"นรก สวรรค์ ชาติที่แล้ว ชาติหน้า มีจริงหรือไม่"

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย piyaa, 24 เมษายน 2012.

  1. piyaa

    piyaa เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    1,730
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +16,072
    ปัญหา โลกแตกอย่างหนึ่ง ซึ่งมีข้อถกเถียงที่ไม่มีวันสิ้นสุด คือ " นรก สวรรค์ ชาติที่แล้ว ชาติหน้า มีจริงหรือไม่" แต่ก็มีเหตุผลหนึ่งที่ดีที่สุดคือ "นรก สวรรค์ ชาติที่แล้ว และชาติหน้า เป็นกลอุบายอย่างหนึ่งที่ให้คนทำความดี ละเว้นจากความชั่ว เพื่อสังคมมนุษย์จะอยู่ร่วมกันอย่างสงบสุข"

    แต่ สำหรับ นางวารุณี สวัสดิภักดิ์ ผู้เขียนหนังสือ มิติซ้อนมิติ เชื่อว่า นรกและสวรรค์มีจริง โดยให้เหตุผลของการเขียนหนังสือในครั้งนี้ว่า

    " ถึงแม้จะเป็นการสัมผัสเห็นด้วยจิตและสมาธิของตนเองก็ตาม การเขียนหนังสือ มิติซ้อนมิติ เรื่องจริงเล่าสู่กันฟัง เพื่อไม่ให้ทุกคนประมาทกับบาปบุญ ดังนั้นจงรีบเร่งเพียรภาวนา ไม่เช่นนั้นทุกอย่างในชีวิตอาจสายเกินไป"

    นาง วารุณี เล่าว่า โดยปกตินิสัยส่วนตัวแล้วเป็นคนที่เชื่ออะไรยากต่อสิ่งที่ไม่อาจพิสูจน์ได้ โดยเฉพาะเรื่องการมองเห็นภพภูมิ หรือตาทิพย์ หูทิพย์ นอกจากจะไม่เชื่อแล้ว ยังต่อต้าน และบ่อยครั้งที่หลีกเลี่ยงจะไม่เข้าอย่างเด็ดขาด

    อยู่ มาวันหนึ่ง วิบากกรรมตามทัน ทำให้ตนสูญเสียการได้ยิน ความรู้สึกขณะนั้นสูญสิ้นไม่มีอะไรให้หวังอีกต่อไป จิตใจฟุ้งซ่านไม่มีที่ยึดเหนี่ยว คิดมากอยากจะฆ่าตัวตาย

    ถือ ว่าโชคดีที่สามี (ถวัลย์ เก็งวินิจ) ตามไปทันเวลา บนสะพานกรุงธนฯ แถวบางพลัด ก่อนที่จะกระโดดแม่น้ำเจ้าพระยา ทำให้เธอมีชีวิตอยู่ดูโลกมาจนถึงทุกวันนี้

    ต่อมาสามีได้พาเข้าวัดไปพบกับ พระครูญาณวิศิษฎ์ (หลวงพ่อเฟื่อง โชติโก) เจ้าอาวาสวัดธรรมสถิต อ.เมือง จ.ระยอง ในขณะนั้น

    สาเหตุ ที่สามีพาเข้าไปกราบหลวงพ่อเฟื่อง ก็เพราะเขาเห็นว่า ภรรยาดูเศร้าซึม จนตัวเขาเองหมดปัญญาที่จะปลอบโยน วันนั้นหลวงพ่อเฟื่องได้ไปถึงวัดพร้อมกับสามีและเพื่อนรุ่นพี่อีกคนหนึ่ง สามีพาเข้าไปในห้องโถงกว้างพอประมาณ ที่หลวงพ่อเฟื่องได้ใช้เป็นที่รับแขกสอนการนั่งสมาธิภาวนา และมีห้องพักสำหรับจำวัดอยู่ในตัว มีลูกศิษย์มานั่งสมาธิภาวนากันหลายคน สามีได้บอกกับหลวงพ่อเฟื่องว่า ภรรยาหูดับ ไม่ได้ยินเสียงอะไรเลย แต่วันนี้ยอมลดทิฐิมาวัดได้แล้ว

