นิพพานไปอย่างไร (พระอาจารย์เยื้อน ขันติพโล)

ในห้อง 'หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต' ตั้งกระทู้โดย ปาปิปผลิ, 21 สิงหาคม 2012.

  1. ปาปิปผลิ

    ปาปิปผลิ พระอุโบสถเจดีย์7ชั้น

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 เมษายน 2012
    โพสต์:
    503
    ค่าพลัง:
    +1,801
    นิพพาน ไปอย่างไร ตามคำสอนหลวงพ่อเยื้อน และหลวงพ่อไม
    <INS></INS>
    <INS></INS><INS>
    คือ วิธีง่ายๆ กินน้ำเย็น จิตจับน้ำเย็นลงไปสุดที่น้ำลงไป
    ประมาณกลางท้อง เหนือสะดือ2นิ้ว นิพพานอยู่ที่นั้นครับ
    มันไม่มีสมมติ สมถะวิปัสสนา ไม่แยก ทำๆไปได้ทั้งครู่
    ได้ผลอีกมากมาย เช่น ญาน 8 ฤทธิ์</INS>

    นั้นคือหลวงพ่อเยื้อนสอน
    หลวงพ่อไมเพิ่มเติมเรื่อง ผลของมัน คือ ทำๆไปแล้วเห็น กาย เวทนา จิต ธรรมแล้วก้อตัดกิเลสจนหมด
    ธรรมะของพระอาจารย์เยื้อน นั้นง่ายๆ ท่านสอนเน้นอยู่ที่จิต ปฏิบัติอยู่ที่จิตอย่างเดียว ท่านเคยปรารภว่า ถ้าใครหวังจะ
    มาถามการปฏิบัติแบบอื่นๆ ท่านไม่มี ธรรมที่ท่านมีเปรียบ เสมือนตีหลุมกอล์ฟ ตีครั้งเดียวลงหลุม ไม่ได้ผ่านต้นไม้
    ไม่ผ่านหลุมทราย....
    @ บทความจากลูกศิษย์ท่านหนึ่ง สมาธิที่ผมได้เรียนรู้จากหลวงพ่อ
    เวลานั่งสมาธินั้น หลวงพ่อไม่พิถีพิถันมากนัก
    โดยเฉพาะอิริยาบถนั่งสมาธินั้น หลวงพ่อไม่กำหนดตายตัวเลย
    แต่ให้หลักสั้น ๆ ง่าย ๆ ว่า ให้ดำรงสติมั่น ตั้งอยู่ ณ จุดเดียวให้ได้
    ถ้าใจจดจ่ออยู่ ณ จุดเดียวแล้ว อริยาบถไม่สำคัญ จะอยู่ท่าไหน
    ขอให้ประคองสติ และกำหนดใจให้อยู่จุดเดียวนั้นให้ได้เป็นใช้ได้
    สมาธิของหลวงพ่อเป็นสมาธิตื่น จะลืมตาหลับตา หรืออยู่ใน
    อริยาบถไหนก็ได้ทั้งนั้น สำคัญที่จิตนิ่ง สติสามารถรักษาฐานจิต
    ให้นิ่งอยู่ภายใน ณ จุดที่กำหนดระลึกได้เท่านั้น
    ถ้าสติรักษาจิตให้นิ่งอยู่ได้ ไม่หวั่นไหว แม้จะขยับตัวไปไหน
    ขยับกายอย่างไรก็ไม่ใช่เรื่องสำคัญ เพราะหลักอยู่ที่จิต ไม่ใช่กาย
    ไม่ใช่ของนอก แต่เป็นภายในที่รักษาไว้ การรักษาฐานจิตก็ไม่ใช่ว่า
    ตั้งใจกำหนดให้มันเกิด มันเป็นขึ้นมา เพียงปฏิบัติไปตามธรรมชาติ
    ตั้งใจจดจ่ออยู่ตรงฐานแต่เพียงอย่างเดียว ไม่เอาอารมณ์อยากมา
    ปะปน เพราะปะปนแล้วจะให้มันเกิดมันก็ย่อมไม่เกิด เพราะอาการนั้น
    ไม่ได้เป็นไปโดยธรรมชาติ ส่วนอุบายธรรม จะกำหนดสมาธิอย่างไร
    หลวงพ่อก็ไม่ถือเป็นสาระ เพียงแต่ให้ตั้งฐาน ณ เหนือสะดือขึ้นมาสองนิ้ว
    ผู้ที่เคยชินกับอานาปานสติ หลวงพ่อ ท่านก็เพียงแต่อธิบายดักไว้ว่า
    เมื่อถึงจุดหนึ่งที่รู้สึกไม่มีลมหายใจ มันจะจับยาก แต่ถ้ารู้ก็จับอาการ
    ที่ไม่มีลมนั้นแหละ
    ถ้าไม่ไหวก็ถอยออกมาตั้งที่กระดูกสันหลังท่อนที่ตรงกับฐานแทน
    ให้จิตจดจ่ออยู่แค่ฐานจุดเดียว จะได้ไม่ต้องไปพะวงกังวลกับลมหายใจ
    พอดีไปไหนไม่ได้สักที
    <INS style="BORDER-BOTTOM: medium none; POSITION: relative; BORDER-LEFT: medium none; PADDING-BOTTOM: 0px; MARGIN: 0px; PADDING-LEFT: 0px; PADDING-RIGHT: 0px; DISPLAY: inline-table; VISIBILITY: visible; BORDER-TOP: medium none; BORDER-RIGHT: medium none; PADDING-TOP: 0px">​
    </INS>
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 13 กุมภาพันธ์ 2016
  2. ปาปิปผลิ

