นรกขุมต่างๆ ที่สำหรับคนชั่วต้องไป

ในห้อง 'กฎแห่งกรรม - ภพภูมิ' ตั้งกระทู้โดย vacharaphol, 24 พฤศจิกายน 2005.

  1. vacharaphol

    vacharaphol เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    8,849
    ค่าพลัง:
    +27,174
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD width="100%">นรกขุมต่างๆ ที่สำหรับคนชั่วต้องไป</TD><TD vAlign=top noWrap align=right> </TD></TR><TR><TD colSpan=2><HR></TD></TR><TR><TD colSpan=2>[​IMG]

    นรกไม่แบ่งเชื้อชาติ นรกไม่แบ่งศาสนา ถ้าคุณทำชั่ว เป็นประจำ นรกเปิดรับคุณเสมอ ฟรั่งจีนลาวเเขกคนไทย เมื่อตายลงก็ไปที่เดียวกัน

    ขุมที่ ชื่อ อายุนรก เปรียบเทียบจำนวนวัน หมายเหตุ
    1 สัญชีพนรก 500 ปี = 1 วันนรก
    2 กาฬปุตตะนรก 1,000 ปี = 1 วันนรก
    3 สังฆาฏนรก 2,000 ปี = 1 วันนรก
    4 โรรุวนรก 4,000 ปี = 1 วันนรก
    5 มหาโรรุวนรก 8,000 ปี = 1 วันนรก
    6 ตาปะมหานรก 16,000 ปี = 1 วันนรก
    7 มหาตาปะนรก 1/2 กัป ไม่มีการแจ้งไว้ นับไม่ได้
    8 อเวจีมหานรก 1 กัป ไม่มีการแจ้งไว้ นับไม่ได้
    พิเศษ โลกันตนรก ไม่มีอายุ เป็นการทำบาปที่พิเศษที่สุด ไม่มีระบุในตำรา
    เสร็จจากนี้ต้องไปต่อที่ขุมอเวจีมหานรกต่อไป
    ความหมายของ 1 ปีนรก
    1 ปีมี 12 เดือน เดือนละ 30 วัน ซึ่งมีลักษณะเช่นเดียวกับปีมนุษย์
    ความหมายของ 1 กัป
    สมมติให้มีกล่องที่ กว้าง 1 โยชน์ ยาว 1 โยชน์ สูง 1 โยชน์ บรรจุเมล็ดผักกาดจนเต็ม เวลาผ่านไป 100 ปี หยิบออก 1 เมล็ด จนกระทั่งหมดไม่มีเหลือ นับเป็น 1 กัป
    เมื่อเราเสียชีวิต หากพลาดพลั้งต้องตกนรก กรรมของเราจะถูกพิจารณา คือ


    กรรมหนักที่สุดของเรามีอยู่เท่าไร เทียบได้กับขุมใหญ่ขุมไหน ก็ไปยังขุมใหญ่นั้นๆ
    เมื่อเสร็จสิ้นจากขุมใหญ่แต่ละขุม ต้องไปลงนรกบริวารอีก 4 ขุมก่อน
    แล้วค่อยมาว่ากันอีกครั้งว่ามีกรรมเหลือเท่าไร จากนั้นจึงมาเปรียบเทียบใหม่ ว่ากรรมที่หนักที่สุดนั้นมีอยู่เท่าไรเทียบได้กับขุมใหญ่ขุมไหน ก็ไปยังขุมใหญ่นั้นๆ ต่อไป ....... วนเวียนไปเรื่อยๆ จนกระทั่งหมดกรรม

    นรกขุมใหญ่ ขุมที่ 1 สัญชีพนรก
    ลักษณะพื้นเป็นเหล็กหนา เผาไฟจนแดงโชน ขอบด้านข้าง 4 ขอบก็เช่นกัน มองออกไปไม่แลเห็นขอบบ่อ
    มีอาณาเขตกว้างใหญ่ไพศาล แต่จะหาที่ว่างเว้นจากไฟไม่ได้เลย
    ระหว่างไฟจะมีสรรพาวุธต่างๆ เช่น หอก ดาบ ฯลฯ สารพัดจะมี ถูกไฟเผาแดงจนมีความคมจัด
    สัตว์นรกที่อยู่ในนั้นจะวิ่งพล่าน เพราะเท้าเหยียบไฟ ร่างกายก็จะถูกเผาไฟติดไฟตลอดเวลา เวลาวิ่งไปก็จะไปกระทบกับหอก ดาบ ฆ้อน หรืออาวุธต่างๆ มาฟัน แทง สับ ร้องครวญครางดิ้นเร่าๆ แต่พอร่างกายขาดแล้ว ก็จะมาต่อติดกันใหม่โดยทันที มาทรมานต่อไป ไม่มีวันตาย
    สรุปว่ามีไฟเผากายตลอดเวลา มีสรรพาวุธประหัตประหารตลอดเวลา

