นิพพาน ยังมีตัวตันอยู่หรือไม่ สติคือตัวตนหรือไม่..

คือผมยังห่างไกลครับ แต่เคยอ่านว่า นิพพานคือการที่เราไม่ยึดไม่ถือ ไม่มีตัวตนของเราของเขา ว่างเปล่า แล้วเคยอ่านเจอว่ามีคนฝึกแล้วได้ไปกราบพระพุทธเจ้าในดินแดนนิพพาน แสดงว่า นิพพานแล้ว เรายังมีตัวตนไปอยู่ที่ดินแดนนิพพาน อย่างนี้ทำความเข้าใจถูกต้องไหมครับ แล้วถ้าเราปฏิบัติสามารถบรรลุมรรคผลนิพพานได้ขณะมีชีวิตอยู่ จะต้องมีสติคือรู้ตัวตลอดเวลา แล้วถ้าตายแล้ว หัวใจสมอง ร่างกายไม่ทำงานแล้ว เราจะยังมีสติอยู่หรือไม่ แล้วสตินั้นคือตัวตน หรือไม่... แต่คงไม่ใช่ ว่าไม่มีอะไรเลยหายไปหมดทุกสิ่งอย่าง..

 

นิพพานคือธรรมอันว่างอัตตามีตัวตนหรือไม่ทำให้แจ้งโดยมรรค 8

 

นิพพานคือนิพพาน
ไม่ใช่คำถาม แลไม่ใช่คำตอบ
ไม่ใช่สิ่งที่ควรสงสัย
มันจะแจ้งเองเหมือนพระอาทิตย์ขึ้นก็จะมองเห็นชัดกว่าตอนกลางคืน
เหมือนกองไฟอุ่นๆกองหนึ่งท่ามกลางความหนาวเหน็บ
เหมือนน้ำอมฤตที่ชโลมกายแลจิตให้ชุ่มชื่น
มีเปรียบเปรยในพระสูตรต่างๆมากมายครับ
นิพพานไม่มีตัวตน
แต่นิพพานนั้นมีผู้เสวยอยู่
หาตัวตนที่แท้จริงนั้นเจอแล้วจะเข้าใจว่าอะไรเป็นผู้เสวย
ทั้งๆที่กายนี้ไม่ใช่เรา จิตนี้ไม่ใช่ของเรา
แต่นิพพานนั้นมีอยู่จริง

คำตอบที่ง่ายที่สุดให้เปรียบเทียบกับปีติที่เกิดขึ้นในระหว่างภาวนา
แต่ความละเอียด สุขุมนั้นแตกต่างกันนัก
เดาเอานะครับ
แหะๆ

 

คือคนเรามี รูป-นาม อยู่ตลอดไม่ว่า กายในโลกมนุษย์เป็นกายที่หยาบมาก ถ้า
อยู่บนสวรรค์มันก็ละเอียดขึ้นเรื่อยๆ และถ้าเป็นนิพพาน กายกับจิตมันเป็นอัน
เดียวกันเลย มันละเอียดเท่ากัน มันก็ไม่มีอะไรให้ยึดเป็นตัวตน การที่ไม่มีตัวตน
ไม่ได้หมายความไม่มีรูป แต่รูปมันละเอียดเท่าจิต มันไม่มีอะไรแบ่งว่าตรงนั้น
ตรงนี้ และที่ว่างระหว่าง

 

มีคำอีกหลายคำที่ยังมีอยู่ เช่น วิราคะญาน วิมุติญานทัสนะ...อย่าเพิ่งสรุปเร็วเกินไปครับ ภาวนาต่อไปดีกว่า...

 

โยนิโสมนิการ " ปฎิจสมุปบาท" ที่เริ่มจาก อวิชชา ปัจจัย สังขารา สังขาราปัจจัย วิญญานนัง วิญญานปัจจัย นาม-รูปัง..ฯ...หรือ กฎอิทิปัยจจัยตา สิ่งนี้มี สิ่งนี้จึงมี สิ่งนี้ดับ สิ่งนี้(อีกสิ่ง)จึงดับฯ...สัมมาทิฎฐิ อันเป็นหนึ่งใน องค์หนึ่ง ในอริยมรรคมีองค์8.............(ทุกองค์ในมรรคสำคัญ มากทุกองค์ ต้อง ละเอียดครับ)....อย่างกฎอิทิปัจจัยตา นั้น คือคำสอนตรงตรงแล้วนะครับ......ถ้ามีสติจริง คุณคงพอรู้ว่า คำถามนั้นมาจากการยึดในขันธ์5ว่ามีตัวตนที่เที่ยงหรือเปล่านะครับ

