ติดตามสถานะการณ์

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย สุกิจSukit, 8 มิถุนายน 2013.

  1. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,814
    ค่าพลัง:
    +97,149
    นักวิทยาศาสตร์พบจระเข้ตัวหนึ่งในสวนสัตว์คอสตาริกาให้กำเนิดลูกด้วยวิธีสืบพันธุ์แบบพรหมจรรย์ (virgin birth) หลังจากที่มันอาศัยอยู่โดดเดี่ยวภายในสวนสัตว์มานานถึง 16 ปี
    .
    รายงานการศึกษาที่เผยแพร่ในวารสาร Biology Letters วานนี้ (7 มิ.ย.) ระบุว่า จระเข้อเมริกันเพศเมียตัวหนึ่งออกไข่มาทั้งหมด 14 ฟองภายในสถานที่เลี้ยงดูเมื่อปี 2018 ซึ่งไม่ใช่เรื่องแปลกแต่อย่างใดสำหรับสัตว์เลื้อยคลานที่อาศัยอยู่ในสวนสัตว์ แต่ที่น่าประหลาดใจก็คือหลังจากใช้เวลาฟักไข่ 3 เดือน ปรากฏว่าในไข่ 1 ใบพบซากลูกจระเข้ที่ตายแต่กำเนิดในสภาพมีอวัยวะสมบูรณ์
    .
    นักวิทยาศาสตร์ได้นำซากลูกจระเข้ไปตรวจ และพบว่ามันมีลักษณะทางพันธุกรรมเหมือนกับแม่ของมันถึง 99.9%
    .
    ผู้เชี่ยวชาญระบุว่า การสืบพันธุ์แบบไม่อาศัยเพศ (facultative parthenogenesis – FP) นี้อาจเป็นลักษณะที่สืบทอดมาจากบรรพบุรุษของมันที่มีวิวัฒนาการดังกล่าว และทำให้สันนิษฐานได้ว่า “ไดโนเสาร์” ก็อาจจะสามารถตั้งท้องแบบไม่อาศัยเพศได้เช่นกัน
    .
    การสืบพันธุ์ลักษณะนี้เคยถูกพบมาแล้วในสัตว์สปีชีส์อื่นๆ เช่น ปลา นก งู และสัตว์เลื้อยคลานประเภทกิ้งก่า ทว่านี่เป็นครั้งแรกที่พบตัวอย่างในจระเข้
    .
    จระเข้อเมริกันจัดอยู่ในกลุ่มสัตว์เปราะบางที่เสี่ยงต่อการสูญพันธุ์ในธรรมชาติ ซึ่งนักวิทยาศาสตร์ก็มีการตั้งสมมติฐานว่า การสืบพันธุ์แบบ FP นี้อาจจะเป็นลักษณะที่เกิดได้บ่อยในสัตว์ที่เสี่ยงต่อการสูญพันธุ์
    .
    การให้กำเนิดลูกแบบพรหมจรรย์ของจระเข้ในสวนสัตว์คอสตาริกายังอาจช่วยให้มนุษย์ได้ทราบข้อมูลใหม่ๆ เกี่ยวกับบรรพบุรุษของจระเข้ ซึ่งเคยมีชีวิตอยู่บนโลกใบนี้ในยุคไทรแอสซิก (Triassic) หรือเมื่อประมาณ 250 ล้านปีมาแล้ว
    .
    “การค้นพบครั้งนี้ช่วยให้เราได้เรียนรู้ถึงความสามารถในการสืบพันธุ์ที่อาจเป็นไปได้ของบรรพบุรุษของจระเข้และนกที่สูญพันธุ์ไปแล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งสัตว์ในอันดับเทอร์โรซอร์ (Pterosauria) และไดโนเสาร์ (Dinosauria)” ผลการศึกษาระบุ
    .
    ที่มา: รอยเตอร์, BBC
     
  2. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,814
    ค่าพลัง:
    +97,149
    ทีวีอเมริกาเดือดโจมตี “ดีลฟ้าผ่าควบ PGA-LIV” เปิดโอกาสเจ้าชายซาอุฯแผ่อิทธิพลถึงในสหรัฐฯ ญาติ 9/11จวกลืมเหตุก่อการร้าย-สังหารคาช็อกจี นักกอล์ฟชื่อดังไม่พอใจ ยกเว้น “ทรัมป์”
    .
    .
    .
    .
    .
    เอเจนซีส์/MGRออนไลน์ – โจมตีไปทั่วทั้งทีวีโทรทัศน์สหรัฐฯและสื่ออื่นๆหลังประกาศดีลควบรวมระหว่าง PGA-LIV ที่มีเบื้องหลังจากเงินของเจ้าชายซาอุฯ ส่งผลทำให้คนทั้งสหรัฐฯไม่พอใจตั้งแต่นักกอล์ฟชื่อดังไปจนถึงครอบครัวผู้เสียชีวิตเหตุการณ์ก่อการร้ายตึกเวิลด์เทรด 11 ก.ยที่ชี้ว่าริยาดให้เงินทุนสนับสนุนและการเสียชีวิตของนักเขียนหนังสือพิมพ์อชิงตันโพสต์ คามาล คาช็อกจี ในสถานกงสุลซาอุฯที่ตุรกี มีเว้นแต่อดีตผู้นำสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์ ที่ออกมาชื่นชม
    .
    MSNBC News รายงานวานนี้(7 มิ.ย)ในบทการแสดงความเห็นของตัวเองเกี่ยวกับข้อตกลงฟ้าผ่าของการควบรวมรายการกอล์ฟชื่อดังทั้ง PGA-LIV ที่เปิดเผยสู่สาธารณะอย่างไม่คาดฝันในวันอังคาร(6)
    .
    MSNBC ซึ่งเป็นสถานีทีวีเน็ตเวิร์กชื่อดังของสหรัฐฯและมีสื่อในเครือมากมายรวมไปถึง NBC News และมีนักจัดรายการที่เป็นบุคคลสำคัญในวอชิงตันเข้าร่วมเป็นต้นว่า เจน ซากี อดีตโฆษกทำเนียบขาวคนที่ 1 ในสมัยประธานาธิบดีสหรัฐฯคนปัจจุบัน โจ ไบเดน
    .
    ซึ่งวานนี้(7)ในรายการคุยข่าวยามเช้าของสถานี Morning Joe โดยผู้จัดคนดัง โจ สการ์บอโรห์ (Joe Scarborough) อดีตส.สรัฐฟลอริดาพรรครีพับลิกันออกมาโจมตีดีลข้อตกลงว่า เกิดขึ้นจากความหิวเงินดอลลาร์ของประธาน PGA เจย์ โมนาแฮน (Jay Monahan)ที่ยอมจับมือกับพวกซาอุฯที่อยู่เบื้องหลังการเสียชีวิตจำนวนมากของชาวอเมริกันและคนทั่วโลกในเหตุก่อการร้ายตึกเวิลด์เทรดเซ็นเตอร์ วันที่ 11 ก.ย ปี 2001
    .
    สการ์บอโรห์ยืนยันว่า ทุกคนกำลังรวยขึ้นจากข้อตกลงอื้อฉาวนี้
    .
    ซึ่งในข้อเขียนความเห็นของ MSMBC โดย เดฟ ซีริน( Dave Zirin) ที่เผยแพร่วันพุธ(7) เขาโจมตีข้อตกลงควบรวมนั้นอื้อฉาวเพราะเป็นการเพิกเฉยต่อประเด็นด้านสิทธิมนุษยชนของซาอุฯทั้งหลาย ซึ่งประธาน PGA เคยกล่าววาทะเด็ดสะเทือนโลกว่า
    .
    “คุณต้องอยู่ใต้ภูเขาหากว่าตัวเองยังไม่เข้าใจต่อผลกระทบที่เกี่ยวข้องกับตัวคุณเองกับพวกซาอุฯ”
    .
    ทั้งนี้ ESPN ช่องกีฬาชื่อดังได้สัมภาษณ์กับนักกอล์ฟ PGA tour คนหนึ่งที่ไม่ยอมเปิดเผยชื่อในวันอังคาร(6)ที่ชี้ไปว่า “นี่มันบ้าชัดๆ การแข่ง LIV tour มันตายในน้ำ และคุณกำลังโยนเสื้อชูชีพให้ นี่เป็นคำสอนทางศีลธรรมในเรื่องนี้ที่ให้รับแต่เงินนั้นหรือ? ”
    .
    เดอะแอตแลนติกสื่อการเมืองชื่อดังสหรัฐฯในวันเดียวกัน(7)ออกมาโจมตีการประกาศข้อตกลงว่า การควบรวมนี่เป็นเสมือนคำประกาศิตว่า บาปทั้งหลายที่ซาอุฯได้กระทำไว้นั้นไม่ใช่ปัญหาจากประเด็นที่ PGA ยอมเข้าควบรวมกับ LIV ที่ได้เงินดอลลาร์เลือดจากซาอุดีอาระเบียที่มีปัญหาการละเมิดสิทธิมนุษยชนมากมาย
    .
    เดอะแอตแลนติกชี้ไปว่าและในเวลานี้ PGA ที่ครั้งนี้เคยเป็นคู่แข่งอย่างสง่างามกับ LIV แต่ปัจจุบันประธานของ PGA คือ “เจย์ โมนาแฮน” ได้กลายเป็นสมาชิก LIV และในทางที่กว้างขวางเป็นสมาชิกทีมซาอุฯไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
    .
    หนังสือพิมพ์ยูเอสเอทูเดย์รายงานว่า องค์กร 9/11 Families United ซึ่งเป็นตัวแทนของญาติผู้เสียชีวิตเหตุโจมตี 11 ก.ย ปี 2001 ได้ออกแถลงการณ์ในบ่ายวันอังคาร(6) มีใจความว่า “รู้สึกตกใจและเป็นปฎิปักษ์อย่างลึกซึ้งจากข่าวการควบรวมที่กำลังจะเห็น PGA Tour, LIV Golf และ DP World Tour นั้นถูกบริหารภายใต้กลุ่มธุรกิจเดียวที่ได้รับการเงินสนับสนุนจากกองทุนการลงทุนสาธารณะของซาอุดีอาระเบีย” เทอร์รี สตราดา (Terry Strada) ประธานองค์กรแถลง
    .
    พร้อมกันนี้ยังกล่าวว่า ทางองค์กรตัวแทนญาติ 11 ก.ย รู้สึกเหมือนถูกโกงอย่างร้ายกาจจากทั้ง PGA Tour และซีอีโอ โมนาแฮม อย่างเป็นการส่วนตัว
    .
    สตราดาที่สูญเสียสามีของตัวเองไปในเหตุก่อการร้าย 11 กันยากล่าวว่า ระดับผู้นำของ PGA Tour สมควรที่จะต้องละอายต่อการน่าซื่อใจคดของพวกเขาและต่อความโลภ พร้อมยืนยันว่าสิ่งนี้มันจะไม่มีวันที่จะเป็นเกียรติต่อเกมส์การแข่งกอล์ฟที่ยิ่งใหญ่
    .
    ดีลข้อตกลง PGA-LIV ถึงแม้จะถูกโจมตีเป็นวงกว้างในอเมริกา รวมไปถึงนักกอล์ฟชื่อดัง แต่เอพีชี้ว่า อดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์ ที่ชื่นชอบการเล่นกอลฟ์และสนามกอล์ฟของเขาได้รับผลกระทบจากการลงโทษของ PGA หลังเหตุวันที่ 6 ม.ค ปี 2021 นั้นได้ทวีตแสดงความสนับสนุนต่อดีลประวัติศาสตร์มีใจความว่า “ช่างเป็นข้อตกลงที่ยิ่งใหญ่ สวยงาม และสง่างามอะไรเช่นนี้”
    .
    ดีลข้อตกลงเกิดขึ้นในช่วงเวลาเดียวกันกับที่รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ แอนโทนี บลิงเคน ได้เข้าพบมกุฎราชกุมารซาอุ เจ้าชาย โมฮัมเหม็ด บิน ซัลมาน ในวันอังคาร(6) และมีการหยิบยกประเด็นด้านสิทธิมนุษยชนในการหารือ
    .
    CNA ของสิงคโปร์รายงานว่า แหล่งข่าวเจ้าหน้าที่สหรัฐฯกล่าวว่า “พวกเขามีการเจรจาหารือที่เปิดกว้างและตรงไปตรงมาในประเด็นครอบคลุมทั้งหมดในระดับภูมิภาคและระดับทวิภาคี” และเสริมต่อว่า “รัฐมนตรีได้หยิบยกประเด็นด้านสิทธิมนุษยชนทั้งในวงกว้างและในประเด็นเฉพาะ”
    .
    การหารือทั้งสองฝ่ายมีระยะเวลาราว 1.40 ชั่วโมงที่รวมไปถึงริยาร์ดช่วยเหลือสหรัฐฯในการอพยพจากซูดาน ความจำเป็นในช่องทางการเจรจาการทูตในเยเมนและความเป็นไปได้ที่ซาอุฯจะกลับคืนความสัมพันธ์ในระดับปกติกับอิสราเอล เป็นต้น
    .
    ผู้สนใจสามารถชมคลิปข่าวเพิ่มเติมได้ที่https://mgronline.com/around/detail/9660000052609
     
