"ทำอย่างไรบุญไม่มีวันหมด"

ในห้อง 'สมเด็จโต พรหมรังสี' ตั้งกระทู้โดย miracledharma, 15 มกราคม 2017.

  1. miracledharma

    miracledharma Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 พฤศจิกายน 2016
    โพสต์:
    16
    ค่าพลัง:
    +44


    อย่าคิดว่าบุญของโยมมันมีมากพอ เพราะอะไรจ๊ะ บุญของโยมที่มีแต่ละวันน่ะ มันต้องเอาไปรับอะไรบ้าง รักษากายสังขารให้โยมได้มีกินมีใช้ ไหนบุญโยมจะไปคุ้มครองลูกหลานบริวารอีกเล่าจ๊ะ ไหนบุญที่โยมแผ่ออกไปอีกเล่าจ๊ะ โยมใช้บุญทุกวัน เหมือนโยมใช้เงินทุกวันนั่นเอง แล้วถ้าโยมไม่สร้างขึ้นมาใหม่ แล้วไม่มีวันหมดหรือยังไง มันมีบุญหนึ่งอย่างและมีการใช้เงินอีกหนึ่งอย่างที่ไม่มีวันหมด ทำยังไงล่ะจ๊ะ ทำยังไงบุญไม่มีวันหมด เงินไม่มีวันหมด (ต้องเอามาบริจาคทานเพื่อพระพุทธศาสนาครับ)

    โยมเอาทุนไปต่อทุนสิจ๊ะ ทำยังไงจ๊ะให้มันมีเงินมีทอง โยมก็แผ่บุญอยู่บ่อยๆ สิจ๊ะ โยมแผ่ออกไปน่ะมันก็ไม่ต่างอะไรกับโยมแกงขึ้นมาหม้อหนึ่ง แล้วโยมไปแจกจ่ายชาวบ้านชาวช่องเขา กินไม่มีวันหมดหรอกจ้ะ แต่ถ้าโยมหวงไว้คนเดียว เดี๋ยวก็กินขอดหม้อเป็นรูน่ะ บุญก็มีประมาณว่าอย่างนั้น โยมจงแผ่เมตตาให้กันและกันก่อน ถ้าในหนึ่งที่ที่โยมมากินในหม้อเดียวกันแล้ว อย่าทุบหม้อข้าวหม้อแกงของตัวเอง นั่นเรียกว่าทรพี...ไอ้พวกนี้ไม่ต่างอะไรกบฏหรอกจ้ะ สุดท้ายก็ต้องโทษประหาร แต่คนที่เขาสำนึกได้ นี่แหละจ้ะ เขามีภูมิธรรม มีคุณวิเศษ ไม่สามารถฆ่าให้ตายได้ นอกจากเขาปลงสังขารตัวเอง

    จงเป็นผู้เลือกที่จะกระทำ อย่าให้กรรมทั้งหลายนั้นมาสนองในกรรมที่โยมทำ จงรู้ในกรรมที่โยมได้สร้างขึ้นมา และถ้าเมื่อเชื่อมั่นในพระรัตนตรัยแล้ว ก็อย่าได้กลัว กายนี้แลจงยอมพลีชีพแม้กายลมหายใจสุดท้ายต่อพระศาสนา เมื่อโยมให้ทั้งชีวิตได้ พระศาสนานั้นแลจะดูแลบุคคลนั้นอย่างดี เหมือนที่โยมดูแลบิดามารดาอย่างดีนั้นแหละจ้ะ บุญกุศลเท่ากับว่าโยมนั้นได้อุปการะพระอรหันต์แล้ว จึงมีอานิสงส์มาก ไม่มีวันอดอยาก ไม่มีวันทุกข์ยาก อยากได้อะไรก็จะเป็นสิ่งที่ปราณีตละเอียด แม้เข้าเจริญฌานในสมาธิก็สงบตั้งมั่นได้นาน พิจารณาสิ่งการใดเป็นธรรมแล้วเข้าถึงมีดวงตาเห็นธรรมได้ง่าย นี่เรียกว่าบุญที่อุปการะพระอรหันต์โดยแท้

    ดังนั้น ธรรมใดๆ ก็ตามไม่ว่าใครกล่าวก็ดี สำนักไหนก็ดี พระคุณเจ้ารูปไหนก็ดี หากธรรมนั้นทำให้โยมนั้นเกิดปัญญา แสดงว่าธรรมนั้นมีอุปการะกับโยมคนนั้นมาก ต้องโมทนา ต้องสาธุ และน้อมนำไปปฏิบัติ เข้าใจไหมจ๊ะ ถ้าไม่อย่างนั้นก็ไม่เท่าอะไรกับโยมปรามาสในธรรม ศีลโยมจะบกพร่อง เพราะนั่นเรียกว่ามีอคติแล้ว ดังนั้น ขอให้ตั้งมั่นอยู่ในศีล ศีลนั้นไม่ได้รักษาได้ตลอดเวลา แต่เมื่อใดโยมระลึกได้ ศีลก็คงอยู่ในปัจจุบันภพนั้น ก็เมื่อศีลในขณะนั้นมีแล้ว สมาธิก็จะบังเกิด ปัญญาก็จะบังเกิด รวมแล้วเกิดพระรัตนตรัย เพราะศีลทาน ภาวนา เมื่อบังเกิดแล้วครบองค์สาม จึงเป็นบุญที่ใหญ่ จะเป็นแรงส่งให้โยมนั้นอธิษฐานสำนึกผิดบาปได้ทั้งหลายทั้งปวง จึงเรียกว่าตัดกรรม ให้ตัดที่ใจของโยม แต่ถ้าโยมยังไม่กล้าตัด กรรมจึงหมดไปไม่ได้โดยสิ้นเชิง จึงเรียกว่ากรรมอันใดที่โยมเคยโดนสนองแล้ว ถ้าโยมยังตัดไม่ได้ กรรมนั้นก็จะเวียนมาหาโยมอีก เพราะมันเป็นวัฏฏะ แต่ถ้าโยมไม่ติดใจกันแล้ว กรรมนั้นจะเกิดขึ้นได้อีกไม่มี ถ้ามีก็ไม่ส่งผล