 

นั่นสิ นิพพานเป็นอย่างไรกันแน่ บ้างว่าเป็นรูป บ้างก็ว่าเป็นนาม ผู้เห็นรูปก็ว่าเป็นอัตตา ผู้รู้นามก็ว่าเป็นอนัตตา สรุปว่า เราเท่านั้นคือผู้บอกว่านิพพานเป็นอะไร แต่เมื่อไร? ยังไม่รู้ แค่อุปปาทานที่แบกอยู่ยังไม่มีปัญญาจะจัดการกับมันเลย ดันอวดข้ามชั้นไปคุยเรื่องนิพพาน

 

ตอบได้ถูกใจจริง ๆ คนมันหลงเยอะปล่อยเขาไป

 

พระเทพสิงหบุราจารย์ (หลวงพ่อจรัญ ฐิตธมฺโม) วัดอัมพวัน สิงห์บุรี

นิพพานคืออะไร

นิพพาน ๒ (ดับกิเลสมีเบญจขันธ์ และดับเบญจขันธ์แตกดับ)
นิพพาน ๓ (ดับกิเลสมีเบญจขันธ์ และดับเบญจขันธ์เหลือแต่ธาตุดับธาตุสิ้นสลายหมดสิ้นไปด้วย)
นิพพาน ๔ (ความดับกิเลสของพระอริยะตามลำดับชั้น พระโสดาบัน- สกิทาคามี-อนาคามี-อรหันต์)
นิพพาน คือความเย็นทางวิญญาณ เย็นทางอารมณ์
นิพพาน คือความไม่ร้อน (เพราะถูกไฟราคัคคิ-โทสัคคิ-โมหัคคิเผา)
นิพพาน คือความสะอาดในภายใน นิพพาน คือความสว่างทางปัญญา
นิพพาน คือความสงบทางอารมณ์ นิพพาน คือความอิ่ม ไม่หิวด้วย ตัณหา
นิพพาน คือความบริบูรณ์ในความปรารถนา นิพพาน คือความพ้นจากห้วงมายาของโลก
นิพพาน ไม่ดำ-ไม่ขาว-ไม่ยาว-ไม่สั้น-ไม่มีผู้หญิง-ไม่มีผู้ชาย
นิพพาน มิใช่ความตาย หรือถึงได้เมื่อตายแล้ว นิพพานไม่ใช่เมืองแก้ว
คนสามัญเปรียบเสมือนอาหารดิบ (คนดิบ-คนเถื่อน)
นิพพาน ดุจอาหารที่สุกแล้ว ผลไม้ที่สุกแล้ว
นิพพาน เปรียบประดุจภาชนะที่ขัดสีเกลี้ยงแล้วสะอาดแล้ว
นิพพาน เปรียบประดุจการนอนหลับเต็มอิ่มไม่ฝัน
นิพพาน เปรียบประดุจการเดินทางถึงจุดหมายปลายทางแล้ว
นิพพาน คือภาวะความพ้นจากความเถื่อน
นิพพาน มีแต่อาการเคลื่อนไหว ตนผู้เป็นผู้โกรธเกลียดไม่มี

พ้นปุถุชน ก็ถึงอริยะ-พุทธะ / พันสังสารวัฏฎ์ ก็ถึงพระนิพพาน / พ้นมืด ก็สว่าง / พ้นโง่ ก็ฉลาด / พ้นสกปรก ก็สะอาด / พ้นโลกิยะ ก็ถึงโลกุตระ / พ้นร้อน ก็เย็น / พ้นเด็ก ก็ผู้ใหญ่ / พ้นดิบ ก็สุก / พ้นเห็นแก่ตัว ก็เสียสละ / พ้นทุกข์ ก็สุข / พ้นร้าย ก็ดี

