ทำบุญให้คนที่ตายก่อนอายุขัยเขาจะได้รับหรือไม่ ?

ในห้อง 'หลวงพ่อเล็ก วัดท่าขนุน' ตั้งกระทู้โดย tamsak, 18 กันยายน 2008.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. tamsak

    tamsak ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กันยายน 2004
    โพสต์:
    7,857
    กระทู้เรื่องเด่น:
    22
    ค่าพลัง:
    +161,172
    ถาม : แล้วอย่างที่เขาตายก่อนอายุขัยนี่ ....?

    ตอบ : อย่างนี้โชคดีจ๊ะ จริงๆ เราอาจเห็นว่าเขาตายไม่ดี ความจริงไม่ใช่ คนที่ตายก่อนหมดอายุขัยนี่ ถ้าหากว่าเราทำความดีไปเท่าไรเขารับได้หมด สบายเขามากกว่า

    ถาม : คือญาติผมเพิ่งตายจะทำบุญอะไรให้เขาครับ ?

    ตอบ : อะไรก็ได้ สังฆทาน วิหารทาน ธรรมทาน ผีเอาทั้งนั้นแหละ เจอผีไม่กี่รายหรอกที่ทำให้แล้วไม่เอา มีรายหนึ่งหลวงพ่อท่านบอกขอให้บวชเณร บอกจะบวชพระอยู่แล้ว ให้โมทนาบุญไปเขาไม่เอา จะเอาบุญบวชเณร เอากับมันซิ เขาบอกบุญบวชพระเขาได้แล้ว จะเอาบุญบวชเณร อีกรายหนึ่งไปเจอกลางป่า รายนี้เรียกว่านางฟ้าหน้าหงิก คือเดินธุดงค์จนค่ำแล้วไปพักตรงตะเคียนยอดด้วน อยู่ตรงทางห้วยสามแพร่งพอดี เราเห็นว่าใต้ต้นเขามันน่านอน ปลายห้วยมันเป็นทรายสะอาดแล้วอยู่ไต้ต้นไม้ด้วยกันน้ำค้างได้ พอมุดเข้าไปใต้ต้น แม่เจ้าพระคุณร่วงลงมา คือเขาอยู่สูงกว่าพระไม่ได้ พอเห็นอย่างนั้นก็ดูวิมานเขา วิมานเขาประเภทเอียงกระเท่เร่ ลักษณะที่จะหมดบุญอยู่แล้ว ก็บอกเขาว่า ผลบุญที่เราทำมา ขอให้เขาโมทนา เขาบอกว่าท่านไม่ต้องยุ่ง คือพูดง่ายๆ รีบไปให้พ้นยิ่งดี ยังดีที่เขาไม่ได้พูดอย่างนั้น ให้มันก็ไม่เอานั่งหน้าหงิกอยู่ครึ่งค่อนคืน เพราะฉะนั้นว่า ความดีความชั่วมันประมาทกันไม่ได้ ขนาดอยู่ในภพภูมิที่ดีอย่างนั้น ยังเป็นมิจฉาทิฏฐิได้

    ถาม : เคยเจอกลิ่นธูปนี้แรงมากเลยคะ ?

    ตอบ : อย่างนั้นสบาย แสดงว่ากำลังใจเขาทรงญาน ลักษณะของกลิ่นธูป กลิ่นกำยาน ดีไม่ดีเป็นพรหม ถ้าหากว่าเทวดากลิ่นหอมเหมือนดอกไม้ แต่เป็นดอกไม้ที่หาไม่ได้ กลิ่นหอมแปลกๆ ชนิดที่โบราณเขาเรียกหอมจนลืมตายเลย มันก็มีบางทีเหมือนกับวิธีพิเศษเราเองก็ไม่มั่นใจความรู้ตัวเอง มีผีตัวหนึ่ง อันนี้ต้องเป็นผีที่วิเศษมากเลย เขาตายแล้ว เขาบอกว่าเขาไปนิพพานแล้ว เราก็เออ...มีอะไรเป็นข้อพิสูจน์ได้ล่ะ ก็เอานี้แล้วกัน ก่อนนอนถ้าได้เงินร้อยหนึ่ง จะถือว่าไปนิพพานจริง

