ทำกรรมขึ้นมาแล้ว...ยากที่จะหนีกรรมนั้นได้

ในห้อง 'หลวงพ่อเล็ก วัดท่าขนุน' ตั้งกระทู้โดย tamsak, 2 ธันวาคม 2012.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. tamsak

    tamsak ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กันยายน 2004
    โพสต์:
    7,857
    กระทู้เรื่องเด่น:
    22
    ค่าพลัง:
    +161,172
    ถาม : .....

    ตอบ : มีอยู่สมัยหนึ่งมีพระอยู่หลายคณะ พอออกพรรษาแล้วก็เดินทางไปกราบ พระพุทธเจ้า ที่ เชตวันมหาวิหาร

    คณะหนึ่งเดินมาทางพื้นราบ ชาวบ้านเขาเห็นก็นิมนต์ไปรับภัตตาหาร ตอนที่เขากำลังประเคนอาหารพระอยู่ ปรากฏว่าไฟไหม้ไปติดที่เสวียนหญ้าที่เขาเอาไว้รองหม้อ สมัยก่อนจะใช้หม้อดิน เขาจะเอาหญ้ามามัดขดเป็นวงกลมๆ สำหรับเอาหม้อวางไว้ จะได้ไม่แตก ไม่หก ไม่ล้ม ไฟไหม้ไปติดเสวียนหญ้าแล้วลมตีลอยขึ้นไป ปรากฏว่าอีกาตัวหนึ่งบินผ่านมา ถูกเสวียนหญ้าสวมเข้าพอดีเลย จึงโดนไฟไหม้ร่วงลงมาตาย พระท่านก็แปลกใจว่า "เออหนอ..ขนาดอยู่บนอากาศอย่างนั้นยังโดนไฟไหม้ร่วงลงมาตายได้ จะต้องมีอะไรที่เป็นเบื้องหลังชนิดที่คิดไม่ถึงแน่นอน จำเราจะต้องไปถามพระพุทธเจ้าดู" ฉันเสร็จแล้วก็ลาญาติโยมเดินทางต่อไป

    อีกคณะหนึ่งมาทาง ทะเล อาศัยเรือเขามา ปรากฏว่าเรือที่กำลังแล่นอยู่กลางทะเล ทั้งๆ ที่ลมส่งก็แรงดีแต่เรือไม่ไป ติดอยู่เหมือนกับว่าทิ้งสมอไว้อย่างนั้น แก้ไขอย่างไรก็ไปไม่ได้ นายเรือก็เลยคิดว่า คนกาลกิณี จะต้องเกิดขึ้นแล้วในสถานที่ของเรา จึงทำฉลากให้จับ ปรากฏว่าไปเจอะเอาเมียสาวสวยเช้งของนายเรือพอดี ให้จับใหม่ถึงสามครั้ง ปรากฏว่าจะจับก่อน จับหลัง จับตรงกลาง ก็ได้คนเดียวกันนั่นแหละ นายเรือก็เลยตัดสินใจ เพื่อให้คนทั้งหลายอยู่รอดจำต้องสละภรรยาตัวเอง เลยจับภรรยาโยนน้ำไปเสีย เรือก็แล่นต่อไปได้ พระที่ติดเรือไปด้วยก็คิดว่า "นางทำกรรมอะไรเห็นปานนี้หนอ ต้องมาถูกทิ้งกลางทะเล จำเราต้องไปถามพระพุทธเจ้าดู"

    ส่วนอีกคณะมาทางป่าและเขา พอค่ำลงก็มาขอพักที่วัดแห่งหนึ่ง ซึ่งเป็นวัดป่ามีถ้ำใหญ่อยู่ พระเจ้าถิ่นก็จัดที่นอนให้กันอยู่ในถ้ำ ท่านมาด้วยกันเจ็ดรูป ปรากฏว่าขณะที่นอนกันอยู่ มีก้อนหินใหญ่ ท่านใช้คำว่า "ใหญ่เท่าเรือนยอด" เรือนยอดนี่หมายถึงกุฏิประเภทมณฑปมียอดของสมัยนี้ หินใหญ่เท่าเรือนยอดกลิ้งตกจากเขามาอุดปากถ้ำไว้พอดี พอตอนเช้าพระเจ้าถิ่นเห็นเข้าก็ตกใจ รีบเกณฑ์ชาวบ้านมาช่วยกันงัด ช่วยกันแงะ อย่างไรก็ไม่ออก พระท่านก็อดอาหารอยู่ข้างในนั้น พอถึงวันที่เจ็ดปรากฏว่าหินใหญ่นั้นกลิ้งออกไปเฉยๆ ไม่ต้องให้ใครทำอะไรเลย พระทั้งเจ็ดรูปก็หิวโซออกมา จนกระทั่งชาวบ้านเลี้ยงกินอิ่มหนำมีเรี่ยวมีแรงดีแล้ว ก็คิดว่า "เออหนอ..พวกเราทำกรรมอะไรมาหนักขนาดนี้หนอ ถึงต้องมาอดข้าวอดน้ำตั้งเจ็ดวัน จำเราจะไปทูลถามพระพุทธเจ้าดู.."



    .
     
  2. tamsak

    tamsak ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กันยายน 2004
    โพสต์:
    7,857
    กระทู้เรื่องเด่น:
    22
    ค่าพลัง:
    +161,172
    .

