ปราศจากอันตรายทั้งปวง เทอญ.
    anidukkha ca nupaddava - and from physical suffering and danger.
     
  14. viphard

    viphard เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2010
    โพสต์:
    951
    ค่าพลัง:
    +1,877
    เอวัมเม สุตังฯ เอกัง สะมะยัง ภะคะวา สาวัตถิยัง วิหะระติ เชตะวะเน อะนาถะปิณฑิกัสสะ อารา เมฯ
    Evam me sutaṃ: ekaṃ samayaṃ Bhagavā Sāvatthiyaṃ viharati Jetavane Anāthapiṇḍikassa ārāme

    ตัตตระ โข ภะคะวา ภิกขู อามันเตสิ ภิกขะโวติ ภะทันเตติ เต ภิกขู ภะวะโต ปัจจัสโสสุง
    Tattra kho bhagavā bhikkū āmantesi bhikkavoti Bhatanteti te bhikkū bhagavato paccassosuṃ

    ภะคะวา เอตะทะโวจะ เมตตายะ ภิกขะเว เจโตวิมุตติยา อาเส วิตายะ ภาวิตายะ พะหุลีกะตายะ ยานีกะตายะ
    bhagavā etathavoca mettaya Bhikhave jetovimutiyā āsevitāya bhāvitāya bahulīkatāya yānīkataya

    วัตถุกะตายะ อะนุฏฐิตายะ ปะริจิตายะ สุสะมารัทธายะ เอกาทะสานิสังสา ปาฏิกังขาฯ กะตะเม เอกาทะสะ?
    Vathukatāya anutthitāya paricitāya susamarat’dhāya ekātasānisaṃsā
    pāthikaṃkhā katame ekātasa

    (๑) สุขัง สุปะติ (๒) สุขัง ปะฏิพุชฌะติ (๓) นะ ปาปะกัง สุปินัง ปัสสะติ (๔) มะนุสสานัง ปิโย โหติ
    (1)Sukham supati (2) Sukham patibujati (3) Na pāpakaṃ supinaṅ passati (4) Manussānaṃ piyo hoti

    (๕) อะมะนุสสานัง ปิโย โหติ (๖) เทวะตา รักขันติ (๗) นาสสะ อัคคิ วา วิสัง วา สัตถัง วา กะมะติ (๘) ตุวะฏัง จิตตัง สะมาธิยะติ
    (5) Amanussānaṃ piyo hoti (6) Devatā rakkhanti (7) Nassa aggi vā visaṃ vā (8) Tuvatuṃ cittaṃ samādhiyati

    (๙) มุขะวัณโณ วิปปะสีทะติ (๑๐) อะสัมมุฬฬะโห กาลัง กะโรติ (๑๑) อุตตะริง อัปปะฏิวิชฌันโต พรหมมะโลกูปะโค โหติฯ
    (9) Mukhavanno vipasī dati (10) Asammulaho kālaṃ karoti (11) Uttariṅ appativijjhanto brammalogūpago hoti

    เมตตายะภิกขะเว เจโตวิมุตติยา อาเสวิตายะ ภาวิตายะ พะหุลีกะตายะ
    mettāya Bhikhave jetovimutiyā āsevitāya bhāvitāya bahulīkatāya
    ยานีกะตายะ วัตถุกะตายะ อะนุฏิฐิตายะ ปะริจิตายะ สุสะมารัทธายะ อิเม เอกาทะสานิสังสา ปาฏิกังขาฯ

    yānīkataya vathukatāya anutthitāya paricitāya susamarat’dhāya ekātasānisaṃsā Ime ekātasānisansā pātikamkhā

    อัตถิ อะโนธิโส ผะระณา เมตตาเจโตวิมุตติ
    Atthi anodhiso pharanā mettajetovimuti

    อัตถิ โอธิโส ผะระณา เมตตาเจโตวิมุตติ
    Atthi odhiso pharanā mettajetovimuti

    อัตถิ ทิสา ผะระณา เมตตาเจโตวิมุตติฯ
    Atthi disā pharanā mettajetovimuti

    กะตีหากาเรหิ อะโนธิโส ผะระณา เมตตาเจโตวิมุตติ?
    Katīhākarehi anodhiso pharanā mettajetovimuti
    กะตีหากาเรหิ โอธิโส ผะระณา เมตตาเจโตวิมุตติ?
    Katīhākarehi odhiso pharanā mettajetovimuti

    กะตีหาการเรหิ ทิสา ผะระณา เมตตาเจโตวิมุตติ?
    Katīhākarehi disā pharanā mettajetovimuti

    ปัญจะหากาเรหิ อะโนธิโส ผะระณา เมตตาเจโตวิมุติฯ
    Pañca-hākārehi anodhiso pharanā mettajetovimuti
    สัตตะหากาเรหิ โอธิโส ผะระณา เมตตาเจโตวิมุตติฯ
    Satta-hākārehi odhiso pharanā mettajetovimuti

    ทะสะหากาเรหิ ทิสา ผะระณา เมตตาเจโตวิมุตติฯ
    Dasa-hākārehi disā pharanā mettajetovimuti

