ธรรมะเด็กสลัม วันนี้..ที่ยังก้าวเดิน

ในห้อง 'ข่าวพุทธศาสนา' ตั้งกระทู้โดย อธิมุตโต, 13 สิงหาคม 2008.

  1. อธิมุตโต

    อธิมุตโต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    4,741
    ค่าพลัง:
    +13,087
    ธรรมะเด็กสลัม วันนี้..ที่ยังก้าวเดิน

    13 สิงหาคม 2551

    [​IMG]

    พระมหาสมัย จินตโฆสโก คงกลายเป็นเรื่องของคนที่ล้าสมัยขึ้นมาทันที เมื่อกล่าวถึงเรื่องของ "ธรรมะ"

    เป็นเรื่องของนักพรตนักบวชในศาสนา เป็นเรื่องของผู้ที่สูงวัยที่หันหน้าเข้าวัดทำบุญสุนทานรักษาศีลเจริญภาวนา และเป็นเรื่องของคนอกหักในชีวิตจึงหนีไป "บวชชี" หนีช้ำ หรือผู้ชายที่ต้องการบวชล้างซวย แต่ความจริงมิใช่เช่นนั้น ธรรมะเป็นเรื่องของผู้คนในสังคมทุกคน เป็นเรื่องที่ทุกคนจะต้องให้ความสำคัญและใส่ใจ ธรรมะสามารถแก้ไขปัญหาชีวิตได้ ธรรมะสามารถทำให้ตัวเรา ครอบครัวเรา ชุมชนเรา สังคมเรา โลกเราสงบร่มเย็นและอยู่เย็นเป็นสุขได้ ถ้าทุกคนรู้จักนำเอาธรรมะมาประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวันในการทำหน้าที่ของตนเอง

    [​IMG]

    ปัญหาเด็ก เยาวชน คนหนุ่มสาวที่ลุ่มหลงอยู่ในอบายมุข นับตั้งแต่สูบบุหรี่ ดื่มสุรา เที่ยวเตร่ เล่นการพนัน คบเพื่อนที่ไม่ดี ไม่ใส่ใจศึกษาเล่าเรียนและทำหน้าที่ของตนเอง เสพยาเสพติดหรือเกี่ยวข้องกับยาเสพติด มั่วสุมทางเพศก่อนวัยอันควรจนก่อให้เกิดการแพร่ระบาดของเชื้อเอดส์ การตั้งครรภ์อันไม่พึงประสงค์ ขับขี่รถจักรยานยนต์แข่งขันกันตามถนนสาราณะในยามค่ำคืน สร้างความเดือดร้อนให้แก่ชาวบ้านที่กำลังนอนหลับพักผ่อนและผู้คนที่กำลังสัญจรไปมา ใช้จ่ายฟุ่มเฟือยจนเกินตัว มีค่านิยมผิดๆ จนตั้งเป็นแก๊งอาชญากรรมฉกชิงวิ่งราวเอาทรัพย์สินชาวบ้าน การทะเลาวิวาททำร้ายร่างกายกันทั้งในสถานศึกษาและนอกสถานศึกษา ติดเกม ใช้อินเทอร์เน็ตไปในทางไม่สร้างสรรค์​

    เหล่านี้ล้วนเป็นปัญหาลูกหลานในสังคมเรา ที่กำลังกลายเป็นเรื่องหนักอกหนักใจของคนที่เป็นพ่อแม่และผู้ปกครอง รวมถึงครูบาอาจารย์ในสถานศึกษาอีกด้วย ​


