ติดตามสถานะการณ์

Environment: จับตา! ภูเขาไฟ 2 ลูกใน “ฟิลิปปินส์” อาจปะทุหนัก เริ่มอพยพประชาชนในพื้นที่รอบภูเขาไฟแล้ว
.
รัฐบาลฟิลิปปินส์เริ่มอพยพประชาชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่รอบภูเขาไฟ “มายอน” ในจังหวัดอัลเบย์ เมื่อวานนี้ (8 มิ.ย.) หลังจากสถาบันภูเขาไฟของฟิลิปปินส์ยกระดับสถานะเตือนภัยภูเขาไฟ “มายอน” จากระดับ 2 เป็นระดับ 3 จากระดับเตือนภัยทั้งหมด 5 ระดับ
.
ด้านผู้ว่าการจังหวัดอัลเบย์ออกคำสั่งเริ่มอพยพประชาชนล่วงหน้า โดยเฉพาะผู้ที่อาศัยอยู่ในรัศมี 6 กิโลเมตร รอบภูเขาไฟ “มายอน” ซึ่งเป็นโซนอันตรายถาวรของภูเขาไฟลูกนี้ รวมถึงสั่งปิดโรงเรียนทั้งหมดที่อยู่ในรัศมีและเตรียมพร้อมรับมือภัยพิบัติเฝ้าระวังภูเขาไฟตลอด 24 ชั่วโมง
.
นอกจากนี้ทางรัฐบาลยังเฝ้าจับตาพัฒนาการของภูเขาไฟ “ตาอัล” ในจังหวัดบาตังกัส อย่างใกล้ชิดอีกด้วย หลังเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา (5 มิ.ย.) ภูเขาไฟลูกนี้พ่นก๊าซซัลเฟอร์ไดออกไซด์ออกมามากถึง 9,391 ตัน สูงกว่าที่บันทึกได้เมื่อวันที่ 1 มิ.ย.ที่ 5,831 ตัน อย่างไรก็ตามทางการฟิลิปปินส์ยังไม่ได้ยกระดับการเตือนภัยภูเขาไฟ “ตาอัล” ซึ่งยังคงอยู่ในระดับ 1 เป็นระดับต่ำสุด
.
ที่มา: Reuters
_____
#TNNEARTH #ภูเขาไฟ #ภูเขาไฟมายอน #ภูเขาไฟตาอัล #เฝ้าระวังภูเขาไฟ #ฟิลิปปินส์
_____
ติดตามข่าวสภาพอากาศ และเช็กจุดฝนตก น้ำท่วม ถนนรถติด ผ่าน TNN EARTH
Website : https://bit.ly/3MXvq5I
Youtube : https://bit.ly/3MZUVmK
TikTok : https://bit.ly/3naJL4p
Facebook : https://bit.ly/3bxVMy0
Line : https://lin.ee/rPHmFpD

 

สัตว์ไพรเมต (และมนุษย์) ช่วยตัวเอง มานาน 40 ล้านปีแล้ว! แต่ทำไมถึงต้องทำ? และทำมากกว่าสัตว์อื่น
.
งานวิจัยที่เผยแพร่ในวารสาร Proceeding of The Royal Society B ชื่อสั้น ๆ ว่า ‘วิวัฒนาการของการช่วยตัวเอง’ ซึ่งรวบรวมข้อมูลมากมายจากรายงานหลายร้อยฉบับ การตอบแบบสอบถามจากนักไพรเมตวิทยาผู้เชี่ยวชาญ บันทึกของผู้ดูแลสวนสัตว์ และการสังเกตการณ์อีกมากมาย จากนั้นก็เชื่อมเข้ากับต้นไม้แห่งวิวัฒนาการ
.
รายงานเผยให้เห็นว่าการช่วยตัวเอง หรือการสำเร็จความใคร่ด้วยตัวเองนั้นเป็นพฤติกรรมที่ย้อนกลับไปได้อย่างน้อย 40 ล้านปี ไปไกลจนถึงบรรพบุรุษของลิงและแอป (Ape, ลิงไม่มีหาง) ทั้งหมด พร้อมระบุว่ามันคือพฤติกรรมที่ไม่ได้เกิดขึ้นอย่างทันทีทันใด แต่เป็นสิ่งที่ ‘วิวัฒนาการ’ ขึ้นมา
.
“เรารู้ว่าในบรรดาไพรเมต บรรพบุรุษของลิงและแอปทั้งหมดหลังจากแยกตัวจากทาร์เซียร์ (tarsiers, ไพรเมตขนาดเล็กที่แทบไม่เปลี่ยนแปลงตั้งแต่ 45 ล้านปีที่แล้ว) อาจจะช่วยตัวเอง นั่นหมายความว่าการช่วยตัวเองมีอยู่เมื่อประมาณ 40 ล้านปีที่แล้ว” มาทิลดา บรินเดิล (Matilda Brindle) นักมานุษยวิทยาแห่งมหาวิทยาลัยคอลเลจลอนดอนกล่าว
.
แต่ทำไมมันถึงเกิดขึ้นนั้นยังไม่มีคำตอบที่แน่ชัด เนื่องจากมุมมองของวิวัฒนาการแล้ว การช่วยตัวเองดูเหมือนจะมีสิ่งที่ต้องแลกสูง ทั้งการทำให้เสียสมาธิ สิ้นเปลืองพลังงาน หรือแม้แต่เสี่ยงชีวิต การทำให้อวัยวะเพศมีความสุขนี้เกิดขึ้นอย่างแพร่หลายในหมู่ไพรเมตและมนุษย์ และเราเป็นสิ่งมีชีวิตช่วยตัวเองมากที่สุด
.
“มันไม่ได้เพิ่มโอกาสรอดชีวิตโดยตรง และตามคำนิยามแล้วมันเกิดจากการไม่ได้ผสมพันธุ์กับคู่ พร้อมยังทำให้เกิดสิ่งที่ต้องแลกในแง่ของเวลา ความสนใจ และพลังงาน” รายงานระบุ มันอาจเป็นเพราะมือของเรา (ไพรเมต) เหมาะกับการทำพฤติกรรมนี้มากกว่าสิ่งมีชีวิตอื่น ๆ
.
แต่นั่นไม่ใช่เหตุผลที่ดีสำหรับนักชีววิทยาวัฒนาการ มันควรจะมีเหตุผลที่ดีมากกว่านี้ ซึ่งนักวิทยาศาสตร์ได้อธิบายไว้มากมาย ไม่ว่าจะเป็น การช่วยตัวเองของผู้ชายเพิ่มโอกาสในการตั้งครรภ์ของคู่ครองมากขึ้น ด้วยการทำให้สเปิร์มเก่าหลั่งออกไปและแทนที่ด้วยสเปิร์มที่สดใหม่กว่า เพิ่มโอกาสในการแข่งขันทางเพศได้มากขึ้น
.
หรือแม้แต่เหตุผลด้านความสะอาดและความปลอดภัยที่นักวิจัยพบว่าจำนวนการช่วยตัวเองของไพรเมตเพศชายจะเพิ่มขึ้นตามระดับของการติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์ ซึ่งอาจเป็นการล้างระบบสืบพันธุ์ และลดความเสี่ยงของการติดเชื้อ
.
หรือการช่วยตัวเองไพรเมตเพศเมียก็อาจสร้างประโยชน์ต่อการตั้งครรภ์ด้วยเช่นกัน เพราะนักวิทยาศาสตร์พบหลักฐานที่ว่า พฤติกรรมนี้ทำให้ช่องคลอดและมดลูกมีความเป็นกรดน้อยลง แม้จะยังไม่แน่ชัดว่าเพราะอะไร แต่สิ่งที่แน่ใจได้คือรายงานระบุว่า การช่วยตัวเองเป็นเรื่องธรรมชาติ
.
“นี่เป็นพฤติกรรมที่พบได้ทั่วไปในอาณาจักรสัตว์” บรินเดิลกล่าว “สำหรับคนที่คิดว่าการช่วยตัวเองเป็นเรื่องผิดธรรมชาติหรือไม่ นี่คือพฤติกรรมที่เป็นธรรมชาติอย่างสมบูรณ์ มันเป็นส่วนหนึ่งของพฤติกรรมทางเพศที่ดีต่อสุขภาพของเรา”
.
สืบค้นและเรียบเรียง วิทิต บรมพิชัยชาติกุล
Photo by Deon Black on Unsplash

 

เจมส์ เวบบ์ ตรวจพบโมเลกุลอินทรีย์ที่เป็นส่วนผสมของ “การสร้างชีวิต” ในกาแล็กซีที่ห่างออกไป 12 พันล้านปี เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ที่นักวิทยาศาสตร์สามารถมองเห็นโมเลกุลซับซ้อนในระยะทางอันไกลโพ้น
.
กาแล็กซีนั้นมีชื่อว่า ‘SPT0418-47’ ซึ่งอยู่ห่างจากโลก 12,000 ล้านปีแสง กาแล็กซีนี้มีอายุน้อยกว่า 1.5 พันล้านปี หรือเพียงร้อยละ 10 อายุจักรวาลปัจจุบันที่ประมาณ 13.8 พันล้านปี แสงของมันส่องผ่านจักรวาลพร้อมกับความช่วยเหลือจากสิ่งที่เรียกว่า ‘เลนส์ความโน้มถ่วง’ ท้ายที่สุด กล้องโทรทรรศน์อวกาศ เจมส์ เวบบ์ ก็ตรวจจับมันได้
.
โมเลกุลนี้มีชื่อว่า โพลีไซคลิกอะโรมาติกไฮโดรคาร์บอน (PAHs) ซึ่งเป็นสิ่งที่ “พบเจอได้” ทั่วไปบนโลกและในกาแล็กซีทางช้างเผือกของเรา พวกมันเป็นควัน หมอก หรือเขม่าที่เกิดจากไฟป่า น้ำมันดิบ และท่อไอเสียจากเครื่องยนต์ เป็นสารประกอบอินทรีย์ที่มีวงแหวนของอะตอมคาร์บอนที่ก่อตัวระหว่างการบีบอัดและให้ความร้อน
.
การวิเคราะห์ก่อนหน้านี้ชี้ว่าประมาณร้อยละ 15 ของคาร์บอนทั้งหมดระหว่างดวงดาวในกาแล็กซีเช่นทางช้างเผือกถูกเก็บไว้ใน PAHs ทำให้นักวิทยาศาสตร์ใช้มันเป็นเครื่องติดตามการก่อตัวของดาวฤกษ์ที่น่าเชื่อถือได้พอสมควรตามความเชื่อก่อนหน้านี้
.
แต่การพบมันในกาแล็กซีห่างไกลขนาดนั้นเป็นเรื่องที่น่าเหลือเชื่อของกล้องเจมส์ เวบบ์ โมเลกุลเหล่านี้ดูดซับและเปล่งแสงออกมาในช่วงความยาวคลื่นอินฟราเรดที่มนุษย์มองไม่เห็นมาที่เรา พร้อมเปิดเผยว่าการมีอยู่ของโมเลกุลเหล่านี้อาจไม่ได้เป็นตัวบ่งชี้การเกิดดาวฤกษ์ในยุคแรก ๆ ของเอกภพ
.
“ด้วยการรวมความสามารถอันน่าทึ่งของเวบบ์เข้ากับ ‘แว่นขยายจักรวาล’ ตามธรรมชาติทำให้เราสามารถเห็นรายละเอียดได้มากกว่าที่เคยทำได้” จัสติน สปิลเกอร์ (Justin Spilker) ผู้ช่วยศาสตราจารย์ด้านฟิสิกส์และดาราศาสตร์แห่งมหาวิทยาลัยเท็กซัส เอ&เอ็ม กล่าว
.
พร้อมเสริมว่า “ขอบคุณภาพความละเอียดสูงจากเวบบ์ เราพบบริเวณจำนวนมากที่มีควันแต่ไม่มีการก่อตัวของดาวฤกษ์ และบริเวณอื่น ๆ ที่มีดาวฤกษ์ใหม่ก่อตัวขึ้นแต่ไม่มีควัน” (ควันในที่นี้คือโมเลกุลโพลีไซคลิกอะโรมาติกไฮโดรคาร์บอน, PAHs)
.
การตรวจจับโมเลกุลอินทรีย์ที่ซับซ้อนเหล่านี้ในระยะทางที่กว้างใหญ่ขนาดนี้ถือเป็นความสำเร็จและ ‘ตัวเปลี่ยนเกม’ ในการสังเกตการณ์ในอนาคต แต่เราเพิ่งก้าวออกไป และนักวิทยาศาสตร์หวังที่จะเรียนรู้ได้มากกว่านี้ รวมถึงคำถามที่ค้างคาใจเกี่ยวกับจุดเริ่มต้นของเอกภพ
.
“เรากำลังพยายามเข้าใจว่าที่ใดมีควัน ที่นั่นมีไฟจริงหรือไม่” สปิลเกอร์กล่าว “บางที่เราอาจค้นพบกาแล็กซีที่มีอายุน้อยมากจนโมเลกุลซับซ้อนนี้ยังไม่มีเวลาก่อตัวในสุญญากาศของอวกาศ ดังนั้นกาแล็กซีทั้งหมดจึงมีไฟ แต่ไม่มีควัน”
.
“วิธีเดียวที่จะรู้ได้อย่างแน่นอนคือการดูกาแล็กซีอื่น ๆ มากขึ้น หวังว่าจะไกลออกไปมากกว่านี้อีก”
.
เลนส์ความโน้มถ่วง (Gravitational Lensing) ทำนายขึ้นครั้งแรกโดยไอน์สไตน์ มันเกิดจากวัตถุขนาดใหญ่ในจักรวาล เช่น กาแล็กซี หรือกระจุกกาแล็กซี ทำให้กาล-อวกาศ (Space-Time) บิดเบี้ยว แสงที่เดินทางผ่านมันบางครั้งจะถูกขยายออก เปรียบเสมือนเป็น ‘แว่นขยายจักรวาล’ ทำให้นักดาราศาสตร์มองเห็นได้ไกลขึ้น
.
สืบค้นและเรียบเรียง วิทิต บรมพิชัยชาติกุล
Photograph by J. Spilker/S. Doyle/NASA/ESA/CSA

