นิพพานเป็นอย่างไร(สมเด็จโต พรหมรังสี)

ในห้อง 'สมเด็จโต พรหมรังสี' ตั้งกระทู้โดย paang, 8 กันยายน 2006.

  1. paang

    paang เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 เมษายน 2005
    โพสต์:
    9,492
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +34,326
    [​IMG][​IMG]




    </PRE>

    ***พระนิพพานนั้นอย่างไร?***

    สมเด็จพระพุฒาจารย์โต) พรหมรังสี



    มีผู้สงสัยในเรื่องของนิพพาน อยากรู้ว่า นิพพานนั้นเป็นอย่างไร ? จึงพากันไปเรียนถามสมเด็จฯให้หายสงสัย

    สมเด็จฯท่านก็บอกว่า ท่านไม่รู้แห่ง แต่จะชี้แจงอุปมาเปรียบเทียบให้รู้ และเข้าใจเอาเอง ตามเหตุผลเทียบเคียงได้ว่า นิพพานจะรู้ได้อย่างไร?

    ท่านเปรียบเหมือนหญิงสองคนพี่น้อง จ้องคิดปรารภปรารมภ์อยู่แต่การมีผัว อุตส่าห์อาบน้ำ ทาขมิ้น นุ่งผ้าใหม่ ผัดผ้า หวีผมเรียบแปร้ ก็เพราะประสงค์ความรักให้เกิดกับชายผู้จะได้มาสู่ขอเป็นสามีเท่านั้น

    ครั้นล่วงมา ก็สบโชคสบช่อง คนพี่สาว มีผู้มีชื่อมีหน้ามาขอ ได้ตกลงร่วมห้องร่วมหอกันแล้ว หญิงผู้ที่เป็นนางน้องสาวก็มาเยี่ยม แล้วตั้งวิงวอนเซ้าซี้ซักถาม

    "พี่จ๋า!!....การที่พี่หลับนอนกับผัวนั้น มีรสชาติครึกครื้น สนุกสนาน ชื่นบานเป็นประการใด ? จงบอกให้ฉันรู้บ้าง"......

    นางพี่สาว-ก็ไม่รู้จะนำความรื่นรมย์สมสนิทด้วยสามีนั้น ออกมาตีแผ่เปิดเผยให้น้องสาวรู้ตามเห็นตามในความรื่นรมย์แห่งโลกสันนิวาสได้ นางพี่สาวก็ได้แต่บอกว่า น้องมีผัวบ้าง น้องก็จะรู้ได้เอง ไม่ต้องถามเอาเรื่องกับพี่หรอก.......

    ครั้นอยู่มาไม่ช้านาน นางผู้น้องได้สามีแล้ว ไปหาพี่สาว พี่สาวถามว่า การหลับนอนรมย์รื่นชื่นใจกับผัว น้องมีความรู้สึกเป็นเช่นไร? ลองเล่าบอกความให้พี่เข้าใจบ้างซี่แม่น้อง นางน้องสาวฉอเลาะตอบพี่สาวทันทีว่า

    "ไม่ต้องเยาะ"

    แล้วพี่น้องคู่นั้น ก็นั่งสำรวลกัน หัวเราะกันตามฐานที่รู้รสสังวาสเสมอกัน อุปมาของท่านยาวเหยียดมาก ท่านบอกว่า พระโยคาวจรกุลบุตร มีความมุ่งหมายจะออกจากชาติ จากภพ เบื่อหน่ายโลกสันนิวาส เห็นว่าเป็นหม้อต้ม หรือเรือนอันไฟไหม้ ก็ต้องเร่งทำศีล-ทำสมาธิ-ทำปัญญา สามารถตัดสังโยชน์ได้เด็ดขาด จนกระทั่งจิตใจมีความเป็นกลาง ไม่รู้สึกบวก หรือลบ ไม่ติดบุญ-ไม่ติดบาป อย่างนี้แหละ เรียกว่า "นิพพาน" ที่ไม่มีทุกข์มาเจือปน ท่านไม่ต้องมาซักถามเซ้าซี้เช่นหญิงทั้งสอง......