    ปาปิปผลิ พระอุโบสถเจดีย์7ชั้น

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 เมษายน 2012
    โพสต์:
    503
    ค่าพลัง:
    +1,801
    เมื่อนั่งสมาธิถึงจุดหนึ่งแล้ว สมาธิจะรวมศูนย์เป็นหนึ่งเดียว
    สภาพนั้น ลืมกายภายนอก จดจ่ออยู่เป็นตำแหน่งเดียว
    ไม่หวั่นไหว เมื่อนั้นให้สติตามรู้อาการ อย่าไปคิดกำหนด
    อะไรอีก (ถ้าคิดกำหนดมันก็จะถอยหลัง)
    จิตจะทำหน้าที่ของมันเอง หรือที่เรียกว่าจิตรู้

    จิตรู้นี้รู้หน้าที่ของตนเอง จะน้อมนำพิจารณาเห็นไตรลักษณ์
    ถึงตรงนี้แล้วท่านที่ผ่านมา แล้วจะพบกับประสบการณ์
    อย่างหนึ่ง (ประสบการณ์นี้ไม่สมควรเขียนเป็นปริยัติ เพราะ
    จจะทำให้ผู้ปฏิบัติหมายจำเป็นสัญญา ซึ่งจะกลายเป็น
    อุปสรรคอยากเห็น รอจะเห็น ยิ่งพะวงไปไม่ถึงไหนเสียป่าวๆ)

    ในช่วงรอยต่อนี้ มักมีอุปสรรคใหญ่รออยู่อีกอย่างหนึ่งตาม
    จริตจุดอ่อนของผู้ปฏิบัติ หลวงพ่อมักเน้นย้ำให้บรรดาลูกศิษย์
    ตั้งสติเตรียมใจไว้ให้ดี และพร้อมตั้งรับเสมอ เพราะจุดนี้จะ
    ติดหลงอยู่ในวิปัสสนูได้ง่ายๆ นับเป็นด่านสำคัญที่ผู้ปฏิบัติ
    ทุกรายจะต้องผ่านไปให้ได้

    ถ้าสติไม่รู้เท่ารู้ทันอาการต่างๆที่เป็น ที่เกิด ที่เห็นที่ได้มา
    ในขณะนั้นแล้ว มักจะพลอยหลงเชื่อ พลอยเข้าใจผิด หรือ
    หยุดอยู่แค่นั้นโดยไม่ไปต่อ โดยไม่ทราบว่าไปได้อีก กลาย
    เป็นหลงประเด็นหลงวนอยู่ ทั้งที่ใกล้จะไปถึงอยู่แล้ว