    การป้องกันและแก้ไขปัญหาเหล่านี้ คงดำเนินการไปเพียงคนเดียว ฝ่ายเดียวในสังคมไม่ได้ จำเป็นต้องอาศัยกันทุกฝ่ายทุกส่วน ทั้งพ่อแม่ผู้ปกครองของเด็ก สมาชิกในครอบครัว ในชุมชน ในสถาบันศึกษา ในหน่วยงานของภาครัฐและเอกชน ผู้คนในสังคมทุกส่วน โดยต้องไม่คำนึงว่าไม่ใช่ลูกหลานของตนเอง แต่ให้ตระหนักว่าเป็นลูกหลานในสังคมไทยเรา ร่วมมือกันคนละเล็กละน้อยก็จะสามารถป้องกันและแก้ไขปัญหาเหล่านี้ได้ ซึ่งรวมไปถึงสถาบันศาสนาที่มีพระสงฆ์องคเจ้าอยู่ในวัดวาอารามต่างๆ จำนวนมาก และกลายเป็นผู้นำทางจิตวิญญาณของการสำนึกชั่วดีอยู่แล้ว ที่จะต้องหันหน้าเข้ามามีส่วนร่วมช่วยปูพื้นฐานทางคุณธรรมและจริยธรรมให้แก่เด็กไทย ถ้าหากต่างฝ่ายต่างเฉยเมยเสียแล้ว ก็หวังได้เลยว่าอนาคตของชาติบ้านเมืองคงจะสับสนวุ่นวายไปมากกว่านี้ เพราะ "คนรุ่นใหม่ไม่มีธรรมะครองใจ"​

    มูลนิธิกลุ่มแสงเทียนมีความห่วงใยและตระหนักถึงคุณภาพชีวิตเด็ก เยาวชน คนหนุ่มสาวซึ่งเป็นลูกหลานในสังคมไทย ที่พวกเขาจะต้องเจริญเติบโตขึ้นมาเป็นทรัพยากรอันสำคัญของประเทศชาติให้ได้ ถ้าพวกเขาห่างเหินศีลธรรมหรือหลักธรรมทางศาสนาเสียแล้ว โอกาสที่พวกเขาจะกลายเป็น "เนื้อร้าย" ของสังคมก็มีมาก โดยเฉพาะเด็กด้อยโอกาสในสังคม ไม่ว่าเด็กกำพร้า เด็กยากจนในสลัม เด็กที่ขาดการเหลียวแลในชนบทถิ่นทุรกันดาร เด็กเร่ร่อน เด็กไร้ที่อยู่อาศัย เด็กขาดโอกาสทางการศึกษา เด็กที่ถูกผู้ใหญ่ทำร้าย เหล่านี้ล้วนเป็นเด็กด้อยโอกาสในสังคมที่จำเป็นต้องใส่ใจเป็นกรณีพิเศษ พร้อมกับเข้าไปช่วยเหลือ เพื่อป้องกันมิให้พวกเขาเติบโตขึ้นมาอย่างไร้อนาคต ไร้ทิศทาง ไร้การเหลียวแล มิเช่นนั้นพวกเขาก็อาจจะเติบโตขึ้นมาเป็น "อาชญากร" สังคมได้ ดังนั้นการป้องกันและแก้ไขเสียตั้งแต่วันนี้ ดีกว่าจะมาแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นแล้ว​

    มูลนิธิกลุ่มแสงเทียนจึงได้จัดโครงการและกิจกรรมต่างๆ ขึ้นมาเพื่อรองรับและป้องกันปัญหาเหล่านี้ นับตั้งแต่ให้การศึกษาแก่เด็กด้อยโอกาส ฝึกอบรมบ่มนิสัยเด็กด้อยโอกาส เลี้ยงดูให้ความรักความอบอุ่นแก่เด็กด้อยโอกาสหรือเด็กที่มีปัญหาชีวิต ช่วยชุบชีวิตเด็กเหล่านี้ตั้งแต่อายุ 2-24 ปี มีทั้งสอนหนังสือ สอนธรรมะ สอนการอยู่ร่วมสังคมเดียวกัน จัดสิ่งแวดล้อมที่สร้างสรรค์และเหมาะสมสำหรับการพัฒนาเด็ก โดยมีโครงการต่างๆ อยู่ 13 โครงการ มีเด็กอยู่ในอุปการะทั้งอาหารและการศึกษาอยู่ 2,102 คน มีทั้งอยู่ประจำ มาเช้า-เย็นกลับ พักอาศัยอยู่ในชุมชนในหมู่บ้านในท้องถิ่น แล้วมูลนิธิก็ส่งเสียให้ได้เรียนหนังสือจนกว่าจะจบชั้นปริญญาตรี​