อาลยสมุคฆาโล ผู้ละความอาลัยได้แล้ว
อนาลโย ผู้หมดความอาลัย
นิโรโธ ผู้ดับความทุกข์ได้
นิพพานัง ผู้ดับสิ่งเสียบแทงใจได้
ปิปาสวินโย ผู้ไม่กระทำบาป
มทนิมมทโน ผู้ละความเมาในวัยในชีวิตได้
วัฎภูปัจเฉโท ผู้ดับกระแสของวัฏฏะได้
ตัณหักขโย ผู้ดับตัณหา ๓ ประการได้
วิสุทโธ ผู้ถึงซึ่งความบริสุทธิ์
วิมุตติ ผู้หลุดพ้นแล้ว
วิสังขาร ผู้หยุดปรุงแต่ง ผู้ที่สิ่งใดมาปรุงแต่งไม่ได้ ผู้หมดการปรุงแต่ง
อมตะ ผู้ไม่ตาย ผู้ถึงธรรมะที่ทำให้เป็นผู้ไม่ตายอีกต่อไป

ขอให้สำเร็จในสิ่งที่ต้องการ กล้าหาญในสิ่งที่ชอบ ประกอบกิจด้วยมานะ อย่าละเลยผู้มีพระคุณ เจือจุนต่อผู้ต่ำต้อย อย่าด้วยมารยา ฉลาดในการคบเพื่อน ไม่แชเชือนในการงาน อาจหาญเมื่อมีอุปสรรค พลาดแพ้เป็นครูอดสูทำไม ลุกขึ้นยืนหยัดติดขัดแก้ไข ชีพยังหายใจดิ้นไปจนได้ดี อย่าเคืองคำสอน อย่าถอนคำสั่ง จงระวังคนยุ อย่าลุอำนาจ อย่าขาดความสามัคคี อย่าดีคนเดียว อย่าเที่ยวนินทา อย่าว่าคนเมา อย่าเอาของสงฆ์ อย่าขาดปลงกรรมฐาน.

 

นิพพานจากคำของครูบาอาจารย์ครับ ลองเข้าไปอ่านดู เป็นกระทู้เก่าของเว็บนี้
http://palungjit.org/threads/พระนิพพาน-จากคำครูอาจารย์.12108/

 

สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช (แพ ติสฺสเทโว)

"สัตว์โลกยังมีอวิชชาจะเข้าใจว่าขันธ์ ๕ เป็นอัตตา เว้นเมื่อเข้าถึงอสังขตธาตุได้ความบริสุทธ์เป็นนิพพาน จะเข้าใจว่าขันธ์ ๕ เป็นอนัตตาทันที แล้วจะเห็นว่าพระนิพพานเป็นอัตตา"​

​

​

 

พระอุบาลีคุณูปมาจารย์ (จันทร์ สิริจนฺโท)

"พระนิพพานเป็นพระมหานครอันใหญ่เป็นที่บรมสุขหาที่เปรียบมิได้ อย่าเข้าใจว่าจะไปนิพพานด้วยกำลังกาย"​

 

หลวงตาพระมหาบัว ญาณสัมปันโน ​

"ดวงจิตนี้ไม่เคยสูญ แดนพระนิพพานมีจริง หลวงปู่มั่นเล่าว่า พระพุทธเจ้าหลายพระองค์
เสด็จมาเยี่ยมท่าน"

​

 

* ผู้ใดเห็นธรรม ผู้นั้นเห็นเรา ตถาคต

* แล้วเราจะปฏิบัติเพื่อละอัตตาไปทำไมกันล่ะครับ ?
และในณานเรามีตัวตนหรือเปล่า ?

* ไม่รู้ตัว ไม่มีสติก็คงมีแต่คนบ้า กับผู้ป่วยเจ้าชายนิทรา ครับ
* สัมมาสติ เป็นเช่นไร ?

