ตามหลักธรรมคำสอน หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย jinny95, 26 ธันวาคม 2011.

  1. jinny95

    jinny95 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    6,074
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +9,666
    เทศน์อบรมฆราวาส ณ. วัดป่าบ้านตาด

    เมื่อวันที่๑๑พฤษภาคมพุทธศักราช ๒๕๑๑


    ตามหลักธรรมคำสอน


    นโม ตสฺส ภควโต อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส


    กิจฺโฉ มนุสฺสปฏิลาโภติ


    วันนี้เป็นวันวิสาขบูชาตรงกับวันพระพุทธเจ้าประสูติตรัสรู้และดับขันธ์ปรินิพพานทั้งกาลตรงกับวันนี้คำว่าประสูติบรรดาท่านทั้งหลายก็คงจะทราบทั่วๆกันคือวันอุบัติแห่งพระกายของพระองค์อุบัติเป็นพระกายขึ้นมาแล้วลำดับที่สองก็อุบัติแห่งความเป็นพระพุทธเจ้าขึ้นมาอุบัติในทางกายได้แก่ร่างกายปรากฏขึ้นในโลกก่อนอุบัติครั้งที่สองคือพระจิตได้ตรัสรู้ธรรมะอันบริสุทธิ์หมดจดอย่างยิ่งใจที่เป็นเจ้าครองวัฏฏะมาเป็นเวลานานคือพาให้หมุนเวียนเกิดแก่เจ็บตายทุกข์ยากลำบากไม่มีสิ้นสุดไม่มีประมาณ ก็ได้มาตัดสินกันลงในวันนั้นที่เรียกว่าวันตรัสรู้ธรรมกับวันตัดปัญหาความยุ่งยากของความทุกข์ทรมานทั้งหลายอันมีความเกิดเป็นสาเหตุนั้นลงในขณะเดียวกันจึงเรียกว่าตรัสรู้


    แต่การนิพพานนั้นหมายถึง พระกายที่สลายลงตามสภาพของส่วนผสม ที่โลกหรือธรรมเรียกว่าธาตุธาตุธาตุดินธาตุน้ำธาตุลมธาตุไฟผสมกันเข้า เป็นของแข็งที่มีอยู่ในร่างกายของเรานี้เรียกว่าธาตุดินส่วนที่เหลวๆก็เรียกว่าธาตุน้ำลมหายใจเป็นต้นเรียกว่าธาตุลมความอบอุ่นที่มีอยู่ในร่างกายนี้เรียกว่าธาตุไฟประชุมกันอยู่มีใจเป็นผู้ครองในร่างนี้ส่วนผสมทั้งนี้ได้สลายตัวลงไปถ้าโลกเราเรียกว่าตายแต่ศัพท์ของพระพุทธเจ้าที่เป็นผู้บริสุทธิ์อยู่ในพระทัยเรียกว่านิพพาน


    คำว่านิพพานหมายถึงความดับสนิท ส่วนผสมนี้จะไม่มีโอกาสเข้าไปเกี่ยวข้องกับพระทัยคือใจของพระพุทธเจ้าที่บริสุทธิ์แล้วได้อีกต่อไปจึงได้นามว่านิพพานหมายถึงดับสนิทดับจากความผสมกัน แต่ธาตุนี้ไม่ดับ เมื่อสลายลงไปแล้วส่วนดินน้ำลมไฟเป็นธาตุใดก็กระจายลงไปอยู่ในธาตุเดิมของตนธรรมชาติที่บริสุทธิ์นั้นก็ไม่ได้ดับสิ่งที่ดับนั้นหมายถึงสมมุติที่เคยเกี่ยวข้องกันให้เกิดแก่เจ็บตายเรียกว่าผสมกันเข้าเป็นรูปกายเป็นหญิงเป็นชายหรือเป็นสัตว์เป็นอะไรก็แล้วแต่ที่มีวิญญาณครองนี่ คือส่วนสมมุติตามปกติของโลกทั่วๆ ไปจะไม่ปราศจากส่วนเกี่ยวข้องเหล่านี้ แม้จะสลายตัวลงไปจากร่างนี้ เมื่อกรรมดีกรรมชั่วยังมีอยู่ภายในจิตใจตราบใดใจนั้นย่อมจะต้องเป็นไปตามอำนาจของกรรม ให้พาเกี่ยวข้องกับธาตุหรือส่วนผสมไปเรื่อยๆเช่นนั้น


