แท็ก: แก้ไข
  1. คนไชยา

    คนไชยา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 มีนาคม 2008
    โพสต์:
    303
    ค่าพลัง:
    +171
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=3 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top>ตารางเปรียบเทียบ ประเภทนรก ขุมใหญ่เรียงลำดับจากเบาไปหนัก

    ขุมที่ ชื่อ อายุนรก เปรียบเทียบจำนวนวัน หมายเหตุ

    1 สัญชีพนรก 500 ปี 1 วันนรก = 9 ล้านปีมนุษย์ 4,500 ล้านปีมนุษย์

    2 กาฬปุตตะนรก 1,000 ปี 1 วันนรก = 36 ล้านปีมนุษย์ 36,000 ล้านปีมนุษย์

    3 สังฆาฏนรก 2,000 ปี 1 วันนรก = 145 ล้านปีมนุษย์ 290,000 ล้านปีมนุษย์

    4 โรรุวนรก 4,000 ปี 1 วันนรก = 234 ล้านปีมนุษย์ 936,000 ล้านปีมนุษย์

    5 มหาโรรุวนรก 8,000 ปี 1 วันนรก = 9,216 ล้านปีมนุษย์ 73,728,000 ล้านปีมนุษย์

    6 ตาปะมหานรก 16,000 ปี 1 วันนรก = 184,212 ล้านปีมนุษย์ 2,947,392,000
    ล้านปีมนุษย์

    7 มหาตาปะนรก 1/2 กัป ไม่มีการแจ้งไว้ นับไม่ได้

    8 อเวจีมหานรก 1 กัป ไม่มีการแจ้งไว้ นับไม่ได้

    พิเศษ โลกันตนรก ไม่มีอายุ เป็นการทำบาปที่พิเศษที่สุด ไม่มีระบุในตำรา เสร็จจากนี้ต้องไปต่อที่ขุมอเวจีมหานรกต่อไป

    ความหมายของ 1 ปีนรก

    1 ปี มี 12 เดือน เดือนละ 30 วัน ซึ่งมีลักษณะเช่นเดียวกับปีมนุษย์

    ความหมายของ 1 กัป

    สมมติให้มีกล่องที่ กว้าง 1 โยชน์ ยาว 1 โยชน์ สูง 1 โยชน์
    บรรจุเมล็ดผักกาดจนเต็ม เวลาผ่านไป 100 ปี หยิบออก 1 เมล็ด
    จนกระทั่งหมดไม่มีเหลือ นับเป็น 1 กัป

    นรกขุมใหญ่ ต้องโทษเพราะไม่เคารพ และผิดในกรรมบถ 10

    เมื่อเราเสียชีวิต หากพลาดพลั้งต้องตกนรก กรรมของเราจะถูกพิจารณา คือ กรรมหนักที่สุดของเรามีอยู่เท่าไร เทียบได้กับขุมใหญ่ขุมไหน ก็ไปยังขุมใหญ่นั้นๆ

    เมื่อเสร็จสิ้นจากขุมใหญ่แต่ละขุม ต้องไปลงนรกบริวารอีก 4 ขุมก่อน
    แล้วค่อยมาว่ากันอีกครั้งว่ามีกรรมเหลือเท่าไร

    จากนั้นจึงมาเปรียบเทียบใหม่ ว่ากรรมที่หนักที่สุดนั้นมีอยู่เท่าไรเทียบได้กับขุม ใหญ่ขุมไหน ก็ไปยังขุมใหญ่นั้นๆ ต่อไป ...วนเวียนไปเรื่อยๆ จนกระทั่งหมดกรรม

    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top><TABLE cellSpacing=2 cellPadding=2 align=left bgColor=#f5f5f5 border=0><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR><TR><TD align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>นรกขุมใหญ่ ขุมที่ 1 สัญชีวนรก

    ลักษณะพื้นเป็นเหล็กหนา เผาไฟจนแดงโชน ขอบด้านข้าง 4 ขอบก็เช่นกัน มองออกไปไม่แลเห็นขอบบ่อ มีอาณาเขตกว้างใหญ่ไพศาล แต่จะหาที่ว่างเว้นจากไฟไม่ได้เลย ระหว่างไฟจะมีสรรพาวุธต่างๆ เช่น หอก ดาบ ฯลฯ สารพัดจะมี ถูกไฟเผาแดงจนมีความคมจัด

