ทำบุญครั้งใด ให้ เทวดา อนุโมทนา บุญด้วย นะเทวดา จะรัก จะค้มครองเรา

ในห้อง 'กฎแห่งกรรม - ภพภูมิ' ตั้งกระทู้โดย PalmPlamnaraks, 9 มกราคม 2006.

  1. PalmPlamnaraks

    PalmPlamnaraks เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 มกราคม 2005
    โพสต์:
    764
    ค่าพลัง:
    +5,790
    ทำบุญครั้งใด ให้ เทวดา อนุโมทนา บุญด้วย นะเทวดา จะรัก จะค้มครองเรา


    บุญนั้นไม่ได้เป็นตัวตนส่งไปให้กันและกันได้อย่างที่เขียนมานั้นหรอกค่ะ

    แต่ว่า มีผลถึงกัน..

    เช่น เวลาลูกบวช แล้วพ่อกับแม่ก็ดีใจ..
    คนทำนั้น คือ ลูก .. อานิสงส์ แห่งการบวชนั้น อยู่ที่ลูก
    แต่พ่อกันแม่ที่ดีใจนั้น .. ได้อานิสงส์ แห่งการอนุโมทนาในบุญของผู้อื่น..

    ซึ่งก็ได้บุญ อิ่มอกอิ่มใจ เหมือนกัน

    คนกับเทวดา .. ก็เป็นอย่างนั้น

    ไม่มีใครมาจองจำเทวดาให้มาตามช่วยคนหรอกค่ะ
    ..เหมือนกันยังไง..



    จะอธิบายดังนี้

    เวลามีคนที่นิยมทำบุญ ตักบาตร เข้าวัด ฟังธรรม รักษาศีล บ่อยๆ เป็นประจำสม่ำเสมอ

    เทวดาผ่านมาเห็นมนุษย์คนนี้ ทำดี .. ก็อนุโมทนาได้บุญไปด้วย
    แล้วก็เห็นคนเดิม มาทำบุญอีก.. ก็อนุโมทนาอีก

    เห็นบ่อยๆเข้า.. ก็ตามไปดูว่า เขาทำบุญอะไรอีกบ้างไหมนะ?
    เห็นเขาถือศีล แล้วแผ่เมตตาให้อีก ... เทวดาก็อนุโมทนาอีกด้วยความอยากรู้

    (เทวดาก็ยังมีกิเลสนะ) ก็ตามคนนี้ไปอีก .. เขาไปฟังธรรม .. เทวดาก็อนุโมทนาอีก

    ด้วยความชอบใจ เทวดาก็ตามคนนี้ไปเรื่อยๆ เพราะเขาทำบุญบ่อย
    (แค่ตามอนุโมทนาก็ได้บุญเยอะแล้ว.. เทวดาที่ชอบบุญเกลียดบาปมีมาก)


    พอวันไม่ค่อยดีคืนร้าย.. คนนี้ขึ้นรถทัวร์ ปรากฏว่าประสบอุบัติเหตุรถคว่ำ..

    เทวดาจะทนดูเขาตายง่ายๆไหม?..แน่นอน เทวดาเข้าไปช่วย ..
    กลายเป็นผู้รอดชีวิตโดยปลอดภัย

    ..ถ้าคนนี้เป็นคนดีมากๆ .. รอดมาได้แล้ว ก็ไปไหว้พระทำบุญ มากขึ้นอีก

    .. เทวดารักปานดวงใจ ไม่ปล่อยให้ตายง่ายๆหรอกค่ะ ..ถ้ากรรมเก่าไม่แรงจริง



    เทวดาทำบุญทำกุศลเองก็ได้ ไม่ต้องอาศัยมนุษย์ .. แต่เทวดามีขันธ์สี่

    บุญและทานบางส่วนที่ทำได้เฉพาะผู้มีขันธ์ห้านั้น เทวดาทำไม่ได้
    .. ก็มาอาศัยอนุโมทนาด้วยแทน เช่น การบวช การปฏิบัติธรรมจนถึงมรรคผล