*สติ เป็นนามธรรม เป็นองค์ประกอบอันหนึ่งของตามที่พระพุทธเจ้าได้จำแนกไว้ในเรื่องของจิต เจตสิก สติ ฯ แล้วตอนนี้เรามีสติอยู่หรือไม่
- หายใจเข้าก็รู้
- หายใจออกก็รู้
แล้วรู้ไหมว่าเราปฏิบัติกันแบบนี้ทำไม เพื่ออะไร ? ถ้าคิดออกก็เปิดปัญญา

* สติ ไม่มีตัวตน เป็นเพียงนาม แต่มันมี..เช่นเดียวกับทุกข์และสุข ไม่มีตัวตนไม่เดินหรือคลานออกมาจากร่างกายเหมือนหนอน , พยาธิ ฯ แต่มันมีอยู่ ต้องมีคำอธิบายที่มากกว่านี้ เหตเพราะว่ามันขึ้นอยู่กับคนที่กำลัง และคนที่มองเห็น เช่นเดียวกับทฤษฏีควอนตัมที่เป็นได้ทั้งสองฐานะ

* จะว่ามีก็ไม่มี จะว่าไม่มีมันก็มีนะ งงเนาะ..

 

นิพพานนัง ปรมัง สุขขัง
เป็นสุขอย่างยิ่งแสดงว่ามีอยู่ เสวยได้อยู่ มีขึ้นในอายตนะอยู่

นิพพานัง ปรมัง สุญญัง
ที่บอกสูญสิ่งนั้นไม่ใช่นิพพาน แต่สูญไปจากความคงอยู่ของกิเลสอวิชชา

หญ้าปากคอกครับ

 

<center>เมืองพระนิพพาน</center> ตทนนฺตรํ ในลำดับนั้น พระผู้มีพระภาคเจ้าจึงตรัส เทศนาต่อไปอีกว่า อานนฺท ดูกรอานนท์ นิพฺพานํ นครํ นาม อันชื่อว่าเมืองพระนิพพาน ย่อมตั้งอยู่ในที่สุดแห่งโลก โลกมีที่สุดเพียงใด พระนิพพานก็ตั้งอยู่ที่สุดนั้น พระนิพพาน เป็นพระมหานครอันใหญ่ เป็นที่บรมสุขหาที่เปรียบมิได้ คำที่ว่าที่สุดแห่งโลกนั้น จะถือเอาอากาศโลกหรือจักรวาล โลกเป็นประมาณนั้นมิได้ อากาศโลกและจักรวาลโลกนั้น มีที่สุดเบื้องต่ำก็เพียงใต้แผ่นดิน แผ่นดินนี้มีน้ำรองใต้น้ำ นั้นมีลม ลมนั้นหนาได้ ๙ แสน ๔ หมื่นโยชน์สำรองน้ำไว้ ใต้ลมน้ำลงไปเป็นอากาศหาที่สุดมิได้ ที่สุดโลกเบื้องต่ำก็ เพียงลมเท่านั้น อันว่าที่สุดแห่งจักรวาลโลกเบื้องขวางนั้น มีอนันตจักรวาลเป็นเขต นอกอนันตจักรวาลออกไปเป็น อากาศว่างๆอยู่ จึงว่าโดยขวางมีอนันตจักรวาลเป็นที่สุด อันว่าที่สุดแห่งจักรวาลโลกเบื้องบนนั้น มีอรูปพรหมเป็นเขต เฉพาะอรูปพรหม ๔ ชั้นนั้น พระพุทธเจ้าตรัสว่าเป็น นิพพานพรหมหรือนิพพานโลก นิพพานโลกนี้เป็นที่ไม่ สิ้นสุด ส่วนว่านิพพานของพระพุทธเจ้า ซึ่งมีนามว่า โลกุตตรนิพพาน เป็นนิพพานที่สุดที่แล้ว ต่ออรูปพรหม ๔ ชั้นขึ้นไปก็เป็นแต่อากาศที่ว่างๆ อยู่ จึงว่าที่สุดเบื้องบน เพียงอรูปพรหมเท่านั้น จะเข้าใจเอาเองว่าลมรองน้ำและ อนันตจักรวาลและอรูปพรหมเป็นที่สุดของโลก เมือง พระนิพพานคงตั้งอยู่ในที่สุดของโลกเหล่านั้น ดังนี้ พระ พุทธเจ้าจึงห้ามว่า อย่าพึงเข้าใจอย่างนั้นเลย ที่ทั้งหลาย เหล่านั้น ใครๆก็ไม่สามารถจะไปถึงด้วยกำลังกาย หรือ ด้วยกำลังยานพาหนะมียานช้างยานม้าได้ อย่าเข้าใจว่าเมือง นิพพานตั้งอยู่ในที่สุดของโลกเหล่านั้น หรือตั้งอยู่ในที่ แห่งนั้นแห่งนี้ อย่าเข้าใจว่าตั้งอยู่ในที่ใดที่หนึ่งเลย แต่ว่า พระนิพพานนั้น หากมีอยู่ในที่สุดของโลกเป็นของจริง ไม่ต้องสงสัย ให้ท่านทั้งหลายศึกษาให้เห็นโลก รู้โลกเสีย ให้ชัดเจน ก็จักเห็นพระนิพพาน พระนิพพานก็ตั้งอยู่ใน ที่สุดแห่งโลกนั้นเอง

