ทำอย่างไรจึงจะรักษาศีล ๕ ตลอดชีวิตได้

ในห้อง 'พุทธศาสนา และ ธรรมะ' ตั้งกระทู้โดย nondanun, 13 มิถุนายน 2010.

  1. nondanun

    nondanun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    5,980
    กระทู้เรื่องเด่น:
    13
    ค่าพลัง:
    +32,611
    <TABLE border=0 cellSpacing=9 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD>
    <TABLE class=alt1 border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>
    ศีลส่งให้สูง ปรุงให้สวย ช่วยให้พ้น





    </TD></TR><TR><TD vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=6 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=top>ศีลห้า เป็นศีลของมนุษย์ ผู้ที่เกิดมาเป็นมนุษย์จะต้องมีศีลห้าบริบูรณ์ ศีลห้าจึงเป็นศีลของมนุษย์
    มีคำถามถามว่า “มีใครรักษาศีลห้าได้ครบถ้วนตลอดชีวิตบ้าง?”โปรดยกมือขึ้น จะเห็นได้ว่าไม่มีคนยกมือ นี่ก็แสดงว่าลำพังแต่ศีลเพียงห้าข้อก็รักษากันไว้ไม่ได้เสียแล้ว!

    พระพุทธองค์ทรงแสดงไว้ว่า “ให้รักษาใจตัวเดียว” ดังในสมัยพุทธกาล ภิกษุรูปหนึ่งในจำนวน ๕๐๐ รูปผู้บวชใหม่ เมื่อบวชแล้วได้ไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคเพื่อขอลาสิกขา โดยกล่าวว่า ศีลของภิกษุมากเหลือเกิน ปฏิบัติไม่ไหว จึงขอลาสิกขา พระพุทธองค์จึงให้ภิกษุรูปนั้นรักษาศีลเพียงข้อเดียว คือให้รักษาใจ พระภิกษุรูปนั้นจึงรับถือศีลข้อเดียวจนได้สำเร็จอริยบุคคล

    หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต ตอบคำถามที่ว่า “ทราบว่าท่านรักษาศีลเพียงข้อเดียว มิได้รักษาทั้ง ๒๒๗ ข้อ เหมือนพระทั้งหลายที่รักษากันใช่ไหม?”

    หลวงปู่ฯ ตอบว่า “ใช่ อาตมารักษาเพียงอันเดียว คือใจ อาตมารักษาใจ ไม่ให้คิดพูดทำในทางผิด อันเป็นการล่วงเกินข้อห้ามที่ทรงบัญญัติไว้จะเป็น๒๒๗ ข้อ หรือมากกว่านั้นก็ตาม บรรดาที่เป็นข้อทรงบัญญัติห้าม อาตมาก็ใจเย็นว่าตนมิได้ทำผิดต่อพุทธบัญญัติ ส่วนท่านผู้ใดจะว่าอาตมารักษาศีล ๒๒๗หรือไม่นั้น สุดแต่ผู้นั้นจะคิด จะพูดเอาตามความคิดของตน เฉพาะอาตมาได้รักษาใจอันเป็นประธานของกาย วาจา อย่างเข้มงวดกวดขันมาตลอด นับแต่เริ่มอุปสมบท ฯลฯ” กลิ่นศีลหอมทวนลม

    หอมกลิ่นดอกไม้ที่ นับถือ
    หอมแต่ตามลมลือ กลับย้อน
    หอมแห่งกลิ่นกล่าวคือ ศีลสัตย์ นี้นา
    หอมสุดหอมสะท้อน ทั่วใกล้ไกลถึง
    โคลงโลกนิติ

    ทำอย่างไรจึงจะรักษาศีล ๕ ตลอดชีวิตได้?
    การรักษาศีล คือ การมีเจตนางดเว้นจากการทำความชั่ว ดังคำพุทธพจน์รับรองว่า “เจตนาหัง ภิกขะเว สีลัง วะทามิ ดูก่อนภิกษุทั้งหลายเรากล่าวว่าเจตนาเป็นเครื่องงดเว้นนั่นแหละคือ ศีล”
    การงดเว้นมีอยู่ ๓ ประการ คือ

