ติดตามสถานะการณ์

• 'นายพลหกดาว' ยศทหารของอเมริกา
ที่มีแค่สองคนในประวัติศาสตร์ที่ได้ยศนี้

-----

'General of the Armies' หรือจอมทัพสหรัฐฯ คือยศทหารขั้นสูงสุดในกองทัพบกสหรัฐฯ โดยมีสถานะสูงกว่ายศ 'General of the Army' หรือยศจอมพล

ในประวัติศาสตร์ของสหรัฐฯ มีนายพลแค่สองคนเท่านั้นที่ได้รับยศนี้ คนแรกก็คือจอห์น เจ. เพอร์ชิง (John J. Pershing) ผู้บัญชาการของกองกำลังรบนอกประเทศอเมริกา (American Expeditionary Forces – AEF) ที่นำกองทัพสหรัฐฯ เข้าร่วมรบภาคพื้นยุโรปในสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง

เพอร์ชิงได้รับยศจอมทัพสหรัฐฯ หลังสงครามจบในปี 1919 แต่เพอร์ชิงก็ไม่เคยติดเครื่องหมายหกดาวบนเครื่องแบบ โดยเขาจะติดแค่สี่ดาวหรือยศพลเอกเท่านั้น

ส่วนอีกคนที่ได้รับยศจอมทัพสหรัฐฯ ก็คือจอร์จ วอชิงตัน ประธานาธิบดีคนแรกของสหรัฐฯ วอชิงตันได้รับยศนี้ย้อนหลังในปี 1976 ในวาระครบรอบ 200 ปี การก่อตั้งสหรัฐฯ

นอกจากสองคนนี้ ยังมีนายพลสหรัฐอีกหลายคน ที่เคยถูกเสนอชื่อให้ได้รับยศจอมทัพสหรัฐฯ อย่างเช่นกรณีของดักลาส แมคอาเธอร์ (Douglas MacArthur) นายพลคนสำคัญของสหรัฐฯ ในสงครามโลกครั้งที่สองและสงครามเกาหลี ที่ถูกเสนอชื่อในปี 1954 แต่สุดท้ายก็ไม่ได้มีการแต่งตั้ง

แต่ในปี 2022 ที่ผ่านมา ก็ได้มีผู้ได้รับยศจอมทัพสหรัฐฯ เป็นคนที่สาม ต่อจากเพอร์ชิงและวอชิงตัน ซึ่งก็คือยูลิสซิส เอส. แกรนท์ (Ulysses S. Grant) ผู้บัญชาการของกองทัพสหรัฐฯ ในสงครามกลางเมืองอเมริกา และเป็นอดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนที่ 18

แกรนท์ได้รับการเสนอชื่อในปี 2022 จากวาระชาตกาล 200 ปี ของแกรนท์ โดยสภาคองเกรสก็ได้อนุมัติในเดือนธันวาคม 2022 และประธานาธิบดีโจ ไบเดน ก็ได้ลงนามรับรองผ่านรัฐบัญญัติป้องกันประเทศปี 2023 (2023 National Defense Authorization Act) ในการแต่งตั้งแกรนท์เป็นจอมทัพสหรัฐฯ อย่างเป็นทางการ

-----

*** Reference

• ksdk. Ulysses S. Grant posthumously promoted to 'General of the Armies'. https://shorturl.at/cfqwM
• mohumanities. General US Grant promoted to Six Star General. https://shorturl.at/dkloP

#HistofunDeluxe

 

• มีการศึกษาพบว่า บรรพบุรุษของชนพื้นเมืองอเมริกัน มีต้นตอจากมณฑลยูนนานของจีน

-----

ในปี 1989 นักโบราณคดีของจีนได้ค้นพบซากโครงกระดูกมนุษย์โบราณภายในถ้ำหม่าลู่ตง (Malu dong) หรือถ้ำกวางแดง ในมณฑลยูนนานทางตอนใต้ของจีน โครงกระดูกดังกล่าวมีอายุเก่าแก่กว่า 14,000 ปีโดยประมาณ

ในการศึกษาช่วงแรก ๆ มีการสัณนิษฐานว่า โครงกระดูกที่ค้นพบอาจจะเป็นมนุษย์ในสปีชีส์ที่สูญพันธุ์ไปแล้ว โดยเป็นมนุษย์สายพันธุ์ผสมระหว่างมนุษย์โฮโม นีแอนเดอร์ทัล (Homo neanderthal) หรือไม่ก็เป็นโฮโม เดนิโซแวน (Homo denisovans) ที่ได้ผสมกับมนุษย์สปีชีส์ปัจจุบันอย่างโฮโม เซเปียนส์ (Homo sapiens)

อย่างไรก็ตามข้อสัณนิษฐานนี้ก็ถูกตีตกไป ผ่านการเผยแพร่ผลการวิจัยในวารสาร Current Biology ในเดือนกรกฎาคม 2022 ที่ผ่านมา โดยสถาบันสัตววิทยาคุนหมิงในมณฑลยูนนาน

การศึกษาได้เปิดเผยว่า แท้จริงแล้วมนุษย์โบราณในถ้ำหม่าลู่ตงก็คือมนุษย์โฮโม เซเปียนส์ ไม่ใช่มนุษย์สายพันธุ์ผสม หรือมนุษย์ที่สูญพันธุ์ไปแล้วแต่อย่างใด และที่สำคัญเมื่อมีการวิเคราะห์ทางพันธุกรรมของมนุษย์ถ้ำหม่าลู่ตง ก็ทำให้พบกับประเด็นที่น่าสนใจ

เพราะเมื่อเปรียบเทียบกับตัวอย่างโครงกระดูกมนุษย์โบราณที่อยู่ในที่ต่าง ๆ ทั่วโลก พบว่ามนุษย์ถ้ำหม่าลู่ตงมีพันธุกรรมที่สัมพันธ์ใกล้ชิดกับโครงกระดูกอายุ 13,900 ปี ที่ค้นพบที่ไซบีเรีย รวมถึงโครงกระดูกมนุษย์ที่คาดว่าเก่าแก่ที่สุดในทวีปอเมริกา

ดังนั้นจึงนำไปสู่ทฤษฎีที่ว่า บรรพบุรุษของชนพื้นเมืองในอเมริกา ได้อพยพโยกย้ายหรือมีต้นตอมาจากมณฑลยูนนานของจีน จากเดิมที่เคยมีความเชื่อแค่ว่า มนุษย์ในไซบีเรียคือคนกลุ่มแรกที่ข้ามไปยังอเมริกา แต่จะกลายเป็นมนุษย์ในไซบีเรีย ก็อพยพมาจากตอนใต้ของจีนอีกทอดนึง

“เทคนิคในดีเอ็นเอโบราณ เป็นเครื่องมือที่ทรงพลังจริง ๆ” ดร.ปิง ซู (Bing Su) จากสถาบันสัตววิทยาคุนหมิงกล่าว

-----

*** Reference

• scmp. Chinese scientists find DNA link with Native American ancestors in Yunnan cave. https://shorturl.at/dfkE5
• IFL science. DNA From Chinese Cave Linked To Ancestry Of Native Americans. https://shorturl.at/kpOT2

#HistofunDeluxe

 

• เข็มกลัดท่านผู้นำของเกาหลีเหนือ มีที่มาอย่างไร?

-----

ถ้าคุณเคยสังเกตคนเกาหลีเหนือ จะเห็นว่าพวกเขาจะติดเข็มกลัดที่เป็นรูปของอดีตผู้นำอย่างคิมอิลซ็องและคิมจองอิล อยู่ที่บริเวณอกทางด้านซ้าย

ซึ่งไม่ว่าจะเป็นทหาร เจ้าหน้าที่ระดับสูง หรือแม้แต่ประชาชนทั่วไป ก็จะติดเข็มกลัดนี้ไว้ที่หน้าอกของตนทั้งสิ้น ว่าแต่เข็มกลัดที่ชาวเกาหลีเหนือติดนี้มีที่มาจากอะไร

ว่ากันว่าจุดเริ่มต้นของการติดเข็มกลัดที่อกของเกาหลีเหนือ เกิดขึ้นในปลายยุค 1960 โดยได้รับต้นแบบและอิทธิพลจากเข็มกลัดรูปประธานเหมาเจ๋อตง ที่ชาวจีนช่วงเวลานั้นนิยมสวมใส่ ในช่วงปฏิวัติวัฒนธรรมของจีน

แต่เกาหลีเหนือก็เคยออกโฆษณาชวนเชื่อว่า เข็มกลัดดังกล่าว มาจากคิมอิลซ็องที่เป็นคนแรกที่คิดต่างหาก

อย่างไรก็ตามก็มีอีกหนึ่งความเชื่อ โดยในปี 1967 ได้เกิดเหตุการณ์ที่เรียกว่า การลุกฮือของกลุ่มกับซัน (Kapsan Faction Incident) โดยเป็นเหตุการณ์ที่กลุ่มกับซัน ซึ่งเป็นกลุ่มการเมืองภายในพรรคแรงงานเกาหลี และส่วนใหญ่เป็นอดีตทหารที่เคยต่อต้านญี่ปุ่น ได้เสนอนโยบายปฏิรูปเศรษฐกิจของประเทศ

ทว่านโยบายของกลุ่มได้ขัดแย้งกับลัทธิบูชาตัวบุคคลที่คิมอิลซ็องมีอยู่ ทำให้กลุ่มกับซันไม่พอใจ และวางแผนโค่นล้มอำนาจของคิมอิลซ็อง และเชิญผู้นำกลุ่มของตนเป็นผู้นำคนใหม่ของเกาหลีเหนือแทน แต่สุดท้ายกลุ่มกับซันก็ถูกคิมอิลซ็องกวาดล้างจนราบคาบ

หลังเกิดเหตุการณ์ คิมอิลซ็องจึงสั่งให้สมาชิกของพรรคแรงงานเกาหลีติดเข็มกลัดที่มีใบหน้าของเขา เพื่อแสดงถึงความจงรักภักดี

เข็มกลัดถูกผลิตโดยสตูดิโอศิลปะชื่อ มันซูแด อาร์ต สตูดิโอ (Mansudae Art Studio) ที่ตั้งอยู่ในกรุงเปียงยาง ส่วนดีไซน์และภาพของท่านผู้นำบนเข็มกลัด ก็มาจากแผนกโฆษณาชวนเชื่อและปลุกระดม (Propaganda and Agitation Department) ของพรรคแรงงานเกาหลี

ในช่วงแรกจะมีเฉพาะสมาชิกพรรคแรงงานเกาหลีที่จะมีสิทธิ์ติดเข็มกลัด ส่วนประชาชนทั่วไปก็จะแอบซื้อมาติดเอง เพื่อเพิ่มสถานะทางสังคม ก่อนที่ภายหลังชาวเกาหลีเหนือทุกชนชั้นทุกอาชีพจะติดเข็มกลัดจนเป็นสัญลักษณ์ประจำตัวโดยปริยาย

เข็มกลัดมีอยู่มากกว่า 20 แบบด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็นรูปธงชาติเกาหลีเหนือ รูปธงสีแดงประจำพรรคแรงงานเกาหลี

