"นิพพาน"นั้น สำคัญ"ที่สุด"จริงหรือ ??

ในห้อง 'พุทธศาสนา และ ธรรมะ' ตั้งกระทู้โดย koonohm, 11 มิถุนายน 2009.

  1. koonohm

    koonohm สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    3
    ค่าพลัง:
    +0
    " นิพพาน"นั้น สำคัญ"ที่สุด"จริงหรือ ??

    ในโลกนี้มีศาสตร์และศิลป์มากมายที่น่าเรียนรู้ เรื่องสำคัญๆก็มีหลายอย่าง
    เช่น

    คิดค้นวัคซีนกำจัดโรคระบาด ไข้หวัด H1N1 หรือ วัคซีนป้องกันเอดส์
    คิดค้นเครื่องปรับอากาศ ไม่ให้คนหนาวตาย หรือ ร้อนตาย
    คิดค้นอุปกรณ์ไฮเทค ช่วยเหลือผู้ประสบภัยต่างๆ เช่น พายุไซโคลนนาร์กิส หรือ สึนามิ

    คิดค้นหลักโภชนาการ เพื่อแนะนำคนให้ตักบาตร อาหารที่มีประโยชน์ถวายพระ จะได้ไม่ต้องไปรักษาที่โรงพยาบาลสงฆ์กันเยอะนัก
    คิดค้นเทคโนโลยีอวกาศ เพื่อหาที่อยู่ใหม่ เผื่อโลกแตก
    คิดค้นเทคโนโลยีการขนส่ง เพื่อส่งอาหารไปคนที่ยากไร้ ขาดแคลนอาหาร ที่ประเทศกันดาร
    และอื่นๆอีกมากมาย

    หรือเราไม่จำเป็นต้องสนใจสิ่งพวกนี้มากนัก
    ปล่อยให้มัน "เช่นนั้นเอง" ไป
    -----
    ถ้าคนอยากนิพพานกันหมด หรือ ไปบวช
    เพื่อจะได้มีเวลาปฏิบัติธรรม วิปัสสนา มากๆ
    มนุษยชาติจะสิ้นไปไหม เพราะ ตัดกามราคะกันได้หมดแล้ว ไม่ต้องการบ่วงอะไรอีกแล้ว

    คริสต์กับมุสลิมก็ไม่สนใจนิพพาน สนใจว่าเมื่อตายแล้วจะไปอยู่กับพระเจ้ามากกว่า

    "นิพพาน"นั้น สำคัญ"ที่สุด"จริงหรือ ??

    เอาพอรู้ธรรมะคร่าวๆ พอให้เป็นคนดี สังคมไม่วุ่นวาย
    แล้วไปทำอย่างอื่นที่เป็นประโยชน์หลากหลาย จะดีกว่าไหม

    หรือว่าไม่มีอะไรเป็นประโยชน์ เท่า "การพ้นทุกข์ทางใจ" เท่า "นิพพาน"

    "นิพพาน"นั้น สำคัญ"ที่สุด"จริงหรือ ??

    (ปล. ไม่มีเจตนาหมิ่น ศาสนาพุทธ นะครับ ... เพียงแต่ต้องการทราบความเห็น)
     
  2. cookieberry

    cookieberry เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 เมษายน 2009
    โพสต์:
    306
    ค่าพลัง:
    +4,607
    "นิพพาน"นั้น สำคัญ"ที่สุด"จริงหรือ ??

