ถ้าคนตายแล้วไม่เผา ไม่สวด ไม่มีใครเห็น

ในห้อง 'กฎแห่งกรรม - ภพภูมิ' ตั้งกระทู้โดย ps, 26 เมษายน 2009.

  1. ps

    ps Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    28
    ค่าพลัง:
    +28
    คือผมสงสัยครับ ว่าถ้าคนเราตายแล้วจะเป็นแบบตายก่อนกำหนด หรือว่าตายแบบแก่ตายหรือจะตายแบบไหนก็ได้นะครับ ถ้าตายแล้วไม่มีใครเห็น ไม่มีใครรู้เลยครับ ว่าเราตาย มันจะเป็นยังไงเหรอครับ มันจะต่างจากศพที่มีพระมาสวด มีญาติเอาศพไปฝัง หรือว่าเอาไปทำพิธีกรรมตามศาสนามากไหมครับ แล้วที่เรียกกันว่าวิญญาณมันจะอยู่ต่างที่ต่างทางกันไหมครับ กับศพที่มีพระมาสวด รึว่าคนที่ตายแล้วไม่มีใครเห็น ไม่มีใครรู้จะต้องอยู่ในที่ที่เค้าตายตลอดเลยไหมครับ จะได้ไปในที่ที่เรียกว่านรก สวรรค์ แล้วจะได้ไปพบยมบาล จะได้ไปเร่ร่อนที่ไหนไหมครับ(เิอาตายแบบยังไงก็หาไม่เจอนะครับ) ถ้าอ่านแล้วงง ๆ ก็ขออภัยด้วยนะครับ
     
  2. Komodo

    Komodo หัวหน้าศูนย์ประชาสัมพันธ์ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    11,610
    กระทู้เรื่องเด่น:
    145
    ค่าพลัง:
    +104,605
    อ่านแล้วงงครับ ถามคำถามซ้อนไปมา ตอบยากจริงๆครับ

    ตอบเท่าที่เข้าใจนะครับ

    คนตาย แต่ยังไม่ถึงฆาตก็เป็นสัมพเวสีครับ วิญญาณเร่ร่อนจนกว่าจะถึงเวลาตายจริงๆครับ

    ประมาณว่า ท่านสุวรรณ สุวาน ยังไม่มีคิวมารับครับ

    การตายแบบมีคนรู้กับไม่รู้ ต่างกันนิดนึง คือ การจัดพิธีศพ วิญญาณคนตายจะมีโอกาสมาโมทนาบุญครับ ก็เลยมีบุญส่วนหนึ่งช่วยส่งให้ครับ

    ส่วนตายแบบไม่จัดพิธี วิญญาณก็จะไม่ได้มาโมทนาบุญในงานเท่านั้นเองครับ

    โมทนาครับ ถ้างงๆ ให้ถามใหม่ แยกเป็นข้อๆนะครับ
     
  3. กะละมัง

    กะละมัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    192
    ค่าพลัง:
    +150
    พี่คงต้องการถามว่า ระหว่างศพที่เผา กับ ไม่เผา จิตวิญญาณ จะไป ปฏิสนธิ เหมือนหรือต่างกัน ใช่มั้ยคะ

    ตอบว่า มนุษย์เราจะมีจุดสิ้นสุดของชีวิตเรียกว่า จุติจิต หรือ มรณาสัญวิถี หมายถึง จิตดวงสุดท้าย หรือ ภวังคจิต ที่หล่อเลี้ยงภพปัจจุบัน ใกล้จะหมดกำลัง หรือ ใกล้จะหมดอายุลง

    จุติจิต หรือ มรณาสัญวิถี เป็นจิตดวงสุดท้ายของภพนี้ หลังจาก จุติจิต เกิดขึ้น จะมีจิตอีกประเภทหนึ่งมารองรับทันทีเรียกว่า ปฏิสนธิจิต คือการเกิดในภพใหม่ ตามกำลังของกรรม ในขณะที่ จุติ ของภพที่แล้วเกิดขึ้น (งงป่าวน้า)