 

โรฮิงญาในบังกลาเทศรวมตัวประท้วง ร้องขอกลับพม่าให้พ้นจากค่ายลี้ภัย
.
.
รอยเตอร์ - ผู้ลี้ภัยชาวโรฮิงญาหลายหมื่นคนในบังกลาเทศรวมตัวประท้วงวันนี้ (8) เรียกร้องขอให้ส่งตัวกลับพม่า เพื่อที่พวกเขาจะได้ออกจากค่ายลี้ภัยที่ทรุดโทรม ที่พวกเขาอาศัยอยู่ตั้งแต่หลบหนีการปราบปรามของทหารในบ้านเกิดของพวกเขาในปี 2560
.
ชาวโรฮิงญามากกว่า 1 ล้านคน อาศัยอยู่กันอย่างแออัดในค่ายผู้ลี้ภัยทางตอนใต้ของบังกลาเทศ โดยส่วนใหญ่หลบหนีการปราบปรามของทหารพม่าเมื่อเกือบ 6 ปีก่อน แต่มีบางส่วนอยู่ในค่ายลี้ภัยมานานกว่านั้น
.
ระหว่างการชุมนุมประท้วงในวันพฤหัสฯ ผู้ลี้ภัยทั้งเด็กและผู้ใหญ่ต่างโบกป้ายและร้องตะโกนคำประท้วง
.
“พอกันทีชีวิตแบบผู้ลี้ภัย ไม่ตรวจสอบ ไม่สัมภาษณ์ เราต้องการการส่งกลับโดยเร็วด้วยบัตรข้อมูลของ UNHCR เราต้องการกลับไปยังมาตุภูมิของเรา” ป้ายประท้วงของโรฮิงญาระบุ
.
“กลับพม่ากัน อย่าพยายามขวางการส่งกลับประเทศ” ป้ายประท้วงระบุ
.
อาชญากรรมที่เพิ่มขึ้น สภาพความเป็นอยู่ที่เลวร้าย และโอกาสที่สิ้นหวังที่จะเดินทางกลับไปพม่า กำลังผลักดันให้ผู้ลี้ภัยโรฮิงญาต้องเดินทางออกจากบังกลาเทศทางเรือเพื่อไปยังประเทศต่างๆ เช่น มาเลเซีย และอินโดนีเซีย ทำให้ชีวิตของพวกเขาตกอยู่ในความเสี่ยง ข้อมูลของสหประชาชาติระบุว่ามีโรฮิงญา 348 คน เสียชีวิตในทะเลเมื่อปีที่ผ่านมา
.
ผู้นำชุมชนชาวโรฮิงญากล่าวว่าเขากระตือรือร้นที่จะกลับพม่า แต่ต้องการให้สิทธิความเป็นพลเมืองของเขาได้รับการรับรอง
.
“เราเป็นพลเมืองของพม่าโดยกำเนิด เราต้องการกลับบ้านพร้อมทั้งสิทธิทั้งหมดของเรา ทั้งสัญชาติ การเคลื่อนย้ายอย่างเสรี การดำรงชีวิต ความปลอดภัย และความมั่นคง” ผู้นำชุมชนชาวโรฮิงญากล่าวกับรอยเตอร์ และระบุว่าผู้ลี้ภัยหวังว่าจะได้รับความช่วยเหลือจากสหประชาชาติในเรื่องนี้
.
เมื่อไม่นานนี้ กองทัพพม่าได้แสดงท่าทีเพียงเล็กน้อยที่จะรับโรฮิงญากลับประเทศ ชนกลุ่มน้อยที่ถูกมองว่าเป็นผู้บุกรุกจากต่างชาติและถูกปฏิเสธสัญชาติมานานหลายปี
.
ความพยายามที่จะเริ่มต้นการส่งกลับประเทศในปี 2561 และปี 2562 ล้มเหลว เนื่องจากผู้ลี้ภัยปฏิเสธที่จะเดินทางกลับ ด้วยกลัวว่าจะถูกดำเนินคดี
.
กลุ่มชาวมุสลิมโรฮิงญา 20 คน กล่าวกับรอยเตอร์ว่าพวกเขาจะไม่เดินทางกลับพม่าเพื่อถูกกักขังอยู่ในค่ายพักอีก หลังจากเดินทางไปเยือนบ้านเกิดของพวกเขาที่เป็นส่วนหนึ่งของโครงการนำร่องที่มีเป้าหมายส่งเสริมการกลับประเทศโดยสมัครใจ เจ้าหน้าที่บังกลาเทศกล่าวว่าโครงการนำร่องนี้คาดการณ์ว่าจะมีผู้ลี้ภัยราว 1,100 คน เดินทางกลับพม่า แต่ยังไม่มีการกำหนดวัน
.
บังกลาเทศระบุว่าการส่งผู้ลี้ภัยกลับพม่าเป็นเพียงทางออกเดียวของวิกฤต ชุมชนท้องถิ่นรู้สึกเป็นปฏิปักษ์ต่อชาวโรฮิงญามากขึ้นเรื่อยๆ เนื่องจากเงินทุนของหน่วยงานช่วยเหลือระหว่างประเทศสำหรับผู้ลี้ภัยลดน้อยลง
.
โครงการอาหารโลกเพิ่งลดการจัดสรรอาหารรายเดือนเป็น 8 ดอลลาร์ต่อคน จาก 10 ดอลลาร์ก่อนหน้านี้
.
“สถานการณ์ของเรามีแต่จะแย่ลง อนาคตของเราที่นี่จะเป็นอย่างไร? คำว่าการพิสูจน์ตรวจสอบ พวกเขา (พม่า) แค่ฆ่าเวลาเท่านั้น” ผู้ลี้ภัยรายหนึ่งกล่าว.

 

ฮือฮา! 3 ห้างดังในแดนผู้ดีรวม “เทสโก” สั่งเลิกใช้กล้องทีวีวงจรปิดจีน อ้างภัยความมั่นคงอังกฤษ
.
.
.
.
.
เอเจนซีส์ – มีห้างชื่อดังในอังกฤษไม่ต่ำกว่า 3 ห้างรวม เทสโก Morrisons และ M&S สั่งแบนกล้องทีวีวงจรปิดจากจีน ให้เหตุผลอ้างเป็นภัยทางความมั่นคงประเทศและวิตกความเป็นส่วนตัว เกิดขึ้นในช่วงเวลาเดียวกันที่ตามสถานที่สำนักงานรัฐบาลอังกฤษมีการสั่งถอนกล้องทีวีวงจรปิดจีนเช่นกัน
.
หนังสือพิมพ์ยอร์กเชียร์อิฟนิงโพสต์รายงานวันนี้(8 มิ.ย)ว่า อังกฤษเริ่มความเข้มงวดในการใช้อุปกรณ์จากจีนมากขึ้นล่าสุดพบได้ลามไปถึงภาคเอกชนแล้ว มีห้างชื่อดังมากสาขาในอังกฤษไม่ต่ำกว่า 3 ห้างรวม เทสโก Morrisons และ M&S ออกคำสั่งห้ามซื้อกล้องทีวีวงจรปิดจีนทั้งแบรนด์ Hikvision และแบรนด์ Dahua
.
ตามการเปิดเผยโดยหนังสือพิมพ์เดลีเทเลกราฟ พบว่า การตัดสินใจเกิดขึ้นจากความวิตกในด้านความเป็นส่วนบุคคลและวิตกว่าผลิตภัณฑ์อาจเชื่อมโยงกับการละเมิดสิทธิมนุษยชนในจีน
.
เดลีเทเลกราฟกล่าวว่า พบว่าบรรดาห้างซุปเปอร์มาร์เก็ตอังกฤษยักษ์ใหญ่ทั้งหลายออกคำสั่งถอดอุปกรณ์ของบริษัท Hikvision และ Dahua เนื่องมาจากมีความเกี่ยวข้องกับปัญหากดขี่ชนกลุ่มน้อยมุสลิมอุยกูร์ทางตะวันตกเฉียงเหนือของจีน
.
ด้านห้าง M&S หรือ มาร์คแอนด์สเปนเซอร์ (Marks & Spencer) เปิดเผยว่า ทางห้างไม่มีกล้องทีวีวงจรปิด Hikvision ที่สาขาใดๆพร้อมกับยืนยันว่า เป็นส่วนหนึ่งของนโยบายที่ต้องการทำให้มั่นใจว่าห่วงโซ่อุปทาน( Supply chain)ของห้างนั้นยั่งยืนและมีจริยธรรมและสิทธิมนุษยชนนั้นได้รับการยอมรับ
.
ทั้งนี้บริษัท Hikvision ถูกแบนในสหรัฐฯเนื่องมาจากวิตกถึงความเสี่ยงต่อความมั่นคงสหรัฐฯ เป็นเพราะภายใต้กฎหมายจีน บริษัทเอกชนจำเป็นต้องสนับสนุน ช่วยเหลือ และร่วมมือ กับงานข่าวกรองของรัฐ
.
บรรดาห้างดังในอังกฤษที่ปลดกล้องทีวีวงจรปิดจีนออกไปจากร้านสาขานั้นได้รับแรงกดดันจากกลุ่มเอ็นจีโอ Big Brother Watch
.
ห้างเหล่านี้กล่าวเกิดขึ้นจากการที่บริษัทบริษัทกล้องทีวีวงจรปิดจีนทั้ง 2 แบรนด์ให้การสนับสนุนการดำเนินคดีและการกดขี่ของชนกลุ่มน้อยในภูมิภาคซินเจียง ทิเบต และฮ่องกงดังนั้นจึงไม่มีที่ยืนในอังกฤษ
.
ห้างเทสโกชื่อดังที่เคยมาทำการตลาดในไทยก่อนที่จะขายกิจการเปิดเผยว่า ทางห้างได้ใช้มาตรการที่ฉับไวในการหากล้องทีวีวงจรปิดจากบริษัทใหม่ในทันทีที่ทางห้างตระหนักถึงความเกี่ยวข้องในการละเมิดทางสิทธิมนุษยชน
.
ส่วนห้าง Morrisons กล่าวว่า ทางห้างมีพันธะในการปกป้องและความก้าวหน้าสิทธิมนุษยชนในห่วงโซ่อุปทานของทางห้างและห้างยึดถือต่อสิ่งนี้อย่างจริงจัง
.
ข่าวห้างดังบนเกาะอังกฤษตัดสินใจแบนกล้องทีวีวงจรปิดจีนเกิดขึ้นในช่วงเวลาเดียวกันกับที่รัฐบาลอังกฤษตัดสินใจสั่งถอดกล้องทีวีวงจรปิดจากที่ตั้งสถานที่ทำการรัฐที่อ่อนไหว
.
สกายนิวส์ของอังกฤษรายงานวานนี้(7)ว่า รัฐบาลลอนดอนชี้แจงว่า จะทำการเปิดเผยตารางเวลาที่แน่ชัดในการถอดอุปกรณ์ที่ผลิตโดยบริษัทสัญชาติจีนที่เกี่ยวพันกับกฎหมายข่าวกรองจีนออกไปจากไซต์ที่ตั้ง
.
รัฐบาลกล่าวว่า “ในการให้การผูกพันกับตารางเวลานี้ ทางเรากำลังมอบหลักประกันและความเร่งด่วนเกี่ยวข้องกับแผนการโยกย้าย”
.
อย่างไรก็ตาม สกายนิวส์ชี้ว่าดูเหมือนรัฐบาลอังกฤษไม่มีการประกาศชื่อบริษัทที่จะได้รับผลกระทบออกมา แต่ทว่าก่อนหน้าพบว่าอังกฤษเคยออกมาเรียกร้องการคว่ำบาตรต่อการจำหน่ายและใช้กล้องที่ผลิตโดย Hikvision และ Dahua ที่มีบริษัทรัฐบาลปักกิ่งเป็นเจ้าของบางส่วนต่อความวิตกด้านความเป็นส่วนตัวและต่อปัญหาการละเมิดสิทธิมนุษย์ชนในจีน
.
อย่างไรก็ตาม จีนออกมาต่อต้านอย่างหนักโดยชี้ไปว่า อังกฤษไม่สมควรใช้เหตุผลด้านความมั่นคงประเทศเพื่อขัดขวางบริษัทจีนในอังกฤษ
.
โฆษกสถานทูตจีนประจำกรุงลอนดอนกล่าวผ่านแถลงการณ์ว่า “รัฐบาลจีนมักจะสนับสนุนบริษัทจีนให้ดำเนินการลงทุนระหว่างประเทศและปฎิบัติการร่วมให้เป็นไปตามหลักการทางการตลาด กฎหมายระหว่างประเทศ และกฎหมายท้องถิ่น”
.
และเสริมต่อว่า “พวกเราเรียกร้องฝ่ายอังกฤษให้หยุดเข้าควบคุมทางการเมืองและมอบสภาพแวดล้อมความเป็นธรรม ความยุติธรรม และการไม่กีดกันสำหรับการปฎิบัติการตามปกติของบริษัทจีนในอังกฤษ”

 