ขณะที่เข็มกลัดที่เป็นรูปของท่านผู้นำ เดิมทีจะมีเฉพาะรูปของคิมอิลซ็อง จนกระทั่งในปี 2011 เมื่อคิมจองอิลเสียชีวิต เข็มกลัดที่มีรูปของคิมจองอิลเคียงคู่กับผู้เป็นพ่อ ในฐานะผู้นำชั่วนิจนิรันดร์ของเกาหลีเหนือก็ถูกผลิตขึ้น และถูกติดโดยประชาชนเกาหลีเหนือจนถึงตอนนี้

ส่วนในอนาคตก็อาจเป็นไปได้ว่า จะมีเข็มกลัดที่มีรูปใบหน้าของคิมจองอึน ผู้นำคนปัจจุบัน หรืออาจจะปรากฏพร้อมกับพ่อและปู่ของเขาก็เป็นได้

แต่ไม่ว่าจะยังไง เข็มกลัดนี้ก็สะท้อนถึงลัทธิบูชาตัวบุคคล ที่ยึดโยงและซึมซับในทุกมิติของเกาหลีเหนือได้เป็นอย่างดี

“... การติดเข็มกลัดรูปท่านผู้นำ เป็นสัญลักษณ์ประจำตัวที่แสดงให้เห็นว่า ชาวเกาหลีเหนือเป็นคนของท่านผู้นำ ซึ่งจะทำให้ตนดูแตกต่างจากพลเมืองที่เป็นต่างชาติ

“มันไม่เหมือนกับสัญลักษณ์ของผู้นำคนอื่น ๆ ตรงที่สามารถพกพาได้ ... ดังนั้นจึงเป็นสัญลักษณ์ที่เติมเต็มความคิดที่ว่า ผู้นำอยู่กับประชาชนเสมอ” ผู้ช่วยศาสตราจารย์แจชองลิม (Jae-cheon Lim) จากภาควิชาเกาหลีเหนือศึกษา มหาวิทยาลัยเกาหลี วิทยาเขตเซจง (Korea University Sejong Campus)

-----

*** Reference

• NK News. Behind the evolution of North Korea’s leadership loyalty badges. https://shorturl.at/frwN1
• rfa. Once treasured lapel pins of North Korea’s former leaders now sell for cheap. https://shorturl.at/dnH07

#HistofunDeluxe

 

• รู้ไหมกาฬโรคตั้งแต่ศตวรรษที่ 14
ยังคงมีผลกระทบต่อมนุษย์ในยุคปัจจุบัน

-----

กาฬโรค (Black Death) คือหนึ่งในโรคระบาดที่มีความร้ายแรงที่สุดในประวัติศาสตร์ของมนุษยชาติ โดยได้เกิดการแพร่ระบาดครั้งใหญ่ในช่วงปี 1346-1351 ทั้งในยุโรป แอฟริกาเหนือ รวมถึงตะวันออกกลาง ทำให้มีผู้คนล้มตายมากกว่า 75 ถึง 200 ล้านคน (มีความรุนแรงกว่าโควิดถึง 200 เท่า)

แม้จะเคยแพร่ระบาดมาเกือบ 700 ปีที่แล้ว แต่ในปี 2022 ที่ผ่านมา กลุ่มนักวิจัยจากสามสถาบันได้แก่ มหาวิทยาลัยชิคาโก สหรัฐฯ สถาบันปาสเตอร์ ประเทศฝรั่งเศส และมหาวิทยาลัยออนแทริโอ ประเทศแคนาดา ก็ได้เปิดเผยผลการศึกษาที่น่าสนใจเกี่ยวกับกาฬโรค โดยพบว่าผลกระทบจากกาฬโรคยังคงส่งผลมาถึงมนุษย์ในทุกวันนี้

กลุ่มนักวิจัยได้ทำการสุ่มตัวอย่างโครงกระดูกมนุษย์มากกว่า 200 ตัวอย่าง จากสุสานทั้งในอังกฤษและเดนมาร์ก โครงกระดูกเหล่านี้ ก็คือผู้เสียชีวิตทั้งก่อนการแพร่ระบาด เสียชีวิตระหว่างช่วงที่ระบาด และเสียชีวิตหลังจากการระบาดสิ้นสุดไปแล้ว

จากการสุ่มตัวอย่างพบว่า คนที่รอดชีวิตจากกาฬโรคจะมีการกลายพันธุ์บนยีนที่มีชื่อว่า ERAP2 โดยยีนดังกล่าวเกี่ยวข้องกับระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย และมีส่วนในการป้องกันแบคทีเรีย เยอซิเนีย แพสทิซ (Yersinia pestis) ที่เป็นพาหะของกาฬโรค

และเมื่อผู้ที่รอดชีวิตจากกาฬโรคมีลูกหลานสืบต่อมา ลูกหลานเหล่านี้ก็ได้รับการกลายพันธุ์ของยีน ERAP2 จากบรรพบุรุษของตนด้วย ทว่าลูกหลานในรุ่นหลัง ๆ การกลายพันธุ์ของยีน ERAP2 กลับก่อให้เกิดโทษมากกว่าคุณ

นั่นก็เพราะว่า การกลายพันธุ์ของยีน ERAP2 ในลูกหลานรุ่นหลัง ได้กลายเป็นสาเหตุของกลุ่มโรคที่เรียกว่า Autoimmune Disorders หรือโรคภูมิคุ้มกันทำลายตนเอง ที่เกิดจากความผิดปกติของระบบภูมิคุ้มกัน

โดยปกติระบบภูมิคุ้มกันของเราจะต้องทำหน้าที่ปกป้องร่างกาย ต่อสู้กับเชื้อโรค สารเคมี หรือสิ่งแปลกปลอมต่าง ๆ ที่เข้าสู่ร่างกาย แต่กลับกลายเป็นว่า ภูมิคุ้มกันได้ไปทำลายเซลล์ร่างกายของตัวเองแทน เนื่องจากแยกไม่ออกว่าเซลล์ใดคือเชื้อโรค และเซลล์ใดคือเซลล์ปกติของตน

สำหรับตัวอย่างของโรคที่เป็น Autoimmune Disorders ก็มีอาทิ โรคโครห์น (Crohn’s disease) โรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ (rheumatoid arthritis) รวมถึงโรค SLE (Systemic Lupus Erythematosus) หรือโรคแพ้ภูมิตัวเอง หรือที่คนไทยรู้จักกันในชื่อโรคพุ่มพวง

ด้วยเหตุนี้ยีน ERAP2 ที่เคยช่วยชีวิตผู้คนจากกาฬโรค กลับกลายเป็นสาเหตุที่ทำให้คนรุ่นหลังเป็นโรคเรื้อรังแทน

-----

*** Reference

• AP news. Genetic twist: Medieval plague may have molded our immunity. https://shorturl.at/zGLPY
• npr. Black Death survivors gave their descendants a genetic advantage — but with a cost. http://bitly.ws/HQ6f
• NIH. How the Black Death shaped human evolution. http://bitly.ws/HQ6f

#HistofunDeluxe

 

Jun 9, 2023 อย่าชะล่าใจ! สาธารณสุข เตือนไทยอย่าเพิ่งวางใจโควิด แนะเฝ้าระวัง หลังไทยพบโอมิครอนลูกผสม XBB.2.3 แล้ว 60 ราย ยังไม่มีข้อมูลความรุนแรง แม้หลบภูมิได้ดี
.
นพ.ศุภกิจ ศิริลักษณ์ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) อัพเดทสถานการณ์การเฝ้าระวังสายพันธุ์โควิด-19 และสายพันธุ์ที่เฝ้าติดตามในประเทศไทย โดยกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ร่วมกับเครือข่ายห้องปฏิบัติการ ติดตามการเปลี่ยนแปลงสายพันธุ์เชื้อไวรัส SARS-CoV-2 อย่างต่อเนื่อง
.
โดยปัจจุบัน องค์การอนามัยโลก ให้ความสำคัญกับการติดตามโอมิครอน จำนวน 9 สายพันธุ์ จากพื้นฐานของข้อมูลการเพิ่มความชุกหรือความได้เปรียบด้านอัตราการเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับสายพันธุ์อื่นๆ และการกลายพันธุ์ในตำแหน่งที่เกี่ยวข้องกับการได้เปรียบในการก่อโรค ได้แก่
1. สายพันธุ์ที่เฝ้าระวัง (Variants of Interest: VOI) 2 สายพันธุ์ ได้แก่ XBB.1.5* และ XBB.1.16*
2. สายพันธุ์ที่ต้องจับตามอง (Variants under monitoring: VUM) 7 สายพันธุ์ ได้แก่ BQ.1*, BA.2.75*, CH.1.1*, XBB*, XBB.1.9.1*, XBB.1.9.2* และ XBB.2.3*
สำหรับสถานการณ์สายพันธุ์เชื้อ SARS-CoV-2 ทั่วโลก อ้างอิงจากฐานข้อมูลกลาง GISAID ในรอบสัปดาห์ 8-14 พ.ค. 66 พบสัดส่วนเพิ่มขึ้น/ ลดลงจากรอบสัปดาห์ 10-16 เม.ย. 66 ดังนี้
– XBB.1.5* รายงานจาก 115 ประเทศ คิดเป็น 34.04% ลดลงจาก 49.07%
– XBB.1.16* รายงานจาก 61 ประเทศ คิดเป็น 16.32% เพิ่มขึ้นจาก 8.78%
– XBB*, XBB.1.9.1*, XBB.1.9.2* และ XBB.2.3 มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น
– BA.2.75*, CH.1.1* และ BQ.1* มีแนวโน้มลดลง
.
สำหรับสถานการณ์โดยรวมของประเทศไทย พบสายพันธุ์ลูกผสมเพิ่มขึ้นต่อเนื่องแทนที่สายพันธุ์ BN.1* ที่เคยเป็นสายพันธุ์หลักที่ระบาดในไทยตั้งแต่ช่วงสิ้นปี 65 และพบในทุกเขตสุขภาพ ข้อมูลจากฐานข้อมูลกลาง GISAID ตั้งแต่เริ่มพบสายพันธุ์ XBB.1.16 เมื่อเดือนเม.ย. 66 ปัจจุบัน XBB.1.16* เป็นสายพันธุ์ที่พบสัดส่วนมากที่สุด คิดเป็น 30.34% รองลงมาคือสายพันธุ์ XBB.1.9* คิดเป็น 26.59% และสายพันธุ์ XBB.1.5* คิดเป็น 20.96%
.
ในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา ระหว่างวันที่ 29 พ.ค.-4 มิ.ย. 66 ผลการถอดรหัสพันธุกรรมเชื้อก่อโรคโควิด-19 จำนวน 185 ราย พบเป็นสายพันธุ์ลูกผสม 169 ราย คิดเป็น 91.35% โดยพบผู้ติดเชื้อกระจายทุกเขตสุขภาพ สัดส่วนสายพันธุ์ที่ตรวจในสัปดาห์นี้สามอันดับแรก ได้แก่ สายพันธุ์ลูกผสม XBB.1.16* XBB.1.9.1* และ XBB.1.5* คิดเป็น 35.68%, 20.00% และ 11.35% ตามลำดับ
.
ส่วนสายพันธุ์ XBB.2.3* องค์การอนามัยโลกประกาศเป็นสายพันธุ์ที่ต้องเฝ้าติดตาม (VUMs) เพิ่มเติม เมื่อวันที่ 18 พ.ค. 66 เป็นสายพันธุ์ลูกผสมของโอมิครอน BA.2.10.1 และ BA.2.75 ที่กลายพันธุ์เพิ่มเติมบนโปรตีนหนาม S:T478K เหมือนกับสายพันธุ์เดลตา มีความสามารถในการหลบภูมิคุ้มกันได้ดี แต่ยังไม่มีหลักฐานที่แสดงถึงความได้เปรียบในการเติบโตแพร่ระบาด พบรายงานจาก 54 ประเทศทั่วโลก จำนวน 7,664 ราย (ข้อมูล ณ วันที่ 6 มิ.ย. 66)
.
ในประเทศไทย พบแล้วจำนวน 60 ราย รายงานครั้งแรกในช่วงเดือนมี.ค. 66 ปัจจุบันยังไม่มีหลักฐานแสดงว่าสายพันธุ์ดังกล่าว ส่งผลต่อความรุนแรงของโรค
.
“แม้สถานการณ์ปัจจุบันของประเทศไทย พบผู้ติดเชื้อสายพันธุ์ลูกผสมเป็นสายพันธุ์หลักกระจายทุกเขตสุขภาพ การตรวจวินิจฉัยโรคโควิด-19 ด้วยชุดทดสอบ Antigen Test Kit (ATK) และการตรวจทางห้องปฏิบัติการด้วยวิธี Real-time PCR ยังสามารถใช้ตรวจการติดเชื้อไวรัสก่อโรคโควิด-19 ครอบคลุมทุกสายพันธุ์ ซึ่งรวมถึงสายพันธุ์โอมิครอน และสายพันธุ์ลูกผสม” นพ.ศุภกิจ กล่าว
.
อย่างไรก็ตาม ขอประชาชนให้ความสำคัญในการดูแลตัวเอง เข้ารับการฉีดวัคซีน โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่มเปราะบางหรือกลุ่มเสี่ยง 608 (ผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป ผู้ป่วยโรคเรื้อรัง และสตรีมีครรภ์) เพื่อป้องกันตนเองรวมถึงช่วยลดความรุนแรงของโรคหากได้รับเชื้อ ทั้งนี้ กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ยังคงเฝ้าระวังการเปลี่ยนแปลงสายพันธุ์ของเชื้อก่อโรคโควิด-19 อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในรายที่มีอาการรุนแรง หรือเสียชีวิต
.
อ่านเพิ่มเติม คลิก https://rb.gy/votdt
.
ติดตาม BTimes ได้ทุกช่องทาง ดังนี้
เฟซบุ๊ก: https://m.facebook.com/btimesch3/
ยูทูป: https://m.youtube.com/c/MisterBan
ทวิตเตอร์: https://mobile.twitter.com/btimes_ch3
เว็บไซต์: https://btimes.biz
พ็อดคาสท์: https://btimes.podbean.com/
ติ้กต่อก: https://www.tiktok.com/@btimes_ch3
.
#Covid19 #โควิด19 #โอมิครอนลูกผสม #XBB23 #BTimes