    กะตะเมหิ ปัญจะหากาเรหิ อะโนธิโส ผะระณา เมตตาเจโตวิมุตติ?
    Katamehi pañcahākarehi anotiso Mettajetovimuti
    (๑) สัพเพ สัตตา อะเวรา อัพยาปัชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ
    Sabbe sattā averā abyāpajjhā anīghā hontu sukhī attānaṃ pariharantu

    (๒) สัพเพ ปาณา อะเวรา อัพยาปัชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ
    sabbe pāṇā averā abyāpajjhā anīghā hontu sukhī attānaṃ pariharantu

    (๓) สัพเพ ภูตา อะเวรา อัพยาปัชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ
    sabbe bhūtā averā abyāpajjhā anīghā hontu sukhī attānaṃ pariharantu

    (๔) สัพเพ ปุคคะลา อะเวรา อัพยาปัชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ
    sabbe puggalā averā abyāpajjhā anīghā hontu sukhī attānaṃ pariharantu
    (๕) สัพเพ อัตตะภาวะปะริยาปันนา อะเวรา อัพยาปัชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตูติ
    sabbe attabhāvapariyāpannā averā abyāpajjhā anīghā hontu sukhī attānaṃ pariharantuti

    อิเมหิ ปัญจะหากาเรหิ อะโนธิโส ผะระณา เมตตาเจโตวิมุตติฯ
    Imehi pañcahākarehi anotiso pharanā mettajetovimuti
    กะตะเมหิ สัตตะหากาเรหิ โอธิโส ผะระณา เมตตาเจโตวิมุตติฯ
    Katamehi Satta-hākārehi odhiso pharanā mettajetovimuti

    (๑) สัพเพ อิตถิโย อะเวรา อัพยาปัชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ
    Sabbā itthiyo averā abyāpajjhā anīghā sukhī attānaṅ pariharantu
    (๒) สัพเพ ปุริสา อะเวรา อัพยาปัชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ
    sabbe purisā averā abyāpajjhā anīghā sukhī attānaṅ pariharantu

    (๓) สัพเพ อะริยา อะเวรา อัพยาปัชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ
    sabbe ariyā averā abyāpajjhā anīghā sukhī attānaṅ pariharantu
    (๔) สัพเพ อะนะริยา อะเวรา อัพยาปัชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ
    sabbe anariyā averā abyāpajjhā anīghā sukhī attānaṅ pariharantu

    (๕) สัพเพ เทวา อะเวรา อัพยาปัชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ
    Sabbe devā averā abyāpajjhā anīghā sukhī attānaṅ pariharantu

    (๖) สัพเพ มะนุสสา อะเวรา อัพยาปัชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ
    Sabbe manussā averā abyāpajjhā anīghā sukhī attānaṅ pariharantu

    (๗) สัพเพ วินิปาติกา อะเวรา อัพยาปัชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตูติ
    sabbe vinipātikā averā abyāpajjhā anīghā sukhī attānaṅ pariharantu

    อิเมหิ สัตตะหากาเรหิ โอธิโส ผะระณา เมตตาเจโตวิมุตติฯ
    Imehi sattāhākarehi anotiso pharanā mettajetovimuti
    กะตะเมหิ ทะสะหากาเรหิ ทิสา ผะระณา เมตตาเจโตวิมุตติ?
    Katamehi tasa-hākārehi odhiso pharanā mettajetovimuti

    (๑) สัพเพ ปุรัตถิมายะ ทิสายะ สัตตา อะเวรา อัพยาปัชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ
    Sabbe puratthimaya disaya satta averā abyāpajjhā anīghā sukhī attānaṅ pariharantu

    (๒) สัพเพ ปัจฉิมายะ ทิสายะ สัตตา อะเวรา อัพยาปัชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ
    Sabbe pacchimaya disaya satta averā abyāpajjhā anīghā sukhī attānaṅ pariharantu

    (๓) สัพเพ อุตตะรายะ ทิสายะ สัตตา อะเวรา อัพยาปัชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ
    Sabbe uttaraya disaya satta averā abyāpajjhā anīghā sukhī attānaṅ pariharantu

    (๔) สัพเพ ทักขิณายะ ทิสายะ สัตตา อะเวรา อัพยาปัชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ
    Sabbe dakkhinaya disaya satta averā abyāpajjhā anīghā sukhī attānaṅ pariharantu

    (๕) สัพเพ ปุรัตถิมายะ อะนุทิสายะ สัตตา อะเวรา อัพยาปัชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ
    Sabbe puratthimaya anudisaya satta averā abyāpajjhā anīghā sukhī attānaṅ pariharantu

    (๖) สัพเพ ปัจฉิมายะ อะนุทิสายะ สัตตา อะเวรา อัพยาปัชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ
    Sabbe pacchimaya anudisaya satta averā abyāpajjhā anīghā sukhī attānaṅ pariharantu

    (๗) สัพเพ อุตตะรายะ อะนุทิสายะ สัตตา อะเวรา อัพยาปัชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ
    Sabbe uttaraya anudisaya satta averā abyāpajjhā anīghā sukhī attānaṅ pariharantu

    (๘) สัพเพ ทักขะณายะ อะนุทิสายะ สัตตา อะเวรา อัพยาปัชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ
    Sabbe dakkhinaya anudisaya satta averā abyāpajjhā anīghā sukhī attānaṅ pariharantu