    หนึ่งในโครงการเหล่านี้ คือโครงการอบรมธรรมะวันหยุด ซึ่งปีการศึกษา 2551 นี้ เป็นรุ่นที่ 24 แล้ว โดยเปิดสอนธรรมะ และฝึกอบรมบ่มนิสัยเด็กยากจนที่อาศัยอยู่ในแหล่งชุมชนแออัดต่างๆ ของกรุงเทพมหานคร โดยเฉพาะย่านฝั่งธนบุรี ให้พวกเขาได้มีโอกาสหันหน้าเข้าวัด ฟังธรรม ปฏิบัติธรรม เรียนธรรมะทุกวันเสาร์และอาทิตย์ตลอดทั้งปีการศึกษา มีชุมชนแออัดต่างๆ ที่เรียงรายอยู่รอบๆ วัดบางไส้ไก่ ซึ่งเป็นศูนย์กลางจัดกิจกรรมอยู่มากถึง 12 ชุมชน​



    <DD>


    <DD><DD>


    จาก http://www.thaipost.net/index.asp?bk=xcite&iDate=13/Aug/2551&news_id=162433&cat_id=200100

    </DD>
     
  2. อธิมุตโต

    อธิมุตโต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    4,741
    ค่าพลัง:
    +13,087
    [​IMG]

    มูลนิธิกลุ่มแสงเทียน ตั้งอยู่ในบริเวณวัดบางไส้ไก่ ถนนอิสรภาพ ๑๕ เขตธนบุรี กทม. และอาคารเรียนหลังนี้ชื่อว่า โรงเรียนธรรมะสอนเด็กยากจนในสลัม ปลูกสร้างด้วยเงินพระราชทานจาก สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี จำนวนหนึ่งล้านบาท และ สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ เสด็จพระราชดำเนินทรงเป็นประธานเปิดใช้เป็นอาคารเรียนและที่ทำการมูลนิธิ เมื่อ ๑๔ กันยายน พ.ศ.๒๕๓๙


    มูลนิธิกลุ่มแสงเทียนเป็นโครงการร่วมของพระสงฆ์ คนหนุ่มสาว เพื่อการพัฒนาเด็ก ที่ก่อตั้งมาตั้งแต่ ๑๖ กรกฎาคม พ.ศ.๒๕๒๗ จนปัจจุบัน ได้ขยายขอบข่ายการทำงานออกไปมากมายหลายโครงการ โดยเน้นการศึกษา และหลักธรรมคำสอนในพระพุทธศาสนาในการดำเนินชีวิต เพื่อสร้างอนาคตของชาติ คือ เยาวชน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเยาวชนผู้ด้อยโอกาส ให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นและเป็นคนดีของสังคม


    พระมหาสมัย จินตโฆสโก กรรมการและเลขานุการมูลนิธิฯ ผู้ริเริ่มและขับเคลื่อนงานของมูลนิธิฯ บอกเล่าถึงที่มาของกลุ่มว่า
     
  3. อธิมุตโต

    อธิมุตโต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    4,741
    ค่าพลัง:
    +13,087
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=5 width="57%" align=center border=0><TBODY><TR><TD width="25%">[​IMG]</TD><TD width="26%">[​IMG]</TD><TD width="28%">[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>
    การได้รับพระมหากรุณาธิคุณจาก สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี พระราชทานเงินมาให้สร้างอาคารเรียน และสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ เสด็จทรงเปิดเมื่อปี ๒๕๓๙ นั้น พระมหาสมัย ระลึกในพระมหากรุณาธิคุณอยู่เสมอว่า


