ทรัพย์หรือสมบัติในตัวของเราคืออะไร?

ทรัพย์หรือสมบัติในตัวของเราคืออะไร? เป็นอย่างไร?
สมบัติที่เราต้องการมีอะไรบ้าง? เราพอจะแยกได้ดังนี้ ......
๑. มนุษย์สมบัติ
๒. สวรรค์สมบัติ
๓. นิพพานสมบัติ
นิพานสมบัติ คือ การหลุดพ้นไม่ต้องมาเวียนว่ายตายเกิดอีก
สวรรค์สมบัติ คือ การได้ไปเกิดเป็นเทพเทวดา
มนุษย์สมบัติ คือ สมบัติที่เป็นของมนุษย์ทั้งหลาย เช่น แก้ว
แหวนเงินทอง บ้าน รถยนต์ ที่ดิน การศึกษา ฯลฯ ......
ทำอย่างไรเราจึงจะมีสมบัติเหล่านี้มากๆ มากพอที่คิดว่าจะทำให้
เรามีความสุข ความสบาย ไม่เดือดร้อน แล้วสมบัติเหล่านี้จะ
มีมาได้อย่างไร? อะไรที่เรียกว่าขุมทรัพย์? เราจะเปิดขุมทรัพย์
ของเราได้อย่างไร? เอาอะไรมาเปิด? ทรัพย์ภายในของเราเป็น
และมีมาได้อย่างไร? ยกตัวอย่างเช้านี้เราไปใส่บาตรพระมา แม่
ค้าก็ได้เงินของเราไป พระท่านก็รับอาหารข้าวของจากเราไป
แล้ว ส่วนตัวของเราก็จะได้บุญกุศลเก็บไว้ในจิตของเรา เราไหว้
พระสวดมนต์ทำสมาธิเราก็ได้บุญกุศลเก็บไว้ในจิตของเรา เราให้
อาหารสัตว์ดิรัจฉานกินเราก็ได้บุญกุศลที่เก็บไว้ในจิตของเรา เรา
ทำความดีทุกอย่างก็จะเก็บไว้ในจิตของเราทั้งหมด วันนี้เราฆ่า
ปลาช่อนทำต้มยำเราก็ได้บาปอกุศลเก็บไว้ในจิตของเรา เราฆ่า
มด ยุง แมลงต่างๆเราก็จะได้บาปอกุศลเก็บไว้ในจิตของเรา
เราไปทำความไม่ดีความไม่ดีที่เป็นบาปอกุศลก็จะเก็บไว้ในจิตของ
เราเช่นกัน คนเราเคยเกิดมาแล้วหลายภพหลายชาตินับครั้งไม่
ถ้วน ทำทั้งความดีและความไม่ดีคละเคล้ากันไป ถ้าหากความดี
ส่งผลเราก็จะมีแต่ความสุข ความเจริญ ความสำเร็จไม่ทุกข์
ถ้าหากความไม่ดีส่งผลเราก็จะมีแต่ความทุกข์ พบกับความล้ม
เหลวไม่สำเร็จ ป่วยอยู่ก็จะต้องตาย ที่รวยอยู่ก็จะจนลง ที่เรา
ทุกข์ ขัดสนติดขัดอยู่ขณะนี้ เป็นเพราะว่าวิบากกรรมที่เป็นส่วน
ไม่ดีมันส่งผล เราจะทำอย่างไรในขณะที่ความไม่ดีมันส่งผลอยู่
แล้วทำให้ตัวของเรากลับมามีความสุขความสบายขึ้นมาได้ทันที
เราก็ต้องเปิดขุมทรัพย์เอาความดีที่เราเก็บไว้ในนิธิขุมทรัพย์(ใน
จิต) ของเรานั้นออกมา เปิดอย่างไร? มีกุญแจอยู่ ๓ ดอกที่จะ
เปิดได้ กุญแจ ๓ ดอกนั้นคือ .........
๑. การให้ทาน
๒. การรักษาศีล
๓. การฝึกจิตภาวนา
การให้ทาน เป็นบุญกุศลที่ได้จากการนำออก ฉะนั้นตอน
นี้เราขัดสนก็ให้เบาๆเรื่องการทำทานลงไป ให้ทำการรักษาศีล
และฝึกจิตภาวนาเอาเพราะเป็นบุญกูศลที่ได้จากการนำเข้า ไม่
เสียเงินทองและข้าวของอะไร เช่น หากเรารักษาศีล ๕ ข้อก็ไม่มี
ใครคิดคิดทองเรา เราทำสมาธิอยู่ที่บ้านเป็นเวลา ๑ ชั่วโมงก็ไม่มี
ใครคิดเงินเราชั่วโมงละเท่าไร เมื่อบุญกุศลเต็มหรือล้นทำให้เรา
สมบัติเพียงพอแล้วเราค่อยให้ทาน หลักของการปฏิบัติในการทำ
ทานให้ได้บุญมากนั้นมีอยู่ ๘ ข้อคือ .........
๑. ให้ของที่สะอาด
๒. ให้ของที่ปราณีต
๓. ต้องเลือกให้
๔. ให้ตามสมควร
๕. ให้ตามกาลเวลา
๖. ให้เป็นประจำ
๗. ให้ด้วยจิตที่ผ่องใส
๘. ให้แล้วต้องสบายใจ
ส่วนการทำทานที่ไม่ได้บุญเลยหรือได้น้อยนั้น ให้หลีก
เลี่ยง ๓ ข้อดังนี้คือ .........
๑. ทำบุญเอาหน้า
๒. ทำบุญหวังผลตอบแทน
๓. ทำบุญบังหน้า
ถ้าหากใครทำด้วยเงื่อนไขทั้ง ๓ ข้อนี้ จะไม่ได้บุญเลย
ส่วนเรื่องของการรักษาศีลนั้น เราเป็นฆราวาสครองเรือน รักษา
แค่ศีล ๕ ก็พอแล้ว ศีล ๕ ข้อมีอะไรบ้าง .........
๑. ไม่คิดฆ่าอาฆาต พยาบาท ปองร้าย
๒. ไม่คิดช่อขโมยของคนอื่นที่เขายังไม่ได้ให้
๓. ไม่คิดผิดลูกผัวเมียคนอื่นเขา
๔. ไม่คิดพูดโกหก ส่อเสียด นินทา เพ้อเจ้อ
๕. ไม่คิดดื่มของมึนเมา เสพสิ่งเสพติด การพนัน
ปฏิบัติและทำตัวเองอยู่ใน ๕ ข้อนี้ให้เคร่ง หลังจากนั้นก็
ทำสมาธิฝึกจิตภาวนา โดยการเดินจงกรม ๖ ระดับและฝึกจิต
เจริญภาวนาจะเป็นแบบสมถะกรรมฐานหรือวิปัสสนากรรมฐานก็
ได้ หมั่นแผ่เมตตากรวดน้ำเป็นประจำบ่อยๆ เริ่มปฏิบัติเมื่อไรก็
จะเริ่มดีขึ้นเรื่อยๆ ถ้าหากท่านใดปกิบัติได้ทั้ง ๓ อย่างนี้อย่าง
สมบูรณ์เต็มเปี่ยมแล้ว สมบัติของมนุษย์จะหลั่งไหลออกมา เรา
จะไม่ทุกข์ จะสมหวัง จะสำเร็จจะสมประสงค์ทุกประการ เข้า
ฟังการบรรยายเกี่ยวกับเรื่องทาน ศีลและการเจริญภาวนาอย่างระ
เอียด


ที่มา..คนตาทิพย์

 

กรรมเป็นเครื่องจำแนกสัตว์โลก.........