ทำบุญอย่างไรให้ถูกทาง ทำทานอย่างไรให้รวยทันตาเห็น

ในห้อง 'พุทธศาสนา และ ธรรมะ' ตั้งกระทู้โดย nondanun, 29 กันยายน 2013.

  1. nondanun

    nondanun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    5,980
    กระทู้เรื่องเด่น:
    13
    ค่าพลัง:
    +32,612
    รื่องนี้เป็นเมตตาของครูบาอาจารย์คนสำคัญของเมืองไทย ที่สอนไว้ว่า คนใดก็ตามที่อยากมีความสุข เจริญรุ่งเรืองในหน้าที่การงาน ขจัดทุกอุปสรรคและวิบากกรรมไม่ดี หมั่นทำทาน 3 อย่างเป็นสำคัญคือ วัตถุ

    ทาน ธรรมทาน และอภัยทาน

    - วัตถุทาน หรือ อามิสทาน คือ การให้วัตถุ สิ่งของ หรือเงินเป็นทานที่เกิดผลดีต่อผู้รับ

    - ธรรมทาน คือ การสอนให้ธรรมะเป็นความรู้เป็นทาน คำว่า “ธรรม” ในที่นี้ หมายถึงความรู้ที่เขารู้ แล้วช่วยเขาจะพ้นทุกข์ได้ ซึ่งทำได้ทั้งทางตรงและทางอ้อม ทางตรงคือเราให้ความรู้โดยตรงกับผู้รับ ทางอ้อมก็คือ มีส่วนร่วมในการให้ธรรมทานนั้น ช่วยพิมพ์หนังสือธรรมทาน ช่วยแจกเป็นธุระจัดการก็เข้าข่ายในการให้ธรรมทานเช่นกัน

    - อภัยทาน คือการให้อภัยในสิ่งที่คนอื่นทำไม่ดีกับเรา ไม่จองเวร หรือพยาบาทกัน การให้อภัยทานนั้นยากที่สุดในทานทั้งหมด แต่ให้ผลบุญมากที่สุดด้วย ตอนแรกอาจจะยากสำหรับใครบางคน ขอให้ใช้เรื่องพรหมวิหาร 4 เป็นตัวช่วย คือ เริ่มจากมีเมตตาต่อคนหรือสัตว์ที่เราจะให้อภัย เมื่อมีเมตตาจะไปต่อที่กรุณา จากกรุณาก็จะถึงจุดของมุทิตา คือ ยินดีที่เขามีความสุขที่เราให้อภัย สุดท้ายคือ อุเบกขา วางนิ่งเฉยไม่ทุกข์ ไม่สุขปล่อยให้กรรมนั้นดำเนินไปตามกฎแห่งกรรม

    การให้อภัยทานต้องให้อภัยโทษ ยอมรับขมาแบบจริงใจหมดจด ให้อโหสิกรรมทั้งใจ ไม่มีติดค้าง ไม่มีหลบซ่อนความโกรธ ความอาฆาตแม้แต่น้อย มีชีวิตที่ไม่เบียดเบียน ไม่กระทบกระทั่ง ไม่ประทุษร้ายต่อมนุษย์และอมนุษย์ มีชีวิตที่สว่างอยู่ด้วยจิตที่แผ่เมตตาให้ผู้อื่นทั้งกลางวัน กลางคืน

    ด้วยทาน 3 อย่างนี้ถ้าใครทำได้ครบถ้วนในทุกวัน รับรองว่าไม่เกิน 1 เดือนชีวิตของท่านที่ได้ทำจะเปลี่ยนไป และทำแบบต่อเนื่องไม่มีหยุด ไม่ประมาทในบุญ ชาตินี้มีความสุข พบแต่เรื่องดีๆ ตลอดชาติแน่ เพราะได้พิสูจน์มาแล้วด้วยตัวของผู้เขียนเอง และคนใกล้ชิดที่ไปลองทำแล้วเกิดผลดีทุกคน สำหรับการให้ทานที่ถูกต้องและได้บุญมาก มีอยู่ 3 องค์ประกอบที่ทุกคนทำได้ง่ายดายมาก คือ

    - วัตถุทานนั้นบริสุทธิ์ หมายถึง วัตถุหรือเงินที่ซื้อวัตถุทานนั้น เป็นเงินที่มาจากการทำงานที่สุจริต ไม่ไปเบียดเบียน กรรโชก คดโกงใครมา ยิ่งมาจากน้ำพักน้ำแรง จากความยากลำบากยิ่งจะมีอานิสงส์มากเพราะเจตนานั้นสูงมาก