  3. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,814
    ค่าพลัง:
    +97,149
    ชาวบ้านอินเดียอัดคลิปทวงถามความรับผิดชอบจากภาครัฐ หลังพบว่าถนนในหมู่บ้านที่เพิ่งจะลาดยางมะตอยเสร็จหมาดๆ ที่แท้เป็นแค่ “พรม” ที่มียางมะตอยปะหน้าไว้บางๆ
    .
    สื่อ Lokmat Times รายงานว่า ผู้คนในหมู่บ้าน Karjat-Hast Pokhari ในเขตจัลนา (Jalna) ของรัฐมหาราษฏระ เคยร้องเรียนผ่านไปยัง ส.ส. ขอให้ซ่อมแซมถนนในหมู่บ้านที่เป็นหลุมเป็นบ่อมานาน และเมื่อเดือนที่แล้วก็มีเจ้าหน้าที่เข้ามาปรับปรุงมันจนกลายเป็นถนนลาดยางมะตอยอย่างดี
    .
    แต่ชาวบ้านดีใจกันอยู่ได้ไม่นานก็พบว่า พวกเขาถูกบริษัทผู้รับเหมา “แหกตา” เข้าอย่างจัง เพราะถนนลาดยางที่เห็นนั้นกลับกลายเป็นแค่พรมผ้าใบขนาดใหญ่ซึ่งถูกราดทับด้วยยางมะตอยบางๆ และสามารถ “ยก” ขึ้นมาจากผิวถนนเดิมได้อย่างง่ายดาย
    .
    คลิปวิดีโอที่ชาวบ้านออกมาแฉ “ถนนปลอม” ถูกแชร์จนเป็นไวรัลในทวิตเตอร์อินเดียตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา
    .
    ถนนสายนี้ได้รับการปรับปรุงตามโครงการพัฒนาถนนในชนบทของนายกรัฐมนตรี นเรนทรา โมดี (Prime Minister Rural Roads Scheme) ขณะที่บริษัทผู้รับสัมปทานยืนยันว่า พวกเขาใช้ “เทคโนโลยีล่าสุดของเยอรมนี” ในการทำถนนเส้นนี้
    .
    ชาวบ้านกลุ่มนี้เรียกร้องให้บริษัทผู้รับสัมปทาน วิศวกรคุมงาน รวมไปถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ออกมาแสดงความรับผิดชอบโทษฐานหลอกลวงประชาชนด้วยการตัดถนนที่ไม่ได้มาตรฐาน และแน่นอนว่าก็คงจะพังในอีกไม่ช้านี้
    .
    ที่มา: odditycentral
     
  4. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,814
    ค่าพลัง:
    +97,149
    หมอครับ ถ้าใช้ไวอากร้าแล้วมันไม่ลง จะทำอย่างไร
    ไม่รู้ถามเผื่อไว้หรือเคยเจอมาแล้ว ลองไปค้นมาให้ ผลว่าเป็นผลที่พบน้อยมาก ๆ เลยนะครับ …
    ต้องเข้าใจก่อนว่า sildenafil ที่ใช้เพิ่มการ "แข็ง" มันก็ควรจะทำงานประมาณสามสิบถึงหกสิบนาที ถ้านานกว่านั้นและไม่ลง ตั้งแต่ 4 ชั่วโมงขึ้นไป เลือดจะคั่งมากจนอันตราย ปวดมาก เรียกว่า priapism อันนี้ไม่ดีนะครับ เพราะแข็งแต่ใช้ไม่ได้
    มีรายงานผู้ป่วยเกิด priapiam หลังใช้ยา sildanafil อยู่ไม่มาก ส่วนใหญ่เกิดจากการใช้ยาเกินขนาด เนื่องจากอุบัติการณ์โรคมันน้อยมาก คำแนะนำการรักษาส่วนใหญ่เป็นการรวบรวมประสบการณ์การรักษา มากกว่าการศึกษาทดลอง
    1.ให้ออกกำลังกาย มีรายงานว่าพอมันไม่ลง ก็ลองวิ่งขึ้นลงบันไดในบ้าน ก็คลายตัวลงได้ (น่าจะเป็นการกระตุ้นประสาทซิมพาเธติก)
    2.มีรายงานการ "จุ่ม" น้ำแข็ง ก็มีรายงานคลายตัวลงได้ (ของที่มันแข็ง เกิดจากหลอดเลือดดำขยายค้าง งั้นก็ไปหดหลอดเลือดซะ)
    3.มีคำแนะนำการใช้ยา etilefrine ยากระตุ้นการบีบตัวหัวใจและหลอดเลือด ในการรักษาภาวะ priapism จากการใช้ยา โดยฉีดเข้า "กลางลำ" ก็พอช่วยได้ครับ
    4.หลายกรณีที่เกิดขึ้น ต้องรักษาโดยการผ่าตัด โดยกรีดเยื่อปลอกรัดฟองน้ำแล้วใช้น้ำล้างเอาเลือดและลิ่มเลือดออกมาให้หมด แต่ไม่มีรายงานว่าหลังผ่าตัดแล้ว กลับมาใช้ได้ดีตามเดิมหรือไม่
    5.คำแนะนำในเอกสารกำกับยาบอกว่า ให้รอ … เพราะยาไม่ออกง่าย ๆ ทางปัสสาวะหรือจะเอาเข้าเครื่องฟอกเลือดยาก็ไม่ออก รอให้หมดฤทธิ์ไปเอง ระหว่างนี้ก็แก้ปวด
    เคยเจอคนไข้ priapism ครั้งเดียวในชีวิต บอกตรง ๆ ถ้าเจออีกก็คงไม่รู้จะทำอย่างไรเหมือนกัน สงสัยต้องถามหมอสาริกาสามนาที Sarikahappymen
     
  5. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,814
    ค่าพลัง:
    +97,149
    Environment: นักวิทยาศาสตร์จาก NASA คิดค้นวิธีปลูกดอกไม้และพืชเพื่อจำลองสภาพแวดล้อมบนโลก และแหล่งอาหารสดที่อุดมไปด้วยแร่ธาตุที่สำคัญต่อการดำรงชีวิตของนักบินอวกาศในสภาวะเกือบไร้แรงโน้มถ่วง
    .
    การทำงานในอวกาศเป็นสิ่งที่ท้าทาย เพราะนักบินอวกาศต้องทำงานในยานอวกาศที่มีพื้นที่จำกัด พวกเขาจึงไม่สามารถทำกิจกรรมหรือประกอบอาหารได้เท่าไรนัก ซึ่งข้อจำกัดในการทำงานนี้ทำให้นักบินอวกาศอาจมีกล้ามเนื้อที่หดลง มวลกระดูกที่ลดลง และขาดสารอาหาร นอกจากนี้ เนื่องจากนักบินอวกาศไม่สามารถประกอบอาหารได้มาก พวกเขาจึงต้องบริโภคอาหารที่ผ่านการแช่แข็งเพื่อรักษาคุณภาพอาหารที่ส่งมาจากโลก
    .
    ตลอดระยะเวลาการวิจัย Vegetable Production System หรือ Veggie และ Advanced Plant Habitat ที่เป็นแหล่งเพาะพืชในยานอวกาศ การปลูกดอกไม้ เช่น ดอกบานชื่น และผัก เช่น ผักกาดขาว มัสตาร์ดมิซูน่า และเคลแดงรัสเซีย จึงเป็นทางเลือกหนี่งที่ช่วยให้หลายชีวิตบนยานอวกาศได้ทำกิจกรรมในยามว่างเพื่อคลายเครียดและบริโภคให้สุขภาพแข็งแรง โดยนักวิทยาศาสตร์ได้ใช้เครื่องมือที่สามารถควบคุมการให้น้ำและปุ๋ยในปริมาณที่เหมาะสมแก่พืชและไฟ LED เพื่อให้แสงสว่างที่เพียงพอต่อการสังเคราะห์แสง
    .
    นอกจากนี้ นักบินอวกาศและนักวิทยาศาสตร์สามารถศึกษาการเจริญเติบโตของพืชโลกในสภาวะเกือบไร้แรงโน้มถ่วงได้อย่างใกล้ชิด ซึ่งหลังจากที่พวกเขาได้นำผลการเจริญเติบโตของพืชในอวกาศไปเปรียบเทียบกับการเจริญเติบโตของพืชบนโลกในสภาวะปกติ พวกเขาคาดว่าสาเหตุที่พืชบนยานอวกาศสามารถปรับตัวและต่อสู้กับการติดเชื้อต่าง ๆ ได้เพราะพวกมันใช้ยีนบางชนิดที่เคยไม่ถูกใช้งานบนโลกแต่กลับถูกกระตุ้นให้ทำงานบนยานอวกาศเพื่ออยู่รอด
    .
    ดังนั้น การปลูกดอกไม้และพืชบนยานอวกาศจึงไม่ได้สร้างแค่ความสวยงามและความเพลิดเพลินใจ แต่กิจกรรมเหล่านั้นสามารถสร้างความรู้เกี่ยวกับการดำรงชีวิตและการปรับตัวของพืชต่าง ๆ ในยานอวกาศที่มีสภาวะเกือบไร้แรงโน้มถ่วงได้อย่างถูกต้องมากขึ้นอีกด้วย

    ที่มา: Nasa.gov
    _____
    #TNNEARTH #NASA #Space #อวกาศ #นักบินอวกาศ #การทดลองวิทยาศาสตร์ #พืช #ดอกไม้ #โลก #สิ่งแวดล้อม #ปลูกพืชในอวกาศ #โลกอวกาศ #ชีวิตนอกโลก #ชีวิตในอวกาศ
    _____
    ติดตามข่าวสภาพอากาศ และเช็กจุดฝนตก น้ำท่วม ถนนรถติด ผ่าน TNN EARTH
    Website : https://bit.ly/3MXvq5I
    Youtube : https://bit.ly/3MZUVmK
    TikTok : https://bit.ly/3naJL4p
    Facebook : https://bit.ly/3bxVMy0
    Line : https://lin.ee/rPHmFpD

     
  6. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,814
    ค่าพลัง:
    +97,149
    วันที่ 8 มิถุนายน 2566 ศ.(พิเศษ) ดร.เอนก เหล่าธรรมทัศน์ รมว.การอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) เปิดเผยว่า จากที่มีเพจเฟซบุ๊ก เว็บไซต์ ที่โฆษณารับทำวิจัยและวิทยานิพนธ์ปรากฏในสื่อออนไลน์และออฟไลน์ต่างๆ จึงได้ให้กระทรวง อว. ตรวจสอบข้อมูล เนื่องจากการดำเนินการดังกล่าวผิดกฎหมายและจริยธรรมการวิจัย ส่งผลเสียต่อความน่าเชื่อถือของระบบการศึกษาและวิจัย จึงให้ดำเนินคดีตามกฎหมาย รวมถึงผู้ที่จ้างวาน ผู้รับจ้างและผู้ร่วมไม่ว่าจะเป็นนักวิจัย อาจารย์หรือนักศึกษาก็จะต้องถูกดำเนินคดีให้ได้รับโทษตามกฎหมายเช่นกัน
    .
    ด้าน ศ.ดร.นพ.สิริฤกษ์ ทรงศิวิไล ปลัดกระทรวง อว. กล่าวว่า ได้สั่งการให้ทางกองกฏหมายของสำนักงานปลัดกระทรวง อว. ดำเนินการตรวจสอบข้อมูลจากแหล่งต่างๆ ตลอดจนในเพจเฟซบุ๊ก การโฆษณาในสื่อออนไลน์และออฟไลน์ที่กระทำการดังกล่าวจนมีข้อมูลเป็นที่แน่ชัดแล้ว โดยการจ้างทำงานวิจัย ผลงานวิทยานิพนธ์ เป็นความผิดทางอาญาตามมาตรา 70 แห่ง พ.ร.บ. อุดมศึกษา พ.ศ.2562 ซึ่งระบุว่า ห้ามมิให้ผู้ใด จ้าง วาน ใช้ให้ผู้อื่นทำผลงานทางวิชาการเพื่อไปใช้ในการเสนอเป็นส่วนหนึ่งของการศึกษาในหลักสูตรการศึกษาระดับอุดมศึกษาหรือเพื่อไปใช้ในการทำผลงานซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการขอตำแหน่งทางวิชาการ หรือเสนอขอปรับปรุงการกำหนดตำแหน่ง การเลื่อนตำแหน่ง การเลื่อนวิทยฐานะหรือการให้ได้รับเงินเดือนหรือเงินอื่นในระดับที่สูงขึ้น ทั้งนี้ไม่ว่าจะมีประโยชน์ตอบแทนหรือไม่ก็ตาม และห้ามมิให้ผู้ใดรับจ้างหรือรับดำเนินการตามวรรคหนึ่ง
    .
    เพื่อให้ผู้อื่นนำผลงานนั้นไปใช้ประโยชน์ในการดำเนินการตามวรรคหนึ่ง เว้นแต่เป็นการช่วยเหลือโดยสุจริตตามสมควร หากผู้ใดฝ่าฝืนต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 60,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ทั้งนี้อว.ได้เข้าแจ้งความต่อกองบังคับการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (สอท.) เพื่อดำเนินคดีกับผู้ดำเนินการดังกล่าวแล้ว นอกจากนี้ สำนักงานปลัดกระทรวง อว. ยังได้แจ้งกับมหาวิทยาลัยทุกแห่งให้ดูแล ติดตาม ตรวจสอบ มิให้มีการรับจ้างทำวิจัยและวิทยานิพนธ์ รวมทั้งดูแลบุคลากรและนักศึกษามิให้นักวิจัย อาจารย์และนักศึกษา ร่วมกระทำผิดไม่ว่าจะเป็นการจ้าง วาน หรือรับดำเนินการ
    .
    “ทั้งนี้ ขอให้มหาวิทยาลัยดูแลอย่างเคร่งครัด หากพบนักวิจัย อาจารย์และนักศึกษาที่กระทำผิดให้ดำเนินการตามกฏหมายทันที” ปลัดกระทรวง อว. กล่าว

