ท้าวเวสสุวัณ เทพเจ้าแห่งความมั่งคั่ง ของขลังกำจัดคุณไสย์ ขับไล่ภูติผีปีศาจ

ในห้อง 'กระทู้เก่า' ตั้งกระทู้โดย lekpluto, 23 พฤษภาคม 2008.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. lekpluto

    lekpluto เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    820
    ค่าพลัง:
    +1,064
    ท้าวเวสสุวัณมหาราช

    **************
    ท้าวเวสสุวัณ หรือ ท้าวกุเวร นั้น ศาสนาพราหมณ์ถือว่าเป็นเทพองค์เดียวกัน โดยที่ศาสนาพราหมณ์นั้นได้กล่าวถึงเทพผู้พิทักษ์รักษาโลกมนุษย์ หรือ ท้าวโลกบาลประจำทิศต่าง ๆ ด้วยกัน ๘ ทิศ คือ พระอินทร์ ประจำทิศบูรพา (ตะวันออก) พระเพลิง ประจำทิศอาคเนย์ (ตะวันออกเฉียงใต้) พระยม ประจำทิศทักษิณ (ใต้) พระอาทิตย์ประจำทิศหรดี (ตะวันตกเฉียงใต้) พระพิรุณ ประจำทิศประจิม (ตะวันตก) พระพาย ประจำทิศพายัพ (ตะวันตกเฉียงใต้) พระจันทร์ ประจำทิศอีสาน (ตะวันออกเฉียงเหนือ) และ ท้าวกุเวร ประจำทิศอุดร (ทิศเหนือ)<?XML:NAMESPACE PREFIX = O /><O:p< font O:p<>
    ก่อนจะว่ากันต่อไปถึงประวัติความเป็นมาของท่านท้าวกุเวร ต้องมาตกลงทำความเข้าใจกันก่อนในเรื่องของลัทธิความเชื่อในศาสนาพราหมณ์ และ ศาสนาพุทธ อย่างกรณีของเรื่องท้าวโลกบาลนั้น จะเห็นว่า พุทธศาสนาของเรานั้น กล่าวถึงท้าวโลกบาลเพียง ๔ ทิศ ที่เรียกว่า ท้าวจตุโลกบาล หรือ ท้าวจตุมหาราชทั้ง ๔ อันได้แก่ ท่านท้าวกุเวร เป็นโลกบาลประจำทิศอุดร (ทิศเหนือ) ดุจเดียวกับพราหมณ์ ท่านท้าวธตรฐ เป็นโลกบาลประจำทิศบูรพา (ตะวันออก) ต่างจากพราหมณ์ ที่ให้พระอินทร์ อยู่ในทิศนี้ ท่านท้าววิรุฬหก ประจำทิศทักษิณ (ใต้) ต่างจากพราหมณ์ ที่ให้พระยม ประจำทิศนี้ และท่านท้าววิรูปักษ์ ประจำทิศประจิม (ตะวันตก) ต่างจากพราหมณ์ที่ให้พระพิรุณ ประจำทิศนี้<O:p< font O:p<>
    ถ้าเราไม่แยกแยะในเรื่องของ ลัทธิความเชื่อของพราหมณ์กับพุทธออกจากกัน โดยเฉพาะในเรื่องของภพภูมิต่าง ๆ สวรรค์ ชั้นต่าง ๆ เราก็อาจจะสับสนปนเปกันวุ่นไปหมด อย่างพราหมณ์ที่เขาจัดให้พระอินทร์ เป็นท้าวจตุโลกบาลนั้น ด้วยเหตุที่พราหมณ์นั้น ไม่ได้มีการแบ่งแยกสวรรค์ชั้นต่าง ๆ ออกจากกันแม้กระทั่งจัดให้พระยม เทพเจ้าแห่งขุมนรก เป็นท้าวจตุโลกบาล ประจำทิศใต้ ก็ดุจเดียวกัน พราหมณ์นั้นไม่ได้แยกภพภูมิ เป็นไตรภูมิอย่างพุทธศาสนา ดังนั้น สวรรค์ของพราหมณ์ ก็คือ เทพเทวดาต่าง ๆ โดยทั่วไป แม้แต่พระพรหม ก็อยู่บนสวรรค์ โดยถือเป็นเทวดาที่มีศักดิ์สูงเป็นใหญ่กว่าเทวดาทั้งปวงเท่านั้น อย่างพระยมนั้น ท่านก็ให้เป็นเทวดา แต่ไปปกครองนรก หรือ ดินแดนที่มีแต่ความเสื่อมโทรม ทารุณโหดร้าย หรือ พระพิรุณ เทพเจ้าแห่งมหาสมุทร และสายฝน ก็ให้ไปปกครองเมืองบาดาล ถือเป็นเทพองค์หนึ่งที่ไม่ได้อยู่บนสรวงสวรรค์<O:p< font O:p<>
    แต่ในทางพุทธศาสนานั้น แยกภพภูมิออกจากกันอย่างชัดเจน พระอินทร์ นั้น เป็นเทวราช หรือ ผู้ปกครองสวรรค์ชั้นที่สอง หรือ ดาวดึงส์ ย่อมอยู่เหนือกว่า หรือสูงศักดิ์กว่า ท่านท้าวจตุโลกบาลทั้งสี่ ที่จัดให้เป็นใหญ่ในทิศต่าง ๆ ทั้งสี่ทิศ อยู่ในสวรรค์ชั้นที่หนึ่ง ที่เรียกว่า สวรรค์ชั้นจตุมหาราชิกา โดยที่สวรรค์ชั้นนี้ นอกจากมีเทวดาชั้นต่ำ เช่น พระภูมิ เจ้าที่ รุกขเทวดา อากาศเทวดา ฯลฯ แล้ว ยังมีอมนุษย์ต่าง ๆ อยู่ในภพภูมินี้อีกหลายประเภท เช่น ยักษ์ ถือเป็นเทวดาพวกหนึ่ง ที่มีรูปร่างหน้าตาน่ากลัว ตาพองโต จมูกบาน มีเขี้ยวโง้ง ร่างกายใหญ่โต มีกระบอง เป็นอาวุธ บรรดายักษ์เหล่านี้ อยู่ในความดูแล หรือ ภายใต้การปกครองของท่านท้าวกุเวร หรือ ท่านท้าวเวสสุวัณ ซึ่งถือกำเนิดเป็นยักษ์เช่นกัน<O:p< font O:p<>