    แต่ถ้าตั้งสติดีจิตนิ่ง ไม่หวั่นไหว ไม่เผลอไผลกับสิ่งที่
    ได้พบเห็นแล้ว สภาวะจิตจะเคลื่อนไปถึงขั้นต่อไป
    ที่จิตประภัสสร เป็นจิตรู้

     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 21 สิงหาคม 2012
  3. ปาปิปผลิ

    ปาปิปผลิ พระอุโบสถเจดีย์7ชั้น

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 เมษายน 2012
    โพสต์:
    503
    ค่าพลัง:
    +1,801
    รู้อะไร คือ รู้เห็นเท่าทันโลก เท่าทันอวิชชา เท่าทันกิเลส จิตตื่น
    และเบิกบานอย่างแท้จริง โดยอาการนั้น ผู้ปฏิบัติเองจะรู้ได้
    ด้วยตนเอง โดยรู้สติเปรียบเทียบทดสอบปฏิกริยาตนเองจากสิ่งต่างๆ
    ที่มากระทบ

    เห็นอารมณ์ รู้เท่าทันอารมณ์โดยเร็ว เมื่อรู้เท่าทันจิตจึงสงบระงับไปเอง
    เชื้อกิเลสจึงหมดโอกาสแสดงผล อารมณ์ที่เป็นไปตามธรรมชาติ
    เกิดอาการรู้ทันสิ้น

    ความรู้ทันนี้ต่างจากการปฏิบัติเดิม เพราะการปฏิบัติเดิมนั้น
    เป็นเพียงนึกทัน นึกรู้ทัน สังเกตทัน เป็นอาการที่สติพิจารณาเอา
    ใช้ความคิดตรึกพินิจ

    แต่ความรู้ทันที่ได้นี้ เป็นความรู้ทัน คือกล่าวได้ว่ารู้ทันเพราะมัน
    เป็นเช่นนั้นเอง เป็นโดยธรรมชาติ ปราศจากการปรุงแต่ง
    นอกจากนั้นยังน้อมนำไปหาไตรลักษณ์

    อาการไตรลักษณ์นั้นอธิบายได้ยาก
    สิ่งที่แตกต่างจากที่ปฏิบัติเดิมนั้น ผมพิจารณาไตรลักษณ์
    โดยการพินิจ สติพิจารณาเห็นไตรลักษณ์ไปตามลักษณะเด่น
    ของอาการไตรลักษณ์ที่เกิดก่อน หรือเห็นก่อน อันไหนเกิดก่อน
    พิจารณาอันนั้น

    แต่อาการไตรลักษณ์ที่ได้จากการปฏิบัตินี้ ถ้าจะเปรียบเสมือนเรา
    กินน้ำพริก แล้วรับรู้รสเปรี้ยว หวานเผ็ด แทบจะพร้อมๆกันนั่นเอง

    การเห็นไตรลักษณ์นั้นมาทีเดียว เห็นทั้งหมดไปพร้อมๆกัน
    อาการเห็นนี้เร็วจนไม่สามารถลำดับเรียบเรียงให้เป็นที่เข้าใจได้ง่าย

    สิ่งที่สังเกตได้อย่างหนึ่ง ในฐานะผู้ศึกษามากรู้มาก

    ในบรรดาลูกศิษย์จะทราบว่าหลวงพ่อสอนแต่หลักสำคัญสั้นๆ
    อะไรที่ไม่จำเป็นให้เพิกทิ้งเสียเอาแต่สาระสำคัญเท่านั้น

    แม้เรื่องนิมิต หลวงพ่อก็ไม่ถือเป็นสาระสำคัญ ไม่ว่าจะเห็นอะไร
    หลวงพ่อให้เพิกทิ้งเสียให้หมด
    ไม่ต้องติดไม่ต้องจดจ่อกับสิ่งที่เห็นสักอย่าง ปล่อยวางทิ้งหมด
    สนใจแต่การตั้งฐานจิตให้นิ่งสนิท ณ จุดที่กำหนด ให้สม่ำเสมอเท่านั้น

