นิมิตหลวงพ่อโอภาษี

ในห้อง 'กฎแห่งกรรม - ภพภูมิ' ตั้งกระทู้โดย Lukhgai, 7 กรกฎาคม 2009.

  1. Lukhgai

    Lukhgai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤศจิกายน 2008
    โพสต์:
    3,000
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +8,240
    พอดีเมื่อวานไปถวายเทียนพรรษาที่วัดหลวงพ่อโอภาษีครับ
    คิดว่าเพื่อนๆที่อยู่แถวพระราม
    2 คงรู้จักกันทุกคนเข้าเรื่องเลยนะครับ
    ผมก็ไปกับที่บ้านรวม 5คน เข้าไปถึงกุฎิที่
    พ่อผมบอกว่าเป็นพี่ชายของเจ้าอาวาส
    เป็นหลวงพ่อ อายุราวๆ70 ตาซ้ายเสียอ่ะครับ
    เห็นบอกว่าองค์นี้เก่งมาก ก็เข้าไปถวายเทียนพรรษาพร้อมๆ
    กับอีกหลายๆ คนที่มาหาหลวงพ่อเช่นกัน
    พอถวายเทียนเสร็จหลวงพ่อท่านก็เล่าว่าท่านนิมิต( ฝัน)ว่า
    ท่านได้ไปนรกครับไปเจอเท้าเทพสุวรรณ(ยมฑูต)
    ท่านก็เล่าว่าท่านถามสุวรรณว่าท่านตายแล้วหรอ
    สุวรรณบอกว่าท่านยังไม่ตายแต่จะพาไปเที่ยว
    แล้วเค้าก็พาหลวงพ่อเดินไปเดินไปเรื่อยจนถึงระยะหนึ่ง
    หลวงพ่อหยุดเดินสุวรรณที่เดินนำก็เดินกลับมาครับ
    แล้วถามว่า หยุดทำไม
    ท่านก็ตอบว่าเดินตั้งนานแล้วในนรกไม่เห็นมีอะไรเรย
    ระหว่างนั้นท่านก็บรรยายบรรยกาศของนรก
    ว่านรกมีไฟเพลิงสีส้มแดงแต่ไม่มีควัน
    แล้วก็ไม่ร้อนที่ท่านไม่ร้อนเพราะท่านมีบุญดีอยู่
    แล้วสุวรรณก็ถามต่อครับว่าอยากเห็นอะไรละ
    ท่านตอบว่าอยากเห็นต้นงิ้ว
    และกะทะทองแดงสุวรรณบอกว่าไม่มีหรอก
    มนุษย์อุปโหลกขึ้นมาเองทั้งนั้น
    ในนี้มีแต่ไฟโลกัณฑ์
    เดินไปอีกหน่อยแล้วจะรู้เองท่านก็ได้เดินต่อไป
    สิ่งที่ท่านเห็นก็คือเหวที่มีไฟแดงฉานอยู่ข้างล่าง
    สุวรรณบอกว่าใครทำกรรมชั่วมากก็จะอยู่ข้างล่างสุด
    ทำกรรมชั่วน้อยก็จะอยู่ข้างบน
    ซึ่งข้างล่างจะร้อนกว่าข้างบน
    คราวนี้เดินต่อไปเรื่อยๆ
    ท่านก็เห็นทางสามแพร่ง มีน้ำกันอยู่
    จึงได้ถามสุวรรณว่านี้คืออะไร
    สุวรรณตอบว่านี่คือทางไปนรก สวรรค์ โลกมนุษย์
    ซึ่งมีคนยืนในช่องทางไปโลกเยอะมากๆ
    มีบางคนแอบซุกเพื่อหลบน้ำที่จะต้องผ่าน
    ท่านจึงถามว่าน้ำนี่คืออะไรสุวรรณตอบว่าน้ำนี่ใช้ชะล้างจิตใจ
    ให้ลืมอดีตแล้วไปเกิดใหม่
    คนที่หลบหลีกน้ำนี้ไปได้จะต้องเป็นทุกข์(ที่เข้าใจคือระลึกชาติได้)
    แล้วท่านก็เล่าว่าพวก
    สส.ที่มันได้ดีเพราะมันกินบุญเก่า