    สำหรับเรา เราว่านิพพานสำคัญค่ะ เพราะขณะนี้เราได้รู้เเล้วว่า การเกิดนั้นเป็นทุกข์ การเเก่นั้นเป็นทุกข์ การเจ็บป่วยนั้นเป็นทุกข์ การพลัดพรากจากของที่เรารักนั้นเป็นทุกข์ การไม่ได้สิ่งของที่ต้องการนั้นเป็นทุกข์ การที่ต้องคิดว่าจะทำยังไงกับวันพรุ่งนี้ดี พรุ่งนี้เราจะมีอะไรกินไหมนั้นก็เป็นทุกข์ สรุปรวมความได้ว่าการเกิดเป็นมนุษย์นั้นเป็นทุกข์จริงหนอ เเล้วเราจะหาเรื่องเกิดอีกทำไม คนที่หลงมัวเมากับความสุขทางโลกโดยมองไม่เห็นว่าความสุขทางโลกเป็นสิ่งไม่เที่ยงคนๆนั้นถือว่ามีความประมาทในชีวิตค่ะ

    คริสต์กับมุสลิมก็ไม่สนใจนิพพาน สนใจว่าเมื่อตายแล้วจะไปอยู่กับพระเจ้ามากกว่า

    เเล้วคุณทราบไหมคะว่าพระเจ้าท่านอยู่ที่ไหน สวรรค์ พรหม หรือมิติเเห่งไหนกัน เคยมีคนเห็นพระเจ้าท่านไหมคะ เเต่พุทธศาสนิกชนเห็นเเละรู้นะคะว่าพระพุทธเจ้าท่านประทับอยู่ที่ไหน ถ้าอยากพบพระพุทธเจ้าหลวงปู่ฤาษีลิงดำท่านสอนวิธีที่ทำให้เราได้พบพระพุทธเจ้าได้ค่ะ ชื่อวิชามโนยิทธิ

    พระศาสดาของศาสนาพุทธท่านตรัสรู้ด้วยพระองค์เองว่าการเวียนว่ายตายเกิดในวัฏฏะสงสารนั้นเป็นทุกข์ ท่านเลยเผยเเผ่คำสั่งสอนของท่านเพื่อท่านต้องการช่วยเหลือให้ทุกๆคนพ้นทุกข์จากการเวียนว่ายตายเกิดค่ะ

    เอาพอรู้ธรรมะคร่าวๆ พอให้เป็นคนดี สังคมไม่วุ่นวาย
    แล้วไปทำอย่างอื่นที่เป็นประโยชน์หลากหลาย จะดีกว่าไหม


    ไม่ดีค่ะ ตราบใดที่เรายังต้องเวียนว่ายตายเกิดอยู่ในวัฏฏะสงสารนั้นไม่ดีเเน่นอน ชาตินี้เราอาจเกิดมาดี มีพร้อมทุกอย่างทั้งทรัพย์สินเเละบริวาร เราอาจจะมองไม่เห็นความทุกข์ เเต่เราจะเเน่ใจได้ยังไงว่าชาติหน้าเราจะเกิดมาได้เสวยสุขเหมือนกับชาตินี้อีก

    ตอบได้เเค่นี้ค่ะ
     
  3. Laywoman

    Laywoman เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    430
    ค่าพลัง:
    +201
    ไม่เกิด ไม่แก่ ไม่เจ็บ ไม่ตาย คือนิพพาน
     
  4. 2ชาติตรัสรู้

    2ชาติตรัสรู้ គ្រប់គ្រាន់ รักษาดวงใจ.គ្រប់គ្រាន់

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    1,696
    ค่าพลัง:
    +1,558
    นา รก สำคัญ อะล้อเล่นครับ

    มนุษย์ชาติไม่หมดไปหรอกครับ เพราะแม้อยากจะนิพพานก็ไม่ง่ายหรอก ไม่เชื่อ ลองดูสิครับ หุหุ
     
  5. เฮียปอ ตำมะลัง

    เฮียปอ ตำมะลัง ทุกสิ่งจบสิ้นลงด้วยความตาย วุ่นวายทำไม ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    24,969
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +91,130
    นิพพานัง ปรมัง สุขขัง ~ นิพพานเป็นสุขอย่างยิ่ง





    การคิดค้นแบบนั้น เป็นการช่วยมวลมนุษย์ให้พ้นทุกข์

    คิดค้นหาทางไปให้มวลชนไป "นิพพาน" สำคัญกว่าไหม ?
     