 

Jun 9, 2023 พักยาวเพิ่ม! แบงก์ชาติเผย ความเชื่อมั่นผู้ประกอบการโรงแรม พ.ค.ปรับลงทุกภูมิภาค เพราะเข้าโลว์ซีซั่น ต่างชาติเข้าพักนานขึ้นกว่าช่วงโควิด
.
ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นผู้ประกอบการที่พักแรมเดือน พ.ค. 66 พบว่า อัตราการเข้าพักเฉลี่ยอยู่ที่ 51% ลดลงจากเดือน เม.ย. ซึ่งเฉลี่ยอยู่ที่ 57% โดยลดลงในทุกภูมิภาคตามการเข้าสู่ช่วง Low season ของทั้งนักท่องเที่ยวชาวไทยและชาวต่างชาติ รวมถึงมาตรการเราเที่ยวด้วยกัน เฟส 5 ที่สิ้นสุดลง ส่งผลให้ปัญหาขาดแคลนแรงงานมีแนวโน้มดีขึ้น
.
อย่างไรก็ดี คาดว่าอัตราการเข้าพักในเดือน มิ.ย. 66 จะเฉลี่ยอยู่ที่ 48% ซึ่งยังลดลงอย่างต่อเนื่อง จากผลการสำรวจยังพบว่า แม้สัดส่วนนักท่องเที่ยวต่างชาติจะลดลง แต่โรงแรมส่วนใหญ่ยังมีลูกค้าหลักเป็นชาวต่างชาติ โดยพบว่าโรงแรม 47% เห็นว่านักท่องเที่ยวต่างชาติเข้าพักนานขึ้น โดยเฉพาะโรงแรมระดับ 5 ดาวขึ้นไป และโรงแรมในภาคใต้ ที่ส่วนใหญ่ลูกค้าต่างชาติมีจำนวนคืนเข้าพักเฉลี่ยมากขึ้นกว่าช่วงก่อนโควิด-19
.
ขณะที่โรงแรมส่วนใหญ่ในภาคใต้ และภาคอีสาน มีจำนวนนักท่องเที่ยวไทยสูงกว่าช่วงก่อนโควิด-19 และเห็นว่านักท่องเที่ยวไทยเข้าพักนานขึ้นเช่นกัน ขณะที่ในภาคเหนือ ยังมีจำนวนนักท่องเที่ยวไทย และระยะเวลาเข้าพักน้อยกว่า ส่วนหนึ่งจากปัญหาฝุ่นควัน และอากาศที่ร้อนจัด
.
ส่วนปัญหาการขาดแคลนแรงงานในธุรกิจโรงแรม ที่พักนั้น ผู้ประกอบการโรงแรมส่วนใหญ่ ยังเผชิญปัญหาขาดแคลนแรงงาน แต่มีทิศทางที่ดีขึ้น สะท้อนจากผู้ตอบว่าไม่มีปัญหาขาดแคลนแรงงาน เพิ่มขึ้นจาก 32% เป็น 46% เนื่องจากเข้าสู่ช่วง low season และมีแรงงานกลับมาทำงานมากขึ้น
.
อ่านเพิ่มเติม คลิก https://rb.gy/spvzy
.
ติดตาม BTimes ได้ทุกช่องทาง ดังนี้
เฟซบุ๊ก: https://m.facebook.com/btimesch3/
ยูทูป: https://m.youtube.com/c/MisterBan
ทวิตเตอร์: https://mobile.twitter.com/btimes_ch3
เว็บไซต์: https://btimes.biz
พ็อดคาสท์: https://btimes.podbean.com/
ติ้กต่อก: https://www.tiktok.com/@btimes_ch3
.
#ที่พัก #โรงแรม #ดัชนีเชื่อมั่น #แบงก์ชาติ #BTimes

 

Jun 9, 2023 เสียงแตก! ศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดเฟดประชุมสัปดาห์หน้า คงดอกเบี้ย ที่ 5.00-5.25% แต่มติไม่เป็นเอกฉันท์
.
ศูนย์วิจัยกสิกรไทย เปิดเผยว่า ในการประชุม FOMC วันที่ 13-14 มิ.ย.นี้ คาดว่าเฟดน่าจะคงดอกเบี้ยนโยบายที่ 5.00-5.25% ด้วยมติที่ไม่เป็นเอกฉันท์ เพื่อรอดูแนวโน้มเศรษฐกิจและเงินเฟ้อในระยะข้างหน้า หลังจากการปรับขึ้นดอกเบี้ยอย่างรวดเร็วในช่วงผ่านมา โดยแม้ว่าตัวเลขเงินเฟ้อของสหรัฐยังอยู่ในระดับสูง และตัวเลขตลาดแรงงานของสหรัฐยังคงค่อนข้างแข็งแกร่ง แต่แนวโน้มเงินเฟ้อสหรัฐที่อ่อนแรงลงต่อเนื่องขณะที่ตลาดแรงงานเริ่มส่งสัญญาณชะลอตัวลง ท่ามกลางความเสี่ยงทางเศรษฐกิจที่เพิ่มขึ้นจากปัญหาภาคธนาคารสหรัฐที่นำมาซึ่งภาวะสินเชื่อตึงตัว (credit tightening)ประกอบกับผลกระทบจากการปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายอย่างรวดเร็วในช่วงที่ผ่านมาซึ่งคาดว่าจะเห็นผลกระทบต่อเศรษฐกิจจริงที่ชัดเจนขึ้นในระยะข้างหน้า เนื่องจากผลของนโยบายการเงินมักมีความล่าช้า (lag time) จะส่งผลให้เฟดมีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับ 5.00-5.25% ในการประชุม FOMC ที่จะถึงนี้ เพื่อรอดูเสียงสะท้อนจากตัวเลขเศรษฐกิจ เงินเฟ้อ และภาคการเงินในระยะต่อไป
.
ทั้งนี้ ในการประชุม FOMC ที่จะถึงนี้ จะมีการเผยแพร่ประมาณการเศรษฐกิจและแนวโน้มการปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายของเฟด ซึ่งจะสะท้อนมุมมองของเฟดต่อทิศทางนโยบายการเงินในระยะข้างหน้า อย่างไรก็ดี หากในระยะข้างหน้าทิศทางเศรษฐกิจและเงินเฟ้อต่างจากที่ประเมิน เฟดก็ยังมีความยืดหยุ่นที่จะปรับเปลี่ยนนโยบายการเงินในระยะข้างหน้าได้
.
โดยศูนย์วิจัยกสิกรไทยมองว่า แม้ว่าเฟดอาจมีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายในการประชุม FOMC ในวันที่ 13-14 มิ.ย.นี้ แต่เฟดยังคงไม่ปิดโอกาสในการปรับขึ้นดอกเบี้ยในการประชุมครั้งต่อไปหากมีความจำเป็น โดยหากเงินเฟ้อกลับมาพุ่งขึ้นอีกรอบท่ามกลางความเสี่ยงจากราคาน้ำมันในตลาดโลกที่มีแนวโน้มผันผวน ก็มีความเป็นไปได้ที่เฟดอาจมีมติปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายต่อในการประชุมครั้งต่อ ๆ ไปได้
.
อย่างไรก็ดี หากเงินเฟ้อมีทิศทางชะลอลงอย่างต่อเนื่อง คาดว่าเฟดอาจคงดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับ 5.00-5.25% ไปจนถึงสิ้นปีนี้ โดย ณ ขณะนี้ตลาดส่วนใหญ่ยังไม่มองการปรับลดดอกเบี้ยนโยบายในปีนี้ หากเศรษฐกิจสหรัฐไม่ได้ชะลอตัวลงรุนแรงกว่าที่ประเมินอย่างมีนัยสำคัญ
.
อ่านเพิ่มเติม คลิก https://rb.gy/tei4n
.
ติดตาม BTimes ได้ทุกช่องทาง ดังนี้
เฟซบุ๊ก: https://m.facebook.com/btimesch3/
ยูทูป: https://m.youtube.com/c/MisterBan
ทวิตเตอร์: https://mobile.twitter.com/btimes_ch3
เว็บไซต์: https://btimes.biz
พ็อดคาสท์: https://btimes.podbean.com/
ติ้กต่อก: https://www.tiktok.com/@btimes_ch3
.
#เฟด #FED #ดอกเบี้ย #FOMC #เศรษฐกิจ #BTimes

 

Jun 9, 2023 น่านั่งมั้ย! ผู้โดยสารโปรดทราบ นี่คือเก้าอี้นั่ง 2 ชั้นของเครื่องบินในอนาคต

