ทำไมจึงต้อง ลอยกระทง เรื่องที่ควรรู้ แนะนำโดย องค์หลวงพ่อฯ

​

วันที่ 24 พฤศจิกายน 2550​

เป็นวันที่ตรงกับ วันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 12
อันเป็นวัน เวลา ที่เกี่ยวข้องกับประพเพณีที่สำคัญ ของพวกเรา​

คือ วันลอยกระทง​

ทีเวียนมาอีกวาระหนึ่ง
พวกเราคงจะตัดสินใจ ไปร่วมลอยกระทงกัน​

แต่ทว่า การลอยกระทง นี้ เรารู้ถึงประวัติ และจุดประสงค์ อย่างไรกันบ้าง​

......................................................................................​

 

​

ลอยกระทง ตามคติ และความเชื่อ โดยทั่วไป

เป็นประเพณีความเชื่ออันดี สืบ ๆ กันมา ในลักษณะที่ว่า....

วันลอยกระทง ตรงกับวันขึ้น 15 คำ เดือน 12
เป็นประเพณีลอยกระทงมีมาตั้งแต่สมัยสุโขทัย ประมาณ 700 ปี มาแล้วประเพณีลอยกระทงได้เข้าสู่ประเทศไทยในสมัยกรุงสุโขทัยเป็นราชธานี
ประมาณ พ.ศ. 1800

ดังปรากฏในหนังสือ นางนพมาศ ผู้เป็นพระสนมเอกของพระร่วงเจ้าว่า....

"ครั้นวันเพ็ญเดือน 12 ข้าน้อยได้กระทำโคมลอย คิดตกแต่งให้งามประหลาดกว่าโคมสนมกำนัลทั้งปวง จึงเลือกผกาเกสรสีต่างๆ มาประดับเป็นรูปกระมุทกลีบบานรับแสงจันทร์ใหญ่ประมาณเท่ากงกระแทะ ล้วนแต่พรรณดอกไม้ซ้อน สีสลับ ให้เป็นลวดลาย..."

เมื่อสมเด็จพระร่วงเจ้า ได้เสด็จฯทางชลมารค ทอดพระเนตรกระทงของนางนพมาศ ก็ทรงพอพระราชหฤทัย จึงมีพระราชโองการฯ ให้จัดพิธีลอยกระทงเป็นประจำทุกปี ในคืนวันเพ็ญเดือนสิบสองพระราชพิธีนี้ จึงได้ถือปฏิบัติเป็นประจำ จนกระทั่ง บัดนี้.

อ้างอิงจาก....
http://www.thaigoodview.com/library/teachershow/poonsak/loykratong/index.html

......................................................................................................................<O</O

 

​

บ้างก็ให้เหตุผลของการลอยกระทง ว่า....

ประเพณีลอยกระทงมีมานานจนสืบประวัติไม่ได้ และไม่มีในคัมภีร์ทางศาสนาเสฐียรโกเศศ (พระยาอนุมานราชธน) ได้ค้นคว้าที่มาของประเพณีลอยกระทงไทยทุกภาคตลอดจนถึงประเทศใกล้เคียงคือ พม่า กัมพูชา จีน อินเดีย ได้ความว่ามีประเพณีลอยกระทงทุกประเทศด้วยเหตุผลต่างๆ กัน

สรุปเหตุผลของการลอยกระทงในประเทศไทยดังนี้

1. เพื่อขอขมาแม่คงคา เพราะได้อาศัยนำท่านกินและใช้ และอีกประการหนึ่งมนุษย์มักจะทิ้งและถ่ายสิ่งปฏิกูลลงไปในนำด้วย

2. เพื่อสักการะรอยพระพุทธบาทนัมมทานที ซึ่งประพุทธเจ้าทรงประทับรอยพระบาทประดิาฐานไว้บนหาดทรายที่แม่น้ำนัมมทานที ในประเทศอินเดีย

3. เพื่อลอยทุกข์โศกโรคภัย และสิ่งไม่ดี คล้ายกับพิธีลอยบาปของพราหมณ์

4. เพื่อบูชาพระอุปคุต ชาวไทยภาคเหนือให้ความเคารพแกพระอุปคุตอย่างสูง ซึ่งตามตำนานเล่าว่าเป็นพระมหาเถระรูปหนึ่งที่มีอิทธิฤทธิ์มากสามารถปราบพญามารได้

การลอยกระทงไม่มีพิธีรีตอง เพียงแต่ขอให้มีกระทงจะทำด้วยอะไรก็ได้ เช่น ใบตอง การกล้วย กาบพลับพลึง เปลือกมะพร้าว กระดาษ จุดธูปเทียนปักที่กระทงแล้วอธิษฐานตามที่ตนปรารถนา เสร็จแล้วจึงลอยไปที่แม่นำลำคลอง

อ้างอิงจาก....
http://www.thaigoodview.com/library/studentshow/st2545/5-5/no27/loykratong.html

...................................................................................................

