ทำงานด้วยใจใช้ธรรมนำทาง..พญ.ศิเรมอร ทองสิมา

ในห้อง 'พุทธศาสนากับคนดัง' ตั้งกระทู้โดย NoOTa, 28 มกราคม 2009.

  1. NoOTa

    NoOTa Super Moderator ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    20,125
    กระทู้เรื่องเด่น:
    349
    ค่าพลัง:
    +64,492
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=500 border=0><TBODY><TR><TD>พญ.ศิเรมอร ทองสิมา ทำงานด้วยใจใช้ธรรมนำทาง


    </TD><TD vAlign=top width=155></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=500 border=0><TBODY><TR><TD>รายงานโดย :อนุสรา ทองอุไร:

    </TD><TD>วันอังคารที่ 27 มกราคม พ.ศ. 2552

    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    พญ.ศิเรมอร ทองสิมา หรือคุณหมอกระตา ตั้งแต่เล็กคุณหมอมีนิสัยเป็นคนช่างสังเกต ใส่ใจในรายละเอียด และมีความสนใจในเรื่องเกี่ยวกับการแพทย์และสุขภาพ มีความใฝ่ฝันอยากเป็นหมอมาตั้งแต่เล็ก


    จนกระทั่งคุณย่าของเธอได้มีความคิดริเริ่มที่จะสร้างโรงพยาบาลนครธน เมื่อ 10 กว่าปีที่ผ่านมา เพื่อให้เป็นโรงพยาบาลชั้นหนึ่งที่ให้บริการเป็นเลิศ เป็นศูนย์กลางทางการแพทย์ ที่จะให้บริการผู้ป่วยในชุมชนฝั่งธนบุรี ซึ่งในสมัยนั้นการจราจรยังไม่สะดวก และยังไม่มีโรงพยาบาลชั้นนำให้บริการแก่ประชาชนในบริเวณชุมชนนี้ เพื่อหวังเป็นที่พึ่งของคนฝั่งธน จึงได้ก่อตั้งโรงพยาบาล ณ ริมถนนพระรามที่ 2 ขึ้น
    คุณหมอได้รับการสนับสนุนและกำลังใจจากครอบครัวเรื่องการเรียน และปลูกฝังความมุ่งมั่นให้กลับมาทำงานที่โรงพยาบาล ช่วยสร้างงาน และช่วยรักษาคนในชุมชน

    [​IMG]

    การศึกษา
    คุณหมอจบการศึกษาชั้นมัธยมจากโรงเรียนสตรีวิทยา และเข้าศึกษาต่อที่คณะแพทยศาสตร์ ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล เมื่ออายุราว 16 ปี ซึ่งถือว่าต้องใช้ความรับผิดชอบอย่างสูงในการเรียนในวัยนั้น หลังจากได้รับปริญญาแพทยศาสตรบัณฑิต ในปี 2545 คุณหมอได้เข้ารับราชการที่โรงพยาบาลประจำ จ.อุบลราชธานี เป็นเวลา 1 ปี และได้ตัดสินใจเดินทางไปศึกษาต่อเกี่ยวกับโรคผิวหนังและเลเซอร์ผิวหนัง ที่มหาวิทยาลัยบอสตัน มลรัฐแมสซาชูเซตส์ สหรัฐอเมริกา ซึ่งคุณหมอก็ได้เก็บเกี่ยวประสบการณ์เกี่ยวกับการรักษาและเทคโนโลยีใหม่ๆ จนได้รับปริญญาโททางผิวหนังใน 2 ปีถัดมา
    จากนั้นคุณหมอเข้าศึกษาต่อในหลักสูตรประกาศนียบัตรทางผิวหนัง ที่มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด และได้เข้าร่วมทำงานวิจัยและศึกษาเรื่องเลเซอร์กับ Dr.Dieter Manstein และ Dr.Rox Anderson ศาสตราจารย์ประจำมหาวิทยาลัย ผู้ถือสิทธิบัตรการคิดค้นเครื่องเลเซอร์จำนวนมาก คุณหมอได้ฝากผลงานวิจัยเกี่ยวกับเครื่องเลเซอร์ Fraxel ซึ่งเป็นตัวที่ชี้วัดถึงประสิทธิภาพของเครื่องเลเซอร์นี้ เมื่อเดือนเม.ย. ที่ผ่านมา คุณหมอได้รับเชิญให้นำเสนอผลงานที่ทำร่วมกับทีมฮาร์วาร์ด ในงานประชุมของสมาคมการแพทย์ศัลยศาสตร์เลเซอร์ สหรัฐอเมริกา ASLMS ณ มลรัฐฟลอริดา สหรัฐอเมริกา อีกด้วย