งานแสดงการออกแบบอากาศยานเอ็กซ์โป 2023 หรือ Aircraft Interiors Expo 2023 จัดขึ้นที่เมืองฮัมบูร์ก ประเทศเยอรมนี กลายเป็นงานที่ถูกพูดถึงทั้งในสถานที่จัดงานและโลกออนไลน์เมื่อนาย อเลแจนโดร นิวเนส วินเซนเต้ เป็นคนหนุ่มรุ่นใหม่อายุ 23 ปีมาจากประเทศสเปน หนุ่มคนนี้มีอาชีพนักออกแบบ ได้ออกแบบและสร้างที่นั่ง 2 ชั้นตัวต้นแบบบนห้องโดยสารเครื่องบิน โดยนำมาจัดแสดงในงานดังกล่าว

ชุดเก้าอี้นั่ง 2 ชั้นต้นแบบนี้ จะประกอบด้วยที่นั่ง 3 ที่นั่งต่อ 1 แถว ถูกออกแบบให้เหลื่อมกันระหว่างเก้าอี้นั่งล่างและเก้าอี้นั่งชั้นบน มีขนาด 6 ฟุต 2 นิ้ว ที่นั่งทุกตัวสามารถปรับเอนได้ถึง 125 องศา

ทั้งนี้ ผู้ที่เข้าร่วมงานดังกล่าวรวมถึงคนในโลกโซเชี่ยลล้วนแสดงความคิดเห็นอย่างหลากหลายและมากมายจนกลายเป็นโพสต์ไวรัสลที่แชร์กันอย่างรวดเร็ว

ติดตาม BTimes ได้ทุกช่องทาง ดังนี้
เฟซบุ๊ก: https://m.facebook.com/btimesch3/
ยูทูป: https://m.youtube.com/c/MisterBan
ทวิตเตอร์: https://mobile.twitter.com/btimes_ch3
เว็บไซต์: https://btimes.biz
พ็อดคาสท์: https://btimes.podbean.com/

#เครื่องบิน #เก้าอี้ #เก้าอี้เครื่องบิน #เยอรมนี #นักออกแบบ #ธุรกิจ #สายการบิน #BTimes

 

UPDATE: รัฐบาลเวียดนามรับแรงกดดันไม่ไหว เตรียมให้สิทธิพิเศษซัพพลายเออร์บริษัทยักษ์ใหญ่ข้ามชาติเข้าถึงไฟฟ้าก่อน วอนภาคผลิตลดใช้ไฟ 50%
.
รัฐบาลเวียดนามรับแรงกดดันทางการเมืองและเศรษฐกิจไม่ไหว เตรียมให้สิทธิพิเศษกลุ่มโรงงานขนาดใหญ่เวียดนามตอนเหนือเข้าถึงไฟฟ้าก่อนอันดับแรก และขอให้บางโรงงานลดการใช้ไฟลง 50% ขณะเดียวกันจะเร่งเพิ่มปริมาณไฟฟ้าเข้าระบบ เน้นบริหารจัดการโครงการพลังงานหมุนเวียนที่เสร็จสมบูรณ์ไปแล้วให้นำมาใช้โดยเร็ว และเจรจาการนำเข้าก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) เป็นครั้งแรก
.
ปัญหาไฟฟ้าดับต่อเนื่องของเวียดนามยังไม่คลี่คลาย หลังจากก่อนหน้านี้บริษัทยุโรปเรียกร้องให้รัฐบาลเวียดนามหาแนวทางเร่งด่วน เพื่อรองรับผลกระทบจากไฟดับและตกบ่อยครั้ง ในพื้นที่ศูนย์กลางการผลิตของบริษัทยักษ์ใหญ่อย่าง Samsung Electronics, Foxconn, Canon และ Luxshare จนรัฐบาลต้องออกมาตรการเร่งด่วน
.
สำนักข่าว Bloomberg รายงานว่า รัฐบาลเวียดนามออกแถลงการณ์ผ่านเว็บไซต์ว่า ได้ให้สิทธิพิเศษโรงงานขนาดใหญ่ทางตอนเหนือของเวียดนาม ซึ่ง Samsung Electronics และซัพพลายเออร์ของ Apple ดำเนินการอยู่ ภายใต้การบริหารจัดการไฟฟ้าของ Vietnam Electricity Group ซึ่งเป็นของรัฐ และสิทธิพิเศษนี้เป็นไปตามคำร้องขอของรัฐบาลส่วนภูมิภาค ภายหลังจากเกิดเหตุกรณีอุณหภูมิที่ร้อนระอุส่งผลต่ออ่างเก็บน้ำไฟฟ้าพลังน้ำลดลง กำลังสร้างความตึงเครียดให้กับโครงข่ายไฟฟ้าป้อนสู่โรงงานหลายพันแห่งภายในสวนอุตสาหกรรม ที่ขณะนี้รัฐบาลขอให้โรงงานปฏิบัติตามมาตรการควบคุมการใช้ไฟฟ้าอย่างรัดกุม
.
ขณะเดียวกัน รัฐบาลเวียดนามได้รับแรงกดดันทางการเมือง เศรษฐกิจ และสังคม นอกจากจะให้สิทธิพิเศษโรงงานขนาดใหญ่ในการเข้าถึงไฟฟ้าโดยเร็วที่สุดเเล้ว ยังพยายามหาวิธีเพิ่มปริมาณไฟฟ้า ไม่ว่าจะเป็นการบริหารจัดการโครงการพลังงานหมุนเวียนที่เสร็จสมบูรณ์ไปแล้ว ให้นำมาใช้อย่างรวดเร็ว หรือการนำเข้าก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) เป็นครั้งแรก
.
รายงานข่าวระบุอีกว่า บริษัทไฟฟ้าหรือที่รู้จักกันว่า การไฟฟ้าแห่งเวียดนาม (Electricity of Vietnam: EVN) ได้ลดกำลังการผลิตไฟฟ้าทางตอนเหนือลงถึง 30% หรือมากถึง 10% ของการใช้ไฟฟ้าของภูมิภาค เพื่อป้องกันไฟฟ้าเกินพิกัด และเพื่อรองรับความปลอดภัยของระบบ เนื่องจากผู้ผลิตรายใหญ่และโรงงานที่จ้างคนงานจำนวนมากเริ่มได้รับผลกระทบ
.
นอกจากนี้ หน่วยงานภายในยังขอให้รัฐบาลเพิ่มปริมาณการผลิตถ่านหินและก๊าซ เพื่อหาทางออกที่ประเทศกำลังเผชิญกับปัญหาการขาดแคลนพลังงาน ท่ามกลางคลื่นความร้อนและพลเมืองส่วนใหญ่ต้องประหยัดไฟฟ้า ส่งผลให้การบริโภคประจำวันลดลงประมาณ 2.5%
.
▪ รัฐบาลส่งหนังสือขอให้สวนอุตสาหกรรมลดใช้ไฟฟ้า
รายงานข่าวจาก Nikkei Asia รายงานว่า บริษัทพลังงานภายใต้รัฐบาลเวียดนาม ขอให้โรงงานในสวนอุตสาหกรรมใกล้กรุง Hanoi ลดการใช้ไฟฟ้าลง 50% เนื่องจากอุณหภูมิยังสูง บวกกับความต้องการใช้ไฟฟ้าสูง เพราะต่างกังวลว่าหากสถานการณ์ยังเป็นเช่นนี้ ไฟฟ้าจะดับเป็นวงกว้าง
.
โดยนอกจากอุตสาหกรรมในจังหวัด Bac Ninh ทางตอนเหนือที่มีฐานการผลิตหลายแห่ง สวนอุตสาหกรรม Thang Long ยังได้รับหนังสือขอความร่วมมือให้ลดการใช้ไฟฟ้าด้วย อีกทั้งบริษัทการค้าของญี่ปุ่น Sumitomo ถูกขอให้ลดการใช้ไฟฟ้าในเช้าวันศุกร์ถึงเย็นวันอาทิตย์ แต่มาตรการนี้อาจส่งผลให้ Sumitomo ซึ่งเป็นผู้ผลิตยางรายใหญ่ ต้องหาแนวทางพิจารณาเยียวยา เพื่อลดผลกระทบต่อผู้เช่าซึ่งรวมถึงบริษัทญี่ปุ่น เช่น Panasonic, ผู้ผลิตห้องน้ำ TOTO และ Shin-Etsu Chemical บริษัทที่ทำธุรกิจเกี่ยวกับซิลิโคน
.
▪ ส่องบริษัทระดับโลกตั้งฐานการผลิตเวียดนามตอนเหนือ
THE STANDARD WEALTH สำรวจบริษัทระดับโลกที่เข้าไปตั้งฐานการผลิตในประเทศเวียดนามตอนเหนือ มีทั้ง Foxconn บริษัทผู้ผลิตสินค้าอิเล็กทรอนิกส์, สมาร์ทโฟน, คอมพิวเตอร์, แท็บเล็ต และชุดจอภาพทีวี ให้กับแบรนด์ทั่วโลก เช่น Sony, Dell, Xiaomi และยักษ์ใหญ่อย่าง Samsung ที่มีการผลิตมากกว่า 50% ของสมาร์ทโฟนทั้งหมดอยู่ในประเทศเวียดนาม
.
รวมทั้ง Canon มีโรงงานผลิต 4 แห่ง และบริษัท Luxshare Precision Industry (Luxshare ICT) ที่เป็นหนึ่งในบริษัทที่ Apple ทำสัญญาจ้างผลิต และมีรายงานข่าวระบุว่า กำลังจ้างพนักงานหลายราย เพื่อผลิตชุดประกอบหูฟังไร้สายแอร์พอดส์ (AirPods)
.
ส่วนพื้นที่อื่นข้างเคียงมีบริษัทระดับโลกอีกหลายบริษัท ไม่ว่าจะเป็น Intel ที่มีแหล่งการประกอบและทดสอบที่ใหญ่ที่สุดอยู่ที่ Saigon ที่ร่วมมือกับ Vingroup ยักษ์ใหญ่เวียดนาม ผลิตและพัฒนาชิปให้กับรถ EV อย่าง VinFast นอกจากนี้ยังมี Lego ที่ได้เข้าไปลงทุนตั้งโรงงานในเวียดนามเมื่อปี 2021 รวมถึง LG และยังมี IKEA ที่มีการผลิตในเวียดนามคิดเป็นเกือบ 100% ของซัพพลายเออร์ของตกแต่งช่างฝีมือที่มีทักษะ
.
สำหรับเอกชนไทยรายใหญ่ที่เข้าไปลงทุนในเวียดนาม มีทั้งเซ็นทรัล, กลุ่มทีซีซี (TCC Group), เครือเจริญโภคภัณฑ์ (CP), ไทยออยล์, อมตะ คอร์ปอเรชัน (AMATA), เครือซิเมนต์ไทย (SCG), Gulf Group, บริษัท บี.กริม เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) (BGRIM), บริษัท บ้านปู เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) (BPP) และบริษัท ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) (WHA)
.
อ้างอิง:
https://www.bloomberg.com/news/arti...s-in-industrial-parks?leadSource=uverify wall
https://www.bloomberg.com/news/arti...r-power?sref=CVqPBMVg&leadSource=uverify wall
https://asia.nikkei.com/Business/En...cut-power-50-on-blackout-risk?mibextid=Zxz2cZ
.
#TheStandardWealth

 