    สัตว์นรกที่อยู่ในนั้นจะวิ่งพล่าน เพราะเท้าเหยียบไฟ ร่างกายก็จะถูกเผาไฟติดไฟตลอดเวลา เวลาวิ่งไปก็จะไปกระทบกับหอก ดาบ ฆ้อน หรืออาวุธต่างๆ มาฟัน แทง สับ ร้องครวญครางดิ้นเร่าๆ แต่พอร่างกายขาดแล้ว ก็จะมาต่อติดกันใหม่โดยทันที มาทรมานต่อไป ไม่มีวันตาย สรุปว่ามีไฟเผากายตลอดเวลา มีสรรพาวุธประหัตประหารตลอดเวลา


    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top><TABLE cellSpacing=2 cellPadding=2 align=left bgColor=#f5f5f5 border=0><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR><TR><TD align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>นรกขุมใหญ่ ขุมที่ 2 กาฬสุตตนรก

    มีกำแพงทั้ง 4 ด้านเป็นเหล็ก พื้นเป็นเหล็ก ถูกเผาไฟจนแดงโชน นายนิริยบาลจะจับเอาสัตว์นรกนอนลงไป นำเส้นบรรทัดมาตีเป็นเส้นที่ตัว จากหัวถึงท้ายบ้าง ตีตามขวางบ้าง ไม้บรรทัดนั้นทำจากสายเหล็กที่เผาไฟจนแดงโชน มื่อตีเส้นเป็นแนวแล้ว ก็จะนำเลื่อยบ้าง ขวานบ้าง มีดอีโต้บ้าง มาสับลงตามรอยที่ตีไว้แล้วนั้น


    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top><TABLE cellSpacing=2 cellPadding=2 align=left bgColor=#f5f5f5 border=0><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR><TR><TD align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>นรกขุมใหญ่ ขุมที่ 3 สังฆาฏนรก

    มีกำแพงทั้ง 4 ด้านเป็นเหล็ก พื้นเป็นเหล็ก ถูกเผาไฟจนแดงโชน มีภูเขาเหล็ก 2 ลูก กลิ้งไปกลิ้งมาคอยบดทับสัตว์เหล่านั้น ภูเขาเองก็เป็นเหล็กที่ถูกเผาจนแดงโชนเช่นกัน เมื่อถูกบดจนละเอียดแล้วก็จะฟื้นขึ้นมาใหม่ ไม่ตาย รับการทรมานต่อไป คนที่วิ่งหนีก็จะถูกนายนิริยบาลตีบ้าง แทงบ้าง ฟันบ้าง ตลอดเวลา

    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top><TABLE cellSpacing=2 cellPadding=2 align=left bgColor=#f5f5f5 border=0><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR><TR><TD align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>นรกขุมใหญ่ ขุมที่ 4 โรรุวนรก

    มีกำแพงเหล็ก 4 ด้าน ไฟลุกโชน จนหาเปลวไม่ได้ ยิ่งลึกมาก ก็ยิ่งร้อนมากขึ้นไปเรื่อยๆ ตรงกลางขุมจะมีดอกบัวเหล็ก กลีบเหล็กถูกเผาไฟจนแดงโชน กระแสแห่งไฟพุ่งออกจากกลีบตลอดเวลา ไม่มีนายนิริยบาล สัตว์นรกจะถูกกรรมทำให้ต้องเอาหัวมุดลงไปในดอกบัว มือและขาก็จะจุ่มลงไปเช่นกัน กลีบบัวจะงับเข้ามาหนีบขาไว้ถึงข้อเท้า หนีบมือไว้ถึงข้อมือ ส่วนหัวจะหนีบไปถึงคาง เพื่อให้ไฟนั้นเผาอยู่ตลอดเวลา


    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top><TABLE cellSpacing=2 cellPadding=2 align=left bgColor=#f5f5f5 border=0><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR><TR><TD align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>นรกขุมใหญ่ ขุมที่ 5 มหาโรรุวนรก

    มีดอกบัวขนาดใหญ่ ไฟร้อนจัด กลีบบัวมีความคมเป็นกรด วางตั้งอยู่ทั่วไป ระหว่างช่องที่ว่างอยู่จะมีแหลนหลาว ปักเอาไว้ โดยเอาปลายแหลมชี้ขึ้น
    เผาไฟจนแดงโชน แต่ดอกบัวนี้จะไม่งับแน่นนัก สัตว์นรกที่อยู่ในดอกบัวทั้งหลายจะร้อน และดิ้นไปโดนกลีบบัว เมื่อกระทบกลีบบัวก็จะขาดตกลงมา

