ถามเรื่อง การเป็นพระโสดาบัน หน่อยครับ

ในห้อง 'กฎแห่งกรรม - ภพภูมิ' ตั้งกระทู้โดย newslowstep, 15 มีนาคม 2015.

  1. newslowstep

    newslowstep สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2012
    โพสต์:
    13
    ค่าพลัง:
    +15
    อ่านของหลวงพ่อฤาษีลิงดำมาว่า

    ถ้าสามารถทรงฌาน4 ได้ แล้วทำควบคู่กับ วิปัสณาญาณ จะเป็นพระโสดาบัน อย่างเร็ว 7 วัน อย่างกลาง 7 เดือน อย่างช้า 7 ปี

    ตอนนี้ผมไม่ค่อยแน่ใจนะครับ แต่คิดว่าน่าจะได้ฌาน 4 แต่ยังไม่ค่อยคล่องครับ

    1.คือถามว่า คนที่ทรงฌาน4 ทุกคนได้นี่ สามารถ เป็นพระโสดาบันได้ภายในชาตินี้เลยหรือป่าวครับ ถ้าทำควบ วิปัสณาญาณไปด้วยครับ

    2. เห็นอ่านเจอว่า ถ้าตายขณะทรงฌาน จะสามารถไปเกิดใหม่ที่ พรหมโลก เท่าที่ศึกษาคืออายุของพรหมนานมาก แล้วก็ตายไปหมดบุญมีสิทธิลงมาใช้กรรมที่อบายภูมิ หรือสัตว์อีก ถ้าเราสามารถกำหนดว่าเราจะเกิดเป็นมนุษย์เพื่อบำเพ็ญบารมี ให้ครบนี่สามารถอธิฐานได้ไหมครับ ถ้าเป้าหมายนิพพานนี่ พอมีคำแนะนำอะไรเพิ่มเติมไหมครับ
     
  2. โมทนาman

    โมทนาman เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    5,665
    ค่าพลัง:
    +6,165
    1.คือถามว่า คนที่ทรงฌาน4 ทุกคนได้นี่ สามารถ เป็นพระโสดาบันได้ภายในชาตินี้เลยหรือป่าวครับ ถ้าทำควบ วิปัสณาญาณไปด้วยครับ

    ที่อ่านมาปฐมฌาณก็เป็นได้แล้ว แต่ต้องลาอธิษฐานเดิมก่อน

    2. เห็นอ่านเจอว่า ถ้าตายขณะทรงฌาน จะสามารถไปเกิดใหม่ที่ พรหมโลก เท่าที่ศึกษาคืออายุของพรหมนานมาก แล้วก็ตายไปหมดบุญมีสิทธิลงมาใช้กรรมที่อบายภูมิ หรือสัตว์อีก ถ้าเราสามารถกำหนดว่าเราจะเกิดเป็นมนุษย์เพื่อบำเพ็ญบารมี ให้ครบนี่สามารถอธิฐานได้ไหมครับ ถ้าเป้าหมายนิพพานนี่ พอมีคำแนะนำอะไรเพิ่มเติมไหมครับ

    อธิษฐานก่อนจะหมดอายุได้ ต้องมาเกิดก่อนหมดอายุด้วย
    เวลาเป็นพรหมก็ไปฟังธรรมทุกวันพระ
     
  3. VERAJAK

    VERAJAK เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    998
    ค่าพลัง:
    +1,579
    อนุโมทนาสาธุครับ ท่านลองอ่านสังโยชน์10พระพุทธวจนดูครับ 3ข้อแรกคือพระโสดาบันครับ ทรงได้ เกิดอีก7ชาติจะบรรลุพระอรหันต์ในขณะที่เกิดนั้นจะเกิดสลับระหว่างภูมิมนุษย์กับเทวดา แต่ถ้าได้5ข้อคือกามกับพยาบาทเบาบางในสังโยชน์10คือสกทาคามี เกิดอีกเพียงชาติเดียวจะบรรลุพระอรหันต์ แต่ถ้าทำได้ท้้ง5ข้อ คือพระอนาคามี ไม่กลับมาเกิดอึกแล้วจะอยู่ในชั้นสุทธาวาสจะสำเร็จอรหันต์ ในที่นั้น แต่ถ้าทำได้หมดทั้ง10ข้อพระอรหันต์มีพระนิพานเป็นที่ไปครับ. สาธุ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 15 มีนาคม 2015
  4. โมทนาman

    โมทนาman เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    5,665
    ค่าพลัง:
    +6,165
    พระอนาคามีอยู่ชั้นสุทธาวาสครับ ไม่ได้อยู่อรูปพรหม
     