    “เป็นมงคลสูงสุดของกลุ่มแสงเทียน ของชาวชุมชนบางไส้ไก่ และชุมชนใกล้เคียงนับสิบชุมชนละแวกนี้ เป็นพระเมตตาสูงสุดของพระองค์ท่าน ถือว่าสูงสุดของที่นี่ ที่สถาบันเบื้องสูงทรงพระเมตตา และทรงแบ่งปันมาให้เด็ก”


    ชุมชนบางไส้ไก่ และชุมชนใกล้เคียงเป็นชุมชนยากจน และแออัดมากขึ้นตามสภาพที่มีบ้านเช่าหลังเล็กหลังน้อย และมีประชาชนจากต่างจังหวัด อพยพเข้ามาหางานทำในกรุงเทพฯ มากขึ้น ๆ ส่งผลต่อคุณภาพชีวิตของประชากร โดยเฉพาะอย่างยิ่งเด็ก ๆ ทำให้ขาดโอกาสหลายอย่างในชีวิต กลุ่มแสงเทียนให้ความห่วงใยต่อเด็ก ๆ เพราะ


    “อาจเกี่ยวมาถึงภูมิหลังของอาตมาเองด้วยนะ คือ เราเป็นลูกคนจน ที่เมื่อจบป.๔ แล้วจะไม่ได้เรียนหนังสืออีก การจะให้ได้เรียนก็ต้องบวชเณร ไปอาศัยวัด สมัยก่อนเป็นเช่นนี้จริง ๆ เราก็ตั้งใจหาความรู้ เรียนทางธรรม โตขึ้นก็ได้ไปเรียนมหาวิทยาลัยสงฆ์ คือ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เรียนจนจบปริญญาตรี สาขาครุศาสตร์ เราก็เลยฝังใจว่า เราได้เรียนหนังสือแล้วชีวิตดี เมื่อมองเห็นเด็กเร่ร่อน ๘ คนแรกนั้น อาตมาคิดตลอดว่า ถ้าโตขึ้นเขาไม่ได้เรียนหนังสือจะเป็นอย่างไร พวกเขาไม่มีอนาคตนะ มันจะเป็นปัญหาต่อสังคมมากน้อยแค่ไหน ตอนนั้นก็โต ๆ กันแล้ว แต่ยังไม่ได้เรียนอะไรเลย อาตมาก็พยายามสอนสิ่งที่ดีให้แก่เขา ให้ทั้งวิชาความรู้ และอบรมบ่มนิสัย กล่อมเกลาพัฒนาจิตใจเขา โชคดีที่มีนักศึกษามาช่วยสอนหนังสือในเวลาต่อมา เป็นรูปเป็นร่างทางวิชาการมากขึ้น เราก็ขยายงานมาเรื่อย ๆ ตัวอาตมาเอง ด้วยความที่เป็นพระ อาศัยร่มเงาของพระพุทธศาสนา ก็ใฝ่ฝันอยากจะให้ธรรมะเข้าสู่ชุมชนและสังคมมากขึ้น”
     