    นอกจากยักษ์แล้วยังมีพวก คนธรรพ์ ที่หลายท่านเข้าใจว่า เป็นพวกกึ่งมนุษย์กึ่งเทวดา มีหน้าที่ขับร้องฟ้อนรำ หรือมีความสามารถในด้านดนตรี แท้ที่จริงแล้ว ท่านไม่ได้เป็นกึ่งมนุษย์กึ่งเทวดาอย่างที่เข้าใจกัน เหมือนพวกกินนร (กึ่งนกกึ่งคน คือ ตัวเป็นคน มีท่อนล่างเป็นนก มีปีกแบบนก) หรือ พวกครุฑ (ที่เป็นพวกกึ่งนก กึ่งเทวดา) หรือ อมนุษย์อื่น ๆ แต่ท่านเป็นเทวดาชั้นต่ำ มีกายทิพย์ อิ่มทิพย์ เสวยสมบัติทิพย์ ดุจปวงเทพเทวดาทั่วไป มีความสามารถในด้านการขับร้อง ฟ้อนรำ เพียงแต่ไม่มีวิมานเป็นที่อยู่ของตนเอง จะอยู่ในเมืองใหญ่ ๆ ในขอบเขตของสวรรค์ชั้นที่หนึ่ง ทางด้านทิศตะวันออก ที่อยู่ในความปกครองดูแลของท่านท้าวธตรฐ ที่กำเนิดของท่านเป็นคนธรรพ์เช่นกัน ไม่ได้เป็นยักษ์อย่างที่บางตำราบอกเอาไว้<O:p< font O:p<>
    อมนุษย์ในชั้นนี้ นอกจากยักษ์ คนธรรพ์แล้ว ยังมีพวก นาค ซึ่งถือว่าเป็นเทวดาเช่นกัน เพียงแต่เป็นเทวดาชั้นต่ำ ที่มีรูปร่างปกติเป็นงูที่มีหงอน หรือ งูใหญ่ เป็นเจ้าแห่งงู หรือ พญางู แต่เวลาที่อยู่ในเมืองของตนแล้ว จะจำแลงกายดุจเหมือนคนทั่วไป มีกายทิพย์ อิ่มทิพย์ ดุจเดียวกับเทวดา แต่ไม่มีวิมานอยู่ อยู่ในเมืองด้านทิศตะวันตก ในความปกครองดูแลของท่านท้าววิรูปักษ์ ที่ถือกำเนิดเป็นนาคเช่นกัน บ้างก็ว่า นาคนั้นมีฤทธิ์เดชมาก เพราะเพียงแค่พิษของนาคถูกต้องบุคคลใดบุคคลหนึ่งก็สามารถตัดเอาผิวหนังของบุคคลนั้นและทำให้ถึงแก่ความตายได้ในพริบตา พวกนาครู้จักเนรมิตตนเป็น มนุษย์ เป็นสัตว์ เป็นเทวดา เพื่อท่องเที่ยวไปตามสถานที่ต่างๆ ตามอัธยาศัยอย่างสุขสำราญ<O:p< font O:p<>
    หากบุคคลใดได้ยินได้ฟังมาว่าพวกนาคมีอายุยืน มีวรรณะงาม มีความสุขมาก ทำให้ชอบใจ แล้วทำคุณงามความดีด้วยกาย วาจา ใจ พร้อมทั้งปรารถนาไปเกิดเป็นนาค บุคคลนั้นเมื่อละโลกนี้ไปแล้วย่อมได้ไปเกิดเป็นนาคในชาติต่อไปสมความปรารถนา<O:p< font O:p<>
    อีกพวกหนึ่งที่สำคัญในสวรรค์ชั้นที่หนึ่งก็คือพวก กุมภัณฑ์ ซึ่งหลายคนเอาไปปะปนกับพวกยักษ์ให้วุ่นไปหมด แท้ที่จริงแล้ว พวกกุมภัณฑ์นี้ เป็นเทวดาชั้นต่ำ ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตนก็คือ มีลูกอัณฑะที่ใหญ่เท่าหม้อ นี่เขาแปลตามรากศัพท์นะครับ แท้ที่จริงแล้ว เทวดาจำพวกนี้ ไม่ได้มีลูกอัณฑ์ใหญ่เท่าหม้ออย่างที่เข้าใจกัน แต่มีรูปร่างอ้วนเตี้ย พุงป่อง เหมือนหม้อต่างหาก เทวดาพวกนี้จะอยู่ในเมืองดุจเดียวกับเทวดาอื่น ๆ ในชั้นเดียวกัน แต่อยู่ทางด้านทิศตะวันออก มีท่านท้าววิรุฬหก ซึ่งถือกำเนิดเป็นกุมภัณฑ์เช่นกัน เป็นผู้ปกครอง<O:p< font O:p<>
    อันเทวดาทั้งสี่จำพวก คือ ยักษ์ คนธรรพ์ นาค กุมภัณฑ์ นั้น ปกติร่างกายของท่าน ก็จะเป็นรูปลักษณ์แยกออกไปตามลักษณะของชาติกำเนิด แต่แท้ที่จริงแล้ว เวลาอยู่ในเมืองสวรรค์ ที่เป็นทิพย์ ท่านก็อาจจะเนรมิตกายให้สวยสดงดงามดุจเดียวกันก็ได้ คงไม่มีเทวดาตนใดที่อยากมีรูปร่างหน้าตาน่าเกลียดน่ากลัวหรอกครับ ไม่งั้น บรรดานางฟ้า นางสวรรค์ คงไม่ชายหางตาแลแน่นอน<O:p< font O:p<>
    ในสวรรค์ชั้นที่หนึ่งนี้ นอกจากเทวดาทั้งสี่จำพวก ที่อยู่ในความปกครองดูแลของท่านท้าวมหาราชทั้งสี่แล้ว ยังมีอมนุษย์ที่ไม่ใช่เทวดา แต่เป็นกึ่งเทวดา อยู่โดยรอบของสวรรค์ชั้นที่หนึ่ง หรือ อยู่ปลายแดนสวรรค์ก็ได้ ถิ่นที่อยู่ของพวกนี้มักจะอยู่ในเขตที่เรียกว่า ป่าหิมพานต์ หรือ มหานทีสีทันดร ที่กว้างใหญ่ไพศาล ก่อนที่จะถึงเมืองสวรรค์ชั้นที่หนึ่งนั่นเอง อันได้แก่ พวกกินนร,ครุฑ,รากษส ฯลฯ เป็นพวกที่กึ่งคนกึ่งนก (กินนร), กึ่งเทวดากึ่งนก (ครุฑ),กึ่งยักษ์กึ่งสัตว์ (รากษส พวกนี้กินสัตว์ และมนุษย์เป็นอาหาร เหมือน ผีเสื้อสมุทร) และบรรดาภูติผีปีศาจร้าย ที่มีฤทธิ์อำนาจ เป็นพวกกึ่งเปรตกึ่งเทวดา หรือ ก็เป็นเปรตจำพวกมหิทธิกาเปรต หรือ เวมาณิกเปรต พวกนี้กลางวันเป็นเทวดามีวิมานอยู่ กลางคืนต้องรับกรรม กลายร่างเป็นเปรต ได้รับทุกข์ทรมานจากความหิวโหย ฯลฯ ส่วนพวกอสูรนั้น ไม่ได้อยู่ในสวรรค์ชั้นที่หนึ่งนะครับ แต่อยู่นอกเขตสวรรค์ชั้นที่สอง เพราะถูกขับออกมา ดังที่ได้กล่าวไว้แล้ว และมีศักดิ์สูงกว่าเทวดาในชั้นที่หนึ่งด้วยซ้ำไป<O:p< font O:p<>