    -------------------------------
    แหล่งข่าว
    https://www.naewna.com/local/735990
    -------------------------------
    ติดตามข้อมูลข่าวสาร รู้ไทย รู้โลก กับ Thailand Vision ได้ที่
    Website : http://www.thailandvision.co
    Facebook : https://www.facebook.com/thvi5ion
    Twitter : https://twitter.com/Thailand_vision
    Youtube : https://www.youtube.com/c/Thailandvision

     
  7. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,814
    ค่าพลัง:
    +97,149
    Photo Gallery: ‘ภูเขาไฟ “คิลาเว” ปะทุครั้งแรกในรอบ 3 เดือน’

    ภูเขาไฟ "คิลาเว" บนเกาะบิ๊ก รัฐฮาวายของสหรัฐฯ ปะทุครั้งแรกในรอบ 3 เดือน พ่นลาวาออกมา เมื่อวันพุธที่ 7 มิถุนายนที่ผ่านมา หลังสงบมานาน 3 เดือน

    ด้านสำนักสำรวจธรณีวิทยาสหรัฐฯ หรือ USGS ประกาศยกระดับคำเตือนภัยการบินเนื่องจากภูเขาไฟคิลาเวปะทุ เป็นระดับสีแดง จากเดิมระดับสีส้ม และขณะนี้ USGS กำลังประเมินสถานการณ์ปะทุล่าสุดของคิลาเวอยู่

    USGS รายงานด้วยว่า คิลาเวได้พ่นลาวาออกมา แต่ขณะนี้ลาวายังจำกัดอยู่เพียงบริเวณพื้นของปากปล่องภูเขาไฟเท่านั้น

    ด้านฝ่ายสังเกตการณ์ภูเขาไฟของรัฐฮาวาย หรือ HVO รายงานว่า ได้ตรวจสอบภาพจากเว็บแคม พบว่ามีแสงฉายออกมาจากยอดของคิลาเวเมื่อวันพุธที่ 7 มิถุนายน เวลา 04.44 น. ตรงกับ 21.44 น. วันเดียวกันตามเวลาในไทย ซึ่งแสดงว่าคิลาเวเกิดการปะทุครั้งใหม่

    คิลาเวได้ปะทุครั้งแรกในปีนี้เมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา และปะทุอยู่นาน 2 เดือนจนถึงเดือนมีนาคม

    สำหรับคิลาเวเป็นภูเขาไฟใหญ่อันดับ 2 ของรัฐฮาวาย และเป็นภูเขาไฟที่มีพลังมากที่สุดลูกหนึ่งในโลก ตั้งอยู่ในอุทยานแห่งชาติภูเขาไฟฮาวายซึ่งเป็นพื้นที่ปิด คิลาเวเคยปะทุรุนแรงมากเมื่อ 4 ปีก่อนในปี 2019 บวกกับเกิดแผ่นดินไหวหลายครั้งพร้อมกัน ทำให้บ้านเรือนประชาชนและธุรกิจเสียหายไปหลายร้อยหลัง
    —————
    ภาพ: US GEOLOGICAL SURVEY Handout via AFP

    #TNNWorldNews #PhotoGallery #สหรัฐฯ #ภูเขาไฟ #ลาวา #คิลาเว
    #เจาะลึกรอบโลก #TNNOnline #ข่าวต่างประเทศ #ข่าว #ต่างประเทศ
    ————
    อัปเดตข่าวไฮไลต์และบทวิเคราะห์ที่น่าสนใจ มาเป็นเพื่อนใน LINE กับ TNN World คลิก https://lin.ee/LdHJXZt

    ติดตาม TNN World ผ่านช่องทางต่าง ๆ ได้ที่
    Website : https://bit.ly/TNNWorldWebsite
    Youtube : https://bit.ly/TNNWorldTodayYouTube
    TikTok : https://bit.ly/TNNWorldTikTok
    Instagram: https://www.instagram.com/tnn_worldtoday/

     
  8. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,814
    ค่าพลัง:
    +97,149
    Philippines: เหล่าอาสาสมัครและเจ้าหน้าที่รัฐหลายร้อยคน ออกมารวมตัวกัน เพื่อช่วยกันเก็บขยะตามแนวชายฝั่ง เนื่องในโอกาสวันทะเลโลก

    พนักงานรัฐและบรรดาอาสาสมัครจำนวนหลายร้อยคน ออกมารวมตัวกันบริเวณแนวชายฝั่ง “อ่าวมะนิลา” ของฟิลิปปินส์ ในวันนี้ (8 มิถุนายน) เพื่อช่วยกันเก็บขยะและทำความสะอาด เนื่องในโอกาสวันทะเลโลก

    เจ้าหน้าที่ระบุว่า แม่น้ำปาซิก ในกรุงมะนิลา ถือเป็นหนึ่งในแม่น้ำที่มีมลพิษมากที่สุด และเป็นต้นกำเนิดของขยะพลาสติกที่ไหลลงทะเลคิดเป็นปริมาณราว 6% ของทั้งโลก โดยถุงกระสอบสำหรับเก็บขยะเกือบ 200 ใบ เต็มภายในระยะเวลาไม่ถึง 2 ชั่วโมง

    หนึ่งในผู้ที่เข้าร่วมกิจกรรมเก็บขยะครั้งนี้ ระบุว่า รัฐบาลจำเป็นต้องจัดการกับปริมาณขยะจำนวนมาก ด้วยการประกาศใช้นโยบาย และโครงการต่าง ๆ ที่สามารถนำมาปรับใช้กับชุมชนชายฝั่งในฟิลิปปินส์

    ขณะที่ กลุ่มนักเคลื่อนไหวด้านสิ่งแวดล้อม “กรีนพีซ” ก็ระบุว่า การบังคับใช้กฎหมายที่ค่อนข้างแย่เกี่ยวกับการกำจัดขยะด้วยวิธีที่เหมาะสม เป็นหนึ่งในสาเหตุหลักที่ทำให้เกิดปัญหามลพิษในฟิลิปปินส์

    ทั้งนี้ วันทะเลโลก หรือ วันมหาสมุทรโลก ตรงกับวันที่ 8 มิถุนายน ของทุกปี โดยมีขึ้นเพื่อให้ทุกคนตระหนักถึงความสำคัญของมหาสมุทร และผลกระทบที่เกิดขึ้นจากการกระทำของมนุษย์
    —————
    ภาพ: Reuters

    #TNNWorldNews #ฟิลิปปินส์ #วันทะเลโลก #ขยะ
    #เจาะลึกรอบโลก #TNNOnline #ข่าวต่างประเทศ #ข่าว #ต่างประเทศ
    ————
    อัปเดตข่าวไฮไลต์และบทวิเคราะห์ที่น่าสนใจ มาเป็นเพื่อนใน LINE กับ TNN World คลิก https://lin.ee/LdHJXZt

    ติดตาม TNN World ผ่านช่องทางต่าง ๆ ได้ที่
    Website : https://bit.ly/TNNWorldWebsite
    Youtube : https://bit.ly/TNNWorldTodayYouTube
    TikTok : https://bit.ly/TNNWorldTikTok
    Instagram: https://www.instagram.com/tnn_worldtoday/
     
  9. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,814
    ค่าพลัง:
    +97,149
    Photo Gallery: ‘ควันไฟป่าแคนาดาลอยข้ามประเทศถึงนิวยอร์ก’

    ควันไฟป่าจากแคนาดาลอยข้ามประเทศถึงเมืองหลวงสหรัฐฯ ไทมส์สแควร์ในนิวยอร์ก และอีกหลายเมือง ทำให้สหรัฐฯ ออกประกาศเตือนภัยคุณภาพอากาศเลวร้ายมากกว่า 10 รัฐ กลิ่นของควันไฟป่าเหมือนกลิ่นไม้กำลังไหม้ไฟ

    เมื่อวานนี้ (7 มิถุนายน) มากกว่า 10 รัฐในสหรัฐฯ ประกาศเตือนภัยมลพิษในอากาศจากควันไฟป่าแคนาดา โดยเจ้าหน้าที่สาธารณสุขตั้งแต่รัฐเวอร์มอนต์ ไปจนถึงรัฐเซาธ์แคโรไลนา และตลอดแนวชายฝั่งตะวันออกของสหรัฐฯ รวมไปถึงรัฐโอไฮโอและแคนซัสในแถบมิดเวสต์ ต่างประกาศเตือนประชาชนรวมทั้งหมดหลายล้านคน ให้จำกัดเวลาการอยู่กลางแจ้ง เตือนว่า ฝุ่นละอองขนาดเล็กในอากาศ อาจทำให้หายใจลำบากและเป็นอันตรายต่อสุขภาพได้

    ควันไฟป่าในแคนาดาลอยข้ามประเทศเข้าไปถึงกรุงวอชิงตันดีซี เมืองหลวงสหรัฐฯ เมื่อวานนี้ตามเวลาท้องถิ่น ทำให้หมอกควันปกคลุมทั่วเมืองหลวงและสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญ

    ด้านสำนักบริการอากาศแห่งชาติสหรัฐฯ หรือ NWS ประกาศเตือนคุณภาพอากาศตกต่ำในกรุงวอชิงตัน และแจ้งเตือนประชาชนให้อยู่แต่ภายในบ้าน ทำให้อุทยาน National Mall แหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมในกรุงวอชิงตัน มีนักท่องเที่ยวบางตาไปมาก

    ส่วนที่ย่านไทมสแควร์ที่มีชื่อเสียงในนครนิวยอร์ก ท้องฟ้ากลายเป็นสีส้ม จากหมอกควันที่มาจากไฟป่าในแคนาดา ปกคลุมอาคารสูงระฟ้าในนิวยอร์ก ที่เคยมองเห็นได้ในระยะไกลในวันที่ท้องฟ้าปกติ กลับหายลับไปกับหมอกควันจนแทบมองไม่เห็น รถยนต์และชาวนิวยอร์กต้องใช้ชีวิตอยู่ใต้ท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมอกควัน

    ทางการนิวยอร์กประกาศเตือนภัยคุณภาพอากาศตกต่ำและขอให้ประชาชนจำกัดเวลาอยู่นอกบ้าน และแนะนำสวมหน้ากากอนามัยสำหรับคนที่มีปัญหาระบบทางเดินหายใจ

    ควันไฟป่าส่งผลให้อากาศในนิวยอร์กและอีกหลายเมืองในสหรัฐฯ มีกลิ่นเหมือนกับไม้กำลังไหม้ไฟ หมอกควันไฟป่าบดบังพระอาทิตย์ที่ขึ้นในตอนเช้า จนมีขนาดเล็กลงเหลือแค่วงกลมสีส้ม
    —————
    ภาพ: Reuters

    #TNNWorldNews #PhotoGallery #อเมริกา #นิวยอร์ก #NewYork #แคนาดา #ไฟป่า
    #เจาะลึกรอบโลก #TNNOnline #ข่าวต่างประเทศ #ข่าว #ต่างประเทศ
    ————
    อัปเดตข่าวไฮไลต์และบทวิเคราะห์ที่น่าสนใจ มาเป็นเพื่อนใน LINE กับ TNN World คลิก https://lin.ee/LdHJXZt

    ติดตาม TNN World ผ่านช่องทางต่าง ๆ ได้ที่
    Website : https://bit.ly/TNNWorldWebsite
    Youtube : https://bit.ly/TNNWorldTodayYouTube
    TikTok : https://bit.ly/TNNWorldTikTok
    Instagram: https://www.instagram.com/tnn_worldtoday/
     