    เหมือนปลูกต้นแอปเปิ้ลไว้
    ตัวเองปลูกตัวเองก็ได้กินเมื่อต้นแอปเปิ้ลหมด
    ก็อดกินก็เหมือนกับพวกสส.ที่กินบุญเก่าอยู่
    เราไม่สามารถไปทำอะไรเค้าได้
    ต้องรอให้เค้าหมดบุญไปเอง
    หลวงพ่อท่านก็ถามสุวรรณต่อว่าวิญญาณมนุษย์ไปเกิดก็เยอะ
    แล้ววิญญาณที่ยังอยู่ที่โลกก็เยอะ
    ทำไมไม่จับมาให้หมด
    สุวรรณก็ตอบว่า
    จับมาไม่ได้เพราะเค้ายังไม่หมดอายุขัย
    ร่างกายคนเรามี
    สังขาร (ร่างกาย)
    และจิตวิญญาณ
    เมื่อละสังขารแล้วแต่ยังไม่ละจิตวิญญาณ
    คือยังไม่ถึงที่ตายเช่นพวกฆ่าตัวตายหรือถูกรถชนตาย
    วิญญานก็จะต้องวนเวียนอยู่ในโลกไปจนกว่าจะถึงเวลาที่ละวิญญาณแล้ว
    ถึงจะไปรับมาได้
    ท่านจึงถามต่อว่า
    พ่อหลวงจะมีอายุยืนยาวไหม
    สุวรรณตอบว่า
    ท่านสิ้นอายุขัยแล้ว
    แต่มีคนต่ออายุขัยให้ท่าน
    ซึ่งก็คือพี่สาวของท่านเอง
    แล้วประเทศไทยละะเป็นอย่างไรต่อไป
    สุวรรณตอบว่าบอกไม่ได้
    แล้วหลวงพ่อก็เดินต่อไปอีก
    คราวนี้ไปเจอแอ่งน้ำลักษณะเหมือนเขื่อน
    ซึ่งมองไปที่กำแพงกั้นน้ำ
    สิ่งที่ท่านเห็นคือม้าตัวผอมเซียวซึ่งมี พระเจ้าตาก
    และพระปิยะมหาราชยื่นขว้างลำน้ำอยู่
    ท่านบอกว่าที่เห็นอยู่คือกษัตริย์เก่าๆช่วยไม่ให้กรุงเทพฯ
    ถูกน้ำท่วมจริงๆกรุงเทพฯต้องถูกน้ำท่วมไปนานแล้ว
    แต่ไม่รู้เมื่อไหร่ที่ม้าจะหมดแรงจากความหนาวของน้ำ
    แล้วการอดอาหารมานานหลวงพ่อท่านพูดจบท่านน้ำตาท่านก็ไหลออกมา
    แล้วบอกให้ทุกคนที่ได้รับฟังเรื่องราวของท่าน
    ว่าเป็นนิมิตของท่าน
    จะเชื่อหรือไม่ก็ได้เพราะท่านก็ยังคิดว่าเป็นความฝันของท่าน
    แต่ท่านก็กำชับกับทุกๆคนเอาไว้ว่า
    เวลาไปที่วงเวียนใหญ่หรือพระบรมรูปทรงม้า
    หรือที่ไหนก็แล้วแต่ที่มีพระบรมรูป
    ให้กราบไหว้โดยนำหญ้าที่ม้ากินล้างให้สะอาดไปถวายด้วย
    เพื่อให้ม้ามีกำลังยืนต่อไปได้
    ผมก็คิดว่านี่เป็นสิ่งที่ทุกคนมองข้ามไปจริงๆ
    เพราะคนส่วนมากเวลาไปไหว้ก็จะนำแต่ดอกไม้ไปไหว้เท่านั้น
    สิ่งหนึ่งที่ผมคิดคือมันแปลกมากที่อยู่ๆ
    เข้าไปถวายเทียนแล้วท่านก็เล่าเรื่องนี้ให้ฟัง
    ในเมื่อมีโอกาสได้รับรู้
    ก็ควรเผยแพร่แก่ทุกๆคนครับ
    ก็อยากจะฝากเพื่อนๆ
    แต่อันนี้สุดแล้วแต่ความเชื่อครับ


    นิมิตหลวงพ่อโอภาษี (ช่วยๆกันเผยแพร่ เพื่อประเทศไทย)
     

แชร์หน้านี้

Loading...