    (๙) สัพเพ เหฏฐิมายะ ทิสายะ สัตตา อะเวรา อัพยาปัชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ
    Sabbe hettimaya disaya satta averā abyāpajjhā anīghā sukhī attānaṅ pariharantu

    (๑๐)สัพเพ อุปะริมายะ ทิสายะ สัตตา อะเวรา อัพยาปัชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ
    Sabbe uparimaya disaya satta averā abyāpajjhā anīghā sukhī attānaṅ pariharantu
    (๑) สัพเพ ปุรัตถิยายะ ทิสายะ ปาณาอะเวรา อัพยาปัชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ
    Sabbe puratthimaya disaya pāṇā averā abyāpajjhā anīghā sukhī attānaṅ pariharantu

    (๒) สัพเพ ปัจฉิมายะ ทิสายะ ปาณาอะเวรา อัพยาปัชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ
    Sabbe pacchimaya disaya pāṇā averā abyāpajjhā anīghā sukhī attānaṅ pariharantu

    (๓) สัพเพ อุตตะรายะ ทิสายะ ปาณาอะเวรา อัพยาปัชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ
    Sabbe uttaraya disaya pāṇā averā abyāpajjhā anīghā sukhī attānaṅ pariharantu

    (๔) สัพเพ ทักขิณายะ ทิสายะ ปาณาอะเวรา อัพยาปัชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ
    Sabbe dakkhinaya disaya pāṇā averā abyāpajjhā anīghā sukhī attānaṅ pariharantu

    (๕) สัพเพ ปุรัตถิมายะ ทิสายะ ปาณาอะเวรา อัพยาปัชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ
    Sabbe puratthimaya disaya pāṇā averā abyāpajjhā anīghā sukhī attānaṅ pariharantu

    (๖) สัพเพ ปัจฉิมายะ อะนุทิสายะ ปาณาอะเวรา อัพยาปัชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ
    Sabbe pacchimaya anudisaya pāṇā averā abyāpajjhā anīghā sukhī attānaṅ pariharantu

    (๗) สัพเพ อุตตะรายะ อะนุทิสายะ ปาณาอะเวรา อัพยาปัชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ
    Sabbe uttaraya anudisaya pāṇā averā abyāpajjhā anīghā sukhī attānaṅ pariharantu

    (๘) สัพเพ ทักขินายะ อะนุทิสายะ ปาณาอะเวรา อัพยาปัชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ
    Sabbe dakkhinaya anudisaya pāṇā averā abyāpajjhā anīghā sukhī attānaṅ pariharantu

    (๙) สัพเพ เหฏฐิมายะ ทิสายะ ปาณาอะเวรา อัพยาปัชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ
    Sabbe hettimaya disaya pāṇā averā abyāpajjhā anīghā sukhī attānaṅ pariharantu

    (๑๐)สัพเพ อุปะริมายะ ทิสายะ ปาณาอะเวรา อัพยาปัชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ
    Sabbe uparimaya disaya pāṇā averā abyāpajjhā anīghā sukhī attānaṅ pariharantu

    (๑) สัพเพ ปุรัตถิมายะ ทิสายะ ภูตา อะเวรา อัพยาปัชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ
    Sabbe puratthimaya disaya bhūtā averā abyāpajjhā anīghā sukhī attānaṅ pariharantu

    (๒) สัพเพ ปัจฉิมายะ ทิสายะ ภูตา อะเวรา อัพยาปัชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ
    Sabbe pacchimaya disaya bhūtā averā abyāpajjhā anīghā sukhī attānaṅ pariharantu

    (๓) สัพเพ อุตตะรายะ ทิสายะ ภูตา อะเวรา อัพยาปัชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ
    Sabbe uttaraya disaya bhūtā averā abyāpajjhā anīghā sukhī attānaṅ pariharantu

    (๔) สัพเพ ทักขิณายะ ทิสายะ ภูตา อะเวรา อัพยาปัชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ
    Sabbe dakkhinaya disaya bhūtā averā abyāpajjhā anīghā sukhī attānaṅ pariharantu

    (๕) สัพเพ ปุรัตถิมายะ อะนุทิสายะ ภูตา อะเวรา อัพยาปัชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ
    Sabbe puratthimaya anudisaya pāṇā averā abyāpajjhā anīghā sukhī attānaṅ pariharantu

    (๖) สัพเพ ปัจฉิมายะ อะนุทิสายะ ภูตา อะเวรา อัพยาปัชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ
    Sabbe pacchimaya anudisaya pāṇā averā abyāpajjhā anīghā sukhī attānaṅ pariharantu

    (๗) สัพเพ อุตตะรายะ อะนุทิสายะ ภูตา อะเวรา อัพยาปัชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ
    Sabbe uttaraya anudisaya pāṇā averā abyāpajjhā anīghā sukhī attānaṅ pariharantu

    (๘) สัพเพ ทักขิณายะ อะนุทิสายะ ภูตา อะเวรา อัพยาปัชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ
    Sabbe dakkhinaya anudisaya pāṇā averā abyāpajjhā anīghā sukhī attānaṅ pariharantu

    (๙) สัพเพ เหฏฐิมายะ ทิสายะ ภูตา อะเวรา อัพยาปัชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ
    Sabbe hettimaya disaya bhūtā averā abyāpajjhā anīghā sukhī attānaṅ pariharantu