    นรกขุมใหญ่ ขุมที่ 2 กาฬปุตตะนรก
    มีกำแพงทั้ง 4 ด้านเป็นเหล็ก พื้นเป็นเหล็ก ถูกเผาไฟจนแดงโชน
    นายนิริยบาลจะจับเอาสัตว์นรกนอนลงไป นำเส้นบรรทัดมาตีเป็นเส้นที่ตัว จากหัวถึงท้ายบ้าง ตีตามขวางบ้าง ไม้บรรทัดนั้นทำจากสายเหล็กที่เผาไฟจนแดงโชน
    เมื่อตีเส้นเป็นแนวแล้ว ก็จะนำเลื่อยบ้าง ขวานบ้าง มีดอีโต้บ้าง มาสับลงตามรอยที่ตีไว้แล้วนั้น



    นรกขุมใหญ่ ขุมที่ 3 สังฆาฏนรก
    มีกำแพงทั้ง 4 ด้านเป็นเหล็ก พื้นเป็นเหล็ก ถูกเผาไฟจนแดงโชน
    มีภูเขาเหล็ก 2 ลูก กลิ้งไปกลิ้งมาคอยบดทับสัตว์เหล่านั้น ภูเขาเองก็เป็นเหล็กที่ถูกเผาจนแดงโชนเช่นกัน
    เมื่อถูกบดจนละเอียดแล้วก็จะฟื้นขึ้นมาใหม่ ไม่ตาย รับการทรมานต่อไป
    คนที่วิ่งหนีก็จะถูกนายนิริยบาลตีบ้าง แทงบ้าง ฟันบ้าง ตลอดเวลา



    นรกขุมใหญ่ ขุมที่ 4 โรรุวนรก
    มีกำแพงเหล็ก 4 ด้าน ไฟลุกโชน จนหาเปลวไม่ได้ ยิ่งลึกมาก ก็ยิ่งร้อนมากขึ้นไปเรื่อยๆ
    ตรงกลางขุมจะมีดอกบัวเหล็ก กลีบเหล็กถูกเผาไฟจนแดงโชน กระแสแห่งไฟพุ่งออกจากกลีบตลอดเวลา
    ไม่มีนายนิริยบาล
    สัตว์นรกจะถูกกรรมทำให้ต้องเอาหัวมุดลงไปในดอกบัว มือและขาก็จะจุ่มลงไปเช่นกัน
    กลีบบัวจะงับเข้ามาหนีบขาไว้ถึงข้อเท้า หนีบมือไว้ถึงข้อมือ ส่วนหัวจะหนีบไปถึงคาง เพื่อให้ไฟนั้นเผาอยู่ตลอดเวลา



    นรกขุมใหญ่ ขุมที่ 5 มหาโรรุวนรก
    มีดอกบัวขนาดใหญ่ ไฟร้อนจัด กลีบบัวมีความคมเป็นกรด วางตั้งอยู่ทั่วไป
    ระหว่างช่องที่ว่างอยู่จะมีแหลนหลาว ปักเอาไว้ โดยเอาปลายแหลมชี้ขึ้น เผาไฟจนแดงโชน
    แต่ดอกบัวนี้จะไม่งับแน่นนัก สัตว์นรกที่อยู่ในดอกบัวทั้งหลายจะร้อน และดิ้นไปโดนกลีบบัว เมื่อกระทบกลีบบัวก็จะขาดตกลงมา ถูกแหลนหลาวข้างล่างแทงรับไว้ แต่เนื่องจากแหลนหลาวนั้นเป็นไฟลุกแดง จึงทำให้เนื้อตัวของสัตว์นรกนั้นลุกร้อนเป็นไฟ ตกลงมาที่พื้น
    เมื่อตกถึงพื้น ก็จะมีหมาที่คอยกัดกินจนเหลือแต่กระดูก จนหมดเกลี้ยง แล้วก็จะก่อตัวขึ้นมาเป็นกายใหม่
    จากนั้นนายนิริยบาลก็จะบังคับไล่แทงให้ไปอยู่บนดอกบัวต่อไปอีก



