ทางแห่งการปฏิบัติเพื่อมรรคผล อย่างแท้จริง

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย นิยายธรรม, 11 สิงหาคม 2009.

  1. นิยายธรรม

    นิยายธรรม สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    108
    ค่าพลัง:
    +20
    กระทู้นี้ผมตั้งขึ้นเพื่อเป็นกระทู้ที่เป็นแหล่งเข้ามาศึกษาแนวทางปฏิบัติแบบถูกต้องทางพระพุทธศาสนา
    ขอแนะนำตัวก่อนครับ ผมเฝ้าดูเวปนี้มานานพอสมควรแต่ไม่เคยเผยตัว ในส่วนตัวก็ปฏิบัติ ในสายหลวงพ่อฤาษีลิงดำจนมีผลระดับหนึ่ง เป็นสุขใจตามสมควรกระทู้นี้ขอย้ำนะครับ เน้นผู้ปฏิบัติจริงๆ ติดหรือมีความคล่องในจุดใดมาแลกเปลี่ยนทัศนะ ส่วนผู้ที่ไม่เคยปฏิบัติ หรือยังไม่คล่องสามารถนำความรู้ที่มีผู้รู้หลายท่านมาเผยแผ่ ขอความกรุณาท่านทั้งหลายที่ยังไม่สามารถจะระงับนิวรณ์ได้อย่าโพสต์ข้อความโจมตีซึ่งกันและกัน หรือเหน็บแนม ในข้อความที่มีความเห็นไม่ตรงกัน ถ้าจะคัดค้านให้เอาเหตุผลมา แย้งได้ครับ สำรวมในจิตตนด้วยครับ
    "นิสัมกรณังเสยโย" ใครครวญเสียก่อนจะทำ
    ด้วยจิตปรารถนาดี ขอให้ทุกท่านที่เข้าและมีกุศลจิตจงเป็นผู้รู้แจ้งในธรรมที่องค์สมเด็จพระบรมครูทรงสอนไว้ทุกประการเข้าสู่ นิพพานในชาติปัจจุบันทุกท่านเทอญ
     
  2. นิยายธรรม

    นิยายธรรม สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    108
    ค่าพลัง:
    +20
    ผมขอเริ่มหัวข้อก่อนเลย ครับ บุคคลที่จะปฏิบัติเข้าถึงมรรค ผล นิพพาน องค์สมเด็จพระบรมครูสอนไว้ว่า มีเพียง มรรค 8 หรือย่อ คือ ศีล สมาธิ ปัญญา
    เรามาเริ่มกันทีศีลก่อน บุคคลใดไร้ซึ่งศีลบุคคลนั้นถือว่าไม่ปกติ เพราะศีลแปลว่าปกติ ซึ่งมีไว้ ควบคุมการสร้างกรรม ทางกาย วาจา ท่านว่า หากนักปฏิบัติใดไร้ศีล สมาธิและปัญญาจะเอาดีไม่ได้เลย สังเกตุได้จากการทำบุญที่วัดทุกอย่างท่านให้ทุกคนรับศีลก่อน อย่างน้อยบุคคลนั้นจะเป็นผู้มีศีลบริสุทธิ ณ เวลานั้น ทานที่ทำถวายพระภิกษุสงฆ์จะมีผลาอานิสงค์ ตามส่วน คือ ผู้ให้บริสุทธิ์ ของที่ให้บริสุทธิ์ ผู้รับบริสุทธิ์ จะเห็นได้ว่า มีความสำคัญมากสำหรับผู้ปฏิบัติ
    คำถาม อย่างไรจึงจะเรียกว่าเป็นผู้มีศีลบริสุทธิ์
     
  3. วิษณุ12

    วิษณุ12 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    5,337
    ค่าพลัง:
    +6,846
    คำถาม อย่างไรจึงจะเรียกว่าเป็นผู้มีศีลบริสุทธิ์<!-- google_ad_section_end --> ...