    ส่วนพระพุทธเจ้าของเรา แต่ก่อนท่านก็เคยเป็นเช่นนี้มากี่กัปนับไม่ถ้วนเหมือนกันแต่พอได้ตรัสรู้ธรรมะขึ้นภายในพระทัยเท่านั้น สิ่งที่เคยเกี่ยวข้องไม่ว่าสมมุติส่วนหยาบส่วนกลาง ส่วนละเอียดที่มีอยู่ภายในพระทัยนั้นได้สลายไปหมดในขณะที่ตรัสรู้ธรรม แล้วทรงประกาศพระศาสนาได้๔๕พระพรรษาคน ที่มีอุปนิสัยหรือมีหูมีตาพอจะได้รู้เรื่องความลึกตื้นหนักเบาจากพระ พุทธเจ้า และผู้ที่มีความละเอียดซึ่งรอที่จะรับกระแสแห่งธรรมอยู่แล้วก็ได้ตรัสรู้ตามเสด็จพระพุทธเจ้าทันท่วงทีที่เรียกว่าสาวกปรากฏขึ้นในโลกมีจำนวนเท่านั้นๆท่านเหล่านี้ล้วนแล้วแต่ตามเสด็จพระพุทธเจ้าทัน


    จากนั้นก็ตามเสด็จไปเรื่อยๆผู้สำเร็จพระโสดาพระสกิทาพระอนาคาท่านก็เดินตามเสด็จพระพุทธเจ้าไปเรื่อยๆจากนั้นมาก็เป็นกัลยาณปุถุชนของเราที่อุตส่าห์ประพฤติปฏิบัติตน ตามหลักธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้าที่ชี้แนวทางไว้โดยถูกต้องเต็มสติกำลังความสามารถ หรือว่าตามสติกำลังความสามารถของตนไม่ลดละท่านเหล่านี้ก็เป็นผู้ตามเสด็จพระพุทธเจ้าไปเรื่อยๆส่วนพระองค์ท่านเมื่อคำว่าการปรินิพพานได้ปรากฏขึ้นแล้ว ก็เป็นอันว่าไม่มีสมมุติที่จะมาประกาศพระองค์ให้โลกได้ทราบว่าเวลานี้ตถาคตคือองค์พระพุทธเจ้านี้ได้สถิตอยู่ในสถานที่นั่นที่นี่อย่างนี้ไม่ปรากฏจะเหลือแต่ธรรมชาติที่บริสุทธิ์เท่านั้น ไม่สามารถจะแสดงตัวออกมาให้เป็นด้านวัตถุ พอโลกจะมองเห็นได้เช่นดังที่เคยเป็นมาในขณะที่ตรัสรู้แล้วถึงวันนิพพาน


    ทีนี้ส่วนพระกายของพระองค์ท่านยังมีอยู่เสด็จไปทางใดคนก็ทราบว่าพระพุทธเจ้าทรงเสด็จไปโปรดที่นั่นที่นี่ คือถือเอาพระกายของพระองค์เป็นนิมิตส่วนความบริสุทธิ์ของพระองค์นั้นแม้จะทรงพระชนม์อยู่ก็ตาม หรือจะนิพพานไปแล้วก็ตาม จะไม่มีใครสามารถมองเห็นได้เพราะเป็นสิ่งที่ละเอียดสุดคำว่าพระพุทธเจ้าก็หมายถึงองค์แห่งความบริสุทธิ์นี้แลเบื้องต้นก็เป็นคนสามัญเช่นเราๆท่านๆ มีธาตุ๔ ดินน้ำลมไฟเข้ามาผสมกันเป็นรูปกายเช่นเดียวกับเราเป็นหญิงเป็นชายเช่นเดียวกับพวกเรานี้ใจก็มีกิเลส


    คำว่ากิเลสคือเครื่องดองอยู่ภายในจิตใจคอยที่จะยุแหย่ก่อกวนอยู่เสมอนั่นท่านเรียกว่ากิเลสก่อกวนให้ได้รับความเดือดร้อนวุ่นวายเศร้าโศกให้เพลิดให้เพลินให้ลุ่มหลงต่างๆที่เกิดจากความประพฤติในทางใจแล้วก็เชื่อไปตามสิ่งที่คอยจะคิดให้หลงตามอยู่เสมอนี้แลท่านเรียกว่ากิเลส หรือเรียกว่าอาสวะเป็นเครื่องดองอยู่ภายในใจแต่ก่อนท่านก็มีเช่นเดียวกับพวกเราทั้งหลาย จึงต้องเป็นเพื่อนเกิดแก่เจ็บตายด้วยกันพอได้ตรัสรู้เท่านั้นก็เป็นวาระสุดท้ายที่จะหมดความเกี่ยวข้อง หรือเยื่อใยในความเกิดแก่เจ็บตายอีกต่อไปเรียกว่าเป็นพระชาติสุดท้าย