    อนึ่งท่านท้าวจตุโลกบาลนี้ บางตำรากล่าวไว้ว่า ท่านอยู่ภายใต้บังคับบัญชา หรือ ได้รับมอบหมายจาก “สมเด็จพระอมรินทราธิราชเจ้า” หรือ พระอินทร์ ให้เป็นผู้ปกปักคุ้มครองดูแลทุกข์สุขต่าง ๆ ของมวลมนุษย์ พิทักษ์รักษาโลกให้ปลอดภัย ไม่ให้มีสิ่งเลวร้ายใด ๆ มาทำลายความสงบสุขได้ นอกจากนั้น ยังได้มอบหมายให้เป็นเจ้าพนักงาน มีหน้าที่บัญชาคนทำบัญชี และจดบันทึกการทำบุญ การทำบาป ของคนในมนุษย์โลก โดยท้าวโลกบาลทั้งสี่ จะดูแลตามทิศของตน ๆ เช่น<O:p< font O:p<>
    ท่านท้าวธตรฐ ก็จะสั่งให้เหล่าคนธรรพ์ ไปดำเนินการ, ท่านท้าววิรุฬหก ก็จะสั่งให้เหล่ากุมภัณฑ์ ไปดำเนินการ, ท่านท้าววิรูปักษ์ ก็จะสั่งให้เหล่าพญานาค ไปดำเนินการ,ท่านท้าวกุเวร ก็จะสั่งให้เหล่ายักษ์มาร ไปดำเนินการ<O:p< font O:p<>
    หลังจากได้รับบัญชีบุญ –บาป แล้ว ท่านท้าวจตุโลกบาลทั้งสี่ ก็จะนำขึ้นทูลเกล้า ฯ ถวายให้แก่พระอินทร์ ด้วยตนเอง เพื่อพิจารณาอีกทีหนึ่ง<O:p< font O:p<>
    มีผู้รู้บางท่านยังได้แจงรายละเอียดเกี่ยวกับภาระหน้าที่ในการตรวจดูการทำบุญ ทำบาป ของสัตว์โลก แยกออกไปอีกตามวาระดังนี้คือ<O:p< font O:p<>
    วัน ๘ ค่ำ อำมาตย์ของท้าวมหาราชทั้ง ๔ จะเป็นผู้ตรวจดูโลก ,วัน ๑๕ ค่ำ บุตรทั้งหลายของท้าวมหาราชทั้ง ๔ จะเป็นผู้ตรวจดูโลก, ส่วนในวัน ๑๕ ค่ำ ท้าวมหาราชทั้ง ๔ จะเป็นผู้ตรวจดูโลกเองว่า พวกมนุษย์พากันบำรุงบิดามารดา และสมณพราหมณ์ เคารพนอบน้อมผู้ใหญ่ในตระกูล รักษาอุโบสถศีลและทำบุญกุศลเป็นจำนวนมากหรือไม่ ครั้นตรวจดูแล้วก็จะไปบอกพวกเทพชั้น ดาวดึงส์ ซึ่งมาประชุมกันใน สุธรรมาเทวสภา ถ้าได้ฟังว่าพวกมนุษย์ทำดีกันน้อย พวกเทพชั้นดาวดึงส์ ก็มีใจหดหู่ เพราะ ทิพยกายจะลดถอย อสุรกายจะเพิ่มพูน แต่ถ้าได้ฟังว่าพวกมนุษย์ทำดีกันมาก พวกเทพชั้นดาวดึงส์ ก็มีใจชื่นบาน เพราะ ทิพยกายจะเพิ่มพูน อสุรกาย จะลดถอย<O:p< font O:p<>
    มาถึงตรงนี้แล้ว จะได้ข้อคิดอะไรอย่างหนึ่งก็คือ เป็นไปได้หรือไม่ ? ที่ท่านพญามัจจุราช หรือ เทพแห่งความตายนั้น คือ ท่านท้าวกุเวร หรือ ท้าวเวสสุวัณ เพราะท่านเป็นเทพที่ปกครองพวกยักษ์มาร ภูติผีปีศาจร้ายทั้งหลาย วิญญาณทั้งหลายของคนตาย ที่ยังคงเร่ร่อนหาที่ไปเกิดยังภพภูมิใหม่ไม่ได้ ซึ่งเราเรียกว่า พวกสัมภเวสี ทีนี้ โดยปกติทั่วไป เมื่อคนใดตายแล้ว จิตวิญญาณก็จะเข้าสู่สภาแห่งความตาย เพื่อตัดสินชำระโทษ โดยมีท่านท้าวเวสสุวัณ เป็นประธาน โดยมีเทพทั้งสามท่านที่เหลือ คือ ท่านท้าวธตรฐ ท้าววรุฬหก ท้าววิรุฬปักษ์ เป็นผู้ร่วมพิจารณา โดยตัดสินพิจารณาจากบัญชีบุญ และ บัญชี บาป ที่บรรดาเหล่าบริวารของท่านเหล่านั้นนำมาเสนอ ถ้าทำดี ก็จะนำบัญชี และวิญญาณบุญนั้น ขึ้นทูลเกล้าถวายพระอินทร์ ในทุกวันขึ้น ๑๕ ค่ำ ของทุกเดือน ที่มีการประชุมเทวสภาบนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ เพื่ออนุโมทนาและรับตัวเข้าสู่สรวงสวรรค์ แต่ถ้าทำชั่ว ก็จะนำบัญชี และวิญญาณบาปนั้น ส่งไปยังยมโลก ให้ท่านพญายม ทำหน้าที่ลงโทษ ตามที่ได้รับการพิพากษาโทษต่อไป<O:p< font O:p<>
    ในบรรดาเทพที่ทำหน้าที่ท้าวจตุโลกบาลทั้งสี่ในทางพุทธศาสนานั้น มีเพียงท่านเดียวเท่านั้น คือ ท่านท้าวกุเวร หรือ ท่านท้าวเวสสุวัณ ที่ทางศาสนาพราหมณ์ยอมรับอย่างตรงกันว่า เป็นโลกบาลประจำทิศอุดร และได้มีประวัติเรื่องราวต่าง ๆ เกี่ยวกับพระองค์ท่านบันทึกเอาไว้มากมายหลายคัมภีร์ แต่เทพที่เป็นโลกบาลอีกสามทิศที่เหลือ พวกพราหมณ์เขาไม่ยอมรับ และไม่รู้จักด้วยซ้ำ ดังนั้น เรื่องราวประวัติต่าง ๆ จึงไม่ค่อยปรากฎ เห็นทีจะต้องนำเรื่องราว ประวัติและบทบาทของท่านมาเสนอซะที หลังจากอารัมภบทซะยืดยาว<O:p< p O:p<></O:p<>
    </O:p<>
    </O:p<>
    </O:p<>
    </O:p<>
    </O:p<>
    </O:p<>
    </O:p<>
    </O:p<>
    </O:p<>
    </O:p<>
    </O:p<>
    </O:p<>
    </O:p<>
    </O:p<>
    </O:p<>
    </O:p<>
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 23 พฤษภาคม 2008
  2. อดุลย์ เมธีกุล