    นรกขุมใหญ่ ขุมที่ 6 ตาปะมหานรก
    แสงเพลิงสว่างไสวมาก เป็นแสงไฟละเอียด มีความร้อนจัด
    สัตว์ร้องระงมเซ็งแซ่ไปหมด มีกำแพงล้อมรอบ 4 ด้าน และพื้นเป็นเหล็กร้อน แดงฉาน
    มีแหลนหลาวไฟลุกแดงโชน พุ่งมาเสียบเอาสัตว์นรกแล้วเอาขึ้นตั้งไว้
    พอไฟไหม้เนื้อหนังหล่นลงมา สัตว์นรกก็จะหล่นลงมาด้วย ก็จะถูกสุนัขขนาดใหญ่เท่าช้าง เที่ยวไล่กัดกิน แทะจนหมดเหลือแต่กระดูกแล้วก็ไปเริ่มต้นใหม่
    สัตว์นรกตัวใดไม่ยอมไป ก็จะถูกนายนิริยบาลเอาแหลนไปเสียบแล้วมาขึ้นตั้งไว้อย่างเดิม



    นรกขุมใหญ่ ขุมที่ 7 มหาตาปะนรก
    มีกำแพงทุกด้าน มีไฟที่ความร้อนสูง คล้ายแสงสว่าง พุ่งเข้ามาจากรอบทิศ มารวมกันตรงกลาง
    มีภูเขาที่ตั้งอยู่ตรงกลางขุมนรก ก็จะมีไฟพุ่งเข้าพุ่งออกเป็นเหล็กที่เผาแดง
    นายนิริยบาลจะบังคับให้สัตว์นรกป่ายปีนขึ้นไปบนยอดเขา วิ่งขึ้นไป พอไปใกล้ถึงยอดก็จะทนไม่ไหว ร่วงหล่นลงมา ก็จะถูกแหลนหลาวที่ปักเอาไว้โดยรอบแทงเข้า
    เมื่อหล่นจากแหลนหลาวนั้นร่างก็จะเต็ม แล้วถูกไฟเผาตามเดิม นายนิริยบาลก็จะมาไล่ให้ขึ้นไปยอดเขาต่อไป

    นรกขุมใหญ่ ขุมที่ 8 อเวจีมหานรก
    พิเศษกว่าทุกขุม คือ ไม่สามารถเคลื่อนไหวร่างกายได้
    กระดูกแดงฉาน เนื่องจากถูกไฟเผาจนสุก ถูกให้ยืนกางแขนกางขา
    มีกำแพงปิดเฉพาะตัว 6 ทิศ
    มีหอกแทงทะลุตรึงไว้ทั้งหมด จากบนลงล่าง ซ้ายทะลุขวา หน้าทะลุหลัง หลายสิบเล่ม จนไม่สามารถจะขยับได้เลยแม้แต่น้อย
    จำนวนสัตว์นรกที่อยู่ในขุมนี้ มีมากกว่าทั้ง 7 ขุม ที่กล่าวมาแล้วรวมกันทั้งหมดเสียอีก

    นรกขุมใหญ่ พิเศษสุด "โลกันตนรก"

    ไม่มีอายุ
    หลังจากใช้กรรมจนหมดแล้ว จะต้องไปต่อที่อเวจีมหานรกต่อไปทันที
    ลักษณะเป็นภูเขาที่ใหญ่โตประมาณมิได้ ภายในภูเขานั้น เป็นถ้ำขนาดใหญ่มาก มีความเย็นจัดจนบอกไม่ถูก เป็นการทรมานสัตว์นรกด้วยความเย็น
    ภายในถ้ำมีน้ำเป็นน้ำกรด แรงจัด และเย็นเฉียบ มีแต่ความมืดมิด ไม่มีแสงสว่าง
    สัตว์นรกทั้งหลายจะไต่ตามผนังข้างๆ ถ้ำ หินที่ผนังจะคมเป็นกรด สัตว์ทั้งหลายจะมองไม่เห็นกัน ต่างก็คิดว่าอยู่คนเดียว พอไต่มาพบกันก็จะนึกว่าเป็นอาหาร ก็กัดกินกันจนตกลงไปในน้ำ
    น้ำกรดก็จะกัดกร่อนทำลายเนื้อหนังจนหมดสิ้น เหลือแต่กระดูก ก็จะประกอบขึ้นมาเป็นร่าง ไต่ขึ้นมาตามผนังถ้ำใหม่อีกครั้ง ต่อไปเรื่อยๆ จนหมดกรรม</TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  2. สุวรรณา รัตนกิจเกษม