    (๑๐)สัพเพ อุปะริมายะ ทิสายะ ภูตา อะเวรา อัพยาปัชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ
    Sabbe uparimaya disaya bhūtā averā abyāpajjhā anīghā sukhī attānaṅ pariharantu

    (๑) สัพเพ ปุรัตถิมายะ ทิสายะ ปุคคะลา อะเวรา อัพยาปัชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ
    Sabbe puratthimaya disaya puggalā averā abyāpajjhā anīghā sukhī attānaṅ pariharantu

    (๒) สัพเพ ปัจฉิมายะ ทิสายะ ปุคคะลา อะเวรา อัพยาปัชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ
    Sabbe pacchimaya disaya puggalā averā abyāpajjhā anīghā sukhī attānaṅ pariharantu

    (๓) สัพเพ อุตตะรายะ ทิสายะ ปุคคะลา อะเวรา อัพยาปัชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ
    Sabbe uttaraya disaya puggalā averā abyāpajjhā anīghā sukhī attānaṅ pariharantu

    (๔) สัพเพ ทักขิณายะ ทิสายะ ปุคคะลา อะเวรา อัพยาปัชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ
    Sabbe dakkhinaya disaya puggalā averā abyāpajjhā anīghā sukhī attānaṅ pariharantu

    (๕) สัพเพ ปุรัตถิมายะ อะนุทิสายะ ปุคคะลา อะเวรา อัพยาปัชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ
    Sabbe puratthimaya anudisaya puggalā averā abyāpajjhā anīghā sukhī attānaṅ pariharantu
    (๖) สัพเพ ปัจฉิมายะ อะนุทิสายะ ปุคคะลา อะเวรา อัพยาปัชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ
    Sabbe pacchimaya anudisaya puggalā averā abyāpajjhā anīghā sukhī attānaṅ pariharantu

    (๗) สัพเพ อุตตะรายะ อะนุทิสายะ ปุคคะลา อะเวรา อัพยาปัชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ
    Sabbe uttaraya anudisaya puggalā averā abyāpajjhā anīghā sukhī attānaṅ pariharantu

    (๘) สัพเพ ทักขิณายะ อะนุทิสายะ ปุคคะลา อะเวรา อัพยาปัชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ
    Sabbe dakkhinaya anudisaya puggalā averā abyāpajjhā anīghā sukhī attānaṅ pariharantu

    (๙) สัพเพ เหฏฐิมายะ ทิสายะ ปุคคะลา อะเวรา อัพยาปัชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ
    Sabbe hettimaya disaya puggalā averā abyāpajjhā anīghā sukhī attānaṅ pariharantu

    (๑๐) สัพเพ อุปะริมายะ ทิสายะ ปุคคะลา อะเวรา อัพยาปัชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ
    Sabbe uparimaya disaya puggalā averā abyāpajjhā anīghā sukhī attānaṅ pariharantu

    (๑) สัพเพ ปุรัตถิมายะ ทิสายะ อัตตะภาวะปะริยาปันนา อะเวรา อัพยาปัชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ
    Sabbe puratthimaya disaya attabhāvapariyāpannā averā abyāpajjhā anīghā sukhī attānaṅ pariharantu

    (๒) สัพเพ ปัจฉิมายะ ทิสายะ อัตตะภาวะปะริยาปันนา อะเวรา อัพยาปัชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ
    Sabbe pacchimaya disaya attabhāvapariyāpannā averā abyāpajjhā anīghā sukhī attānaṅ pariharantu

    (๓) สัพเพ อุตตะรายะ ทิสายะ อัตตะภาวะปะริยาปันนา อะเวรา อัพยาปัชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ
    Sabbe uttaraya disaya attabhāvapariyāpannā averā abyāpajjhā anīghā sukhī attānaṅ pariharantu

    (๔) สัพเพ ทักขิณายะ ทิสายะ อัตตะภาวะปะริยาปันนา อะเวรา อัพยาปัชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ
    Sabbe dakkhinaya disaya attabhāvapariyāpannā averā abyāpajjhā anīghā sukhī attānaṅ pariharantu

    (๕) สัพเพ ปุรัตถิมายะ อะนุทิสายะ อัตตะภาวะปะริยาปันนา อะเวรา อัพยาปัชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ
    anudisaya attabhāvapariyāpannā averā abyāpajjhā anīghā sukhī attānaṅ pariharantu

    (๖) สัพเพ ปัจฉิมายะ อะนุทิสายะ อัตตะภาวะปะริยาปันนา อะเวรา อัพยาปัชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ
    Sabbe pacchimaya anudisaya attabhāvapariyāpannā averā abyāpajjhā anīghā sukhī attānaṅ pariharantu

    (๗) สัพเพ อุตตะรายะ อะนุทิสายะ อัตตะภาวะปะริยาปันนา อะเวรา อัพยาปัชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ
    Sabbe uttaraya anudisaya attabhāvapariyāpannā averā abyāpajjhā anīghā sukhī attānaṅ pariharantu

