"ทัวร์นรก-สวรรค์"เรื่องเล่าจากปาก...คนตายแล้วฟื้น "พัชรินทร์ บูรีจิตตินันท์"

ในห้อง 'กฎแห่งกรรม - ภพภูมิ' ตั้งกระทู้โดย vacharaphol, 4 มกราคม 2009.

  1. vacharaphol

    vacharaphol เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    8,849
    ค่าพลัง:
    +27,174
    [​IMG]


    "ทัวร์นรก-สวรรค์"เรื่องเล่าจากปาก...คนตายแล้วฟื้น "พัชรินทร์ บูรีจิตตินันท์"
    ปัญหาโลกแตกอย่างหนึ่ง ซึ่งมีข้อถกเถียงที่ไม่มีวันสิ้นสุด คือ "นรก สวรรค์ ชาติที่แล้ว ชาติหน้า มีจริงหรือไม่" แต่สำหรับ "นางพัชรินทร์ บูรีจิตตินันท์" แล้ว เชื่ออย่างไมีข้อโต้เถียงใดๆ เลยว่า ทั้งนรกและสวรรค์มีอยู่จริง ด้วยเหตุว่า ได้ไปยมโลกด้วยการไปทัวร์นรก-สวรรค์มาแล้ว เพราะเธอเป็นอีกคนหนึ่งที่ตายแล้วฟื้น
    นางพัชรินทร์ เล่าว่า เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อครั้งได้ไปซื้อตึกแถว ๑ ห้องย่านศูนย์การค้าเมโทร ความที่อยากจะได้จึงได้อธิษฐานถ้าหากเจ้าที่มีจริง ขอช่วยดลบันดาลให้ซื้อตึกแถวนี้ได้ง่ายๆ การอธิษฐานครั้งนั้นไม่ได้มีความเชื่อว่าจะมีจริง เพื่ออยากจะได้บ้านหลังนี้ เพียงสัปดาห์เดียวก็ได้บ้านหลังนี้มา แล้วได้ให้เทเลคอมเอเชียเช่าพอเศรษฐกิจไม่ดีเขาก็ไม่ได้เช่าต่อ หลังจากนั้นทางคุณสมชายเจ้าหน้าที่ไปรษณีย์ประตูน้ำได้ติดต่อมาขอเช่าตึกแถวดังกล่าวเพื่อทำเป็นสาขาชั่วคราวของไปรษณีย์ประตูน้ำ
    อย่างไรก็ตามก่อนหน้านี้ ๑ เดือน มีความรู้สึกไม่สบายใจทั้งๆ ที่ไม่มีเรื่องทุกข์อะไร มีความรู้สึกเหมือนว่างานที่เราทำอยู่แล้วถ้าเราตายกระทันหันใครจะมารับรู้กับงานที่เราทำอยู่ มีงานหลายๆเรื่องที่คิดเสมอว่า หากเราตายไปจะมีใครมาสานต่อ แปลกใจว่าทำไมถึงคิดแต่เรื่องตาย ไม่สบายใจจึงได้นำพระนางพญา ส.ก. ๖๐ พรรษา ของแม่ที่ให้ไว้มาแขวนติดตัวพร้อมอธิษฐานขอให้คุ้มครอง เช้าวันที่ ๒๐ ธันวาคม ๒๕๔๓ มีนัดไปดูสถานที่ แม้ว่าความจริงไม่อยากไป แต่คุณสมชายได้โทรมาบอกว่าอย่าเลื่อนนัดเพราะหัวหน้าที่ชื่อวิชัยจะไปดูด้วย แต่เหมือนเป็นลางสังหรณ์ว่าถ้าเราไปจะต้องตกตึกลงมาตายแน่ๆ ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมคิดแบบนี้อยู่ตลอดเวลา