  5. VERAJAK

    VERAJAK เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    998
    ค่าพลัง:
    +1,579
    ขอโทษครับพิมพ์ผิดครับยังแก้ไขอยู่ครับ. พิมพ์ไปเซฟไปผิดพลาดบ้างยังไม่สมบูรณ์ ถามจริงจิตคุณอาฆาตมาทร้ายอะไรผมรึครับจะคอยจับผิดอย่างเดียว มีอะไรบอกได้นะครับ จะจับผิดให้ผมทำให้เสร็จก่อนค่อยจับผิดก็ได้อย่าใจร้อน ผมยังพิมพ์อยู่แล้วแก้ไขอยู่เพียงแต่เซฟแล้วอ่านมันผิดก็แก้ยังไม่ทันคุณเลย ยังนั่งนึกอยู่ว่าชั้นสุทธาวาสอยู่ชั้นพรหมใช่ไหม. ยังไม่ทันคุณเลย มีอะไรบอกได้นะครับ ถ้าคุณไม่ชอบผมด้วยเหตุอะไรก็ตาม ต่างคนต่างแสดงสิ่งที่ตนคิด อย่าได้ก้าวก่ายซึ่งกันและกัน ต่างวางอุเบกขาต่อกัน อย่าได้อาฆาต พยาบาท จองเวรจองกรรมต่อก้น อย่าได้ผูกเวรผูกกรรมต่อก้นเลย. แค่กรรมของตนแค่นี้ก็ชดใช้ไม่หมดแล้ว. อย่าได้สร้างเวรก่อกรรมด้วยจิตอันอาฆาตเลย เพราะนั้นสามารถทำนายได้เลยว่ามีอบายภูมิเป็นที่ไปอย่างแน่นอน. สาธุ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 15 มีนาคม 2015
  6. bluebaby2

    bluebaby2 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 กันยายน 2010
    โพสต์:
    2,471
    ค่าพลัง:
    +4,288
    ทรงฌาน 4 อย่างเดียวไม่ได้ครับ ต้องเน้นวิปัสสนาญาณ แต่สมถะจะช่วยให้ง่ายขึ้น การได้มาซึ่งวิปัสสนาญาณคือการเห็นความจริง แจ้งในขันธ์ 5 แต่ละที่จะมีวิธีสอนไม่เหมือนกัน และแต่ละคนก็ถนัดไม่เหมือนกัน ลองหาที่ตัวเองถนัดหรือถูกจริตจะไปได้เร็ว การตรวจสอบตัวเองก็ดูความโลภ โกรธ หลง ของเราน้อยลงก็มาถูกทางแล้ว ส่วนการอธิษฐานก็ช่วยได้เหมือนกัน แต่ต้องมั่นคงในสิ่งที่อธิษฐานถึงจะได้ผล ถ้ายังตัดสินใจไม่ถูกว่าจะไปทางไหนผลก็เกิดช้า
     
  7. Saber

    Saber เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    5,941
    กระทู้เรื่องเด่น:
    19
    ค่าพลัง:
    +11,819
    ก็เป็นไปตามที่หลวงพ่อสอนไว้ ครับ จขกท


    ถ้าสามารถทรงฌาน4 ได้ แล้วทำควบคู่กับ วิปัสณาญาณ จะเป็นพระโสดาบัน อย่างเร็ว 7 วัน อย่างกลาง 7 เดือน อย่างช้า 7 ปี


    ถ้าทรงฌานได้จริง ทำควบคู่กับ วิปัสณาญาณ ได้จริง นะครับ

    เว้นแต่ว่า ถ้าเข้าใจผิด หลงตัวเอง คิดเองเออเอง ว่าตัวเอง ได้ ฌาน 1 - 4 อะไแบบนี้ แต่ของจริง กลับทำไม่ได้ ก็ว่าไปตามกรรม ครับ

    พิสูจน์ง่ายๆ ครับ ว่าได้ ฌานจริงหรือไม่จริง น้้นเองครับ
     
  8. newslowstep

    newslowstep สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2012
    โพสต์:
    13
    ค่าพลัง:
    +15
    ขอบคุณทุกคนมากครับ
     
