ทำอย่างไรถึงจะหายกลัวผี (3วิธี)

ในห้อง 'เรื่องผี' ตั้งกระทู้โดย เหมยหลิน, 9 เมษายน 2011.

  1. เหมยหลิน

    เหมยหลิน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    60
    ค่าพลัง:
    +220
    <CENTER>ทำอย่างไรจึงจะหายกลัวผี ( ๓ วิธี ) </CENTER><CENTER>[​IMG]</CENTER><CENTER> </CENTER><CENTER> </CENTER>
    <!--detail--><!--images--><!--images-->ใครบ้างที่ไม่เชื่อเรื่องผี ยกมือขึ้น ! ถ้าถามอย่างนี้อาจจะมีคนยกมือกันเยอะแยะ แต่ถ้าถามว่าใคร บ้างที่จะกล้าอาสาไปเดินในป่าช้าคนเดียวตอนดึก ๆ หรืออาสาไปนอนเล่นในห้องดับจิตหรือในโกดังเก็บศพสักคืนหนึ่ง คิดว่าถ้าถามแบบนี้คนที่ยกมือบอกว่าไม่เชื่อเรื่องผีตะกี้นี้คงจะชักมือหดมือลงเป็นแถว ๆ นี้เป็นเพราะสาเหตุใด ตอบได้ง่าย ๆ ก็เป็นเพราะ "กลัวผี " นั่นเอง



    ความเชื่อเรื่อง "ผี" เป็นความเชื่อของคนไทยมีมาก่อนที่พุทธศาสนาจะเข้ามาสู่สยามประเทศของเรา เสียอีก เป็นความเชื่อที่สืบทอดกันมานานนับพันปี ความกลัวผีจึงเป็นสิ่งที่ฝังรากลึกลงอยู่ในกมลxxxของคนไทย ยากยิ่ง ที่จะถอดถอนความเชื่อนี้ออกไปได้ แม้เราจะชอบอ้างตัวเองว่าอยู่เสมอ ๆ ว่าเป็นคนที่อยู่ยุควิทยาศาสตร์ ก็ตาม



    ความกลัวผีเป็นอันตรายต่อสุขภาพจิต บางคนกลัวมาก ๆ อาจจะถึงกับช็อคตายไปเลยก็ได้ ถ้าจะให้บอกกับตัวเองว่าเราไม่เชื่อเรื่องผี ก็ไม่ไหว เพราะทั้งที่ปากบอกว่าไม่เชื่อ ๆ แต่ใจมันก็ยังหวาดกลัวอยู่ดี เพราะความคิดนี้มันฝังตัวอยู่ในสัญชาติญาณกลัวตายของเรา พูดง่าย ๆ คือ ตราบใดที่ เรายังกลัวตาย ตราบนั้นเราก็ยังคงต้องกลัวผีอยู่นั่นเอง แล้วทีนี้เราจะทำอย่างไรดี



    พุทธศาสนาเข้าใจถึงจิตใจของปุถุชนดี ท่านจึงสอนวิธีคิดชนิดที่สามารถไปสลายความกลัวผีให้หมดลงไปได้ คือทำให้ความกลัวผีลดน้อยลงไป หรือ ถึงกับเลิกกลัวผีไปเลยก็ยังได้ โดยไม่ต้องจำเป็นต้อง ไปเลิกเชื่อเรื่องผีแต่อย่างใด ดังจะขอยกวิธีคิด ๓ วิธีมาอธิบาย ดังต่อไปนี้





    ๑. คิดปรารถนาดีต่อชีวิตทั้งปวง (เมตตา)

    วิธีคิดนี้ง่ายมาก คือสร้างความรักความปรารถนาดีเผื่อแผ่ไปให้แก่ ทุก ๆ ชีวิต โดยจินตนาการให้ความรู้สึก "รัก" นี้แผ่ไพศาลไปทั่วฟ้า มหาสมุทร หรือ ถ้าเป็นสมัยใหม่นี้ ก็ต้องแผ่ไปให้ไกลทั่วแกแล็คซี่ ไม่มีขอบเขต ไม่มีประมาณ ความคิด "เมตตา"เช่นนี้ถ้าคิดได้อย่างต่อเนื่องจนเป็นสมาธิ ก็จะมีพลังมหาศาล สามารถที่จะสลายความกลัวให้หมดไป