    วัตถุทานนั้นไม่จำเป็นต้องใช้เงินมากที่จะได้บุญมากเสมอไป ขอให้เงินบริสุทธิ์ ที่มาของวัตถุทานนั้นบริสุทธิ์ แม้เพียงสลึงเดียวก็ได้บุญมากกว่าเงิน 10 ล้านของนักการเมืองที่โกงประเทศชาติมาหรือพ่อค้าที่โกงคนอื่นมา

    สำหรับการให้วัตถุทานนั้น มี 3 ประเภทและมีอานิสงส์แตกต่างกันที่เราควรรู้ไว้ เพื่อความเข้าใจที่ถูกต้องในเรื่องนี้ แบ่งออกเป็น

    ทาสทาน หมายความว่า การให้ของที่เลวกว่าที่เรากิน หรือของที่เลวกว่าที่เราใช้

    สหายทาน หมายความว่า การให้ของเสมอที่เรากินอยู่ หรือที่เราใช้อยู่

    สามีทาน หมายความว่า การให้ของที่ดีกว่าที่เรากินที่เราใช้อยู่

    ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดในเรื่องของทาสทาน การทำทานหรือให้ของที่เลวกว่าที่เรากิน หรือเราไม่ใช้แล้ว ถึงจะมีอานิสงส์แต่ก็อยู่ในความลำบาก ในสมัยพุทธกาล ท่านอาฬวีเศรษฐี เป็นมหาเศรษฐีมีทรัพย์ แปดสิบโกฏิ ถ้าเทียบในสมัยก็ประมาณเจ้าสัวใหญ่ที่มีเงินเป็นแสนๆ ล้านโน่น

    พระราชาจึงตั้งท่านอาฬวีเป็นมหาเศรษฐี ที่แปลว่า ใหญ่กว่าเศรษฐีทั้งปวง ทั้งนี้เป็นเพราะในอดีตชาติได้ทำทานไว้มาก แต่น่าเสียดายที่ทานที่แกทำมาตลอดนั้นเป็นของเลว เป็นของที่คัดออกมาแล้วว่าแม้แต่ตัวเองก็ไม่อยากใช้ แกเอาไปทำทาน

    ดังนั้นในชาติต่อมา อานิสงส์ของการทำทานนั้น ส่งผลทำให้เป็นมหาเศรษฐีมีเงินทองมากมายก็จริง แต่ว่าขอโทษที ท่านอาฬวีคนนี้อยู่อยากลำบากกายมาก ข้าวที่จะกินเม็ดสวยๆ ก็กินไม่ได้ ต้องกินข้าวหักหรือปลายข้าวจึงจะกินได้ กับข้าวต้องกินแต่ของที่เน่าเสียแล้ว หรือคนธรรมดาแทบกินไม่ได้

    ของทุกอย่างที่แกใช้ทุกอย่างต้องเป็นของเลว ผ้าที่นุ่งก็ต้องนุ่งผ้าเก่า ใช้ผ้าใหม่ไม่ได้เลยเพราะมันคันไปหมดนอนไม่ได้ต้องคอยเกาอยู่ตลอดเวลา มีความเป็นอยู่ที่ลำบากมากถึงแม้จะมีเงินทองมากมาย

    ในบ้านเรา ก็มีเศรษฐีที่ทำทานแต่ของเลวมากมาย ถ้าเราสังเกตดูดีๆ เมื่อไม่นานมานี้ ครูบาอาจารย์ท่านหนึ่งเล่าให้ฟังว่า มีคนรวยคนหนึ่ง มีเงินนับเป็นร้อยๆ ล้าน แต่ชีวิตของแกนั้นเหมือนกับท่านอาฬวีเศรษฐีทุกประการ

    มีเงินทองมากมายแต่เป็นคนที่ตระหนี่ถี่เหนียวมากๆ ในเกือบทุกวัน คนรวยคนนี้ต้องกินข้าวต้มเม็ดเละๆ จากปลายข้าวที่เหลือจากการขายในร้าน เอามาต้มกินกับก้อนกรวดแช่เกลือ กินอยู่อย่างนี้ ไม่ใช่ไม่มีเงินนะ แต่ไม่ซื้อกิน เพราะใจมันมัวแต่คิดตะหนี่ขี้เหนียว ใจมันเสียดายอยู่ตลอดเวลา ทำให้แกเป็นโรคร้าย เพราะชั่วชีวิตนี้ไม่เคยกินอาหารดีๆ กับเขาเลย