    ๑. สมาทานวิรัติ คือ การงดเว้นด้วยการสมาทาน เช่น สมาทานศีลกับพระ
    ๒. สัมปัตตวิรัติ คือ การงดเว้นเมื่อมีเหตุบังเกิดขึ้นเฉพาะหน้าแม้ไม่สมาทาน แต่เมื่อมีเหตุการณ์อันใดอันหนึ่งที่จะผิดศีลและตั้งใจงดเว้นขึ้นในขณะนั้น ถือว่าเป็นศีลเพราะตั้งใจงดเว้นเอาเอง
    ๓. สมุจเฉทวิรัติ คือ การงดเว้นโดยเด็ดขาด นั่นคือศีลของพระอริยะบุคคลซึ่งเป็นโลกุตตระศีล เป็นศีลขั้นสูง เช่น พระโสดาบันรักษาสิกขาบท๕ หรือศีล ๕ นี้ได้ตลอดชีวิต เป็นศีลที่รักษาได้โดยอัตโนมัติคืองดเว้นโดยเด็ดขาด โดยไม่ต้องสมาทานและไม่ต้องตั้งเจตนา
    ศีลนี้ หากใครรักษาดีแล้ว ย่อมอำนวยประโยชน์แก่ผู้นั้นมากมายเป็นประโยชน์ในชาตินี้ คือ มีความเย็นใจไม่เดือดร้อนเพราะเป็นผู้มีศีล ประโยชน์ในชาติหน้าพระพุทธองค์ได้ทรงแสดงสรุปผลของศีลไว้ ๓ ประการว่า

    “สีเลนะสุคะติง ยันติ บุคคลจะไปสู่สุคติได้ก็เพราะศีล
    สีเลนะโภคะ สัมปะทา บุคคลจะมีโภคะได้ก็เพราะศีล
    สีเลนะ นิพพุติง ยันติ บุคคลจะบรรลุพระนิพพานได้ก็เพราะศีล”

    อริยทรัพย์ ๗ ประการสำคัญที่สุด ชาวพุทธควรมีไว้ประดับใจเป็น “ทรัพย์ภายใน” ได้แก่
    ๑. ทรัพย์คือศรัทธา ความเชื่อที่มีเหตุผล
    ๒. ทรัพย์คือศีล การรักษากาย วาจาให้เรียบร้อย
    ๓. ทรัพย์คือหิริ การละอายใจต่อการทำความชั่ว
    ๔. ทรัพย์คือโอตตัปปะ ความเกรงกลัวต่อความชั่ว
    ๕. ทรัพย์คือพาหุสัจจะ ความเป็นผู้ได้ศึกษาเล่าเรียนมาก
    ๖. ทรัพย์คือจาคะ ความเสียสละเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่
    ๗. ทรัพย์คือ ปัญญา ความรู้ความเข้าใจถ่องแท้ในเหตุผลอริยทรัพย์นี้เป็นทรัพย์อันประเสริฐอยู่ในจิตใจ