    นาง วารุณี เล่าต่อว่า ก่อนหูจะดับไม่ได้ยินเสียอะไรเลยนั้น มีปัญหาครอบครัวกัน ทะเลาะกับสามีมาตลอด เพราะสามีชอบไปวัดที่ต่างจังหวัดทุกวันหยุดเสาร์-อาทิตย์ เพื่อไปช่วยท่านพ่อสร้างเจดีย์ สร้างโบสถ์ สร้างองค์พระบนเขา โดยตนเองไม่ชอบ และมีความเห็นว่าที่สามีทำมันมากเกินไป ทำให้เกือบเกิดการหย่าร้างกัน เป็นเหตุทำให้ต่อต้านสามี ทำให้ชื่อเสียงของนางวารุณีจึงเป็นที่รู้จักของลูกศิษย์คนอื่นๆ ในวัดที่รู้จักสามีเป็นไปในทางลบ มองว่าร้ายกาจ และตัวเองก็ยอมรับว่าเป็นเรื่องจริง

    อย่าง ไรก็ตาม หลังจากมาหัดนั่งสมาธิ ทำให้เกิดจุดหักเหจากที่เคยต่อต้านสามีก็เลิกต่อต้าน และเริ่มค้นหาความอัศจรรย์ของจิต ทุกวันนี้เวลาล่วงเลยมานานกว่า ๒๐ ปี ก็ไม่เคยลืมเหตุการณ์เกี่ยวกับพลังจิตที่ได้พบในครั้งแรก ทำให้ปัจจุบันนี้เข้าใจแล้วว่า เรื่องการนั่งสมาธิให้ผลแบบไหน

    " เรื่องของพลังจิตเป็นอย่างไร เกิดขึ้นได้อย่างไร ธรรมปัญญาสมาธิแตกต่างจากนิมิตพลังจิตแบบไหน ทุกวันนี้กล้าพูดได้ว่า ธรรมะขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้ายิ่งใหญ่ไม่มีอะไรเปรียบเทียบ และจะไม่ขอกลับไปเป็นคนหยาบมืดบอด เปรียบเหมือนบัวในตมเหมือนก่อนหน้านั้นอีกต่อไป" นางวารุณี กล่าวพร้อมกับเล่าต่ออีกว่า

    ต่อมาหลวงพ่อ เฟื่องได้สร้างเจดีย์บนยอดเขาเสร็จแล้ว ท่านจึงดำริจะสร้างโบสถ์ด้านล่างของเจดีย์ถือเป็นช่วงที่เข้าวัดเป็นประจำ วันหนึ่งวารุณีได้ไปกราบหลวงพ่อเฟื่องเหมือนเคย ประมาณ ๕ ทุ่มจึงได้สะกิดสามีให้กลับ หลวงพ่อเฟื่องคงสังเกตเห็นจึงเรียกสามีให้เข้าไปใกล้ แล้วก็พูดเบาๆ ว่า อย่าเพิ่งกลับ หลังจากนั้นหลวงพ่อเฟื่องให้นั่งสมาธิต่อหน้า