  10. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,814
    ค่าพลัง:
    +97,149
    ทางไลน์ออกมาชี้แจงละ สรุปที่มี "เบิ้ล ปทุมราช" ทักในไลน์ไปหาผู้ใช้ไลน์จำนวนมากว่า ร้อนเงินเมื่อไหร่ ยืมไลน์ง่ายกว่า

    ไม่ใช่แอปเงินกู้หลอกลวงจากมิจฉาชีพ แต่เป็นโฆษณาของสินเชื่อ line BK
    ซึ่งเบิ้ล ปทุมราชเป็นพรีเซ็นเจอร์ของแบรนด์ (Line) แต่ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับโฆษณาชิ้นนี้ และไม่ได้เกี่ยวข้องกับบริการสินเชื่อของ line BK แต่อย่างใด

     
  11. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,814
    ค่าพลัง:
    +97,149
    สธ.ชงผลิตหมอ 7 ปี ตัดปัญหาแพทย์ Intern เร่งศึกษาออก ก.พ.คุมคนเบ็ดเสร็จ พบ รพ.สต.ถ่ายโอน มีส่วนเพิ่มภาระงาน

    สธ.หารือ 4 ชมรมแพทย์-สาธารณสุข แจง "ภาระงาน" เพิ่มขึ้นจากหลายส่วน พบ รพ.สต.ถ่ายโอนหยุดบริการหลายอย่าง จนผู้ป่วยไหลกลับ รพ. จ่อหารือกองทุน เพิ่มสิทธิประโยชน์ให้สมดุลบุคลากรป้องกันเพิ่มงาน เล็งศึกษาข้อดีข้อเสียหากออก ก.พ. บริหารคุมคนเองเบ็ดเสร็จ ชงตัดปัญหาแพทย์ Intern ให้มหาวิทยาลัย-แพทยสภา ผลิตเรียน 7 ปีแล้วค่อยมาทำงาน

    เมื่อวันที่ 8 มิ.ย. ที่กระทรวงสาธารณสุข นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) หารือร่วมกับ 4 ชมรมด้านการแพทย์และสาธารณสุข ได้แก่ ชมรมนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัด ชมรมโรงพยาบาลศูนย์/โรงพยาบาลทั่วไป ชมรมผู้อำนวยการโรงพยาบาลชุมชน และชมรมสาธารณสุขแห่งประเทศไทย ถึงความร่วมมือการบกระดับบริการสาธารณสุข

    นพ.ณรงค์ อภิกุลวณิช รองปลัด สธ. แถลงข่าวภายหลังการประชุมว่า ที่ประชุมมีการหารือคือ 1.การยกระดับบริการและหน่วยบริการ ครอบคลุมตั้งแต่ปฐมภูมิ รพ.ชุมชน รพ.ศูนย์/รพ.ทั่วไป และ Excellence Center โดยการปรับบทบาทเชิงระบบของสาธารณสุขอำเภอ (สสอ.) ที่มีเรื่อง รพ.สต.ที่ถ่ายโอนไปและภารกิจใหม่ที่จะดำเนินการ ส่วน รพ.ชุมชนก็ต้องพัฒนาขยายศักยภาพมากกว่ากรอบเดิมที่มี รพ.ศูนย์/รพ.ทั่วไปพัฒนาเป็น Excellence Center รับส่งต่อ โดยจะบูรณาการบริหารจัดการในภาพรวมจังหวัด โดยนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัด (นพ.สสจ.) จะหารือกับทั้งหมด เพื่อให้เกิดภาพของ 1 จังหวัด 1 รพ. 2.การดูแลขวัญกำลังใจบุคลากร ภาระงาน และข้อจำกัดต่างๆ อย่างเรื่องสวัสดิการให้แต่ละ รพ.กำหนดแผนเงินบำรุงปรับปรุงสวัสดิการบุคลากร เช่น การจัดสร้างบ้านพัก ปรับปรุงภูมิทัศน์ภายใน สธ.ดำเนินการมาแล้วใช้เงินประมาณ 1,500 ล้านบาท ใน รพ. 43 แห่ง , การปรับปรุงค่าตอบแทนมีการดำเนินการเมื่อ ม.ค.ที่ผ่านมา อยู่ในช่วงการปรับค่าตอบแทนในแต่ละหน่วยบริการ ก็จะแก้ปัญหาได้ระดับหนึ่ง

    สำหรับภาระงานใน รพ.แต่ละระดับมีมากขึ้นด้วยหลายปัจจัย ทั้งวิถีชีวิตประชาชนและความคาดหวัง คนเข้าใช้บริการมากขึ้น ขณะนี้มีการถ่ายโอน รพ.สต.ไป 3 พันกว่าแห่ง จะพบว่ามีช่องว่างการจัดระบบบริการหลายอย่างที่เคยดำเนินการก็หยุดไป ผู้รับบริการไหลกลับเข้า รพ.ชุมชน หรือ รพ.ศูนย์/รพ.ทั่วไป ดังนั้น สสอ.ก็ต้องพยายามดูช่องว่างตรงนี้ ปรับบุคลากรที่ไม่ได้ถ่ายโอน และหารือหน่วยงานถ่ายโอนอาจต้องยกระดับบริการจำนวนและคุณภาพเช่นกัน อีกส่วนที่ต้องหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น การเพิ่มสิทธิประโยชน์ของแต่ละกองทุนสุขภาพ อาจไม่ได้หารือเรื่องความสมดุลของบุคลากรและภาระงาน ทำให้เพิ่มภาระงานเข้ามาส่วนหนึ่ง สธ.พยายามดูสมดุลกับภาระงานบุคลากรและสิทธิที่ประชาชนพึงมี

    "ส่วนเรื่องวิถีชีวิตไลฟ์สไตล์ของแต่ละคนในแต่ละเจนก็มีความแตกต่าง ขณะนี้ก็จะพบเรื่องการลาออกและหมดไฟในการทำงานบ้าง ก็ต้องทำความเข้าใจกับน้องๆ เหล่านี้ ทีมงานหารือกันว่าในจังหวัด นพ.สสจ. ผอ.รพ. ก็ต้องสื่อสารลงไปในการดูแลกลุ่มนี้อย่างใกล้ชิดและให้มีระบบพี่เลี้ยงในการสนับสนุน ส่วนจุดที่เป็น Pain Point ไม่สบายใจทั้งหลายก็จะนำมาหารือกัน สื่อสาร นพ.สสจ.และผู้ตรวจฯ ให้ช่วยดูแล" นพ.ณรงค์กล่าว

    นพ.ณรงค์กล่าวว่า 3.การบริหารจัดการบุคลากร ต้องยอมรับว่าเราไม่ได้ดำเนินการอย่างเบ็ดเสร็จทั้งจำนวน ตำแหน่ง เรามีสำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน (ก.พ.) ดูแลอยู่ หากเราสามารถดำเนินการได้เบ็ดเสร็จเอง เรามีแนวคิดปรับเหมือนกับครูหรือตำรวจ สธ.สามารถจัดการได้อย่างเบ็ดเสร็จหรือไม่ โดยมีคณะกรรมการกระทรวงสาธารณสุข เป็นต้น ก็เป็นแนวคิดหารือเบื้องต้น และ 4.ประเด็นแพทย์ใช้ทุน โดยเฉพาะแพทย์เพิ่มพูนทักษะ (Intern) ต้องขอเรียนว่ากลไกการจบของแพทย์ในแต่ละปีมี 3 ส่วน คือ การผลิต การจัดสรร และการจัดสภาพแวดล้อมหรือสวัสดิการให้เกิดการคงอยู่ ในส่วนของการผลิตจะอยู่ในมหาวิทยาลัย สธ.มีส่วนร่วมผลิต 1 ใน 3 จากทั้งหมด 3 พันกว่าคนต่อปี ขณะนี้มีการผลิตเรียกว่า 6+1 คือ เรียน 6 ปี และมาเพิ่มพูนทักษะอีก 1 ปี

    "หากเรามองว่าประเด็นตรงนี้เป็นประเด็นปัญหา เป็นหนึ่งมุมมองว่า จะเปลี่ยนเป็น 7 เลยหรือไม่ ต้องหารือกันอีกพอสมควร เพราะขณะนี้ภาระงานมาอยู่ในส่วนของเพิ่มพูนทักษะ ที่ประชุมมีการหารือว่า จะลองหารือกับแพทยสภาและมหาวิทยาลัยว่า สธ.จะรับบุคลากรที่พร้อมในการปฏิบัติงานเลย นำเรื่องการเพิ่มพูนทักษะกลับไปสู่กระบวนการทบทวนหลักสูตรการเรียนหรือไม่ ให้เป็นที่ 7 ปีหรือไม่ ก้ต้องกลับไปหารือกันในเชิงระบบ ส่วนเรื่องการจัดสรร ถ้าดูตัวเลขจบมา 3 พันคน สธ.ได้รับตำแหน่งประมาณ 1,800-1,900 คน ก็ไม่เพียงพอต่อการขับเคลื่อนเชิงระบบและภาระงาน ส่วนการจัดสวัสดิภาพในการคงอยู่ สธ.ก็สื่อสารลงไปทุกหน่วยให้ช่วยดูแลสภาพแวดล้อมความเป็นอยู่ ตรงไหนเป็น Pain Point ก็ขอให้รับฟังน้องๆ และลงไปบริหารจัดการ เพื่อเพิ่มการคงอยู่ไปได้ ยืนยันว่า สธ.พยายามขับเคลื่อนยกระดับบริการ มาดูเรื่องภาระงาน การจัดการเชิงระบบ และยังใส่ใจดูแลบุคลากรทุกระดับเท่าที่สามารถทำได้" นพ.ณรงค์กล่าว

    ถามว่า แพทย์ Intern ที่ไม่เพียงพอ เป็นไปได้หรือไม่ที่จะให้มีการเกลี่ยกันเอง นพ.ณรงค์กล่าวว่า เดิมเราสามารถมาฝึกเพิ่มพูน รพ.ศูนย์/รพ.ทั่วไปในเขตสุขภาพหนึ่ง แล้วไป รพ.ชุมชนในอีกเขตสุขภาพได้ แต่ปีนี้เราเอาหลักการตรงนี้ ความยืดหยุ่นการบริหารจัดการก็หายไปส่วนหนึ่ง ส่วนการเกลี่ยในเขตสุขภาพทำได้รัดับหนึ่ง ส่วนข้ามเขตต้องมาหารือกัน ที่ย้ำคือให้ นพ.สสจ.พูดคุยกับ ผอ.รพ.ศูนย์ รพ.ทั่วไป รพ.ชุมชน ลองปรับบุคลากรในจังหวัดหมุนกันดู จุดไหนเป็น Pain Point ซึ่งอาจแตกต่างกัน บางจังหวัดมีปัญหาที่รพ.ศูนย์/รพ.ทั่วไปมีเยอะ บางจังหวัดอาจเป็นที่ รพ.ชุมชน ก็ขึ้นกับข้อมูล ความขาดแคลนในแต่ละส่วน ซึ่งแต่ละที่อาจจะปรับการบริหารจัดการที่แตกต่างกัน อย่างน้อยปัญหาน่าจะลดลง แต่ยังไม่ได้ไปแก้ปัญหาที่เป็นสาเหตุหลัก เช่น ความเบ็ดเสร็จการบริหารบุคคล งบประมาณที่มีจำกัด สิทธิประโยชน์ที่มีเพิ่มขึ้นของแต่ละกองทุน การผลิต ยังไม่ได้แก้ตรงนั้น แต่ใช้กลไกระดับพื้นที่แก้ปัญหาเบื้องต้น

    ผู้สื่อข่าวถามว่าที่ประชุมหารือกันหรือไม่ว่า ปัญหาภาระงานเป็นการสะสมมาตั้งแต่การมีบัตรทอง นพ.ณรงค์กล่าวว่า เป็นเพียงแค่ส่วนหนึ่ง การมีกองทุนเหล่านี้ทำให้การเข้าถึงบริการมากขึ้น ซึ่งมองการเข้าถึงการจัดสิทธิประโยชน์ แต่บางทีไม่ได้หารือถึงความสมดุลของบุคลากรที่มีอยู่ แต่ถ้าดูตามสถิติอัตราการเข้าสู่บริการคนไทยเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว และมากกว่าค่าเฉลี่ยของหลายประเทศ หากเทียบระยะเวลารอคอยผ่าตัด พบแพทย์กับหลายประเทศ ประเทศไทยระยะเวลาสั้นกว่าหลายประเทศ แต่จำนวนประชากรการเข้าสู่บริการเยอะกว่าหลายประเทศ กองทุนทำให้การเข้าถึงบริการมากขึ้น แต่ก็เป็นภาระงานหรือผลงานที่เพิ่มขึ้น วันนี้เราส่งสัญญาณไปว่าการกำหนดสิทธิประโยชน์ให้มาหารือผู้ให้บริการว่าเราดำเนินการได้มากน้อยแค่ไหน ถ้ากำหนดค่าเป้าหมายไปด้วยกัน ความไม่สมดุลก็จะลดลง