“แอร์อินเดีย” รีบส่งเครื่องเปล่า-วิศวกรไปรับ “ผดส.อเมริกัน” ติดค้างใน “ไซบีเรีย” หลังไฟลท์ซานฟรานฯเจอเครื่องยนต์ขัดข้องขอจอดฉุกเฉิน กลางวิกฤตตรึงเครียดวอชิงตัน-เครมลิน
.
.
.
.
รอยเตอร์/เอพี – บริษัทสายการบินแอร์อินเดียวันพุธ(7 มิ.ย) ส่งเครื่องบินลำใหม่จากมุมไบพร้อมทีมวิศวกรและอุปกรณ์ซ่อมบำรุงเพื่อไปรับผู้โดยสารติดค้างในไซบีเรียที่มีเป็นจำนวนมากเป็นพลเมืองสหรัฐฯที่กำลังวิตกความปลอดภัยตัวเองหลังเที่ยวบินไฟลท์นิวเดลี-ซานฟรานซิสโกเกิดปัญหาขัดข้องจนต้องขอร่อนลงจอดฉุกเฉินในรัสเซียแต่ล่าสุดผู้โดยสารทั้งหมดกว่า 200 คนเดินทางถึงสนามบินซานฟรานซิสโก SFO ได้อย่างปลอดภัยวันพฤหัสบดี(8 มิ.ย)
.
รอยเตอร์รายงานวานนี้(7 มิ.ย)ว่า ผู้โดยสาร 216 คนและลูกเรืออีก 16 คนบนเครื่องสายการบินแอร์อินเดียไฟลท์ นิวเดลี-ซานฟรานซิสโก วันอังคาร(6) ต้องหันหัวขอร่อนลงจอดฉุกเฉินในไซบีเรียของรัสเซีย เกิดขึ้นหลังปัญหาเครื่องยนต์ขัดข้อง
.
เครื่องบินโบอิ้ง 777 นำผู้โดยสารทั้งหมดลงจอดที่สนามบินมากาดาน (Magadan) ในไซบีเรีย ซึ่งการขอร่อนลงจอดฉุกเฉินที่รัสเซียสร้างความวิตกกังวลให้ผู้โดยสารอเมริกันที่อยู่บนเครื่องที่พบว่ามีเป็นจำนวนมากเนื่องจากความตรึงเครียดระหว่างความสัมพันธ์ระหว่างวอชิงตัน-เครมลินและสงครามยูเครนที่สหรัฐฯและนาโตส่งอาวุธป้อนให้เคียฟเพื่อสู้รบยังคงยืดเยื้อ
.
รัฐมนตรีกิจการการบินพลเรือนอินเดีย Jyotiraditya Scindia แถลงต่อนักข่าวในเรื่องนี้ว่า “เครื่องบินลำนี้จำเป็นต้องซ่อมบำรุง วิศวกรเครื่องกลกำลังจะขึ้นเครื่อง” โดยเขากล่าวไปถึงเครื่องบินลำใหม่ที่จะรับผู้โดยสารแอร์อินเดียที่กำลังตกค้างในรัสเซีย
.
“ผมไม่ทราบว่าจะต้องใช้เวลานานเท่าใดในการซ่อมแซมเครื่องบินลำนั้นแต่เหล่าผู้โดยสารจะถูกนำไปสู่จุดหมายปลายทางในที่สุด”
.
แหล่งข่าวที่สนามบินมากาดานในไซบีเรียเปิดเผยกับรอยเตอร์ว่า ทีมวิศวกรแอร์อินเดียจะเดินทางมาพร้อมกับเครื่องเปล่าพร้อมกับชิ้นส่วนเครื่อง
.
กากาน (Gagan )ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้โดยสารบนเที่ยวบินดังกล่าวเปิดเผยกับสื่ออินเดีย NDTV ว่า บนเที่ยวบินลำนี้มีพลเมืองสหรัฐฯเป็นจำนวนมากที่กำลังวิตกถึงความปลอดภัยของตัวเอง
.
“มีคนเป็นจำนวนมากที่นี่ที่กำลังวิตกกังวล” เขากล่าว
.
ทั้งนี้พบว่าผู้โดยสารที่รู้สึกโกรธเคืองหันไปพึ่งทวิตเตอร์เพื่อบ่นถึงการไม่ได้รับอาหารอย่างเพียงพอในที่พักที่คนเหล่านี้ชี้ว่าเหมือนโรงเรียน
.
หนึ่งในผู้ใช้กล่าวว่าแม่ของเขาได้รับชาเขียว ขนมปัง และข้าวเป็นอาหารในวันอังคาร(6) แต่ในภายหลังไม่มีการโพสต์เพิ่มเพราะต้องการประหยัดพลังงานโทรศัพท์เนื่องมาจากมีปลั๊กไฟสำหรับใช้สอยเพียงแค่จุดเดียว
.
แอร์อินเดียกล่าวว่า ทางสายการบินไม่มีเจ้าหน้าที่ประจำอยู่ในรัสเซียดังนั้นจึงเป็นการยากลำบากสำหรับการจัดหาอาหารและเครื่องอำนวยความสะดวก แต่ทว่าชี้แจงว่าได้ส่งเครื่องบินที่นำอาหารและสิ่งจำเป็นไปยังผู้โดยสารติดค้างโดยเร็วที่สุด
.
เอพีรายงานเพิ่มเติมล่าสุดว่า โฆษกกระทรวงต่างประเทศสหรัฐฯแถลงยืนยันว่า มีผู้โดยสารสัญชาติสหรัฐฯน้อยกว่า 50 คนอยู่บนเครื่อง และชี้ว่าไม่ได้รับการรายงานว่ามีใครขอความช่วยเหลือจากสถานทูตสหรัฐฯในรัสเซียหรือที่ทำการทูตอื่นๆ
.
เครื่องบินเสริมที่ออกจากมุมไบไปยังไซบีเรียเพื่อรับผู้โดยสารแอร์อินเดียที่ติดค้างจำนวน 216 คนในไซบีเรียเดินทางถึงท่าอากาศยานนานาชาติซานฟรานซิสโก SFO ด้วยความปลอดภัย 24.07 น.ตามเวลาท้องถิ่นวันพฤหัสบดี(8) ท่ามกลางความดีใจของญาติมิตรที่เฝ้ารอ
.
หนึ่งในผู้โดยสารบนเครื่องวัย 16 ปี เจอร์วาน ซิงห์ คาห์มา (Girvaan Singh Kahma) ที่เดินทางกลับมาพร้อมกับลุงและน้องชายเปิดเผยว่า พวกเขาถูกสั่งห้ามออกจากโรงแรมที่พักในมากาดานและยังไม่สามารถใช้บัตรเครดิตของตัวเองที่นั่นได้เป็นเพราะการคว่ำบาตรรัสเซียเนื่องมาจากสงครามยูเครน
.
“วันแรกครึ่งนั้นเป็นไปอย่างยากลำบากสำหรับพวกเราทั้งหมด” คาห์มากล่าว และเสริมต่อว่า “อุณหภูมิลดต่ำลงไปร่วม 3 องศาเซลเซียสถึง 4 องศาเซลเซียสในตอนเช้า และในตอนค่ำมันหนาวมาก” อย่างไรก็ตามผู้โดยสารวัย 16 ปีชี้แจงว่า มันดีขึ้นตอนที่มีอาหารมาเสิร์ฟพร้อมกับที่พักสำหรับการนอนหลับ
.
คาห์มากล่าวเสริมทิ้งท้ายว่า “ทหารรัสเซีย ตำรวจรัสเซีย เจ้าหน้าที่ และทุกคนที่ทำงานในโรงแรมที่นั่นปฎิบัติกับพวกเราอย่างดีมาก”

 

สื่อมวลชนสหรัฐฯเมื่อวันพฤหัสบดี(8มิ.ย.) รายงานอ้างว่าจีนกำลังมีแผนจัดตั้งฐานสอดแนมแห่งหนึ่งนอกชายฝั่งสหรัฐฯในคิวบา ก่อความกังวลว่ามันอาจโหมกระพือความตึงเครียดระหว่างปักกิ่งกับวอชิงตัน อย่างไรก็ตามไม่นาน ทำเนียบขาวได้ออกมาปฏิเสธเรื่องราวดังกล่าว

หนังสือพิมพ์วอลล์สตรีท เจอร์นัล รายงานว่าปักกิ่งและฮาวานา เข้าสู่ข้อตกลงลับสำหรับจัดตั้งศูนย์ดักฟังอิเล็กทรอนิกของจีนในเกาะแถบแคริบเบียนแห่งนี้ ซึ่งจะใช้สำหรับสังเกตการณ์การสื่อสารทั่วภาคตะวันออกเฉียงใต้ของสหรัฐฯ

ภูมิภาคแถบนี้เป็นที่ตั้งของกองบัญชาการใต้และกองบัญชาการกลางของสหรัฐฯ ซึ่งทั้ง 2 ตั้งอยู่ในฟลอริดา

วอลล์สตรีท เจอร์นัล อ้างแหล่งข่าวเจ้าหน้าที่สหรัฐฯซึ่งไม่เปิดเผยชื่อ ระบุว่า จีน จะจ่ายเงินแก่ คิวบา "หลายพันล้านดอลลาร์" เพื่อเปิดทางในการก่อสร้างศูนย์ดังกล่าว

อย่างไรก็ตามในเวลาต่อมา จอห์น เคอร์บี โฆษกด้านความมั่นคงแห่งชาติสหรัฐฯ ปฏิเสธรายงานข่าวนี้ โดยให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวเอ็มเอสเอ็นบีซีว่า "ผมเห็นมันในรายงานข่าวของสื่อมวลชน มันไม่ถูกต้อง"

"สิ่งที่ผมสามารถบอกคุณได้ก็คือ เรามีความกังวลตั้งแต่วันแรกของรัฐบาลชุดนี้ เกี่ยวกับความเคลื่อนไหวสร้างอิทธิพลทั่วโลกของจีน เห็นได้ชัดว่าในซีกโลกนี้และในภูมิภาคนี้ด้วย เรากำลังจับตาอย่างใกล้ชิด" เคอร์บีระบุ

ด้าน แพท ไรเดอร์ โฆษกกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ(เพนตากอน) เรียกรายงานข่าวของวอลล์สตรีท เจอร์นัล ว่าไม่ถูกต้องเช่นกัน "เราไม่ทราบเลยว่าจีนและคิวบา กำลังพัฒนาสถานีสอดแนมรูปแบบใดรูปแบบหนึ่ง แม้ความสัมพันธ์ที่ 2 ประเทศนี้มีร่วมกัน เป็นบางอย่างที่เราต้องจับตาต่อไป"

อย่างไรก็ตาม มาร์ค วอร์เนอร์ วุฒิสมาชิกจากเดโมแครตและ มาร์โก รูบิโอ วุฒิสมาชิกจากรีพับลิกัน ซึ่งดำรงตำแหน่งประธานคณะกรรมาธิการข่าวกรองของวุฒิสภา และปกติแล้วมักรับฟังรายงานสรุปในประเด็นความมั่นคงสำคัญๆ ระบุในถ้อยแถลงว่าพวกเขา "มีความกระวนกระวายใจอย่างมาก" ต่อรายงานข่าวของวอลล์สตรีท เจอร์นัล

"สหรัฐฯต้องตอบโต้การโจมตีอันหน้าด้านที่กำลังดำเนินการอยู่ของจีน ต่อความมั่นคงแห่งชาติของเรา" วุฒิสมาชิกทั้ง 2 คนกล่าว "เราต้องมีความชัดเจน บอกว่ามันเป็นสิ่งที่ไม่อาจยอมรับได้ หากจีนจัดตั้งศูนย์ข่าวกรองภายในรัศมี 100 ไมล์(ราว 160 กิโลเมตร) ของฟลอริดาและของสหรัฐฯ"

รายงานข่าวของวอลล์สตรีท เจอร์นัล มีขึ้นท่ามกลางความสัมพันธ์ที่ตึงเครียดอยู่ก่อนแล้วระหว่างวอชิงตันกับปักกิ่ง เกี่ยวกับประเด็นต่างๆนานา ในนั้นรวมถึงแรงสนับสนุนของสหรัฐฯที่มีต่อไต้หวัน เกาะปกครองตนเองตามระบอบประชาธิปไตยที่จีนกล่าวอ้างว่าเป็นส่วนหนึ่งของดินแดน และมีความตั้งใจดึงมารวมชาติกับแผ่นดินใหญ่

สี จิ้นผิง ประธานาธิบดีจีน ผลักดันแผ่ขยายการประจำการด้านความมั่นคงของประเทศไปทั่วโลกอย่างรวดเร็ว ท่ามกลางเป้าหมายให้ทัดเทียมกับการประจำการอยู่ทั่วทุกทวีปของกองทัพสหรัฐฯ

ฐานสอดแนมหนึ่งๆในคิวบา ซึ่งตั้งอยู่ห่างจากแหลมทางใต้ของฟลอริดา แค่ 150 กิโลเมตร จะกลายเป็นภัยคุกคามโดยตรงที่สุดที่มีต่ออเมริกา

สหภาพโซเวียต เคยมีศูนย์สอดแนมอิเล็กทรอนิก ในประเทศคอมมิวนิสต์คิวบา เพื่อสอดแนมสหรัฐฯ แต่ในปี 1962 ครั้งที่มอสโกเคลื่อนย้ายขีปนาวุธนิวเคลียร์เข้าประจำการในคิวบา สหรัฐฯได้กำหนดมาตรการกักกัน ส่งเรือรบเข้าปิดล้อมคิวบา ในวิกฤตที่เกือบผลัก 2 ชาติมหาอำนาจเข้าสู่สงคราม ก่อนที่สุดท้ายแล้ว มอสโก จะยอมถอนขีปนาวุธนิวเคลียร์ออกไป

หลังจากมอสโกยอมถอย วอชิงตันก็ได้ถอนขีปนาวุธศักยภาพติดหัวรบนิวเคลียร์ออกจากตุรกี ที่ทางโซเวียตมองว่าเป็นภัยคุกคามพวกเขา

จีน ส่งสิ่งที่สหรัฐฯเรียกว่า บอลลูนสอดแนมพิสัยการบินระดับสูง ลอยข้ามอเมริกาเมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมา มันลอยจากภาคตะวันตกไปยังตะวันออก เหนือที่ตั้งทางทหารอันอ่อนไหว ก่อนถูกเครื่องบินขับไล่ของสหรัฐฯสอยร่วง บริเวณนอกชายฝั่งทางตะวันออก

(ที่มา:เอเอฟพี)

 

สธ. ห่วง 'ไข้เลือดออก' ระบาดหนักสุดในรอบ 3 ปี

ปลัดกระทรวงสาธารณสุข เผย ตั้งแต่เดือนมกราคม-พฤษภาคม 2566 มีผู้ป่วยถึง 18,173 ราย มากกว่าปีที่แล้วถึง 4.2 เท่า พบอัตราป่วยสูงสุด คือ กรุงเทพฯ ภาคใต้ และภาคกลาง

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม : https://mono29.com/news/444595.html

#ไข้เลือดออก #ยุงลาย #กระทรวงสาธารณสุข #ข่าวโมโน29 #MonoNews #MONO29

 