    สุวรรณา รัตนกิจเกษม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กันยายน 2005
    โพสต์:
    311
    ค่าพลัง:
    +772
    [​IMG]
     
  3. vacharaphol

    vacharaphol เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    8,849
    ค่าพลัง:
    +27,174
    น ร ก
    [​IMG] ตามคติความคิดของอินเดียเก่าแก่ที่ติดมากล่าวว่า ลึกลงไปภายใต้แผ่นดินของจักรวาลโลกนี้ เป็นที่ตั้งของนรกมากมาย เป็นสถานที่ทรมานสัตว์ผู้ทำบาปต่างๆ ซึ่งไปบังเกิดรับการทรมานภายหลังจากที่ตายไปแล้ว คำว่า นรก แปลว่า เหว ในภาษาบาลีมักเรียกว่า นิรยะ แปลว่า สถานที่ไม่มีความเจริญ คือ ไม่มีสุข มีแต่ทุกข์ทรมาน คำว่า นิรยะ หรือ นรก ใช้หมายถึง สถานที่ทรมานสัตว์ทำบาปดั่งกล่าวเช่นเดียวกัน
    นรกที่เป็นขุมใหญ่มีกล่าวไว้ใน สังกิจจชาดก๑ เป็นต้น ว่ามี ๘ คือ

