นรก-สวรรค์ ที่เราอยากรู้

ในห้อง 'กฎแห่งกรรม - ภพภูมิ' ตั้งกระทู้โดย J.Sayamol, 30 สิงหาคม 2008.

  1. J.Sayamol

    J.Sayamol เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 เมษายน 2008
    โพสต์:
    6,190
    ค่าพลัง:
    +21,530
    นรก - สวรรค์ ที่เราอยากรู้...

    <TABLE width="100%" border=0><TBODY><TR><TD>
    [​IMG]



    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    </O:p

    มีพระธรรม เป็นแกนกลาง สร้างชีวิต

    มีความคิด เป็นศูนย์กลาง สร้างเหตุผล

    สร้างสวรรค์ สุขสว่าง กลางใจคน

    หนีนรก ที่มืดมน เผาลนใจ

    อาณาจักรของโลกว่ายิ่งใหญ่ แต่อาณาจักรของหัวใจกลับยิ่งใหญ่กว่า เพราะว่าอาณาจักรแห่งนี้ มีทั้งสวรรค์ มีทั้งขุมนรก มีทั้งมรรคผลนิพพานอยู่ในพื้นที่เดียวกัน นรกสวรรค์อาจอยู่ห่างไกลกัน อาจต่างกันดุจไฟกับน้ำ แต่ก็อยู่ใกล้กันเพียงแค่ความรู้สึกนึกคิดของคน

    ความรู้สึกนึกคิดของคน จึงเป็นหลักแบ่งเขตนรกสวรรค์ เพราะคนไทยได้รับอิทธิพลจากศาสนาพราหมณ์ ควบคู่กับศาสนาพุทธ จึงได้รับข้อมูลเกี่ยวกับนรกสวรรค์ในมุมมองที่แตกต่างกัน ข้อมูลเหล่านั้นได้ฝังรากลึก จนเกิดเป็นความคุ้นชินทางจิตใจ จนแยกประเภทนรกสวรรค์ไม่ออก จึงไม่รู้จักหน้าตาของนรกสวรรค์ที่แท้จริง

    ท่านพุทธทาสภิกขุจึงได้แบ่งนรกสวรรค์เป็น ๓ ภาษา คือ

    ๑. นรก-สวรรค์ ในภาษาชาวบ้าน
    ๒. นรก-สวรรค์ ในภาษาศีลธรรม
    ๓. นรก-สวรรค์ ในภาษาปรมัตถธรรม
    <O:p
    ที่มา : นรก-สวรรค์..พระอาจารย์สุเทพ สุเทโว

    http://www.dhammathai.org/store/karma/view.php?No=254
     
  2. oomsin2515

    oomsin2515 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    2,934
    ค่าพลัง:
    +3,393
    อนุโมทนากับเจ้าของกระทู้ครับ
    สาธุ สาธุ สาธุ<O:p</O:p
    <O:p</O:p
    <O:p</O:p



    _____________________________<O:p</O:p
    เชิญร่วมบริจาคหนังสือ เข้าห้องสมุดชุมชนวัดย่านยาว<O:p</O:p
    http://palungjit.org/showthread.php?t=130823<O:p</O:p
     
  3. J.Sayamol

    J.Sayamol เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 เมษายน 2008
    โพสต์:
    6,190
    ค่าพลัง:
    +21,530
    การทำความดี : ... มีการรักษาศีล ให้ทาน ภาวนา เป็นต้น การทำความชั่ว มีกายทุจริต วจีทุจริต เป็นต้น ครั้นเราทำความดี ความดีจะตามสนอง ให้เรามีความสุข มีสุคติเป็นที่ไป ครั้นเราทำความชั่ว ความชั่วจะตามสนอง ให้เรามีความทุกข์ มีทุคคติ เป็นที่ไป ... พวกเรา ได้อัตภาพร่างกายมาสมบูรณ์ บริบูรณ์ ก็เป็นเพราะ ปุพเพกตปุญญตา บุญของเราที่ได้ทำมาแต่ปางก่อน พวกเรา จึงไม่ควรประมาท ควรรีบทำคุณความดีละความชั่ว ... พวกเรา มีการมาทำบุญ ให้ทาน มีการสดับรับฟังธรรมะ รักษาศีล ภาวนา ก็พาให้เกิดความสบายใจ นั่นแหละบุญ เห็นกันที่นี่แหละ ไม่ต้องรอตายแล้ว จึงจะไปสวรรค์

    ... ใจดี ก็เป็นสวรรค์แล้ว ใจร้าย ก็เป็นนรก ... การปฏิบัติธรรมนั้น ไม่มีโทษ มีแต่คุณ คือ จิตไม่ขุ่นมัว จิตผ่องใส จิตเบิกบาน จะยืน เดิน นั่ง นอน ก็มีความสุข ไม่มีความทุกข์ จะเข้าสุ่สังคมใด ก็องอาจกล้าหาญ ... การทำความเพียร เมื่อสมาธิเกิดมีขึ้นแล้ว จะไม่มีความหวั่นไหว ไม่มีความเกียจคร้านต่อการงาน ทั้งทางโลกและทางธรรม เพราะ ได้ปัญญา มาเป็นกำลัง ...

    .....เมื่อปัญญา ... เกิดขึ้นแล้ว ก็รู้จักใช้ให้เป็นประโยชน์ จะเรียนทางโลกก็สำเร็จ จะเรียนทางธรรม ปฏิบัติก็สำเร็จ ... พระพุทธเจ้าท่านจึงสั่งสอนอบรม ให้เกิดให้มีขึ้นมาเบื้องต้น ตั้งแต่ศีล เพราะศีลเป็นที่ตั้งของสมาธิ สมาธิเป็นที่ตั้งของปัญญา ไม่ว่า ศีล สมาธิ ปัญญา ก็เป็นทางมาแห่งวิมุตติ คือ ความหลุดพ้น ด้วยกันทั้งสิ้น ... ธรรมทั้งหลายตกอยู่ในไตรลักษณ์มี ทุกขา มี อนิจจา มี อนัตตา ... ทั้งสามนี้ ให้สำนึกพึงรู้ไว้ ... ธาตุสี่ ได้แก่ ธาตุดิน ธาตุน้ำ ธาตุลม ธาตุไฟ ... ไม่ใช่สัตว์ ไม่ใช่บุคคล เมื่อมารวมกันแล้ว ก็แตกดับไป เป็นของไม่แน่นอน เป็น อนิจจังไม่เที่ยง ทุกขัง มีแต่ทุกข์ ถ้าใครไปยึดถือไว้ ... ผู้เจริญเมตตาอยู่เสมอ จะไม่ตกต่ำ และ เมตตา จะหนุนตนให้เจริญ จะได้บุญกุศลเพิ่มเติมอยู่เสมอ ผู้ถวายทาน แม้ตั้งร้อยครั้ง ก็ได้ผลบุญสู้ผู้รักษาศีล แม้เพียงครั้งเดียวไม่ได้ ผู้รักษาศีล แม้ตั้งร้อยครั้ง ก็ได้บุญกุศลสู้การเจริญเมตตาภาวนา เพียงครั้งเดียวไม่ได้ ... การเจริญเมตตาภาวนา เพียงชั่วช้างกระดิกหู งูแลบลิ้น ก็ได้ผลบุญมาก ...

    <O:p
    http://www.dhammathai.org/articles/view.php?No=493
     

แชร์หน้านี้

Loading...