    อานิสงส์ของการรักษาศีล
    ชาดกนิทานเรื่อง นายติณปาลพราหมณ์ถือศีลตาย
    ในสมัยพุทธกาล นายติณปาลเป็นคนใช้ทำไร่หญ้าของท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐี เช้าก็ออกไปทำงานที่ไร่หญ้าทุกวัน เย็นวันหนึ่งหลังจากนายติณปาลกลับจากทำงานกลับเข้าบ้านเศรษฐีก็จะไปรับ ประทานอาหารเย็น แต่ไม่พบเห็นใคร เลยสงสัยว่าเขาไปทำอะไรที่ไหนกันหมด ก็ได้รับคำตอบจากคนครัวว่า วันนี้เป็นวันอุโบสถศีลทุกคนรับศีลอุโบสถกันหมด จึงไม่มีใครรับประทานมื้อเย็น นายติณปาลจึงเข้าไปถามท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐี ขอถือศีลด้วยแม้จะไม่ได้สมาทานศีลตั้งแต่ตอนเช้าก็ตามเศรษฐีก็ว่า ตามแต่ติณปาลก็แล้วกัน ติณปาลตั้งใจถือศีลไม่รับประทานอาหารมื้อนั้น อยู่ต่อมาประมาณหนึ่งชั่วโมง นายติณปาลมีอาการเป็นลมเพราะอดข้าวเย็น เนื่องด้วยไม่เคยอดอาหารเศรษฐีขอร้องให้นายติณปาลเลิกล้มความตั้งใจและให้ รับประทานอาหารแต่นายติณปาลไม่เลิกล้มความตั้งใจเพราะทุกคนต่างถือศีลกันได้ ตั้งหลายชั่วโมงตนเองเพิ่งถือศีลได้เพียงชั่วโมงเดียวเท่านั้นเอง ชั่วโมงต่อมานายติณปาลได้ถึงกาลกิริยา ได้ไปบังเกิดเป็นเทวดาบนสวรรค์

    ชาดกนิทานเรื่อง นางวิสาขาถืออุโบสถศีล
    พระพุทธองค์ได้ตรัสเรื่องนี้กับนางวิสาขาว่า “ดูก่อนวิสาขา อานิสงส์ที่บุคคลรักษาอุโบสถศีล ชั่ววันหนึ่งกับคืนหนึ่งนี้ เมื่อเอาอานิสงส์แห่งการรักษาศีลอุโบสถนี้มาแบ่งออกเป็น ๑๖ ส่วน เอาออกเสีย ๑๕ ส่วน เหลืออยู่อีกส่วนหนึ่ง เอามาแบ่งออกเป็น ๑๖ เสี้ยว แล้วเอาออกเสีย ๑๕ เสี้ยว เหลืออยู่ ๑เสี้ยว ยังมากกว่าสมบัติใน ๑๖ มหานคร” แล้วพระองค์ได้ทรงพรรณนาถึงสมบัติใน ๑๖ มหานคร ในชมพูทวีปนั้นว่า สมบัติของมนุษย์ทั้ง ๑๖ มหานครนั้นยังน้อยกว่าผลของอานิสงส์ของการรักษาศีลอุโบสถเพียงเสี้ยวหนึ่ง เท่านั้นเพราะอานิสงส์แห่งการรักษาศีลอุโบสถเพียงเสี้ยวหนึ่งนั้นเป็นเหตุ ให้ผู้นั้นได้รับทิพยสมบัติในสวรรค์ การไปเกิดบนสวรรค์ได้รับทิพยสมบัติแม้เพียงชั่ววันหนึ่ง คืนหนึ่งของสวรรค์ชั้นนั้นๆ ก็ยังประเสริฐกว่าสมบัติในเมืองมนุษย์ทั้ง ๑๖มหานคร เพราะว่าทิพยสมบัติเป็นของละเอียดอ่อน ประณีต ไปเกิดอยู่เพียงชั่ววันหนึ่ง คืนหนึ่งของสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ ก็เท่ากับการเสวยมนุษยสมบัติในช่วงเวลาร้อยปีในเมืองมนุษย์เพราะว่าร้อยปีใน เมืองมนุษย์นี้เท่ากับวันหนึ่งคืนหนึ่งของสวรรค์ชั้นดาวดึงส์