09.06.23

Norges Bank ออกคำเตือนนักท่องเที่ยวชาวนอร์เวย์ หลังจากที่พบว่า พวกเขาไม่สามารถแลกเงินสดของนอร์เวย์ เป็นเงินในสกุลท้องถิ่นในบางประเทศได้อีกต่อไป Norges Bank ขอให้ทุกคนเตรียมตัวให้พร้อมก่อนการเดินทาง โดยการติดต่อสอบถามธนาคารว่า สามารถแลกเงินสดใด้หรือไม่ หรือใช้วิธีการชำระเงินทางอื่นที่ไม่ใช่เงินสด

1.เหตุผลเบื้องหลังการงดรับซื้อเงินสดนี้คือ ธนาคารของนอร์เวย์ มีข้อจำกัดมากขึ้นในการซื้อเงินกลับจากต่างประเทศ เนื่องมาจากพระราชบัญญัติการฟอกเงิน ทำให้ธนาคารและสำนักงานแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศบางแห่งหยุดรับเงินสดของนอร์เวย์

- เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นกับ เงินโครนสวีเดน และ เดนมาร์ก เช่นกัน โดย ธนาคารแห่งชาติสวีเดน/เดนมาร์ก ออกคำเตือนประชาชน อย่านำเงินสดจำนวนมากติดตัวไปแลกที่ปลายทางโดยที่คุณไม่ใด้ตรวจสอบก่อนว่า รับแลกเงินสดหรือไม่

2.ขณะนี้ ธนาคาร ยังไม่มีภาพรวมว่า ประเทศใดบ้างที่ไม่สามารถแลกเงินสดใด้อีกต่อไป แต่นักท่องเที่ยวทั้งใน ประเทศไทย และ บัลแกเรีย รายงานว่าพวกเขาถูกปฏิเสธเมื่อต้องการแลกเงินสดของนอร์เวย์เป็นเงินในสกุลท้องถิ่น

3.บริษัทการท่องเที่ยว Ving ได้ส่งข้อความถึงทุกคนว่า ขณะนี้ไม่สามารถแลกเปลี่ยนเงินโครนนอร์เวย์เป็นสกุลเงินท้องถิ่นใน บัลแกเรีย ได้อีกต่อไป

ที่มา : https://www.nrk.no/nyheter/norges-bank-advarer-norske-turister-1.16438225
https://www.norges-bank.no/aktuelt/...inger/2023/2023-06-08-veksling-norske-sedler/

 

เมื่อผลปฏิบัติการรุกของกองทัพยูเครน แม้แต่หน่วยที่ได้รับการฝึกและใช้ยุทโธปกรณ์ของตะวันตกไม่ออกมาตามคาด ผมก็ขอเขียนถึงเรื่องการที่ยูเครนส่งทหารบางส่วนไปรับการฝึกจาก NATO สักหน่อย เป็นข้อสังเกตเล็กน้อยแล้วกันครับ

1. ทหารยูเครนที่ได้รับการฝึกจากตะวันตกมีสัดส่วนน้อยเมื่อเทียบกับกำลังพลทั้งหมด

2. ระยะเวลาที่ทหารยูเครนได้รับการฝึกจากตะวันตก ปกติยาวเพียงไม่กี่สัปดาห์เท่านั้น หรืออย่างมากที่สุดก็ไม่เกิน 3 - 4 เดือน ซึ่งถ้าเทียบกับหลักสูตรการฝึกทหารปกติถือว่าเป็นหลักสูตรเร่งรัดสุดๆแล้ว ถ้าจะเปรียบเทียบให้เห็นภาพก็คือเหมือนสมัครเรียนสถาบันกวดวิชา เฉพาะคอร์สตะลุยโจทย์ช่วงโค้งสุดท้ายแล้วไปสอบแข่งขันเลย โดยไม่ได้เรียนคอร์สปรับพื้นฐาน คอร์สเพิ่มเกรด คอร์สเตรียมสอบ ฯลฯ ก่อน

3. กำลังพลที่ได้รับการฝึกเป็นเพียงทหารชั้นผู้น้อยที่จะต้องออกไปรบแนวหน้า ไม่ใช่นายทหารที่วางแผนหรือสั่งการ ดังนั้นต่อให้ทหารยูเครนได้รับการฝึกแบบ NATO แต่นายทหารก็ยังคุ้นเคยกับหลักนิยมและยุทธวิธีแบบโซเวียตเดิมมากกว่า

4. แม้กำลังพลที่ยูเครนส่งไปฝึกบางส่วนจะเป็นทหารผ่านศึก มีประสบการณ์รบมาก่อน แต่ก็ต้องเข้าใจว่าจะให้คนที่ฝึกมาตามยุทธวิธีแบบโซเวียตเดิมทั้งชีวิต สามารถทิ้งความเคยชินเดิม เปลี่ยนไปใช้ยุทธวิธีแบบ NATO ได้ภายในไม่กี่สัปดาห์หรือไม่กี่เดือนนั้นเป็นเรื่องยาก

5. ในช่วงเวลาอย่างน้อยก็ 20 ปีหลังนี้ ตะวันตกแทบไม่เคยทำการรบตามแบบกับฝ่ายตรงข้ามที่มีขีดความสามารถพอๆกันมาก่อน ส่วนใหญ่มีแต่การรบนอกแบบ สงครามกองโจร สงครามต่อต้านการก่อการร้าย ฯลฯ ถ้าตัดคำว่า NATO ออก แล้วดูเฉพาะตัวบทเรียนหรือประสบการณ์จริงๆ ก็น่าสงสัยว่าตะวันตกมีความรู้เกี่ยวกับสงครามในลักษณะที่ยูเครนกำลังเผชิญอยู่มาสอนได้สักแค่ไหนกัน ผมกลับมองว่ากำลังพลของ NATO ควรจะเป็นฝ่ายเรียนรู้เกี่ยวกับการรบตามแบบจากทหารผ่านศึกของยูเครนด้วยซ้ำ

6. ความจริงการที่ยูเครนส่งทหารไปฝึกกับ NATO อาจไม่ใช่การสร้างสุดยอดทหาร Super Soldiers มาเปลี่ยนเกมแบบที่สื่อปั่นข่าวกัน แต่เป็นการหาพื้นที่ฝึกทหารที่ปลอดภัยให้ยูเครน สามารถฝึกทหารได้โดยไม่ต้องกังวลว่าจะถูกรัสเซียโจมตีทางอากาศ ขณะเดียวกัน NATO ก็ได้สร้างภาพว่ากำลังช่วยเหลือยูเครนเท่านั้น

นี่เป็นข้อสังเกตเล็กน้อยของผมเกี่ยวกับการฝึกทหารและการใช้อาวุธ NATO ของยูเครน ใครที่ติดตามผมมานานคงเคยเห็นผมเขียนเรื่องพวกนี้ไว้บ้างแล้ว แต่ก็ขอลงอีกครั้งเพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ครับ

สวัสดี

09.06.2023

 

การประชุม NATO กำลังใกล้เข้ามา ขณะที่การรุกฤดูร้อนของยูเครนยังไม่คืบหน้า

จนถึงขณะนี้การรุกใหญ่ช่วงฤดูร้อนของยูเครนยังแทบไม่มีความคืบหน้าเลย แม้จะมีการส่งรถถัง Leopard 2 ที่สื่อปั่นว่าเป็นรถถังเทพ ตัวเปลี่ยนเกม (อีกตัวหนึ่ง) ลงสนามรบแล้วก็ตาม ที่เลวร้ายสุดคือพื้นที่ที่ยูเครนกับรัสเซียปะทะกันอยู่ตอนนี้ยังอยู่ในแนวป้องกันส่วนหน้าของรัสเซียเท่านั้น กล่าวคือเป็นพื้นที่ที่รัสเซียส่งหน่วยทหารขนาดเล็กไปวางกำลังกระจายๆกัน เพื่อทำการรบหน่วงเวลาก่อนจะร่นถอยเข้าสู่แนวป้องกันหลักชั้นแรกที่อยู่ถัดไปอีกหลายกิโลเมตร หรือพูดง่ายๆคือจนถึงขณะนี้ผ่านมา 5 วันแล้ว ยูเครนยังเข้าประชิดแนวป้องกันหลักชั้นแรกของรัสเซียไม่ได้ด้วยซ้ำ

นอกจากกองทัพยูเครนจะประสบความสูญเสียอย่างหนักในสนามรบ โดยที่การรุกไม่คืบหน้าแล้ว ผมคิดว่ามีอีกเหตุการณ์หนึ่งที่น่าจับตามอง คือการประชุม NATO ที่ประเทศลิทัวเนีย (Vilnius Summit) ที่จะมีขึ้นในเดือนกรกฎาคมนี้ ขณะนี้การเตรียมการสำหรับงานประชุมดังกล่าวก็เริ่มขึ้นแล้ว และประธานาธิบดี Zelensky ของยูเครนก็เล่นใหญ่ยื่นคำขาดกับตะวันตกว่า ถ้าไม่มีแผนให้ยูเครนเข้าเป็นสมาชิก NATO ยูเครนจะไม่ไปร่วมประชุม ฯลฯ ซึ่งก็คงจะกระทบกับการ PR ของตะวันตกพอสมควร อย่างไรก็ตามถ้ายูเครนต้องการการสนับสนุนที่มากขึ้นจากตะวันตก ก็ควรต้องมีผลงานไปโชว์ว่าการลงทุนของตะวันตกที่จะใช้ยูเครนทำสงครามตัวแทนกับรัสเซียจนตอนนี้มีผลกระทบไปทั่วโลกแล้วนั้นคุ้มค่า ดังนั้นความสำเร็จหรือล้มเหลวของการรุกช่วงฤดูร้อนของยูเครนที่ดำเนินอยู่ตอนนี้ น่าจะส่งผลกับอำนาจต่อรองของยูเครนในการประชุม NATO ที่ลิทัวเนียในเดือนกรกฎาคมมากทีเดียวครับ

สวัสดี

09.06.2023

 

กรณีท่อส่งก๊าซแอมโมเนียระเบิด มีแนวโน้มเป็นฝีมือมือที่สามมาก ส่วนสื่อไทยก็ยังสมกับเป็นสื่อไทย

หลังจากเขื่อน Nova Kakhovka แตกไม่ทันไร ก็เกิดเหตุท่อส่งก๊าซแอมโมเนียในแคว้น Kharkiv ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของท่อที่เชื่อมระหว่างเมือง Tolyatti ในรัสเซียกับเมืองท่า Odessa ในยูเครนระเบิดอีก ทั้งรัสเซียและยูเครนต่างก็กล่าวหากันว่าเป็นฝีมืออีกฝ่าย แม้จะยังไม่มีหลักฐานชัดเจนว่าเป็นฝีมือใคร แต่สื่อตะวันตกที่ช่วยยูเครนทำสงครามข่าวสารอยู่แล้ว ก็จงใจพาดหัวข่าวเข้าข้างยูเครนว่า "รัสเซียถล่มท่อก๊าซแอมโมเนีย ... ตามการกล่าวอ้างของยูเครน" ส่วนสื่อไทยก็สมกับเป็นสื่อไทย ก็อปพาดหัวข่าวมาแล้วตัดส่วนที่บอกว่าเป็นการกล่าวอ้างของยูเครนออก ผมไม่แปลกใจเท่าไหร่ ก็สมกับเป็นสื่อไทยอยู่แล้ว ขอให้รักษามาตรฐานจรรยาบรรณวิชาชีพที่สื่อดูแลกันเองได้แบบนี้ต่อไปนะครับ (ฮา)