    ก่อนเดินทางได้เรียกให้ป้อมที่เป็นเด็กส่งไปด้วยกัน หากเวลาที่ตกตึกลงมาตายจะได้เป็นคนวิ่งมาบอกที่บ้าน ทันใดที่เดินทางไปถึงนั้นได้ไขประตูเข้าไปแล้วขึ้นไปชั้นลอย แต่ผู้เช่าเดิมได้ต่อเติมเป็นชั้นเต็ม ตอนที่เข้าไปเหมือนมีลมหมุนเล็กๆในบ้านแล้วเหมือนมีคนมาถามว่า เมื่อไหร่จะตั้งศาลเจ้าที่ ในใจก็ปัดว่าเอาไว้ก่อนกำลังจะพาคนมาดูสถานที่ แล้วลืมไปนานแล้วว่าเคยบนอะไรไว้ จากนั้นคุณสมชายและคุณวิชัยต่างก็เดินไปตรงบริเวณชั้นลอยที่ต่อเติม แล้วถามว่าบริเวณตรงนี้มันมีอะไรแปลกๆ เหมือนมีอะไรแล้วทั้งสองท่านก็เดินผ่านไป
    "ก็ได้ลองไปยืนบริเวณนั้นบ้าง ได้มองทะลุลงไปด้านล่างเห็นลายกระเบื้องเคลือบเซอนามิก แล้วยังเห็นผู้ชายคนหนึ่งนุ่งกางเกงแต่งตัวมอซอ ผมเป็นสีเทา แล้วเอื้อมมือขึ้นมาว่าเป็นเจ้าที่เสี้ยววินาทีนั้นเขาได้ดึงขาทันที พอเห็นอย่างนั้นก็ตะโกนร้องดังอย่าดึง ใจก็นึกถึงองค์พระให้ท่านคุ้มครอง มีแสงสว่างสีเหลืองทองออกมาจากองค์พระ แล้วท่านได้มาจับขาข้างขวาแล้วบอกว่าอย่าทำร้ายเขา จังหวะนั้นเหมือนว่าท่านจับแล้วมันหลุดมือ ทันใดนั้นเจ้าที่ได้จับขากระชากลงมาแล้วเอาหน้ากระแทกพื้นมีความรู้สึกว่าเจ็บปวดมาก"เธอเล่าด้วยน้ำเสียงอย่างตื่นเต้นเหมือนเพิ่งเกิดขึ้น
    นางพัชรินทร์ กล่าวต่อว่า ขณะถูกฟาดลงกับพื้นได้ลุกขึ้นมา เห็นร่างตัวเองยังนอนแน่นิ่ง แล้วได้เห็นทั้งสองคนหิ้วร่างเพื่อไปขึ้นรถ แปลกใจมากว่ามีสองร่างได้อย่างไร แล้วทันใดนั้นได้มีรูปร่างประหลาดตัวใหญ่ขึ้น หน้าตาเหมือนยักษ์ดุ รูจมูกกว้างหนา ปากกว้างหนา หน้าแดงเป็นสีชมพู ตอนแรกไม่รู้ว่าเป็นยมฑูต ตรงนี้รู้แล้วว่าร่างที่นอนอยู่คือร่างกาย แต่ตัวเองที่ยืนอยู่เป็นวิญญาณแล้วลองมองไปที่มือก็สามารถมองผ่านทะลุมือตัวเองได้ ท่านยมฑูตพูดเสียงดังก้องกังวาลว่า จิตวิญญาณออกจากร่างแล้วให้ตามมา ทั้งนี้ คุณสมชายได้ถามร่างว่าเบอร์โทรศัพท์อะไร และมีประวัติอยู่โรงพยาบาลอะไร แม้จะเดินทางยมฑูตอยู่แต่ก็ได้เดินกลับมาตอบให้ทั้งสองครั้ง
    กระทั่งมาถึงสถานที่แห่งหนึ่งมีนายสมุดบัญชีถามชื่อนามสกุล พร้อมกับบอกชื่อจีนไป แล้วท่านได้ถามว่าสวดมนต์ได้ไหม พอบอกว่าได้ท่านก็ให้ไปคุกเข่ารอ ระหว่างที่คุกเข่ารอเหมือนมีคนอุทิศบุญกุศลมาให้ มารู้ตอนหลังว่าหมอตรวจเห็นว่ามีเลือดออกในสมองหากภายใน ๒๔ ชั่วโมงไม่ฟื้นจะต้องผ่าสมอง สามีกลัวถ้าผ่าคงเป็นเรื่องใหญ่แน่นอนเขาเลยไปทำบุญ แล้วบอกว่า ด้วยผลบุญกุศลที่ข้าพเจ้าได้สะสมมาตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบันขออุทิศให้กับนางพัชรินทร์ฟื้นกลับมาเป็นคนปกติ