    ใน การนั่งสมาธิครั้งนี้นั้น นางวารุณี บอกว่า จิตใจสงบได้ง่าย ภาวนาพุท-โธ จับลมแบบอานาปานสติตามที่ท่านพ่อสอน เวลาผ่านไปสักครึ่งชั่วโมงก็เกิดภาพนิมิต เหตุการณ์ที่มองเห็นช่างเหมือนกับดูหนัง เห็นตนเองยืนอยู่ที่ทุ่งหญ้าเขียวขจี กว้างใหญ่สุดลูกตา อากาศขณะนั้นเย็นสบาย ไม่ร้อนไม่หนาว มองเห็นต้นโพธิ์ใหญ่ใบเขียวสด ที่โคนต้นโพธิ์เห็นพระสงฆ์รัศมีเปล่งปลั่ง ผิวพรรณเหลืองอร่าม ห่มจีวรเหลืองสุกใส ศีรษะมองไกลๆ เขียวเหมือนพระเพิ่งปลงผมใหม่ๆ มีแสงนวลเย็นตาเป็นรัศมีรูปวงกลม รอบองค์ท่านมีพระสงฆ์มีรัศมีเปล่งปลั่งใกล้เคียงกันนั่งล้อมเป็นวงกลม

    ขณะ ที่มองเห็นนั้น ความรู้อิ่มเอิบอย่างบอกไม่ถูก จิตใจพลังสดชื่นจนไม่สามารถอธิบายได้ ใกล้เคียงกับอาการของจิตที่เกิดขึ้นในขณะนั้นกำลังมองภาพเบื้องหน้าเพลินๆ ก็ได้ยินเสียงบอกว่า นั่นคือภาพของ พระอริยบุคคล ที่กำลังเทศนาสนทนาธรรม เมื่อหันไปที่เสียงบอก ก็เห็นพระสงฆ์รูปหนึ่ง ในความรู้สึกเวลานั้นคิดว่าเป็นหลวงพ่อเฟื่องแต่ใบหน้าไม่เหมือนกัน จึงนั่งลงยกมือไหว้ และพระสงฆ์รูปนั้นได้พูดตอบมาว่า "ลุกขึ้นเถอะ จะพาไปเที่ยวดูคนที่ทำผิดศีลธรรมที่ถูกลงโทษจะได้สะดุ้งกลัวต่อบาป"

    ทัน ใดนั้นจึงลุกขึ้นยืน พระองค์นั้นยืนอยู่ข้างหน้า แผ่นดินที่ยืนอยู่ลอยได้เหมือนลิฟต์ ผ่านสถานที่ต่างๆ ไปเรื่อยๆ แล้วก็มาหยุดตรงหน้าประตูไม้ใหญ่โตสูงเทียมภูเขา มีคนเฝ้าไม่ใส่เสื้อ นุ่งผ้าโจงกระเบนสีแดง ตัวใหญ่โตเกือบเท่าประตู เห็นเพียงแค่ขามองไม่เห็นใบหน้า เมื่อเขามองเห็นพระสงฆ์องค์นั้น เขาย่อตัวลงมาพร้อมนั่งพนมมือคุกเข่าไหว้พระสงฆ์ พูดเสียงก้องกังวานว่า

    "นมัสการพระคุณเจ้า ลงมาถึงภพภูมิคนบาป ประสงค์สิ่งใดหรือ ?"

    พระ สงฆ์รูปนั้นก็ตอบกลับไปว่า "พาเขามาดูคนที่ทำบาปผิดศีลธรรมเมื่อตอนมีชีวิตอยู่ ตายไปแล้วได้รับโทษอย่างไร" คนที่เฝ้าประตูพนมมือพร้อมกับพูดว่า "ชมได้แต่อย่านาน" พระสงฆ์พยักหน้าแบบรับรู้ ประตูจึงเปิดออกได้เองโดยที่ไม่เห็นมีใครมาเปิด

    นาง วารุณี เล่าต่อว่า ทันทีที่ประตูเปิดออกให้เห็นกระทะใบใหญ่เกือบเท่าภูเขา หรืออาจใหญ่ประมาณหินก้อนมหึมา ๓ หรือ ๔ ก้อน ที่ใช้เป็นขารองรับกระทะช่างใหญ่โตมาก เปลวไฟที่ลุกโชติช่วงร้อนแรงจนความรู้สึกเหมือนกับร่างของตนเองแทบละลาย พระสงฆ์องค์นั้นยืนสงบนิ่ง ชั่วอึดใจความร้อนเริ่มคลายลงจนเป็นปกติเหมือนไม่ได้อยู่ใกล้ไฟ ทำให้มองเห็นภาพเบื้องหน้าได้ชัดเจน