 

​

บ้าง ก็ว่ารายงานไว้ว่า....

จุดมุ่งหมายของการลอยกระทง

ตามความเชื่อของพุทธศาสนิกชนชาวไทยตั้งแต่ครั้งโบราณ สรุปได้ 3 ประการ คือ

1. เชื่อว่า เป็นการบูชาสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าวิธีหนึ่ง โดยใช้น้ำที่ไหลไปเป็นพาหนะนำกระทง ดอกไม้ ธูป เทียน ไปสักการะพระองค์ท่าน โดยจินตนาการ ประกอบกับเป็นช่วงฤดูน้ำหลากพระจันทร์ เต็มดวง ในคืนวันเพ็ญเป็นบรรยากาศ ที่ทำให้คนในสมัยก่อน ซึ่งยึดมั่นในพระพุทธศาสนาอย่างแน่นแฟ้น เกิดความสุขสงบเป็นพิเศษ จึงได้จัดพิธีบูชาพระพุทธคุณ ด้วยกระทง ดอกไม้ ธูป เทียน พร้อมกับ งานรื่นเริง อื่น ๆ

2.เชื่อว่า เป็นการลอยความทุกข์โศกของตน ที่มีอยู่ ให้ออกไปจากตัวกับสายน้ำที่ไหลไปนั้นพร้อมกับตั้งจิตอธิษฐานขอพรกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์ให้ตน และครอบครัวได้รับแต่สิ่งที่ดี

3.เชื่อว่า เป็นการขอขมาต่อน้ำ โดยเฉพาะแม่น้ำลำคลอง ซึ่งมีคุณอย่างอเนกอนันต์ต่อคนสมัยก่อน ทั้งเรื่องใช้อาบชะล้างสิ่งต่าง ๆ ประจำวัน รวมทั้งการเพาะปลูก การคมนาคม ถือว่าเป็นการกระทำล่วงเกิน ทำให้น้ำสกปรก จึงได้ทำพิธีขอขมาอย่างเป็นพิธีการอย่างน้อยปีละครั้ง

ประเพณีลอยกระทง เป็นประเพณีที่มีคุณค่าต่อ ครอบครัวชุมชน สังคม และศาสนา

กล่าวคือ
๑. คุณค่าต่อครอบครัว ทำให้สมาชิกในครอบครัวได้ทำ กิจกรรมร่วมกัน เช่น การประดิษฐ์กระทง แล้วนำไปลอยน้ำ เพื่อแสดงความกตัญญูกตเวทีต่อน้ำที่ให้คุณประโยชน์แก ่เรา บางท้องถิ่นจะลอยเพื่อเป็นการแสดงความระลึกถึงบรรพบุรุษอีกด้วย

๒. คุณค่าต่อชุมชน ทำให้เกิดความสมัครสมานสามัคคี ในชุมชนเช่น ร่วมกันคิดประดิษฐ์กระทงเป็นการส่งเสริมและ สืบทอดศิลปกรรมด้านช่างฝีมืออีกด้วย ทั้งยังเป็นการพบปะ สังสรรค์ สนุกสนานรื่นเริงบันเทิงใจร่วมกัน

๓. คุณค่าต่อสังคม ทำให้มีความเอื้ออาทรต่อสิ่งแวดล้อม ด้วยการช่วยกันรักษาความสะอาดแม่น้ำ ลำคลอง โดยการขุดลอก เก็บขยะในแม่น้ำลำคลองให้สะอาด และไม่ทิ้งสิ่งปฏิกูลลงไป ในแม่น้ำลำคลองอีกด้วย

๔. คุณค่าต่อศาสนา ช่วยกันรักษาทำนุบำรุงศาสนา เช่น ทางภาคเหนือ ลอยกระทงเพื่อเป็นการบูชารอยพระพุทธบาทของ พระพุทธเจ้า และยังจัดให้มีการทำบุญให้ทาน การปฏิบัติธรรม และฟังเทศน์ด้วย