    ผมตอบ...อยู่ที่ใจครับ ต้อง ถามใจตัวเอง บอกยากเหมือนกัน ว่าใคร
     
  4. นิยายธรรม

    นิยายธรรม สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    108
    ค่าพลัง:
    +20
    ยังรอท่านอื่นมาแสดงความเข้าใจในศีลจริง ๆ อยู่ครับมีบ้างไหม
     
  5. ถิ่นธรรม

    ถิ่นธรรม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มิถุนายน 2006
    โพสต์:
    1,824
    ค่าพลัง:
    +5,398
    ศีลบริสุทธ์ พระพุทธองค์ทรงเรียนกว่าปาริสุทธิศีล ซึ่งมีพระสูตรแสดงถึงความเป็นปาริสุทธิศีล ไว้ดังนี้

    ๒. สีลสูตร ว่าด้วยปาริสุทธิศีล ๔
    [๑๒] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ท่านทั้งหลายจงเป็นผู้มีศีลถึงพร้อมมีปาฏิโมกข์ถึงพร้อมอยู่เถิด จงสำรวมในปาฏิโมกข์ ถึงพร้อมด้วยมรรยาทและโคจร มีปรกติเห็นภัยในโทษมาตรว่าน้อย สมาทานศึกษาอยู่ในสิกขาบททั้งหลายเถิด เมื่อท่านทั้งหลายมีศีลถึงพร้อมมีปาฏิโมกข์ถึงพร้อมอยู่ สำรวมในปาฏิโมกข์ ถึงพร้อมด้วยมรรยาทและโคจร มีปกติเห็นภัยในโทษมาตรว่าน้อย สมาทานศึกษาในสิกขาบททั้งหลายอยู่ อะไรเป็นกิจที่จะพึงทำต่อไป ?
    ภิกษุทั้งหลาย ถ้าเมื่อภิกษุเดินอยู่ก็ดี ยืนอยู่ก็ดี นั่งอยู่ก็ดีนอนอยู่ไม่หลับก็ดี อภิชฌาปราศไป พยาบาทปราศไป ถีนมิทธะ อุทธัจจะ กุกกุจจะ วิจิกิจฉา ภิกษุก็ละได้ ความเพียรทำไม่ย่อหย่อน สติตั้งมั่นไม่ฟั่นเฟือน กายระงับไม่กระสับกระส่าย จิตเป็นสมาธิแน่วแน่ ภิกษุเดินอยู่เป็นอย่างนี้ก็ดี ยืนอยู่เป็นอย่างนี้ก็ดี นั่งอยู่เป็นอย่างนี้ก็ดี นอนอยู่ไม่หลับเป็นอย่างนี้ก็ดี เราเรียกว่า ผู้มีอาตาปะ มีโอตตัปปะ มีความเพียรอันทำแล้ว มีใจเด็ดเดี่ยวเนืองนิตย์.
    ภิกษุพึงเดินสำรวม ยืนสำรวม นั่งสำรวม นอนสำรวม คู้อวัยวะเข้าก็สำรวมเหยียดอวัยวะออกก็สำรวม พิจารณาดูความเกิดขึ้นความเสื่อมไปแห่งธรรมและขันธ์ทั้งหลาย ในเบื้องบน ท่ามกลางเบื้องล่าง ทุกภูมิโลก บัณฑิตทั้งหลายกล่าวภิกษุผู้ศึกษา ปฏิปทาอันสมควรแก่ความสงบใจ มีสติทุกเมื่อเช่นนั้นว่า ผู้มีใจเด็ดเดี่ยวเนืองนิตย์.
    จบสีลสูตรที่ ๒

    ---------------------------------------------------------
    จากที่พระพุทธองค์ทรงแสดงพอสรุปได้ว่า ศีลจะมีอยู่ 2 ขั้นด้วยกัน คือขั้นสมาทาน และขั้นปฏิบัติ หรือภายนอก กับ ภายใน
    ขั้นแรกก็คือมีความเป็นสัมมาทิษฐิก่อน (มีปรกติเห็นภัย) แล้วก็สมาทานศีล (สมาทานศึกษาอยู่ในสิกขาบท) แล้วก็ระมัดระวังไม่ให้ศีลขาดหรือด่างพร้อย(ถึงพร้อมด้วยมรรยาทและโคจร) แล้ว็กวนกลับมาที่สัมมาทิษฐิอีก(มีปรกติเห็นภัย) อันนี้เป็นขั้นแรก
    ในระดับต่อไปก็คือการตั้งสติปัฏฐาน ทำจิตให้เป็นสมาธิ ซึ่งจะทำให้เกิดหิริโอตปัปปะแบบอริยะ ซึ่งกลับไปที่ศีลอีก ต่อไปพิจารณาเห็นโทษภัยของขันธ์ อันเป็นการเจริญปัญญาชื่อได้ว่าเป็นกิจของสมณะ
     