  4. อธิมุตโต

    อธิมุตโต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    4,741
    ค่าพลัง:
    +13,087
    [​IMG]
    โครงการธัมมคีตสัญจร เป็นโครงการแรกที่พระ และนักศึกษาออกไปสอนประชาชนในชุมชนต่าง ๆ ไปจัดกิจกรรมสันทนาการ และให้สิ่งที่เป็นประโยชน์ คือ ธรรมะ กลุ่มได้ขยายโครงการมาเรื่อย ๆ จนปัจจุบัน กลุ่มเป้าหมายเด็กด้อยโอกาสของมูลนิธิฯมี ๓ ประเภทด้วยกันคือ เด็กในชุมชนแออัด เด็กยากจนในชนบท และเด็กกำพร้า จัดเป็นโครงการต่าง ๆ มากมาย เช่น โครงการเด็กอ่อนก่อนสาย บ้านเด็กหรรษา ทุนการศึกษาเด็กยากจนในสลัม ทุนการศึกษาเด็กนักเรียนขาดแคลนในชนบทถิ่นทุรกันดาร อาหารกลางวันเด็กยากจน จัดซื้อเครื่องกีฬาให้เด็กนักเรียนในชนบท ค่ายเยาวชนคนกตัญญู วันรวมน้ำใจสู่เด็กไทยในชุมชนแออัด ความรู้สู่เด็กชนบท อบรมธรรมะภาคฤดูร้อน ป้องกันยาเสพติดในชุมชนแออัด และโครงการห้องสมุดเพื่อชุมชน เป็นต้น บางโครงการจัดต่อเนื่องมาตั้งแต่ต้น หลายโครงการอายุเกิน ๑๐ ปี บางโครงการเชื่อมโยง และเป็นไปเพื่อเกื้อกูลชุมชน และสังคมด้อยโอกาสอื่น ๆ ด้วย เช่น โครงการความรู้สู่เด็กชนบท เป็นการจัดค่ายอาสาพัฒนาชนบทที่จัดมาแล้วกว่า ๓๐ ครั้ง โครงการห้องสมุดเพื่อชุมชน ที่จัดส่งหนังสือให้ห้องสมุดหมู่บ้าน วัด ชุมชนต่างๆ รวมแต่ละปีมูลนิธิกลุ่มแสงเทียนต้องใช้จ่ายเงินประมาณห้าล้านบาท

    ซึ่งพระมหาสมัยบอกว่า งบประมาณมาจากเงินบริจาค ๙๗ เปอร์เซ็นต์ จาก กทม. ๒ เปอร์เซ็นต์ และ ๑ เปอร์เซ็นต์ มาจากเด็กและผู้ปกครองที่อยู่ในชุมชน ที่พอจะมีกำลังช่วยเหลือได้ สิ่งที่พระอาจารย์อยากฝากต่อสังคมคือ


    “ขอขอบคุณพี่น้องในสังคม ที่เกื้อหนุนมากว่า ๒๐ ปี ตามมีตามเกิด ตามกำลัง มีบ้างไม่มีบ้าง ท่านเกื้อหนุนมา เราก็ให้แก่เด็กด้อยโอกาสได้เต็มที่ เราก็จะเลี้ยงเด็ก ช่วยเหลือเด็กต่อไป ทั้งด้านการศึกษา และเผยแผ่ธรรมะ การหล่อหลอมเขาให้อยู่ในสิ่งที่ดี ทำดี เป็นเรื่องสำคัญ”


    เด็กน้อยวัยระหว่าง ๒-๕ ขวบ ที่วิ่งเล่น ละรายล้อมอยู่รอบกาย ภายในพื้นที่เล็กๆของโรงเรียน ภายในวัดที่เป็นที่พึ่งพิงของชุมชน เป็นความร่มเย็นเป็นสุข สีหน้า และแววตาของเด็กน้อย บ่งบอกถึงความรู้สึกเช่นนั้น เด็ก ๆ แม้วัยเพียงนี้ แต่เมื่อเข้านั่งประจำที่รอรับประทานอาหารกลางวัน ก็ค่อนข้างเป็นระเบียบ มีบ้างที่ออกนอกแถวมายืนใกล้ครู ใกล้พระ ดูนั่น ดูนี่ อาหารกลางวันพอเหมาะแก่อัตภาพ ที่พระและครูพยายามจัดให้ได้สารอาหารครบ ๕ หมู่ และทั้งครู ทั้งพระอาจารย์ได้ดูแลให้เด็กรับประทาน เพื่อร่างกายได้เติบโต เป็นบรรยากาศที่น่าชื่นชม บางครั้งก็จะมีเจ้าภาพมาร่วมแจกอาหารเด็ก ๆ แจกช้อน แจกภาชนะ เตรียมรอครูมาตักอาหารให้ทีละคน ๆ เด็ก ๆ แม้ตัวน้อย ก็ไม่ลืมยกมือไหว้ขอบคุณ พร้อมเสียงแจ๋ว ๆ “ขอบคุณค่ะ” “ขอบคุณครับ” บางคนกล้าหาญคุยกับผู้มาเยือน เรียกขานอย่างมีมารยาทว่า “คุณแม่” บ้าง “คุณครู” บ้าง แสดงให้ดูว่าเป็นเด็กดี ด้วยการรับประทานอาหารหมดจาน รับประทานอย่างเรียบร้อยไม่แกล้งเพื่อน ก่อนการรับประทานอาหารทุกครั้ง พระอาจารย์มหาสมัยจะทักทายพูดคุยกับเด็ก และนำเด็กสวดมนต์สั้น ๆ นำเด็กท่องคติธรรม อันเป็นวัตรปฏิบัติที่ศิษย์แสงเทียนพึงกระทำ เสียงแจ๋ว ๆ จากการพูดคุย หยอกล้อ ท่องกอ เอ๋ย กอไก่ เมื่อมาท่องหัวใจของฉัน กฎปฏิบัติของที่นี่ ไม่น่าเชื่อว่าเสียงนั้นจะหนักแน่น และดังพร้อมเพรียงกันอย่งไม่มีติดขัด