    เวลาเจริญกรรมฐานภาคค่ำ ทุ่มครึ่งแล้ว ปรากฏว่าพอเสียงกริ่ง กริ๊กๆ หมดเวลา ลืมตาขึ้นมา มีโยมคนหนึ่งเอาเงินมายัดใส่กระเป๋าให้ร้อยหนึ่ง เออจริง... แสดงว่าต้องไปนิพพานแน่ๆ เลย (หัวเราะ) ขอน้อยไปหน่อย รู้งี้เอาเยอะกว่านี้หน่อย ของเราเองบางทีนึกอะไรไม่ออก ก็คือมันแบบนี้แหละ ประเภทนั่งนับเงินอยู่ จุดมุ่งหมายมันก็อยู่กับเงิน ลืมเรื่องอื่นไป งกมากไปหน่อย โยมคนนั้นก็เหลือเกินไม่ได้รู้จักมักจี่กันมาก่อน อันนี้ยังดีนะ พวกร่วมบุญกันโดยอัตโนมัตินี่เดือนก่อนไปไหว้พระแก้ว เพราะมากรุงเทพต้องไปไหว้พระแก้วทุกเดือน เราก็กราบไหว้ อธิษฐานของเราสบายใจ ก็คงนานน่าดูแหละ พอลืมตาลุกปุ๊บ หันมามีเสียงนิมนต์คะ เราก็ว่าอะไรวะ ถวายอาหารมา แล้วจะทำยังไง ก็หิ้วไปทั้งข้าวทั้งกับนั่นแหละ คนก็มองกันตาเดียว เออ..พระองค์นี้คงงกน่าดู ขนาดไปไหนยังเตรียมอาหารไปด้วย เขาถวายไม่รับก็ไม่ได้ กลางโบสถ์เลย คนไม่ได้ดูตาม้าตาเรือนี่เยอะเหมือนกันนะ

    แล้วก็อีกทีหนึ่งตอนนั้นอยู่ที่ วัดเทพศิรินทร์ ปกติอยู่วัดนี้เดินบิณฑบาตประมาณสองเสาไฟฟ้าอาหารก็ล้นบาตรแล้ว วันนั้นก็คิดแผลงๆ ขึ้นมาตั้งใจอธิษฐานว่า วันนี้ใครที่ใส่บาตรก็ตาม ขอให้เป็นคนที่ร่วมบุญกันมาแต่อดีตเท่านั้น ปัจจุบันนี้เราไม่เอา ตั้งใจว่าจะกินของเก่าแล้ว ปรากฏว่าวันนั้นมีใส่แค่สองคน เดินทั่ว ตลาดโบ้เบ้ แล้ว (หัวเราะ) น่าอดตายนะ โยมที่เคยใส่บาตรเคยนิมนต์ยืนเฉยกันหมด ก็ต้องเดินเลยไป คราวหน้าอย่าไปลองนะ ที่ซึ่งเราไม่มั่นใจจะอดตายเอา เรื่องประเภทนอกทุ่งนอกท่าของพระนี้เยอะ แต่ละคนนี่ซนทั้งนั้น หลวงพ่อท่านบอกว่าเวลาได้ใหม่นี่ ซนทุกราย สมัยที่ท่านอยู่ก็ หลวงพ่อลิงขาว กับ หลวงพ่อลิงเล็ก ซนเสียไม่มี แกล้งโยมบ้างอะไรบ้าง จน หลวงปู่ปาน ท่านให้เข้าป่าไป ของเราก็มีเชื้อสายอยู่หน่อยๆ ถึงเวลาก็อดไม่ได้ บางทีการปฏิบัติธรรมนี้ต้องรื่นเริงในธรรม จะเครียดไม่ได้ จำไว้นะ ถ้า เครียดเมื่อไรก็เสียผลเมื่อนั้นเลย ต้องรื่นเริงในธรรม ได้แค่ไหนก็พอใจแค่นั้น



    สนทนากับพระเล็ก สุธมฺมปญฺโญ
    เดือนเมษายน ๒๕๔๕
    ณ บ้านอนุสาวรีย์ฯ




    .
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 22 ตุลาคม 2013
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...