    </PRE>
    ที่มา http://www.thaimisc.com




    </PRE>
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • buddha_3.jpg
      buddha_3.jpg
      ขนาดไฟล์:
      100.9 KB
      เปิดดู:
      2,849
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 8 กันยายน 2006
  2. paang

    paang เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 เมษายน 2005
    โพสต์:
    9,492
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +34,326
    คัดลอกจากหนังสือ ธรรมะ จากดวงวิญญาณบริสุทธ์ สมเด็จโต ชุด ของดีที่คนมองข้าม พระปัญญาวรคุณ วัดพนาสนฑ์ จ.นราธิวาส รวบรวม พิมพ์ครั้งที่ ๗ ปี 2536 บ.เคล็ดไทย จำกัด จัดจำหน่าย

    ********************

    นิพพาน คือว่างจากกิเลส จิตวิญญาณของพระอรหันต์ไม่สูญ ที่วิญญาณสูญนั่นคือวิญญาณในขันธ์ ๕ เท่านั้น



    (คัดจากหน้า 41-43)
    ขุนราชฤทธิ์บริรักษ์ (ถาม) : อันว่านิพพาน ปรมัง สุญญัง เป็นอันว่านิพพานเป็นสูญอย่างยิ่ง คือหมายความว่าสูญเลย คำว่าสูญเลยเป็นที่สงสัยอย่างเกล้ากระผมซึ่งมีกิเลสหนา คำว่าสูญเลยตามตำราบอกว่าขันธ์นั่นสูญ รูปขันธ์ก็หายไป วิญญาณขันธ์ก็หายไป แล้วสังขารขันธ์ก็หายหมด ทีนี้เกล้ากระผมไม่ทราบว่าอะไรเหลือ เมื่ออะไรมันหายหมด เพราะนิพพาน ปรมัง สุญญัง นี่ เพราะฉะนั้นในฐานะพระเดชพระคุณสมเดจเป็นนักปราชญ์ผู้มีความเปรื่องในธรรม โปรดได้อธิบายให้เกล้ากระผมเพื่อเป็นแนวทางซักหน่อย ก็จะเป็นพระคุณและได้บุญกับสาธุชนผู้ที่นั่งฟังอีกด้วยเป็นอย่างมาก

    สมเด็จ (ตอบ) : คำว่า นิพพาน นี้ต้องเข้าใจว่ามีหลักแห่งความจริงของคำว่า นิพพานัง ปรมัง สุขัง นิพพานัง ปรมัง สุญญัง ถ้าในหลักแห่งความจริงของพระสัมมาสัมพุทธโคดมแล้ว คำว่า นิพพาน ในโลกมนุษย์นี้ ก็คือว่า มนุษย์ผู้ใดปฏิบัติตนให้อยู่ในจิตแห่งความว่าง ให้อยู่ในจิตแห่งความนิ่ง ให้อยู่ในจิตแห่งความสิ้นจากสรรพกิเลสที่รอบล้อมอยู่ในตัว เขาเรียกว่า ....

    ใจกลางแห่งนิพพานตั้งอยู่เมือง
    รอบล้อมต่อเนื่องกำแพงอันแสนหนา
    ผู้ใดหาทางทะลุอยู่ในเมือง
    มนุษย์ผู้นั้นย่อมถึงนิพพาน

    นิพพานในโลกมนุษย์นี้เขาเรียกว่าปฏิบัติจิตให้ว่างที่สุด นานเท่านาน ผู้นั้นถึงนิพพานแห่งการเป็นมนุษย์ คือ สุญญัง นี้แหละเขาเรียกว่าสูญจากอาสวกิเลส สูญจากการป็นทาสอารมณ์แห่งการเป็นมนุษย์ จิตวิญญาณนี้พุ่งสู่แดนอรหันต์ ไม่ใช่สูญทั้งจิตและวิญญาณ ถ้าสูญทั้งจิตและวิญญาณ จะเอาอะไรไปเสวยกรรม สภาพการณ์วิญญาณที่สูญนั้นเขาเรียกว่า วิญญาณธาตุในเบญจขันธ์ วิญญาธาตุนี้เป็นอุปาทาน รูปนี้ประกอบขึ้นด้วย ดิน น้ำ ลม ไฟ วิญญาณธาตุจึงอยู่เป็นกาย แต่วิญญาณอีกอันหนึ่งเขาเรียกว่าวิญญาณซึ่งวนเวียนอยู่ในกฏแห่งวิฏสงสารนั้นแหล่