    “หัวใจของฉันมี ๖ ข้อ หนึ่ง พูดดี สองมีเมตตา สามสมาธิสั้น สี่ขยันเรียน ห้าเพียรอดทน หกเป็นคนดี”


    เสียงของเด็กนับร้อยที่เอ่ยถึงสิ่งที่ตนยึดถือ ไม่เพียงการท่องบ่นเป็นนกแก้วนกขุนทอง แต่พวกเขาล้วนอยากเป็นเด็กดี เมื่อพระอาจารย์ถามถึงพฤติกรรม ต่างล้วนรีบยกมือว่า เป็นเด็กดี เสียงบทเพลงที่ไม่ได้ร้องแต่ท่องเอาตามประสา ดังก้องลานซีเมนต์แคบ ๆ หน้าโรงเรียน


    “...เด็กดีไม่ดื้อ เด็กดื้อไม่ดี ในเมื่อไม่ดีต้องถูกตีแน่ๆ ถ้าฉันโต จะไม่โง่ ไม่กินเหล้า ไม่งี่เง่าสูบบุหรี่เหมือนผีสิง”


    ความสดใส มีชีวิตชีวาที่บังเกิด เกิดด้วยสิ่งที่ดี ที่ผู้ใหญ่จัดสรรให้ เน้นย้ำให้ประพฤติ ปฏิบัติผ่านคำสอนง่าย ๆ โดยยึดหลักพระพุทธศาสนาในการดำเนินชีวิตประจำวัน ช่างน่าชื่นใจ... เด็ก ๆ ท่องบท นะโม ตัสสะ กันได้อย่างคล่องแคล่ว มีผู้นำ ๓-๔ คน ยืนนำสวด พร้อมขั้นตอนสุดท้าย ก่อนการรับประทาน เป็นบทท่องที่พระอาจารย์ต้องการให้เด็กเห็นคุณค่าของเมล็ดข้าว ของชาวนาและผู้มีพระคุณ


    “ข้าวทุกจาน อาหารทุกอย่าง อย่ากินทิ้งขว้าง เป็นของมีค่า คนจนอดอยาก เหนื่อยยากนักหนา สงสารชาวนา เด็กตาดำ ๆ ...ขอบคุณคุณพระพุทธ ขอบคุณคุณพระธรรม ขอบคุณคุณพระสงฆ์ ขอบคุณคุณพ่อ คุณแม่ ขอบคุณผู้มีพระคุณ ที่นำอาหารมาให้ พวกหนูไม่มีอะไรจะตอบแทน


    นอกจาก ขอบพระคุณ ขอบพระคุณ ...กินก็ตาย ไม่กินก็ตายก็ตาย ทำความดี ดีกว่าสาธุ สาธุ สาธุ หนูจะทำความดี”