    ถามว่าจำเป็นหรือไม่ที่ประเทศไทยควรต้องมีระบบร่วมจ่าย หรือโควเพย์เมนท์ นพ.ณรงค์ กล่าวว่า ขออนุญาตเรื่องนี้ละเอียดอ่อน แต่การบริหารงบประมาณที่ผ่านมาก็มีปัญหา อย่างก่อนโควิด รพ.หลายแห่งมีรายรับน้อยกว่ารายจ่าย แต่โควิดมาก็พบว่าหลายแห่งรายรับมากกว่ารายจ่าย จึงเอาเงินส่วนนี้มาพัฒนาสวัสดิการ มาพัฒนาระบบต่างๆ บ้านพัก เป็นต้น ซึ่งงบประมาณภาพรวมอาจต้องมีการปรับ แต่เรื่องร่วมจ่ายขอยังไม่ตอบกรณีนี้

    เมื่อถามว่ามีคำถามว่าควรแยกเงินเดือนบุคลากรออกจากเงินหลักประกันสุขภาพฯ เพื่อให้การจัดสรรงบประมาณไปรพ.มากพอ และทำให้ค่าตอบแทนได้เต็มเม็ดเต็มหน่วย นพ.ณรงค์ กล่าวว่า ตนไม่แน่ใจว่าจะสามารถตอบตรงนี้ได้หรือไม่ ต้องมาดูว่า หากหักเงินเดือนมาแล้ว งบเมื่อแบ่งรายละเอียดออกมาจะเป็นอย่างไร งบประมาณต้องสมดุลในหลายๆประเด็น ต้องอยู่ที่ตัวเลข

    ถามถึงการบริหารบุคลากรเบ็ดเสร็จ คือเป็นการออกจาก ก.พ.เลยหรือไม่ นพ.ณรงค์กล่าวว่า นัยยะเป็นเช่นนั้น เราต้องกลับมาดูข้อจำกัดในการบริหารจัดการทั้งจำนวน ตำแหน่ง และงบประมาณที่เกี่ยวข้อง ถ้าติดข้อจำกัดตรงนี้ก็ต้องดูว่าถึงเวลาแล้วหรือไม่ ก็ไม่ใช่เรื่องเสียหายถ้าจะมีอีกหนึ่งทางเลือกบริหารจัดการเบ็ดเสร็จในมือ สธ.เอง เป็นหนึ่งทางเลือกและหนึ่งข้อเสนอที่ประชุมให้ลองพิจาณณาและศึกษาอย่างจริงจัง ถ้ามีข้อดีเรื่องค่าจ้าง ค่าตอบแทน ความก้าวหน้า ถ้ามีข้อดีมากกว่าข้อเสียก็ดำเนินการต่อ

    ถามว่าต้องสื่อสารประชาชนเพิ่มเติมหรือไม่ เพราะตอนนี้เจ็บป่วยไป รพ.อย่างเดียว ซึ่งเป็นการเพิ่มภาระงาน นพ.ณรงค์กล่าวว่า การไม่ป่วยดีที่สุด รองลงมาคือมี Health literacy ดูแลตนเองเมื่อเจ็บป่วยได้ รู้ว่าจัดการอย่างไร เลือกใช้บริการที่เหมาะสม อาจจะไม่ต้อง รพ.ศูนย์/รพ.ทั่วไป อาจใช้บริการที่ใกล้บ้านใกล้ใจ หรือเทเลเมดิซีน จะลดเข้าสู่บริการและความแออัดไปได้

     
  12. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,814
    ค่าพลัง:
    +97,149
    คำนิยามตามประมวลกฎหมายที่ดิน ที่สำคัญที่ควรทราบเป็นพื้นฐานคือ “สิทธิในที่ดิน” หมายความว่ากรรมสิทธิ์และให้หมายความรวมถึงสิทธิครอบครองด้วย
    .
    [บทความโดย: สกล หาญสุทธิวารินทร์ | ค้าๆขายๆกับกฎหมายธุรกิจ]
    .
    “หนังสือรับรองการทำประโยชน์” หมายความว่า หนังสือรับรองของพนักงานเจ้าหน้าที่ว่าได้ทำประโยชน์ในที่ดินแล้ว
    .
    “โฉนดที่ดิน” หมายความว่าหนังสือแสดงกรรมสิทธิ์ที่ดิน และให้หมายความรวมถึงโฉนดแผนที่ โฉนดตราจอง และตราจองที่ตราว่า ได้ทำประโยชน์แล้ว
    .
    จากคำนิยามดังกล่าว หนังสือรับรองการทำประโยชน์ ที่รู้จักชื่อย่อกันดีว่า น.ส.3 นั้น ไม่ใช่เอกสารแสดงกรรมสิทธิ์ที่ดิน แต่เป็นเอกสารสิทธิ์ในที่ดิน ที่แสดงว่าผู้มีชื่อใน น.ส.3 มีสิทธิครอบคองที่ดินนั้น
    .
    การทำนิติกรรมซื้อขาย ที่ดินมือเปล่า
    .
    ที่ดินที่ไม่มีโฉนดที่ดิน มีเพียงเอกสารแสดงสิทธิที่ดิน เช่น น.ส. 3 เจ้าของมีเพียงสิทธิครอบครอง เรียกกันทั่วไปว่า "ที่ดินมือเปล่า” สามารถทำนิติกรรมซื้อขาย ให้เช่า หรือยกให้กันได้ ด้วยการทำเป็นหนังสือและจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ ตามประมวลกฎหมายที่ดินมาตรา 4 ทวิ และประกาศของคณะปฏิวัติฉบับที่ 96 ข้อ 2
    .
    อย่างไรก็ตาม การทำนิติกรรมซื้อขายที่ดินมือเปล่า แม้จะไม่ได้ทำเป็นหนังสือและจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ ทำให้นิติกรรมนั้นเป็นโมฆะ แนวคำพิพากษาศาลฎีกาพิจารณาข้อกฎหมายเรื่องการส่งมอบการครอบครอง ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ เป็นองค์ประกอบด้วย คือ หากมีการส่งมอบการครอบครองการซื้อขายก็มีผล
    .
    สิทธิครอบครองที่ดินในเขตป่าสงวนก็ทำนิติกรรมได้
    .
    คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4138/2564 จำเลยเช่าที่ดินพิพาทจากโจทก์ แม้ที่ดินส่วนนี้อยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติซึ่งเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินก็ตาม แต่ก็เพียงทำให้โจทก์ไม่สามารถอ้างสิทธิใดๆ ขึ้นโต้แย้งรัฐได้เท่านั้น
    .
    แต่ระหว่างโจทก์กับจำเลยซึ่งเป็นราษฎรด้วยกัน การที่จำเลยเช่าที่ดินส่วนที่ไม่มีเอกสารสิทธิ์เนื้อที่ 23 ไร่ 96 ตารางวาจากโจทก์ โดยจำเลยยอมเสียค่าเช่าหรือค่าตอบแทนแก่โจทก์ ถือว่าจำเลยยอมรับว่าโจทก์มีสิทธิดีกว่าจำเลย โจทก์จึงมีสิทธิฟ้องขับไล่จำเลย
    .
    ผู้ครอบครองที่พิพาทตามความเป็นจริง มีสิทธิดีกว่าผู้มีชื่อเป็นผู้ครอบครองตามเอกสาร
    .
    .
    อ่านต่อ: https://www.bangkokbiznews.com/property/1070939?anm=
    .
    #สิทธิในที่ดิน #ที่ดินมือเปล่า
    #กรุงเทพธุรกิจ #กรุงเทพธุรกิจออนไลน์ #กรุงเทพธุรกิจRealEstate
    -------------------------------
    ติดตาม "กรุงเทพธุรกิจ" ผ่านช่องทางต่างๆ ได้ที่
    Website: http://www.bangkokbiznews.com
    Twitter: https://twitter.com/ktnewsonline
    OpenChat: https://bit.ly/3ZgoMib
    Youtube: https://www.youtube.com/user/KrungthepTurakij
    Blockdit: https://www.blockdit.com/bangkokbiznews
    Instagram: https://www.instagram.com/bangkokbiznews
    Tiktok: https://www.tiktok.com/@bangkokbiznews
    Line: https://bit.ly/3ZgoMib

     
  13. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,814
    ค่าพลัง:
    +97,149
    รายงานการวิจัย “ค่าครองชีพ” ชิ้นล่าสุด ระบุว่า ฮ่องกงหลุดจากอันดับ 1 ในการเป็นเมืองที่มีค่าครองชีพแพงที่สุดในโลกสำหรับชาวต่างชาติ หลังจากติดอันดับ 1 ติดต่อกัน 4 ปี โดยถูกนิวยอร์กเบียดขึ้นมานั่งแท่นอันดับ 1 ในปีนี้
    .
    งานวิจัย “ค่าครองชีพ” ฉบับดังกล่าวได้จัดอันดับเมืองทั้งหมด 207 แห่ง โดยพิจารณาจากสินค้าและบริการที่ผู้เข้าร่วมการวิจัยซื้อในแต่ละวัน เช่น อาหาร สาธารณูปโภค ขนส่งมวลชน และสิ่งของจำเป็นขั้นพื้นฐาน เช่น สินค้าในครัวเรือน โดยการวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อช่วยองค์กรในการคำนวณค่าครองชีพสำหรับพนักงาน
    .
    รายงานระบุว่า ฮ่องกงหลุดอันดับ 1 เนื่องจากราคาสินค้าและบริการประจำวันในฮ่องกงเพิ่มขึ้นในระดับที่ชะลอตัว เนื่องจากค่าที่พักอาศัยในฮ่องกงลดลง
    .
    อย่างไรก็ตาม ฮ่องกงยังคงเป็นเมืองที่มีค่าครองชีพแพงที่สุดในภูมิภาคเอเชีย
    .
    ส่วนสิงคโปร์ติดอันดับ 2 ในกลุ่มเมืองที่มีค่าครองชีพแพงที่สุดในเอเชีย ซึ่งขยับขึ้นมาถึง 8 อันดับจากปีที่แล้ว ขณะเดียวกันสิงคโปร์ยังติดอันดับ 5 ของเมืองที่มีค่าครองชีพสูงที่สุดในโลกด้วย ซึ่งถือเป็นครั้งแรกที่สิงคโปร์ขยับขึ้นมาติดอันดับ 1 ใน 5
    .
    สำหรับเมืองที่ค่าครองชีพแพงที่สุดสำหรับชาวต่างชาติในเอเชีย 10 อันดับได้แก่
    .
    1. ฮ่องกง
    2. สิงคโปร์
    3. โซล
    4. โตเกียว
    5. เซี่ยงไฮ้
    6. กว่างโจว
    7. เซินเจิ้น
    8. ปักกิ่ง
    9. ไทเป
    10. โยโกฮาม่า
    .
    .
    #ค่าครองชีพ #ฮ่องกง #นิวยอร์ก
    #กรุงเทพธุรกิจ #กรุงเทพธุรกิจออนไลน์ #กรุงเทพธุรกิจWallet
    -------------------------------
    ติดตาม "กรุงเทพธุรกิจ" ผ่านช่องทางต่างๆ ได้ที่
    Website: http://www.bangkokbiznews.com
    Twitter: https://twitter.com/ktnewsonline
    OpenChat: https://bit.ly/3ZgoMib
    Youtube: https://www.youtube.com/user/KrungthepTurakij
    Blockdit: https://www.blockdit.com/bangkokbiznews
    Instagram: https://www.instagram.com/bangkokbiznews
    Tiktok: https://www.tiktok.com/@bangkokbiznews
    Line: https://bit.ly/3ZgoMib
     