สหรัฐฯ เผชิญ ‘หมอกควันรุนแรง’ เพิ่ม 27 เท่า ใน 10 ปี

รัฐบาลรัฐนิวยอร์กของสหรัฐฯ ออกคำแนะนำด้านสุขภาพ เนื่องด้วยคุณภาพอากาศในพื้นที่ตอนกลางและตะวันออกของรัฐฯ แย่ลง ซึ่งเป็นผลจากไฟป่าในแคนาดา

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม : https://mono29.com/news/444601.html

#หมอกควัน #สหรัฐอเมริกา #ไฟป่าในแคนาดา #ข่าวต่างประเทศ #MonoNews #MONO29

 

#CLIMATE รีรันข่าววันทะเลโลกด้วยทะเล อีกวิกฤตที่โลกจะเจอ เมื่ออุณหภูมิโลกสูงขึ้น
.
อุณหภูมิของมหาสมุทรโลกสูงขึ้นสูงสุดในประวัติศาสตร์ตั้งแต่มีการบันทึกมา และอาจทำให้เกิดคลื่นความร้อนในทะเลทั่วโลก และสภาพอากาศแปรปรวนมากขึ้น
.
ข้อมูลจากองค์การบริหารมหาสมุทรศาสตร์และชั้นบรรยากาศแห่งชาติ สหรัฐอเมริกา หรือ NOAA เผยว่า อุณหภูมิเฉลี่ยของพื้นผิวน้ำทะเลพุ่งสูงถึง 2.1 องศาเซลเซียส เมื่อต้นเดือนเมษายน 2023 ซึ่งสูงกว่าปี 2016 อีก ตอนนั้นอุณหภูมิพื้นผิวน้ำทะเลอยู่ที่ 21 องศาเซลเซียส
.
ปรากฎการณ์ La Niña 3 ปีช่วยทำให้มหาสุทรแปซิฟิกมีอุณหภูมิพื้นผิวต่ำ และลมค้าที่แรงขึ้น ลดผลกรระทบจากก๊าซเรือนกระจก ช่วยให้อุณหภูมิโลกเย็นขึ้น แต่ทว่าปีนี้ ปรากฎการณ์ El Niño จะกลับมาและยิ่งทำให้อุณหภูมิของท้องทะเล และอุณหภูมิโลกสูงมากขึ้นด้วย
.
อีกสาเหตุที่ทำให้อุณหภูมิน้ำทะเลสูงขึ้นคือปริมาณก๊าซเรือนกระจกที่เพิ่มขึ้น วิจัยพบว่า มากกว่า 90% ของความร้อนที่เพิ่มขึ้น เกิดจากก๊าซเรือนกระจกสู่ชั้นบรรยากาศที่มาจากการเผาไหม้เชื้อเพลิงฟอสซิลและการตัดไม้ทำลายป่า และมหาสมุทรก็เป็นแหล่งรับความร้อนขนาดยักษ์อยู่แล้ว การที่ก๊าซเรือนกระจกเพิ่มขึ้นมหาสมุทรก็ได้รับผลกระทบทันที และยิ่งเราปล่อยเยอะมากเท่าไหร่ มหาสมุทรก็ยิ่งได้รับความร้อนเยอะ และอาจระบายความร้อนตามธรรมชาติไม่ทัน
.
จากการตรวจพื้นผิวน้ำทะเลในระดับ 2 กิโลเมตร พบว่าน้ำทะเลดูดซับความร้อนได้เร็วในส่วนด้านบน แต่ Dr Kevin Trenberth นักวิทยาศาสตร์สภาพภูมิอากาศจากสหรัฐอเมริกา ก็พบว่าความร้อนในบริเวณแปซิฟิกได้ทำให้น้ำทะเลกระจายความร้อนไปจนถึงมากกว่า 100 เมตร “ความร้อนจะส่งผลกระทบต่อชั้นบรรยากาศด้านบน ทำให้เกิดความร้อนเพิ่มขึ้น เพิ่มพลังงานให้กับระบบสภาพอากาศ และทำให้เกิดคลื่นความร้อนในทะเล”
.
และแน่นอนว่า มหาสมุทรที่ร้อนกระตุ้นให้เกิดพายุที่รุนแรงได้มากขึ้น เช่นเดียวกับการทำให้แผ่นน้ำแข็งตกอยู่ในความเสี่ยงที่จะละลายและดันระดับน้ำทะเลทั่วโลกให้สูงขึ้น
.
มากไปกว่านั้น คลื่นความร้อนในทะเลยังส่งผลร้ายแรงต่อสัตว์ป่าทะเลและทำให้เกิดการฟอกขาวของปะการังในแนวปะการังเขตร้อน ยังมีงานวิจัยที่พบว่า มหาสมุทรที่ร้อนขึ้นสามารถเปลี่ยนห่วงโซ่อาหารได้อย่างรุนแรง ทำให้สาหร่ายทะเลเพิ่มขึ้น แต่ทำให้ประชากรของสัตว์ที่มนุษย์กินน้อยลง
.
“หากสิ่งนี้เกิดขึ้น เราจะเห็นสถิติใหม่ไม่เพียงแค่ในมหาสมุทรแต่บนบกด้วย ข้อมูลนี้บ่งชี้ว่าเรากำลังเห็นสถิติใหม่ ๆ และมันจะมีเพิ่มขึ้นอีกในปีนี้” Prof Dietmar Dommenget นักวิทยาศาสตร์สภาพภูมิอากาศจากมหาวิทยาลัย Monash เผย
.
ที่มา
The Guardian: ‘Headed off the charts’: world’s ocean surface temperature hits record high

 