    เสียงแห่งความดี และบรรยากาศที่มีชีวิตชีวานี้เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นทุก ๆ วัน เพียงแต่เด็กที่มาเรียนจะต่างกัน ช่วงจันทร์-ศุกร์จะเป็นเด็กเล็กก่อนวัยเรียน จำนวน ๑๒๐ คนขึ้นไป เสาร์-อาทิตย์จะเป็นเด็กโตวัยระหว่าง ๖-๑๕ ปี เป็นการเรียนธรรมะ พุทธศาสนา เด็กเล็กก่อนวัยเรียนนี้ อยู่ในโครงการเด็กอ่อนก่อนสาย ล้วนเป็นเด็กที่อาศัยอยู่ในชุมชนแออัดรอบ ๆ วัดบางไส้ไก่ ๑๒ ชุมชน ผู้ปกครองไม่สามารถส่งลูกไปเรียนในโรงเรียนอนุบาลได้ ด้วยปัญหาเรื่องค่าใช้จ่าย ศูนย์พัฒนาเด็กเล็กก่อนวัยเรียนนี้ จึงเป็นการช่วยเหลือแบ่งเบาภาระผู้ปกครอง โดยจัดมาแล้ว ๑๙ ปี พระมหาสมัยเล่าถึงหลักการเลี้ยงดูเด็ก ๆ ว่า


    “อาตมาเลี้ยงเด็กแบบโบราณ ไม่ว่าจะเป็นเด็กที่มาเรียนทุกวันตัวเล็กตัวน้อย เด็กโตหน่อยตัสสะ ในวันหยุด เรียนพระพุทธศาสนา หรือเด็กโตที่อยู่ในอุปการะของมูลนิธิ เราต้องการให้พวกเขาเป็นคนดี ไม่ทำความเดือดร้อนแก่สังคม ดังนั้น เขาต้องโตขึ้นไปโดยไม่ดื่มเหล้า ไม่สูบบุหรี่ ของมึนเมา ไม่เกี่ยวข้องกับยาเสพติดทุกชนิด แตะต้องไม่ได้ ทั้งต่อหน้าและลับหลัง ไม่เที่ยวเตร็ดเตร่ ห่างอบายมุขทั้งปวง ที่สำคัญต้องดำเนินชีวิตโดยใช้ศีล ๕ เราต้องการต้นแบบของเด็ก เยาวชนและชุมชน ทำชุมชนให้มีสิ่งแวดล้อมที่ดี หากเขาเป็นไปตามเป้าประสงค์ เราก็ถือว่าเขามีชีวิตที่ดีขึ้น ส่วนการงานก็เป็นเรื่องที่จะเป็นไปตามขั้นตอนของการศึกษา และความสามารถของเด็กแต่ละคน เราขอให้เขาเป็นคนดีมีศีลธรรม คนที่มีศีล มีธรรม คนที่อยู่ใกล้ก็มักจะมีศีลมีธรรมด้วย อาตมาใช้การสอนพื้น ๆ ง่าย ๆ ให้เขานำไปใช้ในชีวิตประจำวัน การใช้ชีวิตอยู่ในชุมชน โดยเราก็ใช้หลักปฏิบัติของเราเป็นแม่แบบ บนพื้นฐานศาสนาพุทธ ถ้าเราไม่มีศีล ไม่มีธรรม เราก็สอนได้แต่ทฤษฎี เป็นได้แค่หลักการ แล้วภาคปฏิบัติก็คงเกิดไม่ได้ อาตมาถือว่าตัวเราต้องเป็นแกนก่อน ในการที่จะสอนความดี ความชั่ว การปฏิบัติ กิริยามารยาท เด็กแต่ละรุ่น มีพี่มีน้อง เขาต้องเป็นแม่แบบให้น้องรุ่นต่อ ๆ ไปได้เช่นกัน พฤติกรรมแต่ละคนก็จะเป็นไปตามแม่แบบ ตามขั้นตอนนี่คือ การสอนเด็ก ที่นี่แม้แต่ครู อาสาสมัครก็เป็นเหมือนพี่คนโตของเด็ก เป็นพี่ก็ต้องเป็นต้นแบบได้ เราให้ชีวิต ให้ใจ กาย ดูแลทุกคนเหมือนลูกของเรา แม้ไม่ใช่ลูกโดยสายเลือด แต่เท่ากับ ‘ลูกศิษย์’ ทุกคนเราก็ต้องดูแลทั่วถึงใช้ศีลธรรมเป็นหลัก
     