    (คัดจากหน้า 61-62)
    เรื่องวิญญาณนี้เป็นเรื่องละเอียด ในหลักการแห่งวิญญาณของเทพพรหมชั้นสูงนั้น เปรียบเสมือนหนึ่งในหลักทั่วไปของมนุษย์ ก็คือว่าเป็นอากาศ สภาวการณ์ท่านรู้ว่ามีอากาศ แต่ท่านไม่สามารถจับอากาศขึ้นมาเป็นตัวตนได้ นั่นคือสภาวะของวิญญาณเทพพรหมชั้นสูง

    ทีนี้วิญญาณเหล่าวิสุทธิเทพ วิญญาณเหล่าพรหมสุทธาวาส วิญญาณเหล่าอรหันต์ จะเปรียบให้เข้าใจในโลกมนุษย์นี้จะเปรียบเป็นอะไรเล่า อันนี้อาตมาภาพขอแถลงไขเปรียบเสมือนหนึ่งว่าวิญญาณเหล่านี้เป็นวิญญาณละเอียด สภาวการ์แห่งการเป็นวิญญาณละเอียดเหล่านี้ไซร้ ท่านจะต้องฝึกสมาธิใช้จิตสัมผัสเหสมือนหนี่งเปรียบคือ ลม ท่านลองโบกมือดูสิ ว่ามีลมไหม เมื่อท่านโบกมือย่อมเกิดลม นักวิทยาศาสตร์ที่เรียกว่าเป็นชั้นด็อกเตอร์ก็ยังไม่สามารถเอาหน้าลมออกมาตีแผ่ให้มนุษย์ดูได้ ทั้งๆ ที่มนุษย์ทุกคนยอมรับว่ามีลม เพราะฉะนั้นวิญญาณแห่งวิสุทธิเทพ วิญญาณแห่งเทพพรหมชั้นสูง วิญญาณแห่งอรหันต์ จึงเปรียบง่ายๆ เป็นภาษามนุษย์ว่า ลม

    ทีนี้วิญญาณเหล่าอมรมนุษย์ วิญญาณเหล่าผีเปรต อสรุกาย วิญญาณเหล่าเจ้าที่เจ้าทงเหล่านี้ วิญญาณจำพวกนี้ยังมีกายหยาบ ฉะนั้นต้องเข้าใว่า เมื่อท่านสิ้นจากโลกมนุษย์นี้แล้วไซร้ ท่านจะต้องไปเกิดในปรภพแห่งการเสวยกรรมวิบากที่ไม่เหมือนกัน เพราะต่างกรรมต่างวาระ ต่างคนต่างสร้างมาไม่เหมือนกัน ทีนี้สภาวการณ์แห่งการสร้างกรรมไม่เหมือนกันก็คือว่าท่านที่สิ้นจากโลกมนุษย์ก็ยังเป็นวิญญาณปุตุนั้นก็จะเป็นกายหยาบหลุดออกจากกายเนื้อ ทีนี้ถ้าท่านบำเพ็ญในหลักแห่งวิสุทธิมรรค แห่งการเป็นพระอรหันต์ แห่งการเป็นพระพรหมสุทธาวาสแล้วไซร็ ท่านต้องละลายกายทิพย์เหลือแต่วิญญาณ ทีนี้วิญญาณแห่งกายที่มีกายหยาบเหล่านี้แหล่ ที่บางครั้งสามารถปรับในการรวมกระแสแห่งอำนาจที่ตนมีเป็นกายเป็นรูปร่างให้มนุษย์เห็นได้เป็นบางครั้งบางคราว

    ทีนี้ปัญหาเหล่านี้ ท่านจะถึงหลักแห่งการถึงโลกอีกโลกหึ่ง แห่งโลกทิพยอำนาจนี้ ท่านจะไปได้อย่างไรเล่า ภาวการณ์แห่งการที่จะท่านจะไปโลกเหล่านี้ได้แล้วไซร้ ท่านจะต้องบำเพ็ญในด้านจิตวิญญาณ ตามที่องค์สัมมาสัมพุทธโคดมวางในหลักการให้เราเหล่านุษย์ทั้งหลายเจริญรอยตามท่าน ก็คือว่ามี ศีล สมาธิ ปัญญา
     