กิจกรรมที่ปฏิบัติกันอยู่ในปัจจุบัน
๑. การทำความสะอาดแม่น้ำ ลำคลอง เช่น ขุด ลอก คูคลอง
๒. การทำบุญให้ทาน
๓. การปฏิบัติธรรม การฟังเทศน์
๔. การประดิษฐ์กระทงใหญ่ กระทงเล็ก
๕. การจัดกิจกรรมการประกวดต่าง ๆ เช่น การประกวด กระทง การประกวดนางนพมาศ ประกวดโคมลอย
๖. การจัดขบวนแห่กระทง
๗. การนำกระทงไปลอยในแม่น้ำ
๘. การปล่อยโคมลอย
๙. การจุดดอกไม้ไฟ ประทัด หรือพลุ เพื่อเป็นการ เฉลิมฉลอง
๑๐. การละเล่นรื่นเริง ตามท้องถิ่นนั้น ๆ

กิจกรรมที่เบี่ยงเบนไป

๑. การจุดดอกไม้ไฟ ประทัด หรือพลุ โดยเฉพาะเด็กและ วัยรุ่นจุดเล่นกันอย่างคึกคะนองไม่เป็นที่เป็นทาง ไม่ระมัดระวัง จุดเล่นตามถนนหนทาง โดยไม่คำนึงถึงอันตรายที่จะเกิดแก่ผู้คน และยวดยานที่สัญจรไปมาและอาจเป็นสาเหตุให้เกิดเพลิงไหม้ บ้านเรือนได้

๒. การประกวดนางนพมาศ ให้ความสำคัญมากเกินไป ถือเป็นกิจกรรมหลักของประเพณี ซึ่งแท้ที่จริงแล้วไม่ใช่แก่นแท้ ของประเพณีเลย เป็นเพียงกิจกรรมที่เสริมขึ้นมาภายหลังเพื่อให้ เกิดความสนุกสนานและเป็นสิ่งดึงดูดนักท่องเที่ยว

๓. การประดิษฐ์กระทง สมัยก่อนใช้วัสดุพื้นบ้านหรือ ตามธรรมชาติ เช่น ทำจากใบตอง หยวกกล้วย ซึ่งเป็นวัสดุที่ ย่อยสลายง่าย แต่ปัจจุบันกลับนิยมใช้วัสดุโฟม ซึ่งย่อยสลายยาก ทำให้แม่น้ำลำคลอง สกปรก เน่าเหม็น เกิดมลภาวะ

อ้างอิงจาก....
http://www.thaigaming.com/general-discussion/thread-8073.html

...................................................................................................

 

​

หากเมื่อ พิจารณาโดยภาพรวม....

ก็อาจจะมีข้อคิดเห็น คติ และความเชื่อ แตกต่างกันอกไปบ้าง

เด็ก ๆ และเยาวชน ที่จะเจริญวัยขึ้นมา
การปลูกฝั่ง ความรู้ ความเข้าใจ อันจะเป็นพื้นฐานแห่งความเข้าใจ
ที่จะถูกต้อง จะเป็นอย่างไรกัน....

นานา อาริยประเทศ ที่เข้ามาปะทะสัมพันธ์ กับพวกเราชาวไทย
จะอธิบาย ให้พวกเขาทั้งหลาย ให้เข้าใจ ไปในทางเดียวกัน อย่างไรกันแน่....

...................................................................................

 

​

เรื่องความเป็นของประวัติ
และจุดประสงค์ ของการลอยกระทง และโคมลอยฟ้า

เคยได้รับฟังจากองค์หลวงพ่อฯ มาแล้ว ว่า....
เป็นการบูชา รอยพระพุทธบาท ที่แม่น้ำอโนมานที ณ เกาะแก้วพิสดาร
ที่พญานาค ขอให้ทรงประทับรอยไว้ เพื่อถวายการกราบบูชา

และเพื่อเป็นการบูชาพระเขี้ยวแก้ว ณ พระจุฬามณี เจดีย์สถาน
ที่ดาวดึงสเทวโลก

พอดี ต้นเดือนที่ผ่านมา วันคล้ายวันเกิดขององค์หลวงพ่อฯ
ไม่ได้ไปร่วมงานบุญ แต่ก็ได้ฝากปัจจัยให้กับน้อง ๆ ไปร่วมงานบุญ
เพื่อบูชาพระคุณพ่อฯ อันเป็นที่เคารพยิ่ง....