  6. อวิปลาส

    อวิปลาส เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    211
    ค่าพลัง:
    +353

    สุดท้าย...ท้ายสุด...ของพระพุทธศานา คือ


    การไม่มีเกิด การไม่มีแก่ การไม่มีเจ็บ การไม่มีตาย

    เมื่อไม่มีสิ่งเหล่านี้แล้ว ไม่ต้องคิดค้นวัคซีนรักษาโรคให้ใคร
    เมื่อไม่มีสิ่งเหล่านี้แล้ว ไม่ต้องปรับอุณหภูมิร่างกายให้ใคร
    เมื่อไม่มีสิ่งเหล่านี้แล้ว ก็ไม่ต้อง ต้ม ผัด แกง ทอด ให้ใคร
    เมื่อไม่มีสิ่งเหล่านี้แล้ว จักวาลนี้ จักวาลใหนๆ จะอยู่ จะไป จะแตกจะดับ แล้วแต่เขาจะเป็นไป

    ความเป็นอยู่ของมนุษย์ในโลกใบนี้ มันสั้นนัก สั้นจริงๆสั้นจังๆ...


    (cry)(deejai)(eek)



     
  7. บุญยง โคกกระทา

    บุญยง โคกกระทา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    2,709
    ค่าพลัง:
    +3,236
    ติ๊ดต่างว่า มีข้อสอบว่า

    "ของที่สำคัญที่สุด"
    มีลักษณะอย่างไร?
    จงอธิบาย หรือแสดงวีธีทำ โดยสังเขป

    "พระนิพพาน"
    เป็นของที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าท่านคิดค้นขึ้น
    เป็นของละเอียด ทำความเข้าใจได้ลำบาก

    การจะละเลยไม่สนใจพระนิพพาน ด้วยสาเหตุต่างๆนาๆ
    ก็...โอเค "พอจะฟังขึ้น" บ้าง

    แต่ "ของที่สำคัญที่สุด"
    ไม่ได้มีอะไรละเอียดละออ ไม่ต้องใช้ความสามารถอะไรมากมาย
    ก็สามารถอธิบาย หรือแสดงวิธีทำโดยสังเขปได้

    การจะเอาพระนิพพานมาอ้าง
    เพื่อผูกโยงว่ามีของที่สำคัญกว่าอย่างนั้นอย่างนี้ แบบเลื่อนลอย
    "ฟังไม่ขึ้น"

    "หุบปาก แล้วทำ"
    เป็นการแสดงออกที่เหมาะสมที่สุด
    จบ
     
  8. โชเต

    โชเต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2009
    โพสต์:
    285
    ค่าพลัง:
    +331
    "ถ้าคนอยากนิพพานกันหมด หรือ ไปบวช
    เพื่อจะได้มีเวลาปฏิบัติธรรม วิปัสสนา มากๆ
    มนุษยชาติจะสิ้นไปไหม เพราะ ตัดกามราคะกันได้หมดแล้ว ไม่ต้องการบ่วงอะไรอีกแล้ว"

    ไม่ต้องเป็นห่วงครับ เพราะว่ายังมีอีกมากที่ไม่ได้เกิดมาเป็นมนุษย์
    ยังมีอีกมากที่จะต้อง ลงมาเกิดเพื่อสร้างบารมี และก็ยังมีอีกมากเช่นกัน
    ที่ยังอยู่ใน ขุมนรก หลายต่อหลายขุม ที่จะต้องมาเกิดเป็นโน่น เป็นนี่ กันอีก
    งั้นคุณคิดง่ายๆ เอาล่ะกัน คุณไม่ต้องเป็นห่วงคนอื่นๆ หรอก
    เป็นห่วงตัวเอง เอาตัวเองให้รอดกับคำถามของคุณเองจะดีกว่าไหม

    "คริสต์กับมุสลิมก็ไม่สนใจนิพพาน สนใจว่าเมื่อตายแล้วจะไปอยู่กับพระเจ้ามากกว่า"