เมื่อกิจกรรมแสนสุขกลายเป็นเรื่องทุกข์ของ 'โอรสแห่งสวรรค์' เพราะมันคือภารกิจเพื่อ 'การมีทายาทสืบทอดราชวงศ์'
SEX แห่งจักรพรรดิชิง กฎระเบียบที่ 'ขัดกับความเป็นมนุษย์'
จากคราวที่แล้ว ผมบรรยายถึงเรื่องของขันทีจีน อารยธรรมที่ส่งต่อข้ามศตวรรษ จนกลายเป็นกลุ่มอิทธิพลทางวัฒนธรรมของแผนดีนจีนอยู่พักใหญ่ ทีนี้มาดูถึงฝ่ายในที่ขันทีพวกนี้ทำงานอยู่บางกันดีกว่า
แน่นอนพวกเราหลายคนคงเคยดูหนังจีนย้อนยุค (ใช้คำว่าหนังจีนนี่แหละ ดูย้อนยุคดี) จะเห็นว่าฝ่ายในนั้นจะมีนางสนมของฮ่องเต้ เป็นร้อย เป็นพัน ทั้งจากคัดเลือกของฝ่ายในเพื่อถวายฮ่องเต้โดยเฉพาะจากมเหสีหรือจากนางกำนัลของรัชกาลก่อน ทั้งจากบรรดาขุนนางฝ่ายหน้าที่หวังจะก้าวหน้าจึงเอาลูก เอาหลาน
เอาญาติมาถวาย บ้างก็ผ่านการคัดสรรมาจากแดนไกลเพื่อมาหมั้นหมายสร้างสัมพันธไมตรี ความเยอะแยะมากมายแบบนี้แหละที่ได้สร้างตำนานหงส์เหนือมังกรขึ้นมา สุดท้ายก็พาลทำให้หลายราชวงศ์ของจีนถึงกาลล่มสลาย อย่างราชวงศ์ชิงนี่ก็ถึงกาลอวสานด้วยความหลงอำนาจ นำพาจีนให้กลายเป็นดินแดนอ่อนแอด้วยน้ำมือของพญาหงส์อย่างพระนางซูสีไทเฮา
ทีนี้อย่างเรา ๆ ท่าน ๆ คงคิดกันว่าถ้าได้เป็นฮ่องเต้ต้องสำราญเป็นแน่แท้ เพราะสนมนางในมีมากมายก่ายกอง ต้องได้ลองรักลองเลิฟกันสนุกสนาน แต่จากการศึกษาเรื่องราวตามข้อมูลทางประวัติศาสตร์เรื่องนี้ ผมบอกได้เลยว่า น่ากระอักกระอ่วน อึดอัด หายใจไม่ทั่วท้อง
รันทดระคนสงสาร พาลเลิกจินตนาการเรื่องความหวาบหวามกันไปเลยทีเดียว เพราะมันมีการควบคุมเรื่องอย่างว่าสำหรับ 'ฮ่องเต้ชิง' กันอย่างเข้มงวด เพราะมันคือภารกิจสำคัญ ภารกิจเพื่อ 'การมีทายาทสืบทอดราชวงศ์' และเพิ่มโอกาสที่จะได้โอรส 'เพศชาย' มาสืบทอดบัลลังก์มากขึ้นนั่นเอง
Sex ที่อยู่ภายใต้การควบคุมมันเป็นอย่างไร? ปุถุชนแบบเราคงจะนึกภาพกันไม่ออก แต่ฮ่องเต้แห่งราชวงศ์ 'ชิง' ราชวงศ์สุดท้ายของแผ่นดินจีน ทรงรู้รสชาติของมันเป็นอย่างดี จากชนเผ่านอกด่าน สู่การกุมอำนาจราชสำนัก จักรพรรดิชิงได้รับเอาขนบธรรมเนียมต่าง ๆ ของราชวงศ์ 'หมิง' ซึ่งเป็นชาวฮั่นมาใช้พร้อมกับพัฒนาระบบเฉพาะตัว โดยเฉพาะเรื่องกิจกรรม 'บนเตียง' ในวังหลวง ถือว่าพิถีพิถันเป็นอย่างมาก ถ้าเราเคยชมภาพยนตร์ไทยอย่าง 'สุริโยทัย' จะเห็นภาพการถวายงานแบบนั่ง 'พับเป็ด' ทาเครื่องประทินผิวทั่วตัว เปลือยสรีระสำคัญ
แต่ข้อห้ามที่สำคัญอย่างยิ่งคือ 'ห้ามเท้า' ซึ่งเป็นของต่ำถูกพระวรกายขององค์ขุนหลวง นี่ว่าลำบากแล้วนะ แต่นั่นก็ยังน่าจะยังลำบากไม่เท่าการถวายงานแก่จักรพรรดิแห่งราชวงศ์ชิง ซึ่งมันค่อนข้าง 'ขัดกับความเป็นมนุษย์' ซึ่งแปลจากภาษาจีนที่เรียกว่า 'ฟ่านเหรินซิ่ง'
ก่อนจะไปรู้ว่า 'ฟ่านเหรินซิ่ง' เป็นอย่างไร ? เรามาลองอ่านลำดับชั้นของฝ่ายในกันก่อน สำหรับฝ่ายในสมัย 'ราชวงศ์ชิง' นั้นจะมีลำดับอยู่ 3 ชั้น คือ
1. จักรพรรดินี คือ 'มเหสีเอก' หรือ 'อัครมเหสี' ภรรยาทางการขององค์จักรพรรดิ คือหญิงที่ได้รับการยกย่อง เคารพนับถือสูงสุดในจีน เป็นรองก็เพียง องค์จักรพรรดิ และพระมารดาของจักรพรรดิ
2. พระมเหสี คือ 'มเหสีรอง' มักจะเป็นหญิงสาวที่จักรพรรดิถูกใจ ได้รับแต่งตั้งไว้ในระดับที่สำคัญแต่ไม่ที่สุด ยกเว้นเมื่อเกิดกรณีที่ 'มเหสีเอก' ไม่มีทายาทเป็นชาย แต่ 'มเหสีรอง' กลับมีทายาทเป็นชาย ทีนี้สถานะก็จะกลับกลายไปเป็นเสมอได้ ในสมัยราชวงศ์ชิงมีตำแหน่ง 'พระมเหสีถึง 4 ตำแหน่ง' ด้วยกัน
3. นางสนม ลำดับมีมากที่สุด ตามบันทึกแบ่งเป็น 8 ลำดับขั้น คือ พระสนมเอก พระสนม นางสนมกำนัล นางกำนัล กุลสตรี นางกำนัลขานรับ และเจ้าพนักงานหญิง ซึ่งรวมแล้ว อาจจะมี 50 - 80 คน หรือมากกว่านั้น โดยใน 8 ลำดับขั้นนั้นต้องผ่านการคัดเลือกจากหญิงสาวร่วม 5,000 คน ซึ่งการคัดเลือกแต่ละครั้งจะมี 'ขันที' เป็นผู้ทำหน้าที่นี้ เอาล่ะ! เริ่มกระบวนการ 'ฟ่านเหรินซิ่ง'
เริ่มต้นการเลือกนางสนมแห่งค่ำคืนนั้น ด้วยการนำป้ายชื่อของนางสนมแต่ละคนมาวางลงบนถาด แล้วนำมาให้ 'องค์ฮ่องเต้' พิจารณาเลือก ระหว่างรอเชฟหลวงทำอาหารเพลิน ๆ กับรอทีมพิสูจน์อาหารทดสอบยาพิษ ก็เลือกหยิบเอาไว้ว่าคืนนี้จะขึ้นเตียงกับใคร ซึ่งเรื่องนี้ถ้าพิจารณาดูก็จะเห็นว่า เป็นช่องว่างที่ทำให้เกิดการคอร์รัปชั่นในราชสำนักฝ่ายในได้
โดยเฉพาะกับพวกขันที เพราะถ้าเซ่นขันทีถูก รับรองสบาย เพราะต่อให้ถาดใหญ่แค่ไหน ไม่มีทางใส่ป้ายชื่อของนางสนมได้หมด นางสนมบางคนที่อยากจะได้ใกล้ชิดฮ่องเต้ในค่ำคืนนั้น ก็ต้องติดสินบนขันที
เพื่อให้นำป้ายชื่อของตนเองไปไว้บนถาดดังกล่าว โดยใส่รายละเอียดแบบเป๊ะ เพื่อการถูกเลือก ทั้งตำแหน่งในการวาง วางตรงไหน ฝั่งไหน ได้ระดับสายตาไหมเลือกมือไหน มองทางไหนก่อน หยุดตรงไหนนาน ไม่ต้องแปลกใจ เพราะขันทีผู้ดำเนินการ ถือถาดมาให้ฮ่องเต้เลือกนางสนมเกือบทุกวัน แม้จะมีการเปลี่ยนเวรก็เถอะ แต่ก็จะวนปฏิบัติหน้าที่นี้อยู่ไม่กี่คน
และแน่นอนด้วยความเป็นข้ารับใช้ที่ใกล้ชิด ก็ย่อมล่วงรู้ถึงพระนิสัย รู้พระทัยของฮ่องเต้ เป็นอย่างดี แบบนี้ก็พาลให้นึกไปว่า อย่างพระนางซูสีไทเฮา ก็ไม่รู้ว่าพระนาง ฯ ได้เซ่นขันทีไปไหม ? หรือขันทีมองพระนาง ฯ เป็นโอกาสไหม ? ที่ทำให้เส้นทางของพระองค์ได้ถูกเลือกขึ้นมาจากถาดใบนั้น
ทำไมต้องเน้นขนาดนี้ ? เพราะว่า 1. ในเขตพระราชฐานชั้นในมีแค่ฮ่องเต้เป็นบุรุษเพศแค่พระองค์เดียว นางสนมก็เหงาเป็น หนาวเป็น อยากได้ไออุ่นเหมือนชาวบ้านทั่วไป 2. หากสนมคนใดตั้งครรภ์และคลอดองค์ชายออกมาเรียกได้ว่าสุขสบายทั้งชาติ มั่งมีทั้งตระกูล และอาจได้รับการยกระดับ
หลังจากฮ่องเต้ท่านเลือกป้ายชื่อนางสนมได้แล้ว ทีมขันทีก็จะไปเตรียมการ ระหว่างนั้นฮ่องเต้ก็จะทรงดื่มด่ำกับอาหารค่ำไป ซึ่งธรรมเนียมตรงนี้ มีบันทึกเขียนเอาไว้ว่า "หากสนมนางใดถูกเลือก จะถูกนำตัวไปอาบน้ำ พาเข้าพระตำหนักแบบเปลือยเปล่า และนำผ้านวมสีแดงพันตัว อุ้มเข้าไปรอที่ห้องบรรทม” ซึ่งขั้นตอนนี้ นอกจากจะช่วยชำระเนื้อตัวให้หอมสะอาดแล้ว ยังเป็นการป้องกันเหตุไม่คาดฝัน อย่างเช่นการซุกซ่อนอาวุธหรือยาพิษใด ๆ ที่อาจทำอันตรายต่อองค์จักรพรรดิได้
ขั้นต่อมาถ้าเป็นสามัญชนอย่างเรา ๆ ก็คง "ลุยกันเลย!" แต่ช้าก่อน !!!!! สำหรับองค์จักรพรรดิ ยังต้องทำตามกฎแห่งวังหลวง คือ 'จักรพรรดิ' จะต้องนอนรออยู่บนพระแท่น ห่มผ้า แล้วเปิดส่วนพระบาท เอาไว้ ให้สนมเปลือยกาย “มุดจากด้านล่าง” ขึ้นมา ซึ่งเป็นแบบแผนชัดเจน ว่าการสังวาสนางสนมนั้น พวกนาง “ต้องมาจากเบื้องต่ำ” หรือ “เบื้องล่าง”
ซี่งเอกสารโบราณเขียนไว้แบบนี้จริง ๆ นึกภาพนางสนมจะต้องเลื้อยจากบริเวณปลายเท้าขององค์ฮ่องเต้ขึ้นมาแนบพระวรกาย เอาล่ะแต่จากตรงนี้จะเป็นช่วง "ฟรีสไตล์” อยากจัดยังไง ก็จัดไป ตามอัธยาศัย แต่อย่าคิดว่าจะ “ฟรีไทม์” นะ ซึ่งนี่คือเรื่องตลกร้าย เพราะ Sex แห่งองค์จักรพรรดิ “มีเวลาจำกัด” !!!!
แย่แล้ว !!! เป็นถึงจักรพรรดิจะมี Sex กับนางสนม ยังมีการจับเวลา ท่านลองนึกตามผมนะ สำหรับท่านผู้ชายเวลาไปอาบน้ำตามสถานที่อโคจรมันจะมีกำหนดเวลา อาจจะ 1 ชั่วโมงบ้าง ชั่วโมงครึ่งบ้าง แล้วพอครบเวลาเสียงกริ่งก็ดังเหมือนเลิกเรียน อ่านมาถึงตรงนี้หลายคนคงอดขำไม่ได้ แต่นี่คือเรื่องจริงในประวัติศาสตร์จีน โดยทีมควบคุมนี้ ดำเนินการโดยทีมขันที แผนกเรื่องบนเตียง ซึ่งจะรอฮ่องเต้อยู่นอกห้องบรรทม
เพื่อคอยสังเกตความผิดปกติ หากท่านเล่นรักกับนางสนมนานเกินไป ใน “ครั้งแรก” ขันทีจะตะโกนเข้าไปบอกว่า "ได้เวลาแล้ว" หากท่านไม่ตอบรับครบ 2 ครั้ง (คือต้องมีสมาธิฟังเสียงตะโกนของขันทีด้วย) พอถึงครั้งที่ 3 ซึ่งครั้งนี้ไม่ต้องตอบรับ เพราะแก๊งขันทีจะเปิดเข้าไปในห้องบรรทม และแบกนางสนมคนนั้นกลับไปห้องของนางทันที โดยไม่สนว่าองค์จักรพรรดิจะสำเร็จกิจหรือไม่ (คือเสร็จไม่เสร็จไม่รู้พวกข้าพเจ้าจะอุ้มไปแล้วนะ)
ซึ่งถ้าถามว่าฮ่องเต้ขัดขืนได้ไหม ? ก็ยังไม่อยากเลิก ถูกใจนางสนมคนนี้ จะขอค้างคืนเลยได้ไหมคำตอบคือ “ไม่ได้” อำนาจยิ่งใหญ่แค่ไหน แต่กฎย่อมต้องเป็นกฎ อยากขัดขืนก็ทำได้นะ แต่จะต้องมีเรื่องกับผู้ทรงอิทธิพลคนรองจากพระองค์ นั่นก็คือ 'จักรพรรดินี' หรือ 'มเหสีเอก' ของพระองค์เอง เพราะเรื่องบนเตียงในวังหลวง ทั้งหมด ไม่ว่าจักรพรรดิจะไปร่วมหลับนอนกับใคร แต่สุดท้ายต้องกลับไปเตียงหลักของพระองค์ เตียงของผู้ที่ใหญ่ที่สุด เตียงของเมียเอก
หรือเมียหลวงขององค์จักรพรรดินั่นเอง มันเป็นกฎที่บรรพชนเขียนเอาไว้ ฮ่องเต้มีสิทธิค้างคืนกับฮองเฮาแต่เพียงผู้เดียวเท่านั้น ดังนั้นการจัดดวลเดือดกับองค์ฮองเฮาเลยทำได้ง่ายหน่อย ไม่ลำบากเหมือนกับนางสนม ไม่งั้นนอกจากปัญหากับกฏและองค์จักรพรรดินีแล้ว พระองค์จะมีปัญหาต่อเนื่องไปถึงพระมารดาของพระองค์ด้วย
เคยมีบันทึกถึงเหตุการณ์ที่ องค์ฮ่องเต้ 'หลงใหลนางสนม' แล้วไม่ยอมออกจากห้องตามกฎ ก็เลยถูกองค์ฮองเฮาลงโทษด้วยการนำป้ายคำสั่งบรรพชน มาอ่านออกเสียงดังๆ หน้าห้องบรรทมนั้น พร้อมกับสั่งลงโทษนางสนมคนดังกล่าว ซึ่งคนจีนเคารพเทิดทูนบรรพบุรุษเป็นที่สุด เจอแบบนี้เข้าไป ฮ่องเต้เอง ก็ลำบาก ไปไม่เป็นเหมือนกัน ทำตัวไม่ถูกเหมือนกัน
ทีนี้ในกรณีฮ่องเต้ เมื่อร่วมหลับนอนกับนางสนมเรียบร้อยแล้ว กฎระเบียบที่ต้องทำตามข้อต่อไปคือ ต้องคิดว่าถ้าหากนางสนมท้อง ฮ่องเต้จะต้องเลือกว่า จะ 'เก็บ' เด็กในท้องเอาไว้ไหม ? คือสันนิษฐานเอาไว้ก่อนเลยว่า การร่วมรักครั้งนี้จะเกิดการตั้งครรภ์ ถ้าฮ่องเต้ 'พอใจ' ก็จะอนุมัติให้เก็บเด็กไว้
เพื่อที่กลายเป็นเจ้าหญิงหรือเจ้าชายต่อไป แต่ถ้าองค์ฮ่องเต้บอกว่า 'ไม่เก็บ' ทีมขันทีจะจัดการพานางสนมไปทำการคุมกำเนิด จัดการล้างช่องคลอด จะด้วยวิธีใดก็จินตนาการกันเอาเองเถิดแต่ก็นับว่าโหดร้ายกับฝ่ายหญิงพอสมควร แต่อย่างไรก็ตาม กรณีการ 'ไม่เก็บ' นี้ถือว่าเกิดน้อยมาก
ทำไมต้องเข้มงวดขนาดนี้? คำตอบคือ เพราะฮองเฮาในราชวงศ์ชิง เกือบทั้งหมดเป็นคน “เชื้อสายแมนจู” เหมือนฮ่องเต้โอกาสจะทรยศ ล้มล้างเหมือนที่ 'ชาวฮั่น' จ้องอยู่มีน้อยกว่า นางสนมบางคนเป็นคนเชื้อสายฮั่นการค้างคืนกับฮ่องเต้ จะเพิ่มความเสี่ยง และเหตุผลอีกข้อคือ
การมุ่งทำให้ชาวแมนจูมีความเป็นอารยะมากขึ้น การมีกฎเกณฑ์มีธรรมเนียม เป็นเรื่องราวของชนชั้นสูง ควรค่าต่อการปกครองใต้หล้า และข้อสำคัญคือ ไม่ต้องการให้ฮ่องเต้ลุ่มหลงหมกมุ่นกับเรื่องเพศมากจนเกินไป เพราะ 'ฮ่องเต้' มีศักดิ์เป็น 'โอรสแห่งสวรรค์' ทุกคำพูด และการกระทำต้องถูกบันทึกเอาไว้หมดและมีผลต่อลิขิตฟ้าชะตาแผ่นดิน
ดังนั้น Sex ของ 'จักรพรรดิชิง' จึงมีไว้เพื่อสืบราชวงศ์ให้ดำรงต่อไป ไม่ได้มีไว้เพื่อความสนุกสนานในเมื่อสวรรค์เลือกท่านลงมาปกครองแล้ว ก็ย่อมต้องยอมทำตามระเบียบปฏิบัติให้ความสำคัญกับการว่าราชการบ้านเมืองมาก่อน ส่วนเรื่อง Sex เป็นเรื่องรอง ต้องอยู่ในกรอบ มี Sex ได้ แต่ต้องมีขอบเขตด้วยประการฉะนี้แล
เรื่อง : สถาพร บุญนาจเสวี Content Manager
ที่มา ; THE STATES TIMES
.blockdit.com
===================
#เพจภาพและเรื่องราวต่างๆที่น่าสนใจ

 

“ชีเช็ง”
เมื่อเอ่ยถึงชื่อ “ชีเช็ง” หลาย ๆ คนอาจจะไม่เคยได้ยิน แต่หากเป็นผู้ที่นิยมชมชอบกีฬาลู่ลานแล้ว คงไม่มีใครไม่รู้จัก “ลมกรดสาวจากไต้หวัน” เจ้าของเหรียญรางวัลโอลิมปิกคนแรกของไต้หวัน และเจ้าของเหรียญทองเอเชียนเกมส์ครั้งที่ 6 ที่ กทม. ในปี 1970 จนได้รับสมญานามว่า “นักวิ่งลมกรดหญิง” ปัจจุบันมีตำแหน่งเป็นถึงที่ปรึกษาด้านการกีฬาของประธานาธิบดีไช่ อิงเหวิน และที่ปรึกษาของเทศบาลกรุงไทเปด้วย
ชีเช็งโด่งดังมากในการวิ่งระยะสั้น เธอทำลายสถิติในประเภทต่างๆของเอเชียไปถึง 44 ครั้ง สถิติโลก 10 ครั้ง เป็นผู้หญิงที่สามารถวิ่ง 100 เมตรได้ด้วยเวลา10.00 วินาที
ในช่วงปี 1970 กรุงเทพรับหน้าเสื่อเป็นเจ้าภาพ เอเชี่ยนเกมส์ ครั้งที่ 5 เรามีเจ้าลมกรดชายในประเภท 100 และ 200 เมตรคือคุณ อาณัติ รัตนพล ในส่วนฝ่ายหญิงเธอผู้นี้แหละครับที่คว้าเจ้าลมกรดไปครอง และโด่งดังมากในยุคนั้นนอกจากเธอจะทำลายสถิติในประเภทต่างๆของเอเชียไปถึง 44 ครั้งสถิติโลกอีกถึง 10 ครั้งและเป็นผู้หญิงที่สามารถวิ่ง 100 หลาด้วยเวลา 10.0 วินาที จวบจนยุคท้ายๆได้ข่าวว่าเธอวิ่งสปริ๊นท์จนทำให้กล้ามเนื้อฉีกขาด จึงทำให้ต้องอำลาลู่ไป ชีเช็ง
credit: ศาลาพักใจ
#ภาพเเละเรื่องราวต่างๆที่น่าสนใจ

 

