ทำไมชีวิตเราจึงมีแต่เรื่อง พุทธเจ้าบอกว่าเพราะเพื่อนรึเปล่า

ในห้อง 'พุทธศาสนา และ ธรรมะ' ตั้งกระทู้โดย MonYP, 14 กรกฎาคม 2017.

  1. MonYP

    MonYP เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    1,369
    กระทู้เรื่องเด่น:
    32
    ค่าพลัง:
    +766
    เรื่องไม่ดีต่าง ๆ ที่เข้ามาในชีวิตเรา บางคนก็โทษดวงโทษกรรมจากชาติปางก่อน หรือบางคนเราเห็นว่า "ไอ้คนนี้มันก็ไม่เห็นเก่งอะไรเลยแต่ทำไมมันได้ดิบได้ดีดีวันดีคืน" สิ่งที่เรามองข้ามกันคือ "เพื่อน" คนจะดีจะชั่วโดยมากมักจะเป็นเพราะเพื่อน เช่น เพื่อนชวนสูบบุรี่,ชวนโดนเรียน พระพุทธเจ้าตรัสว่า "เพื่อนเป็นทั้งหมดของชีวิต" (พาลบัณฑิตสูตร) และได้ทรงแนะเพือนที่ไม่ควรคบไว้ ดังนี้

    คนปอกลอก มีลักษณะ ๔ อย่าง คือ

    ๑. คิดเอาแต่ได้ฝ่ายเดียว คนประเภทนี้เป็นคนเห็นแก่ตัว คิดเอาแต่ได้

    ๒. ยอมเสียน้อย หวังจะเอามาก พวกนี้ปกติเห็นแก่ตัว แต่พอเห็นช่องว่าจะได้ก็ทำเป็นสปอร์ต แหย่เชื้อไว้หน่อยเพราะหวังว่าจะเอาประโยชน์ใหญ่ ปกติไม่ยอมให้อะไรใคร ขี้เหนียว เห็นแก่ตัว แต่เมื่อไรอยากได้ประโยชน์ถึงจะยอมให้

    ๓. ตัวมีภัยจึงมาช่วยทำกิจของเพื่อน อยู่ดี ๆ ไม่ค่อยช่วยใครเพราะว่าเห็นแก่ตัว เอาแต่ตัวเองอย่างเดียว แต่เมื่อไรจะมีภัยมาถึงตัว หวังจะให้เขามาช่วยตัวเอง ก็จะทำเป็นกุลีกุจอไปเอาอกเอาใจเขา ไปช่วยเขา

    ๔. คบเพื่อนเพราะเห็นแก่ผลประโยชน์เพื่อนคนนี้รวย เพื่อนคนนี้พ่อเขาใหญ่ มีเส้นมีสาย มีทางที่จะสนับสนุนให้ตนก้าวหน้า ก็ไปคบกับเขา เพราะเห็นแก่ประโยชน์ ไม่ได้มีความรักใคร่จริงใจ

    ทั้ง ๔ อย่างนี้ คือ ลักษณะของคนปอกลอก แล้วเวลาตรวจสอบอย่าไปมัวแต่ตรวจสอบคนอื่น ต้องตรวจสอบตัวเราด้วยว่าเราเข้าข่ายตรงไหนบ้างหรือเปล่า คนส่วนใหญ่จะมีบางข้อมากบางข้อน้อยผสมกัน แม้แต่ตัวเราก็เช่นเดียวกัน ให้ดูว่าเรามีข้อไหนบ้างดีกรีแก่อ่อนอย่างไรจะได้เอามาปรับปรุงตัวเราให้สมบูรณ์ขึ้น

    คนดีแต่พูด มีลักษณะ ๔ อย่าง คือ

    ๑. ดีแต่ยกเรื่องที่ผ่านไปแล้วมาปราศรัย ผ่านไปแล้ว ๓ เดือน ๖ เดือน บางที ๑๐ ปี เอามาพูดอยู่นั่น แล้วก็มักจะคุยแบบบิดไปนิด ๆ เช่น เคยช่วยใครนิดหน่อยสัก ๕ เปอร์เซ็นต์เอามาพูดเสียอย่างกับช่วย ๙๙ เปอร์เซ็นต์เลยคุยซ้ำแล้วซ้ำเล่า ยกแต่เรื่องในอดีตมาคุย