  6. นิยายธรรม

    นิยายธรรม สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    108
    ค่าพลัง:
    +20
    [Embarrassสาธุ...ครับผมจะลองแสดงความเห็นมั่งนะครับ พระเดชพระคุณหลวงพ่อท่านเคยบอกว่าบุคคลจะมีศีลได้นั้น ต้องเป็นผู้เห็นภัย และเจตนางดเว้น ท่านไม่ได้เน้นเรื่องสมาทาน ท่านบอกว่าลองคิดดูดี ๆ บุคคลใดทรงพรหมวิหาร 4 ได้ศีลบุคคลนั้นปกติ ผมก็มานั่งคิด เออจริงนะ คนเรามีเมตตา คิดจะฆ่าใครไหม สัตว์และคนรักชีวิตเหมือนกัน หวงสมบัติเหมือนกัน หวงแหนคนที่เรารักเหมือนกัน ไม่อยากถูกโกหกหลอกลวงเหมือนกัน ส่วนข้อสุดท้ายตอนแรกไม่เข้าใจ มีอยู่วันหนึ่งทำใจให้สงบบาย ๆ ออกไปนอกบ้านเห็นคนที่กินเหล้า ร้องเพลงเต้นรำกลางถนน เหมือนคนไร้สติ บางทีก็ เห็น พาลทำร้ายลูกเมีย จึงพิจารณาดู ที่แท้ ข้อสุดท้ายนี่ท่านหมายเอาไม่เบียดเบียนตนเองให้ขาดสติ ศีลข้ออื่นสามารถขาดได้ง่ายจากข้อ 5 นี้ง่ายสุด แต่เอ๊ะ..ถ้าเราเมาแล้วนอนล่ะ ไม่เบียดเบียนใครนี่หว่า มีอยู่วันหนึ่งเห็นเพื่อนปวดหัวมาก ถามว่าเป็นไร มันบอก เมื่อคนกินหนักไปหน่อย ไปทำงานไม่ไหว ลาหัวหน้าให้ด้วย เลยถึงบางอ้อ... กลับมาเปิดคำสอนดูเจอท่านบอกสั้น ๆ ว่า ศีลมีไว้ เพื่อควบคุมกาย วาจา ผู้เป็นนักปฏิบัติ เมื่อศีลมีในบุคคลใดแล้ว บุคคลนั้นย่อมสงบ ระงับใจได้ดีในระดับหนึ่ง การทำสมาธิ วิปัสสนาก็เป็นของง่าย
    คำถาม อย่างไรจึงจะเป็นผู้มีศีลบริสุทธิ์
    ตอบ (เอง) พระพุทธเจ้าท่านว่า เจตนาหัง ภิกขเว กัมมังวัททามิ (ไม่รู้ถูกรึป่าว) ดูกรภิกษุทั้งหลายเรากล่าวว่า เจตนานั้นแหละคือตัวกรรม จึงพิจารณาดู บางคนไม่ตั้งใจฆ่าสัตว์มันจะผิดศีลหรือ พบว่าไม่น่าจะผิด เพราะ เจตนาไม่มี แต่ผลของกรรมที่ไม่ตั้งใจนั้นมีแน่ แต่กำลังจะอ่อนลงไปตามเจตนา ไปค้นคว้าคำสอนดู ท่านบอกว่าพระโสดาบันนั้นท่านมีศีลบริสุทธิ 3 ระดับ
    1. ไม่ละเมิดด้วยตนเอง
    2. ไม่ยุยงให้บุคคลอื่นละเมิด
    3. ไม่ยินดี เมื่อบุคคลอื่นละเมิด(ไม่สมรู้ร่วมคิด)
    ความเข้าใจผมเป็นอย่างนี้ ได้รับจากการปฏิบัติผมเข้าใจตามนี้จริง ๆ แต่ยังไม่ใช่พระโสดาบันแม้จะปรารถนานิพพาน สิ่งที่ผมได้รับคือ ศีเลนะสุคติงยันติ มีความสุขในปัจจุบันเพราะหยุดเบียดเบียน กรรมเบียดเบียนที่เคยทำมามันให้ผลผมน้อยลงมีบ้างเพาะเกิดตายกันมาหลายชาติ ทำชั่วมากกว่าดี ศีเลนะโภคสัมปทา ผมมีโภคทรัพย์บ้างตามกำลังแม้จะไม่มาก หาด้วยหยาดเหงื่อแรงงาน ไม่ไหลไปทางการพนัน สุรา นารี สบาย...;aa31
     