    ๑. สัญชีวะ แปลว่า คืนชีวิตขึ้นเอง คือ สัตว์นรกในขุมนี้ถูกตัดเป็นท่อนเล็กท่อนใหญ่แล้วก็กลับคืนชีวิตขึ้นมาเองอีก รับการทรมานอยู่ร่ำไป ในคัมภีร์มหายานของธิเบต๒ แสดงว่า นรกขุมนี้สำหรับบาปที่ฆาตกรรมตนเอง ทำฆาตกรรมผู้อื่น หมอที่ทอดทิ้งฆ่าคนไข้ของตน ผู้จัดการทรัพย์มรดกที่คดโกง และผู้ปกครองที่โหดร้ายเบียดเบียนประชาชน
    ๒. กาฬสุตตะ แปลว่า เส้นดำ คือสัตว์นรกในขุมนี้ที่ถูกขีดเป็นเส้นดำที่ร่างกาย เหมือนอย่างที่ตีเส้นเหมือนต้นซุงเพื่อจะเลื่อย แล้วถูกผ่าด้วยขวานเป็น ๘ เสี่ยง ๑๖ เสี่ยง แต่ตามคัมภีร์ธิเบต กล่าวว่าถูกเลื่อยด้วยเลื่อย และกล่าวการลงโทษอีกอย่างหนึ่ง คือลากลิ้นออกมาตอกและไถด้วยไถเหล็กแหลมเป็นจักๆ สำหรับบาปที่พูดส่อเสียดยุยงให้เขาแตกกัน และเข้าไปยุ่งเกี่ยวขัดขวางกิจการของผู้อื่น และแสดงโดยทั่วไปว่า นรกขุมนี้สำหรับบาปที่แสดงความไม่นับถือลบหลู่ดูหมิ่นมารดา บิดา พระรัตนตรัย หรือ พระศาสนา
    ๓. สังฆาฏะ แปลว่า กระทบกัน คือ มีภูเขาเหล็กคราวละ ๒ ลูก จากทิศที่ตรงกันข้ามเลื่อนเข้ามากระทบกันเอง บดสัตว์นรกในระหว่างแหลกละเอียด จาก ๔ ทิศ ก็เป็นภูเขา ๔ ลูกเลื่อนเข้ามากระทบกันตลอดเวลา ในคัมภีร์มหายานของธิเบตกล่าว่า ภูเขามีศีรษะเป็นสัตว์ หรือเป็นเหล็กใหญ่รูปอย่างหนังสือ เลื่อนเข้ามาบดขยี้สัตว์เช่นเดียวกัน และกล่าวว่านรกขุมนี้สำหรับพวกพระ คฤหัสถ์ และคนที่ไม่เชื่อในศาสนา ซึ่งลบหลู่ดูหมื่นหรือทำลายความศักดิ์สิทธิ์ของคัมภีร์และสำหรับพวกพระที่สะสมเงินเป็นก้อน ซึ่งพวกตนไม่ได้ประกอบการงาน และแสดงการทรมานอีกอย่างหนึ่ง คือบดตำในครกเหล็ก ตีบนทั่งเหล็กสำหรับทรมานผู้ทำโจรกรรม ผู้ที่มีสันดานร้ายกาจด้วยความโกรธริษยา โลภอยากได้ ผู้ที่ใช้เครื่องชั่งตวงวัดโกง และผู้ที่ทิ้งขยะมูลฝอยหรือสัตว์ตายลงในถนนหนทางสาธารณะ
    ๔. โรรุวะ แปลว่า ร้องครวญคราง คือมีเปลวไฟเข้าไปทางทวารทั้งเก้าเผาไหม้ในสรีระ จึงร้องครวญครางเพราะเปลวไฟ (ชาลโรรุวะ) บางพวกถูกหมอกควันด่าง (กรด) เข้าไปละลายสรีระจนละเอียดเหมือนแป้ง จึงร้อยครวญครางเพราะหมอกควัน (ธูมโรรุวะ) ในคัมภีร์ธิเบตกล่าวว่า กรอกน้ำเหล็กแดงอันร้อยแรงทางปากผ่านลำคอลงไป สำหรับบาปที่กั้นปิดทางน้ำเพื่อประโยชน์ของตน แช่งด่าดินฟ้าอากาศ ทำลายพืชพันธุ์ธัญญาหารให้เสียหาย
    ๕. มหาโรรุวะ แปลว่า ร้องครวญครางมาก คือเป็นที่ทุกข์ทรมานยิ่งกว่าข้อ ๔ ในคัมภีร์ธิเบต
    กล่าวว่าสำหรับพาหิรชนคนบาปหนา
    ๖. ตาปนะ แปลว่า ร้อน ได้แก่ถูกให้นั่งเสียบตรึงไว้ด้วยหลาวเหล็กบนแผ่นดินเหล็กแดงลุกเป็นไฟร้อนแรง บ้างก็ถูกต้อนขึ้นไปบนภูเขาเหล็กแดงเป็นไฟลุกโพลง ถูกลมพัดตกลงมาถูกเสียบด้วยหลาวเหล็กที่โผล่ขึ้นมาจากแผ่นดินเหล็กแดง ในคัมภีร์ธิเบตกล่าวว่าถูกขังอยู่ในห้องเหล็กแดงเป็นไฟร้อนแรง สำหรับบาปที่ปิ้งทอดหรือเสียบสัตว์ปิ้งเป็นอาหาร
    ๗. ปตาปนะ แปลว่า ร้อนสูงมาก คือเป็นทุกข์ที่ทุกข์ทรมานยิ่งกว่าข้อ ๖ ในคัมภีร์ธิเบตกล่าวว่า ถูกทิ่มแทงด้วยหอกสามง่ามล้มกลิ้งลงไปบนพื้นเหล็กแดงอันร้อนแรง สำหรับบาปที่ละทิ้งพระศาสนา (เลิกนับถือ) หรือปฏิเสธความจริง
    ๘. อวีจี แปลว่า ไม่มีระหว่าง คือ ไม่เว้นว่าง บางทีเรียก มหาอวีจี แปลว่า อเวจีใหญ่ ภาษาไทยมักเรียกว่า อเวจี เปลวไฟนรก ในนรกขุมนี้ลุกโพลงเต็มทั่วไปหมด ไม่มีระหว่าง หรือเว้นว่าง สัตว์นรกในขุมนี้ก็แน่นขนัดเหมือนยัดทะนาน ไม่มีระหว่างหรือเว้นว่าง แต่ก็ไม่เบียดเสียดกันอย่างวัตถุ ต่างถูไฟไหม้อยู่ในที่เฉพาะตนๆ และความทุกข์ทรมานของสัตว์นรกในขุมนี้ ก็บังเกิดสืบเนื่องกันไป ไม่มีระหว่างหรือเว้นว่าง ฉะนั้น จึงเรียกว่า อวีจิ หรือ อเวจี ซึ่งมีคำแปลดั่งกล่าว ในคัมภีร์ธิเบตกล่าวว่า สำหรับบาปที่ถือว่าเป็นอุกฤษฎ์โทษตามลัทธิลามะ แต่ฝ่ายเถรวาทแสดงว่าสำหนับบาปที่เป็นอนันตริยกรรม
    นรกใหญ่ทั้ง ๘ ขุมนี้ ใน สังกิจจชาดก เป็นต้น เรียง อวีจิ ไว้หน้า ตาปนะ แต่ในที่อื่น เช่น ในไตรภูมิพระร่วง แสดง อวีจิ ไว้เป็นที่สุด และกล่าวว่าอยู่ซ้อนไปตามลำดับ สัญชีวะ อยู่เบื้องบนที่สุด และอยู่ใต้กันลงไปจนถึง อเวจี อยู่ใต้ที่สุด
    เครื่องทรมานในนรกใหญ่ทั้ง ๘ ขุมดั่งกล่าว มีเหล็ก เช่น พื้นแผ่นดินเหล็ก และเครื่องอาวุธเหล็กต่างๆ มีไฟ คือ เหล็กนั้นแหละ ลุกเป็นไฟร้อนแรง มีภูเขาเหล็กที่กลิ้งมาบดและมีหมอกควันชนิดเป็นกรดหรือด่าง ในขุมนรกที่ ๑ และที่ ๒ มี นายนิรยบาล แปลว่า ผู้รักษานรก ไทยเราเรียกว่า ยมบาล เป็นผู้ทำการทรมานสัตว์นรก แต่นรกขุมที่ลึกลงไปกว่านั้น ในอรรถกถาสังกิจจชาดกไม่ได้กล่าวถึงนายนิรยบาล กล่าวถึง ไฟ เหล็ก เช่น เครื่องอาวุธต่างๆ เป็นต้น บังเกิดเกิดขึ้นทรมานสัตว์นรกเอง
    นรกน้อย