    กล่าวง่ายๆคือ เมื่อคนเราจะตายอ่ะค่ะ จิตดวงสุดท้ายเรียกว่า จุติจิต ในขณะที่จุติจิตเกิด หาก อาสัณกรรม คืออารมณ์ของจิตที่คิดถึงเรื่อง บุญ-บาป เกิดพร้อมกับขณะที่ จุติเกิด แล้ว ชนกกรรม ก็จะนำจิตดวงนั้นไป ปฏิสนธิ ตามกำลังของกรรม ตอนอาสัณกรรม นั่นเอง (จะอ่านเข้าใจกันป่าวน้า)

    หากในขณะใกล้ตายไม่มี อาสัณกรรม กรรมอื่นๆ จะทำหน้าที่แทนได้แก่ อาจิณกรรม กตัตตากรรม เป็นต้นค่ะ


    สรุปก็คือ ศพที่เผา กับ ไม่เผา ยังไงๆ จิตก็ต้องไป ปฏิสนธิ ตามกำลังแห่งกรรมเหมือนกัน คือเมื่อตายลง จิตจะเกิดทันที (เกิดใน 31 ภูมิ) ไม่มีระหว่างคั่นค่ะ จะี่เผา หรือ ไม่เผา ไม่สำคัญค่ะ

    การเผาศพ มันเป็นเพียงพิธีกรรมที่มนุษย์สมมุติขึ้นมาเท่านั้น (สมมุติบัญญัติ) ไม่มีผลต่อการ ปฏิสนธิ ของจิต เพราะจิตคือ ปรมัติธรรม (สภาพธรรมะของจริง) ไม่ใช่สิ่งสมมุติขึ้น หรือ ตั้งชื่อเรียกขึ้น เช่นเรียกว่า การเผาศพ ในทางปรมัติธรรม ไม่มีศพจริงๆหรอก เป็นเป็นเพียง ธาตุ4 เท่านั้น

    สิ่งที่มนุษย์ชอบทำกัน ตั้งชื่อเรียกกันไปต่างๆนา เช่น นาย ก. นาย ข. รถยนต์ ต้นไม้ เรือ เครื่องบิน ตู้เย็น จริงๆมัน สมมุติบัญญัติทั้งนั้น โลกนี้ไม่มี สัตว์ บุคคล สิ่งของ จริงๆหรอกค่ะ แท้จริงมันเป็นเพียง รูป-นาม หรือมองอีกนัย มันเป็นเพียง "ธาตุ4" ที่มาชุมนุมกันชั่วคราวเท่านั้นค่ะ ในทางปรมัตธรรม ทุกสรรพสิ่งล้วนแล้วเป็นเพียง อนัตตา ไม่มีตัวตน สรรพสิ่งในโลกธาตุ เป็นเพียง อากาศธาตุ เท่านั้น ซึ่งต้องใช้ปัญญามอง (วิปัสสนาญาณ) ค่ะ

    ภาพต่างๆที่เรามองเห็น ในความเป็นจริง มันไม่ใช่ สัตว์ บุคคล สิ่งของ มันเป็นเพียง สี ที่มีแสงเป็นปัจจัย สะท้อนสีนี้มากระทบที่ จักขุประสาท แล้วส่งต่อสีนี้มาที่ จักขุวิญญาณ แล้วส่งมาที่วิถีจิตหลังอีกหลายวิถี แล้วจึงค่อยมาแปลความหมายว่าสีที่เห็น มันคืออะไร

    ที่เราเห็นเป็น สัตว์ บุคคล สิ่งของ จริงๆแล้วเราคิดปรุงแต่งไปเองทั้งหมด ซึ่งปรมัตธรรมจริงๆมันเป็นเพียง สี เท่านั้น จงเลิกยึดมั่นถือมั่น เพราะถ้าเรายังยึดวัตถุ หลงวัตถุ เราก็จะเวียนวนอยู่ใน "วงจรปกิจสมุปบาท" เวียนว่ายตายเกิดไม่มีที่สิ้นสุดค่ะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 26 เมษายน 2009

แชร์หน้านี้

Loading...