    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
    กิริยาส่อเชื้อชาติมารยาทส่อสกุล
    ก้านบัวบอกลึกตื้น ชลธาร
    มารยาทส่อสันดาน ชาติเชื้อ
    โฉดฉลาดเพราะคำขาน ควรทราบ
    หย่อมหญ้าเหี่ยวแห้งเรื้อ บอกร้ายแสลงดิน
    โคลงโลกนิติ
    ศีลห้ากับกุศลกรรมบทสิบ
    ศีลห้าข้อ เมื่อประมวลลงแล้วขยายความออกได้เป็นกุศลกรรมบท๑๐ คือ กายกรรม ๓ วจีกรรม ๔ และมโนกรรม ๓ ดังนี้
    กายกรรม ๓ ได้แก่ ศีลข้อที่ ๑. ปาณาติปาตาเวรมณี
    ศีลข้อที่ ๒. อทินนาทานาเวรมณี
    ศีลข้อที่ ๓. กาเมสุมิฉาจาราเวรมณี
    วจีกรรม ๔ ได้แก่ ศีลข้อที่ ๔. มุสาวาทาเวรมณี คือ ไม่พูดวจีกรรม ทุจริต ๔
    ได้แก่
    ๑. มุสาวาทะ การไม่พูดปด
    ๒. สัมผัปลาปะวาทะ การไม่พูดเพ้อเจ้อไม่เป็นประโยชน์แม้จะเป็น
    ความจริง
    ๓. ปิสุณวาทะ การไม่พูดส่อเสียดให้เสียหายให้เขาเจ็บใจ
    ๔. ผรุสวาจา การไม่พูดคำหยาบคาย
    มโนกรรม ๓ ได้แก่ ศีลข้อที่ ๕. สุราเมรยะมัชชะปมาทัฏฐานา เวรมณี คือการเว้นจากการตั้งอยู่ในความไม่ประมาท มีสติสัมปชัญญะ มั่นคง ไม่เพ่งเล็งอยากได้ (อภิชฌาหรืออโลภะ) การไม่คิดพยาบาทปองร้าย (อพยาปาทะหรืออโทสะ) และการไม่หลงเห็นผิดทำนองคลองธรรม ละจากมิจฉาทิฏฐิเป็นสัมมาทิฏฐิ
    พระไตรปิฎกกล่าวถึงเรื่องลักษณะของวาจาสุภาษิต
    ลักษณะ ๕ ของวาจาสุภาษิต
    “ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย! วาจาที่ประกอบด้วยองค์ ๕ นับเป็นสุภาษิตไม่เป็นทุพภาษิต ไม่มีโทษ อันผู้รู้ติไม่ได้คือ:-
    ๑. วาจาที่กล่าว (ถูกต้อง) ตามกาล
    ๒. วาจาที่กล่าวเป็น ความจริง
    ๓. วาจาที่กล่าว อ่อนหวาน
    ๔. วาจาที่กล่าว ประกอบด้วยประโยชน์
    ๕. วาจาที่กล่าวด้วยจิตประกอบด้วยเมตตา
    ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย! วาจาที่ประกอบด้วยองค์ ๕ เหล่านี้แลนับเป็นสุภาษิต ไม่เป็นทุพภาษิต ไม่มีโทษ อันผู้รู้ติไม่ได้
    (ปัญจกนิบาต อังคุตตรนิกาย ๒๒/๒๗๑)
    คนที่เกิดมีขวานเกิดมาในปากด้วย
    “คนที่เกิดมาแล้ว มีขวานเกิดมาในปากด้วย คนพาลเมื่อกล่าวคำชั่วชื่อว่าใช้ขวานนั้นฟันตนเอง ผู้ใดสรรเสริญคนที่ควรติ ติคนที่ควรสรรเสริญผู้นั้นชื่อว่าใช้ปากเลือกเก็บความชั่วไว้ จะไม่ได้ประสบสุขเพราะความชั่วนั้น”
    (จากหลักนิบาตอังคุตตรนิกาย ๒๔/๑๘๕)
    พูดดี
    หลักของการพูดดีมีอยู่สาม
    หนึ่งพูดตามเป็นจริง ทุกสิ่งสรรพ์
    สองพูดดีมีประโยชน์ไร้โทษทัณฑ์
    สามสิ่งนั้นน่าฟังทั้งไพเราะ
    แม้เรื่องจริงน่าฟังไม่ขวางโลก
    แต่พูดไปไร้ประโยชน์ก็ไม่เหมาะ
    แม้พูดเรื่องสัจจริงทั้งพริ้งเพราะ
    มีประโยชน์เหมาะเจาะควรพูดเอย
    อันรสปากหากหวานก็หวานเด็ด บรเพ็ดขมไม่มากเหมือนปากขม
    ถึงคมมีดคมไม่มากเหมือนปากคม รสหวานขมก็ไม่มากเหมือนปากคนฯ
    ถึงบางพูดพูดดีเป็นศรีศักดิ์ มีคนรักรสถ้อยอร่อยจิต
    แม้นพูดชั่วตัวตายทำลายมิตร ให้ชอบผิดในมนุษย์เพราะพูดจาฯ
    พระสุนทรโวหาร (ภู่)
    คิดก่อนพูด
    เป็นคนคิดแล้วจึ่ง เจรจา
    อย่านอนหลับตา แต่ได้
    เลือกสรรหมั่นปัญญา ตรองตรึก
    สติริรอบให้ ถูกแล้วจึงทำ
    วาจาต่อหน้าชุมชน
    ท่ามกลางกล่าวถ้อยแต่ พอควร
    เห็นท่านสรวลอย่าสรวล ตอบเต้า
    ใช้คำแต่น้ำนวล นฤโทษ
    เห็นท่านเศร้าทำเศร้า โศกหน้าตาตรม
    สุภาษิตา จะยาวาจา
    [​IMG] แม้โฉมเฉิดเฉกไท้ เทพา
    อีกอิสริยยศถา กอรปด้วย
    บุรุษถ่อยทุษฐวา จาพาก
    นับว่าผู้นั้นม้วย หมดสิ้นสิ่งงาม
    “สุภาษิตา จะยาวาจา เอตัมมังคลมุตตะมัง วาจาเป็นสุภาษิตเป็นมงคลยิ่ง”