  7. albertalos

    albertalos เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 เมษายน 2006
    โพสต์:
    2,462
    ค่าพลัง:
    +1,137
    คำถาม อย่างไรจึงจะเรียกว่าเป็นผู้มีศีลบริสุทธิ์<!-- google_ad_section_end -->

    เป็นผู้มีจิตบริสุทจึงเรียกว่าเป็นผู้มีศิลบริสุท
     
  8. นิยายธรรม

    นิยายธรรม สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    108
    ค่าพลัง:
    +20
    คำถาม แล้วพระโสดาบันและพระสกิทาคามี ที่พระพุทธเจ้าทรงตรัสว่า เป็นผู้มีอธิศีลคือมีศีลบริสุทธิ์ มีสมาธิและปัญญาเล็กน้อย หมายความว่า สมาธิและปัญญายังไม่บริสุทธิ์ ไฉนพระองค์ทรงยืนยันว่าพระโสดาบันเป็นพระอริยบุคคลผู้มีศีลบริสุทธิ์ ในเมื่สังโยชน์ 3 ประการ เบื้องต้นละได้แต่ 4-5 ราคะ และปฏิฆะ ยังละไม่ได้ นั่นหมายความ ความรักระหว่างเพศแต่ไม่ละเมิดศีล และมีโกรธแต่ไม่ฆ่าใคร ก็คือยังไม่ถือว่าจิตบริสุทธิ์ ด้วยกลัวศีลขาด
    ท่านจะอธิบายอย่างไร
     
  9. วิษณุ12

    วิษณุ12 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    5,337
    ค่าพลัง:
    +6,846
    ข้อ ควร สังเกตุ คำว่าศีลปรตปรามาศ หมายความว่า การหวังทรัพย์ สมบัติ ในการรักษาข้อวัตร ก็คือ รักษาศีล เพื่อหวังผล

    แต่ในทางปฏิบัติ ย่อมเป็นศีลปรตปรามาศ ในเบื้องต้น อบรมจนเป็นนิสัย เป็นความเคยชิน จนกลายเป็น มีความละอายโดยอัตโนมัติ เมื่อนั้น ศีลปรตปรามาศ ก็จะลดลง เบา บาง จะเริ่มกลายเป็น ศีล จาก หยาบ ไปสู่ ความปราณีตแห่งศีลโดย อัตโนมัติ และ ควบไปกับ สัมมาสติ สัมมาสมาธิ ปัญญาก็จะเริ่มแจ้ง
    จาก เจตนา ในการรักษาศีล จนเป็น พ้นเจตนา ในการรักษา เรียกว่าศีลบริสุทธิ์ ความกังวลย่อมไม่มี
     
  10. นิยายธรรม

    นิยายธรรม สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    108
    ค่าพลัง:
    +20
    อืม..มีเหตุผล เริ่มจาก หิริ โอตัปปะ ไปสู่ศีล หยาบ สู่ บริสุทธิ์
    มีท่านอื่นที่มีข้อแนะนำเพิ่มเติมไหมครับ จะเป็นประโยชน์ต่อผู้ปฏิบัติอย่างมากครับ
     