    (๘) สัพเพ ทักขิณายะ อะนุทิสายะ อัตตะภาวะปะริยาปันนา อะเวรา อัพยาปัชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ
    Sabbe dakkhinaya anudisaya attabhāvapariyāpannā averā abyāpajjhā anīghā sukhī attānaṅ pariharantu

    (๙) สัพเพ เหฏฐิมายะ ทิสายะ อัตตะภาวะปะริยาปันนา อะเวรา อัพยาปัชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ
    Sabbe hettimaya disaya attabhāvapariyāpannā averā abyāpajjhā anīghā sukhī attānaṅ pariharantu

    (๑๐) สัพเพ อุปะริมายะ ทิสายะ อัตตะภาวะปะริยาปันนา อะเวรา อัพยาปัชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ
    Sabbe uparimaya disaya attabhāvapariyāpannā averā abyāpajjhā anīghā sukhī attānaṅ pariharantu

    (๑) สัพเพ ปุรัตถิมายะ ทิสายะ อิตถิโย อะเวรา อัพยาปัชฌา อานีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ
    Sabbe puratthimaya disaya itthiyo averā abyāpajjhā anīghā sukhī attānaṅ pariharantu

    (๒) สัพเพ ปัจฉิมายะ ทิสายะ อิตถิโย อะเวรา อัพยาปัชฌา อานีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ
    Sabbe pacchimaya disaya itthiyo averā abyāpajjhā anīghā sukhī attānaṅ pariharantu

    (๓) สัพเพ อุตตะรายะ ทิสายะ อิตถิโย อะเวรา อัพยาปัชฌา อานีฆา สุขีอัตตานัง ปะริหะรันตุฯ
    Sabbe uttaraya disaya itthiyo averā abyāpajjhā anīghā sukhī attānaṅ pariharantu

    (๔) สัพเพ ทักขิณายะ ทิสายะ อิตถิโย อะเวรา อัพยาปัชฌา อานีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ
    Sabbe dakkhinaya disaya itthiyo averā abyāpajjhā anīghā sukhī attānaṅ pariharantu

    (๕) สัพเพ ปุรัตถิมายะ อะนุทิสายะ อิตถิโย อะเวรา อัพยาปัชฌา อานีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ
    Sabbe puratthimaya anudisaya itthiyo averā abyāpajjhā anīghā sukhī attānaṅ pariharantu

    (๖) สัพเพ ปัจฉิมายะ อะนุทิสายะ อิตถิโย อะเวรา อัพยาปัชฌา อานีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ
    Sabbe pacchimaya anudisaya itthiyo averā abyāpajjhā anīghā sukhī attānaṅ pariharantu

    (๗) สัพเพ อุตตะรายะ อะนุทิสายะ อิตถิโย อะเวรา อัพยาปัชฌา อานีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ
    Sabbe uttaraya anudisaya itthiyo averā abyāpajjhā anīghā sukhī attānaṅ pariharantu

    (๘) สัพเพ ทักขิณายะ อะนุทิสายะ อิตถิโย อะเวรา อัพยาปัชฌา อานีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ
    Sabbe dakkhinaya anudisaya itthiyo averā abyāpajjhā anīghā sukhī attānaṅ pariharantu
    (๙) สัพเพ เหฏฐิมายะ ทิสายะ อิตถิโย อะเวรา อัพยาปัชฌา อานีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ
    Sabbe hettimaya disaya itthiyo averā abyāpajjhā anīghā sukhī attānaṅ pariharantu

    (๑๐)สัพเพ อุปะริมายะ ทิสายะ อิตถิโย อะเวรา อัพยาปัชฌา อานีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ
    Sabbe uparimaya disaya itthiyo averā abyāpajjhā anīghā sukhī attānaṅ pariharantu

    (๑) สัพเพ ปุรัตถิมายะ ทิสายะ ปุริสา อะเวรา อัพยาปัชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ
    Sabbe puratthimaya disaya purisā averā abyāpajjhā anīghā sukhī attānaṅ pariharantu

    (๒) สัพเพ ปัจฉิมายะ ทิสายะ ปุริสา อะเวรา อัพยาปัชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ
    Sabbe pacchimaya disaya purisā averā abyāpajjhā anīghā sukhī attānaṅ pariharantu

    (๓) สัพเพ อุตตะรายะ ทิสายะ ปุริสา อะเวรา อัพยาปัชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ
    Sabbe uttaraya disaya purisā averā abyāpajjhā anīghā sukhī attānaṅ pariharantu

    (๔) สัพเพ ทักขิณายะ ทิสายะ ปุริสา อะเวรา อัพยาปัชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ
    Sabbe dakkhinaya disaya purisā averā abyāpajjhā anīghā sukhī attānaṅ pariharantu

    (๕) สัพเพ ปุรัตถิมายะ อะนุทิสายะ ปุริสา อะเวรา อัพยาปัชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ
    Sabbe puratthimaya anudisaya purisā averā abyāpajjhā anīghā sukhī attānaṅ pariharantu

    (๖) สัพเพ ปัจฉิมายะ อะนุทิสายะ ปุริสา อะเวรา อัพยาปัชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ
    Sabbe pacchimaya anudisaya purisā averā abyāpajjhā anīghā sukhī attānaṅ pariharantu

    (๗) สัพเพ อุตตารายะ อะนุทิสายะ ปุริสา อะเวรา อัพยาปัชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ
    Sabbe uttaraya anudisaya purisā averā abyāpajjhā anīghā sukhī attānaṅ pariharantu