    คำพูดที่สมควร
    ไป่ถามปราชญ์บ่พร้อง พาที
    เปรียบดั่งเภรีตี จึ่งครื้น
    คนพาลพวกอวดดี จักกล่าว
    ถามบ่ถามมันฟื้น เฟื่องถ้อยเกินถาม
    โคลงโลกนิติ

    ปิดหูซ้ายขวา ปิดตาสองข้าง ปิดปากเสียบ้าง นอนนั่งสบาย
    “อยู่คนเดียวให้ระวังความคิด... อยู่กับมิตร ให้ระวังวาจา”

    คำสอนเรื่องหน้าที่ ๑๒ สถานะของคนในเรื่องทิศทั้งหก ในส่วนของหน้าที่บ่าว (ลูกน้อง) ที่มีต่อนาย (ผู้บังคับบัญชา) มีอยู่ข้อหนึ่งว่า “บ่าวพึงพูดสรรเสริญนาย” หรือ “นำเกียรติคุณของนายไปเผยแพร่” ดังนี้ จะเห็นได้ว่าคำพูดของบ่าวหรือลูกน้อง ไม่พึงพูดนินทาว่าร้าย หรือกล่าวเรื่องไม่ดีของนาย ให้พึงระมัดระวังเพราะนั่นคือ “โอษฐภัย” นั่นเอง


    ที่มา
     
  2. ศิลปินชนบท

    ศิลปินชนบท เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    773
    ค่าพลัง:
    +1,678
    ขอกราบอนุโมทนาสาธุในธรรมค่ะ ขอบพระคุณเจ้าของกระทู้เป็นอย่างสูง
     
  3. มังคละมุนี

    มังคละมุนี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    246
    ค่าพลัง:
    +608
    ถ้าในจิตมีโสดาปัตติมรรค เป็นกิจที่ดำเนินอยู่ จะรักษาศีลได้โดยง่าย

    เพราะกำลังแห่งศรัทธาที่แน่นแฟ้น ต่อโสดาปัตติผล จะเหนี่ยวนำจิต ให้มั่นคงในศีล

    ทั้งหิริแและโอตตัปปะ จะก่อตัวขึ้นเองโดยอัตโนมัติ

    ทำให้ศีล จะรักษาได้ง่ายเข้า จนกลายเป็นอริยะศีล โลกุตตระศีล ในที่สุด



    และขอพระธรรมจงคุ้มครองเหล่าสหธรรมิกทุกท่าน ในการพัฒนา

    ศีล ให้เป็น อริยะศีล
    สมาธิ ให้เป็น อริยะสมาธิ
    ปัญญา ให้เป็น อริยะปัญญา

    เพื่อการบรรลุก้าวหน้าในธรรมยิ่งๆขึ้นไป เทอญ สาธุ สาธุ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 17 มิถุนายน 2010
  4. เย็นจิต