    กระทะ ใบใหญ่นั้นมีน้ำมันที่กำลังเดือดพล่าน ภายในกระทะนั้นเต็มไปด้วยมนุษย์ ต่างพากันร้องโหยหวนตะเกียกตะกายจะออกจากกระทะใบนั้น แต่ก็ออกไม่ได้ บางคนตักน้ำเดือดๆ ใส่ปากตนเอง เสียงร้องที่โหยหวนของคนที่อยู่ในนั้น เห็นแล้วน่าสยองขวัญมาก ความรู้สึกตอนนั้นไม่รู้สึกกลัวใดๆ จึงได้ถามชายร่างใหญ่นั้นว่า คนที่ถูกต้มในกระทะเขาทำผิดอะไร ถึงได้ถูกต้มและตักน้ำร้อนกรอกปากตนเอง

    เขา ก็ตอบกลับมาว่า "คนพวกนี้เมื่อมีชีวิตอยู่ชอบกินเหล้า ชอบคอรัปชั่น ชอบนินทา ชอบให้ร้ายคนอื่น ชอบโกหก ชอบยุให้เขาทะเลาะกัน ชอบพาคนอื่นให้เดินผิดทางธรรม ปากอย่างใจอย่าง เมื่อตายแล้วต้องรับโทษแบบนี้"

    เรื่องราว ทั้งหมดเป็นส่วนหนึ่งที่นางวารุณีเขียนไว้ในหนังสือ มิติซ้อนมิติ สอบถามเพิ่มเติมได้ที่สำนักพิมพ์ช่อแก้ว ๑๒๗/๒๘ หมู่ ๘ ซอยติวานนท์ ๒๗ ถ.ติวานนท์ ต.บางกระสอ อ.เมือง จ.นนทบุรี โทร.๐-๒๕๘๘-๒๓๘๕, ๐-๒๙๕๐-๐๐๔๔ กด ๐
     
  2. SegaMegaHyperSuperCyberNeptune

    SegaMegaHyperSuperCyberNeptune "โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่านกระทู้ผม"

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 เมษายน 2011
    โพสต์:
    4,087
    ค่าพลัง:
    +3,394
    จริงๆแล้วนรกก็อยู่บนดินนี่เอง สวรรค์ก็คือแดนบรมสุข
     
  3. HLC

    HLC เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    466
    ค่าพลัง:
    +259
    คำโบราณกล่าวไว้ ยังเชื่อถือได้เสมอ

    "สวรรค์อยู่ในอก นรกอยู่ในใจ"

    ด้วยเหตุนี้บุรุษเพศอย่างเราจึงต้องแสวงหา"อก"อยู่เสมอ เพื่อหาทางเข้าถึงใกล้ชิดสวรรค์ที่เที่ยงแท้

    ฮิ๊วววววววว

    (||)(||)(||)
     
  4. navyhawk

    navyhawk Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    73
    ค่าพลัง:
    +33
    เชื่ออย่างไรก็เห็นอย่างนั้น ผมแค่สงสัยว่าใครจะมีอำนาจและมีสิทธิ์อะไรในการตัดสินคนอื่น ๆเมื่อตายไปแล้ว
     
  5. sutanon

    sutanon เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    1,553
    ค่าพลัง:
    +170
    มีหลายคนที่เกิดใหม่ และสามารถจดจำเหตุการณ์
    อีกทั้งบอกเรื่องที่เคยเกิดเป็นใครได้ตรงกับชาติปัจจุบัน