    อดุลย์ เมธีกุล เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กันยายน 2007
    โพสต์:
    7,363
    ค่าพลัง:
    +11,795
    ข้อมูลแน่น มากสาระ กระชับ ชับไว อาจารย์เล็ก พลูโต

    ขอบคุณครับ
    อนุโมทนาครับ
    สวัสดีครับ
     
  3. lekpluto

    lekpluto เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    820
    ค่าพลัง:
    +1,064
    ท้าวกุเวร หรือ ท่านท้าวเวสสุวัณ นั้น ส่วนมากเราจะพบเห็นในรูปลักษณ์ของยักษ์ ยืนถือกระบองยาว หรือ คทา (ไม้เท้าเป็นรูปกระบอง) กันซะส่วนใหญ่ แต่แท้ที่จริงแล้ว ยังมีรูปเคารพของท่านในรูปของชายนั่งในท่ามหาราชลีลา มีลักษณะอันโดดเด่นคือ พระอุระพลุ้ย อีกด้วย กล่าวกันว่า ผู้มีอาชีพสัปเหร่อ หรือ มีอาชีพประหารชีวิตนักโทษ มักพกพารูปท้าวเวสสุวัณ สำหรับคล้องคอเพื่อเป็นเครื่องรางของขลัง ป้องกันภัยจากวิญญาณร้ายที่จะเข้ามาเบียดเบียนในภายหลัง<?xml:namespace prefix = o ns = "urn:schemas-microsoft-com:eek:ffice:eek:ffice" /><o:p></o:p>
    ภาพลักษณ์ของท้าวกุเวรที่ปรากฎในรูปของชายพุงพลุ้ย เป็นที่เคารพนับถือในความเชื่อว่า เป็นเทพแห่งความร่ำรวย แต่ท้าวกุเวรในรูปของท้าวเวสสุวัณ ซึ่งมาในรูปของยักษ์ เป็นที่เคารพนับถือว่า เป็นเครื่องรางของขลังป้องกันภูติผีปีศาจ ในหนังสือ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • Wessuwan 4.jpg
      Wessuwan 4.jpg
      ขนาดไฟล์:
      13.1 KB
      เปิดดู:
      408
  4. lekpluto

    lekpluto เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    820
    ค่าพลัง:
    +1,064
    รูปหล่อท้าวเวสสุวัณ ชนิดพกพาติดตัว ของท่านเจ้าคุณศรี (สนธ์) วัดสุทัศน์ กทม. ถือได้ว่า เป็นรูปหล่อท้าวเวสสุวัณ ที่ได้รับความนิยมแพร่หลายมากที่สุดในประเทศไทย ค่านิยมในการเช่าหาบูชา อยู่ในหลักหมื่นต้น ถึง หมื่นกลาง ของปลอมระบาดมานานแล้ว ดังนั้น หากจะเช่าหาไว้บูชา ต้องให้เขารับประกัน หรือ เช่าหาจากคนที่เชื่อถือ ไว้ใจได้ และเล่นมาทางสายนี้โดยตรง
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  5. lekpluto

    lekpluto เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    820
    ค่าพลัง:
    +1,064
    ท้าวเวสสุวัณ เนื้อผงพุทธคุณ ของ พระครูใบฎีกาเกลี้ยง วัดสุทัศน์ กทม. ผู้เป็นศิษย์ร่วมอาจารย์เดียวกันกับ สมเด็จพระสังฆราช (แพ) วัดสุทัศน์ เป็นอาจารย์ของเจ้าคุณศรี (สนธ์) และ หลวงพ่อแพ วัดพิกุลทอง

    องค์นี้เป็นสมบัติติดตัวของผมเอง พุทธคุณเท่าที่พบคือ เด่นด้านโชคลาภ เมตตา แคล้วคลาด สำหรับภูติผีปีศาจนั้น ยังไม่เคยมีประสบการณ์ อาจจะเป็นเพราะว่า เวลาผมพกพาท่านไปไหน ผีเห็นท่านแต่ไกล ก็เผ่นป่าราบแล้วก็เป็นได้ครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  6. lekpluto

    lekpluto เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    820
    ค่าพลัง:
    +1,064
    ท้าวเวสสุวัณ ของวัดสุทัศน์ รุ่น "เทพคุ้มครอง" สร้างเมื่อปี พ.ศ. ๒๕๕๐ น่าสนใจไม่น้อย เพราะรักษารูปลักษณ์เดิมเอาไว้ หากใครสนใจ ก็ลองเข้าไปค้นหาในเวปไซด์ ที่เขาโพสภาพนี้ หรือหาตามศูนย์พระเครื่องกันเอาเอง หรือลองติดต่อไปที่วัดก็ได้ เข้าใจว่า เป็นของคณะ ๑๒ ผมไม่มีส่วนได้ส่วนเสียใด ๆ นะครับ ขอบอก
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  7. helloartdy

    helloartdy เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    133
    ค่าพลัง:
    +504
    (smile)
     
  8. thaiput

    thaiput เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มิถุนายน 2006
    โพสต์:
    9,528
    ค่าพลัง:
    +27,656
    *-* ท้าวเวสสุวรรณ ผู้ยิ่งใหญ่ในจตุโลกบาลทั้งสี่ จ้าวแห่งยักษ์ทั้งปวงเป็นที่ยำเกรงแก่ภูตผีปีศาจยิ่งนัก *-* thaiput007@hotmail.com
     
  9. naraiyana

    naraiyana เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    397
    ค่าพลัง:
    +628
    น่าสนใจมากครับ
    เห็นว่าเกี่ยวข้องกับ ธาตุกายสิทธิ์ แก้วมณีโชติ ด้วย
    อยากทราบข้อมูลเพิ่มเติมครับ
     
  10. lekpluto

    lekpluto เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    820
    ค่าพลัง:
    +1,064
    ท้าวเวสสุวัณ รุ่นแรก ออกปี ๒๕๒๑ ของ หลวงพ่อเนื่อง วัดจุฬามณี สมุทรสงคราม องค์นี้เป็นของร้าน "พรครูบา" ผมได้เข้าไปติดต่อแล้วปรากฎว่า มีมือดีตัดหน้าโฉบเช่าบูชาไปซะแล้ว พุทธคุณเท่าที่ทราบ เด่นด้านโชคลาภ เคยช่วยศิษย์ปลดหนี้สินจนหมดสิ้นมาแล้ว (หนี้เป็นล้าน)