    คนที่มีเมตตามาก ๆ สามารถที่จะสร้างอิทธิพลในทางบวกให้แก่ผี เช่นแบ่งปันความดีงาม ให้ผีสางนางไม้พลอยได้รับส่วนบุญกุศลอีกด้วย นี้แสดงถึงอำนาจของเมตตาที่มีอำนาจเหนือผีนั่นเอง



    กล่าวโดยสรุป คนที่มีเจริญเมตตาอยู่ในใจตลอดเวลา จะมีสมาธิดีมาก จนอำนาจภายนอกไม่ สามารถที่จะมาครอบงำหรือหลอกหลอนได้แต่อย่างไร ไปไหนมาไหนสบายใจ ไม่ต้องสะดุ้งกลัว



    วิธีคิดสร้างเมตตา (ในกรณีต้องไปอยู่ในสถานที่น่ากลัว) "ขอให้ทุก ๆ ชีวิต ณ ที่แห่งนี้จงมีความสุข ขอให้สัตว์เล็กสัตว์น้อย ณ ที่แห่งนี้จงสุขกายสุขใจ ขอให้ความรักความปรารถนาดีของฉันจงมีแก่ทุกชีวิต ขอให้ความรักของฉันจงเผื่อแผ่ไปทั่วสกลจักรวาล อย่างไม่มีขอบเขตไม่มีประมาณ ขอให้ต้นไม้ใบหญ้า ทุกต้นทุกใบจงมีความสันติสุข ขอให้ความเป็นมิตรของฉันจงมีแก่ทุก ๆ ชีวิต ณ ที่แห่งนี้ ขอให้ท่านสุขกาย สุขใจ มีสุขภาพจิตใจที่แจ่มใส ขอเผื่อแผ่ความดีงามที่ฉันได้ทำไว้ มอบให้แก่ท่านทั้งหลาย ขอให้ชีวิตทีเศร้าหมองทั้งหลายจงสดใสร่าเริง ขอให้ทุกชีวิตจงมีความสุขใจโดยพลันเทอญ ฯลฯ "



    วิธีคิดให้เกิดเมตตานี้ สามารถจะปรุงแต่งเป็นความคิดต่าง ๆ นานาได้ตามความปรารถนา เพียงแต่ว่า ให้อยู่ในประเด็นหลักของเมตตา คือ แผ่ความรักปรารถนาดีไปยังสรรพสัตว์อย่างไม่มีขอบเขตไม่มีประมาณ เท่านั้นเอง



    อนึ่ง คนที่ชอบฝันร้าย หากรู้จักแผ่เมตตาก่อนนอน ก็จะฝันดี มีความสุขทั้งตอนหลับและตื่น หาก ปฏิบัติได้เป็นประจำก็ดีเยี่ยมเลยครับ



    (อ่าน กรณียเมตตสูตร สุตตันต.เล่ม ๑๗ ขุททกนิกาย ข้อ ๑๐ หน้า ๑๑ )





    ๒. ความเชื่อมั่นเคารพในความดีงาม (ศรัทธา)

    วิธีนี้ ชาวพุทธที่มีความศรัทธาอยู่แล้วจะได้เปรียบสักหน่อยนะครับ เพราะความ"ศรัทธา" เป็นพลังความคิดอีกชนิดหนึ่งที่สามารถสลายความกลัวให้หมดลงไปได้เช่นเดียวกัน หากท่านศึกษาในประวัติศาสตร์ของศาสนาต่าง ๆ ท่านจะเห็นว่าคนที่มีความศรัทธาในศาสนามาก ๆ เขาจะไม่กลัวแม้แต่ความตาย ความศรัทธาหรือ ความรู้สึกประทับใจ เชื่อมั่น ซาบซึ้งใจ นี้ในทางพุทธศาสนาถือว่าเป็นสิ่งจำเป็นในขั้นต้นของการปฏิบัติธรรม ศรัทธาทำหน้าที่สร้างพลังขับเคลื่อนไปสู่กระบวนการทางปัญญา คือ ก่อนที่ปัญญาจะวิ่งไปได้ บางทีต้องอาศัย พลังศรัทธาคือความเคารพเชื่อมั่นในความดีงามนี้ทำหน้าที่เป็นตัวสร้างช่องทางนำร่องให้ความคิดเดินไปได้ ไม่อย่างนั้นมันคิดไม่ค่อยจะไปเหมือนกัน