    การตั้งจิตให้นิ่งสงบนี้ อุปมาเหมือนถือแก้วน้ำที่มีน้ำเต็มปริ่มพอดี
    ขอบให้นิ่งสนิท ไม่โยกไม่โอน
    ผู้ตั้งต้องตั้งจิตจดจ่ออยู่ ณ จุดเดียวเรื่องเดียวจริงๆ

    แม้ในรายละเอียดลำดับของสมาธิแล้ว สำหรับในหมู่ผู้ที่หลวงพ่อ
    เพิ่งสอนปฏิบัติก็จะไม่พูดถึงรายละเอียดลำดับ มุ่งให้ใจผู้ปฏิบัติสนใจ
    จดจ่ออยู่แต่เรื่องเดียว คือตั้งฐานจิตให้นิ่งสนิทจริงเท่านั้น

    การทำเช่นนี้ ทำให้ผู้ที่เคยเรียนมามาก อ่านมาก รู้จักสัญญาหมาย
    จำหมายไว้อย่างผม
    ไม่ต้องมานั่งคิดถึงเรื่องปฐมฌาณ ทุติฌาณ ฯลฯ ให้รกสมองเปลืองสมอง
    เมื่อจิตไม่แกว่งไกว จิตไม่ตั้งคำถาม จิตไม่กังวลสงสัย
    สนใจแต่จะตั้งฐานจิตให้นิ่งอยู่เรื่องเดียว
    จิตมันจดจ่อ มันก็นิ่งลงได้เร็ว เกิดอาการรวมจิตนิ่งสนิทเป็นพิเศษ
    และไม่เกิดอาการแกว่งไกวนึกว่าอาการเหล่านี้คือลำดับไหน ถึงไหน
    จิตก็พ้นภาระโดยธรรมชาติ ไม่ติดไม่เกี่ยวกับความอยากรู้ลำดับจิตที่จะเกิดขึ้น
    ที่จะเป็นไป

    การปฏิบัติเดิมที่เคยติดขัดก็เลยปรุโปร่ง ได้มีโอกาสสัมผัสสภาวธรรม
    ในลำดับต่อไปอันมีค่ายิ่งต่อชีวิต

    กระผมขอน้อมระลึกกราบขอบพระคุณพระอาจารย์ในโอกาสอันยิ่งนี้ครับ

    นี่แหละที่เขาว่า ผู้ปฏิบัติหากขาดอาจารย์ผู้สั่งสอนแล้ว จะดั้นด้นหาทางด้วยตัวเองนั้นยาก

    ------------------------------------------------------------------------------->>>
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 21 สิงหาคม 2012
  4. ปาปิปผลิ

    ปาปิปผลิ พระอุโบสถเจดีย์7ชั้น

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 เมษายน 2012
    โพสต์:
    503
    ค่าพลัง:
    +1,801
    กิเลส ต้องดูเหตุผลว่า ใช้แล้วมันเกิดประโยชน์ไหม

    หลวงพ่อเยื้อน ขันติพโล วัดเขาศาลาอตลฐานะจาโร
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 25 สิงหาคม 2012
  5. ก้อนหิน

    ก้อนหิน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    213
    ค่าพลัง:
    +238
    ฟังmp3 เพลงโดน ๆ ทุกข์แล้วครับ แบบนี้บานเบอะ
     
  6. นางสาวอยู่จ้ะ

    นางสาวอยู่จ้ะ ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    1,041
    ค่าพลัง:
    +3,865
    อนุโมทนาค่ะ ปกติเป็นคนหายใจสั้น เลยถนัดกำหนดที่ "หทัยวัตถุ"ค่ะ
    คิดว่าถ้าวันไหนร่างกายพร้อมๆ ก็จะลองดูจุดเหนือสะดือบ้างค่ะ
     
  7. ก้อนหิน

    ก้อนหิน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    213
    ค่าพลัง:
    +238
    ผ้าขาวหล่น ลงน้ำ .....เรื่องพื้นฐานการมาเกิด...กลายเป็นตัวตน ใหม่ตามกาลเวลา สถานที่


    และยึดติด....
     