    ถูกแหลนหลาวข้างล่างแทงรับไว้ แต่เนื่องจากแหลนหลาวนั้นเป็นไฟลุกแดง จึงทำให้เนื้อตัวของสัตว์นรกนั้นลุกร้อนเป็นไฟ ตกลงมาที่พื้น เมื่อตกถึงพื้น ก็จะมีหมาที่คอยกัดกินจนเหลือแต่กระดูก จนหมดเกลี้ยง แล้วก็จะก่อตัวขึ้นมาเป็นกายใหม่ จากนั้นนายนิริยบาลก็จะบังคับไล่แทงให้ไปอยู่บนดอกบั วต่อไปอีก


    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top><TABLE cellSpacing=2 cellPadding=2 align=left bgColor=#f5f5f5 border=0><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR><TR><TD align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>นรกขุมใหญ่ ขุมที่ 6 ตาปะมหานรก

    แสงเพลิงสว่างไสวมาก เป็นแสงไฟละเอียด มีความร้อนจัด สัตว์ร้องระงมเซ็งแซ่ไปหมด มีกำแพงล้อมรอบ 4 ด้าน และพื้นเป็นเหล็กร้อน แดงฉาน มีแหลนหลาวไฟลุกแดงโชน พุ่งมาเสียบเอาสัตว์นรกแล้วเอาขึ้นตั้งไว้ พอไฟไหม้เนื้อหนังหล่นลงมา สัตว์นรกก็จะหล่นลงมาด้วย ก็จะถูกสุนัขขนาดใหญ่เท่าช้าง เที่ยวไล่กัดกิน แทะจนหมดเหลือแต่กระดูกแล้วก็ไปเริ่มต้นใหม่ สัตว์นรกตัวใดไม่ยอมไป ก็จะถูกนายนิริยบาลเอาแหลนไปเสียบแล้วมาขึ้นตั้งไว้อ ย่างเดิม


    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top><TABLE cellSpacing=2 cellPadding=2 align=left bgColor=#f5f5f5 border=0><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR><TR><TD align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>นรกขุมใหญ่ ขุมที่ 7 มหาตาปะนรก

    มีกำแพงทุกด้าน มีไฟที่ความร้อนสูง คล้ายแสงสว่าง พุ่งเข้ามาจากรอบทิศ
    มารวมกันตรงกลาง มีภูเขาที่ตั้งอยู่ตรงกลางขุมนรก ก็จะมีไฟพุ่งเข้าพุ่งออกเป็นเหล็กที่เผาแดง นายนิริยบาลจะบังคับให้สัตว์นรกป่ายปีนขึ้นไปบนยอดเข า วิ่งขึ้นไป พอไปใกล้ถึงยอดก็จะทนไม่ไหว ร่วงหล่นลงมา ก็จะถูกแหลนหลาวที่ปักเอาไว้โดยรอบแทงเข้า เมื่อหล่นจากแหลนหลาวนั้นร่างก็จะเต็ม แล้วถูกไฟเผาตามเดิม
    นายนิริยบาลก็จะมาไล่ให้ขึ้นไปยอดเขาต่อไป


    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top><TABLE cellSpacing=2 cellPadding=2 align=left bgColor=#f5f5f5 border=0><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR><TR><TD align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>นรกขุมใหญ่ ขุมที่ 8 อเวจีมหานรก

    พิเศษกว่าทุกขุม คือ ไม่สามารถเคลื่อนไหวร่างกายได้
    กระดูกแดงฉาน เนื่องจากถูกไฟเผาจนสุก ถูกให้ยืนกางแขนกางขา มีกำแพงปิดเฉพาะตัว 6 ทิศ มีหอกแทงทะลุตรึงไว้ทั้งหมด จากบนลงล่าง ซ้ายทะลุขวา หน้าทะลุหลัง หลายสิบเล่ม จนไม่สามารถจะขยับได้เลยแม้แต่น้อย จำนวนสัตว์นรกที่อยู่ในขุมนี้ มีมากกว่าทั้ง 7 ขุม ที่กล่าวมาแล้วรวมกันทั้งหมดเสียอีก