  9. พงษ์สนั่น

    พงษ์สนั่น เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กุมภาพันธ์ 2014
    โพสต์:
    288
    ค่าพลัง:
    +336
    ผมเคยฟังจากหลวงปู่หล้า พระโสดาบัน เรื่อง รัก โลภ โกรธ หลง
    จะสามารถลดความโลภได้พอประมาณ แต่ละอาฆาตพยาบาทได้เด็ดขาด
    แต่โดยส่วนตัวไม่เคยเจอพระโสดาบัน ถึงเจอผมก็ไม่รู้ และถึงมีคนมารับรอง
    ว่าที่คุยอยู่คือพระโสดาบัน ผมก็ไม่รู้ *-*
     
  10. VERAJAK

    VERAJAK เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    998
    ค่าพลัง:
    +1,579
    อนุโมทนาครับ
     
  11. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    43,333
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,033
    บุคคลใดถ้าเจริญกรรมฐาน ได้พระโสดาบันในที่นั่งใด ให้ทำใจให้ถึงอรหันต์ในที่นั่งนั้น หมายความยังไม่ลุกให้ถึงอรหันต์เลย เขาทำกันแบบไหนเขาทำแบบนี้ ในเมื่อจิตเข้าถึงพระโสดาบันคือ มีความมั่นคง มีความแน่วแน่ว่า เวลานี้เราเป็นพระโสดาบัน ถ้าญาติโยมจะย้อนถามว่า จะรู้ได้อย่างไร ก็ต้อง

    ขอตอบว่ารู้แน่ การเจริญธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ามีญาณเป็นเครื่องรู้ ญาณจะบอกคือ

    หนึ่ง จิตจะมีความมั่นคง

    สอง อารมณ์มีความสุข

    ประการที่สาม จะเห็นว่าความตายเป็นของธรรมดา เราต้องตายแน่

    ประการที่สี่ จิตจะไม่รักชีวิตคือไม่ห่วงชีวิต ไม่กลัวความตาย คิดว่าถ้าตายเวลานี้ก็เชิญเป็นของไม่แปลกและก็

    ประการที่ห้า เมื่ออารมณ์จิตเข้าถึงขนาดนี้ก็มี ปัญญาสูง ญาณย่อมเกิดคำว่า ญาณเป็นเครื่องรู้ ย่อมมาก

    คำว่าญาณก็คืออารมณ์ อารมณ์ที่เกิดจากปัญญา มันจะบอกเองว่าเวลานี้ถึงพระโสดาบันแล้ว ทีนี้ถ้าบังเอิญเราไม่มั่นใจก็ฟังเสียง ถ้าจิตเข้าถึงพระโสดาบันจริง จะมีเสียงบอก ทั้งนี้ถ้าเราไม่ได้วิชชาสามนะ ถ้าไม่ได้วิชชาสามหรืออภิญญาจะมีเสียงบอกว่า เวลานี้เธอเป็นพระโสดาบันแล้วให้มั่นใจในเสียง ถ้าบังเอิญเราได้วิชชาสามหรืออภิญญาจะเห็นภาพพระ พระคือพระพุทธเจ้าท่านจะยืนยันว่าเวลานี้เธอเป็น พระโสดาบันแล้ว แต่จะเป็นพระโสดาบันขั้นไหนท่านจะบอกด้วย ขั้นหยาบ ที่พูดมาเมื่อกี้นี้ขั้นหยาบหรือขั้นกลาง หรือขั้นละเอียด ถ้ารับฟังตามนั้นต้องเชื่อทันทีว่าพระพุทธเจ้าไม่หลอกใคร เมื่อมีความมั่นใจแล้วก็ตัดสุดท้ายคือ ตัดอวิชชา

    โอวาทหลวงพ่อพระราชพรหมยาน วัดท่าซุง
    เล่ม 4 หน้า 24
    *********************************************************************************
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 7 ตุลาคม 2016
  12. view2004

    view2004 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    233
    ค่าพลัง:
    +1,107
    ภิกษุทั้งหลาย ! สาวก ของพระอริยเจ้าในธรรมวินัยนี้ เป็นผู้ถึงพร้อมแล้วด้วย ธรรม ๔ ประการนี้เองจึงเป็นพระโสดาบัน ผู้มีอันไม่ตกต่ำเป็นธรรมดา เที่ยงแท้ต่อพระนิพพาน เป็นผู้มีอันจะตรัสรู้ธรรมได้ในกาลเบื้องหน้า.
    ธรรม ๔ ประการนั้น เป็นอย่างไร ? ๔ ประการนั้น คือ : -