    เย็นจิต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    227
    ค่าพลัง:
    +709
    อันบุคคลผู้ยังไม่บรรลุนั้น จะรักษาศีลให้บริสุทธิ์ไม่ด่างไม่ขาดไม่ทะลุ นั้น ย่อมทำได้ยาก ... ด้วยกิเลสอาสวะยังหนาอยู่มาก เพราะฉะนั้นการปฏิบัติธรรมพิจารณาใจให้ไกลกิเลส ถึงจะช่วยได้ ...
     
  5. พระยาเดโชชัยมือศึก

    พระยาเดโชชัยมือศึก สินธพอมรินทร์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 เมษายน 2005
    โพสต์:
    2,742
    ค่าพลัง:
    +12,024
    ตั้งสัจจะ ............
     
  6. ชนะ สิริไพโรจน์

    ชนะ สิริไพโรจน์ ทีมผูัดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    5,891
    กระทู้เรื่องเด่น:
    14
    ค่าพลัง:
    +35,260
    สาธุ ขออนุโมทนาเป็นอย่างสูงครับ


    เว็บทางนิพพาน เว็บไซด์ เผยแพร่ ธรรมที่นำไปสู่ความหลุดพ้น<O:p
    ที่รวบรวมโดย พล.ต.ท.นพ.สมศักดิ์ สืบสงวน<O:p
    ขอเชิญทุกท่านเข้าไปอ่านได้ที่
    www.tangnipparn.com
    <O:p>ขอเชิญแวะเยี่ยมชมและโมทนาบุญเว็บศูนย์พุทธศรัทธา


    [​IMG]</O:p>
     
  7. พอชูเดช

    พอชูเดช เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    1,276
    ค่าพลัง:
    +4,339
    สาธุครับ

    -มหาโมทนากับกุศลจิตทุกๆท่าน ขอให้สำเร็จตามที่ปรารถนาครับ

    สาธุ
     
  8. เด็ก3ขวบ

    เด็ก3ขวบ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    349
    ค่าพลัง:
    +1,524
    ถ้าถือศีล5ได้ตลอดชีวิตผมคงเป็นพระโสดาบันไปแล้วแต่ตอนนี้ถือได้บ้างไม่ได้บ้างเป็นพระโซดาน้ำอยู่คับ555
     
  9. ไห่เฉากุหลาบไฟ

    ไห่เฉากุหลาบไฟ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 ตุลาคม 2004
    โพสต์:
    896
    ค่าพลัง:
    +2,177
    ขอบคุณมาก..:cool::cool:
     
  10. RattanaMongkol

    RattanaMongkol เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    906
    ค่าพลัง:
    +4,962
    เรารักษาศีล.....ศีลรักษาเรา
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  11. tent006

    tent006 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    14
    ค่าพลัง:
    +28
    ขออนุโมทนา สาธุครับ

    สำหรับบทความที่ดีเช่นนี้
     
  12. ลูกเกต

    ลูกเกต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    25
    ค่าพลัง:
    +104
    รักษาใจ ไม่ให้คิด พูด ทำ ในทางผิด

    อนุโมทนาบุญด้วยค่ะ

    ขอท่านนักบุญ ช่วยกรุณาบอกบุญ ได้ที่ operation_worship@hotmail.com

    บุญของข้าพเจ้าสำเร็จเพียงใด ขอท่านจงสำเร็จเช่นนั้นด้วยเทอน สาธุ


    ______________________________________________
     
  13. no-ne

    no-ne เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    1,198
    ค่าพลัง:
    +3,380
    "กลิ่นศีลหอมทวนลม