    เวลาแกเจ็บป่วยไปนอนโรงพยาบาล ลูกก็อยากให้พ่อได้กินผลไม้ดีๆ ไปซื้อมังคุดกิโลละ 30 บาทมาให้กิน คนรวยคนนี้แม้จะนอนเจ็บพูดแทบไม่ได้ แต่พอแกพอเห็นมังคุดที่ลูกเดินถือเข้ามาเท่านั้น

    แกโกรธลูกมาก เหมือนลูกไปทำความผิดอะไรมาใหญ่โต แกด่าเสียเละเทะเลยว่า ไปซื้อมาทำไม เปลืองเงิน ด่าลูกจนลูกร้องไห้ แกด่าว่ามีลูกทั้งทีก็โง่เหมือนควาย ใช้เงินไม่เป็นทั้งๆ ที่ลูกนั้นตั้งใจดีเห็นพ่อป่วย อยากจะซื้อผลไม้ดีๆ มาปอกให้พ่อได้กินชื่นใจ มีความสุขในบั้นปลาย

    คนรวยแบบนี้มีเงินมากก็จริง แต่ทั้งชีวิตไม่ได้รับสิ่งดีๆ เลย มีเงินเหมือนมีเศษกระดาษ มีทองเหมือนเป็นก้อนหิน เหตุที่เป็นเช่นนี้เพราะทาสทาน คือ แกเคยทำทานด้วยของไม่ดีมาก่อนนั่นเอง

    ดังนั้นจะขอแนะนำว่าเวลาที่จะทานควรพิจารณาในเรื่องนี้ด้วยว่า เราให้ของที่ดีที่สุด ประณีตเท่าที่จะทำได้ในเวลานั้นหรือไม่

    - ผู้ให้บริสุทธิ์ หมายถึง คนที่ให้มีเจตนาบริสุทธิ์ทั้งก่อนให้ ขณะให้และหลังการให้ ไม่คิดหวังผลตอบแทน ประเภททำบุญสิบบาทหวังถูกหวย 10 ล้าน ก็จะยากสักหน่อย เพราะหวังผลตอบแทน กิเลสตรงนั้นที่เกิดขึ้นจะเป็นลดทอนบุญที่ควรจะได้ลงไป เป็นอุปสรรคมาขวางทางบุญไว้

    ที่บอกว่าเวลาที่ทำบุญแล้วควรทำใจให้สบาย ทั้งก่อนให้ทานนั้น หมายความว่า เรามีความตั้งใจที่จะทำบุญ เพื่อเผื่อแผ่ผู้อื่นให้มีความสุข เพื่อเป็นการสืบทอดพระพุทธศาสนา ให้เจริญรุ่งเรือง เป็นหลักชัยในการสั่งสอนคนให้ดี

    กำลังให้ทานนั้น ใจของเราต้องไม่คิดอะไรไปวุ่นวาย บางคนกำลังให้ทาน จะชอบคิดสงสัยหรือวิตกว่า ของที่เรากำลังให้นั้นสมควรที่ผู้รับจะได้ไปหรือไม่ คิดว่าเขาจะเอาไปทำอะไร คิดมากจนจิตมันส่าย แทนที่จะนิ่งเพื่อให้ทานนั้นสำเร็จ เกิดบุญ กลับกลายเป็นว่าไปลดทอนกำลังบุญเสีย

    และหลังการให้ทาน ไม่ควรเสียดาย หรือมีใจคิดฟุ้งซ่านไปอีก ประเภท ของที่เราให้ไปเมื่อตะกี้จะถึงวัด เขารับไปแล้วจะถึงวัตถุประสงค์ของเราหรือไม่ อย่าไปคิดแบบนั้น เมื่อให้ไปแล้วก็จบกันไป ถือว่าให้ขาดไปเลย

    การอธิษฐานหลังทำบุญนั้นก็สำคัญ ควรที่จะอธิษฐานไปในทางดี เพื่อให้เรามีความสุข ความขัดข้องอุปสรรคต่างๆ ความไม่มี ความขัดสน อย่าเกิดในชีวิตก็พอ อย่าไปอธิษฐานแบบมีข้อแม้แบบขอไปด้วยในตัว