พระราชวังต้องห้ามที่ปราศจากห้องน้ำ
พระราชวังกู้กงหรือพระราชวังต้องห้าม โดยมีพื้นที่ครบคลุมทั้งหมด 720,000 ตารางเมตรหรือ450ไร่ พระตำหนัก 70 กว่าแห่ง และห้องทั้งหมด 9,999 ห้อง เพียงแค่เห็นตัวเลขของพื้นที่ พระตำหนัก รวมถึงห้องทั้งหมดแล้ว เราไม่อาจจิตนาการได้เลยว่าความยิ่งใหญ่และความเจริญรุ่งเรืองของระบบศักดินาของจีนในสมัยก่อนนั้นทรงอนุภาพขนาดไหน องค์จักรพรรดิ ขุนนาง ผู้มีอำนาจในระบบนี้จะมีฐานะและอำนาจมากเพียงใด
ทั้งหมดนี้ถูกถ่ายทอดโดยการสร้างพระราชวังที่ปัจจุบันหลงเหลือไว้ให้ชาวจีน และบุคคลทั่วโลกได้มาเยือน สัมผัสถึงวัฒนธรรมที่สำคัญคือความยิ่งใหญ่จากในยุคอดีตที่เคยรุ่งเรือง ส่งผ่านมาถึงปัจจุบัน
ด้วยเหตุนี้พระราชวังต้องห้ามจึงได้เป็นมรดกโลก ในนามพระราชวังหลวงแห่ง ราชวงศ์หมิงและราชวงศ์ชิงในปักกิ่งและเสิ่นหยาง ประกาศโดยยูเนสโก รวมถึงติด Top 5 หนึ่งในห้าพระราชวังไม้ที่ใหญ่ที่สุดในโลกอีกด้วย
ทำไมพระราชวังต้องห้ามถึงไม่มีห้องน้ำ
สมัยหลายพันปีมานั้น “ส้วม” เป็นสิ่งที่เรียบง่ายและไม่ซับซ้อนมากนัก ซึ่งส้วมสมัยแรกคือส้วมหลุม ต่อมาค่อยๆมีการขุดหลุมและนำไม้มาเป็นที่รองเท้า จนวิวัฒนาการมาเป็นส้วมแบบซักโครกในปัจจุบัน ในสมัยของราชวงค์ชิง（ค.ศ.1638-1912）การขับถ่ายอุจจาระนั้นยังไม่ถูกสุขลักษณะมากนัก ความหมายคือยังไม่มีระบบชำระล้างที่ดีมากพอเหมือนในปัจจุบัน
ดังนั้นเมื่อเราขับถ่ายอุจจาระออกมา สิ่งที่มากับอุจจาระคือกลิ่นที่ไม่พึงประสงค์ของมัน อีกทั้งพระราชวังเป็นที่ที่ฮ่องเต้นั้นประทับ เพื่อที่จะแก้ปัญหาเรื่องกลิ่นและความยุ่งยากในการขับถ่าย จากเหตุผลข้างต้นจึงคาดเดาได้ไม่ยากเลยว่าพวกเขานับว่าอุจจาระนั้นเป็นของที่ไม่พึงประสงค์ ขัดแย้งกับตัวภาพลักษณ์พระราชวัง（กล่าวคือไม่มีใครชอบกลิ่นเหม็น） จึงไม่สร้างห้องน้ำไว้ในพระราชวังซะเลยดีกว่า
#แล้วฮ่องเต้จะไปอุจจาระที่ไหน
เนื่องจากจีนได้ปกครองโดยระบบศักดินามาตั้งแต่สมัยราชวงศ์ฉิน ดังนั้นคนที่มีอำนาจมากที่สุดในระบบนี้คือ “ฮ่องเต้” นั่นเอง เมื่อฮ่องเต้มีอำนาจชี้ไม้เป็นไม้ชี้นกเป็นนก เรียกได้ว่าจะสั่งอะไร หรือกล่าวอะไรก็จะมีคนมาคอยปรนิบัติให้ทั้งนั้น
ในสมัยราชงวงค์ชิงก็เช่นเดียวกัน เมื่อฮ่องเต้อยากที่จะขับถ่ายจะมีเหล่าขันทียก “โถส้วม” มาให้ฮ่องเต้ถึงที่กันเลยทีเดียว ถ้าฮ่องเต้เสร็จภารกิจของตนเองแล้ว เหล่าขันทีก็จะนำอุจจาระไปทิ้งด้านนอกวัง ถ้าเป็นบุคคลธรรมดาก็จะใช้ “กระโถน” เป็นตัวรองซะส่วนมาก ซึ่งวิธีการแบบนี้ได้แก้ไขปัญหาเรื่องกลิ่นและวิธีการจัดเก็บได้อย่างดี เพราะไม่ต้องมีท่อระบายน้ำ หรือต้องไปจัดการกับกลิ่นส้วม รวมถึงป้องกันอันตรายจากการลอบสังหารฮ่องเต้ เพราะการมีห้องน้ำถือว่าเป็นที่ซ่อนอย่างดีของเหล่านักฆ่ามืออาชีพในสมัยนั้น
#เกล็ดความรู้
โถส้วมของฮ่องเต้นั้นจะมีการทำขึ้นมาอย่างปราณีต ตั้งแต่การคัดสรรเลือกไม้ที่มีกลิ่นหอมภายในโถส้วมจะมีการวางผงไม้หอมชนิดต่างๆ เพื่อที่เวลาอุจจาระลงไปแล้วจะมีกลิ่นหอมออกมาจากนั้นก็จะประดับตกแต่งด้วยทองหรือไข่มุก อาจจะมีการแกะสลักลายตามความประสงค์ของฮ่องเต้ หรือช่างที่ออกแบบ
เครดิต Moving Book
https://www.blockdit.com/posts/644b7a14e6f47816e7b9282c

 

จากไครเมีย ไปเนเธอร์แลนด์ แล้วไปอยู่ในมืออูเครนแบบงง ๆ

ต้นปี 2014 ก่อนที่รัสเซียจะส่งทหารบุกไครเมีย และต่อมาผนวกไครเมียเป็นดินแดนของรัสเซีย พิพิธภัณฑ์หลายแห่งในไครเมียได้ส่งสิ่งจัดแสดงอันล้ำค่าของพวกเขาไปยังเนเธอร์แลนด์เพื่อใช้จัดแสดงที่พิพิธภัณฑ์ Allard Pierson Museum ในกรุงอัมสเตอร์ดัม

ชิ้นงานจากสมัยโบราณเหล่านี้มีมากมายเกือบ 2 พันชิ้น พวกมันถูกเรียกรวม ๆ กันว่า Scythian gold collection

ปัญหาเกิดเมื่อถึงกำหนดต้องส่งคืน เนเธอร์แลนด์ไม่รู้ว่าจะส่งให้ใคร

ไครเมียของรัสเซีย , รัสเซียซึ่งเป็นผู้ครอบครองไครเมีย หรือว่าอูเครนซึ่งถือว่าตัวเองยังคงครอบครองไครเมีย

เนเธอร์แลนด์ก็เลยไปขอให้ศาลวินิจฉัย เมื่อดูแล้วเห็นว่าเป็นไปได้ยากที่รัสเซียกับอูเครนจะตกลงกันได้ในเรื่องนี้

ปี 2021 ศาลอุทธรณ์ ตัดสินว่าควรคืนคอลเล็คชั่นให้กับอูเครน

ปี 2022 บรรดาพิพิธภัณฑ์ในไครเมีย ซึ่งเป็นเจ้าของคอลเลคชั่น พากันอุทธรณ์คำตัดสิน

มาวันนี้ ศาลฏีกาเนเธอร์แลนด์พืพากษายืนคำตัดสินของศาลอุทธรณ์

จริง ๆ แล้ว ไม่ต้องรอฟังคำตัดสินของศาลก็ได้ ไม่ต้องมีความรู้ทางกฏหมายอะไร แค่อ่านข่าวธรรมดาทั่วไป ก็รู้ได้ว่าศาลจะตัดสินอย่างไร

 

#LIFE การโจมตีอย่างรุนแรงครั้งใหม่! ถ้าใครยังจำข่าวที่เราเคยเมื่อช่วงเดือนที่แล้วว่า ออร์ก้า หรือวาฬเพชฌฆาตจมเรือแถบนอกชายฝั่งสเปนไป 3 ลำ ตอนนี้พวกเขากลับมาอีกครั้ง แต่ดูเหมือนจะรุนแรงกว่าเดิม เพราะกัดหางเสือจนพังขาด และตามเรือไปจนถึงฝั่ง สุดท้ายเรือก็จมลง (ชมคลิปในคอมเมนต์)
.
เหตการณ์นี้เกิดขึ้นในคืนวันที่ 24 พฤษภาคมที่ผ่านมาตามเวลาท้องถิ่น โดยเรือที่ชื่อว่า ‘มัสทีค’ ซึ่งบังคับโดย April Boyes กล่าวกับ Live Science ว่า “พวกเขา(ออร์ก้า)ไม่ได้ออกไปหลังจากที่ทำลายหางเสือแล้ว”
.
เรือพบออร์ก้าครั้งแรกตอนเวลาประมาณ 21.30 น. ขณะแล่นผ่านช่องแคบยิบรอลตาร์ จากนั้นก็พุ่งเข้าโจมตี ลูกเรือเล่าว่าออร์ก้าใช้เวลาไม่นานในการชนหางเสือ และสร้างแรงสั่นสะเทือนจนรู้สึกได้ที่ดาดฟ้าของเรือ หลังจากทำลายหางเสือเสร็จ ออร์ก้าก็เหมือนจะกลับออกไป
.
ซึ่งมันจะเป็นเหมือนครั้งก่อน ๆ ที่ออร์กาโจมตีเสร็จก็จะหายไป แต่ครั้งนี้กลับไม่ใช่ 20 นาทีต่อมา ออร์ก้ากลับมาวนรอบเรือ “หลังจากผ่านไป 1 ชั่วโมง ออร์ก้ายังคงชนหางเสือ เห็นได้ชัดว่ามันพังยับเยินอยู่แล้ว และน้ำก็เริ่มไหลเข้าเรือ” April Boyes เล่า
.
ทางเรือได้ขอความช่วยเหลือจากยามชายฝั่งสเปนเพื่อลากเรือไปที่ท่า แต่ออร์ก้าก็ยังตามอยู่ไปจนถึงฝั่ง และเรือก็จมลง ทุกคนไม่ได้รับอันตรายใด ๆ ยกเว้นมีทรัพย์สินเสียหาย
.
ทางกระทรวงคมนาคมของสเปนกล่าวว่า ขอให้ทุกคนรายงานเหตุการณ์โจมตีของออร์ก้าทุกครั้ง ตามรายงานของกลุ่มวิจัยออร์ก้า Atlantic Orca Working Group (GTOA) ระบุว่าในเดือนพฤษภาคมเกิดขึ้นอย่างน้อยแล้ว 20 ครั้ง และครั้งนี้เป็นครั้งล่าสุด
.
ขณะที่ปี 2022 มีรายงานกว่า 207 ครั้ง ตอนนี้นักวิทยาศาสตร์และเจ้าหน้าที่จากหลายหน่วยงานของสเปนกำลังวางแผนที่จะติดแท็กติดตามดูพฤติกรรมออร์ก้า เพื่อวางแผนรับมือต่อไป และหลายคนกังวลว่าจะเกิดเหตุรุนแรงขึ้น เช่น การยิงออร์ก้าที่พบ
.
ทำไมออร์ก้าถึงโจมตีเรือ? Alfredo López Fernandez นักชีววิทยาแห่งมหาวิทยาลัย Aveiro ในโปรตุเกสเคยกล่าวถึงกรณีนี้ไว้ว่า บางทีอาจเป็นการแก้แค้นแทนที่เพื่อนของมันที่ได้รับบาดเจ็บจากเรือหรืออวนประมง โดยออร์ก้าตัวนั้นเริ่มโจมตีก่อน จากนั้นตัวอื่น ๆ ก็ทำตาม
.
“ออร์ก้ากำลังสิ่งนี้โดยเจตนา” López Fernandez บอก บางที "ออร์กาที่บอบช้ำตัวนั้นเป็นตัวการที่เริ่มพฤติกรรมการสัมผัสร่างกายกับเรือ"
.
ไม่ว่าเหตุผลที่แท้จริงคืออะไร แต่ประสบการณ์ถูกออร์ก้าจมเรือนั้นไม่ใช่เรื่องตลกเลย อีกทั้งอาจกลายเป็นปัญหาใหญ่ได้ในอนาคต นักวิทยาศาสตร์หวังจะได้รู้ในเร็ว ๆ นี้ว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่
.
ที่มา
.
Orcas rip rudder off boat and follow it all the way to port, in 1st known attack of its kind | Live Science
.
Killer whales 'tear bits off boat' in 'scary' hour-long attack off Spanish coast | World News | Sky News
.
Killer whales are ramming boats off the coast of Spain to avenge orca matriarch Gladis | Daily Mail Online
.
Photo : Mike Doherty on Unsplash , Video : April Boyes

 

#LIFE นักวิจัยในออสฯ ตรวจพบประชากรโคอาลารัฐนิวเซาท์เวสต์ ในพื้นที่ในระดับที่สูงขึ้น อย่างอุทยานแห่งชาติ Kosciuszko ชี้เป็นการปรับตัวต่อโลกร้อน-ภาวะโลกรวน ระบุเป็นความหวังของโครงการอนุรักษ์-ขยายพันธุ์
.
นักวิจัยในออสเตรเลียใช้เครื่องบันทึกเสียงตรวจสอบพบเสียงร้องเรียกของโคอาลาใน 14 จุด ภายในอุทยานแห่งชาติ Kosciuszko ในรัฐนิวเซาท์เวสต์ ซึ่งตลอดระยะเวลาการตรวจบันทึกกว่า 7 เดือน พวกเขาพบว่า โคอาลาเหล่านี้อาศัยอยู่ในระดับความสูงที่เพิ่มขึ้นกว่าแต่ก่อน
.
“หลายพื้นที่ใน Kosciuszko นั้น เข้าถึงยาก ที่ผ่านมาเราจึงไม่สามารถศึกษาการกระจายตัวของโคอาลาได้” Karen Marsh หนึ่งในนักวิจัยกล่าว ก่อนเสริมว่าการที่โคอาลาอาศัยอยู่ในพื้นที่ที่สูงขึ้นนั้น อาจเป็นตัวบ่งชี้ว่าพวกมันกำลังปรับตัวต่อภาวะโลกรวน
.
Marsh อธิบายต่อว่า โคอาลาเป็นสัตว์ที่ไวต่อความร้อนมาก ๆ บางพื้นที่ ที่อยู่ในระดับความสูงที่ต่ำกว่าอาจร้อนเกินไปสำหรับโคอาลา แต่การปรับตัวนี้แสดงให้เห็นว่าประชากรกลุ่มข้างต้น เป็นความหวังของโคอาลาในนิวเซาท์เวสต์ ซึ่งถูกจัดให้เป็นสัตว์ใกล้สูญพันธุ์ (endangered) ในปัจจุบัน
.
รัฐมนตรีกระทรวงสิ่งแวดล้อมประจำรัฐ James Griffin ระบุว่า ในช่วง 80 ปีที่ผ่านมา เคยมีการพบโคอาลาในบริเวณนี้อยู่เพียงแค่ 16 ตัวเท่านั้น แต่สิ่งที่นักวิจัยค้นพบในครั้งนี้บ่งชี้ว่า อุทยาน Kosciuszko เป็นแหล่งหลบภัยใหม่ของโคอาลา ซึ่งจะมีความสำคัญอย่างมากต่อการอนุรักษ์โคอาลา รวมถึงแผนขยายพันธุ์โคอาลาให้มีประชากรเพิ่มขึ้น 2 เท่าภายในปี 2050