    เมื่อผิวมีปัญหา
    ปัจจุบันคุณหมอทำงานที่ นีตนาท คลินิก ทองหล่อ และเป็นแพทย์ผู้เชี่ยวชาญประจำศูนย์ผิวหนัง ความงามและเลเซอร์ โรงพยาบาลนครธน และได้ดำเนินการติดตั้งเครื่องมือทางการแพทย์ที่ทันสมัย เพื่อวิจัย ตรวจวิเคราะห์สภาพผิวอีกด้วย โดยมีเป้าหมายเพื่อให้ศูนย์ผิวหนังโรงพยาบาลนครธนให้การบริการที่เป็นเลิศทั้งทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญและเทคโนโลยีที่ปลอดภัยมีประสิทธิภาพสูง

    [​IMG]

    ปัญหาผิวหนังของคนไทยส่วนใหญ่ที่พบบ่อยก็คือ เป็นปัญหาที่เกี่ยวกับเรื่องผิวแพ้ง่าย เป็นผื่นผด จะเป็นกันบ่อย วิธีแก้ก็คือให้ดื่มน้ำมากๆ การดื่มน้ำสะอาดบริสุทธิ์จะช่วยได้ดีในเรื่องของผิวพรรณ ช่วยขับของเสียให้เลือดลมไหลเวียนสะดวก รวมทั้งการรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ เช่น ผักสด ผลไม้ จะช่วยเรื่องผิวพรรณและภูมิแพ้ได้ดี และเมื่อเกิดภูมิแพ้ก็อย่าเกา เมื่อผิวแห้งเวลาอากาศเย็นให้ใช้โลชันบำรุงผิวเพื่อให้ความชุ่มชื่น โดยเลือกผลิตภัณฑ์ที่อ่อนโยนต่อผิว ไม่มีกลิ่นหรือใช้น้ำหอมเป็นส่วนผสม สำหรับหน้าร้อนก็อย่าใช้เสื้อผ้าที่อับชื้นมากนัก ควรใส่เสื้อผ้าหลวมๆ เช่น พวกผ้าฝ้าย ผ้าลินิน ที่ระบายอากาศได้ดี โปร่งสบาย จะช่วยแก้ปัญหาความอับชื้นและลดกลิ่นตัวเมื่อมีเหงื่อออกมากๆ สำหรับผู้ที่มีริ้วรอยที่เกิดจากวัยหรือเป็นฝ้า ควรเลี่ยงแสงแดดให้มากที่สุด และอย่าลืมใช้ครีมกันแดดทุกครั้งที่ออกจากบ้าน นี่คือการดูแลผิวขั้นพื้นฐาน

    หลักการทำงาน

    ไม่เครียด พยายามมองโลกในแง่ดี มีความสุขในงานที่ทำ เรียนรู้เมื่อมีปัญหาเกิดขึ้น คิดไว้เสมอว่าปัญหามาปัญญาเกิด มีส่วนร่วมในการทำให้องค์กรพัฒนาไปได้อย่างดี หากเป็นหัวหน้าอย่าลืมที่จะส่งเสริมลูกน้องทุกครั้งที่เขามีโอกาส ทำงานแบบนึกถึงอกเขาอกเราให้มากที่สุด ที่สำคัญการทำธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพของคนนั้น ถือว่าเป็นการบริการดูแลชีวิตคนอื่น ทุกอย่างต้องซีเรียสจริงจังใส่ใจในทุกรายละเอียด ต้องดูแลทั้งร่างกายและจิตใจ


    ธรรมะกับงาน เธอว่าการทำงานกับคนทุกระดับทั้งคนในองค์กรเองและคนไข้ที่เข้ามาใช้บริการ ทุกคนมีความหลากหลายต่างจิตต่างใจ ปัญหาย่อมเกิดขึ้นได้เสมอ หากไม่รู้จักนำธรรมะมาปรับใช้ในชีวิตการทำงานอาจจะทำให้ยุ่งยากใจเกิดขึ้นได้ เพราะธรรมะทำให้จิตใจเยือกเย็น รู้จักให้อภัย รู้ใจตัวเองได้ดีกว่าที่ผ่านมา ดูใจเราดูใจเขา ทำให้รู้จักฝึกจิตใจ ให้มีฉันทะ วิริยะ จิตตะ วิมังสา เมื่อรู้ถึงประโยชน์ที่ได้มา ทำให้เธอมีส่วนในการส่งเสริมให้โรงพยาบาลตั้งชมรมธรรมะ ในชื่อ ชมรมอายุวัฒนาในศูนย์แพทย์แผนไทย โดยสามารถให้คนนอกเข้ามาใช้บริการได้ ทุกวันจะมีการฝึกนั่งสมาธิ สวดมนต์ เพื่อหวังให้ทุกคนที่เข้ามานำหลักธรรมะไปใช้เพื่อให้ชีวิตมีความสุขและสงบขึ้น

    ----------
    [​IMG]

    http://www.posttoday.com/lifestyle.php?id=29886
     

แชร์หน้านี้

Loading...