ถ้าคิดว่ารัสเซียเป็นฝ่ายทำลายท่อก๊าซแอมโมเนียดังกล่าว ก็หมายความว่า "รัสเซียทำลายท่อที่ตัวเองใช้ส่งออกแอมโมเนีย" เพราะท่อดังกล่าวสร้างขึ้นตั้งแต่สมัยโซเวียตเชื่อมโรงงานผลิตแอมโมเนียใหญ่สุดในโลกคือโรงงาน TogliattiAzot ที่เมือง Tolyatti ในรัสเซียปัจจุบันไปส่งออกทะเลที่เมืองท่า Odessa ในยูเครนซึ่งเคยเป็นส่วนหนึ่งของสหภาพโซเวียต แม้โซเวียตจะล่มสลายไปแล้ว แต่รัสเซียก็ยังใช้ท่อนี้ในการส่งออกแอมโมเนียอย่างต่อเนื่อง เพิ่งจะถูกปิดไปหลังจากรัสเซียเริ่มปฏิบัติการพิเศษในยูเครนเมื่อปีที่แล้ว

เมื่อท่อนี้ถูกปิด รัสเซียส่งออกแอมโมเนียไม่ได้ก็จริง แต่ก่อนหน้านี้ยูเครนก็ส่งออกสินค้าจากเมืองท่า Odessa ไม่ได้เช่นกัน เพราะกองเรือทะเลดำของรัสเซียปิดอ่าวอยู่ จนกระทั่งตุรกีและสหประชาชาติ (UN) เข้ามาเป็นคนกลาง เจรจาทำข้อตกลงธัญพืช (Grain Deal) ให้ยูเครนส่งออกธัญพืชจากท่าเรือ Odessa ได้ ขณะเดียวกันตะวันตกก็ต้องยกเลิกมาตรการคว่ำบาตรเพื่อให้รัสเซียส่งออกสินค้าเกษตรรวมถึงแอมโมเนียได้เช่นกัน เป้าหมายของข้อตกลงนี้เพื่อแก้ไขปัญหาการขาดแคลนอาหารระดับโลก เนื่องจากทั้งรัสเซียและยูเครนต่างก็เป็นผู้ส่งออกสินค้าเกษตรรายใหญ่

ปัญหาคือที่ผ่านมาแม้ข้อตกลงธัญพืชจะมีผลบังคับใช้และต่ออายุมาเรื่อยๆ แต่รัสเซียกลับไม่สามารถส่งออกสินค้าเกษตรได้ตามข้อตกลง เพราะตะวันตกไม่ยอมยกเลิกมาตรการคว่ำบาตร ตะวันตกอ้างว่าไม่ได้คว่ำบาตรสินค้าเกษตรของรัสเซีย ใช่ครับ ตะวันตกไม่คว่ำบาตรตัวสินค้าเกษตรโดยตรง แต่ไม่ยอมให้ประเทศลูกค้าของรัสเซียชำระเงินผ่านระบบ SWIFT จะใช้ระบบชำระเงินอื่นก็ไม่ได้ ตะวันตกขู่คว่ำบาตรอีก แต่ตะวันตกเป็นพระเอกนะ ไม่ได้ห้ามประเทศอื่นซื้ออาหารไปเลี้ยงประชาชนเลย แค่ทำให้ชำระเงินไม่ได้แค่นั้นเอง เห็นมั้ยว่าตะวันตกเห็นใจเพื่อนมนุษย์ที่ขาดแคลนอาหารมาก ทีนี้นอกจากรัสเซียจะส่งออกสินค้าเกษตรไม่ได้แล้ว สินค้าเกษตรของยูเครนเองก็ถูกตะวันตกโดยเฉพาะสหภาพยุโรป (EU) กว้านซื้อไปเกือบหมด ส่งไปไม่ถึงประเทศยากจนที่เป็นกลุ่มเป้าหมายหลักของข้อตกลงธัญพืชแต่อย่างใด (ยุโรปต้องการให้สินค้าเกษตรในประเทศถูกลง จนส่งผลกระทบกับเกษตรกรภายในประเทศ เกษตรกรยุโรปออกมาประท้วง ล่าสุดหลายประเทศเลยต้องออกมาแบนการนำเข้าสินค้าเกษตรจากยูเครน) จะเห็นได้ว่าข้อตกลงธัญพืชมีปัญหาแต่แรก รัสเซียก็ทักท้วงมาหลายครั้ง ตุรกีกับ UN ก็ได้แต่รับรองว่าจะพยายามแก้ไขปัญหา ขอให้รัสเซียยอมเสียเปรียบไปก่อน ซึ่งสาเหตุหนึ่งที่รัสเซียยอมทำตามข้อตกลงเสียเปรียบนี้ก็เพื่อรักษาหน้าประธานาธิบดี Erdogan ของตุรกี

ล่าสุดเมื่อสัปดาห์ที่แล้วมีข่าวว่าการเจรจาเรื่องข้อตกลงธัญพืชมีความคืบหน้ามากขึ้น รวมถึงมีข้อเสนอที่จะให้รัสเซียสามารถส่งออกแอมโมเนียทางท่อผ่านยูเครนได้ด้วย กำลังเจรจากันอยู่ แล้วอยู่ๆท่อที่รัสเซียจะใช้ส่งออกแอมโมเนียก็ระเบิด ถ้าจะซ่อมก็ต้องใช้เวลาหลายเดือน ข้อตกลงธัญพืชอาจจะล่มได้ ด้วยเหตุนี้ความคิดเห็นส่วนตัวผมจึงมองว่ามีโอกาสเป็นการบงการของมือที่สามสูงมาก (ต้องไม่ลืมว่าถ้าข้อตกลงล่ม ยูเครนก็จะส่งออกสินค้าเกษตรทางเรือจาก Odessa ไม่ได้เหมือนกัน)

สวัสดี

07.06.2023

 

กรณีเขื่อน Nova Kakhovka แตก อีกประเด็นที่ควรพิจารณานอกเหนือจากความเสียหายสะสมของตัวเขื่อนแล้ว ก็คือระดับน้ำในเขื่อนครับ

ก่อนอื่นต้องรู้ก่อนว่าเขื่อนกั้นแม่น้ำ Dnieper ไม่ได้มีแค่เขื่อน Nova Kakhovka แห่งเดียว แม่น้ำ Dnieper เป็นแม่น้ำที่มีความยาวเป็นอันดับ 4 ของยุโรป มีจุดกำเนิดในรัสเซียแล้วไหลผ่านเบลารุสและยูเครน ผ่านตั้งแต่กรุง Kiev ทางเหนือลงมาจนถึง Nova Kakhovka และ Kherson ทางใต้ ก่อนจะไหลลงสู่ทะเลดำ มีเขื่อนกั้นแม่น้ำตลอดสายหลายแห่ง เฉพาะในยูเครนมีถึง 6 เขื่อน ซึ่งเขื่อนเหล่านี้ก็ต้องมีการประสานงานกันเพื่อควบคุมระดับน้ำในแต่ละจุด ไม่ให้สูงหรือต่ำเกินไป (เขื่อนเหล่านี้ยังเป็นทางข้ามแม่น้ำ Dnieper ไปในตัวด้วย ดังนั้นใครที่สงสัยว่าทำไมที่ผ่านมารัสเซียจึงไม่ทำลายทางข้ามแม่น้ำ Dnieper ของกองทัพยูเครนจากฝั่งตะวันตกมาตะวันออก คงได้คำตอบแล้วนะครับ)

หลังจากรัสเซียเริ่มปฏิบัติการพิเศษ แล้วเข้ายึดครองแคว้น Kherson เขื่อน Nova Kakhovka ก็ตกอยู่ใต้ความควบคุมของรัสเซีย แม้อาจจะมีอุปสรรคในการประสานงานกับเขื่อนอื่นๆที่อยู่ขึ้นไปทางต้นน้ำ แต่อย่างน้อยเจ้าหน้าที่ของเขื่อน Nova Kakhovka ก็ยังปฏิบัติงานได้ค่อนข้างเต็มที่ เพราะอยู่ลึกเข้ามาในแนวหลังของรัสเซีย ห่างจากแนวหน้าบริเวณรอยต่อแคว้น Kherson - Mykolaiv ประมาณ 20 - 40 กิโลเมตร แต่เมื่อรัสเซียต้องถอนทหารจากฝั่งตะวันตกของแคว้น Kherson ข้ามแม่น้ำ Dnieper กลับมาแล้ว นอกจากตัวเขื่อนจะมีความเสียหายสะสมจากตอนที่ยูเครนใช้ลูกยาวรวมถึงจรวดหลายลำกล้อง HIMARS โจมตีแนวหลังของรัสเซียเพื่อกดดันให้รัสเซียถอนทหารแล้ว ตอนนี้เขื่อน Nova Kakhovka ยังกลายเป็นพื้นที่แนวหน้าอยู่ตรงกลางระหว่างแนวรบรัสเซีย - ยูเครนคนละฟากของแม่น้ำ Dnieper พอดี ในสถานการณ์แบบนี้ก็ไม่รู้ว่าเจ้าหน้าที่เขื่อนสามารถปฏิบัติหน้าที่ได้แค่ไหน ประกอบกับเพิ่งผ่านฤดูใบไม้ผลิมา มีหิมะละลายและฝนตกหนัก ส่งผลให้ระดับน้ำในแม่น้ำ Dnieper สูงขึ้น เขื่อนอื่นๆที่อยู่ถัดขึ้นไปทางต้นน้ำทางเหนือก็ต้องระบายน้ำลงมาเป็นทอดๆ ถ้าเขื่อน Nova Kakhovka ระบายน้ำลงทะเลดำไม่ทัน ระดับน้ำในเขื่อนก็จะสูงขึ้นเรื่อยๆ แรงดันน้ำก็จะมากขึ้น ประกอบกับความเสียหายสะสมของตัวเขื่อน ก็อาจเป็นสาเหตุให้เขื่อนแตกได้เช่นเดียวกันครับ เป็นอีก scenario หนึ่งที่เป็นไปได้

สวัสดี

06.06.2023

 

การที่เขื่อน Nova Kakhovka แตก แสดงให้เห็นว่าพลเอก Surovikin ตัดสินใจถูกแล้ว ที่ถอนทหารรัสเซียออกจากฝั่งตะวันตกของ Kherson หรือฝั่งขวาของแม่น้ำ Dnieper เมื่อปีที่แล้ว

ลองคิดดูว่าจะเกิดอะไรขึ้นถ้าเขื่อนแตก ขณะที่ทหารรัสเซีย 20,000 - 30,000 นาย พร้อมอาวุธหนักยังอยู่อีกฟากของแม่น้ำ กำลังพลทั้งหมดนี้จะถูกตัดขาดทันที สุดท้ายคงต้องยอมแพ้เพราะขาดแคลนเสบียง และรัสเซียก็คงจะแพ้สงคราม ดังนั้นการถอนทหารข้ามแม่น้ำกลับมาก่อน จึงเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้อง นี่เป็นอีกหนึ่งกรณีตัวอย่างว่าบางครั้งการยอมสละพื้นที่ เพื่อรักษาชีวิตทหารไว้ก็เป็นสิ่งที่ควรทำ