  3. แคท

    แคท เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 เมษายน 2005
    โพสต์:
    616
    ค่าพลัง:
    +1,666
    <TABLE id=HB_Mail_Container height="100%" cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0 UNSELECTABLE="on"><TBODY><TR height="100%" UNSELECTABLE="on" width="100%"><TD id=HB_Focus_Element vAlign=top width="100%" background="" height=250 UNSELECTABLE="off">ขออนุโมทนาค่ะ
    </TD></TR><TR UNSELECTABLE="on" hb_tag="1"><TD style="FONT-SIZE: 1pt" height=1 UNSELECTABLE="on">
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  4. lasomchai

    lasomchai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    383
    ค่าพลัง:
    +2,036
    นิพพานัง ปรมัง สุขัง
    นิพพานเป็นสุขอย่างยิ่ง

    สาธุ สาธุ สาธุ อนุโมทามิ
     
  5. คนมีกิเลส

    คนมีกิเลส เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    3,973
    ค่าพลัง:
    +19,431
    ท่านอุปมาแล้วเข้าใจกระจ่างมากๆเลยครับ ทุกวันนี้เห็นที่นั่งเถียงกันก็เทียบได้กับหญิงที่ยังไม่ได้สามีนั่นเอง

    ขออนุโมทนาบุญให้ธรรมทานครับ
    สาธุ
     
  6. wuttichai0329

    wuttichai0329 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 กรกฎาคม 2007
    โพสต์:
    1,015
    ค่าพลัง:
    +741
    ผมคิดแค่ว่า นิพพานเป็นสุขอย่างยิ่ง เท่านี้ทำให้อยากไปนิพพานลองดู แต่ถ้าไม่เป็นสุขอย่างที่คิด จึงค่อยหาที่สุขต่อไป
     
  7. Wat Pa Gothenburg

    Wat Pa Gothenburg เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 พฤศจิกายน 2008
    โพสต์:
    920
    ค่าพลัง:
    +260
    บุญกุศลใดหากเกิดขึ้นแล้วมีขึ้นแล้ว...ขอให้สรรพสัตว์ทั้งหลายที่ร่วม เกิด แก่ เจ็บ ตาย อยู่ในวัฎสงสารนี้
    จงเป็นผู้มีส่วนแห่งบุญกุศลนี้ด้วย หากตกทุกข์ก็ขอให้พ้นจากทุกข์ ..หากถึงสุขแล้วก็ขอให้สุขยิ่ง ๆ ขึ้นไป ​
     
  8. 12PANNA

    12PANNA Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 พฤศจิกายน 2008
    โพสต์:
    138
    ค่าพลัง:
    +71
    มันเป็น ปัจจัตตัง >>> เป็นสิ่งพึงรู้ได้เฉพาะตน
    ..........โมทนาสาธุ ........
     
  9. LOUISIO

    LOUISIO สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    4
    ค่าพลัง:
    +0
    เรียนถามผู้รู้ว่า .. หากปฏิบัติแล้ว ... ต้องใช้เวลานานเท่าไหร่จึงนิพพานได้หรอคับ

    หรือแต่ละคนใช้เวลาไม่เท่ากัน??
     
  10. ขันติธรรม

    ขันติธรรม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 มกราคม 2009
    โพสต์:
    545
    ค่าพลัง:
    +372
    hello8 อนุโมทนา สาธุ

    ความเห็นส่วนตัวแบบสั้น ๆ นิพพาน คือ ความโปร่งใส เบาสบาย ๆ ไปได้ทุกที่ถ้าจะไป แต่ไม่ไปติดอยู่ที่ใด ๆ ทั้งสิ้น
     
  11. keawsa

    keawsa เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    75
    ค่าพลัง:
    +241
    ถามไปก็ ไร้ค่า ถ้ามิได้ลงมือ ด้วยตนเองรู้เอง
    สิง่ที่ควรทำ คือ ความดี นั้นเอง จึงจะพบทางสงบที่แท้จริง
     
  12. ANUWART

    ANUWART เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2008
    โพสต์:
    2,669
    ค่าพลัง:
    +14,320
    โมทนาสาธุครับ

    เรียนเชิญทำบุญซื้อ อิฐ หิน ดิน ทราย เหล็ก ปูน สร้างศาลาแก้วพระจุฬามณีถวายสมเด็จองค์ปฐมครับ

    เชิญร่วมเป็นเจ้าภาพสร้างพระประธานสมเด็จองค์ปฐมและศาลาแก้วพระจุฬามณี ที่ จ.นครศรีธรรมราช (สำนักสงฆ์ธรรมเจริญ)