ต่อมา น้อง ๆ ก็นำ ล๊อคเกต และหนังสือมาให้....
ก็พบเนื้อหา และคำสอน ขององค์หลวงพ่อฯ เกี่ยวกับเรื่อง การลอยกระทง

ก็เลยคิดว่า น่าที่ตจะนำมาให้พวกเราได้สดับ รับฟัง
และศึกษา ใคร่ครวญ

ด้วยคิดว่า จะก่อให้เกิดเป็นประโยชน์แก่พวกเราโดยตรง

และแอบมุ่งหวังในแนวลึก ว่า อาจจะเป็นประโยชน์ต่อการแนะนำ
การสอนสั่ง การอบรม สำหรับเยาวชน อัน เป็น หัวใจ ของชาติ
ในอนาคต.

..................................................................................

 

จาก หนังสือ "ธรรมปฏิบัติ เล่ม 14" หน้า ที่ 13

.....................................................................................​

 

จาก หนังสือ "ธรรมปฏิบัติ เล่ม 14" หน้า ที่ 14

......................................................................................​

 

จาก หนังสือ "ธรรมปฏิบัติ เล่ม 14" หน้า ที่ 15

......................................................................................​

 

จาก หนังสือ "ธรรมปฏิบัติ เล่ม 14" หน้า ที่ 16

......................................................................................​

 

จาก หนังสือ "ธรรมปฏิบัติ เล่ม 14" หน้า ที่ 17

......................................................................................​

 

จาก หนังสือ "ธรรมปฏิบัติ เล่ม 14" หน้า ที่ 18

......................................................................................​

 

จาก หนังสือ "ธรรมปฏิบัติ เล่ม 14" หน้า ที่ 19

......................................................................................​

 

ปีนี้ พวกเรามีโอกาส ร่วมงานบุญ....

กฐิน 7 วัด เชียงใหม่ ลำพูน ตาก
และร่วมลอยกระทง ณ ทะเลสาบเหนือเขื่อนภูมิพล

http://palungjit.org/showthread.php?t=93690

.....................................................................................

 

sawasdee p mahahin ... I love kratong festival. Thank you for your information. bye bye..

 

โอ้โฮ.. กระทู้นี้ ไม่น่าเชื่อว่า จะเป็นที่สนใจมาก ของมหาชน....

มี 2 นางนพมาศ มี....

1. นพมาศ MaLi

กับ 2. นพมาศpannarai<SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_765834", true); </SCRIPT> เท่านั้น เอง

​

นี่ก็กำลัง "พับดอกบัว" สรรค์สร้าง "กระทงงามตา" ใช่เป่าาาาา....

...................................................................................

เหอ.. เหอ.. ประเพณีไทย ไม่ค่อยเป็นที่นิยม

ขนบธรรมเนียม ประเพณี อันดี หากเสื่อมถอย หายไป
ชาติไทย ก็ทรงอนู่ไม่ได้

ก็ไม่รู้ว่า ใคร หรือ ผู้นำไหน จะเข้าใจ....
นอกจาก อำนาจ และเงินตรา....

โอ้.. เหนื่อย รอจนเหนื่อยแล้ว....
เมื่อไรหนอ ที่ไทยจะถึงยุค ไทยศรีวิลัย....

องค์หลวงพ่อฯ เคยกล่าวไว้ ในทำนอง ว่า....

"..ในสมัยกลางของรัชกาล ที่ 10 คนไทยก็จะรวย เนื่องด้วยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 ปูพื้นฐานไว้ดีแล้ว และก็เป็นบุญบารมีของรัชกาลที่ 10 ด้วย เช่นกัน"

ก็เป็นที่พอปลอบประโลมใจ ได้บ้าง....

แต่.. ก็ไม่รู้ว่า เรา จะตายเสียก่อน ที่จะได้เห็น หรือเปล่าก็ไม่รู้....

...................................................................................