    มันเป็นเรื่องของศาสนาอื่นเขา ถ้าคุณเป็นชาวพุทธล่ะก็
    คุณก็ไม่ต้องไปใส่ใจกับ เดียรัจถี จะดีกว่าไหม (คนนอกศาสนาน่ะ)
    เน้นหลักคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้าเป็นหลักสิครับ แล้วปฏิบัติด้วย
    เลิกสนในพวกเขาได้แล้ว ถ้าคุณพูดอย่างนี้ ก็ไม่แปลกและไม่ต้องสงสัย
    ว่า คุณเป็น "คอมมิวนิสต์" หรือเปล่าว คำถามแบบนี้ เขาไม่ถามกันหรอก

    "เอาพอรู้ธรรมะคร่าวๆ พอให้เป็นคนดี สังคมไม่วุ่นวาย
    แล้วไปทำอย่างอื่นที่เป็นประโยชน์หลากหลาย จะดีกว่าไหม"


    ก็เพราะรู้กันคร่าว ๆ แบบคุณยังไงล่ะครับ ทุก ๆ วันนี้ สังคมไทย
    เข้าขั้น "มือถือสาก ปากถือศีล" แบบ คุณยังไงล่ะครับ
    ทำนองว่า "รู้ไม่จริง แต่ก็อยากจะพูด" ผมว่าคุณเงียบไปเลยจะดีกว่าไหม
    คนเดี๋ยวนี้แหลกเหลว เลอะเทอะ เห็นค่าของวัตถุนิยม สิ่งของ เงินตรา
    แก้วแหวนเงินทอง ยศตำแหน่ง อำนาจ ฯลฯ แล้วจะหาประโยชน์
    อะไรได้ นอกจากหาประโยชน์ส่วนตนเท่านั้นเอง

    "หรือว่าไม่มีอะไรเป็นประโยชน์ เท่า "การพ้นทุกข์ทางใจ" เท่า "นิพพาน"

    งั้นคุณก็เชิญ พ้นทุกข์ทางใจ ไปคนเดียวเถอะ และถ้ามันเป็นไปอย่างที่คุณคิด
    ป่านนี้ ก็ไม่มีใคร ออกบวชกันหรอกครับ อยู่บ้านเฉยๆ "ด้วยการพ้นทุกข์ทางใจ"
    ไปพลาง ๆ ก่อนนะ สำเร็จเมื่อไร ก็มาบอกกันบ้างนะ เดี๋ยวจะประเคนให้ถึงที่

    "นิพพาน"นั้น สำคัญ"ที่สุด"จริงหรือ ??

    ใครที่เคยบวชมาก่อน หรือยังไม่เคยได้บวช ก็คงจะจำกันได้ ถ้ามันสมอง
    ไม่ เลอะเลือน เสียก่อน เพราะก่อนที่จะเดินออกจากโบสถ์ หลังจากที่ทำพิธี
    เสร็จแล้ว น่งผ้าเหลือง3ผืน ออกมา ประโยคดังกล่าวที่พูดเป็นภาษาบาลี
    แปลเป็นภาษาไทย ก็แปลได้ว่า "ข้าพเจ้าจะทำพระนิพพานให้แจ้ง"
    ต่อหน้าหมู่สงฆ์ และหน้าองค์พระประธานซึ่งเป็นตัวแทนของพระพุทธเจ้า
    คนๆ นั้น หรือผู้นั้น ก็ได้พูดออกมาแล้ว ถ้าคุณพูดออกมาแบบนี้
    ผมสามารถฟันธงได้100เปอร์เซนต์ ว่า
    "ไอ้คอมมิวนิสต์ กรุณาออกไปจากเวปพลังจิตได้แล้ว ที่เวปนี้ไม่ต้อนรับ"

    ถ้าหากเจ้าของกระทู้ได้อ่านประโยคนี้แล้ว กรุณา "ไปให้ไกลๆ ซะ"