  11. albertalos

    albertalos เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 เมษายน 2006
    โพสต์:
    2,462
    ค่าพลัง:
    +1,137
    เพราะตั้งแต่พระโสดดาบัน เป็นต้นไป ละสักกายทิฐิ สิลพปรามาส และยึดมั่นในพระรัตนไตรแล้ว
     
  12. หลบภัย

    หลบภัย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    2,207
    ค่าพลัง:
    +3,123
    <table align="center" border="0" cellpadding="0" cellspacing="0"><tbody><tr><td rowspan="3" width="10">
    </td> <td class="normal_en" align="middle" width="183">
    ติฏฐชาดก
    </td> <td rowspan="5" align="middle" width="10">
    </td> </tr> <tr> <td class="normal_en" align="middle" width="20" height="6">[​IMG]</td> </tr> <tr> <td class="normal_en" align="middle">
    :: สาเหตุที่ตรัสชาดก ::
    </td> </tr> </tbody> </table> ..…ศิษย์ของพระสารีบุตรรูปหนึ่ง เรียนพระวินัยอย่างเต็มที่และทำสมาธิอย่างสม่ำเสมอ แต่สมาธิไม่ก้าวหน้า ท่านจึงพาศิษย์ไปเฝ้า พระพุทธองค์จึงตรัสถามถึงวิธีฝึก ท่านกราบทูลว่า
    ให้ฝึก "อสุภกรรมฐาน" เหมือนกับศิษย์คนอื่นๆ พระบรมศาสดาทรงระลึกชาติหนหลังด้วย บุพเพนิวาสานุสติญาณ แล้วตรัสว่า พระสารีบุตรไม่ได้บรรลุ "อาสยานุสยญาณ" จึงฝึก
    ลูกศิษย์รูปนี้ไม่ได้ผล และให้กลับไปก่อนโดยทิ้งลูกศิษย์ไว้
    ้ .....อดีตชาติพระภิกษุรูปนี้เมื่อ ๕๐๐ ชาติหลังๆ เกิดเป็นช่างทำทองที่งดงามวิจิตรมาตลอด ดังนั้นจะรู้สึกแช่มชื่นแจ่มใสเมื่อพบของสวยงามเท่านั้น เมื่อให้ฝึกสมาธิโดยพิจารณาของ
    ไม่งาม จึงไม่ถูกอัธยาศัย ทำใจให้สงบไม่ได้

    .....พระพุทธองค์จึงตรัสให้พระภิกษุรูปนั้น นั่งพิจารณาดอกบัวที่มีสีสวยงามในสระน้ำ แล้วทรงอธิษฐานให้ดอกบัวเนรมิตค่อยๆ เปลี่ยนแปลง จากที่สวยงามเหมือนดอกบัวทอง กลับกลายเป็นเหี่ยวลงๆ สีซีดจาง โรยร่วงไปทีละกลีบ จนหลือแต่ฝักบัวเหี่ยวแห้ง หาความสวยงามไม่ได้ พระภิกษุมองเห็นดังนั้น เกิดความสลดใจว่าร่างกายของเราก็เหมือนกัน มีความไม่เที่ยง
    เป็นทุกข์เมื่อพิจารณาจนจิตสงบ บรรลุธรรมเป็นพระอรหันต์ ณ ที่นั้นเอง

    .....ภิกษุทั้งหลายได้ประชุมกันในธรรมสภาแสดงความชื่นชมว่า พระพุทธองค์ทรงเป็นผู้รู้แจ้งซึ่งอัธยาศัยของสัตว์โลก พระบรมศาสดาจึงทรงนำ ติฏฐชาดก มาแสดงดังนี้้