    หลวงพ่อเนื่อง หรือ พระครูโกวิทสมุทรคุณ วัดจุฬามณี อ.เมือง จ.สมุทรสงครามนั้น ท่านเป็นศิษย์คนสำคัญของ "หลวงพ่อคง วัดบางกระพ้อม" ท่านเป็นพระที่ใจดี มีเมตตา สงเคราะห์ผู้ที่บากหน้าไปหาท่าน โดยไม่เลือกที่รักมักที่ชัง ท่านเคยต้องอธิกรณ์เรื่อง "ใบ้หวย" และท่านก็ได้พิสูจน์ตนเอง ด้วยการเขียนเลขล็อตเตอรี่ รางวัลที่หนึ่ง จำนวน ๗ ตัว ไว้ล่วงหน้า ใส่ซอง ปิดผนึก ต่อหน้าพระวินยาธิการ ที่เป็นกรรมการสอบสวนท่าน แล้วมอบใส่เซฟ ลั่นกุญแจแน่นหนา แยกเก็บกุญแจไว้คนละที่ เมื่อถึงเวลาที่หวยออก ก็มาล้อมวง นั่งฟังกัน พอโฆษก ประกาศรางวัลที่หนึ่งเสร็จ คณะกรรมการก็พร้อมใจกันเปิดตู้เซฟ ที่ใส่หมายเลขรางวัลที่หนึ่งดู ปรากฏว่า เลขทั้ง ๗ ตัว ถูกต้องตรงกันไม่ผิดเพี้ยนแม้แต่ตัวเดียว ตำแหน่งเดียว พวกคณะกรรมการที่เป็นพระวินยาธิการ ที่จะมาจับผิดท่าน จับท่านสึก หาว่า "อวดอุตริมนุสธรรม" ต้องพากันก้มกราบขอขมาต่อท่าน นับว่าเป็นเรื่องที่ฮือฮากันมาก เมื่อท่านมรณภาพแล้ว ศพท่านก็ไม่เน่าเปื่อย ยังบรรจุอยู่ในโลงแก้วที่วัด ให้ท่านทั้งหลายได้บูชามาจนทุกวันนี้

    วัตถุมงคลของท่าน มีไม่มากนัก ได้รับความนิยมจากนักสะสมพระเครื่องทุกรุ่น ปัจจุบันค่อนข้างหายาก พุทธคุณเด่นด้านโชคลาภ เมตตา แคล้วคลาด คงกระพัน มหาอุด ครบเครื่อง ใครมีก็จงนำขึ้นมาคล้องคอ อย่าเก็บเอาไว้บนหิ้งให้เสียของดีมีคุณค่านะครับ

    ปัจจุบัน พระอาจารย์อิฏฐ์ วัดจุฬามณี ได้สร้างรูปหล่อท้าวเวสสุวัณ เอาไว้หลายรุ่นแล้ว หากใครสนใจ ก็ลองสอบถามที่วัด หรือ ตามศูนย์พระเครื่องกันเอาเองนะครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  11. ครึ่งชีวิต

    ครึ่งชีวิต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    4,178
    ค่าพลัง:
    +15,103
    [​IMG] สาธุ ขอรับ
     
  12. lekpluto

    lekpluto เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    820
    ค่าพลัง:
    +1,064
    รูปหล่อท้าวเวสสุวัณ และ รูปท้าวเวสสุวัณ เนื้อผง ผสมผงงาช้างแกะรูปท้าวเวสสุวัณ นับเป็นวัตถุมงคลยุคแรก และถือเป็นวัตถุมงคลท้าวเวสสุวัณ รุ่นแรกของท่าน ปัจจุบัน ได้รับความนิยม เสาะหาจากลูกศิษย์ และผู้ที่เคารพนับถือหลวงพ่อมีเป็นอย่างมาก ราคาที่สืบทราบจากการขายของศูนย์พระเครื่องออนไลน์ ขณะนี้ รูปหล่อ อยู่ที่ราคา ๘,๐๐๐ บาท เนื้อผง อยู่ที่ราคา ๒,๐๐๐ ถึง ๓,๐๐๐ บาท แล้วแต่สภาพความสวย ความคมชัด

    สำหรับ ภาพรูปหล่อท้าวเวสสุวัณ รุ่นแรก ของหลวงพ่อมี ผมนำมาจากเวปไซด์ ส่วนรูปท้าวเวสสุวัณ เนื้อผง เป็นของสะสมของผมเอง ที่สะสมไว้นานแล้ว ก่อนมาอเมริกาเสียอีก

    ส่วนอีกภาพหนึ่งนั้น เป็นภาพงาช้างแกะรูปท้าวเวสสุวัณ สมบัติส่วนตัวของหลวงพ่อมี ที่นำมาขูดผงผสมในพระเนื้อผงรูปท้าวเวสสุวัณ รุ่นแรกของท่าน
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  13. lekpluto

    lekpluto เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    820
    ค่าพลัง:
    +1,064
    วันนี้คงโพสภาพวัตถุมงคล เกี่ยวเนื่องกับ "ท่านท้าวเวสสุวัณ" ของพระเกจิอาจารย์ต่าง ๆ แต่เพียงเท่านี้ก่อน เพราะนี่ก็ตีสามกว่าเข้าไปแล้ว คงต้องนอนก่อนล่ะครับ เอาไว้คอยติดตามตอนต่อไป ในวันพรุ่งนี้ ยังเหลืออีกหลายองค์ หลายอาจารย์ หลายสำนักครับ
     
  14. พระชยภัทร อนามโ

    พระชยภัทร อนามโ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    1,667
    ค่าพลัง:
    +728
    ที่อาตมาก็มีอยู่ 2 องค์ มีองค์นึงคล้ายของคุณโยม ไม่ทราบว่าที่ฐานเขียนว่าท้าวเวสสุวรรณโณหรือเปล่า เพราะโยมพ่อชอบเล่นพระเครื่องแต่ตรงข้ามกับอาตมา อาตมาเองจะเฉยๆแต่นับถือท่าน
     
  15. มหา

    มหา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    827
    ค่าพลัง:
    +974
    ท่านท้าวเวสสุวัณ ท่านไม่ใช่พยายมหรือพญามัจจุราชดอกขอรับ
     
  16. donjudo077

    donjudo077 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2005
    โพสต์:
    4,719
    ค่าพลัง:
    +14,438
    ได้สาระและความรู้ดีครับ ขอบพระคุณและโมทนาด้วยครับ
     
  17. lekpluto

    lekpluto เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    820
    ค่าพลัง:
    +1,064
    ประสบการณ์อภินิหาร ท้าวเวสสุวัณงาแกะ เทพคู่บุญบารมี หลวงพ่อมี วัดมารวิชัย

    ในปี พ.ศ. 2493 นับเป็นปีแห่งการเริ่มต้นการมีชื่อเสียงของหลวงพ่อมีโดยแท้ เพราะนอกจากท่านจะได้เป็นเจ้าคณะตำบลและอุชฌาย์แล้ว หลวงพ่อมียังได้ของสำคัญคู่บารมี อีกอย่างหนึ่งที่ช่วยเสริมวิทยาคมของท่านให้เข้มขลังยิ่งขึ้น ของสำคัญที่ว่านั้นก็คือ "ท้าวเวสสุวัณแกะด้วยงาช้าง"

    ความเป็นมา ของท้าวเวสสุวัณงาแกะที่หลวงพ่อมีได้มานี้เป็นการได้มาอย่างอัศจรรย์ไม่น่าเชื่อจริง ๆ กล่าวคือคืนวันหนึ่งขณะที่หลวงพ่อมีกำลังนั่งทำสมาธิภาวนาโดยปกติก็เกิดเห็น ชีปะขาว คนหนึ่งมาบอกในนิมิตว่า ท่านคือ หลวงปู่ถ้ำขุนตาล จะนำของดีมาคืนให้ 2 สิ่ง คือ ท้าวเวสสุวัณแกะด้วยงาช้าง สิ่งหนึ่ง และที่หล่อด้วย สัมฤทธิ์ อีกสิ่งหนึ่งซึ่งเป็นของที่หลวงพ่อมีสร้างไว้หลายชาติมาแล้ว
    หลวงปู่ถ้ำขุนตาลบอกว่า ได้เก็บรักษาไว้นานแล้วถึงเวลาจะนำมาคืนให้เจ้าของเดิมท่านบอกให้หลวงพ่อมีล่องเรือทวนไปตามลำน้ำในตอนเช้าตรู่ จะคืนให้สิ่งหนึ่งก่อน แล้วอีก 2 ปีข้างหน้าจะคืนให้อีกสิ่งหนึ่ง