    (๘) สัพเพ ทักขิณายะ อะนุทิสายะ ปุริสา อะเวรา อัพยาปัชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ
    Sabbe dakkhinaya anudisaya purisā averā abyāpajjhā anīghā sukhī attānaṅ pariharantu

    (๙) สัพเพ เหฏฐิมายะ ทิสายะ ปุริสา อะเวรา อัพยาปัชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ
    Sabbe hettimaya disaya purisā averā abyāpajjhā anīghā sukhī attānaṅ pariharantu

    (๑๐) สัพเพ อุปะริมายะ ทิสายะ ปุริสา อะเวรา อัพยาปัชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ
    Sabbe uparimaya disaya purisā averā abyāpajjhā anīghā sukhī attānaṅ pariharantu

    (๑) สัพเพ ปุรัตถิมายะ ทิสายะ อะริยา อะเวรา อัพยาปัชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ
    Sabbe puratthimaya disaya ariyā averā abyāpajjhā anīghā sukhī attānaṅ pariharantu
    (๒) สัพเพ ปัจฉิมายะ ทิสายะ อะริยา อะเวรา อัพยาปัชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ
    Sabbe pacchimaya disaya ariyā averā abyāpajjhā anīghā sukhī attānaṅ pariharantu

    (๓) สัพเพ อุตตะรายะ ทิสายะ อะริยา อะเวรา อัพยาปัชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ
    Sabbe uttaraya disaya ariyā averā abyāpajjhā anīghā sukhī attānaṅ pariharantu

    (๔) สัพเพ ทักขิณายะ ทิสายะ อะริยา อะเวรา อัพยาปัชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ
    Sabbe dakkhinaya disaya ariyā averā abyāpajjhā anīghā sukhī attānaṅ pariharantu

    (๕) สัพเพ ปุรัตถิมายะ อะนุทิสายะ อะริยา อะเวรา อัพยาปัชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ
    Sabbe puratthimaya anudisaya ariyā averā abyāpajjhā anīghā sukhī attānaṅ pariharantu

    (๖) สัพเพ ปัจฉิมายะ อะนุทิสายะ อะริยา อะเวรา อัพยาปัชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ
    Sabbe pacchimaya anudisaya ariyā averā abyāpajjhā anīghā sukhī attānaṅ pariharantu

    (๗) สัพเพ อุตตะรายะ อะนุทิสายะ อะริยา อะเวรา อัพยาปัชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ
    Sabbe uttaraya anudisaya ariyā averā abyāpajjhā anīghā sukhī attānaṅ pariharantu

    (๘) สัพเพ ทักขิณายะ อะนุทิสายะ อะริยา อะเวรา อัพยาปัชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ
    Sabbe dakkhinaya anudisaya ariyā averā abyāpajjhā anīghā sukhī attānaṅ pariharantu

    (๙) สัพเพ เหฏฐิมายะ ทิสายะ อะริยา อะเวรา อัพยาปัชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ
    Sabbe hettimaya disaya ariyā averā abyāpajjhā anīghā sukhī attānaṅ pariharantu

    (๑๐) สัพเพ อุปะริมายะ ทิสายะ อะริยา อะเวรา อัพยาปัชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ
    Sabbe uparimaya disaya ariyā averā abyāpajjhā anīghā sukhī attānaṅ pariharantu

    (๑) สัพเพ ปุรัตถิมายะ ทิสายะ อะนะริยา อะเวรา อัพยาปัชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ
    Sabbe puratthimaya disaya ariyā averā abyāpajjhā anīghā sukhī attānaṅ pariharantu
    (๒) สัพเพ ปัจฉิมายะ ทิสายะ อะนะริยา อะเวรา อัพยาปัชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ
    Sabbe pacchimaya disaya ariyā averā abyāpajjhā anīghā sukhī attānaṅ pariharantu

    (๓) สัพเพ อุตตะรายะ ทิสายะ อะนะริยา อะเวรา อัพยาปัชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ
    Sabbe uttaraya disaya ariyā averā abyāpajjhā anīghā sukhī attānaṅ pariharantu

    (๔) สัพเพ ทักขิณายะ ทิสายะ อะนะริยา อะเวรา อัพยาปัชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ
    Sabbe dakkhinaya disaya ariyā averā abyāpajjhā anīghā sukhī attānaṅ pariharantu
    (๕) สัพเพ ปุรัตถิมายะ อะนุทิสายะ อะนะริยา อะเวรา อัพยาปัชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ
    Sabbe puratthimaya anudisaya ariyā averā abyāpajjhā anīghā sukhī attānaṅ pariharantu

    (๖) สัพเพ ปัจฉิมายะ อะนุทิสายะ อะนะริยา อะเวรา อัพยาปัชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ
    Sabbe pacchimaya anudisaya ariyā averā abyāpajjhā anīghā sukhī attānaṅ pariharantu

    (๗) สัพเพ อุตตะรายะ อะนุทิสายะ อะนะริยา อะเวรา อัพยาปัชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ
    Sabbe uttaraya anudisaya ariyā averā abyāpajjhā anīghā sukhī attānaṅ pariharantu