    อนึ่ง มีแสดงไว้ว่า นรกใหญ่ทั้ง ๘ ขุม มีนรกเล็กเป็นบริวารใน ๔ ด้าน ด้านละ ๔ ขุม รวม ๑๖ ขุม รวมนรกบริวารของนรกใหญ่ทั้ง ๘ ขุม ได้ ๑๒๘ ขุม รวมนรกใหญ่อีก ๘ ขุม เป็น ๑๓๖ ขุม นรกบริวาร ในไตรภูมิพระร่วง เรียกว่า ฝูงนรกบ่าว
    ในเนมิราชชาดก๑กล่าว พระมาตลีเทพสารถีนำ พระเจ้าเนมิราช พระราชาครองนครมิถิลา ในแคว้นวิเทหรัฐไปเที่ยวดูนรกบริวาร ๑๖ ขุม ซึ่งอยู่ล้อมรอบสัญชีวนรก อันเป็นนรกใหญ่ขุมที่ ๑ มีชื่อดั่งต่อไปนี้
    ๑. เวตรณีนรก แปลว่า นรกแม่น้ำเวตรณี แปลว่า ข้ามยาก คือเป็นแม่น้ำอ่างที่ร้อนเดือดพล่าน เรียกว่า เวตรณี บัวและสิ่งต่างๆในแม่น้ำนั้นเป็นอาวุธทั้งสิ้น นายนิรยบาลตกเบ็ดสัตว์นรกอีกด้วย สำหรับบาปที่ประกอบกรรมหยาบช้าเบียดเบียนผู้ที่อ่อนกำลังกว่า
    ๒. สุนขนรก แปลว่า นรกสุนัข คือ มีฝูงสุนัขขาว แดง ดำ เหลือง และฝูงแร้งกากลุ้มรุมกัดตีจิกทรมาน สำหรับบาปที่กล่าวคำร้ายด่าว่าสมณพราหมณ์ และท่านผู้มีคุณ
    ๓. สัญโชตินรก แปลว่า นรกไฟโพลง คือ สัตว์นรกในขุมนี้มีสรีระลุกเป็นไฟโพลงแผดเผา ทั้งถูกทรมานต่างๆ สำหรับบาปที่ประกอบกรรมหยาบช้าเบียดเบียนบุรุษสตรีที่เป็นคนดีมีศีลธรรมไม่มความผิด
    ๔. อังคารกาสุนรก แปลว่า นรกหลุมถ่านเพลิง คือตกลงไปไหม้ทรมานในหลุดถ่านเหล็ก สำหรับบาปที่ฉ้อโกง เบียดบัง ถือเอาทรัพย์ที่เขาบริจาคเพื่อการกุศล หรือชักชวนให้เขาบริจาค อ้างว่าเพื่อการกุศล ได้ทรัพย์มาแล้วถือเอาเสียเอง แลสำหรับบาปที่เป็นหนี้ทรัพย์ผู้อื่นแล้วโกงหนี้นั้น
    ๕. โลหกุมภีนรก แปลว่า นรกหม้อโลหะ ไทยเราเรียกว่า นรกหม้อทองแดง เป็นที่ตกลงไปไหม้ทรมาน สำหรับบาปที่ทุบตีเบียดเบียนสมณพราหมณ์ผู้มีศีล
    ๖.ดีวลุญจนรก แปลว่า นรกที่ดึงคอให้หลุด คือถูกเอาเชือกพันคอดึงจุ่มน้ำลงไปในน้ำร้อนในหม้อทองแดงให้คอหลุดทอรมาน สำหรับบาปที่ประกอบกรรมหยาบช้า เบียดเบียน ทำลายหมู่เนื้อนก(นรกขุมนี้ในไตรภูมิพระร่วงเรียกว่าโลหกุมภีเหมืนกัน)
    ๗. ถุสปลาสนรก แปลว่า นรกข้างลีบและแกลบ คือ สัตว์นรกขุมนี้ลงไปวักน้ำในแม่น้ำนรกดื่มด้วยความกระหาย น้ำที่ดื่มเข้าไปนั้นก็กลายเป็นข้าวลีบและแกลบไฟ ไหม้ร่างกายทั้งหมดเป็นการทรมาน สำหรับบาปที่เอาข้าวลีบแกลบและฟางปนข้าวเปลือกลวงขายว่าข้าวดี (เอาข้าวสารไม่ดีปนดีลวงขายว่าข้าวดี ก็น่าจะอยู่ในนรกขุมนี้)
    ๘. สัตติหตสยนรก แปลว่า นรกที่แทงด้วยหอกจนล้มลง คือ สัตว์นรกในขุมนี้ถูกแทงด้วยอาวุธต่างๆ จนพรุนอย่างใบไม้เก่า สำหรับบาปที่ประกอบกรรมมิชอบ เลี้ยงชีวิตด้วยอทินนาทานต่างๆ มีปล้นสะดม ขโมย ฉ้อโกง ทุจริต เบียดบัง เป็นต้น