    พอไปถึง พระเชตวันมหาวิหาร ต่างคนต่างกราบปฏิสันถารเรียบร้อยแล้ว ท่านก็ทูลถามว่าเกิดอะไรขึ้น พวกกรรมต่างๆ อย่างนี้ถึงได้มีอยู่ พระพุทธเจ้า ท่านตรัสว่า อีกาตัวนั้นสมัยหนึ่งเป็นชาวนา วัวของแกดื้อมาก ทำอย่างไรก็ไม่ยอมไถนา แกเลยเอาฟางมาม้วนพันคอวัวไว้ แล้วจุดไฟเผา วัวทนไม่ไหวก็ตาย แกต้องตายเพราะไฟตามกรรมที่สร้างไว้มาตลอด ๕๐๐ ชาติ

    รายที่เป็นภรรยาของนายเรือนั่น หลายชาติที่แล้วเป็นภรรยาของนายพราน คราวนี้สามีตาย ตัวเองก็อยู่กับหมา หมาพรานเป็นนักล่าอยู่แล้ว ไปไหนก็ไปด้วย คนก็พูดแซวไปเรื่อยเปื่อยว่า พรานผู้หญิงเขามาแล้ว เดี๋ยวล่าสัตว์ได้เราจะขอแบ่งไปกินบ้าง แซวกันไปแซวกันมา พอหลายวันเข้าพรานหญิงก็อาย เลยใช้วิธีจับหมาแล้วเอาหม้อผูกคอ เอาทรายใส่แล้วผลักลงน้ำ หมาก็จมน้ำตาย

    พระพุทธเจ้า ก็บอกว่า หมาตัวนั้นในอดีตชาติเคยเป็นสามีของผู้หญิงคนนั้น คราวนี้พอเกิดมาเป็นหมาแล้วจำได้ คอยติดสอยห้อยตามไม่ห่าง ใครเข้าใกล้มาก็คอยป้องกัน ทำด้วยความรักความผูกพันจากอดีตชาติมา แต่ผู้หญิงเขาโดนแซวอยู่บ่อยๆ ทนไม่ไหว จึงจับถ่วงน้ำไปเลย ชาตินี้กรรมก็เลยพาให้ตัวเองต้องชดใช้บ้าง เรือวิ่งอยู่กลางทะเลแท้ๆ ไปไหนไม่ได้ ต้องจับฉลากว่าใครเป็น ตัวกาลกิณีที่ ทำให้เกิดเหตุนี้ แกก็จับได้ทั้งสามครั้ง นี่เป็นกรรมจากอดีตมา

    ส่วนพระอีกเจ็ดรูปที่ไปติดอยู่ในถ้ำ พระพุทธเจ้า ตรัสว่าหลายอัตภาพที่แล้วมา เกิดเป็นเด็กเจ็ดคนมีหน้าที่ต้อนวัวไปเลี้ยง ถึงเวลาก็ตามประสาเด็ก มีหนังสติ๊กก็ไล่ยิงนกตกปลาของตัวเองไปเรื่อย ไปเจอเหี้ยตัวใหญ่เข้า คิดว่าจะกินก็ไล่ต้อน เหี้ยไม่มีทางหนีก็ผลุบเข้าไปรูที่จอมปลวก พวกนี้เห็นว่าค่ำแล้วไม่สามารถที่จะขุดเอาออกมาได้ในวันนี้ ก็หาไม้มาอุดรูเอาไว้ เสร็จแล้วก็กลับบ้านไป คราวนี้วันต่อมาลืมว่าตัวเองขังเหี้ยเอาไว้ ก็ต้อนวัวไปหากินทางอื่น ต้อนไปต้อนมา พอวันที่เจ็ดย้อนกลับมาทางเดิมพอดี เห็นจอมปลวกนึกได้ ก็รีบไปดึงไม้ที่อุดอยู่ออกมา ปรากฏว่าเหี้ยคลานออกมาผอมโหลเหล จะตายแหล่ไม่ตายแหล่ เลยหมดความน่ากินเพราะอดมาเจ็ดวันแล้ว ไม่อ้วนเหมือนเดิมแล้ว ก็เลยปล่อยไป โทษที่ตัวเองขังเขาไว้เจ็ดวันไม่ได้กินอะไร ชาตินี้เลยเป็นเหตุให้ไปติดอยู่ในถ้ำเสียเจ็ดวัน ต้องอดข้าวอดน้ำเหมือนกัน

    พอพระทั้งหมดได้ยินก็เกิดสลดใจว่า เออหนอ... คนเราทำกรรมขึ้นมาแล้ว ถึงจะบินอยู่บนฟ้า ลอยอยู่กลางทะเลก็ดี หลบซ่อนอยู่ในถ้ำก็ดี ไม่สามารถที่จะหนีกรรมนั้นได้เลย เกิดสลดใจขึ้นมา พระพุทธเจ้า ท่านเลยเทศน์สงเคราะห์จนกลายเป็นพระอริยเจ้า คือท่านแสดงให้เห็นชัดๆ ว่า ไม่ว่าคุณไปทำอะไรไว้ก็ตาม ถึงเวลาผลลัพธ์นั้นจะเกิดขึ้นกับตัวเองแน่นอน เป็นอย่างไร ? ฟังแล้วสยองไหม ?


    สนทนากับพระครูวิลาศกาญจนธรรม (พระอาจารย์เล็ก สุธมฺมปญฺโญ)
    ณ บ้านอนุสาวรีย์ฯ เดือนมิถุนายน พุทธศักราช ๒๕๔๕

    ที่มา : ทำกรรมขึ้นมาแล้ว...ยากที่จะหนีกรรมนั้นได้ - กระดานสนทนาวัดท่าขนุน



    .



    .
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...