    (๘) สัพเพ ทักขิณายะ อะนุทิสายะ อะนะริยา อะเวรา อัพยาปัชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ
    Sabbe dakkhinaya anudisaya ariyā averā abyāpajjhā anīghā sukhī attānaṅ pariharantu

    (๙) สัพเพ เหฏฐิมายะ ทิสายะ อะนะริยา อะเวรา อัพยาปัชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ
    Sabbe hettimaya disaya ariyā averā abyāpajjhā anīghā sukhī attānaṅ pariharantu

    (๑๐) สัพเพ อุปะริมายะ ทิสายะ อะนะริยา อะเวรา อัพยาปัชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ
    Sabbe uparimaya disaya ariyā averā abyāpajjhā anīghā sukhī attānaṅ pariharantu

    (๑) สัพเพ ปุรัตถิมายะ ทิสายะ เทวา อะเวรา อัพยาปัชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ
    Sabbe puratthimaya disaya devā averā abyāpajjhā anīghā sukhī attānaṅ pariharantu

    (๒) สัพเพ ปัจฉิมายะ ทิสายะ เทวา อะเวรา อัพยาปัชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ
    Sabbe pacchimaya disaya devā averā abyāpajjhā anīghā sukhī attānaṅ pariharantu

    (๓) สัพเพ อุตตะรายะ ทิสายะ เทวา อะเวรา อัพยาปัชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ
    Sabbe uttaraya disaya devā averā abyāpajjhā anīghā sukhī attānaṅ pariharantu

    (๔) สัพเพ ทักขิณายะ ทิสายะ เทวา อะเวรา อัพยาปัชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ
    Sabbe dakkhinaya disaya devā averā abyāpajjhā anīghā sukhī attānaṅ pariharantu

    (๕) สัพเพ ปุรัตถิมายะ อะนุทิสายะ เทวา อะเวรา อัพยาปัชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ
    Sabbe puratthimaya anudisaya devā averā abyāpajjhā anīghā sukhī attānaṅ pariharantu

    (๖) สัพเพ ปัจฉิมายะ อะนุทิสายะ เทวา อะเวรา อัพยาปัชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ
    Sabbe pacchimaya anudisaya devā averā abyāpajjhā anīghā sukhī attānaṅ pariharantu

    (๗) สัพเพ อุตตะรายะ อะนุทิสายะ เทวา อะเวรา อัพยาปัชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ
    Sabbe uttaraya anudisaya devā averā abyāpajjhā anīghā sukhī attānaṅ pariharantu

    (๘) สัพเพ ทักขิณายะ อะนุทิสายะ เทวา อะเวรา อัพยาปัชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ
    Sabbe dakkhinaya anudisaya devā averā abyāpajjhā anīghā sukhī attānaṅ pariharantu

    (๙) สัพเพ เหฏฐิมายะ ทิสายะ เทวา อะเวรา อัพยาปัชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ
    Sabbe hettimaya disaya devā averā abyāpajjhā anīghā sukhī attānaṅ pariharantu

    (๑๐) สัพเพ อุปะริมายะ ทิสายะ เทวา อะเวรา อัพยาปัชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ
    Sabbe uparimaya disaya devā averā abyāpajjhā anīghā sukhī attānaṅ pariharantu

    (๑) สัพเพ ปุรัตถิมายะ ทิสายะ มะนุสสา อะเวรา อัพยาปัชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ
    Sabbe puratthimaya disaya manussā averā abyāpajjhā anīghā sukhī attānaṅ pariharantu

    (๒) สัพเพ ปัจฉิมายะ ทิสายะ มะนุสสา อะเวรา อัพยาปัชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ
    Sabbe pacchimaya disaya manussā averā abyāpajjhā anīghā sukhī attānaṅ pariharantu

    (๓) สัพเพ อุตตะรายะ ทิสายะ มะนุสสา อะเวรา อัพยาปัชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ
    Sabbe uttaraya disaya manussā averā abyāpajjhā anīghā sukhī attānaṅ pariharantu

    (๔) สัพเพ ทักขิณายะ ทิสายะ มะนุสสา อะเวรา อัพยาปัชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ
    Sabbe dakkhinaya disaya manussā averā abyāpajjhā anīghā sukhī attānaṅ pariharantu

    (๕) สัพเพ ปุรัตถิมายะ อะนุทิสายะ มะนุสสา อะเวรา อัพยาปัชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ
    Sabbe puratthimaya anudisaya manussā averā abyāpajjhā anīghā sukhī attānaṅ pariharantu

    (๖) สัพเพ ปัจฉิมายะ อะนุทิสายะ มะนุสสา อะเวรา อัพยาปัชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ
    Sabbe pacchimaya anudisaya manussā averā abyāpajjhā anīghā sukhī attānaṅ pariharantu

    (๗) สัพเพ อุตตะรายะ อะนุทิสายะ มะนุสสา อะเวรา อัพยาปัชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ
    Sabbe uttaraya anudisaya manussā averā abyāpajjhā anīghā sukhī attānaṅ pariharantu

    (๘) สัพเพ ทักขิณายะ อะนุทิสายะ มะนุสสา อะเวรา อัพยาปัชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ
    Sabbe dakkhinaya anudisaya manussā averā abyāpajjhā anīghā sukhī attānaṅ pariharantu