    ดังนั้น กรรมอันใดที่เขาทำกันแล้ว โยมเห็นว่าไม่ดี นั่นคือกรรมของเขา อย่าได้เอามารับและมาใส่ ถ้าโยมไปปรามาสไปท้วงติงในกรรมทั้งหลายทั้งปวง โยมรับกรรมเขามาแล้ว แบ่งโทษแบ่งกรรมเขามาแล้ว ในขณะนี้มีกรรมอยู่อย่างหนึ่งที่ต่อไปจะลุกลามบานปลาย เผาบ้านเผาเมือง เผาวัดวาอาราม เข้าใจไหมจ๊ะ จงวางเฉยให้มาก ใครทำกรรมอันใด ถ้าดีจริง กรรมดีจะรักษา ถ้ามันไม่ดีจริง มันเป็นแค่เปลือก ยังไงมันก็ร้อน อยู่ได้ไม่นาน อย่าได้ไปปรามาสในกรรมใด ถ้ากรรมใดมันร้ายแรงมากในโทษภัย แสดงว่าบุคคลผู้นั้นก็บารมีไม่ธรรมดา ถึงสร้างกรรมนั้นได้ขนาดนั้น เปรียบดังพระเทวทัตที่มาต่อกรต่อองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ท่านก็มีบารมีมากล้นเช่นกัน จึงมาต่อกรองค์สัมมาสัมพุทธเจ้าท่านได้

    แต่นั่นก็เป็นสิ่งที่ไม่สมควร แต่เพราะว่ากรรมที่เคยดำเนินกันมา จึงต้องมาเป็นเช่นนั้น เราแค่รับรู้ แต่อย่าไปติด เพราะเราไม่รู้ได้ว่าอันไหนจริง อันไหนไม่จริง นี่คือสำคัญ โยมศรัทธาได้แต่อย่างมงาย จงจำไว้เมื่อเกิดโทษภัย ไม่มีใครหรอกจ้ะ มีแต่คนนั้นเอาตัวเองรอดทั้งนั้น คนที่จะช่วยเหลือตัวเองรอดได้คือไม่เป็นทุกข์ในสิ่งที่ทำให้เป็นทุกข์ นั่นแหละจ้ะ หากไม่อย่างนั้น มันจะมีการพลีชีพกันขึ้นมา หาประโยชน์ไม่ได้เลย ศรัทธาไม่ได้บอกให้โยมไปตายเพื่อใคร เข้าใจไหมจ๊ะ โยมเก็บชีวิตไว้เถอะจ้ะ มีค่ามหาศาล ถ้าโยมจะตายให้ใครสักทีน่ะ ตายกับผู้ที่มีพระคุณกับโยมดีกว่า มีอานิสงส์มากมายมหาศาล ถ้าตายแล้วไม่เกิดประโยชน์ เก็บชีวิตไว้

    หมาบางตัวยังมีค่ามากกว่า คุณโยมหมาเขายังมีค่ามากกว่า เพราะคุณโยมน่ะบางตัวเขาเกิดมาก็สร้างบารมีเช่นกัน หมาบางตัวไม่เห่าเลย หมาบางตัวเห่าเหลือเกิน ไอ้พวกที่เห่าไม่ค่อยกัดหรอกจ้ะ ใช่ไหมจ๊ะ เพราะมันหมดแรงแล้ว เอาไปเห่า แต่หมาบางตัวที่ไม่เห่า มีบารมี เพราะคนกลัวมันจะกัดหรือเปล่า คนก็เหมือนกัน จะเห่าต่อเมื่ออะไร ก็ต่อเมื่อป้องกันภัยเข้ามาถึงตัวคำรามเสียก่อน ดังนั้น เมื่อยังไม่มีภัยน่ะ อย่าไปอุปาทานให้เป็นกรรม กรรมมันจะมาไว เข้าใจไหมจ๊ะ กรรมมันเกิดได้จากวาจา ใจไปดำริไปคิดแค้น การกระทำด้วยกายยั่วยุ ส่งเสริม ท้าทาย สิ่งเหล่านี้เรียกว่าเป็นกรรมทั้งสิ้น
     

แชร์หน้านี้

Loading...