    มันเป็นเรื่องที่แปลกมาก หากเค้าเหล่านั้นพูดได้ตรง
    ถ้าไม่ใช่เพราะว่าเค้าคือคนในอดีตชาติที่กลับมาเกิดใหม่

    ส่วนเรื่องนรก-สวรรค์ ทุกชาติ ก็ยังมีภาษาของตน
    โดยไม่ได้ที่จะเอาภาษาของชาติใดมาใช้ ซึ่งน่าจะมีความเป็นได้สูง
    ถ้าศึกษาเรื่องโอปาติก ก็จะรู้ว่ามีอยู่จริง
     
  6. Jt Odyssey

    Jt Odyssey เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    1,684
    ค่าพลัง:
    +12,591
    หื่นมากนะท่าน ผมเริ่มเบื่อละสวรรค์แบบนั้น :cool::cool::cool::cool:
     
  7. starcom1

    starcom1 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    183
    ค่าพลัง:
    +726
    กำเนิดโลก กำเนิดมนุษย์
    ถาม: ..... ?

    ตอบ: ก่อนที่จะกำเนิดเป็นมนุษย์ขึ้นม<wbr>า สภาพจิตของเขาเทียบเท่า อาภัสราพรหม คือ พรหมชั้นที่ ๖ จะมีความสว่างไสวมีความมั่นคง แน่วแน่

    ถือว่าเล่านิทานให้ฟังแล้วกัน เมื่อโลกจะกำเนิดใหม่ จะเกิดไฟบรรลัยกัลป์ล้างโลกเก่า<wbr>ก่อน ซึ่งทฤษฎีนี้ฝรั่งเรียกว่า "บิ๊กแบงก์" (Big Bang) คือดวงอาทิตย์จะขยายตัว จนระเบิดออกมากลืนดาวเคราะห์ทั้<wbr>งหมดไป ลักษณะแบบนี้ทางพระ เรียกว่า "ไฟบรรลัยกัลป์ล้างโลก"

    หลังจากนั้นจะเกิดฝนตกลงมา ดินที่โดนเผาจนสุกพอโดนน้ำฝนใหม<wbr>่ๆ กลิ่นจะหอมมาก กลิ่นนี้ลอยสูงขึ้นไป อาภัสราพรหม คือพรหมที่อยู่ข้างบนได้กลิ่น ก็อยากรู้อยากเห็น เลยลงมาลองชิม ลองกินดู เมื่อตัวเองอยู่ด้วยความเป็นทิพ<wbr>ย์ กินของหยาบเข้าไปเลยทำให้ร่างกา<wbr>ยหยาบ ไม่สามารถที่จะเหาะกลับได้ แสงสว่างที่เคยมีอยู่ก็หมดไป กลายเป็นต้นกำเนิดมนุษย์ขึ้นมา

    เมื่อเกิดขึ้นมาแล้วก็จะต้องมีก<wbr>ารทำมาหากินเพื่อเลี้ยงชีพตัวเอ<wbr>ง จึงเกิดการทำในสิ่งที่ถูกต้องตา<wbr>มศีลธรรมก็มี ผิดพลาดไม่เป็นไปตามศีลธรรมก็มี<wbr> นรกสวรรค์ก็เลยจำเป็นต้องเกิดขึ้นเพื่อรองรับพวกเขาจริงๆ แล้วจะเห็นว่า นรกสวรรค์นั้นเกิดจากการกระทำตั<wbr>วเองแท้ๆ เลย

    สนทนากับพระอาจารย์เล็ก สุธมฺมปญฺโญ
    ณ บ้านอนุสาวรีย์ฯ เดือนพฤษภาคม พุทธศักราช ๒๕๔๕
     
  8. bamrung

    bamrung เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 เมษายน 2006
    โพสต์:
    834
    ค่าพลัง:
    +1,524
    เมื่อวานมีไม๊ พรุ่งนี้มีไม๊ เป็นเหมือนกันเลย
     

แชร์หน้านี้

Loading...