    (๙) สัพเพ เหฏฐิมายะ ทิสายะ มะนุสสา อะเวรา อัพยาปัชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ
    Sabbe hettimaya disaya manussā averā abyāpajjhā anīghā sukhī attānaṅ pariharantu

    (๑๐) สัพเพ อุปะริมายะ ทิสายะ มะนุสสา อะเวรา อัพยาปัชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ
    Sabbe uparimaya disaya manussā averā abyāpajjhā anīghā sukhī attānaṅ pariharantu

    (๑) สัพเพ ปุรัตถิมายะ ทิสายะ วินิปาติกา อะเวรา อัพยาปัชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ
    Sabbe puratthimaya disaya vinipātikā averā abyāpajjhā anīghā sukhī attānaṅ pariharantu

    (๒) สัพเพ ปัจฉิมายะ ทิสายะ วินิปาติกา อะเวรา อัพยาปัชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ
    Sabbe pacchimaya disaya vinipātikā averā abyāpajjhā anīghā sukhī attānaṅ pariharantu

    (๓) สัพเพ อุตตะรายะ ทิสายะ วินิปาติกา อะเวรา อัพยาปัชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ
    Sabbe uttaraya disaya vinipātikā averā abyāpajjhā anīghā sukhī attānaṅ pariharantu

    (๔) สัพเพ ทักขิณายะ ทิสายะ วินิปาติกา อะเวรา อัพยาปัชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ
    Sabbe dakkhinaya disaya vinipātikā averā abyāpajjhā anīghā sukhī attānaṅ pariharantu

    (๕) สัพเพ ปุรัตถิมายะ อะนุทิสายะ วินิปาติกา อะเวรา อัพยาปัชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ
    Sabbe puratthimaya anudisaya vinipātikā averā abyāpajjhā anīghā sukhī attānaṅ pariharantu

    (๖) สัพเพ ปัจฉิมายะ อะนุทิสายะ วินิปาติกา อะเวรา อัพยาปัชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ
    Sabbe pacchimaya anudisaya vinipātikā averā abyāpajjhā anīghā sukhī attānaṅ pariharantu

    (๗) สัพเพ อุตตะรายะ อะนุทิสายะ วินิปาติกา อะเวรา อัพยาปัชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ
    Sabbe uttaraya anudisaya vinipātikā averā abyāpajjhā anīghā sukhī attānaṅ pariharantu

    (๘) สัพเพ ทักขิณายะ อะนุทิสายะ วินิปาติกา อะเวรา อัพยาปัชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ
    Sabbe dakkhinaya anudisaya vinipātikā averā abyāpajjhā anīghā sukhī attānaṅ pariharantu

    (๙) สัพเพ เหฏฐิมายะ ทิสายะ วินิปาติกา อะเวรา อัพยาปัชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ
    Sabbe hettimaya disaya vinipātikā averā abyāpajjhā anīghā sukhī attānaṅ pariharantu

    (๑๐) สัพเพ อุปะริมายะ ทิสายะ วินิปาติกา อะเวรา อัพยาปัชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตูติฯ
    Sabbe uparimaya

    อิเมหิ ทะสะหากาเรหิ ทิสา ผะระณา เมตตาเจโตวิมุตติ
    Imehi dasahākārehi disā paranā mettācetovimuti
    สัพเพสัง สัตตานัง ปีฬะนัง วัชเชตวา
    sabbesaṃ sattānaṃ pīḷaṇaṃ vajjetavā
    อะปีฬานะยะ อุปะฆาตัง วัชเชตวา
    apīḷanāya uppaghātaṃ vajjetavā
    อะนุปิฆาเตนะ สันตาปัง วัชเชตวา
    anupaghātena santāpaṃ vajjetvā
    อะสันตาเปนะ ปะริยาทานัง วัชเชตวา
    asantāpeṇa pariyadāṇaṅ vajjetavā
    อะปะริยาทาเนนะ วิเหสัง วัชเชตวา
    apariyadāṇena vihesaṃ vajjetavā
    อะวิเหสายะ สัพเพ สัตตา อะเวริโน โหนตุ มา เวริโน สุขิโน โหนตุ มา ทุกขิโน สุขิตัตตา โหนตุ มา
    avihesāya sabbe sattā averino hontu mā verino sukhino hontumā dukkhino sukhitattā hontu mā
    ทุกขิตตาติ อิเมหิ อัฏฐะหากาเรหิ สัพเพ สัตตา เมตตายะตีติ เมตตา ตัง ธัมมัง เจตะยะตีติ
    dukkhino sukhitattā hontu mā dukkhitattāti imehi aṭṭhahākārehi sabbe satte mettayatīti mettataṃ dhammaṃ cetayatīti
    เจโต สัพพะพะยาปะทะปะริยุฏฐาเนหิ มุจจะตีติ เมตตา จะ เจโตวิมุตติ จาติ เมตตาเจโตวิมุตติฯ
    ceto sabba-byapadapariyuṭṭhānehi muccatīti vimuti mettā ca cetovimuti cāti mettacetovimuti
    เมตตา พรหมมะวิหาระภาวะนา นิฏฐิตา.
    mettāprammaviharabhavanā niṭṭhitā
     

แชร์หน้านี้

Loading...