  5. อธิมุตโต

    อธิมุตโต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    4,741
    ค่าพลัง:
    +13,087
    [​IMG]
    กลุ่มแสงเทียนให้ความสำคัญกับสถาบันครอบครัว เพราะทุกชุมชนประกอบด้วยหลายครอบครัว การอบรมเด็ก หรือช่วยแบ่งเบาภาระด้วยการสงเคราะห์รูปแบบใดรูปแบบหนึ่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในครอบครัวที่กำลังมีปัญหา เพื่อให้คุณภาพชีวิตของพวกเขาดีขึ้น เป็นการทำให้ชุมชนมีสิ่งแวดล้อมดี มีเด็กจำนวนไม่น้อยที่ได้รับการช่วยเหลือจากมูลนิธิ ส่งเสียให้เรียนจนจบปริญญาตรี และมีไม่น้อยเช่นกันที่เขาเหล่านั้นกลับมาทำงานช่วยเหลือน้อง ๆ รุ่นต่อไป และไม่ใช่เฉพาะเพียงเด็กในชุมชน ดังกล่าวแล้วว่า งานของมูลนิธิได้ขยายการช่วยเหลือเด็กด้อยโอกาสออกไปถึงชนบท และเด็กกำพร้าอีกด้วย


    ทำงานมากว่า ๒๐ ปี กับภาระที่มากขึ้น แต่ผลเป็นที่น่าชื่นใจเช่นนี้ เมื่อถูกถามถึงความห่วงใยใด ๆ พระอาจารย์มหาสมัย ในฐานะที่อยู่กับเด็ก กับครู อาสาสมัคร พระ เณร ชุมชน ตลอดจนสังคมที่ให้การสนับสนุน กล่าวว่า
     
  6. สังขารไม่เที่ยง

    สังขารไม่เที่ยง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    5,943
    ค่าพลัง:
    +24,697
    อนุโมทนาสาธุค่ะ.....เด็ก ๆ น่าสงสารนะคะ ดีจะดีหรือไม่ดี...เริ่มต้นจากการปลูกฝังค่ะ
     
  7. ธรรมวิวัฒน์

    ธรรมวิวัฒน์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    26,431
    กระทู้เรื่องเด่น:
    82
    ค่าพลัง:
    +115,468
    อนุโมทนาครับ การสร้างคนดีจะทำให้สังคมสงบสุขครับ สาธุ
     
  8. kriengkripob

    kriengkripob เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    1,326
    ค่าพลัง:
    +2,048
    อนุโมทนาบุญ ช่วยกันสร้างสรรค์สิ่งที่ดีแก่สังคมไทย สาธุ สาธุ
     
  9. เฮียปอ ตำมะลัง

    เฮียปอ ตำมะลัง ทุกสิ่งจบสิ้นลงด้วยความตาย วุ่นวายทำไม ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    24,969
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +91,130
    อ นุ โ ม ท น า ส า ธุ
     
  10. Mr.Kim

    Mr.Kim เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กันยายน 2007
    โพสต์:
    3,036
    ค่าพลัง:
    +7,028
    อนุโมทนา สาธุกับพระมหาสมัย จินตโฆสโกครับ
     
  11. อิทธิปาฏิหาริย์

    อิทธิปาฏิหาริย์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กรกฎาคม 2007
    โพสต์:
    1,834
    ค่าพลัง:
    +1,472

แชร์หน้านี้

Loading...