  14. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,814
    ค่าพลัง:
    +97,149
    คนไทย “ดื่มนม” น้อยกว่าค่าเฉลี่ยทั่วโลกถึง 6 เท่า ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะร่างกายคนเอเชีย ย่อยน้ำตาล “แลคโตส” ในน้ำนมวัวค่อนข้างยาก ทำให้ดื่มนมแล้วท้องเสียง่าย
    .
    “นมวัว” มีคุณค่าทางโภชนาการสูง และมีประโยชน์สำหรับคนในทุกช่วงวัย เนื่องจากมีสารอาหารครบถ้วน ไม่ว่าจะเป็น คาร์โบไฮเดรต โปรตีน ไขมัน วิตามิน แคลเซียม น้ำ และเกลือแร่ต่างๆ โดยเฉพาะสำหรับวัยเด็กที่ร่างกายอยู่ในช่วงเจริญเติบโต จำเป็นต้องดื่มนมอย่างน้อยวันละ 2 แก้ว หรือเฉลี่ยปีละ 88 ลิตร แต่ในปัจจุบันคนไทยกลับดื่มนมน้อยมากหากเทียบกับคนทั่วโลก เพราะคนไทยดื่มนมเฉลี่ยต่อคนเพียงแค่ 18 ลิตรต่อปี ซึ่งคิดเป็นสัปดาห์ละ 2 แก้วเท่านั้น แม้ว่าประเทศไทยจะผลิตน้ำนมดิบได้มากที่สุดในภูมิภาคอาเซียนก็ตาม
    .
    ข้อมูลจาก องค์การส่งเสริมกิจการโคนมแห่งประเทศไทย หรือ อ.ส.ค. ล่าสุดพบว่า คนไทย “ดื่มนม” น้อยกว่าค่าเฉลี่ยทั่วโลกถึง 6 เท่า หากเทียบกับประเทศอื่นๆ ทั่วโลก ได้แก่ ประเทศญี่ปุ่น 90 ลิตรต่อคนต่อปี ประเทศสิงคโปร์ 62 ลิตรต่อคนต่อปี และ สาธารณรัฐประชาชนจีน 38 ลิตรต่อคนต่อปี เป็นต้น ในส่วนของอัตราค่าเฉลี่ยการบริโภคนมทั่วโลกอยู่ที่ 113 ลิตรต่อคน ขณะที่อัตราบริโภคนมโดยเฉลี่ยของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อยู่ที่ 60 ลิตรต่อคนต่อปี
    .
    น้ำตาลแลคโตสในน้ำนมคืออะไร ทำไมบางคนดื่มนมแล้วปวดท้อง?
    แลคโตส หรือ น้ำตาลแลคโตส พบในน้ำนมของสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม ไม่ว่าจะเป็น น้ำนมแม่ น้ำนมวัว น้ำนมแพะ และสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมชนิดอื่น (ไม่พบในน้ำนมจากพืช) เมื่อเราดื่มนมเข้าไปแล้วแลคโตส จะถูกย่อยในลำไส้เล็กโดยเอนไซม์ชื่อ “แลคเตส” ที่สร้างจากเซลล์ผนังลำไส้ จนได้เป็นกลูโคสและกาแลคโตส จากนั้นจะถูกดูดซึมผ่านลำไส้ไปสู่กระแสเลือดเพื่อใช้สร้างเป็นพลังงานให้แก่ร่างกาย แต่ในบางคนกลับมีอาการแพ้แลคโตส ซึ่งพบได้มากถึง 70-75% ของจำนวนประชากรโลก แต่จะพบมากในชาวเอเชีย อเมริกาใต้ และแอฟริกัน
    .
    อาการ “แพ้แลคโตส” ไม่ใช่การ “แพ้นมวัว” เหมือนที่หลายคนเข้าใจ เนื่องจากผู้ที่แพ้นมวัวเกิดจากความผิดปกติของระบบภูมิคุ้มกันที่มีต่อโปรตีนในนมวัว ทำให้เกิดอาการแพ้ที่ค่อนข้างรุนแรง เช่น ผื่นแดง คัน ใบหน้าบวม ปวดท้อง อาเจียน คัดจมูก เป็นต้น แต่ผู้ที่มีอาการแพ้แลคโตสมักไม่ได้มีอาการรุนแรง แต่จะมีอาการไม่สบายท้องหลังจากรับประทานนมวัวหรือผลิตภัณฑ์จากนมวัวเข้าไป เนื่องจากลำไส้เล็กผลิตเอนไซม์แลคเตส ไม่เพียงพอทำให้แลคโตสไม่ถูกย่อย จึงทำปฏิกิริยากับแบคทีเรียในลำไส้ใหญ่ จนเกิดแก๊สและทำให้เกิดอาการท้องอืด ปวดท้อง ซึ่งอาการแพ้แลคโตสนั้นมักพบในผู้ใหญ่มากกว่าเด็ก
    .
    ชาวเอเชียย่อยแลคโตสได้ยากกว่าชาวตะวันตกจริงหรือ?
    อีกหนึ่งข้อมูลเกี่ยวกับปัญหาร่างกายไม่ย่อยน้ำตาลแลคโตสในชาวเอเชีย มาจากผลสำรวจของวารสาร Nature ระบุว่า อาการดังกล่าวมีสาเหตุมาจากพันธุกรรมเป็นหลัก บวกกับระยะเวลาการปรับตัวที่ชาวเอเชียเริ่มดื่มนมวัวช้ากว่าชาวตะวันตก ตั้งแต่เมื่อประมาณ 9,000 ปีก่อน เป็นช่วงที่ชาวยุโรปเริ่มรู้จักการดื่มนม แต่ในเวลานั้นร่างกายก็ไม่สามารถย่อย “แลคโตส” ได้เช่นกัน และใช้เวลาถึงกว่า 4,000 ปี จนร่างกายสามารถผลิตเอนไซม์แลคเตสเพียงพอสำหรับการย่อยแลคโตสในนม
    .
    ดังนั้นชาวเอเชียที่ไม่ได้ “ดื่มนม” มาตั้งแต่แรกในยุคบรรพบุรุษ และเพิ่งเริ่มดื่มเมื่อครั้งรับวัฒนธรรมจากตะวันตกเข้ามาได้ไม่นาน ทำให้ร่างกายยังไม่สามารถปรับตัวเพื่อรองรับการย่อยแลคโตสได้นั่นเอง จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมร่างกายชาวเอเชียผลิตเอนไซม์แลคเตสได้น้อย และไม่เพียงพอสำหรับการย่อยน้ำตาลแลคโตสในนมวัว และในปัจจุบันมีคนไทยวัยผู้ใหญ่เพียง 10% เท่านั้นที่ร่างกายสามารถย่อยแลคโตสได้
    .
    อ่านต่อ : https://www.bangkokbiznews.com/health/well-being/1072352?anm=
    .
    .
    #ดื่มนม #แลคโตส #นมวัว
    #กรุงเทพธุรกิจ #กรุงเทพธุรกิจออนไลน์ #กรุงเทพธุรกิจHealth
    -------------------------------
    ติดตาม "กรุงเทพธุรกิจ" ผ่านช่องทางต่างๆ ได้ที่
    Website: http://www.bangkokbiznews.com
    Twitter: https://twitter.com/ktnewsonline
    OpenChat: https://bit.ly/3ZgoMib
    Youtube: https://www.youtube.com/user/KrungthepTurakij
    Blockdit: https://www.blockdit.com/bangkokbiznews
    Instagram: https://www.instagram.com/bangkokbiznews
    Tiktok: https://www.tiktok.com/@bangkokbiznews
    Line: https://line.me/R/ti/p/@rvb8351i
     
  15. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,814
    ค่าพลัง:
    +97,149
    แผงโซลาเซลล์หมดอายุหลายล้านตัน ความท้าทายที่โลกต้องเจอ

    ท่ามกลางกระแสของพลังงานหมุนเวียน อย่างโซลาเซลล์กำลังได้เติบโตอย่างก้าวกระโดดในหลายประเทศทั่วโลก ส่งผลให้มีการติดตั้งแผงโซลาเซลล์จำนวนหลายล้านแผ่นทั่วโลกอย่างต่อเนื่อง เพื่อเป็นพลังงานทางเลือก ในยุคราคาพลังงานที่พุ่งสูงขึ้น

    สํานักงานพลังงานทดแทนระหว่างประเทศ (IRENA) คาดว่า ในปี 2050 จะมีแผงโซลาเซลล์หมดอายุและกลายเป็นขยะทั่วโลกราว 60 - 78 ล้านตัน

    และนั่นถือเป็นความท้าทายของโลกที่จะต้องเผชิญในอนาคต

    ---
    รายละเอียด - ข้อจำกัด - มาตรการรับมือ ดูได้ที่
    https://mono29.com/news/444433.html

    #MonoNews #โซลาเซลล์ #ขยะ

     
  16. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,814
    ค่าพลัง:
    +97,149
    Daily Reckoning
    Bombshell

    James Rickards. Jun 6, 2023

    วันที่ 22 สิงหาคม ปีนี้ หรืออีก 2 เดือนครึ่งจากนี้ ..จะเป็นการเปิดตัวเรื่องใหญ่ทางการเงินนับตั้งแต่ปี 1971 ...เป็นเรื่องที่มีการซุ่มพัฒนามาระยะหนึ่งแล้ว

    นี่จะเป็นการ rollout สกุลเงินหลักใหม่ที่จะมาลดบทบาทของดอลลาร์ ในการเป็นสกุลเงินที่ใช้ชำระหนี้ของโลก ..และจนในที่สุดก็จะทดแทนบทบาททั้งหมดของการชำระหนี้และการเป็นรีเสิร์ฟของโลกไปเลย

    อาจเกิดขึ้นและสำเร็จลงได้ในเวลาไม่กี่ปี

    กระบวนการแบบนี้ยังไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน และโลกก็ไม่มีการเตรียมตัวสำหรับเรื่องช้อคระดับภูมิรัฐศาสตร์ครั้งนี้เลย

    เรื่องช้อคทางการเงินนี้ นำเสนอโดยกลุ่มประเทศที่มีชื่อว่า BRICS ...หรือ Brazil, Russia, India, China and South Africa.

    ถ้าสกุลเงินใหม่ของ BRICS เข้ามาเป็นสกุลเงินรีเสิร์ฟหลักของโลกล่ะก็ มันจะมีผลต่อการค้าของโลก ..การลงทุน foreign direct investment (FDI) ..และในพอร์ตของนักลงทุนแบบที่ไม่เคยคาดกันมาก่อน

    เรื่องสำคัญที่จะพัฒนาตามมาก็คือ BRICS จะขยายตัวไปอีกมาก ...จนกลุ่มอาจมีการเปลี่ยนชื่อองค์กร

    ตอนนี้ มีอยู่ 8 ประเทศที่ยื่นเข้าขอเป็นสมาชิกในกลุ่มคือ Algeria, Argentina, Bahrain, Egypt, Indonesia, Iran, Saudi Arabia and the United Arab Emirates.

    กับอีก 17 ประเทศที่แสดงความสนใจเข้าร่วมคือ Afghanistan, Bangladesh, Belarus, Kazakhstan, Mexico, Nicaragua, Nigeria, Pakistan, Senegal, Sudan, Syria, Thailand, Tunisia, Turkey, Uruguay, Venezuela and Zimbabwe.

    และยังมีมากกว่าในลิสต์นี้อีกในอนาคต

    ถ้ามีซาอุดิอราเบียและรัสเซียเป็นสมาชิกในกลุ่ม ก็เท่ากับว่า BRICS มีสองในสามของผู้ผลิตพลังงานรายใหญ่ของโลกรวมอยู่ด้วย (สหรัฐเป็นหนึ่งในสามนั้น)

    ถ้ามีรัสเซีย จีน บราซิล และอินเดียเป็นสมาชิกในกลุ่ม ก็เท่ากับว่า BRICS มีสามในเจ็ดประเทศที่มีพื้นที่มากที่สุดถึง 30% ของพื้นผิวที่เอื้อกับทรัพยากรธรรมชาติ

    เกือบ 50% ของผลผลิตข้าวสาลีและข้าว ..และ 15% ของรีเสิร์ฟทรัพยากรทองคำของโลกอยู่ใน BRICS

    ขณะเดียวกัน จีน อินเดีย บราซิล และรัสเซีย เป็นสี่ในเก้าประเทศที่มีประชากรมากที่สุดของโลก ทำให้กลุ่มนี้มีประชากรรวมกันถึง 3.2 พันล้านคน หรือ 40% ของประชากรโลก

    จีน อินเดีย บราซิล รัสเซีย และซาอุดิฯ มี GDP รวมกันถึง $29 trillion หรือ 28% ของ GDP โลก ...แต่ถ้าวัดกันด้วย purchasing power parity (ppp หรือความเสมอภาคของอำนาจซื้อของกลุ่ม) ...กลุ่ม BRICS จะมีส่วนถึง 54% ของ GDP โลกเลยนะ

    รัสเซียกับจีนยังเป็นสองในสามประเทศที่มีคลังอาวุธนิวเคลียร์มากที่สุด (สหรัฐเป็นอีกหนึ่งประเทศ)

    จะวัดกันยังไง ..ประชากร ..พื้นที่ ..พลังงาน ..GDP ..อาหาร ..และอาวุธ ......BRICS ก็ไม่ใช่แค่กลุ่มที่จะออกมาแค่คุยโม้เฉย ๆ นะ โอกาสจะมาเป็นทางเลือกความเป็นเจ้าพ่อน่ะ ...มีนะโว้ย

    อย่างน้อยมันก็จะเป็นอีกขั้วหนึ่ง ของโลก bi-polar

    เมื่อสกุลเงินใหม่ประกาศตัว launch ในเดือนสิงหาคมนี้ มันจะเข้ามาร่วมอยู่ในเครือข่ายของระบบการเงินและการเคลื่อนไหวของเงินทุนที่แสนจะซับซ้อน

    นอกจากนี้กลุ่ม BRICS ยังได้พัฒนาระบบคมนาคม optical fiber ใต้น้ำเชื่อมระบบกับทุกประเทศสมาชิก และเพื่อเป็นการต้านการสอดแนมจากฝ่าย NSA ของสหรัฐ