    ประเภทว่า ขอให้บุญนี้ส่งผลให้ถูกหวย ส่งผลให้สอบได้ ส่งผลให้ขายนั่นขายนี่ได้ เจาะจงลงไปอย่างนั้นอย่างโน่น ตกลงเรามาทำบุญเพื่อละกิเลส สร้างกำลังใจที่จะเพียรทำความดี หรือมาทำบุญเพื่อการลงทุนกันเพื่ออะไรกันแน่

    ขอแนะนำว่า ขอให้เพียรทำความดี ให้ทานโดยไม่หยุดยั้งเท่าที่เราจะทำได้ เมื่อถึงเวลาบุญจะทำหน้าที่ตามเหตุและปัจจัย บุญนั้นจะส่งผลให้เราอัศจรรย์ใจแน่นอน มีตัวอย่างมามากมาย

    ผู้รับนั้นบริสุทธิ์ คือ ผู้รับนั้นยิ่งมีศีล เป็นคนดี บริสุทธิ์ มีความชอบธรรมมากเท่าใด บุญที่เราให้ก็จะเกิดผลมากขึ้นเท่านั้น ผู้รับที่บริสุทธิ์มาก เรียกว่า เป็นคนที่มีเนื้อนาบุญสูง สิ่งเหล่านี้เป็นเคล็ดลับ สำคัญที่จะทำให้เรามีความสุข ความเจริญ นำความร่ำรวยมาสู่ชีวิตได้ แบบยิ่งทำยิ่งรวยแน่นอน

    ขอให้พึงสังเกตอะไรอย่างหนึ่ง คนรวยนั้นทำไมมักชอบทำบุญกับพระผู้ใหญ่ที่มีคนเคารพกราบไหว้มากมาย ก็เพราะเขารู้ว่า ท่านเหล่านั้น เป็นผู้ที่มีเนื้อนาบุญสูง พระผู้ใหญ่เหล่านี้เมื่อรับทานมาแล้ว ท่านจะรีบเอาปัจจัยเหล่านั้นไปสร้างบุญต่อ ทั้งสร้างโรงพยาบาล สร้างวัด หรือสิ่งที่เป็นสาธารณะประโยชน์ สงเคราะห์คนหมู่มาก บุญนั้นก็ออกดอก ออกผลมากขึ้น

    และผู้ที่ทำทานก็จะได้บุญมากขึ้นๆ เพราะ ทุกคนที่มาใช้บริการนั้น เขาจะรู้สึกขอบคุณ มีการโมทนาบุญนั้นตลอดเวลา จากหนึ่งเป็นสิบ จากสิบเป็นร้อย จากร้อยเป็นหมื่นเป็นแสน เป็นล้านไม่รู้จบ ครูบาอาจารย์ท่านเรียกว่า “บุญงอก” ออกมา

    หลายคนบอกว่า แล้วจะรู้ได้อย่างไรว่า ท่านไหนมีเนื้อนาบุญสูง ท่านไหนบริสุทธิ์แค่ไหน ขอให้ดูที่วัตรปฏิบัติของท่านเป็นสำคัญ หรือถ้าไม่รู้ หรือไม่มีโอกาสได้ไปทำบุญกับท่าน แต่อยากได้บุญมากมีวิธีแบบง่ายๆ แต่ได้ผลเลิศ

    ครูบาอาจารย์ท่านสอนไว้ว่า เวลาที่เราใส่บาตร ทำสังฆทานหรือทำบุญด้วยวิธีใดนั้น ขอให้อธิษฐานถวายแด่พระพุทธเจ้าไปเลย พระสงฆ์ที่ท่านกำลังรับนั้น ท่านเป็นตัวแทนของพระพุทธองค์ เราทำบุญกับพระพุทธเจ้าโดยตรง อานิสงส์ของบุญนั้นจะมากมายขนาดไหน ลองนึกเอา

    และให้อธิษฐานในทุกวัน ขอให้ได้มีโอกาสทำบุญกับท่านที่มีเนื้อนาบุญสูง หรือผู้มีศีลกำกับ เพราะการทำบุยอย่างน้อยกับผู้มีศีลก็ได้บุญมาก มีวิธีการหนึ่งที่ดีมากขอเผยแพร่ ให้ทำกันเยอะๆ เวลาจะช่วยเหลือใคร ให้เงินใครหรือแม้แต่ลูก ให้พี่ให้น้อง ให้ใครก็ได้

    ที่มาทำบุญอย่างไรให้ถูกทาง ทำทานอย่างไรให้รวยทันตาเห็น |
     

แชร์หน้านี้

Loading...