    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top><TABLE cellSpacing=2 cellPadding=2 align=left bgColor=#f5f5f5 border=0><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR><TR><TD align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>โลกันตนรก

    นรกขุมใหญ่ พิเศษสุด "โลกันตนรก" ไม่มีอายุ

    หลังจากใช้กรรมจนหมดแล้ว จะต้องไปต่อที่อเวจีมหานรกต่อไปทันที
    ลักษณะเป็นภูเขาที่ใหญ่โตประมาณมิได้ ภายในภูเขานั้น เป็นถ้ำขนาดใหญ่มาก
    มีความเย็นจัดจนบอกไม่ถูก เป็นการทรมานสัตว์นรกด้วยความเย็น

    ภายในถ้ำมีน้ำเป็นน้ำกรด แรงจัด และเย็นเฉียบ มีแต่ความมืดมิด ไม่มีแสงสว่าง สัตว์นรกทั้งหลายจะไต่ตามผนังข้างๆ ถ้ำ หินที่ผนังจะคมเป็นกรด
    สัตว์ทั้งหลายจะมองไม่เห็นกัน ต่างก็คิดว่าอยู่คนเดียว พอไต่มาพบกันก็จะนึกว่าเป็นอาหาร ก็กัดกินกันจนตกลงไปในน้ำ น้ำกรดก็จะกัดกร่อนทำลายเนื้อหนังจนหมดสิ้น เหลือแต่กระดูก ก็จะประกอบขึ้นมาเป็นร่าง ไต่ขึ้นมาตามผนังถ้ำใหม่อีกครั้ง ต่อไปเรื่อยๆ จนหมด</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  2. นิพพิทา2008

    นิพพิทา2008 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    346
    ค่าพลัง:
    +55
    น่ากลัว
     
  3. คีตเสวี

    คีตเสวี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 มกราคม 2007
    โพสต์:
    980
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +750
    ขอชมเชยครับ กระชับ อ่านง่าย ได้ใจความ

    [​IMG]
     
  4. โปเต้ผู้ใฝ่ธรรม

    โปเต้ผู้ใฝ่ธรรม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 เมษายน 2007
    โพสต์:
    638
    ค่าพลัง:
    +573
  5. A Thanida

    A Thanida Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 มีนาคม 2008
    โพสต์:
    19
    ค่าพลัง:
    +25
    ขอเรื่องสวรรค์บ้างซิคะ ทำบุญ ความดี อะไร ไปอยู่สววรค์ชั้นไหน
     
  6. eddy1965

    eddy1965 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    369
    ค่าพลัง:
    +475
    คุณไชยา

    สาธารยายมหานรกแต่ละขุม ไม่เห็นจะบอกเลยว่า แต่ละขุมทำผิดอะไรบ้าง
    ที่สำคัญก็อย่าลืม พรรณานรกขุมรอง และนรกขุมย่อย ให้ด้วยนะครับ
     
  7. pakung

    pakung เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    1,625
    ค่าพลัง:
    +429
    สวรรค์อยู่ในอก นรกอยู่ในใจ
     
  8. eddy1965

    eddy1965 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    369
    ค่าพลัง:
    +475
    หากท่านรู้อยู่แก่ใจ ก็ควรพึงปฏิบัติให้สมกับเป็นชาวพุทธก็แล้วกันครับ
     
  9. คนไชยา

    คนไชยา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 มีนาคม 2008
    โพสต์:
    303
    ค่าพลัง:
    +171
    เหตุที่ต้องตกนรก



    มหานรก 8 ขุม
    (แต่ละชั้นห่างกันประมาณ 15,000 โยชน์)
    [​IMG]
    อเวจีนรก
    นรกที่ปราศจากคลื่นคือความบางเบาแห่งความทุกข์
    อายุ ประมาณ 1 อันตรกัปของมนุษย์
    บุพกรรม เ มื่อเป็นมนุษย์ได้ทำอนันตริยกรรมอย่างใดอย่างหนึ่ง คือ ฆ่ามารดา บิดา พระอรหันต์ ทำร้ายพระพุทธเจ้าใหห้อพระโลหิต ทำสังฆเภท ยุยงให้สงฆ์แตกกัน และบุคลที่ทำลายพุทธเจดีย์ พระพุทธรูป ต้นโพธิ์ ที่ตรัสรู้โดจิตคิดประทุษร้ายบุคคลที่ติเตียนพระอริยบุคคลพระสงฆ์ผู้มีบุญคุณแก่ตน ผู้ที่ยึดถือนิยตมิจฉาทิฎฐิ 3