คริมานนทสูตร

 

ขออนุโมทนาสาธุ ครับ กับทุกๆความคิดเห็น แต่ข้าพเจ้าคิดว่าเราควรเร่งปฏิบัติดีกว่า แล้วทุกท่านจะทราบด้วยตัวท่านเองในทุกๆข้อสงสัยครับ เพราะในบางสิ่งบางอย่างมันรู้ได้เฉพาะตนครับ

 

ลอง ไป ฝึก มโน มยิทธิ ดูสิครับ อย่าน้อย ก็เป็นการให้โอกาสตัวเองนะครับ เราเรียน เราทำงาน มามากเสียเวลาครั้งนึงหลายปี แต่เราให้โอกาศตัวเราเอง เพื่อที่จะได้รู้ได้เห็นด้วยตัวเองครับ แต่ผมขอแนะนำนิดนึงนะครับ เราควร ฝึกนั่งสมาธิ อยู่ที่บ้าน ให้ได้ การเข้าถึงอารมณ์สมาธิ แบบ รวดเร็วประมาณ นึงก่อนนะครับ เพราะ ว่าเราไป ฝึก ที่นั่น แปลกที่สำหรับเรา คนอื่นที่มาฝึกเราก็ไม่รู้จัก กับใครเลย มันอาจมีอาการประหม่า และฝึกตัดร่างกาย คืตายเป็นตาย ไม่กลัวตายว่างั้นเถอะ เพราะ เวลา ไปแล้ว อาจเป็นห่วงร่างกาย กลัวตาย ว่างั้นเหอะ จิตจะไม่เป็นสมาธิ ไปแล้วก็ตก ไปแล้วก็ตกครับ สู้ๆนะครับ แล้วลองมา พิจรณาเอาครับ สู้ๆนะครับ คุณมีโอกาส ที่ดีมากแล้วครับ ลองเลยครับ

 

ขออนุโมธนา กับคำตอบของทุกท่านนะครับ แล้วพระอรหันต์ที่ท่านยังมีชีวิตอยู่ กับพระที่ท่านละสังขารแล้ว ความรู้สึกของท่านเหมือนกันหรือไม่ขณะที่มีชีวิตและละสังขาร แล้วที่มีคนฝันเห็นพระอริยะเจ้ามาสอนมาบอกอะไรนั้น คนฝันฝันไปเองหรือท่านมาหาจริง แล้วที่ท่านมาหานั้นคือตัวตนหรือไม่ หรือคืออะไร ขอบคุณครับ

 

......คุณก็รู้ว่า คำถามนี้มันส่งออกนอก....เพราะไปสร้างอัตวาทุปาทานเสียแล้ว(มี บุคคล เรา เขา มีขันธ์)...มันจะไม่มีคำถามอย่างนี้เลย ถ้าเข้าใจว่า"ขันธ์5" คืออะไร?.....แท้จริง ขันธ์5เป็นทุกข์คืออะไร?...ชาติ คืออะไร การก่อกำเนิดแห่งขันธ์ คือ ชาติ...จาก ปฎิจจสมุปบาท อวิชชาปัจจัยสังขาร สังขารปัจจัยวิญญาน วิญญานปัจจัย นาม-รูป นามรูปปัจจัย สฬายตนะ สฬายตนะปัจจัยผัสสะ ผัสสะปัจจัยเวทนา เวทนาปัจจัยตัณหา ตัณหาปัจจัยอุปาทาน อุปาทานปัจจัย ภพ(กามภพ รูปภพ อรูปภพ) ภพปัจจัย ชาติ(การก่อแห่งขันธ์)....ฯฯฯ...ลองคิดดูนะครับว่าอยากได้คำตอบแบบใหนครับ