    เมื่อหลวงพ่อมี คลายสมาธิจิตแล้วท่านก็จดจำคำพูดจากนิมิตที่เห็นในระหว่างภาวนาได้อย่างชัดเจน พอวันรุ่งขึ้นหลังจากทำวัตรสวดมนต์เสร็จแล้วจึงชวนนายสำแล ธนสนธิ์น้องชายของท่านเป็นผู้พายเรือบดจากท่าน้ำวัดมารวิชัยล่องไปทางตลาดบ้านแพน
    ขณะที่เรือแล่นไปถึงตลาดบ้านแพน หลวงพ่อมีซึ่งนั่งหลับตากำหนดจิตภาวนาอยู่ตลอดเวลาก็พลันลืมตาขึ้น สายตาของท่านที่มองไปข้างหน้าก็เห็นสิ่งของสีขาวลอยน้ำมาแต่ไกล ท่านจึงรีบบอกให้นายสำแลชะลอฝีพายทันที พอเรือที่พายทวนน้ำอยู่กลางลำคลองแล่นช้าลง วัตถุสีขาวที่ลอยน้ำอยู่นั่นก็ลอยเข้ามาใกล้เรือ หลวงพ่อมีเอื้อมมือคว้าของสิ่งนั้นขึ้นมาทันที แล้วบอกให้นายสำแลหันหัวเรือกลับวัดได้
    เหลือเชื่อจริงๆ สิ่งที่หลวงพ่อมีคว้าขึ้นมาจากน้ำเมื่อหงายหน้าขึ้นมาดูอีกด้านหนึ่งเป็นรูปท้าวเวสสุวัณจริงๆ นายสำแล ธนสนธิ์ เป็นน้องชายสายโลหิตแท้ๆ ของหลวงพ่อมี เคยบวชเรียนมาแล้วและเป็นศิษย์คนหนึ่งของหลวงพ่อจง วัดหน้าต่างนอก เปิดเผยว่า ครั้งแรกที่เห็นของที่อยู่ในมือขหลวงพ่อมีแล้วแทบจะไม่เชื่อสายตาของตนเองจริงๆว่า "งาช้าง" จะลอยน้ำได้เพราะก่อนจะออกจากวัดท่านได้บอกล่วงหน้าอยู่ก่อนแล้วว่าจะไปเอางาช้างแกะเป็นท้าวเวสสุวัณที่ลอยน้ำมาในตอนแรกก็เชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง แต่ก็ไม่อยากขัดหลวงพ่อมี เพราะท่านมักจะมีอะไรดีๆ และแปลกๆ อยู่เสมอนั่นเอง

    จากประสบการณ์อันโชกโชนกว่า 50 ปี ในสมัยนั้นนายสำแลทราบดีว่า งาช้างนั้น ไม่ว่าจะเป็นงาเก่าหรือใหม่ ก็ตามต้องจมน้ำอย่างแน่นอน และเมื่อกลับถึงวัดแล้วจึงเอางาแกะท้าวเวสสุวัณแช่น้ำดูปรากฏว่า ท้าวเวสสุวัณงาช้างแกะ ซึ่งแต่แรกลอยน้ำมาได้นั้น กลับจมน้ำตามหลักความจริงอย่างน่าอัศจรรย์
    เรื่องอิทธิปาฏิหาริย์แห่งความมหัศจรรย์อย่างนี้ เป็นสิ่งลึกลับที่ยากจะพิสูจน์ได้จริงๆ นอกจากจะเกิดขึ้นกับตัวบุคคลผู้นั้นหรือพบเห็นด้วยสายตาของตนเองเท่านั้นจึงจะมีความเชื่ออย่างสนิทใจ ดังเรื่องราวของพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมือง 5 องค์ คือ หลวงพ่อโสธร, หลวงพ่อบ้านแหลม, หลวงพ่อเขาตะเครา,หลวงพ่อโต และหลวงพ่อวัดไร่ขิง ซึ่งล้วนเป็นพระพุทธรูปเนื้อสัมฤทธิ์ยังสามารถแสดงอิทธิหาฏหาริย์ลอยน้ำมาจากทางเหนือใต้ โดยมีประชาชนพบเห็นเป็นจำนวนมากในอดีต จนปรากฏมีตำนานเล่าขานสืบๆกันมาอยู่ทุกวันนี้