    ๙. วิลกตนรก แปลว่า นรกแล่เนิ้อ คือ แล่เนื้อสัตว์นรกออกเป็นชิ้นๆ สำหรับบาปที่ประกอบกรรมหยาบช้า ฆ่าสัตว์ตัดชีวิต
    ๑๐. ปุราณมิฬหนรก แปลว่า นรกมูตรคูถ หรือ นรกอาจมเก่า คือ สัตว์นรกในขุมนี้กินอาจมเก่าที่เหม็นหนักหนา และลุกเป็นควัน หรือเป็นไฟร้อนแรง สำหรับบาปที่ประทุษร้ายเบียดเบียนมิตรสหาย หรืออาศัยกินข้าวเขาแล้วยังขู่เอาทรัพย์ของเขา หรือเจ้าหน้าที่ผู้ขูดรีด
    ๑๑. โลหิตปุพพนรก แปลว่า นรกน้ำเลือดน้ำหนอง คือ สัตว์นรกในขุมนี้อยู่ในแม่น้ำแห่งเลือดและหนอง หิวกระหาย กินน้ำเลือดและหนองซึ่งร้อนเป็นไฟเข้าไปลวกไหม้ทรมาน สำหรับบาปที่ทำร้ายมารดาบิดา และท่านที่มีคุณควรกราบไหว้บูชาทั้งหลาย
    ๑๒. อยพลิสนรก แปลว่า นรกเบ็ดเหล็ก (หรือ เรียกว่าโลหพลิสนรก) คือสัตว์นรกในขุมนี้ถูกเบ็ดเหล็กร้อนแดงเกี่ยวลิ้นลากออกมา ให้ล้มไปทรมานบนพื้นเหล็กแดงแรงร้อน สำหรับบาปที่กดราคาของซื้อ โก่งราคาของขายเกินควร และใช้วิธีชั่ง ตวง วัด คดโกงด้วยโลภเจตนา
    ๑๓. อุทธังปาทนรก แปลว่า นรกที่จับท้ายกขึ้นเบื้องบน ทิ้งลงไปให้จมฝังลงไปแค่สะเอว แล้วยังมีภูเขากลิ้งจากทิศทั้ง ๔ มาบดทรมาน เป็นนรกสำหรับสตรีที่นอกใจสามี เป็นชู้ด้วยชายอื่น (นรกแยกเพศเฉพาะหญิง)
    ๑๔. อวังสิรนรก แปลว่า นรกที่จับศีรษะห้อยลงเบื้องต่ำ ทิ้งลงไปให้ไหม้ทรมานเช่นเดียวกัน เป็นนรกสำหรับบุรุษที่เป็นชู้ด้วยภรรยาของคนอื่น (นรกแยกเพศเฉพาะชาย)
    ๑๕. โลหมิมพลีนรก แปลว่า นรกต้นงิ้วเหล็ก คือสัตว์นรกในขุมนี้ต้องปีนต้นงิ้วเหล็ก มีหนามเหล็กแหสมแดงเป็นเปลวไฟร้อนแรง สำหรับบาปผิดศีลข้อ ๓ ทั้งชายและหญิง (นรกสหเพศ หรือสหนรก)
    ๑๖. ปจนนรก แปลว่า นรกหมกไหม้ (หรือเรียกว่ามิจฉาทิฏฐินรก) คือ สัตว์นรกในขุมนี้ต้องถูกหมกไหม้และถูกทิ่มแทงทรมาน สำหรับบาปที่เป็นมิจฉาทิฏฐิ คือเห็นผิด ว่าผลทานผลศีลไม่มี ผลกรรมดีกรรมชั่วไม่มี คุณมารดาบิดาไม่มี คุณสมณพราหมณ์ไม่มี เป็นต้น
    นรก ๑๖ ขุมนี้ ในไตรภูมิพระร่วง ส่วนในเนมิราชชาดกมีเพียง ๑๕ ขุม เว้นนรกสหเพศ (ขุมที่๑๕) ขาดไปก็ดูไม่เป็นไร เพราะมีนรกแยกเพศอยู่แล้ว จึงยังมีที่สำหรับผู้ผิดศีลข้อ ๓ ไปได้อยู่ เป็นแต่ต้องแยกกันอยู่คนละแห่ง
    นรกทั้ง ๑๖ ขุมนี้ ท่านว่ายัดเยียดเบียดเสียดเต็มไปด้วยสัตว์นรก จึงเรียกว่า อุสสทนรก แปลว่า นรกยัดเยียดเบียดเสียด เป็นนรกบริวาร ซึ่งอยู่ ๔ ด้านของสัญชีวนรก ซึ่งเป็นนรกใหญ่