    ผมเคยได้เตือนเจ้าหน้าที่กระทรวงคลังสหรัฐ และเพนตากอน มาตั้งแต่ช่วงปี 2007-2014 ถึงการใช้การแซงค์ชั่นด้วยอิทธิพลของดอลลาร์มากเกินไป จะเป็นการทำให้เกือบทุกประเทศจะทิ้งการถือครองดอลลาร์ เพื่อหลีกเลี่ยงจากผลกระทบถ้าถูกแซงค์ชั่น

    การทิ้งดอลลารแบบนี้จะเป็นการลดอำนาจการแซงค์ชั่น แถมยังทำให้ความเชื่อถือของดอลลาร์เสื่อมทรามลงด้วย แต่ไม่มีใครรับฟังผมเลย

    พอมาวันนี้ เราก็ได้ลิ้มรสขั้นหนึ่งและสองที่ผมเคยทำนายไว้แล้ว และกำลังจะเข้าขั้นสามที่อันตรายกว่า

    หลายปีมาแล้วที่สหรัฐแซงค์ชั่นอิหร่าน ..แต่การแซงค์ชั่นต่อรัสเซียครั้งล่าสุดโดยสหรัฐและพันธมิตรหลังจากที่รัสเซียรุกเข้ายูเครนเมื่อปีที่แล้ว มันทำเกินไป ...แรงส์ไป

    หลายประเทศก็เลยสรุปได้ว่า ตัวเองอาจเป็นรายต่อไปถ้าเผลอไปเหยียบตีนสหรัฐเข้า ...อย่ากระนั้นเลย ถอยออกจากระบบดอลลาร์ซะให้หมด ท่าจะดีกว่า

    มันก็จึงไม่ใช่แค่รัสเซียรายเดียวแล้ว แต่ยังรวมไปถึงพวกที่อาจเป็นเป้าได้ เช่น จีน อิหร่าน เตอรกี ซาอุดิฯ อาร์เจนติน่า และ ฯลฯ

    พวก BRICS+ จึงพรีเซ้นต์การ de-dollarize ตอนจะชำระหนี้การค้าระหว่างกัน และสุดท้ายก็จะถึงตอนที่เป็นรีเสิร์ฟ

    หลายปีมาแล้ว ผมเคยยืนยันว่าดอลลาร์จะยังคงเป็นเงินรีเสิร์ฟของโลกได้นานกว่าที่ใครจะคิดกัน

    แต่ตอนนี้ สกุลเงินใหม่ของ BRICS+ จะมาฆ่าดอลลาร์จากการเป็นเงินรีเสิร์ฟหลักของโลก ....และนี่มันเร็วกว่าที่ผมเคยคิดไว้มาก

    ***ยังไม่จบครับ***

    https://dailyreckoning.com/rickards-drops-bombshell/
     
  17. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,814
    ค่าพลัง:
    +97,149
    (2)
    Daily Reckoning
    Bombshell

    James Rickards. Jun 6, 2023

    หลายปีมาแล้ว ผมเคยยืนยันว่าดอลลาร์จะยังคงเป็นเงินรีเสิร์ฟของโลกได้นานกว่าที่ใครจะคิดกัน

    แต่ตอนนี้ สกุลเงินใหม่ของ BRICS+ จะมาฆ่าดอลลาร์จากการเป็นเงินรีเสิร์ฟหลักของโลก ....และนี่มันเร็วกว่าที่ผมเคยคิดไว้มาก

    ดูไบและจีนมีการยอมรับใน currency ของกันและกันในการชำระหนี้การค้า

    เหมือนกับที่ซาอุดิฯและจีนก็มีการตกลงดีล oil-for-yuan arrangements


    บราซิลกับจีนก็มีดีลการใช้สกุลเงินทวิภาคี ยอมรับในเงินของกันและกัน ....ส่วนจีนกับรัสเซียก็มีดีลมาก่อนอยู่แล้ว

    ข้อตกลงทั้งหมดนี้อาจมีการเข้าแทนที่ด้วยสกุลเงินใหม่ของ BRICS+ ซึ่งจะประกาศใช้เมื่อมีการประชุมประจำปี BRICS Leaders’ Summit Conference ในวันที่ 22-24 สิงหาคม ปีนี้

    currency นี้จะผูกค่าอยู่กับตะกร้าสินค้าโภคภัณท์..และใช้สำหรับชำระหนี้การค้าระหว่างประเทศสมาชิก ในช่วงต้นนี้ ตะกร้านี้จะประกอบด้วย น้ำมัน ข้าวสาลี ทองแดงและสินค้าอื่นในปริมาณที่แน่นอนจำนวนหนึ่ง

    สกุลเงินใหม่ของ BRICS+ นี้จะไม่อยู่ในรูปของเงินกระดาษที่ใช้ในธุรกรรมประจำวันทั่วไป มันคือเงินดิจิตอลที่เป็น private blockchain ชนิด permissioned ledger ....(เป็น distributed ledger ชนิดที่จำกัดกลุ่มผู้ใช้ที่ได้รับอนุญาต) ...ใช้เฉพาะสถาบันการเงินของ BRICS+ ...ทำให้มันไม่ใช่เงินคริปโตซะทีเดียว เพราะมันไม่ de-centralized ..นั่นคือ ไม่เปิดกว้างต่อคนทั่วไปที่ไม่ได้รับอนุญาต

    การใช้มูลค่าในตะกร้าในลักษณะนี้ เหมือนกับปัญหาที่ John Maynard Keynes เคยพบเจอมาในช่วงที่เข้าร่วมประชุม Bretton Woods เมื่อปี 1944 โน่น

    Keynes เคยแนะนำให้ใช้ตะกร้าสินค้าโภคภัณท์ อิงค่าให้กับเงินสกุล "bancor" ที่เขาเป็นผู้เสนอ ...แต่อุปสรรคคือสินค้าโภคภัณท์ทั้งหลายของโลกมักไม่มีความเป็นหนึ่งเดียว (เฉพาะน้ำมันดิบอย่างเดียวก็มีมากกว่า 70 เกรดแยกตามความหนืด หรือปริมาณซัลเฟอร์)

    ในท้ายที่สุด Keynes เห็นว่าโภคภัณท์ทั้งหลายไม่ใช่เรื่องจำเป็นเลย ใช้เพียงโภคภัณท์แค่ชนิดเดียวก็พอ นั่นคือทองคำ เพื่อมาใช้อิงค่ากับ currency เพราะมันเป็นฟอร์มเดียว และมีความสะดวกที่สุด

    เมื่อดูจากตะกร้าทรัพย์สินที่มีค่าที่จะใช้เป็น store of value ...คิดว่า currency ใหม่ของกลุ่ม BRICS+ นี้จะผูกค่าอยู่กับน้ำหนักที่แน่นอนของทองคำ

    ประเทศที่เข้มแข็งที่สุดในกลุ่ม BRICS+ คือรัสเซียและจีน ซึ่งเป็นผู้ผลิตทองคำรายใหญ่ที่สุดของโลกอันดับหกและเจ็ดจากจำนวน 100 ประเทศที่มีทองคำ

    จากเรื่องทั้งหมดที่กล่าวมานี้ อาจทำให้คิดไปได้ว่า .."ทีนี้ล่ะ ดอลลาร์คงจะไม่เป็นเงินรีเสิร์ฟของโลกอีกแล้ว" ...ถ้าพูดอย่างนี้ ก็แปลว่ายังไม่เข้าใจในระบบการเงิน และ currency ดีพอ ว่ามันทำงานยังไง

    นั่นคือไม่ได้แยกบทบาทของ currency ที่ใช้เป็นสื่อการชำระหนี้ และใช้เป็นเงินรีเสิร์ฟสำรอง .....ถ้าใช้เป็นสื่อ payment ทุกประเทศก็สามารถใช้เงินสกุลใดก็ได้ ไม่จำเป็นต้องเป็นดอลลาร์ก็ได้

    แต่การใช้ currency เป็นรีเสิร์ฟน่ะ ต่างออกไป เพราะนี่คือ saving account ของประเทศที่มีเงินเหลือจากการค้าที่เกินดุล ...บาลานซ์เหล่านี้ไม่ได้เก็บไว้ในรูปของ currency นะ ...แต่เก็บไว้ในรูปของตราสารหนี้ที่มั่นคง หรือพันธบัตรที่ให้ผลตอบแทนนั่นแหละ

    เมื่อพูดว่า ดอลลาร์เป็นสกุลเงินรีเสิร์ฟหลักของโลก พวกเขาหมายถึงประเทศเหล่านั้นถือรีเสิร์ฟไว้เป็นตราสารหนี้ในสกุลเงินดอลลาร์ ....รีเสิร์ฟของโลก 60% นั้นอยู่ในพันธบัตรสหรัฐ ไม่ใช่ dollar currency โดยตรงอย่างที่เข้าใจกัน

    ดังนั้น สกุลเงินที่จะมาเป็นรีเสิร์ฟของโลกจะต้องมีตลาดพันธบัตรขนาดใหญ่มารองรับด้วย ซึ่งปัจจุบันตลาดพันธบัตร US Treasury เป็นตลาดที่มีขนาดใหญ่ที่สุด ...มีอายุพันธบัตรต่างกันมากที่สุด ..การไถ่ถอนและสภาพคล่อง ตลอดจนมีอนุพันธ์รองรับมากที่สุด

    สกุลเงินอื่นนอกจากดอลลาร์ ยังไม่มีตลาดพันธบัตรไว้เพื่อให้เงินรีเสิร์ฟได้ใช้ลงทุน นั่นเป็นเหตุผลที่เป็นการยากที่จะมีรีเสิร์ฟเป็นเงินสกุลอื่นนอกจากดอลลาร์

    แต่ตอนนี้ currency ที่กลุ่ม BRICS+ นำเสนอ มีโอกาสก้าวกระโดดที่จะสร้างตลาดพันธบัตรที่มีพันธบัตรสภาพคล่องสูง จะมาท้าชิง US Treasury ในระดับโลก แบบทันทีทันใดได้แล้ว

    กุญแจสำคัญคือ สร้างตลาดบอนด์ ใน currency ใหม่ของ BRICS+ ใน 20 กว่าประเทศพร้อม ๆ กัน โดยมีนักลงทุนรายย่อยแต่ละประเทศร่วมซื้อพันธบัตรเหล่านั้นด้วย

    พันธบัตรเหล่านี้เสนอขายใน BRICS currency ผ่านธนาคาร ..สำนักงานไปรษณีย์ และ outlet อื่น ...แต่นักลงทุนสามารถซื้อได้ในสกุลเงินท้องถิ่นของตนด้วยอัตราแลกเปลี่ยนของตลาด exchange rates

    และในเมื่อมันเป็น gold-backed currency บอนด์นี้ก็จะใช้เป็น store of value ได้เลย ดีกว่าเครื่องมือทางการเงินอื่น ๆ ที่เสี่ยงต่อเงินเฟ้อ อย่างเช่นในประเทศบราซิลและอาร์เจนติน่า ....ชาวจีนจะมีโอกาสลงทุนมากที่สุดเพราะพวกเขาถูกแบนจากตลาดต่างประเทศ ทำให้ต้องลงทุนในเรียลเอสเตทและตลาดหุ้นในประเทศจนเกินล้น

    แต่มันก็ต้องใช้เวลา ถ้าจะเรียกนักลงทุนสถาบันจากต่างประเทศ ...แต่ปริมาณการลงทุนในเครื่องมือการเงินของ BRICS+ นี้ในอินเดีย จีน บราซิล รัสเซียและอีกหลายประเทศพร้อม ๆ กัน จะช่วยดูดซับเอาเงินส่วนเกินที่ได้ดุลจากการค้า ที่อยู่ในรูปของ BRICS+ currency

    การสร้างเงินรีเสิร์ฟในลักษณะนี้ ก็คือการสร้างตลาดบอนด์แบบ instant โดยประชาชนของตนในประเทศเป็นผู้ซื้อผู้ลงทุน

    สหรัฐก็เคยทำแบบเดียวกันนี้เมื่อปี 1917 ...ก่อนหน้านั้นตั้งแต่ปี 1790-1917 ผู้ลงทุนในตลาดบอนด์ของสหรัฐล้วนเป็นนักลงทุนอาชีพ ไม่มีรายย่อยเลย แต่มาเปลี่ยนไประหว่างสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง ตอนที่ปธน. วูดโรว์ วิลสัน ขายพันธบัตร Liberty Bonds เพื่อมาใช้ในสงคราม

    มีการชี้ชวนให้ซื้อบอนด์รักชาติในหมู่ประชาชนทั่วไป มันได้ผลทำให้เกิดตลาดการลงทุนในหุ้น บอนด์ และตราสารหนี้อื่น ๆ ในหมู่ชาวอเมริกันทั่วไป ในฐานะนักลงทุนรายย่อย