    ชีปะขาวมาให้เอง
    เมื่อหลวงพ่อมีได้ท้าวเวสสุวัณงาแกะที่ลอยน้ำมาด้วยความอัศจรรย์แล้ว ท่านก็สืบเสาะไปนมัสการศาลที่สถิตของหลวงปู่ถ้ำขุนตาลจนพบ และได้ตั้งสัตย์ปฏิญาณไว้ด้วยว่าจะนำท้าวเวสสุวัณมาเป็นประโยชน์ในการรักษาโรคแก่มนุษย์ให้ดีที่สุด และกล่าวอธิษฐานต่อหลวงปู่ถ้ำขุนตาลจะคอยท้าวเวสสุวัณอีกองค์หนึ่งภายใน 2 ปีข้างหน้าท่านรู้จักการการทำสมาธิตอนต้น
    ตลอดระยะเวลา 2 ปีเต็ม ๆ ไม่มีวี่แววแม้แต่น้อยเลยว่า หลวงปู่ถ้ำขุนตาลจะนำท้าวเวสสุวัณอีกองค์หนึ่งมาให้ แต่หลวงพ่อมีก็มีความมั่นใจของท่านอย่างเต็มเปี่ยมว่า สัจจะของเทวดานั้นมั่นคง ไม่เหมือนกับคำพูดลอย ๆ ซึ่งมักจะยิ่งย้ำแล้วย้ำอีก แต่เชื่อถืออะไรไม่ได้เลยของมนุษย์เดินดินกินข้างแดงแกงร้อนอย่างเรา ๆ
    จากวันนั้นถึงวันนี้ วันที่หลวงพ่อมีได้ท่านท้าวเวสสุวัณมาเป็นระยะเวลา 2 ปีพอดี เย็นวันนั้น หลวงพ่อมีกลับทำวัตรวดมนต์เย็นเป็นเวลาเกือบ 6 โมงเย็นแล้ว เมื่อหลวงพ่อเข้ากุฏิ ก็มี ชีปะขาวคนหนึ่งนำห่อผ้าขาวมาถวาย พร้อมบอกว่า
    "ผมเอาท้าวเวสสุวัณมาคืนหลวงพ่อตามที่เคยให้คำมั่นกันไว้เมื่อ 2 ปีที่แล้ว" จากนั้นตาชีปะขาวก็ลากลับ หลวงพ่อมีเห็นว่าเย็นมากแล้วจึงบอกให้ท่านพักที่วัดคืนหนึ่งก่อน แต่ท่านบอกว่าไม่เป็นไรแล้วลากลับออกจากกุฏิไป พอหลวงพ่อมีตามออกมาส่ง ตาชีปะขาวก็ยังบอกอีกว่า "หลวงพ่อไม่ต้องเป็นห่วงผมกลับไปเองได้" เมื่อชีปะขาวประหลาดเดินไปตามทางพื้นกระดานตรงไปที่ศาลาการเปรียญหลังใหญ่ที่หลวงพ่อปานท่านมาสร้างไว้ หลวงพ่อมีก็เดินตามไปถามพระและศิษย์วัดหลายคนที่นั่งอยู่ภายในบริเวณนั้น ก็ได้รับคำปฏิเสธว่า ไม่เคยเห็นใครแต่งตัวด้วยชุดขาวเดินผ่านมาในบริเวณนั้นเลย นอกจากเห็นหลวงพ่อมีเดินมาแต่ไกลเพียงองค์เดียวเท่านั้น
    หลวงพ่อมีเดินกลับขึ้นกุฏิจุดธูปเทียนอธิษฐานขอให้ตาชีปะขาว ซึ่งมีอายุมากแล้วให้กลับออกจากวัดโดยสะดวก และในขณะนั้นก็มีเสียงของตาชีปะขาวแว่วลอยมาตามลมเข้ามาทางหน้าต่างบอกหลวงพ่อมีว่า
    "หลวงพ่อไม่ต้องเป็นห่วง ผมกลับถึงที่แล้ว ยินดีด้วยที่หลวงพ่อไม่มีความอยากได้เปิดดูผ้าขาวก่อนไม่เช่นนั้นท้าวเวสสุวัณก็จะหายไป ผมขออวยพรให้หลวงพ่อปฏิบัติธรรมให้ถึงที่สุด"
    เมื่อสิ้นเสียงตาชีปะขาวที่มาลองใจเงียบหายไป หลวงพ่อมีก็แกะห่อผ้าขาวออกดูก็พบว่า ภายในห่อผ้าขาวมีท่านท้าวเวสสุวัณหล่อด้วยสัมฤทธิ์กลับดำองค์หนึ่งจริงๆ!!

    ปฏิหาริย์ท่านท้าวเวสสุวัณ
    ท้าวเวสสุวัณงาแกะของหลวงพ่อมี นอกจากจะมีอานุภาพความศักดิ์สิทธิ์สูงส่งทางด้านขับภูตผีปีศาจได้ทุกชาติทุกภพเป็นอย่างดีแล้ว วันดีคืนดีท้าวเวสสุวัณจะมาบอกเหตุการณ์ล่วงหน้า หรือบอกโชคลาภให้หลวงพ่อมีโปรดญาติโยมต่อเนื่องในโอกาลอันสำคัญต่าง ๆ ดังนั้นบรรดาลูกศิษย์ของหลวงพ่อมีจึงอยากได้ท้าวเวสสุวัณมาเป็นกรรมสิทธิ์กันทั้งนั้น จึงมีศิษย์บางคนแอบฉวยหยิบเอาไปเองโดยไม่บอกกล่าว แต่ก็ต้องนำมาคืนโดยเร็วเพราะว่า ท้าวเวสสุวัณจะมากวนทำให้นอนไม่หลับทั้งคืน
    เผาไฟไม่ไหม้
    ลูกศิษย์ลูกหาหลายคนของหลวงพ่อมีอยากได้ท้าวเวสสุวัณแกะกันทั้งนั้น แต่ท่านให้ไม่ได้เพราะเป็นของคู่บารมีประจำตัว ซึ่งท่านต้องนำมาใช้ประกอบพิธีในการรักษาโรคภัยไข้เจ็บต่าง ๆ ตลอดจนไว้เฆี่ยนขับผีที่เข้ามาสิงสู่อยู่ในตัวคนกระทำให้เกิดการเจ็บไข้ได้ป่วยต่าง ๆ ขึ้น ลูกศิษย์หลวงพ่อมีกลุ่มหนึ่งจึงขอตัดแบ่งเอางาเพื่อนำไปแกะเป็นองค์ท้าวเวสสุวัณเล็ก เพื่อไว้ใช้บูชากันเอง แต่ก็ไม่สามารถตัดแบ่งออกไปได้เลย แม้แต่เพียงชิ้นเล็กน้อย ซึ่งก็เป็นเรื่องอัศจรรย์มาก เนื่องจากได้ผ่านการทดลองใช้สิ่วตอก ใช้เลื่อยตัด หรือแม้แต่จะไฟแก๊สมาเผา ก็ไม่สามารถแบ่งออกไป

    ในที่สุดหลวงพ่อมีจึงบอกแกศิษย์ทั้งหลายว่า ถ้าท่านไม่ยอมใครจะเอาอะไรตัดก็ไม่ได้ แต่ถ้าท่านยอมใช้ เทียนแท่งเดียวก็ตัดได้แล้ว จากนั้นหลวงพ่อมีก็ให้ศิษย์ผู้หนึ่งจุดเทียนเข้าไปจ่อที่ด้านขวามือของท้าวเวสสุวัณรออยู่เพียงครู่เดียว หลวงพ่อมีก็พูดขึ้นว่า "หลวงปู่พวกลูกศิษย์จะขอชมดูบารมีสักหน่อย"
    พอท่านพูดขาดคำ เสียงระเบิดก็ดังเปรี้ยงขึ้นสนั่นหวั่นไหว เศษงาตกกระจายบนพื้นกระดานหลายชิ้นด้วยกัน งาแกะที่ตอนแรกใช้ไฟแก๊สอันร้อนแรงจี้ยังไม่เป็นอะไร แต่พอหลวงพ่อมีบอกขอชมบารมีท่านท้าวเวสสุวัณเข้าเท่านั้นก็แตกออกดังเปรี๊ยะ จนเป็นตำหนิด้านขวามือของท้าวเวสสุวัณดังภาพที่เห็นอยู่ทุกวันนี้
    ท้าวเวสสสุวัณแกะด้วยงาช้าง นับเป็นของศักดิ์สิทธิ์คู่บารมีบุญหลวงพ่อมีโดยแม้เพราะว่า ถ้ามีใครนำไปจากท่านแล้ว ตัวท่านเองมักจะเกิดความเจ็บไข้ได้ป่วยขึ้น และเมื่อครั้งที่มีลูกศิษย์ขอยืมท่านไปถ่ายภาพ ท่านก็ไม่สบายจริงๆ อยู่หลายวัน พอนำไปคืนให้เท่านั้น อาการป่วยของหลวงพ่อมีก็หายดังปลิดทิ้ง<O:p</O:p
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  18. lekpluto

    lekpluto เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    820
    ค่าพลัง:
    +1,064
    ท่านท้าวเวสสุวัณ ท่านไม่ใช่พญายมหรือพญามัจจุราชดอกขอรับ

