นาคมีอายุยืนจนเห็นพระศรีอาริย์

ในห้อง 'Black Hole' ตั้งกระทู้โดย space, 24 สิงหาคม 2008.

  1. space

    space สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2006
    โพสต์:
    83
    ค่าพลัง:
    +7
    "ครั้นย่างเข้ามา ๗ วัน เป็นคำรบ ๖ นั้น สมเด็จพระพุทธองค์เสด็จไปทรงนั่งในร่มมุจลินทะไม้จิก บังเกิดกาลเมฆคือฝนตกบ่มิได้ขาดเม็ดเลย ทั้งลมก็พัดกล้า พัดหวลตลบไปมาวนเวียน ครั้งนั้นพระยานาคตนหนึ่งมีศักดานุภาพมาก อยู่ในสระโบกขรณีใกล้มุจลินทะไม้จิกนั้น เห็นพระพุทธองค์ก็บังเกิดเลื่อมใสศรัทธา จึงขึ้นมาจากนิวาสนฐาน แวดล้อมพระองค์สมเด็จพระมหากรุณาเจ้าเข้าไว้ด้วยกำแพงแก้ว กล่าวคือขนดกายอันใหญ่ขดซ้อนๆ กันขึ้นไป ๗ รอบ แล้วผกพังพานเป็นเพดานบังปิดเบื้องบน ประสงค์จะกันแดดกันฝนกันเหลือบแลริ้นร่าน บ่มิให้แผ้วพานพระองค์ ภายในห้องแห่งกายที่พญานาคขดแวดล้อมพระพุทธองค์นั้น ใหญ่ประมาณเท่าห้องเครื่องในโลหะปราสาท กอร์ปด้วยประทีปตั้งตามไว้ในมุมทั้ง ๔ ส่องแสงสว่างโอภาส สมเด็จพระบรมโลกนาถนั้นมีอาการดุจดังนั่งอยู่ในกุฎาคารปราสาท มีบานพระทวารและบานพระแกลปิดมิดชิดเป็นอันดี..." (จากไตรภูมิโลกวินิจฉัยกถา หน้า ๑๓๘)

    เนื้อความในพุทธประวัติ ตอนที่พญานาคเข้าปรกกันพายุฝนให้พุทธองค์ จากหนังสือที่ยกมานี้อธิบายอย่างชัดเจนว่านาคนั้นแปลงปรกเป็นอาคาร โดยมีการ "ผกพังพานเป็นเพดานบังปิดเบื้องบน" มิใช่เพียงเป็นหัวนาคยื่นอยู่ข้างหลังในแบบพระพุทธรูปนาคปรกที่เราคุ้นเคย เมื่อข้าพเจ้านำภาพประติมากรรมรูปนาคปรกมาเปรียบเทียบกับภาพเพดานพระวิหาร ก็พบคำตอบที่ชัดเจนว่า สิ่งที่เข้าใจผิดมาตลอดว่าเป็นดาวเพดาน สวรรค์ จักรวาลนั้น แท้ที่จริงก็คือลายดอกบนอกนาคนั่นเอง

    ถึงตรงนี้ความเข้าใจใหม่เปิดดวงตาเราแล้วว่า ตัวอาคารทั้งหมดคือนาคแปลง ถ้าไม่มีนาคก็จะไม่มีอาคาร วิหารเกิดขึ้น เมื่อเข้าสำรวจการแปลง จุดแรกเริ่มก็คือน้ำ (นาค) ที่หยดลงมาจากฟ้า (สวรรค์) และเกิดรัศมีวงน้ำ (คายออกเป็นชั้นๆ) นี่คือเบื้องปฐมแห่งการแปลงในรูปของฉัตร (นาคคายลงมาเป็นชั้นๆ จากสวรรค์)

    จากนั้นฉัตรก็คายตัวลงแปลงเป็นจุดกึ่งกลางหลังคา (ลายประจำยาม) และจากจุดประจำยามนี้เองที่นาคแล่นตัวออกเป็นสันหลังคาและผืนหลังคาทั้งหมด

    จากชุดหลังคา นาคก็ทิ้งตัวต่อลงมาเป็นผนังและเสาในระเบียบเดียวกัน คือทิ้งตัวยาวลง ยกหัวสูงขึ้น อกแตะน้ำ มีลายประจำยามกลางตัว

    จากตัวอาคารมาถึงฐาน ซึ่งก็คือนาคคายกันลงมาเป็นชั้นๆ

    ในนาค ๑ ชุดการคายนั้น เราสามารถสังเกตได้จากลายเส้นน้ำ (ลวด) ซึ่งแต่เดิมเข้าใจกันว่าเป็นเส้นลวดกั้นลาย บัดนี้การค้นพบได้เปิดเผยแล้วว่าคือน้ำ ซึ่งนาคจะต้องอยู่บนน้ำ (ฟองคลื่น) เมื่อเห็นลวดก็ให้รู้ว่านั่นเป็นลักษณะการแปลงทิ้งตัวของนาคลักษณะหนึ่ง เพียงแต่จะเป็นลักษณะใดก็ให้ดูแยกแยะเอา เช่น

    จากฐานลงสู่ดิน สู่มนุษย์โลก นี่คือสายความเชื่อเดิมที่ว่าน้ำคือสื่อกลาง เป็นตัวเชื่อมระหว่างโลกมนุษย์กับสวรรค์นั่นเอง

    สรุปว่าคนโบราณเชื่อเรื่องนาคเรื่องน้ำมาแต่เดิม เป็นความเชื่อที่ต่อสายมายาวนานตั้งแต่ยุคก่อนประวัติศาสตร์ มีอายุไม่ต่ำกว่า ๓,๐๐๐ ปี เมื่อพุทธศาสนาเข้ามาจึงต้องมาผสานกับความเชื่อท้องถิ่น มีการสร้างเรื่องให้นาคเป็นผู้ปกปักรักษา แผ่ปรกพุทธองค์ เกิดเป็นตัวอาคารวิหารรูปนาคแปลงขึ้นทั่วแผ่นดิน ทั้งนี้เพื่อโน้มเอาความเชื่อของคนในท้องถิ่นให้เข้ามาทางพุทธศาสนานั่นเอง พูดให้ชัดก็คือพุทธต้องมาพึ่งนาคเพื่อเข้าถึงคนท้องถิ่นที่เชื่อนาคมาแต่เดิม
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 24 สิงหาคม 2008
  2. 0l0l

    0l0l สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    20
    ค่าพลัง:
    +15
    <img src="http://img55.imageshack.us/img55/3079/bb6bk4.jpg"
     
  3. telescope

    telescope สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    18
    ค่าพลัง:
    +15
    ปวงบ่าวที่เป็นกัลญาณชนมี<WBR>คุณธรรม
     
  4. อัสติสะ

    อัสติสะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    184
    ค่าพลัง:
    +392
    ข้าพเจ้าไม่รู้ว่านาคมีอายุไขยเท่าไหร่
    รู้แต่มนุษย์มีอายุไขย ลดลงเรื่อย ๆ
     
  5. iCal

    iCal สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    24
    ค่าพลัง:
    +14
    <img src="http://img293.imageshack.us/img293/7928/sept8nk5.jpg"
     

แชร์หน้านี้

Loading...