  8. ก้อนหิน

    ก้อนหิน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    213
    ค่าพลัง:
    +238
    ระบบ งานสังคม กับสมุทัย ....ทุกข์
     
  9. ก้อนหิน

    ก้อนหิน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    213
    ค่าพลัง:
    +238
    เหมือนม้าโดนเฆี้ยน ช้างโดนตะขอ... สารพัด
     
  10. Upāsikā Kae

    Upāsikā Kae เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    45
    ค่าพลัง:
    +438
    น้อมถวายแด่พระสุปฏิปันโน ... ลพ.เยื้อนฯ วัดเขาศาลาฯ สุรินทร์

    ------------------------------------------------------------

    สวัสดีค่ะ ขออนุโมทนากับทุกท่านค่ะ

    ดิฉันร่วมบุญถวายลพ.เยื้อนด้วยตนเองไปแล้วค่ะเมื่อเดือนที่แล้ว (ต.ค.2012/ 2555) ถวายใบปวารณาและโอนเงินตามไปทีหลังค่ะ ท่านจัดเป็นผ้าป่า กองละ 5,000 บาท ดิฉันถวายท่านไป 4 กองค่ะ ให้คุณพ่อหนึ่ง คุณแม่หนึ่ง พวกเราหนึ่ง และพระน้องชาย (ท่านเพิ่งบวช) ไปอีกหนึ่ง ... แล้วแต่ศรัทธานะคะ ท่านเมตตาญาติโยมมากจริงๆ

    ดิฉันได้ฟังพระธรรมเทศนาและแนวทางปฏิบัติที่ท่านสอนศิษย์ เกิดศรัทธาเลื่อมใสท่านมาก ท่านสอนอุบายวิธีง่ายๆ แต่ได้ผล... น้ำเย็นยังรู้สึุกอยู่ใต้ลิ้นปี่เลยค่ะ (จิตผู้รู้) ... การงานก่อสร้างใดๆ ท่านไม่ต้องอุทิศทำก็ได้ แต่ยังอนุเคราะห์สงเคราะห์ญาติธรรมอยู่ ท่านว่า พระก็เหมือนรับจ้างเค้าทำ แต่ไม่ได้ค่ารับจ้างอะไร (ประมาณนั้น คำพูดดิฉันเองค่ะ)

    ขออนุโมทนาบุญกุศลทุกท่านค่ะ
     
  11. มังกรบูรพา

    มังกรบูรพา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 เมษายน 2008
    โพสต์:
    2,539
    ค่าพลัง:
    +9,407
    ขออนุโมทนาสาธุ ในธรรมทานัง ที่เป็นประโยชน์ยิ่ง ด้วยครับ
     
  12. ton_thailand

    ton_thailand สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 กันยายน 2008
    โพสต์:
    2
    ค่าพลัง:
    +6
    มีโอกาสได้ร่วมบุญกับท่านเมื่อวันสงกรานต์
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • DSC01890.JPG
      DSC01890.JPG
      ขนาดไฟล์:
      373.3 KB
      เปิดดู:
      582
  13. ปาปิปผลิ

    ปาปิปผลิ พระอุโบสถเจดีย์7ชั้น

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 เมษายน 2012
    โพสต์:
    503
    ค่าพลัง:
    +1,801
    สาธุค่ะ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 13 กุมภาพันธ์ 2016
  14. กล่องไม้ขีดไฟ

    กล่องไม้ขีดไฟ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 พฤศจิกายน 2015
    โพสต์:
    2,859
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +1,815
    ผมชอบตอนที่พระอาจารย์ เอาผลมะพร้าว
    มาเป็นอุปกรณ์ ในการอธิบายธรรมของท่านมาก
     

แชร์หน้านี้

Loading...