     
  9. koonohm

    koonohm สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    3
    ค่าพลัง:
    +0
    จริงๆ ถกกันที่เนื้อหา ดีกว่าจะมาด่ากันที่ตัวบุคคล นะครับผมว่า

    กระทู้นี้มีหลายประเด็น

    เช่น ศาสตร์ทางการแพทย์ จะเหมาว่าเป็น "วัตถุนิยม " ทั้งหมดคงไม่ถูกต้องนัก

    ไม่ส่งเสริมเรื่อง เห็นค่าของวัตถุนิยม สิ่งของ เงินตรา
    แก้วแหวนเงินทอง ยศตำแหน่ง อำนาจ ฯลฯ >>> อันนี้เห็นด้วยครับ ซึ่งตัวอย่างที่ผมยกมา ก็ไม่ได้ส่งเสริมเรื่องประโยชน์ส่วนตน ด้วยนะ



    ขอบคุณสำหรับความเห็นที่ตรงประเด็นครับ

    ไม่ใช่ ถาม "ไปไหนมา" ตอบ "สามวาสองศอก"
     
  10. center-in-center

    center-in-center เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 มกราคม 2009
    โพสต์:
    458
    ค่าพลัง:
    +1,717
    เมี๊ยวๆ
    ความเจริญและพัฒนาในโลกนี้ก็เป็นไปเพื่อ 1. อาหาร 2. เครื่องนุ่งห่ม 3. ที่อยู่อาศัย 4. ยารักษาโรค ให้พร้อมบริบูรณ์ ให้สุขกาย เพื่อที่จะพลอยให้สุขใจตามไปด้วย
    แต่มันติดนิ๊ดนึง อยู่ที่ว่า "สุขใจ" จากความบริบูรณ์ของปัจจัยสี่ ด้วยเทคโนโลยีต่างๆ หรือ วิธีคิดที่ดีต่างๆนั้นๆ ไม่ได้ทำให้เกิดความ "สุขใจ" อย่างถาวร หรือ ยาวนาน เพราะ ความบริบูรณ์พูลผลของปัจจัยสี่ในโลกนี้ เมื่อถึงขั้นขีดสุดก็คือ 1. อาหารบริบูรณ์ ปลอดภัย อยากได้อะไรได้กิน หรือ อาจสังเคราะห์สารอาหารเองได้
    2. มีที่อยู่อาศัยดีเลิศ 3. มีเครื่องนุ่งห่มที่มีคุณภาพ 4. มียารักษาโรคทันสมัยขจัดโรคร้ายทุกโรค คนไม่ตายเพราะโรคต่างๆ

    แต่ๆๆๆๆๆๆๆ ไม่อาจหยุดกิเลสในใจได้ เช่น ความอยากได้อยากมี อิจฉาริษยา แข่งขันชิงดีชิงเด่น หลอกลวง ผลประโยชน์
    เมื่อเป็นดังนี้แล้ว แม้ความบริบูรณ์ด้วยปัจจัยสี่ ก็ไม่อาจทำให้ "สุขใจ" ได้อย่างแท้จริง จะต้องมีความ ร้อนใจ ทุกข์ใจ สังคมเดือดร้อน เกิดขึ้นแน่นอน ไม่ช้าก็เร็ว
    แล้ว อะไรเล่าที่จะเป็นเครื่องการันตี ว่า มนุษย์จะอยู่กันอย่างมีความสุขอย่างแท้จริง แถมไม่มีโรคภัยไข้เจ็บด้วย คำตอบมีอยู่แล้ว ก็คือ ศีลไงจ๊ะ ทำให้ มนุษย์ อยู่กันอย่างปกติ และ ถ้าอยากให้สุข มากกว่านั้น ก็มี เทวธรรม เพิ่มอีกหน่อย (หิริโอตัปปะ) แต่อยากให้เหมือนสรรค์บนดินเลย ก็เพิ่ม พรหมวิหารสี่ ขึ้นมาอีกนิด แต่เมื่อไปถึงจุดหนึ่ง ก็จะพบว่า ยังไงๆ ก็ยังไม่สุขสงบ แท้ จริง สุดท้ายก็ต้อง ทางสายกลางอันมีมรรคมีองค์แปด พอกระทำให้มากเข้า ๆ หรือ เจริญ ให้มากเข้า ๆ ก็เริ่มรู้แจ้งสัทธรรมความจริง ที่จะนำสุขมาให้โลกอย่างถาวร................สาธุ