    [​IMG]

    [​IMG]

    " บุญกุศลใดที่พึงจะได้รับ ก็ขอให้ทุกท่านได้รับเช่นเดียวกันถ้วนหน้าสถาพร ทั้งโลกนี้และโลกหน้า ที่สุดถึงซึ่งพระนิพพานด้วยกันเทอญฯ สาธุ"<!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end -->
    <HR style="COLOR: #ffffff; BACKGROUND-COLOR: #ffffff" SIZE=1>
     
  13. oamiamgod

    oamiamgod เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    241
    ค่าพลัง:
    +3,223
    จากที่ผมฟังจากหลวงพ่อท่านมาแล้ว
    ถ้ากระผมจำไม่ผิด คิดว่า

    ถ้าท่านสำเร็จเป็นพระโสดาบันขั้นต้นแล้ว เกิดเป็นมนุษย์อีก 7 ชาติก็จะไปนิพพาน

    พระโสดาบัน มีคุณสมบัติคือ
    1.มีความรู้สึกว่าคนเราเกิดมานี่มันต้องตายอยู่เนืองๆหรืออยู่เป็นนิจ
    2.มีความเคารพใน พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ด้วยใจจริง
    3.มีความเคารพในศีล คือไม่ละเมิดศีล เช่น ไม่ผิดศีล5ศีล8(อย่างต่ำต้องศีล5)

    ถ้าพระโสดาบันขั้นกลาง ผมไม่แน่ใจ น่าจะเป็น 5 ปีนะขอรับ

    ถ้าพระโสดาบันขั้นสูง หรือ พระสกิทาคามี
    ตายจากความเป็นคน เกิดเป็นเทวดาหรือพรหม แล้วมาเกิดเป็นคนอีก1ชาติ
    ก็ไปนิพพานได้

    พระสกิทาคามี มีคุณสมบัติเหมือนพระโสดาบัน แต่มีอารมณ์ระเอียดกว่า
    แล้วก็ มีความถอยห่างจากการครองเรือน ถอยห่างจากความโมโหโทสัน

    คือ ยังมีอารมณ์ในเรื่องกามอารมณ์อยู่บ้าง แต่พอคิดถึงเมื่อไหร่ก็พยายามตัดเมื่อนั้น (ส่วนใหญ่จะตัดอารมณ์นั้นได้ทุกครั้ง) ความโกรธก็เช่นเดียวกัน
    มีน้อยมาก และก็พยายามตัดทิ้งตลอดเมื่อมีอารมณ์นั้นเข้ามา คือไม่เห็นดีคล้อยตามไปกับอารมณ์



    ถ้าพระอนาคามี ตายจากความเป็นคน เกิดเป็นเทวดาหรือพรหม แล้วก็เข้านิพพานได้เลย ไม่ต้องมาเป็นคนอีก

    ถ้าเป็นพระอรหันต์ ก็เข้านิพพานเลย


    ...ถ้าผิดพลาดประการใด ผมขออภัยมา ณ ที่นี้เป็นอย่างสูง

    ผลบุญนี้ ขอส่งผลถึงคุณบิดามารดา เทพเทวดา เจ้ากรรมนายเวร สัมภเวสี
    สัพสัตว์ทั้งหลาย

    และขอส่งผลถึงผู้อ่านทุกท่าน ให้มีความสุขความเจริญ
    ให้มีธรรมะน้อมนำจิตใจ ตั้งตนเป็นประโยชน์แห่งตน และแก่ผู้อื่นด้วยเทอญ
     
  14. dets

    dets สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    6
    ค่าพลัง:
    +8
    อนุโมทนาคับ รู้ธรรมใด ไม่เท่ารู้นิพพาน
     
  15. KritZ_2530

    KritZ_2530 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    263
    ค่าพลัง:
    +293
    หญิงสาวส่วนใหญ่ ฝันใฝ่่ ปรารถนาบุรุษขี่ม้าขาว!!!
     
  16. หลานหลวงปู่

    หลานหลวงปู่ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    150
    ค่าพลัง:
    +1,100
    โอ้ ดีจริงๆ ประทับใจในคำสอนครูบาอาจารย์ยิ่งนัก
     

แชร์หน้านี้

Loading...