    ยกตัวอย่าง ชาวพุทธในสมัยโบราณก่อนที่เขาจะตัดสินใจจะทำอะไร เขาก็ตั้ง นโม..ระลึกถึงคุณของพระพุทธเจ้า อันเป็นสัญลักษณ์ของความดีงาม ความบริสุทธิ์ ความมีปัญญา เพื่อให้จิตใจผ่องใส เมื่อจิตใจดีแล้วเขาก็อาศัยพลังศรัทธานั้นแหละขับเคลื่อนความคิดเชิงเหตุผลต่อไป จนกลายเป็น พลังปัญญาด้วยตัวของมันเอง (ปัญญาพละ) ที่สามารถพึ่งตนเองได้อย่างแท้จริงต่อไป นี้เป็นจุดมุ่ง หมายของศรัทธาในทางพุทธศาสนา



    ผลพลอยได้ของ "ศรัทธา" คือ ช่วยทำไม่ให้กลัวผีได้ด้วยครับ อย่างที่บอกแล้วว่า คนที่ศรัทธามาก ๆ นี่ แม้ "ตาย"ยังไม่กลัวเลย แล้วจะไปกลัวผีได้อย่างไร ดังนั้นหากท่านเกิดความกลัวขึ้น ณ ที่ใด ให้สร้างศรัทธา ขึ้นในใจ ความกลัวผีก็จะหายไปในบัดดล



    วิธีคิดสร้างศรัทธา (เวลาต้องไปอยู่ในที่น่าหวาดกลัว ) ให้หลับตา นึกมโนภาพว่าเรากำลังกราบพระพุทธองค์อยู่ตรงหน้าที่ประทับ พร้อมทั้งระลึกถึงความบริสุทธิ์ของพระองค์ ที่ห่างไกลจากความโลภ โกรธ หลงทั้งมวล (วิสุทธิคุณ) ระลึกถึงความเมตตาอันไม่มีประมาณของพระพุทธองค์ที่รักมวลมนุษย์ชาติดังมารดารักบุตร (เมตตาคุณ) ระลึกถึงปัญญาอันสว่างไสวของพระพุทธองค์ที่ทรงรู้แจ้งสรรพสิ่งในสกลจักรวาล (ปัญญาคุณ) พร้อม ๆ กับ ภาวนา คำว่า " นะโมตัสสะ ภควะโต อรหะโต สัมมา สัมพุทธัสสะ ไปเรื่อย ๆ ให้นึกวาดภาพว่าตัวเองก้มกราบพระพุทธองค์ พร้อมทั้งระลึกถึงพระคุณทั้งสามประการ อยู่เช่นนี้ตลอดเวลา จิตใจของท่านจะเกิดความร่าเริงแจ่มใส ปีติยินดี ความกลัวต่าง ๆ ไม่สามารถที่จะเข้ามากล้ำกรายจิตใจอย่างแน่ นอน



    (อ่าน ธชัคคสูตรที่ ๓ สุตตันต.เล่ม ๗ สังยุตตนิกาย สคาถวรรค ข้อ ๘๖๓ )





    ๓. คิดใฝ่รู้ใฝ่ศึกษา (ฉันทะ)