    ๒. ดีแต่อ้างเรื่องที่ยังไม่มีมาปราศรัย เรื่องยังมาไม่ถึง เอามาคุยว่าต่อไปจะอย่างนั้นอย่างนี้ เช่น ถ้าเรารวยเราจะทำอย่างนั้นอย่างนี้ให้เธอคือ คุยเรื่องข้างหน้า เรื่องอนาคตที่เลื่อนลอย

    ๓. สงเคราะห์ในสิ่งที่หาประโยชน์ไม่ได้ จะให้อะไรใครก็เอาของที่ไม่มีประโยชน์มาให้ ทำเหมือนใจกว้าง เอามาแบ่งให้ คนรับไปก็ไม่รู้จะเอาไปทำอะไรเหมือนกัน ๔. เมื่อเพื่อนมีกิจอ้างแต่เหตุขัดข้อง ถึงคราวเพื่อนจำเป็นจริง ๆต้องการความช่วยเหลือ ก็จะเผอิญท้องไม่ดีเผอิญพ่อป่วย เผอิญติดงานนั้นงานนี้ เผอิญมีเหตุจำเป็นที่ช่วยไม่ได้ อ้างสารพัดอย่างสุดท้ายคือไม่ช่วย

    คนหัวประจบ มีลักษณะ ๔ อย่าง คือ

    ๑. จะทำชั่วก็คล้อยตาม เราจะไปทำอะไรไม่ดีก็ไม่ขัดคอเลย ยอตะบัน
    ๒. จะทำดีก็คล้อยตามเราจะทำดีก็เออออห่อหมก ไม่ขัดคอเลย ประจบอย่างเดียว
    ๓. ต่อหน้าสรรเสริญ
    ๔. ลับหลังนินทา

    คนหัวประจบต่อหน้าดีทุกอย่าง ไม่มีขัดคอเลย เรียกว่าผสมกลมกลืนทุกอย่าง แต่พอลับหลังไปพูดอย่างนั้นอย่างนี้ นี้แหละเพื่อนที่มีลักษณะหัวประจบ เอาเป็นหลักเป็นฐานอะไรไม่ได้ และจะทำให้เราพลาดไปในทางที่เสียหายได้

    คนชวนฉิบหาย มีลักษณะ ๔ อย่าง คือ

    ๑. คอยเป็นเพื่อนดื่มน้ำเมา เพื่อนพวกนี้เฮไหนเฮนั่น
    ๒. คอยเป็นเพื่อนเที่ยวกลางคืน จะไปบาร์ ผับ คาราโอเกะ ไปด้วย
    ๓. คอยเป็นเพื่อนเที่ยวดูการละเล่น จะไปคอนเสิร์ต จะไปเล่นเกมอะไรอย่างไรไปด้วย เรียกว่าถึงไหนถึงกัน
    ๔. คอยเป็นเพื่อนไปเล่นการพนัน จะไปพนันบอล พนันม้า พนันอะไรก็ตาม ไปด้วยตลอดพวกนี้พูดง่าย ๆ ว่าชวนไปยุ่งกับอบายมุข ถ้าเพื่อนเราคนไหนมีลักษณะชวนไปยุ่งกับพวกอบายมุข ทั้งดื่มน้ำเมา เที่ยวกลางคืน ดูการละเล่นเป็นนิจ แล้วก็เล่นการพนัน ให้รู้ไว้ว่านั้นคือ เพื่อนชวนฉิบหาย

    ถ้าเพื่อนที่เราคบอยู่มีลักษณะแบบนี้ ก็ควรพิจารณาให้ดี ถ้าไม่มีอะไรดีขึ้นซ้ำแล้วคบกันก็มีแต่เรื่อง เราก็ควรหลีกหนีเสีย

    ขอบคุณหนังสือ ๑ใน๘,๔๐๐๐
    ขอบคุณข้อความบางส่วนจากลานธรรมจักร
    ขอบคุณ DMCTV
     

แชร์หน้านี้

Loading...