ที่มา
https://www.abc.net.au/news/2022-06...covery-nsw-kosciuszko-national-park/101120016

 

#IDEA ที่ล้างถ้วยอนามัยสุดปังจากแบรนด์ Emanui ตอบโจทย์ผู้ใช้ที่ตามหาเครื่องล้างถ้วยอนามัยที่ใช้ซ้ำได้ เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และมีน้ำหนักเบาสามารถพกพาไปได้ทุกที่
.
ที่ล้างถ้วยอนามัย Emanui ผลิตจากซิลิโคนทางการแพทย์ มีผิวสัมผัสที่นิ่มเพื่อให้ทำความสะอาดได้ง่าย สีสันสดใส มองแล้วสบายตาไม่เหมือนผลิตภัณฑ์ทางการแพทย์อื่นๆ ใช้ได้กับถ้วยอนามัยทั่วไปที่ได้มาตรฐานทั้งขนาดเล็ก กลาง ใหญ่ และที่สำคัญ ที่ล้างถ้วยอนามัย Emanui ใช้น้ำในการล้างถ้วยอนามัยน้อยกว่าการล้างแบบปกติถึง 2500%!
.
Paul Lequay ผู้ก่อตั้งแบรนด์เล่าให้ฟังถึงจุดประสงค์ในการผลิตเครื่องล้างถ้วยอนามัยว่า “ความเชื่อที่ว่าการมีประจำเดือนเป็นเรื่องน่าอายหรือเป็นเรื่องที่ไม่ดียังคงมีอยู่ ความคิดเหล่านี้ทำให้การล้างถ้วยอนามัยในที่สาธารณะเป็นเรื่องยาก จะล้างที่อ่างล้างหน้าต่อหน้าทุกคนก็ลำบาก หรือจะต้มเพื่อฆ่าเชื้อในครัวที่บ้านก็กระอักกระอ่วน เราจึงออกแบบที่ล้างถ้วยอนามัย Emanui ขึ้นมาเพื่ออำนวยความสะดวกให้ผู้ใช้ใช้ได้ในทุกสถานการณ์”
.
“การล้างถ้วยอนามัยในที่ที่มีเชื้อโรคเยอะจะทำให้เสี่ยงเป็นอันตรายต่อสุขภาพได้ คนส่วนใหญ่จึงไม่ค่อยใช้ถ้วยอนามัยเวลาออกนอกบ้าน เราจึงออกแบบที่ล้างแบบพกพาเพื่อให้ทุกคนได้ทำความสะอาดถ้วยอนามัยได้ทุกที่ โดยทางเราออกแบบมาให้ล้างได้อย่างสะดวกสบายและไม่ต้องกังวลว่าจะเลอะมือหรือทำถ้วยตก”
.
สำหรับวิธีใช้ เพียงแค่เปิดฝาด้านบนออกและเติมน้ำใส่ในที่ล้างถ้วยอนามัย จากนั้นเข้าห้องน้ำและนำถ้วยอนามัยมาเทเลือดประจำเดือนออก วางถ้วยอนามัยด้านในของฝา และปิดฝากลับเข้าไป ภายในเครื่องของแบรนด์ Emanui จะมีแปรงเล็กๆ อยู่ เมื่อเราใส่ถุงไปแล้ว เราเพียงแค่ถูและเขย่าเครื่องไปมา เจ้าแปรงเล็กๆ จะทำงานร่วมกับน้ำเพื่อทำความสะอาดถ้วยอนามัยโดยไม่ต้องพึ่งสารเคมีใดๆ เมื่อทำความสะอาดเสร็จแล้วก็สามารถเทน้ำทิ้งลงชักโครกผ่านจุกที่ออกแบบมาให้คล้ายกับจะงอยปากนกสีส้มๆ ได้เลย แค่นี้ถ้วยอนามัยก็สะอาดเหมือนใหม่แล้ว
.
สำหรับการทำความสะอาด ผู้ใช้สามารถฆ่าเชื้อที่ล้างถ้วยอนามัย Emanui ด้วยการใส่น้ำสะอาดนิดหน่อยแล้วนำไปเวฟในไมโครเวฟโดยใช้เวลาแค่สามนาที ในเวลาที่ไม่ได้ใช้ถ้วยอนามัย ผู้ใช้ยังสามารถเก็บถ้วยอนามัยไว้ในที่ล้างเพื่อกันฝุ่นและเชื้อโรคได้อีกด้วย
.
ดีต่อใจและดีต่อโลกแบบนี้ ทุกคนที่ตามหาเครื่องล้างถ้วยอนามัยอยู่ต้องมาลองใช้กันหน่อยแล้ว
.
ที่มา
https://www.dezeen.com/2021/01/05/emanui-portable-menstrual-cup-cleaner-design/
https://www.emanui.com/

 

#101 Biodiversity ความหลากหลายทางชีวภาพนั้นสำคัญไฉน
.
Biodiversity หรือ ความหลากหลายทางชีวภาพ คือ การรวมกันของสิ่งมีชีวิตหลากชนิดหลายสายพันธ์ุไว้ในพื้นที่เดียวกัน เช่น พืช สัตว์ เห็ดรา หรือแม้แต่สิ่งมีชีวิตขนาดจิ๋วที่ตามองไม่เห็นอย่างเช่น แบคทีเรีย ซึ่งเหล่าสิ่งมีชีวิตมีการประสานงานกันกลายเป็น ‘ระบบนิเวศ’ ซึ่งเป็นระบบที่เป็นโครงข่ายที่มีความซับซ้อนอย่างมาก
.
#ความหลากหลายทางชีวภาพคืออะไร?
ความหลากหลายทางชีวภาพ คือการที่บนโลกนี้มีพืช สัตว์ สิ่งมีชีวิตขนาดเล็ก ใหญ่ หรือแม้แต่มนุษย์ อาศัยอยู่ในภูมิภาคต่าง ๆ ของโลกในที่ของตนเอง ทำให้ภูมิภาคนั้น ๆ มีชีวิต มีการเป็นอยู่ที่หลากหลาย ซึ่งความหลากหลายนี้เป็นกุญแจสำคัญที่ช่วยรักษาสมดุลของทุกชีวิตในธรรมชาติ ที่เป็นปัจจัยในการมีชีวิตรอดของทุกชีวิต และเป็นองค์ประกอบพื้นฐานสำคัญของธรรมชาติและระบบนิเวศโลก
.
#ปัจจัยที่ทำให้ความหลากหลายทางชีวภาพในปัจจุบันหายไป
จริงอยู่ที่ในธรรมชาติยังคงมีความหลากหลายทางชีวภาพ แต่ทว่าการเพิ่มจำนวนของประชากรมนุษย์นั้นเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้ ความหลากหลายทางชีวภาพถูกทำลาย ทั้งการทำการเกษตร, ปศุสัตว์ และการทำอุตสาหกรรม ทำให้พื้นที่ป่ากว่า 300,000 ตารางกิโลเมตร โดยในสหราชอาณาจักรและไอร์แลนด์หายไปตั้งแต่ปี 2016
.
รวมถึงการบุกรุกป่าและการล่าสัตว์เพื่อเป็นอาหารก็เป็นอีกปัจจัยสำคัญ หนึ่งในตัวอย่างที่เห็นชัดคือสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมกว่า 300 ชนิด ที่ถูกล่าเป็นอาหารจนถึงขั้นสูญพันธุ์กันเลยทีเดียว
.
นอกจากนี้ ยังมีเรื่องของมลพิษ โดยจากอุตสาหกรรมที่ส่งผลกระทบต่อสัตว์ทะเลอย่าง วาฬออร์ก้า และ โลมาในระยะยาว รวมถึงการทำการค้าขายระหว่างประเทศทำให้แพร่กระจาย โรคเชื้อราที่เป็นอันตรายต่อสัตวครึ่งบกครึ่งน้ำ การค้าสัตว์เลี้ยงก็เป็นตัวการที่ทำให้เกิดสายพันธุ์รุกราน ทำให้สัตว์แปลกถิ่นไปทำลายสัตว์เจ้าถิ่น
.
ส่วนผลกระทบที่หนักที่สุดขอยกให้กับแม่น้ำและทะเลสาบ เพราะจากการสำรวจข้อมูลประชากรสัตว์น้ำจืด มีจำนวนลดลงถึง 81% นับตั้งแต่ปี 1970 จากการใช้น้ำ เพื่อการเกษตร การอุปโภค เขื่อน และมลพิษทางน้ำ
.
#จะเกิดอะไรขึ้นถ้าเราไม่รักษาความหลากหลายนี้ไว้?
แม้จะถูกทำลายด้วยน้ำมือมนุษย์ แต่สิ่งที่สวยงามของระบบนิเวศ คือความสามารถปรับตัว และฟื้นฟูตัวมันเองได้ หากได้รับการปกป้องและอนุรักษ์ แน่นอนว่าต้องเป็นหน้าที่ของ ‘มนุษย์’ ที่จะต้องช่วยกันดูแลเพื่อคงความสมดุลของโลก ที่จะส่งผลโดยตรงในเรื่องสภาพอากาศ ความเป็นอยู่ของสิ่งมีชีวิตทั้งหมด เพื่อโลกที่สมบูรณ์ และความเป็นอยู่ของทุกชีวิตในภายภาคหน้า

อ้างอิง
https://ngthai.com/science/30380/biodivers/

https://www.worldwildlife.org/pages/what-is-biodiversity

https://www.theguardian.com/news/2018/mar/12/what-is-biodiversity-and-why-does-it-matter-to-us

 