    อันนี้ใช้พลังปัญญาล้วน ๆ เลย คือความเชื่อมั่นในเหตุผล ในความจริง จิตใฝ่รู้นี้ มีพลังมหาศาล ที่ทำให้เราเกิดความเชื่อมั่นในตนเองจนไม่หวาดหวั่นอะไร คนประเภทนี้ผีหลอกไม่ไหวหรอกครับ เพราะจิตมีกำลังมาก (มีสมาธิ) ดังนั้นคนที่มีความใฝ่รู้จริง ๆ จึงมักจะไม่ค่อยจะเชื่อเรื่องผี และ ไม่กลัวผี คนประเภทนี้ถ้าผีตัวไหนขืนถลำตัวไปหลอกเข้า ผีตัวนั้นคงเป็นต้องโดนวิ่งไล่จับพิสูจน์เป็นแน่ เพราะคนใฝ่รู้เขาจะเข้าไปหาถึงตัวเลย เพื่อจะดูซิว่าผีมันมีสิวกี่เม็ด, เท้าไม่ติดพื้นจริงหรือเปล่า, เสื้อผ้าผีมีเนื้อผ้าเป็นอย่างไร, ผีทำไมต้องพูดช้า ๆ ยานคาง , ทำไมผีถึงชอบทำหน้าเละ ๆ ฯลฯ แล้วผีที่ไหนจะยอมให้พิสูจน์ล่ะครับ คงต้องหนีลูกเดียว เพราะ ผีมันก็ดีแต่เก่งแค่ทำผลุบ ๆ โผล่ ๆ หลอก ๆ หลอน ๆ แต่คนขวัญอ่อนเท่านั้นเอง เจอคนจริงแบบนี้ ผีก็ไม่ไหวเหมือนกันล่ะครับ ..สวัสดี



    (อ่าน ความรู้ในแง่มุมต่าง ๆ ของ "ปัญญา" ที่มีอยู่มากมายมหาศาลในพระไตรปิฎก )





    ........................

    บทความธรรมะจาก
    http://www.budpage.com
     
  2. afseven

    afseven เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กันยายน 2010
    โพสต์:
    782
    ค่าพลัง:
    +510
    อืมเป็นกระทู้ที่ดี ตอนเด็กผมกลัวจนขนหัวลุก แต่พอโตมาเฉยครับ เคยเห็นก็บ่อยไป ทั้ง3ข้อผมทำหมด ผมถือเมตตาเป็นที่ตั้ง เชื่อมั่นในความดีอันนี้เป็นคติประจำใจผม ส่วนข้อสุดท้ายเป็นนิสัยส่วนตัว
    เอ้าใครเสนอข้อคิดกับเพื่อนอีกไม้ครับ เพื่อให้ได้ศึกษากัน
     
  3. ไม่เที่ยง

    ไม่เที่ยง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    386
    ค่าพลัง:
    +500
    เมื่อก่อนเคยเจอผี เเต่ก็ยังไม่หายกลัว เจอตั้งเเต่ตอนเด็ก ๆ ก็มี ล่าสุดมาขอบคุณที่พยายามนั่งกรรมฐานให้ เป็นผู้หญิงมากระซิบข้างหู อยู่ในวัดรักษาศีล 8 พูดว่า ขอบคุณนะ ที่ทำบุญให้ทุกวัน ตกใจ และดีใจ วิญญาณนี่ น่ารักนะ มาขอบคุณให้
     
  4. เเอร์

    เเอร์ สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    4
    ค่าพลัง:
    +2
    :cool::cool:
    น้องผีมีมรรยาทครับ
    ถ้าได้ยินจริงจริงก็เป็นเครื่องรับรองศรัทาเราให้เเน่นมากขึ้นนะครับ
    ว่าการถือศีลปฎิบัติธรรมเป็ฯผลจริง ^^
    มีความสุขนะครับ
     
  5. peerakul

    peerakul เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 ตุลาคม 2009
    โพสต์:
    9,427
    ค่าพลัง:
    +33,493
  6. weruwan