    <hr width="75%">
    <table align="center" border="0" cellpadding="0" cellspacing="0"> <tbody> <tr> <td width="10">
    </td> <td class="normal_en" align="middle" width="183">
    :: ข้อคิดจากชาดก ::
    </td> <td align="middle" width="10">
    </td> </tr> </tbody> </table>
    .... ๑. เป็นธรรมดาว่า บุคคลยิ่งฝึกจิตใจให้สะอาดมีความรู้ความสามารถสูงขึ้นเพียงไร มักมีความรู้สึกอย่างหนึ่งเกิดขึ้นเองโดยอัตโนมัติ คือ ไม่อยากคลุกคลีกับผู้ที่ไร้คุณธรรม ยกเว้นแต่มีจิตกรุณา ต้องการช่วยเหลือ ดังนั้นบุคคลใดก็ตาม ที่มีครูอาจารย์ดี มาเคี่ยวเข็ญว่ากล่าวตักเตือน ต้องถือว่าท่านลดตัวลงมาใกล้ชิด มาช่วยเหลือ สมควรรับปฏิบัติตามโอวาทและกราบขอบพระคุณโดยความเคารพ
    ..... ๒. เมื่อได้คนดีมีวิชามาอยู่ด้วย ต้องจัดที่อยู่อาศัยอย่างดี จัดหน้าที่การงานให้อย่างเหมาะสม และให้ความเคารพเกรงใจด้วย มิฉะนั้นแล้วท่านรำคาญ เบื่อหน่ายและหนีไปเสีย เพราะคนดีมีฝีมือ โดยทั่วไปแล้วไม่เห็นแก่เงิน แต่เห็นแก่งานที่เหมาะสมกับความสามารถ และเกียรติยศของเขา
    .....๓. เมื่อผู้ใหญ่อธิบายเหตุผลให้ผู้น้อย หากเห็นว่าผู้น้อยภูมิปัญญายังไม่ถึง แต่เพื่อหวังผล
    ในเชิงปฏิบัติ อาจบอกเลี่ยงเป็นอย่างอื่น ต่อเมื่อโตขึ้นมีปัญญาตรองตามก็สามารถเข้าใจได้
    <table align="center" border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"><tbody><tr valign="top"><td rowspan="2" width="9%">
    [​IMG]
    </td> <td align="middle" width="87%" height="47"> มนุษย์ หากตกเป็นธุาตของวัตถุ แล้ว หิริโอตปะก็เสื่อมถอย

    </td> <td rowspan="2" align="right" width="4%">
    [​IMG]
    </td></tr></tbody></table>
     
  13. albertalos

    albertalos เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 เมษายน 2006
    โพสต์:
    2,462
    ค่าพลัง:
    +1,137
    คำถาม
    จะบรรลุ ต้องการ ศิลบริสุทหรือ จิตที่บริสุท หริอจิตที่บริสุท ทำให้สิลบริสุทไปโดยปริยาย

    อนุโมทนา ปัญญานั้นเป็นสิ่งประเสิท
     
  14. นิยายธรรม

    นิยายธรรม สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    108
    ค่าพลัง:
    +20
    คำถาม ละสักกายทิฏฐิ ในพระโสดาบันเป็นอย่างไร
    คำถาม จะอธิบายอย่างไร เรื่องจิตบริสุทธิ์ทั้งที่ ราคะ และ โทสะ ยังไม่ขาดไปจากจิต
     
  15. หลบภัย

    หลบภัย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    2,207
    ค่าพลัง:
    +3,123
    พระโสดาบัน นั้น จิตยังไม่บริสุทธ์นัก ยังมี โกธร แต่ไม่พยาบาท
    โมหะ แต่ไม่อยากได้ของผู้อื่น เพียงแต่มีศีล 5 บริสุทธิ์
    ยังตัดตัญหาไม่ได้ เพียงแต่ไม่ละเืมิด บุคคลที่เขามีเจ้าของแม้แต่ใจ

    พระโสดาบัน ยังไม่ถือว่าจิตบริสุทธ์ทั้งหมด แค่เสี้ยวเท่านั้น
     
  16. นิยายธรรม

    นิยายธรรม สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    108
    ค่าพลัง:
    +20
    ตอบ จะบรรลุธรรม ต้องการศีลบริสุทธิ์เป็นเบื้องต้น ไปสู่สมาธิ และปัญญา อันบริสุทธิ์ เพื่อตัดกิเลส ไปสู่จิตอันบริสุทธิ์(อรหันต์) ถ้าศีลไม่บริสุทธิ์เสียก่อน สมาธิ ไม่เกิด เมื่อสมาธิไม่เกิด ปัญญาอันชอบก็ไม่เกิด เมื่อปัญญาอันชอบไม่เกิด อย่าได้หมายล้างจิตให้บริสุทธิ์สิ้นอาสวะได้เลย
     