#CLIMATE นักวิชาการสิ่งแวดล้อม-เกษตร ระบุปัญหาโลกร้อนทวีความรุนแรงแบบดอกเบี้ยทบต้น ไทยถูกจัดอยู่ในกลุ่มแย่ เสี่ยงต่อภัยพิบัติทางภูมิอากาศอันดับ 9 แนะทั่วโลกร่วมมือจัดการด่วน ใช้พลังงานหมุนเวียนทดแทน เปลี่ยนเกษตรแปลงใหญ่สู่เกษตรนิเวศ เพื่อแก้ปัญหาอย่างยั่งยืน ย้ำชัด คาร์บอนเครดิตไม่ได้ผลในการช่วยลดโลกร้อน
.
ดร.อัศมน ลิ่มสกุล ผู้อำนวยการกลุ่มการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศ กรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อม กล่าวในวงสัมมนา เรื่อง "นโยบายการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศ กับการปรับตัวในภาคเกษตร” ที่บ้านสวนซุมแซง อ.กันทรวิชัย จ.มหาสารคาม ว่า การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศในระดับโลกไม่ต่ำกว่า 30 ปี ช่วงแรกๆ ทุกคนมองว่า เป็นเรื่องไกลตัว อาจจะไม่เกิดขึ้นจริง หรือเกิดแค่บางพื้นที่ ต่อมาจึงรู้ว่าการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศเกิดจากคน ภาคที่สำคัญที่สุดก็คือพลังงาน เช่น เครื่องปรับอากาศ เราใช้วันนี้ สิ่งที่ปล่อยออกไปอยู่บนบรรยากาศ 10-20 ปี แม้ต้นไม้และทะเลจะช่วยดูดซับไว้ แต่ส่วนที่เหลืออยู่ก็มากพอที่จะทำให้โลกร้อนขึ้น และมีความเปลี่ยนแปลงอย่างอื่นเข้ามาด้วย อาทิ น้ำท่วม น้ำแล้ง
.
ดร.อัศมน กล่าวอีกว่า แม้จะมีการพูดคุยกันระดับนานาชาติถึงสาเหตุและแนวทางแก้ไขเกิดเป็น “กรอบอนุสัญญาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศสหประชาชาติ” แต่ผลกระทบยิ่งรุนแรงมากขึ้น เพราะกรอบนี้ไม่มีผลบังคับทางกฎหมาย ขึ้นอยู่กับความสมัครใจ ทำให้ต้องมานั่งพูดคุยกันใหม่ ให้แต่ละประเทศกำหนดเป้าหมายว่าจะลดก๊าซคาร์บอนเท่าใด ซึ่งประเทศร่ำรวยก็มองว่า การลดต้องลงทุนมาก เลยเอาเงินไปให้ประเทศกำลังพัฒนาเพื่อซื้อคาร์บอนเครดิต ลดในประเทศกำลังพัฒนาแทน
.
ด้าน อ.ประสาท มีแต้ม นักวิชาการอิสระ กล่าวเสริมว่า คนที่รู้ครั้งแรกว่า โลกร้อนขึ้น คือบริษัทขายน้ำมัน ตั้งแต่ พ.ศ.2520 แต่ปกปิดไว้ 11 ปี ระหว่างนั้นก็ตั้งงบ 30 ล้านเหรียญฯ ตั้งนักคิดขึ้นมาบิดเบือนข้อมูล ทำให้คนสับสน ความจริง … 75% ของโลกร้อนเกิดจากพลังงาน สหรัฐอเมริกา ปล่อยคาร์บอนฯ 15 ตัน/คน/ปี คนไทยปล่อย 5 ตัน/คน/ปี นั่นคือไฟฟ้า 1 หน่วย ปล่อยคาร์บอนครึ่งกิโลกรัม ขณะที่ต้นไม้ขนาดใหญ่ ดูดซับได้แค่ 20 กก./ปี เราต้องปลูกต้นไม้มากเท่าใด และใช้พื้นที่ตรงไหน จึงจะดูดซับได้เท่ากับพลังงานไฟฟ้าที่ใช้ ซึ่งเป็นไปไม่ได้ถ้าเราไม่เปลี่ยนพลังงาน
.
“จากการศึกษามีโมเดลว่า ประเทศไทยจะเจอความร้อนมากขึ้น 10 เท่า ขณะที่บางประเทศเจอ 3 เท่า ข้อมูลเมื่อปี 2563 พยากรณ์ว่า มีโอกาส 20% ที่จะถึง 1.5 องศาเซลเซียส ภายใน 5 ปี ปี 2565 เพิ่มโอกาสเป็น 50% ล่าสุดปีนี้เพิ่มเป็น 66% ขณะที่น้ำทะเลแถวที่จะเกิดเอลนีโญ คือแถบอเมริกาใต้ เปรู ฝั่งตรงข้ามกับอินโดนีเซีย และไทย ความร้อนเพิ่มเร็วแบบสูตรดอกเบี้ยทบต้น จนนักวิทยาศาสตร์ตกใจ เพราะปรากฏการณ์ความร้อนเป็นเหมือนโดมิโน ล้มทับกันเป็นทอดๆ แบบเพิ่มใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ ซ้ำไทยยังเป็น 1 ใน 42 ประเทศที่ถูกเตือนให้ระวังเรื่องการขาดแคลนอาหาร และเสี่ยงเกิดความแห้งแล้ง”
.
นักวิชาการอิสระ ชี้ว่า ผลการประเมินขององค์กร CAT (Climate Action Tracker) 37 ประเทศ ซึ่งทั้ง 37 ประเทศนี้ปล่อยคาร์บอนประมาณ 90% ของทั้งโลก ระบุว่า ไทยจัดอยู่ในกลุ่มที่แย่ ซึ่งกลุ่มนี้ ได้แก่ รัสเซีย อิหร่าน ซาอุดิอาระเบีย สิงคโปร์ และไทย ทั้ง 5 ประเทศ ทำให้อุณหภูมิโลกสูงถึง 4 องศาเซลเซียส และประเทศไทยยังถูกจัดอันดับเป็นที่ 9 ของโลกที่เสี่ยงต่อการเกิดภัยพิบัติทางภูมิอากาศอีกด้วย
.
ขณะเดียวกันเมื่อดูการใช้พลังงานไฟฟ้า อ.ประสาท กล่าวว่า ประเทศไทยใช้ประมาณ 2 แสนล้านหน่วยทั่วประเทศ ถ้านำแสงแดดมาใช้แทน จะลดค่าไฟฟ้า ลดโลกร้อนได้มหาศาล ประกอบกับแสงอาทิตย์มีมากกว่าที่มนุษย์ใช้ 10,000 เท่า ถ้าคนทั้งโลกใช้พลังงานแสงอาทิตย์ทั้งปี ก็จะเท่ากับแสงอาทิตย์ที่ส่องมาถึงโลกเพียง 8 นาทีเท่านั้น แต่ปัญหาคือเราไม่มีเทคโนโลยีที่จะไปเก็บพลังงานแสงอาทิตย์มาใช้
.
อย่างไรก็ตาม ในการศึกษาของสแตนฟอร์ด บอกว่า เราจะเป็นซูเปอร์พาวเวอร์ ใช้พลังงานลม แดด แบตเตอรี่ โดยลงทุนเพิ่มราว 1% ของ GDP ติดต่อกัน 10 ปี ก็จะมีพลังงานใช้เหลือเฟือ นำมาใช้อะไรก็ได้หมด ปัญหาโลกร้อนจะจบลงภายในปี 2035 เพราะลดคาร์บอนได้ถึง 90%
.
ขณะที่ ดร.กฤษฎา บุญชัย จากสถาบันชุมชนท้องถิ่นพัฒนา อธิบายว่า ก๊าซเรือนกระจกที่ทำให้เกิดภาวะโลกร้อน มาจากระบบทุนนิยม โดยเฉพาะ 2 กลุ่มใหญ่ที่เป็นฐานหลัก คือกลุ่มทุนนิยมพลังงาน กับกลุ่มทุนนิยมเกษตร แต่ยังไม่สามารถจัดการอะไรได้มากนัก เพราะโลกยังถูกขับเคลื่อนด้วยทุนนิยมและมีระบบผูกขาดขนาดใหญ่ของโลกโดย 2 กลุ่มนี้เป็นส่วนใหญ่
.
ดร.กฤษฎา ชี้ให้เห็นว่า ผลกระทบจากภาวะโลกร้อนมีหลายด้าน อาทิ 1. ทำให้เกิดภาวะแห้งแล้งสุดขั้ว ซึ่งเรากำลังจะเจอในช่วง 1-2 ปีนี้ 2. ฤดูกาลอุตริ อยู่ดีๆ ฝนตกหนัก บางช่วงเกิดพายุ หรืออุทกภัยอย่างรุนแรง 3. ผลผลิตการเกษตรลด 4.เกิดไฟป่า 5.ผลกระทบด้านสุขภาพ 6.ระบบนิเวศที่เป็นโครงสร้างพื้นฐานถูกทำลายจากภัยธรรมชาติ 7.การแพร่ระบาดของแมลงศัตรูพืช รวมทั้งเชื้อโรค 8.ความขัดแย้งเรื่องทรัพยากร เช่น การแย่งน้ำทำนา 9.การย้ายถิ่น มีผู้ลี้ภัยทั้งจากการสูญเสียการผลิต และลี้ภัยเพราะเกิดจากการทำลายของระบบนิเวศ 10.น้ำสะอาด น้ำจืด ลดลง 11. ความหิวโหย ความยากจน
.
ดังนั้นถ้าอยากหยุดยั้งผลกระทบ ต้องลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกแบบหักดิบ อุตสาหกรรมยักษ์ใหญ่ต้องเปลี่ยนแปลงไปสู่พลังงานหมุนเวียนอย่างรวดเร็ว เกษตรแปลงใหญ่ เกษตรเคมี เกษตรอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ ก็เปลี่ยนไปสู่เกษตรเชิงนิเวศ เพราะที่ผ่านมา มีงานวิจัยที่แสดงผลชัดเจนว่า คาร์บอนเครดิตไม่ได้ผลในการช่วยลดโลกร้อน
.
สำหรับภาพรวมแผนเป้าหมายลดก๊าซที่ไทยเสนอกับ UN นั้น ดร.กฤษฎา ระบุว่า ไทยไม่ได้พูดถึงภาคเกษตร เน้นไปที่ภาคพลังงาน ภาคขนส่ง ภาคอุตสาหกรรม แต่ล่าสุดแผนของประเทศเริ่มกำหนดลดก๊าซในภาคเกษตรราว 1 ล้านตัน เพื่อทำให้เกษตรกรไทยมีสมรรถนะ มีภูมิคุ้มกันมากขึ้น ทว่าจากการประเมินของทีมวิชาการเรื่องการปรับตัวภาคเกษตร พบว่าคนรับรู้น้อยมาก แผนของประเทศยังมาไม่ถึงเกษตรกร
.
"ภาคเกษตรจะได้รับผลกระทบรุนแรงในช่วง 2-3 ปีข้างหน้า จึงต้องรีบวางแผน ว่าจะตั้งรับปรับตัวกันอย่างไร โดยอาศัยทั้งเรื่องพันธุกรรม การจัดการน้ำ ดิน ระบบนิเวศต่างๆ มีงานศึกษาของมหาวิทยาลัยในมาเลเซีย บอกว่าปั จจัยหลักของการปรับตัวเกษตรกรอาเซียนมีอย่างน้อย 5 เรื่อง คือ 1.ต้องมีระบบนิเวศ หมายถึงดิน น้ำ พันธุ์ที่มีความมั่นคง มีทางเลือกหลากหลาย 2.เกษตรกรที่มีการปรับตัวได้ดี มักจะเป็นเกษตรกรที่มีเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ ไม่มีหนี้สินมากจนไม่มีอิสระในการผลิต 3.มีความรู้ ติดตามข้อมูลข่าวสารการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศเพื่อนำมาสู่การวางแผนของตัวเอง 4.มีความยืดหยุ่นในการปรับตัว 5.มีเครือข่ายทางสังคมในการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ ซึ่งอยากให้นำ 5 ปัจจัยนี้มาวางเป็นแผนปฏิบัติการว่าจะทำอย่างไร เพื่อให้เกษตรกรไทยมีศักยภาพ มีภูมิคุ้มกันมากขึ้น" ดร.กฤษฎา กล่าวย้ำ

 

#SPACE ยานที่ชื่อว่า Parker Solar Probe ของ NASA กำลังศึกษาแหล่งกำเนิดที่มาของลมสุริยะ ‘แบบเร็ว’ (Fast Solar Wind) ว่ามันมาจากจุดไหนของดวงอาทิตย์ จะช่วยให้นักวิทยาศาสตร์เข้าใจกระบวนการที่เกิดขึ้นบนดวงอาทิตย์มากขึ้น เพราะลมสุริยะรุนแรงสามารถสร้างผลกระทบกับโลกให้เสียหายได้
.
ลมสุริยะคืออะไร? มันคือพายุอนุภาคที่ดวงอาทิตย์ปลดปล่อยออกมาตลอดเวลา โดยมีความเร็วได้ตั้งแต่ 250 ถึง 750 กิโลเมตรต่อวินาที (กม./วินาที) ถ้ามันไปเตะที่ 750 กม./วินาทีเมื่อไหร่ นักวิทยาศาสตร์จะเรียกมันว่า ‘ลมสุริยะเร็ว’ ซึ่งเป็นความเร็วที่มากกว่าปกติทั่วไปอยู่ราว 2 เท่า
.
ปรากฎการณ์นี้มีผลกระทบต่อโลก ต่อดาวเทียม แต่กระบวนการเกิดของมันยังไม่เป็นที่เข้าใจดีเท่าไหร่ นักวิทยาศาสตร์พยายามศึกษามันให้ได้มากที่สุด และยาน Parker ก็ได้รับภารกิจนั้น มันเ)็นยานที่ได้รับการออกแบบมาเพื่อทนความร้อนจสูง โดยปกติแล้วจะโคจรห่างดวงอาทิตย์ที่ 8.3 ล้านกม.
.
และในภารกิจนี้ NASA พามันไปใกล้ถึง 6.4 ล้านกม. เป็นระยะที่ใกล้ที่สุดเท่าที่คิดว่าจะไม่ถูกทำลายไปซะก่อน ทำให้นักวิทยาศาสตร์มองเห็น ‘หลุมโคโรนา’ (Coronal holes บริเวณจุดสีดำของดวงอาทิตย์) ได้เต็ม ๆ ที่คาดว่าเป็นแหล่งกำเนิดลมสุริยะเร็ว
.
“ลมนำพาข้อมูลจำนวนมากจากดวงอาทิตย์มาสู่โลก ดังนั้นการทำความเข้าใจกลไกที่อยู่เบื้องหลังลมของดวงอาทิตย์จึงมีความสำคัญกับโลก” James Drake นักดาราศาสตร์ฟิสิกส์จากมหาวิทยาลัยแมรี่แลนด์กล่าว “ซึ่งเป็นภัยคุกคามต่อเครือข่ายการสื่อสารของเรา”
.
ลมสุริยะเร็วพัดออกมาจากรูโคโรนา ซึ่งหลุมเหล่านั้นมีเซลล์พาความร้อน บางครั้งที่เซลล์เหล่านี้มารวมกัน มันก็ดึงเอาสนามแม่เหล็กของดวงอาทิตย์ลงมาด้วย ส่งผลให้เกิดเส้นทาง เมื่อสนามแม่เหล็กรวมตัวกันมากจนถึงขีดสุด มันก็ดีดพลาสมาและอนุภาคความเร็วสูงสู่อวกาศ
.
ตรงนี้แหละที่เป็นปัญหา นักวิทยาศาสตร์ไม่แน่ใจว่า สนามแม่เหล็กเป็นสาเหตุที่ทำให้อนุภาคมีความเร็วสูง หรือความเร็วสูงนั้นเกิดจากพลาสมา เพราะความปั่นป่วนด้านฟิสิกส์มากมายบนดวงอาทิตย์ทำให้ยากต่อการศึกษาจากที่ไกล ๆ
.
ยาน Parker ระบุว่า การเชื่อมต่อหรือรวมตัวกันของสนามแม่เหล็กเป็นตัวการเดียว เมื่อสนามแม่เหล็กเข้มข้นเชื่อมต่อกันใหม่มันก็เร่งความเร็วอนุภาคให้สูงกว่าเดิมถึง 10-100 เท่า มากกว่าจะเป็นพลาสมาที่เกิดขึ้นจากการทำงานร่วมกันระหว่างกระแสพาความร้อนและสนามแม่เหล็ก
.
“ข้อสรุปที่สำคัญคือการเชื่อมต่อของสนามแม่เหล็กภายในโครงสร้างช่องทางเหล่านี้เป็นแหล่งพลังงานของลมสุริยะเร็ว” Stuart Bale นักดาราศาสตร์ฟิสิกส์อีกคนกล่าว ทีมงานคิดว่าได้คำตอบของหนึ่งในคำถามที่ใหญ่ที่สุดเกี่ยวกับดวงอาทิตย์แล้ว
.
แต่ยังมีอีกมากให้เราได้เรียนรู้ต่อไป
.
https://www.nature.com/articles/s41586-023-05955-3
.
https://www.iflscience.com/parker-solar-probe-finds-the-source-of-fast-solar-wind-flurries-69290
.
https://www.space.com/parker-solar-probe-fast-solar-wind-source
.
https://edition.cnn.com/2023/06/07/...olar wind streams,(400 kilometers per second).
.
Photo : JHU Applied Physics Laboratory/NASA's Goddard Space Flight Center