    (๑) ภิกษุทั้งหลาย ! สาวกของพระอริยเจ้าในธรรมวินัยนี้ เป็นผู้ประกอบพร้อมแล้ว ด้วยความเลื่อมใสอันหยั่งลงมั่น ไม่หวั่นไหว ในองค์พระพุทธเจ้า ว่า เพราะ เหตุอย่างนี้ๆ พระผู้มีพระภาคเจ้านั้น เป็นผู้ไกลจากกิเลส ตรัสรู้ชอบได้โดยพระองค์เอง เป็นผู้ถึงพร้อมด้วยวิชชาและข้อปฏิบัติให้ถึงซึ่งวิชชา เป็นผู้ไปแล้วด้วยดี เป็นผู้รู้โลกอย่างแจ่มแจ้ง เป็นผู้สามารถฝึกคนที่ควรฝึกได้อย่างไม่มีใครยิ่งกว่า เป็นครูของเทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย เป็นผู้รู้ผู้ตื่น ผู้เบิกบานด้วยธรรม เป็นผู้มีความจำเริญ จำแนกธรรมสั่งสอนสัตว์ ดังนี้.

    (๒) ภิกษุทั้งหลาย ! สาวกของพระอริยเจ้าในธรรมวินัยนี้ เป็นผู้ประกอบพร้อมแล้ว ด้วยความเลื่อมใสอันหยั่งลงมั่น ไม่หวั่นไหว ในองค์พระธรรม ว่า พระธรรมเป็นสิ่งที่พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสไว้ดีแล้ว, เป็นสิ่งที่ผู้ศึกษาและปฏิบัติพึงเห็นได้ด้วยตนเอง, เป็นสิ่งที่ปฏิบัติได้และให้ผลได้ไม่จำกัดกาล, เป็นสิ่งที่ควรกล่าวกะผู้อื่นว่าท่านจงมาดูเถิด, เป็นสิ่งที่ควรน้อมเข้ามาใส่ตัว, เป็นสิ่งที่ผู้รู้ก็รู้ได้เฉพาะตน ดังนี้.

    (๓) ภิกษุทั้งหลาย ! สาวกของพระอริยเจ้าในธรรมวินัยนี้ เป็นผู้ประกอบพร้อมแล้ว ด้วยความเลื่อมใสอันหยั่งลงมั่น ไม่หวั่นไหว ในพระสงฆ์ ว่า สงฆ์ สาวกของพระผู้มีพระภาคเจ้า เป็นผู้ปฏิบัติดีแล้ว เป็นผู้ปฏิบัติตรงแล้ว เป็นผู้ปฏิบัติให้รู้ธรรมเครื่องออกจากทุกข์แล้ว เป็นผู้ปฏิบัติสมควรแล้ว อันได้แก่บุคคลเหล่านี้ คือ คู่แห่งบุรุษสี่คู่ นับเรียงตัวได้แปดบุรุษ. นั่น แหละ คือ สงฆ์สาวกของพระผู้มีพระภาคเจ้า เป็นสงฆ์ควรแก่สักการะที่เขานำมาบูชา เป็นสงฆ์ควรแก่สักการะที่เขาจัดไว้ต้อนรับ เป็นสงฆ์ควรรับทักษิณาทาน เป็นสงฆ์ที่บุคคลทั่วไปจะพึงทำอัญชลี เป็นสงฆ์ที่เป็นนาบุญของโลก ไม่มีนาบุญอื่นยิ่งกว่า ดังนี้.

    (๔) ภิกษุทั้งหลาย ! สาวกของพระอริยเจ้าในธรรมวินัยนี้ เป็นผู้ประกอบพร้อมแล้ว ด้วย ศีลทั้งหลายชนิดเป็นที่พอใจของเหล่าอริยเจ้า : เป็น ศีลที่ไม่ขาด ไม่ทะลุ ไม่ด่าง ไม่พร้อย เป็นศีลที่เป็นไทจากตัณหาเป็นศีลที่ผู้รู้ท่านสรรเสริญ เป็นศีลที่ทิฏฐิไม่ลูบคลำ และเป็นศีลที่เป็นไปเพื่อสมาธิ ดังนี้.
    ภิกษุทั้งหลาย ! สาวกของพระอริยเจ้า ผู้ประกอบพร้อมแล้วด้วยธรรม ๔ ประการนี้แล ชื่อว่า เป็นพระโสดาบันผู้มีอันไม่ตกต่ำเป็นธรรมดา เที่ยงแท้ต่อพระนิพพาน เป็นผู้มีอันจะตรัสรู้ธรรมได้ในกาลเบื้องหน้า.

    (ภาษาไทย) ฉกฺก. อํ. ๒๒/๓๙๒/๓๖๓. โดย พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระสมณโคดม
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 มีนาคม 2015

แชร์หน้านี้

Loading...