นอกจากนี้การที่ปัจจุบันรัสเซียใช้ยุทธวิธีการตั้งรับเชิงลึกหรือ Defense in Depth ก็เป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องเช่นกัน กล่าวคือรัสเซียไม่ได้ทุ่มกำลังทหารจำนวนมากไปวางกำลังเป็นแนวยาวติดกันเป็นพรืดริมฝั่งแม่น้ำ Dnieper รวมถึงในเกาะแก่งต่างๆ ที่ตอนนี้ถูกน้ำท่วม ตรงกันข้าม รัสเซียใช้เพียงหน่วยทหารราบขนาดเล็กไปวางกำลังกระจายไปตามริมฝั่งแม่น้ำแค่ให้พอสังเกตการณ์พื้นที่แนวหน้าได้ครอบคลุมเท่านั้น ส่วนแนวป้องกันหลักจะอยู่ลึกเข้ามาในแผ่นดิน ดังนั้นแม้พื้นที่ฝั่งตะวันออกของแคว้น Kherson ที่รัสเซียยึดครองอยู่ จะได้รับผลกระทบจากเขื่อนแตก มีน้ำท่วมมากกว่าฝั่งตะวันตกที่ยูเครนยึดครองอยู่ เนื่องจากพื้นที่ของรัสเซียอยู่ต่ำกว่า ก็ไม่กระทบกับแนวป้องกันของรัสเซียมากนัก มีเพียงเครื่องกีดขวางต่างๆ และสนามเพลาะแนวหน้าสุดของหน่วยทหารราบขนาดเล็กเท่านั้นที่ถูกน้ำท่วม หน่วยทหารเหล่านี้ก็สามารถถอนกำลังลงมายังแนวป้องกันหลักในชั้นถัดมาโดยไม่ต้องกังวลกับการเคลื่อนย้ายอาวุธหนักหนีน้ำ

สำหรับยูเครนก็ไม่ได้รับผลกระทบมากนัก เนื่องจากพื้นที่ฝั่งตะวันตกของแคว้น Kherson อยู่สูงกว่า แต่ที่ซวยสุดคือทหารยูเครนที่ถูกส่งเข้าไปยึดเกาะแก่งต่างๆในแม่น้ำ Dnieper นั่นแหละครับ ที่ถูกน้ำท่วมสูงจนถึงระดับหลังคาบ้าน ต้องอพยพหนีตาย อย่างไรก็ตามก็ยังต้องติดตามต่อไปว่าจะมีปริมาณน้ำไหลลงมาอีกมากน้อยแค่ไหน

สวัสดี

07.06.2023

 

วาทกรรมคลาสสิก "รัสเซียปิดกั้นข่าวสาร แบนสื่อตะวันตก"

เพราะรัสเซียปิดกั้นข่าวสาร ... CNN เลยเข้าไปทำสกู๊ปข่าวถามความเห็นคนรัสเซียเกี่ยวกับปฏิบัติการพิเศษในยูเครนได้

เพราะรัสเซียปิดกั้นข่าวสาร ... France 24 เลยเข้าไปทำสกู๊ปข่าวถามความรู้สึกของคนรัสเซียที่มีต่อปฏิบัติการพิเศษในยูเครนได้

เพราะรัสเซียปิดกั้นข่าวสาร ... Euronews เลยเข้าไปทำสกู๊ปข่าวถามความเห็นคนรัสเซียหลังปฏิบัติการพิเศษในยูเครนดำเนินมา 6 เดือนได้

เพราะรัสเซียปิดกั้นข่าวสาร ... Radio Free Europe เลขเข้าไปทำสกู๊ปข่าวถามความเห็นคนมอสโกเกี่ยวกับผลกระทบของปฏิบัติการพิเศษต่อคนยูเครนได้

เพราะรัสเซียปิดกั้นข่าวสาร ... Today เลยเข้าไปทำสกู๊ปข่าวถามความเห็นคนรัสเซียเกี่ยวกับปฏิบัติการพิเศษในยูเครนได้

เพราะรัสเซียปิดกั้นข่าวสาร ... Radio Free Europe เลยเข้าไปทำสกู๊ปข่าวถามความเห็นคนรัสเซียในกรุงมอสโก เกี่ยวกับประโยชน์ที่รัสเซียจะได้รับจากปฏิบัติการพิเศษในยูเครนได้
https://www.youtube.com/watch?v=jx0AX_AiTik

เพราะรัสเซียปิดกั้นข่าวสาร ... CNN เลยเข้าไปสกู๊ปข่าวถามความเห็นของคนรัสเซียหลังตะวันตกประกาศจะส่งรถถังให้ยูเครนได้
https://www.youtube.com/watch?v=XWYhJ7NNF1c&t=194s

เพราะรัสเซียปิดกั้นข่าวสาร ... Evening Standard เลยเข้าไปทำสกู๊ปข่าวถามความเห็นคนรัสเซียที่ถูกเรียกระดมพลได้
https://www.youtube.com/watch?v=haU2O33h8vE

เพราะรัสเซียปิดกั้นข่าวสาร ... ABC News เลยเข้าไปทำสกู๊ปข่าวในมอสโก ถามความเห็นคนรัสเซียในโอกาสที่ปฏิบัติการพิเศษในยูเครนครบรอบ 1 ปีได้
https://www.youtube.com/watch?v=J5IeQq55j0w

เพราะรัสเซียปิดกั้นข่าวสาร ... BBC เลยทำสกู๊ปข่าววิถีชีวิตในรัสเซีย หลังปฏิบัติการพิเศษในยูเครนดำเนินมา 14 เดือนได้
https://www.youtube.com/watch?v=IB_rtHBGaS8

เพราะรัสเซียปิดกั้นข่าวสาร ... Deutsche Welle เลยเข้าไปทำสกู๊ปข่าวเกี่ยวกับคนรัสเซียที่ประท้วงต่อต้านสงครามได้
https://www.youtube.com/watch?v=gsqleKLSaWY

นี่คือตัวอย่างบางส่วนของการปิดกั้นข่าวสาร แบนสื่อตะวันตกโดยรัสเซียครับ

สวัสดี

08.06.2023

https://m.facebook.com/story.php?story_fbid=669807795143984&id=100063443090381&mibextid=Nif5oz

 

คดีเด็กเลียแผล็บๆในซูชิโระ โดนฟ้องแล้ว 67 ล้านเยน
.
ตัวเด็กได้ฉายาเปโระเปโระคุง(นายแผล็บๆ)ติดตัวตลอดไป นอกจากพ่อแม่จะต้องหาเงินมาใช้หนี้ ตัวเด็กคงหมดอนาคตแล้ว ตอนนี้ออกจากรร.แล้ว ถึงจะกลับไปเรียนต่อ แต่อนาคตคงไม่สามารถทำงานที่ บ.ดีๆได้อีกต่อไป(ประวัติฉาวโดนเช็ค) ในอดีตเคสแบบนี้หมดอนาคตทุกคน

 

ประธานาธิบดีเอ็มมานูเอล มาครง แห่งฝรั่งเศส เมื่อวันเสาร์ (10 มิ.ย.) เรียกร้อง เอบราฮิม ไรซี ประธานาธิบดีอิหร่าน หยุดสนับสนุนปฏิบัติการรุกรานยูเครนของอิหร่านในทันที หลังกล่าวหาว่าประเทศแห่งนี้มีความเกี่ยวข้องกับการจัดหาโดรนโจมตีให้แก่มอสโก
.
ถ้อยแถลงของทำเนียบประธานาธิบดีฝรั่งเศส เปิดเผยว่า มาครง ได้พูดคุยทางโทรศัพท์กับ ไรซี และระหว่างนั้นได้เน้นย้ำเกี่ยวกับผลที่ตามมาร้ายแรงทั้งด้านความมั่นคงและมนุษยธรรม จากการส่งมอบโดรนของอิหร่าน และเร่งเร้าเตหะรานหยุดให้การสนับสนุนสงครามรุกรานยูเครนของรัสเซียในทันที"
.
ความเคลื่อนไหวนี้มีขึ้น 1 วัน หลังจาก จอห์น เคอร์บี โฆษกด้านความมั่นคงแห่งชาติสหรัฐฯ ออกมาเปิดเผยว่า รัสเซียได้รับวัสดุจากอิหร่าน ในการก่อสร้างโรงงานผลิตโดรนแห่งหนึ่งในดินแดนของพวกเขา ซึ่งอาจจะสามารถเดินสายการผลิตเต็มรูปแบบในช่วงต้นปีหน้า
.
ทำเนียบขาวเผยแพร่ภาพถ่ายดาวเทียม อ้างว่าเป็นตำแหน่งที่ตั้งของว่าที่โรงงานผลิตโดรน ในเขตเศรษฐกิจพิเศษอาลาบูกา ซึ่งอยู่ห่างจากกรุงมอสโกไปทางตะวันออกราว 900 กิโลเมตร "ความสัมพันธ์ด้านการทหารระหว่างรัสเซียกับอิหร่าน ดูเหมือนกำลังแน่นแฟ้นขึ้นเรื่อยๆ" เคอร์บี ระบุในถ้อยแถลง อ้างข้อมูลข่าวกรองสหรัฐฯ
.
สหรัฐฯ เคยบอกว่ารัสเซียได้รับโดรนโจมตีจากอิหร่านหลายร้อยลำ สำหรับใช้โจมตีเคียฟและข่มขวัญชาวยูเครน คำกล่าวหาที่ทางเตหะรานปฏิเสธ
.
เคอร์บี อ้างอิงข้อมูลของสหรัฐฯ ระบุว่าโดรนเหล่านี้ถูกสร้างในอิหร่าน ขนส่งผ่านทะเลแคสเปียน และจากนั้นกองกำลังรัสเซียก็นำไปใช้ในปฏิบัติการเล่นงานยูเครน
.
ก่อนหน้านี้ สหรัฐฯ ได้ประกาศคว่ำบาตรผู้บริหารบริษัทด้านกลาโหมแห่งหนึ่งในอิหร่านโทษฐานส่งออกโดรนให้แก่รัสเซีย ขณะที่รัฐบาลเตหะรานเองแม้จะยอมรับว่ามีการส่งโดรนให้มอสโกจริง แต่อ้างว่าส่งไปตั้งแต่ก่อนที่รัสเซียจะเปิดปฏิบัติการรุกรานยูเครนในปีที่แล้ว
.
ทำเนียบขาวบอกว่าจะเผยแพร่คำแนะนำใหม่ของรัฐบาลในการช่วยเหลือภาคธุรกิจและรัฐบาลต่างๆ เพื่อรับประกันว่า "พวกเขาจะไม่ได้ให้การสนับสนุนโครงการโดรนของอิหร่านโดยไม่ตั้งใจ"
.
(ที่มา : เอเอฟพี)
-------------------------------
แหล่งข่าว
- https://mgronline.com/around/detail/9660000053280
-------------------------------
ติดตามข้อมูลข่าวสาร รู้ไทย รู้โลก กับ Thailand Vision ได้ที่
Website : http://www.thailandvision.co
Facebook : https://www.facebook.com/thvi5ion
Twitter : https://twitter.com/Thailand_vision
Youtube : https://www.youtube.com/c/Thailandvision

 