    [​IMG]
    มหาตาปนรก (ปตาปน)
    นรกที่เต็มไปด้วยความเร่าร้อนอย่างมากมายเหลือประมาณ
    อายุ ครึ่งอันตรกัปของมนุษย์
    บุพกรรม เมื่อเป็นมนุษย์มีใจบาป หนาไปด้วยอกุศลมลทิน เช่น ประหารคนหรือประหารสัตว์ให้ตายเป็นหมู่มากๆ ไม่คำนึงถึงชีวิตเขาชีวิตท่าน และคนที่มี อุจเฉททิฐิ สัสสตทิฏฐ นัตถิกทิฏฐิ อเหตุกทิฏฐิ และ อกิริยทิฏฐิ อย่างใดอย่างหนึ่ง หรือหลายอย่าง​
    [​IMG]
    ตาปนนรก (จูฬตาปน)
    นรกที่ทำให้สัตว์เร่าร้อน ด้วยการให้นั่งตรึงติดอยู่ในหลาวเหล็กอันร้อนแดงแล้วให้ไฟไหม้อยู่
    อายุ 16,000 ปีอายุกัป (1วันในในรก = 9,216 ล้านปีมนุษย์)
    บุพกรรม เมื่อเป็นมนุษย์เป็นคนใจบาป ประกอบกรรมด้วยโลภะ โทสะ โมหะ เช่น ฆ่าสัตว์เพื่อเลี้ยงชีพ และคนที่เผาบ้านเมือง กุฏิ โบสถ์ วิหาร ศาลาการเปรียญ ปราสาท ทำลายเจดีย์

    [​IMG]

    มหาโรรุวนรก (ชาลโรรุว)
    นรกที่เต็มไปด้วยเสียงร้องไห้ครวญครางดังกว่าโรรุวนรก
    อายุ 8,000 ปีอายุกัป (1 วันนรก = 2,304 ล้านปีมนุษย์)
    บุพกรรม เมื่อเป็นมนุษย์มีใจบาป ตัดคอสัตว์และมนุษย์ ฆ่าสัตว์ด้วยความโกรธ ปล้น ขดมยทรัพย์สมบัติของพ่อแม่ ครูบาอาจารย์ และของศาสนา เช่น ของภิกษุ สามเณร ดาบส แม่ชี และสิ่งของเครื่องสักการะ ที่เขาบูชา พระรัตนตรัย ปล้นโกงเอาของคนอื่นมาเป็นของตน
    [​IMG]
    โรรุวนรก (ธูมโวรุวหรือจูฬโรรุว)
    นรกที่เต็มไปด้วยเสียงร้องไห้ครวญครางดังของสัตว์นรกที่ถูกควันไปอบอ้าว
    อายุ 4,000 ปีอายุกัป(1 วันนรก = 576 ล้านปีมนุษย์)
    บุพกรรม เมื่อเป็นมนุษย์มีใจบาปเผาสัตว์ทั้งเป็น ตัดสินความไม่ยุติธรรม รุกที่ดิน เอาสาธารณะสมบัติ มาเป็นของตน กินเหล้าเมาประทุษร้ายผู้อื่น ชาวประมง คนที่เผาป่าที่สัตว์อาศัยอยู่
    [​IMG]
    สังฆาฏนรก
    นรกที่มีภูเขาเหล็กใหญ่มีไฟลุกโพลงบดขยี้สัตว์นรก
    อายุ 2,000 ปีอายุกัป (1 วันนรก = 144 ล้านปีมนุษย์)
    บุพกรรม เมื่อเป็นมนุษย์มีใจบาป หยาบช้าด้วยใจอกุศลกรรม ไร้ความเมตตากรุณา ทำทารุณกรรมสัตว์ด้วยวิธีการต่างๆเป็นประจำ หรือบุคคลที่ทรมาณเบียดเบียนสัตว์ที่ตนใช้ประโยชน์ และพวกนายพราน
    [​IMG]
    กาฬสุตตนรก
    นรกที่ลงโทษด้วยเส้นเชือกดำ แล้วก็ถากหรือตัดด้วยเครื่องประหาร
    อายุ 1,000 ปีอายุกัป (1 วันนรก = 36 ล้านปีมนุษย์)
    บุพกรรม เมื่อเป็นมนุษย์มีใจบาป ทำการทรมาณสัตว์ด้วยการตัดเท้า หู ปาก จมูก ฯลฯ ทำร้ายบิดามารดา ครู อาจารย์ ฯลฯ เบียดเบียน หรือฆ่าภิกษุ สามเณร ดาบส หรือเพชฌฆาต
    [​IMG]
    สัญชีวนรก
    นรกที่สัตว์นรกไม่มีวันตาย
    อายุ 500 ปีอายุกัป (1 วันนรก = 9 ล้านปีมนุษย์)
    บุพกรรม เมื่อเป็นมนุษย์มีจิตใจไม่บริสุทธิ์ หยาบช้า ลามก ก่อกรรมทำเข็ญ เช่น ฆ่าเนื้อ เบื่อสัตว์ เบียดเบียนบุคคลที่ตำกว่าตน โดยความไม่เป็นธรรมให้ได้รับความเดือดร้อนเป็นนิจ ฯลฯ
     