 

อนุโมทนา สาธุ


น่าเสียดายครับ ปัจจุบันคนส่วนใหญ่รู้ว่าลอยกระทง เพื่อขอขมาแม่น้ำ แต่จริงแล้วมันเป็นการขอขมาสิ่งที่เป็นมงคลสูงสุดของชาวพุทธ

 

วันขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๑๒ เป็นวันคล้ายวันปรินิพพานของท่านพระสารีบุตร ด้วยครับ

ขออนุโมทนาบุญด้วยครับ<O</O
สาธุ สาธุ สาธุ ให้ดังไปถึงพระนิพพาน<O</O

 

......................................................................................

โอ้.. ดีครับ เป็นการรำลึกนึกถึง พระอาริยสาวกฝ่ายขวา
นับได้ว่า เป็นสังฆานุสสติ ตามที่องค์หลวงพ่อฯ แนะนำ

คุณความดีของพระสารีบุตร

พระสารีบุตรท่านมีคุณความดีที่พระพุทธองค์ทรงยกย่องไว้มากมาย
ขอยกมาเฉพาะบางเรื่องที่สำคัญๆ ดังต่อไปนี้

1. พระพุทธองค์ทรงยกย่องพระสารีบุตรว่า เป็นผู้มีปัญญาอนุเคราะห์เพื่อนบรรพชิตด้วยกัน ตัวอย่างครั้งหนึ่งที่กรุงเทวทหะ ภิกษุพากันเข้าไปเฝ้าพระพุทธองค์ ทูลลาจะไปปัจฉาภูมิชนบท พระองค์ตรัสให้ไปลาพระสารีบุตร เพื่อท่านสารีบุตรจะได้แนะนำสั่งสอน ในการไปของพวกเธอ จะได้ไม่เกิดความเสียหาย
2. ทรงยกย่องพระสารีบุตรว่าเป็นคู่กับพระมหาโมคคัลลานะ เช่น ทรงตรัสกับภิกษุทั้งหลายว่า ภิกษุทั้งหลาย ท่านทั้งหลายคบกับสารีบุตรและโมคคัลลานะเถิด ... สารีบุตรเปรียบเหมือนมารดาผู้ให้กำเนิด โมคคัลลานะเปรียบเหมือนนางนม ผู้เลี้ยงทารกที่เกิดแล้วนั้น สารีบุตรย่อมแนะนำให้ตั้งอยู่ในโสดาปัตติผล โมคคัลลานะแนะนำให้ตั้งอยู่ในคุณเบื้องบนสูงกว่านั้น ด้วยเหตุนี้จึงมีคำยกย่องว่า พระสารีบุตรเป็นอัครสาวกฝ่ายขวา และพระโมคคัลลานะเป็นอัครสาวกฝ่ายซ้าย
3. มีคำเรียกยกย่องพระสารีบุตร อีกอย่างหนึ่งว่า พระธรรมเสนาบดี ซึ่งเป็นคู่กับพระบรมศาสดาว่า พระธรรมราชา
4. พระสารีบุตรเป็นผู้มีปฏิภาณในการแสดงพระธรรมเทศนา คือ ชี้แจงแสดงให้ผู้ฟังเข้าใจได้ชัดเจน
5. ท่านเป็นผู้มีความกตัญญูกตเวที พึงเห็นตัวอย่างได้จาก เมื่อท่านได้ฟังธรรมเทศนาที่พระอัสชิแสดง ได้ธรรมจักษุแล้วมาอุปสมบทในพระพุทธศาสนา ตั้งแต่นั้นมาท่านก็นับถือพระอัสสชิว่า เป็นอาจารย์ทำการเคารพอยู่เสมอ แม้ได้ยินข่าวว่าพระอัสชิอยู่ในทิศใด เมื่อท่านจะนอน ท่านจะนมัสการไปทางทิศนั้นก่อน แล้วนอนหันศีรษะไปทางทิศนั้น อีกตัวอย่างหนึ่ง ท่านพระสารีบุตรยังราธพราหมณ์ให้อุปสมบท เพราะระลึกถึงคุณที่ราธพราหทณ์ ได้ถวายบิณฑบาตแก่ท่านเพียงทัพพีเดียว
6. ก่อนที่ท่านจะนิพพาน ท่านพระสารีบุตรพิจารณาเห็นว่าอายุสังขารจวนจะสิ้นแล้ว ปรารถนาจะไปโปรดมารดา (คือ นางสารี) ที่ยังเป็นมิจฉาทิฏฐิอยู่ เมื่อท่านไปถึงบ้านเดิมแล้ว ได้เกิดปักขันทิกาพาธขึ้นในคืนนั้น ในเวลาที่พระสารีบุตรกำลังอาพาธอยู่นั้น ท่านได้เทศนาโปรดมารดา จนนางสารีได้บรรลุโสดาบัน คืนนั้นเป็นวันเพ็ญเดือนสิบสอง พระสารีบุตรก็ปรินิพพานในห้องที่ท่านเกิด รุ่งขึ้นพระจุนทะ(ผู้เป็นน้อง)ได้ทำฌาปนกิจสรีระพระเถรเจ้า เสร็จแล้วเก็บอัฏฐิธาตุ นำไปถวายพระบรมศาสดา ณ พระเชตวันมหาวิหาร กรุงสาวัตถี พระพุทธองค์โปรดให้ก่อเจดีย์ บรรจุอัฏฐิธาตุของพระสารีบุตร ไว้ ณ ที่นั้น การที่บุตรได้ชักนำบุพการี ให้นับถือพระรัตนตรัยเป็นสรณะ จนได้มรรคผล นับเป็นการตอบแทนคุณอย่างยอดเยี่ยม

ก็รวมควบ การรำลึกถึงคุณความดี ไปในการลอยกระทง ยิ่งดีใหญ่

เรื่อง "พระสารีบุตร" ลองคลิกดู ได้ที่....
http://th.wikipedia.org/wiki/พระสารีบุตร

ขอน้อมโมทนา....
สาธุ สาธุ สาธุ....

..................................................................................

 

<TABLE class=tborder id=post767999 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR vAlign=top><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 0px solid" width=175>สังขารไม่เที่ยง<SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_767999", true); </SCRIPT>
สมาชิก



วันที่สมัคร: Aug 2007
สถานที่: นครปฐม
ข้อความ: 383 <!-- Start Post Thank You Hack -->
ได้ให้อนุโมทนา 4,279 ครั้ง
ได้รับอนุโมทนา 2,167 ครั้ง ใน 337 โพส <!-- End Post Thank You Hack -->
พลังการให้คะแนน: 258



</TD><TD class=alt1 id=td_post_767999 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid"><!-- message -->อนุโมทนาสาธุค่ะ
<!-- / message --><!-- sig -->
____________________________________________________________

ใครดี..ใครชั่ว...สืบได้ด้วยกรรม​

</TD></TR></TBODY></TABLE>
................................................................................................................................

ใครดี.. ใครชั่ว... สืบได้ด้วยกรรม

คนทำดี ย่อม....
<TABLE width="80%"><TBODY><TR><TD>[SIZE=+2]อิ[/SIZE]ธ โมทติ เปจฺจ โมทติ
กตปุญฺโญ อุภยตฺถ โมทติ
โส โมทติ โส ปโมทติ
ทิสฺวา กมฺมวิสุทฺธิมตฺตโน . . . ฯ ๑๖ ฯ

คนทำดีย่อมร่าเริงในโลกนี้
คนทำดีย่อมร่าเริงในโลกหน้า
คนทำดีย่อมร่าเริงในโลกทั้งสอง
คนทำดีย่อมร่าเริง เบิกบานใจยิ่งนัก
เมื่อมองเห็นแต่กรรมบริสุทธิ์ของตน

Here he rejoices, hereafter he rejoices,
In both worlds the well-doer rejoices;
He rejoices, exceedingly rejoices,
Seeing his own pure deeds.

อ้างอิง : http://202.44.204.76/dmbot/d016.html

..................................................................................

คนทำชั่ว ย่อม....
อิธ โสจติ เปจฺจ โสจติ
ปาปการี อุภยตฺถ โสจติ
โส โสจติ โส วิหญฺญติ
ทิสฺวา กมฺมกิลิฏฺฐมตฺตโน . . . ฯ ๑๕ ฯ

คนทำชั่วย่อมเศร้าโศกในโลกนี้
คนทำชั่วย่อมเศร้าโศกในโลกหน้า
คนทำชั่วย่อมเศร้าโศกในโลกทั้งสอง
คนทำชั่วย่อมเศร้าโศกเดือดร้อนยิ่งนัก
เมื่อมองเห็นแต่กรรมชั่วของตน

Here he grieves, hereafter he grieves,
In both worlds the evil-doer grieves;
He mourns, he is afflicted,
Beholding his own impure deeds.

อ้างอิง : http://202.44.204.76/dmbot/d015.html

..................................................................................

</TD></TR></TBODY></TABLE>​