    ขุมที่ ๑ มีนายนิรยบาลเป็นผู้ทำหน้าที่ทรมานประจำอยู่ทุกขุม เป็นจำพวกนรกร้อนเช่นเดียวกัน ส่วนนรกบริวารของนรกใหญ่อีก ๗ ขุม ยังไม่พบแสดงไว้ นอกจากนี้ยังกล่าวว่ามีนรกอนุบริวารถัดออกไป อยู่รอบนอกของนรกบริวารทั้ง ๑๖ นั้นอีกมากมายและเป็นธรรมดาของสัตว์นรกทั้งปวงที่ถูกทรมานอยู่ในนรกจะไม่ตาย รับการทรมานต่อไปจนกว่าจะสิ้นกรรม ดั่งคำที่เรียกว่า สัญชีวะ (แต่พระอาจารย์อธิบายว่า ตายแล้วเป็นขึ้นอีกทันที ส่วนชั้นบาลีว่าไม่ตายจนกว่าจะสิ้นกรรม)
    <CENTER></CENTER>
     
  4. LingLek

    LingLek เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    85
    ค่าพลัง:
    +203
    โมทนาค่ะ ขึ้นชื่อว่านรกนี่... น่ากลัวทุกขุมเลย ...กึ๋ยยยย
    ขอบคุณคนโพสก้า
     
  5. Forest_Sa

    Forest_Sa เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    722
    ค่าพลัง:
    +1,444
    หือ แต่ละขุมนั้นโหดมากเลยน่ะ บรรยายได้เห็นภาพเลย
    น่ากลัวๆ สาธุครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...