    พระอริยะฝ่ายมนุษย์มีมาก , วัตถุทาน เช่น วัด โบสถ์ จีวร เสนาสนะ อาหาร ฯลฯ

    เหล่านี้ เทวดาถวายเองไม่ได้.. แต่อำนวยความสะดวกให้คนที่มาถวายได้

    เทวดา ก็มีความสามารถต่างๆกันไป คล้ายๆคนเรา ..บางคนมีฤทธิ์ บางคนก็ไม่มี

    เทวดาบางพวกก็มีฤทธิ์มาก ถึงขนาดทำแผ่นดินไหวได้ ..
    บางพวกก็มีฤทธิ์พอประมาณ พอให้แสดงตนแก่ชาวโลกได้บ้างว่า เทวดามีจริง

    บางพวกก็ไม่มีฤทธิ์เลย.. ขอร้องเท่าไหร่ ก็ปรากฏตัวให้คนเห็นด้วยตาเนื้อไม่ได้
    (ส่วนคนผู้มีฤทธิ์ จะเห็นได้ด้วยทิพย์จักษุอยู่แล้ว)


    ..ฤทธิ์ของเทวดาก็ไม่ได้เกิดขึ้นเอง แต่เกิดขึ้นจากวาสนาบารมีที่ท่านได้สะสมมา

    อาจจะตั้งแต่ครั้งเป็นมนุษย์สมัยหนึ่งๆ

    ..แต่ จะว่าเทวดาบางพวกมีฤทธิ์ เพราะมนุษย์ ก็ว่าได้..
    เพราะมนุษย์บางคนมีอธิษฐานบารมีมาก ..รู้ว่าเทวดามาคอยช่วยเหลือตน

    ก็อธิษฐานให้เทวดาตนนั้นๆ มีฤทธิ์มีเดช เทวดานั้นก็เกิดมีฤทธิ์ขึ้นมาได้

    (คนประเภทนี้ เทวดายิ่งรักมาก ยิ่งมาคอยเฝ้า จะเอาอะไรก็ตามใจให้..

    คนจำพวกนี้มีไม่มาก ส่วนใหญ่เป็นผู้ปรารถนาพุทธภูมิ ..^_^)

    เทวดาเสวยสุขอันประกอบด้วยกามคุณ5อยู่เนืองๆ
    ไม่ต้องทำอาชีพใดๆมีอยู่มีกิน เป็นสมบัติทิพย์
    ..แต่จะว่า เทวดานั่งกินนอนกินอย่างเดียวก็ไม่ถูก

    เทวดาก็มีหมู่มีคณะ มีความเห็นที่ขัดกัน
    เทวดาที่นับถือพระพุทธเจ้าก็มีมาก .. เทวดาที่ไม่เชื่อก็มีบ้าง

    เทวดาบางหมู่บอกว่าเทวดาเกิดขึ้นเอง ไม่เกี่ยวกับทำดีหรือไม่(ซึ่งเป็นมิจฉาทิฏฐิ)

    เทวดาบางพวกบอกว่า คนทำบุญ มีศีล มีหิริโอตัปปะ จึงได้เกิดเป็นเทวดา

    ..ก็คล้ายๆมนุษย์น่ะ บางคนบอกว่า เด็กถึงเวลามันก็เกิดเอง (มิจฉาทิฏฐิ)

    บางคนก็บอกว่า ต้องมีศีล5 ถึงจะได้เกิดเป็นคน.. อะไรทำนองนี้

    ก็เพราะความเห็นที่ขัดกันเหล่านี้ ก็ทำให้ขัดแย้งกัน ทำให้เทวดาต้องมีหัวหน้าไว้คอยไกล่เกลี่ยปัญหา .. เพื่อให้เกิดความผาสุกในหมู่เทวดา