    ปล. ที่โลกมนุษย์ เดือดร้อนอยู่อย่างนี้ เช่น โลกร้อน โรคระบาด โรคประหลาด ภัยพิบัติ ต่างๆนานา ก็เพราะ มนุษย์ขาดศีล ขาดเทวธรรม ขาดสติ ขาดภาวนาสมาธิ ขาดปัญญา นั่นแหละจ๊ะ ครั้นเมื่อเกิดปัญหาขึ้นแล้ว อันเนื่องจากความเขลาของมนุษย์เอง มนุษย์ก็พยายามแก้ไขปัญหาต่างๆเหล่านั้น หากมนุษย์แก้ไขปัญหาบนพื้นฐานของกิเลส ยังไงๆ ก็เหมือน เติมเชื้อไฟให้มากขึ้น ๆ หากมนุษย์แก้ปัญหาบนพื้นฐานของมนุษยธรรมและเทวธรรม ก็จะเปรียบเหมือน เทน้ำดับไฟที่กำลังเผาไหม้โลกและใจของคนอยู่ตอนนี้ล่ะ งับ......เมี๊ยวๆ.... ไม่รู้ดับได้ป่าวนะงับ ไฟมันลุกโหม......เหอๆๆๆ
     
  11. baankvee

    baankvee Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    89
    ค่าพลัง:
    +33
  12. somemaybe

    somemaybe เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2009
    โพสต์:
    218
    ค่าพลัง:
    +143
    ถ้ายังพอใจในการเกิดอยู่นิพพานก็ไม่สำคัญหรอก

    ธรรมมีหลายระดับตั้งแต่สำหรับผู้ครองเรือน ไปจนถึงโลกุตตระ
     
  13. jinny95

    jinny95 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    6,074
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +9,666
    นิพพาน ไม่ได้สำคัญที่สุด แต่นิพพานเป็นที่สุด ^-^
     
  14. วิญญาณนิพพาน

    วิญญาณนิพพาน ทีมงานอาสาฯ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 เมษายน 2008
    โพสต์:
    22,792
    กระทู้เรื่องเด่น:
    51
    ค่าพลัง:
    +21,020
    สําหรับผม นิพพานนั้นเป็นสิ่งที่ผมต้องการมากที่สุด สําคัญมากที่สุดสําหรับผมครับ ผมไม่อยากเกิดเเล้ว เกิดมาเพื่อเจอกิเลส เจอความทุกข์หรือ ? ทั้งๆที่ความเป็นจริง เราไม่ต้องการสิ่งเหล่านี้เลยครับ สิ่งที่เราต้องการคือความสงบที่เเท้จริงเท่านั้น อนุโมทนาครับ
     
  15. applegreen

    applegreen เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 เมษายน 2008
    โพสต์:
    233
    ค่าพลัง:
    +555

    เห็นด้วยกับคุณ โชเต นะ แต่เราคิดว่า(ไม่ได้เจตนาจะว่าคุณนะ) น่าจะแสดงความคิดด้วยการบอกความจริงผิดถูกดีกว่ามั้ย คือมันดูแรง
    ไปหน่อยอ่ะค่ะ web มีไว้เพื่อมาแบ่งประสบการณ์ ธรรมะ มากกว่าที่จะมาเถียงกันว่าใครผิดใครถูก หน่ะค่ะ
    (ผิดถูกอย่างไรก็ขอโทษแล้วกันนะ)
     

แชร์หน้านี้

Loading...