  17. albertalos

    albertalos เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 เมษายน 2006
    โพสต์:
    2,462
    ค่าพลัง:
    +1,137
    คำถาม ละสักกายทิฏฐิ ในพระโสดาบันเป็นอย่างไร
    คำถาม จะอธิบายอย่างไร เรื่องจิตบริสุทธิ์ทั้งที่ ราคะ และ โทสะ ยังไม่ขาดไปจากจิต<!-- google_ad_section_end -->

    คำถาม ละสักกายทิฏฐิ ในพระโสดาบันเป็นอย่างไร
    กำหนดสติพิจารนาใน ขันธ์ เห็นด้วยปัญญา ตามกดไตรลักษณ์นั้นแหละละสักกายทิฏฐิได้

    คำถาม จะอธิบายอย่างไร เรื่องจิตบริสุทธิ์ทั้งที่ ราคะ และ โทสะ ยังไม่ขาดไปจากจิต<!-- google_ad_section_end -->
    เพราะ สัมมาทิฏฐิ นี้เกิดขึ้นด้วยปัญญาตี้งแต่ ละสังโยชน์ได้ 3 ข้อแรก
     
  18. albertalos

    albertalos เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 เมษายน 2006
    โพสต์:
    2,462
    ค่าพลัง:
    +1,137
    คำถาม แล้วพระโสดาบันและพระสกิทาคามี ที่พระพุทธเจ้าทรงตรัสว่า เป็นผู้มีอธิศีลคือมีศีลบริสุทธิ์ มีสมาธิและปัญญาเล็กน้อย หมายความว่า สมาธิและปัญญายังไม่บริสุทธิ์ ไฉนพระองค์ทรงยืนยันว่าพระโสดาบันเป็นพระอริยบุคคลผู้มีศีลบริสุทธิ์ ในเมื่สังโยชน์ 3 ประการ เบื้องต้นละได้แต่ 4-5 ราคะ และปฏิฆะ ยังละไม่ได้ นั่นหมายความ ความรักระหว่างเพศแต่ไม่ละเมิดศีล และมีโกรธแต่ไม่ฆ่าใคร ก็คือยังไม่ถือว่าจิตบริสุทธิ์ ด้วยกลัวศีลขาด
    ท่านจะอธิบายอย่างไร<!-- google_ad_section_end -->

    เพราะตั้งแต่พระโสดดาบัน เป็นต้นไป ละสักกายทิฐิ สิลพปรามาส และยึดมั่นในพระรัตนไตรแล้ว<!-- google_ad_section_end -->

    ตรงส่วนที่นานากล่าวนั้นตำราไหนก้ระบุไว้ไม่ต้องร้อนใจไป เราตอบที่คำถามเท่านั้น
     
  19. หลบภัย

    หลบภัย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    2,207
    ค่าพลัง:
    +3,123
    ตอบ เนื่องจากปุถุชน มีวาสนาบารมี ไม่เท่ากัน
    การเรียง ศีล สมาธิ ปัญญา ไม่ใช่ของทุกคนเสมอไป
    ปัญญา สามารถอบรม สมาธิ ทำให้เกิด ศีล ก็ได้
    หรือ สมาธิ ศีล ทำให้เกิดปัญญาก็ได้
    ไม่มี ผิด มีถูก เพียงแต่บุคคลนั้น เขาเพียรมา มายน้อยแค่ไหน

    เพียงแต่เราเริ่มจะแก้ไขตัวเองหรือยังเท่านั้น สาธุ
     
  20. albertalos

    albertalos เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 เมษายน 2006
    โพสต์:
    2,462
    ค่าพลัง:
    +1,137
    คำถามแบบกำปั้นทุบดินยังต้องการคำตอบแบบกำปั้นทุบดินอยุ่ ตอบลึกไปก้ยังไม่ควร
     

แชร์หน้านี้

Loading...