    หอมกลิ่นดอกไม้ที่ นับถือ
    หอมแต่ตามลมลือ กลับย้อน
    หอมแห่งกลิ่นกล่าวคือ ศีลสัตย์ นี้นา
    หอมสุดหอมสะท้อน ทั่วใกล้ไกลถึง"

    อนุโมทนาสาธุค่ะ
     
  14. Faithfully

    Faithfully เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    656
    ค่าพลัง:
    +2,459
    [​IMG]

    เหตุที่บัญญัติศีล 5
    เหตุที่พระพุทธเจ้าทรงบัญญัติพระวินัย (ศีล)
    ตามความในพระไตรปิฎก หมวดพระวินัย มหาวิภังค์ ปฐมภาค

    ก่อนที่พระพุทธเจ้าจะทรงบัญญัติสิกขาบทแรก (พระวินัย หรือศีลข้อแรกในพระพุทธศาสนา) พระองค์ได้ตรัสประโยชน์ หรือสาเหตุที่ทรงบัญญัติพระวินัยไว้ ดังนี้

    ....... ดูกรภิกษุทั้งหลาย เพราะเหตุนั้นแล เราจักบัญญัติสิกขาบทแก่ภิกษุทั้งหลาย อาศัยอำนาจประโยชน์ ๑๐ ประการ คือ

    เพื่อความรับว่าดีแห่งสงฆ์ ๑ (เพื่อความยอมรับ/เห็นด้วยของสงฆ์หมู่มาก - ธัมมโชติ)
    เพื่อความสำราญแห่งสงฆ์ ๑ (เพื่อให้สังคมสงฆ์อยู่กันอย่างสงบสุข - ธัมมโชติ)
    เพื่อข่มบุคคลผู้เก้อยาก ๑ (เพื่อไม่ให้พวกอลัชชี/ผู้ไม่ละอาย ทำสิ่งที่ไม่ดีได้ตามใจ - ธัมมโชติ)
    เพื่ออยู่สำราญแห่งภิกษุผู้มีศีลเป็นที่รัก ๑ (เพื่อไม่ให้พวกอลัชชีมารบกวนความสงบของผู้มีศีล - ธัมมโชติ)
    เพื่อป้องกันอาสวะอันจะบังเกิดในปัจจุบัน ๑ (เพื่อป้องกันกิเลสในปัจจุบัน - ธัมมโชติ)
    เพื่อกำจัดอาสวะอันจักบังเกิดในอนาคต ๑ (เพื่อกำจัดกิเลสที่จะเกิดในอนาคต - ธัมมโชติ)
    เพื่อความเลื่อมใสของชุมชนที่ยังไม่เลื่อมใส ๑
    เพื่อความเลื่อมใสยิ่งของชุมชนที่เลื่อมใสแล้ว ๑
    เพื่อความตั้งมั่นแห่งพระสัทธรรม ๑ (เพื่อให้ศาสนาตั้งมั่นอยู่ได้นาน - ธัมมโชติ)
    เพื่อถือตามพระวินัย ๑ (เพื่อให้ภิกษุทั้งหลายถือปฏิบัติ - ธัมมโชติ)

    ถึงแม้ในพระสูตรนี้จะเน้นที่พระวินัย หรือศีลสำหรับภิกษุ แต่ก็สามารถเข้ากันได้กับศีลสำหรับฆราวาสด้วยเช่นกัน คือไม่ว่าศีลชนิดใดในพระพุทธศาสนา ก็ล้วนถูกบัญญัติขึ้นด้วยเหตุผลเหล่านี้ทั้งนั้น ซึ่งจะเห็นได้ว่า การที่พระพุทธเจ้าทรงบัญญัติศีลขึ้นมา ก็เพื่อประโยชน์แก่ตัวผู้ปฏิบัติเอง และเพื่อคนหมู่มากทั้งสิ้น โดยที่สำคัญก็คือเพื่อประโยชน์ในการขัดเกลา หรือกำราบกิเลสเป็นส่วนมาก