    weruwan เวฬุวัน ว.มุจลินทร์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    106
    ค่าพลัง:
    +537
    นางผู้นี้กล่าวได้ดีแท้
    อันความเมตตานั้นจักทำลายซึ่งทุกสรรพสิ่งที่เป็นกำแพงขวางกัน
    เราเคยกลัวผีเฉกเช่นกันแม้นจักมีเมตตาเพียงไร
    ด้วยเหตุแห่งความกลัวนั้น
    จึงต้องไปพิจารณาอยู่กับสถานที่ที่เรากลัว
    เพื่อจักได้ทำให้แจ้งแห่งปัญญานั้น
    กล่าวคือ
    สมัยหนึ่งเรามีโอกาสบวชได้ ๙ วัน
    เพียวราตรีแรกที่ไปนอนก่อนบวชก็พบพลังงานหนึ่งเข้ามาหา
    แต่เขาหาคุยด้วยไม่
    เมื่อเราถาออกไปว่า "ท่านต้องการในสิ่งใด"
    พลังงานนั้รออกไปจากห้องเลย
    ครั้งรุ่งวันใหม่
    ก้าวห่มผ้ากาสาวพักต์
    เห็นทีจักมิได้การ
    นอนในกุฎิคงไม่ได้ความที่จักชนะความกลัวนั้น
    จึงออกมานอนข้างนอกเลย
    สามราตรีแรกมิได้ความ
    แม้นสวดมนต์กรวดน้ำปานใดก็มิหายกลัว
    สมาธิยิ่งมิได้ความไปใหญ่
    สามราตรีนั้นแม้นห้องน้ำก็มิปวดอันใด
    กลัวแบบนั้นแลท่าน
    กลัวจนมิปวดอันใด
    จนรุ่งสางตีสี่ไปทำวัตรจึงเข้าห้องน้ำ
    บางคืนต้องนอนคลุมโปรงในความมืดนั้น
    ครั้นพอราตรีที่สี่
    เห็นว่าคงมิได้ความในความกลัวที่พึงมี
    ธรรมไปมิถึงไหนมิก้าวหน้าอันใด
    จึงก้าวสู่ความกลัวนั้นด้วยจิตที่ตั้งมั่น
    จนเข้าพบสู่อารามณ์ธรรม
    ลืมตาพบพานว่าตนนี้หนา
    แยกสรรพสิ่งออกจากความมืด
    สิ้นสุดความกลัว
    ออกเดินในป่าเปลี่ยวไปห้องน้ำด้วยจิตที่เบิกบาน
    ทุกพลังงานที่รู้ตน
    ท่านเหล่านั้นน่าสงสารนัก
    ได้แต่เมตตาอุทิศกุศล
    ให้เขาก้าวข้ามสภาวะที่เป็นอยู่
    กล่าวธรรมกล่าวจิตให้ก้าวข้ามภพ
    อย่ายึดติดในเจ้ากรรมผู้ผู้อื่น

    อันความมืดที่มองผ่าน
    แท้จริงหามีสิ่งใดไม่
    เราต่างปรุงแต่งในสิ่งที่มองไม่เห็น
    เมื่อมองไม่เห็นจึงเกิดความกลัวในสิ่งที่จิตปรุง
    อันเมตตาธรรมจักนำพา
    มาซึ่งสรรพสิ่งแห่งความสว่าง
    หากมิรู้ความสงสัยในความมืดนั้น
    เมตตาไปก่อนจักมีเพียงแต่รอยยิ้ม
    แล้วทุกท่านจักแยกสรรพสิ่งออกจากความมืดได้แล
     
  7. ติงติง

    ติงติง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    38,272
    ค่าพลัง:
    +82,730
    คิดว่า.... ถึงเป็นผีเสียเอง ก็ยังกลัวผีอยู่ดี
     
  8. อำนวยกรณ์

    อำนวยกรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 กุมภาพันธ์ 2006
    โพสต์:
    515
    ค่าพลัง:
    +1,931
    [​IMG]
    กลัวผีเหมือนกันค่ะ
     
  9. armchi

    armchi เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    1,631
    ค่าพลัง:
    +2,031
    หากผมมีใครอยู่เป็นเพื่อนสักคนจะไม่คิดถึงเรื่องผีเลยครับผม แต่หากอยู่คนเดียวเวลาขับรถผ่านจุดที่เคยมีอุบัติเหตุมาแล้วหัวใจลงไปอยู่ตาตุ่มทุกทีเลยครับผม
     
  10. Kasem20

    Kasem20 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2011
    โพสต์:
    32
    ค่าพลัง:
    +27
    ตอนเด็กๆผมก็กลัว แต่ตอนนี้ไม่กลัวแล้ว อาจเป็นเพราะเราพบเจออะไรมามาก
    วิธีของผมคือ ไม่ยินดียินร้ายอะไรทั้งหมดทั้งสิ้น
     

แชร์หน้านี้

Loading...