    ถ้า BRICS+ จะใช้วิธีเดียวกันกับ บอนด์รักชาติ Liberty Bonds ก็อาจสร้างเงินสำรองรีเสิร์ฟนานาชาติในสกุลเงินใหม่ได้เลย ถึงแม้จะไม่มีตลาดขนาดใหญ่รองรับเพียงพอ

    การพัฒนาแบบเป็นชุดใหญ่นี้ เริ่มจาก launch เงินสกุลใหม่ที่อิงกับทองคำ ..ทำให้สกุลเงินนี้ใช้ชำระหนี้การค้ากันทั่ว ..และทำให้เป็นเงินรีเสิร์ฟแบบค่อยเป็นค่อยไป

    ทั้งหมดนี้จะเริ่มวันที่ 22 สิงหาคมที่จะถึงนี้ หลังจากซุ่มพัฒนามาหลายปี

    นอกจากในกลุ่มผู้ที่เกี่ยวข้องแล้ว ผู้คนทั่วโลกไม่มีใครสนใจว่าเรื่องนี้กำลังจะมา ...ผลก็คือ จะเกิดการเปลี่ยนแปลงในระบบการเงินของโลกอย่างรุนแรง อาจจะในชั่วไม่กี่สัปดาห์

    https://dailyreckoning.com/rickards-drops-bombshell/

     
  18. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,814
    ค่าพลัง:
    +97,149
    #EU
    #เงินในสหภาพยุโรปหมด :Handelsblatt/RT

    กลุ่มยุโรปไม่มีความสามารถในการจัดหาเงินทุนให้กับโครงการริเริ่มใหม่ที่สำคัญโดยไม่ต้องตัดโครงการที่จำเป็นออก รายงานจากฮันเดลส์บลัตต์

    อัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้นได้เพิ่มแรงกดดันให้กับงบประมาณระยะยาวของสหภาพยุโรป ซึ่งถูกบีบคั้นจากวิกฤตการณ์ต่างๆ รวมถึงความขัดแย้งในยูเครน การอพยพย้ายถิ่น และการขาดแคลนพลังงาน หนังสือพิมพ์ Handelsblatt รายงานเมื่อวันจันทร์

    จากผลพวงของการระบาดใหญ่ ประเด็นเหล่านี้ทำให้ทรัพยากรทางการเงินของสหภาพยุโรปท่วมท้น สำนักข่าวเยอรมันเขียน บทความกล่าวว่าเงินสำรองงบประมาณ "แทบจะหมดแล้ว" ในขณะที่ความท้าทายเพิ่มขึ้นและความสามารถในการดำเนินการของบรัสเซลส์ลดน้อยลง

    รายงานดังกล่าวมีขึ้นก่อนการทบทวนงบประมาณปี 2024 ของสหภาพยุโรป รวมถึงที่เรียกว่า Multiannual Financial Framework (MFF) กรอบการเงินหลายปีสำหรับปี 2021-2027

    ตามรายงาน ความเต็มใจของประเทศสมาชิกสหภาพยุโรปที่จะครอบคลุมค่าใช้จ่ายของงบประมาณเดียวนั้นต่ำ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเยอรมนี ซึ่งเป็นผู้สนับสนุนสุทธิที่สำคัญที่สุดให้กับสหภาพ ทั้งหมดนี้อาจบั่นทอนความสามารถของสหภาพยุโรปในการจัดหาเงินทุนหรือตอบสนองต่อเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝัน และทำให้โครงการเรือธงตกอยู่ในความเสี่ยง

    การใช้เงินที่มากเกินไปในการเมืองของสหภาพยุโรป - Orban

    รายงานชี้ให้เห็นว่ากลุ่มมีการใช้จ่ายภาคบังคับจำนวนมาก ซึ่งทำให้มีเงินน้อยกว่า 30,000 ล้านยูโร (32,000 ล้านดอลลาร์) ต่อปีเพื่อสนับสนุนยูเครน เร่งการเปลี่ยนแปลงด้านพลังงาน เสริมความแข็งแกร่งให้กับอุตสาหกรรมชิป ส่งเสริมการผลิตเทคโนโลยีสะอาดในประเทศ เปิดแหล่งวัตถุดิบใหม่และต่อต้านความคิดริเริ่มเส้นทางสายไหมของจีน

    “สหภาพยุโรปไม่สามารถก้าวขึ้นมาเป็นมหาอำนาจทางภูมิรัฐศาสตร์ได้” แฮนเดลส์บลาตต์กล่าวสรุป โดยสังเกตว่าด้วยโครงสร้างงบประมาณปัจจุบัน กลุ่มเศรษฐกิจไม่สามารถรองรับความท้าทายได้.
    rt news
    @Mahdi Zulfigor
    6/6/2023

     
  19. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,814
    ค่าพลัง:
    +97,149
    #RUSSIA
    #รัสเซียชี้สหรัฐสั่งห้ามเคียฟลงนามพักรบกับมอสโก : Patrushev/RT

    หัวหน้าฝ่ายความมั่นคงของรัสเซีย Nikolay Patrushev : นิโคไล ปาทรุเชฟ อ้างว่าการยืดเยื้อความรุนแรงในยูเครนไม่ว่าจะแลกด้วยค่าใช้จ่ายใดๆ ก็ตาม อยู่ในผลประโยชน์ของสหรัฐฯ

    นิโคไล ปาทรุเชฟ หนึ่งในเจ้าหน้าที่อาวุโสด้านความมั่นคงของรัสเซีย ได้กล่าวหาว่าสหรัฐฯ และสหราชอาณาจักรยืนอยู่บนหนทางแห่งสันติ ไม่มีสงครามในประเทศ ต่างกับชาวรัสเซียและยูเครน ประเทศที่ใช้ภาษาอังกฤษทั้งสอง( สหรัฐ-อังกฤษ) ต้องการที่จะยืดเยื้อความรุนแรงและไม่สนใจความทุกข์ทรมานของมนุษย์ เขากล่าว

    “ผมสามารถระบุประเทศที่ต้องการสงคราม [ในการสู้รบอย่างต่อเนื่อง] มากที่สุด นั่นคือสหรัฐฯ และอังกฤษ” เขากล่าวระหว่างการแถลงข่าวในเบลารุสเมื่อวันพฤหัสบดี “และเราควรตระหนักอย่างชัดเจนว่าพวกเขาไม่สนใจเกี่ยวกับผู้คนที่กำลังจะตาย เพราะไม่ใช่คนของพวกเขา พวกเขาไม่ได้ทำสงครามบนผืนดินของพวกเขาเอง”

    Patrushev ปาทรุเชฟ ซึ่งทำหน้าที่เป็นเลขาธิการคณะมนตรีความมั่นคงเตือนนักข่าวว่ามอสโกและเคียฟใกล้จะสงบศึกในช่วงสัปดาห์แรกของความขัดแย้ง แต่รัฐบาลยูเครนถอนตัวจากการเจรจาสันติภาพภายใต้แรงกดดันของสหรัฐฯ เขากล่าวเสริม

    เจ้าหน้าที่ผู้นี้อ้างถึงการเจรจาในอิสตันบูล หลังสงครามยูเครนรัสเซียไม่นาน ซึ่งระหว่างนั้นยูเครนเสนอว่าจะวางตัวเป็นกลางเพื่อแลกกับการรับประกันความปลอดภัย ซึ่งมอสโกได้ตกลงชั่วคราวนขณะนั้น

    การเจรจาสันติภาพยูเครนเป็นไปไม่ได้– หัวหน้าสหประชาชาติระบุ

    “รัสเซียไม่ใช่เป้าหมายสูงสุด [สำหรับชาติตะวันตก]” Patrushev ประเมิน “เป้าหมายสูงสุดของพวกเขาคือจีน พวกเขา [ตั้งใจจะ] ครองโลก แต่นั่นเป็นสิ่งที่ยอมรับไม่ได้และจะไม่เกิดขึ้นจริง เพราจีนแข็งแกร่งทุกด้าน”.
    rt news
    @Zulfigor Mahdi
    8/6/2023
     
  20. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,814
    ค่าพลัง:
    +97,149
    แอฟริกาใต้จะไม่บังคับใช้หมายจับของศาลอาญาระหว่างประเทศ(ไอซีซี) สำหรับจับตัวประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน แห่งรัสเซีย จากการเปิดเผยของรัฐมนตรีประจำทำเนียบประธานาธิบดีแอฟริกาใต้ เมื่อวันพฤหัสบดี(8มิ.ย.) ความเคลื่อนไหวซึ่งมีขึ้นตามหลังวังเครมลินออกมาเตือนว่า ใครก็ตามที่รวบตัว ปูติน จะเท่ากับเป็นการประกาศสงครามกับมอสโก

    คุมบุดโซ เอ็นชาวเฮนี รัฐมนตรีประจำทำเนียบประธานาธิบดีแอฟริกาใต้ ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าว อ้างถึงถ้อยแถลงหนึ่งที่เผยแพร่โดย ดมิทรี เมดเวเดฟ รองประธานสภาความมั่นคงแห่งชาติรัสเซีย ที่กล่าวเมื่อเดือนมีนาคม ว่า "รองประธานสภาความมั่นคงแห่งชาติรัสเซีย เคยชี้ว่าใครก็ตามที่จับกุมประธานาธิบดีปูติน จะเทียบเท่ากับเป็นการประกาศสงคราม"

    ในตอนนั้น เมดเวเดฟ พูดถึงกรณีหากปูตินถูกจับกุม บอกว่า "ถ้าเป็นเยอรมนี ขีปนาวุธของเราทั้งหมดจะพุ่งสู่สภาบุนเดิสทาค สู่ทำเนียบนายกรัฐมนตรี" ซึ่งในเรื่องนี้ เอ็นชาวเฮนี กล่าวในวันพฤหัสบดี(8มิ.ย.) ว่า "ฉันไม่คิดว่าประเทศนี้ต้องการให้เราประกาศสงครามกับรัสเซีย"

    เมื่อช่วงกลางเดือนมีนาคม ศาลอาญาระหว่างประเทศ ออกหมายจับประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน แห่งรัสเซียและมาเรีย ลโววา-เบโลวา กรรมาธิการด้านสิทธิมนุษยชนเด็กแห่งรัสเซีย โดยกล่าวหาทั้ง 2 คน "บังคับขนย้ายพลเรือน" อ้างถึงความพยายามของมอสโก ในการอพยพเด็กๆ ออกจากเขตสงคราม ท่ามกลางความขัดแย้งติดอาวุธกับยูเครน

    รัฐบาลเคียฟกล่าวอ้างว่าเด็กยูเครนหลายหมื่นคนถูกนำตัวไปรัสเซียนับตั้งแต่เริ่มการสู้รบเมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ปีที่แล้ว โดยมีข้อมูลว่าเด็กจำนวนมากถูกส่งไปอยู่ในสถานสงเคราะห์ และบ้านอุปถัมภ์ พร้อมความพยายามล้างสมองเด็กเหล่านั้นให้ฝักใฝ่สหพันธรัฐรัสเซีย

    ในฐานะผู้ลงนามในธรรมนูญกรุงโรม เมื่อปี 2002 แอฟริกาใต้มีหน้าที่ต้องปฏิบัติตามหมายจับ อย่างไรก็ตามประเทศแห่งนี้มีกำหนดเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมซัมมิตกลุ่ม BRICS ในเดือนสิงหาคม ซึ่งบรรดาผู้นำของชาติเศรษฐกิจเกิดใหม่ขนาดใหญ่ที่สุดของโลก ประกอบด้วย บราซิล รัสเซีย อินเดีย จีนและแอฟริกาใต้ มีกำหนดเข้าร่วมประชุม

    มีรายงานข่าวจากสื่อมวลชนบ่งชี้ว่า แอฟริกาใต้ ได้ร้องขอให้ จีน เป็นเจ้าภาพจัดการประชุมแทน แต่ เอ็นชาวเฮนี บอกกับผู้สื่อข่าวว่า "ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง" และการประชุมจะยังคงเดินหน้าในเมืองโยฮันเนสเบิร์ก ตามแผนเดิม ขณะที่มอสโกปฏิเสธรายงานข่าวดังกล่าวเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ว่าเป็นข่าวปลอม

    ระหว่างให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวบีบีซีเมื่อช่วงปลายเดือนพฤษภาคม โอเบด บาเพลา รัฐมนตรีช่วยว่าการ ประจำทำเนียบประธานาธิบดีแอฟริกาใต้ เผยว่าทางรัฐบาลกำลังหาทางแก้กฎหมาย ที่จะทำให้กฎหมายของประเทศอยู่ในสถานภาพที่เหนือกว่าของศาลอาญาระหว่างประเทศ ถ้ารัฐสภาผ่านร่างกฎหมายนี้ จากนั้น พริทอเรีย จะมีข้อยกเว้นสำหรับตนเอง "ว่าใครที่ต้องจับกุมและใครที่ไม่ต้องจับกุม"

    (ที่มา:อาร์ทีนิวส์)
     

แชร์หน้านี้

Loading...