มีความเป็นไปได้ที่พันธมิตรตะวันตกจะไม่เชิญยูเครนเข้าร่วมเป็นสมาชิกองค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ (นาโต) ระหว่างสงคราม แต่ปัจจุบันยังอยู่ระหว่างเจรจากันเกี่ยวกับภาษาที่จะใช้ส่งสัญญาณถึงคำมั่นสัญญาระยะยาวของพวกเขาที่มีต่อเคียฟ จากการเปิดเผยของเอกอัครราชทูตสหรัฐฯ ประจำนาโตที่สัมภาษณ์กับโพลิติโก เว็บไซต์ข่าวการเมืองอเมริกา
.
ประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี แห่งยูเครน วิงวอนบรรดาผู้นำนาโตในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา ให้วางกรอบเส้นทางที่เป็นรูปธรรมสำหรับอ้าแขนรับเคียฟเข้าเป็นสมาชิก พร้อมกับขู่ไม่เข้าร่วมประชุมซัมมิตประจำปีของพันธมิตรทหารแห่งนี้ ในกรุงวิลนีอุส เมืองหลวงของลิทัวเนีย ในเดือนหน้า หากไม่สามารถทำได้ตามนั้น
.
อย่างไรก็ตาม ระหว่างให้สัมภาษณ์กับเว็บไซต์ข่าวโพลิติโก ณ สำนักงานใหญ่ของพันธมิตร ทาง จูเลียแอนน์ สมิธ เอกอัครราชทูตสหรัฐฯ ยอมรับว่าพันธมิตรทหารแห่งนี้ไม่อาจเชิญเคียฟเข้าร่วมนาโตได้ในเวลานี้ "ฉันคิดว่าเวลานี้พันธมิตรเห็นพ้องกันว่าคำเชิญที่เหมาะสมไม่น่าจะเป็นไปได้ ระหว่างที่พวกเขาเกี่ยวพันกับสงครามเต็มรูปแบบ"
.
กระนั้น เธอยืนยันว่า นาโตต้องการส่งสารถึง ยูเครน ว่า พวกเขาจะยืนหยัดอยู่เคียงข้างประเทศที่ถูกสงครามฉีกขาดเป็นชิ้นๆ แห่งนี้ในระยะยาว และกำลังพยายามหาหนทางหนึ่งหนทางใดในการแสดงจุดยืนดังกล่าวในที่ประชุมในวิลนีอุส
.
"เราต้องการส่งสัญญาณถึงประธานาธิบดีเซเลนสกี ถ้าเขาเดินทางมาร่วมด้วยตนเอง เราใส่ใจอย่างยิ่งต่อการมีความสัมพันธ์ระยะยาวกับยูเครน และกำลังมองหาหนทางต่างๆ ที่จะรองรับทุกความสำเร็จของพวกเขา แรงสนับสนุนของเราจะไม่มีวันจางหายไปหรือเราจะไม่มีทางไขว้เขว"
.
ยูเครนพยายามเข้าร่วมเป็นสมาชิกนาโตมานานนับทศวรรษ ย้อนกลับไปในปี 2008 บรรดาผู้นำนาโตที่พบปะกันในกรุงบูคาเรสต์ รับปากแบบคลุมเครือว่าสักวันหนึ่งยูเครนจะกลายมาเป็นสมาชิกพันธมิตรทหารแห่งนี้ ทว่าคำสัญญาดังกล่าวถูกเพิกเฉยท่ามกลางความกังวลว่ามันจะเป็นการยั่วยุรัสเซีย
.
ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา เซเลนสกี ยอมรับกับสาธารณะว่า เขาตระหนักว่ายูเครนจะไม่ได้กลายมาเป็นสมาชิกนาโตระหว่างสงคราม แต่กระนั้นได้โต้แย้งว่า ยูเครนควรได้รับคำสัญญาที่เป็นรูปธรรม ณ ที่ประชุมในเมืองหลวงลิทัวเนีย ว่าพวกเขาจะกลายเป็นสมาชิกนาโตหลังสงครามสิ้นสุดลง นอกจากนี้ เขายังกดดันขอคำมั่นสัญญาแบบมีพันธะจากบรรดาพันธมิตรนาโตว่าจะคอยปกป้องยูเครน ในระหว่างที่กระบวนการการเข้าเป็นสมาชิก
.
ที่ผ่านมา สมาชิกนาโตจำนวนหนึ่งเน้นย้ำส่งเสียงสนับสนุนการอ้าแขนรับยูเครนเข้าเป็นส่วนหนึ่งขององค์กร ทว่า ชาติสมาชิกรายใหญ่อย่างเยอรมนี กลับแสดงความคิดเห็นที่ก่อความเคลือบแคลงสงสัย
.
ก่อนหน้านี้เมื่อช่วงต้นเดือน อันนาเลนา แบร์บ็อค รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศเยอรมนี แสดงจุดยืนว่าพันธมิตรทหารที่นำโดยสหรัฐฯ ไม่ควรพูดถึงเรื่องสมาชิกใหม่ในระหว่างสงคราม ความเห็นที่ไปในทิศทางเดียวกับถ้อยแถลงของนายกรัฐมนตรีโอลาฟ โชลซ์ ในเดือนพฤษภาคม
.
รัสเซีย มองการแผ่ขยายขอบเขตมาทางทิศตะวันออกของนาโต ว่าเป็นภัยคุกคามความมั่นคงของพวกเขา และอ้างมันเป็นหนึ่งในหลายเหตุผลที่ทำให้ต้องตัดสินใจเปิดปฏิบัติการทางทหารรุกรานยูเครนในเดือนกุมภาพันธ์ปี 2023
.
(ที่มา : โพลิติโก/อาร์ทีนิวส์)
-------------------------------
แหล่งข่าว
- https://mgronline.com/around/detail/9660000053304
-------------------------------
ติดตามข้อมูลข่าวสาร รู้ไทย รู้โลก กับ Thailand Vision ได้ที่
Website : http://www.thailandvision.co
Facebook : https://www.facebook.com/thvi5ion
Twitter : https://twitter.com/Thailand_vision
Youtube : https://www.youtube.com/c/Thailandvision

 

ประเด็นดาราแต่งงาน เพื่อนบ้านทะเลาะกัน ตอนนี้อาจไม่สำคัญเท่าการเฝ้าระวัง ภัยแล้ง จาก เอลนีโญ ที่กำลังมาเยือนคนไทยปลายปีนี้ และอาจลากยาวไปจนถึงปี 2567
.
ตั้งแต่เดือนเมษายน 2566 เป็นต้นมา ประเทศไทยเผชิญ อากาศร้อน ที่รุนแรงมากกว่าทุกปีจากสภาวะ “Monster Asian Heatwave” จนทำให้อุณหภูมิในไทยบางพื้นที่พุ่งสูงทะลุ 44.6 องศาเซียลเซียส
.
ประกอบกับข้อมูลจาก National Oceanic and Atmospheric Administration (NOAA) ที่รายงานว่า พื้นที่ทั่วโลกในปี 2566 ทำลายสถิติอากาศร้อนที่สุดในรอบ 174 ปี โดยอุณหภูมิพื้นผิวโลกเพิ่มขึ้นอยู่ที่ +0.87 °C สูงขึ้นมากกว่าปี 2000 ซึ่งอยู่ที่ +0.34 °C เท่านั้น
.
ไม่ใช่แค่ร้อนมากเป็นประวัติการณ์เท่านั้น แต่ปีนี้ประเทศไทยและอีกหลายประเทศทั่วโลก กำลังจะเผชิญกับปรากฏการณ์ “เอลนีโญ” ที่อาจรุนแรงขึ้นและกินเวลายาวนานไปจนถึงช่วงเดือน ก.พ. 2567 เลยทีเดียว
.
จริงๆ แล้ว “เอลนีโญ-ลานีญา” เป็นปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นอยู่แล้วตามธรรมชาติ โดยอาจจะเกิดขึ้นทุกๆ 3-4 ปี สลับหมุนเวียนกันไปเรื่อยๆ ที่ผ่านมาช่วง 2-3 ปีก่อนหน้านี้ โลกเราเพิ่งจะผ่านพ้นสภาพอากาศแบบ “ลานีญา” ไปหมาดๆ มาปีนี้เรากำลังจะเข้าสู่สภาพอากาศแบบ “เอลนีโญ” ซึ่งส่งผลให้เกิด “ภัยแล้ง” ในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และออสเตรเลีย
.
สำหรับ เอลนีโญ มีชื่อเรียกอย่างเป็นทางการว่า “El Niño – Southern Oscillation” เรียกอย่างสั้นว่า “ENSO” หมายถึง ความผันผวนซึ่งเกิดขึ้นบริเวณมหาสมุทรแปซิฟิกตอนใต้
.
โดยในสภาวะปกติ “กระแสลมในมหาสมุทรแปซิฟิก” จะพัดจากทิศตะวันออกของมหาสมุทรแปซิฟิก (ชายฝั่งประเทศเปรู ทวีปอเมริกาใต้) ไปทางทิศตะวันตกของมหาสมุทรแปซิฟิก (อินโดนีเซียและออสเตรเลีย) เป็นสภาพอากาศที่สมดุลทั้งกระแสลมทะเลและกระแสน้ำอุ่น
.
แต่ถ้าปีไหนเกิดปรากฏการณ์ “เอลนีโญ” จะพบว่าในปีนั้นมหาสมุทรแปซิฟิกมีความกดอากาศและอุณหภูมิที่ผิดปกติไปจากเดิม ทำให้ “กระแสลมในมหาสมุทรแปซิฟิก” อ่อนกำลังลง เกิดกระแสลมเปลี่ยนทิศทางเป็นตรงกันข้าม คือ พัดจากทิศตะวันตกของมหาสมุทรแปซิฟิก (อินโดนีเซียและออสเตรเลีย) ไปทางทิศตะวันออกของมหาสมุทรแปซิฟิก (ชายฝั่งประเทศเปรู ทวีปอเมริกาใต้)
.
เมื่อกระแสลมเปลี่ยนทิศ ก็ทำให้ “กระแสน้ำอุ่น-น้ำเย็น” แปรปรวนและไหลผิดทิศทางไปด้วย ซึ่งผลกระทบที่จะเกิดขึ้นคือ ทางฝั่งของอินโดนีเซียและออสเตรเลีย (ใกล้กับประเทศไทย) จะเกิดภัยแล้งหนัก ฝนขาดช่วง ปริมาณน้ำฝนน้อยกว่าทุกปี ผลผลิตทางการเกษตรตกต่ำ
.
รวมถึงระบบนิเวศและห่วงโซ่อาหารในมหาสมุทรจะแย่ลง ฝูงปลามีจำนวนลดลง นกชายฝั่งขาดอาหาร ชาวประมงขาดรายได้ ขณะที่ทางชายฝั่งประเทศเปรู ทวีปอเมริกาใต้ จะเกิดพายุฝนอย่างหนัก อาจมีน้ำท่วมและดินถล่มอย่างรุนแรง
.
.
อ่านต่อ : https://www.bangkokbiznews.com/lifestyle/1072829?anm=
.
#เอลนีโญ #ภัยแล้ง #อากาศร้อน #กรุงเทพธุรกิจ #กรุงเทพธุรกิจออนไลน์ #กรุงเทพธุรกิจLifestyle
-------------------------------
ติดตาม "กรุงเทพธุรกิจ" ผ่านช่องทางต่างๆ ได้ที่
Website: http://www.bangkokbiznews.com
Twitter: https://twitter.com/ktnewsonline
OpenChat: https://bit.ly/3ZgoMib
Youtube: https://www.youtube.com/user/KrungthepTurakij
Blockdit: https://www.blockdit.com/bangkokbiznews
Instagram: https://www.instagram.com/bangkokbiznews
Tiktok: https://www.tiktok.com/@bangkokbiznews
Line: https://line.me/R/ti/p/@rvb8351i