    .. ก็เหมือนในเวปลานธรรมนี้ ที่ต้องมีเวปมาสเตอร์คอยดูแล ไม่ให้ขัดแย้งกันเกินไป

    เหล่าเทวดาที่ไม่เชื่อพระพุทธเจ้า ขัดขวางผู้ปฏิบัติธรรม .. ส่งเสริมคนที่ทำเรื่องไม่ดี ไม่อนุโมทนากับคนที่ทำดี ..พระพุทธเจ้าท่านเรียกว่า "มาร"

    ในพระไตรปิฏก มีบางตอนกล่าวถึงพญามาร ไว้ว่า .. ได้เข้ามาในที่ประชุมสงฆ์

    และกระทำฟ้าผ่าดังกึกก้องทั่วบริเวณ .. หวังให้สงฆ์ตกใจแตกตื่นกลัว
    ..แต่สงฆ์ที่มาประชุมพร้อมกันในที่นั้น ล้วนเป็นพระอรหันต์ ไม่มีผู้ใดสะดุ้งกลัวเลย
    พญามารเห็นดังนั้น จึงหลีกหนีไปเสีย..

    ..อันนี้คงไม่ต้องเปรียบเทียบ .. เพราะมนุษย์ ที่เวลาเขาประชุมทำงานกันมากวนให้วงแตกก็มีอยู่เยอะแยะไป

    ..แม้เทวดาจะเป็นอย่างไรก็ตาม พระพุทธเจ้า ท่านก็ไม่สรรเสริญ ผู้กราบไหว้บูชาเทวดา

    ยึดถือเทวดาเป็นที่พึ่ง เพราะ การที่นับถือเทวดานั้น ก็ยังไม่สามารถทำให้คนพ้นทุกข์ภัยในวัฏฏะสงสารนี้ไปได้..

    ..ที่พึ่งอันประเสริฐ อันควรเคารพ .. ซึ่งสามารถทำทุกข์ให้หมดสิ้นไปได้จริงนั้น

    คือ พระพุทธ พระธรรม และพระอริยสงฆ์ เท่านั้น (ไตรสรณคม)
    ..แม้ท้าวสักกะเทวราช ยังนับถือ พระพุทธ พระธรรม และพระสงฆ์
    เป็นที่พึ่งที่ระลึกตราบจนทุกวันนี้




    จาก กระทู้ เทวดาประจำตัวมีจริงหรือไม่

    http://larndham.net/index.php?showtopic=16674&st=100

    ที่มา http://www.agalico.com/board/showthread.php?t=1251
    <!-- / message --><!-- sig -->
     
  2. PalmPlamnaraks

    PalmPlamnaraks เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 มกราคม 2005
    โพสต์:
    764
    ค่าพลัง:
    +5,790
    ลองทำดูนะครับ ของแบบนี้ไม่ทำเองไม่รู้เอง
     
  3. jopikachu

    jopikachu สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    9
    ค่าพลัง:
    +13
    ครับ พี่ Plamnaraks ขออนุโมทนสาธุด้วยนะครับ
    คนทุกคนก็มีเทวดาประจำใจอยู่แล้วนี่นา ท่านที่คอยดูแลรักษาเราตลอด
    ก็ คือ .. พ่อ กับ แม่ ของเรา ใช่ไหมล่ะครับ พ่อกับแม่ท่านก็คอยแสดงความยินดีกับเราเมื่อเรามีสุข เหมือนกับที่เทวดา ท่านคอยอนุโมทนาบุญตอนที่เราทำบุญไงล่ะครับ
    ..คนดี เทวดา คุ้มครอง ...เหมือนกับเรา ที่ทำดี ก็มีคนดีคอยช่วยเหลือ ใช่ไหมครับ..
     
  4. PalmPlamnaraks

    PalmPlamnaraks เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 มกราคม 2005
    โพสต์:
    764
    ค่าพลัง:
    +5,790
  5. GAN9

    GAN9 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    241
    ค่าพลัง:
    +1,249
    โมทนาครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...