    ธัมมโชติ 2 ธันวาคม 2543

    ศีลมีความหมายคือ ความประพฤติดีทางกายและวาจา, การรักษากายและวาจาให้เรียบร้อย, ข้อปฏิบัติสำหรับควบคุมกายและวาจา ให้ตั้งอยู่ในความดีงาม, การรักษาปกติตามระเบียบวินัย, ปกติมารยาทที่สะอาดปราศจากโทษ, ข้อปฏิบัติในการเว้นจากความชั่ว, ข้อปฏิบัติในการฝึกหัดกายวาจาให้ดียิ่งขึ้น, ความสุจริตทางกายวาจาและอาชีพ มักใช้เป็นคำเรียกอย่างง่ายสำหรับคำว่า อธิศีลสิกขา

    "ศีล" นั้นแปลว่า "ปกติ" คือสิ่งหรือกติกาที่บุคคลจะต้องระวังรักษาตามเพศและฐานะ ศีลนั้นมีหลายระดับคือ ศีล ๕ ศีล ๘ ศีล ๑๐ และศีล ๒๒๗ และในบรรดาศีลชนิดเดียวกันก็ยังจัดแบ่งออกเป็นระดับธรรมดา มัชฌิมศีล (ศีลระดับกลาง) และอธิศีล (ศีลอย่างสูง ศีลอย่างอุกฤษฏ์)

    คำว่า "มนุษย์" นั้น คือผู้ที่มีใจอันประเสริฐ คุณธรรมที่เป็นปกติของมนุษย์ที่จะต้องทรงไว้ให้ได้ตลอดไปก็คือศีล ๕ บุคคลที่ไม่มีศีล ๕ ไม่เรียกว่ามนุษย์ แต่อาจจะเรียกว่า "คน" ซึ่งแปลว่า "ยุ่ง" ในสมัยพระพุทธกาลผู้คนมักจะมีศีล ๕ ประจำใจกันเป็นนิจ ศีล ๕ จึงเป็นเรื่องปกติของบุคคลในสมัยนั้น และจัดว่าเป็น "มนุษย์ธรรม"


    ขอขอบคุณ :


    อนุโมทนาสาธุยิ่งค่ะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 13 กรกฎาคม 2010
  15. ธิดารัตน์

    ธิดารัตน์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    1,939
    ค่าพลัง:
    +4,568
    อนุโมทนาสาธุด้วยนะคะ

    ศีลคือความปกติ ผิดศีลก็ผิดปกติ

    แต่คนเราก็ยังผิดปกติกันอยู่

    กำลังพยายามค่ะ ค่อยๆรักษาอยู่ต้องใช้สติมากโขเตือนให้ตัวเองอยู่ในศีล ^__^
     
  16. ติงติง

    ติงติง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    38,272
    ค่าพลัง:
    +82,730
    [​IMG]

    ครอบครัวของติง
    รับเทียนครูมาจากพระอาจารย์ค่ะ
    ท่านให้รักษาศีล 5 ทั้งครอบครัว
    หากรักษาไม่ได้ ต้องนำเทียนครูไปคืน
     
  17. ณัฐปพน

    ณัฐปพน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    51
    ค่าพลัง:
    +416
    อนุโมทนาค่ะ

    แค่ไม่ทุกข์ก็สุขแล้ว ;k05
     
  18. Glow-Worm

    Glow-Worm เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    689
    ค่าพลัง:
    +1,956
    อนุโมทนา สาธุ สาธุ

    ขอบคุณจ้าสำหรับเรื่องดีดี
     
  19. kornkamolk

    kornkamolk เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    170
    ค่าพลัง:
    +532
    โมทนาสาธุ กับบทความดีนี้ค่ะ

    อยากสอบถามท่านผู้รู้ค่ะว่า การพูดให้ผู้อื่นเจ็บใจโดยที่เรามิได้เจตนา ถือว่าผิดศีลข้อ 4 ไหมคะ ผิดศีล ศีลพร่อง หรือศีลขาด
     
  20. jackdongbung

    jackdongbung เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    96
    ค่าพลัง:
    +102
    อนุโมทนาสาธุครับ สำหรับความรู้ และบทความที่ดีๆอย่างนี้
     

แชร์หน้านี้

Loading...