    ครับ ถูกต้องแล้วครับ ท่านท้าวเวสสุวัณ ท่านไม่ใช่ "พญายม" หรือ "พญามัจจุราช" ที่ทำหน้าที่ตัดสินลงโทษดวงวิญญาณ และลงโทษ "สัตว์นรก" ใน "นรกภูมิ" เพราะท่านมีวิมานที่สถิตในสวรรค์ชั้นที่หนึ่ง คือ "ชั้นจาตุมหาราชิกา" ด้านทิศเหนือ

    จริง ๆ แล้ว "พญายมราช" หรือ "พระยายมราช" (เขียนได้สองแบบ) ที่ทำหน้าที่ตัดสินลงโทษสัตว์นรก ว่าจะให้ไปอยู่นรกขุมไหน นานเท่าไร ? เป็นเทพองค์หนึ่ง ที่มีวิมานอยู่ใกล้ "นรกภูมิ" เทพองค์นี้ตรงกับเทพของกรีกโบราณ คือ "เทพพลูโต"

    "พญามัจจุราช" หรือ เทพเจ้าแห่งความตาย ทำหน้าที่คร่าวิญญาณสัตว์โลก ที่อยู่ในภพภูมิที่ต่ำกว่ามนุษย์ หรือที่พระพุทธองค์ทรงตรัสเรียกว่า "พญาขันธมาร" นั่นก็เป็นเทพอีกองค์หนึ่ง เทพองค์นี้มีวิมานอยู่กึ่งกลางระหว่าง "มนุษยภูมิ" กับ "สวรรค์ชั้นที่หนึ่ง" ทำหน้าที่ "คร่าวิญญาณ" และ ตัดสินให้วิญญาณนั้น "ขึ้นสวรรค์" หรือ "ลงนรก" ถ้าตัดสินให้ขึ้นสวรรค์ ก็จะนำพาดวงวิญญาณนั้น ส่งให้ "ทูตแห่งสวรรค์" นำขึ้นสู่สรวงสวรรค์ แต่ถ้าตัดสินให้ "ลงนรก" ก็จะส่งให้ "ยมทูต" หรือ "ทูตจากนรก" มารับดวงวิญญาณไปพบกับพญามัจจุราช เพื่อตัดสินอีกครั้งหนึ่งว่า จะให้ลงนรกขุมไหน นานเท่าใด

    ผู้ที่ทำหน้าที่ "คร่าวิญญาณ" มนุษย์และสัตว์โลกที่อยู่บนภพภูมิมนุษย์ทั้งหลาย รวมไปถึง "สัตว์เดรัจฉาน" คือ "ท่านท้าวพระกาฬไชยศรี" และเทพบริวารของท่าน ที่มี "นกแสก" เป็นพาหนะ อยู่ภายใต้การบังคับบัญชาของ "ท่านพญามัจจุราช" ดังจะได้ยินได้ฟังว่า ที่บ้านใดหากมีนกแสกมาเกาะ หรือ ได้ยินเสียงนกแสกร้อง และมีคนป่วยอยู่ ไม่นานนัก บ้านนั้นก็จะมีคนตาย

    ในกรณีที่ผู้ตายเป็นผู้มีบุญบารมีมาก หรือ ทำความชั่วอย่างมาก พญามัจจุราชก็จะให้เกียรติ ด้วยการเสด็จมารับด้วยพระองค์เอง ดังจะเคยได้ยินเนื้อร้องเพลงนำละครเรื่องเงาที่ว่า "ทำดีไปอยู่ที่เท้า นำตัวไปส่งสวรรค์ ทำชั่วไปรอที่หัว นำตัวไปลงโลกันต์"

    สำหรับบทบาทของ "ท้าวจตุโลกบาล" ทั้งสี่พระองค์ และเทพบริวารของท่าน ที่ทำหน้าที่ "จดบัญชีบุญ-บาป" นั้น ท่านก็จะมีเทพบริวารที่ประจำอยู่ในมนุษยภูมิ ทำหน้าที่จดบัญชีบุญ-บาป ของคน ที่เรารู้จักกันดี คือ "ท่านท้าวเจตคุปต์" หรือ "เจ้าพ่อเจตคุปต์" หนึ่งในห้า เทพารักษ์ ที่คอยช่วยเหลืองานของ "พระสยามเทวาธิราช" ในการปกป้องดูแลประเทศไทย และคนไทยทุกคน

    อยากทราบรายละเอียดเพิ่มเติมของเมืองนรก และระบบการคร่าวิญญาณ ไปลงโทษในนรกขุมต่าง ๆ ลองเข้าไปอ่านบทความเรื่อง "พระเกตุ จอมวิปริตอาเพท" ในเวปไซด์สำนักโหรพลูโต ที่ผมเขียนขึ้นมา ๓ ปี แล้ว ตามลิงค์ที่ผมทำไว้ให้ หากมีอะไรสงสัย หรือข้องใจ ก็สอบถามมาได้ ถ้าทราบก็จะตอบให้ แต่ถ้าไม่ทราบ ก็จนใจจริง ๆ และขอให้ผู้อ่านทุกท่าน "อย่าเพิ่งเชื่อ" ไปทั้งหมด จงคิดพิจารณาใคร่ครวญด้วยเหตุผล และสติปัญญาของตนให้ดีเสียก่อน จึงค่อยเชื่อนะครับ

    อีกอย่างหนึ่ง ผู้อ่านทุกท่านสามารถแสดงความคิดเห็นด้วย "เหตุ" และ "ผล" อย่างเต็มที่นะครับ แล้วผู้อ่านท่านอื่น ๆ จะใช้สติปัญญาของเขาพิจารณาเอาเอง ว่าควรเชื่ออย่างไหน เชื่อใคร การแสดงความคิดเห็น ไม่ใช่ ข้อขัดแย้ง และ ไม่ถือเป็นความผิดใด ๆ ครับ

    http://www.lekpluto.org/astrogod/astgd_72.htm<!-- / message -->
     
  19. lekpluto

    lekpluto เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    820
    ค่าพลัง:
    +1,064
    รูปหล่อท้าวเวสสุวัณ หลวงพ่อมี วัดมารวิชัย รุ่น ปี ๒๕๔๐ หน้าเทพ สร้างด้วยกัน ๓ เนื้อ คือ ทองคำ เงิน และนวโลหะ ปลุกเสกพิธีชินบัญชร ทุกวันนี้ของหายากครับ ใครตุนเอาไว้ แบ่ง ๆ กันบ้างเน้อ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 24 พฤษภาคม 2008
  20. lekpluto

    lekpluto เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    820
    ค่าพลัง:
    +1,064
    รูปหล่อท้าวเวสสุวัณ ของ หลวงปู่หมุน พระเกจิอาจารย์ ๕ แผ่นดิน
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • _.jpg
      _.jpg
      ขนาดไฟล์:
      20.4 KB
      เปิดดู:
      246
    • _.jpg
      _.jpg
      ขนาดไฟล์:
      27.2 KB
      เปิดดู:
      238
    • _.jpg
      _.jpg
      ขนาดไฟล์:
      29.8 KB
      เปิดดู:
      237
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...