    ทันใดนั้นได้เห็นขาคู่หนึ่งใหญ่มากๆ ของท่านพญายมราชใส่รองเท้าปลายงอน ปลายกางเกงปักฉลุลวดลายสวยงาม ได้ยินเสียงดังก้องกังวาลว่า ยังเป็นห่วงอะไรอยู่ จึงได้พูดไปว่าห่วงแม่กลัวไม่มีคนพาไปหาหมอ ห่วงลูกสองคนที่ยังเรียนไม่จบ จังหวะนั้นได้เห็นกล่องกตัญญูโผล่ขึ้นมา เป็นกล่องที่ใหญ่กล่องบุญ มีความรู้สึกเหมือนได้รับผลบุญนั้นเป็นสุขบรรยายออกมาเป็นคำพูดไม่ได้ จากนั้นมองไปเห็นทางแก้วเป็นทางขึ้นจึงลุกขึ้นยืน ท่านพญายมราชพูดขึ้นว่า ยังไม่ถึงเวลาท่านยมฑูตเอาจิตวิญญาณไปส่ง แต่ในใจคิดว่าทำยังไงถึงจะได้เห็นหน้าพญายมราช เพียงแค่คิดเหมือนท่านรู้ใจท่านก็ได้ย่อตัวลงมาเท่ากับมนุษย์ให้ได้เห็นท่านเป็นเทพสวยงามมาก
    "ต่อมายมฑูตก็มาส่งถึงศาลพระภูมิหน้าโรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ เหมือนท่านขออนุญาตเจ้าที่ ยมฑูตก็พาเดินผ่านทะลุประตูเราเองก็ผ่านประตูได้เหมือนกัน ลักษณะเหมือนหนังหลายๆ เรื่อง ท่านยมฑูตเดินผ่านหน้าสามีและลูกชายที่ยืนกอดอก ก็แปลกใจว่าทำไมลูกกับสามีถึงไม่ยกมือไหว้ยมฑูต ทันใดนั้นท่านยมฑูตพูดเสียงดังว่า จิตวิญญาณจงเข้าร่าง แล้วรู้สึกตัวก็เหมือนเพิ่งตื่น ตลอดชีวิตที่ผ่านมาไม่เชื่อเรื่องนรกสวรรค์ ไม่เชื่อว่าตายแล้วต้องไปเกิดใหม่ วันนี้เชื่อแล้วว่าการทำความดีบุญจะส่งผลตามเราไปทุกชาติ และต้องละชั่ว ละบาป" นางพัชรินทร์ กล่าวทิ้งท้าย
    "หน้าตาเหมือนยักษ์ดุ รูจมูกกว้างหนา ปากกว้างหนา หน้าแดงเป็นสีชมพู ตอนแรกไม่รู้ว่าเป็นยมฑูต"
    [​IMG]


    กฎแห่งกรรม
    พระมหา ดร. สุเทพ อกิญฺจโน เจ้าอาวาสวัดสมานราษฎร์ ต.หนองรี อ.เมือง จ.ชลบุรี ในฐานะเจ้าอาวาสวัดไทยมคธพุทธวิปัสสนา กล่าวว่า เรื่องตายแล้วเกิด หรือตายแล้วสูญเป็นปัญหาที่ถกเถียงกันอยู่ไม่รู้จบสิ้น สำหรับผู้ที่ไม่รู้จริง แต่สำหรับผู้ที่รู้จริงแล้ว ท่านจะไม่สงสัย อะไรเลย ทั้งนี้ก็เพราะความจริงนั้น ตายแล้วต้องเกิดแน่ แต่จะไปเกิดช้าเกิดเร็วเกิดเมื่อไรนั้น ย่อมสุดแต่ผลของกรรมที่ทำมาไว้ในสมัยเมื่อยังไม่ตายเท่านั้น
    ตามพุทธโอวาท ที่ตรัสไว้ว่า
     

แชร์หน้านี้

Loading...