  10. eddy1965

    eddy1965 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    369
    ค่าพลัง:
    +475
    ขอบคุณมากครับที่นำเสนอข้อมูลที่ครบถ้วน
    ขออนุโมทนา ธรรมทานในครั้งนี้
     
  11. คนไชยา

    คนไชยา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 มีนาคม 2008
    โพสต์:
    303
    ค่าพลัง:
    +171
  12. คนไชยา

    คนไชยา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 มีนาคม 2008
    โพสต์:
    303
    ค่าพลัง:
    +171
    นรกน้อย
    นรกใหญ่ทั้ง ๘ ขุม มีนรกเล็กเป็นบริวารล้อมรอบ ๔ ด้าน ด้านละ ๔ ขุม รวม ๑๖ ขุม ในไตรภูมิพระร่วงเรียกว่า
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 4 เมษายน 2008
  13. shameofsins

    shameofsins Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    51
    ค่าพลัง:
    +67
    น่ากลัวงะ !~!
     
  14. คนไชยา

    คนไชยา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 มีนาคม 2008
    โพสต์:
    303
    ค่าพลัง:
    +171
    หากเราทำดี
    ไม่ต้องกลัวครับ
     
  15. คนไชยา

    คนไชยา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 มีนาคม 2008
    โพสต์:
    303
    ค่าพลัง:
    +171
    เทวทูต
    เทวทูต แปลว่า ทูตของเทวะ อะไรคือเทวะ ยกตัวอย่างว่า มัจจุ (ความตาย) ชื่อว่าเทวทูตของมัจจุ ได้แก่ทุกสิ่งที่เตือนว่าใกล้ความตายเข้าทุกที เช่น เมื่อเส้นผมบนศีรษะหงอก ก็เป็นเครื่องเตือนใจว่าใกล้ความตายแล้ว ผมหงอกจึงเป็นเทวทูตอย่างหนึ่ง ทุก ๆ สิ่งที่เป็นลักษณะแห่งเกิด แก่ เจ็บ ตาย และราชทัณฑ์ ชื่อว่าเทวะทั้งนั้น และเพราะเป็นเครื่องเตือนใจเหมือนอย่างทูตมาบอกข่าว จึงเรียกว่า เทวทูต
    อีกอย่างหนึ่ง เทวทูต แปลว่า ทูตเหมือนเทพยดา คล้ายคำว่า ทูตสวรรค์ คือ เหมือนเทวดามาบอกเตือนให้ไม่ประมาท อีกอย่างหนึ่ง เทวทูต แปลว่า ทูตของวิสุทธิ-เทพ หมายถึงพระอรหันต์ มีพระพุทธเจ้าเป็นต้น เพราะได้สอนให้พิจารณาเนือง ๆ เพื่อความไม่ประมาท ฉะนั้น เมื่อเห็นเทวทูต ก็ย่อมจะไม่ประมาทและเว้นทุจริตต่าง ๆ ได้ ส่วนคนที่ประพฤติทุจริตต่าง ๆ นั้น ก็เพราะไม่เห็นเทวทูตมาตักเตือนใจ จึงเป็นผู้ประมาทมัวเมาต่าง ๆ แม้จะได้พบเห็นคนเกิด แก่ เจ็บ ตาย และคนถูกลงราชทัณฑ์ แต่ก็ไม่ได้ข้อเตือนใจ เทวทูตก็ไม่ปรากฏ เรียกว่าไม่เห็นเทวทูตนั่นเอง ฉะนั้น คนที่ทำบาปทุจริตทั้งปวงเรียกว่าไม่เห็นเทวทูตทั้งนั้น ตามที่กล่าวมานี้ จะเห็นได้ว่า เทวทูตไม่อาจจะเห็นได้ด้วยตาธรรมดา จะเห็นได้ด้วยตาปัญญา เช่นเดียวกับเทวดา (ตามที่เชื่อถือกัน) ตาธรรมดามองไม่เห็น น่าจะเรียกว่าเทวทูต เพราะมีแยบยลดั่งกล่าวนี้ด้วย
    ครั้นยมราชซักแล้ว ปรากฏว่าผู้นั้นไม่เห็นเทวทูต คือได้ทำบาปทุจริตแล้ว ก็นิ่งอยู่หาได้สิ่งให้ลงโทษอย่างไรไม่ การที่ซักถามนั้น ก็เป็นเงื่อนให้คิดว่า เตือนให้ระลึกถึงบุญกุศลคือความดีที่ได้ทำมาแล้วด้วยความไม่ประมาท เพราะได้เห็นเทวทูตในบางครั้งคราว ถ้าไม่ได้ทำกุศลไว้บ้างเลย ก็เป็นการจนใจช่วยไม่ได้ ดูยมราชก็จะช่วยอยู่ เท่ากับเป็นตัวสตินั่นเอง แต่เมื่อช่วยไม่ได้ ไม่ได้สติที่จะระลึกคติธรรมดาและบุญกุศลบ้างเลยแล้ว ก็จำต้องนิ่งอยู่ เหมือนอย่างวางอุเบกขาปล่อยให้เป็นไปตามยถากรรม ยมราชจึงไม่ต้องสั่งลงโทษสัตว์ผู้ทำบาปต้องเป็นตามกรรมของตนเอง ตามหลักกรรมในพระพุทธศาสนา เทวทูตสูตร นี้จึงแฝงคติธรรมที่สุขุมมาก แต่แสดงเป็นปุคลาธิษฐาน คือตั้งเรื่องขึ้นเป็นบุคคลมีตัวตนและแสดงนรกตามเค้าคติความคิดเรื่องนรกในชาดกดั่งกล่าวนั่นแหละ แต่ปรับปรุงรวบรัดเข้า
    มหานิรยะที่กล่าวในเทวทูตสูตรก็คือ อวีจินีรยะ หรือ อเวจีนรก อเวจีในชาดกสำหรับบาปหนัก แต่มหานิรยะในพระสูตรเป็นนรกกลางสำหรับบาปทั่วไป เพราะมิได้ระบุประเภท ชนิดของบาปไว้ ทั้งในพระสูตรนี้ยังเอื้อถึงกฎหมายบ้านเมือง แสดงราชทัณฑ์เป็นเทวทูตอย่างหนึ่ง เพราะแม้จะไม่คำนึงถึงคติธรรมดา นึกถึงกฎบ้านเมือง เกรงราชทัณฑ์ ก็ยังช่วยให้ละเว้นทุจริตต่าง ๆ ตามกฎหมายได้ เป็นเค้าเงื่อนให้เห็นความสัมพันธ์แห่งชาติและศาสนาเหมาะดีอยู่ และในเทวทูตสูตรนั้นไม่ได้กล่าวว่านรกอยู่ที่ไหน ต่างจากคติที่กล่าวว่านรกอยู่ใต้แผ่นดินนี้ลงไป ซึ่งพระอาจารย์นำมาอธิบายนรกที่กล่าวในชาด พิจารณาดูจะเห็นได้ว่า คติความคิดว่านรกอยู่ใต้พื้นแผ่นดิน น่าจะเป็นของเก่ากว่า คือ เก่าแก่มาตั้งแต่ก่อนพุทธกาล เช่นเดียวกับคติเรื่อง กัป กัลป์ และ ๔ ทวีป แล้วจึงเปลี่ยนแปลงมาเป็นคติความคิดที่ไม่แสดงว่าอยู่ที่ไหน ทั้งในพระสูตรนั้นกล่าวว่า สัตว์นรกไม่ตายจนกว่าจะสิ้นกรรม ต่างจากที่พระอาจารย์อธิบายในชาดกว่าตายแต่เกิดอีกทัน
     

แชร์หน้านี้

Loading...