ถามเรื่องศีลข้อ 2

ในห้อง 'พุทธศาสนา และ ธรรมะ' ตั้งกระทู้โดย want to sodaban, 28 กันยายน 2013.

  1. want to sodaban

    want to sodaban สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 มีนาคม 2013
    โพสต์:
    14
    ค่าพลัง:
    +24
    ถ้าเราไปยืมของเพื่อนโดยไม่ขออนุญาติเพื่อน(หยิบมาใช้ แต่เอาไปคืน) แต่เพื่อนไม่ได้เสียหายและเพื่อนไม่ได้โกรธ จะผิดศีลข้อ 2 หรือเปล่าครับ
     
  2. เฮียปอ ตำมะลัง

    เฮียปอ ตำมะลัง ทุกสิ่งจบสิ้นลงด้วยความตาย วุ่นวายทำไม ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    24,969
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +91,130
    "ศีลข้ออทินนาทานจะขาด ก็ต่อเมื่อมีการกระทำครบองค์ทั้ง ๕ ข้อดังต่อไปนี้คือ

    ๑. ปรปริคฺคหิตํ.......................ของนั้นมีเจ้าของหวง
    ๒. ปรปริคฺคหิตสญฺญิตา.........ตนก็รู้ว่า ของมีเจ้าของหวง
    ๓. เถยฺยจิตฺตํ...........................มีจิตคิดจะลัก
    ๔. อุปกฺกโม.............................พยายามเพื่อจะลัก
    ๕. เตน หรณํ...........................นำของนั้นมาสำเร็จ ด้วยความพยายามนั้น

    เพื่อนไม่โกรธ ก็แสดงว่าเขาไม่ได้หวงของ


    ตัวเราเองไม่มีจิตคิดจะเอาเป็นของตนเอง ... ศีลอยู่ครบครับ
     
  3. จรัล

    จรัล เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    295
    ค่าพลัง:
    +405
    พ่อแม่พี่น้อง ญาติมิตรที่รู้จักกันคุ้นเคยสนิทสนมเราเรียกว่า ถือวิสาสะได้ครับ ที่สำคัญที่สุดคือเราไม่มีจิตคิดที่จะเอามาเป็นของตัวเอง สบายใจได้
     
  4. เนตรอิศวร

    เนตรอิศวร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2011
    โพสต์:
    160
    ค่าพลัง:
    +425
    *****.....สัตว์โลกทั้งหลายย่อมเป็นไปตามกรรม. พิจารณาก่อนท่านทั้งผู้เจริญ กรรมอันใดเมื่อเกิดขึ้นแล้วกรรมนั้นย่อมส่งผลจะมากหรือน้อยนั้นอยู่ที่ผลของการกระทำและเจตนาเป็นหลัก. ผลของกรรมนั้นสามารถเกิดผลได้2ทางคือ เกิดขึ้นแก่ตัวเรา๑ เกิดขึ้นแก่ผู้อื่น๑ ซึ่งไม่ว่าจะเกิดขึ้นทางใดทางหนึ่งนั้นย่อมถือว่าเป็นกรรม.
    *****ยกตัวอย่าง เรานั้นยืนบ่นก้อนหิน ก้อนหินเป็นเพียงธาตุจึงไม่ทุกข์ ตัวเราเป็นผู้บ่นก้อนหินแม้ว่าเราจะกล่าวว่าเราเองนั้นไม่เกิดทุกข์ แต่จริงๆแล้วความทุกข์นั้นได้เกิดขึ้นแก่เราแล้วและผลของกรรมก็ได้บังเกิดขึ้นในจิตใจของเราแล้วประดุจน้ำที่ค่อยๆหยดลงตุ่มฉันท์ใดก็ฉันท์นั้น.
    *****ในกรณีนี้ก็เช่นเดียวกัน เราได้นำของผู้อื่นไปใช้แล้ว แม้ผู้อื่นจะกล่าวว่าการที่เราเอาของเขาไปใช้เขาจะไม่เป็นทุกข์ นั่นก็ด้วยเขานั้นได้ยกจิตไม่ยึดติดแล้วในวัตถุ แต่เราเป็นผู้นำของเขาไปใช้โดยไม่บอกกล่าวแก่เจ้าของด้วยเราไม่ทุกข์นั้นก็เพราะเจ้าของไม่ถือโทษ แต่โทษนั้นได้บังเกิดขึ้นสะสมในดวงจิตของเราแล้วนั่นก็คือความมักง่ายโดยถือวิสาสะ แม้เรื่องนี้เจ้าของเขาจะไม่ถือโทษเราจึงอาจเห็นว่าไม่เป็นโทษ แต่ในทางกลับกันหากเจ้าของนั้นถือโทษเป็นทุกข์ขึ้นมาเรานั้นจะทำเช่นไร.
    *****....ในกรณีนี้หากเป็นภิกษุ ของสิ่งใดแม้เป็นของภิกษุโดยมีผู้นำมาถวายภิกษุเป็นผู้รับแล้ว หากมีผู้อื่นมาหยิบจับของสิ่งนั้นหลังจากภิกษุรับประเคนแล้วของสิ่งนั้นหากภิกษุไปหยิบจับยึดมาเป็นเจ้าของก็ให้ถือว่าภิกษุนั้นต้องอาบัติ เว้นไว้เสียว่าจะได้รับการถวายใหม่.
    *****....ฉะนั้นสรุปได้คือ การหยิบฉวยของผู้อื่นมาใช้โดยไม่บอกแก่เจ้าของก่อนนั้นย่อมถือว่าเป็นโทษ วิธีการแก้ไขคือขออภัยจากเจ้าของเสีย แล้วภายหน้าก็จงอย่าทำอีกเพราะกรรมจะเกาะกุมจิตใจจนเป็นนิสัยแห่งความมักง่ายนั่นเอง .
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 29 กันยายน 2013

แชร์หน้านี้

Loading...