    การนิพพานก็เป็นวาระสุดท้ายในการตายที่สัตว์โลกเราเรียกว่าตายพระพุทธเจ้าถ้าพูดแบบโลกเราก็เรียกว่าตายเป็นวาระสุดท้าย จึงเรียกว่าปรินิพพานคือดับจริงๆไม่ดับแบบหลอกๆ หลอนๆเหมือนอย่างเห็นอยู่ในโลกนี้คำว่าดับแบบหลอกๆ หลอนๆนั้นเป็นอย่างไรตายลงไปที่นี่แล้วก็ไปโผล่ขึ้นที่นั่นบางทีเป็นมนุษย์ตายจากมนุษย์กลับไปเกิดเป็นสัตว์โดยเจ้าตัวก็ไม่รู้ แล้วก็ตื่นร่องตื่นรอยตื่นการเกิดการไปการมาของตนเช่นนี้ เหมือนกับว่าไม่ได้เคยไปเคยมาฉะนั้นท่านจึงเรียกว่าความหลงสิ่งที่เคยเป็นสิ่งที่เคยมีสิ่งที่เคยเกิดสิ่งที่เคยได้รับความทุกข์ความลำบากเคยสัมผัสอันมีอยู่ประจำวัฏฏะทุกข์อันนี้ต่างคนต่างได้สัมผัสกันทั้งนั้น แต่ต่างคนก็ต่างหลงลืมจำไม่ได้เมื่อผ่านเข้ามาอีกก็เป็นเหมือนกับว่าพึ่งจะพบหรือพึ่งจะเจอพึ่งจะสัมผัสในเวลานั้นท่านจึงเรียกว่าอวิชชา


    ความรู้นั้นมีอยู่ด้วยกัน เพราะใจมี แต่รู้ไม่แจ้งชัดตามหลักความจริงกลับหลงลืมท่านจึงเรียกว่าอวิชชาหรือโมหะไม่ทราบร่องรอยความเป็นมาของตนผิดกันกับพระพุทธเจ้า แต่ก่อนพระองค์ท่านก็เป็นเช่นนี้เหมือนกัน พอได้ตรัสรู้ธรรมะซึ่งเป็นของจริงเท่านั้นถ้าเป็นความสว่างพระพุทธเจ้าก็เทียบกับพระอาทิตย์ เพียงดวงเดียวเท่านั้นก็สามารถที่จะส่องแสงสว่างให้โลกได้รับประโยชน์ทั่วถึงกันบรรดาผู้มีนัยน์ตาอันดีนอกจากคนเสียจักษุเท่านั้นจะไม่มองเห็นดาวเดือนตะวันจะมีกี่ร้อยพันดวงก็ตาม สำหรับบุคคลประเภทนั้นจะไม่เป็นประโยชน์อะไร


    ที่พระพุทธเจ้าต่างจากโลกก็เช่นเดียวกับดวงดาวจะมีจำนวนมากเท่าใดก็ตาม สู้พระอาทิตย์เพียงดวงเดียวไม่ได้ความสว่างมีเหมือนกันแต่มีจำนวนน้อยแม้แต่รอบดวงตัวเองก็ยังจะไม่สามารถความรู้ของพระพุทธเจ้ารอบพระองค์ด้วยสามารถรื้อฟื้นพระองค์ให้พ้นจากทุกข์ที่เคยเป็นมากี่กัปนับไม่ถ้วนได้ด้วยสามารถแนะนำสั่งสอนบรรดาสัตว์ทั้งหลายผู้มีนัยน์ตาพอที่จะมองเห็นร่องรอยตามสวากขาตธรรม ที่พระองค์ท่านตรัสไว้โดยชอบด้วยถ้าเทียบแล้วก็เหมือนพระอาทิตย์ เป็นประโยชน์แก่โลกมากมาย


    สำหรับพวกเราทั้งหลายเช่นเดียวกับดวงดาวดวงต่างๆแม้ จะมีจำนวนมากกำลังก็ไม่เพียงพอ ความรู้มีเหมือนกันแต่ไม่สามารถที่จะปรับปรุงแก้ไขตนให้ถูกทางได้โดยไม่ต้อง อาศัยหลักธรรมะจากศาสนาเลยถ้าปล่อยให้เป็นไปตามอำเภอใจของเราคือเป็นไปตามความรู้ความเห็นความคิดความอยากเท่านั้นก็เป็นเหตุให้เสียตัวได้ ด้วยความอยากของตัวเองเป็นข้าศึกต่อตัวเสียเองฉะนั้นจึงต้องอาศัยหลักธรรมอันเป็นสิ่งที่ถูกต้องหรือเป็นธรรมชาติที่ถูกต้องเป็นแบบฉบับหรือเป็นแบบพิมพ์เป็นแนวทางเครื่องดำเนิน เช่นเดียวกับเราจะปลูกบ้านปลูกเรือนต้องมีแบบแปลนแผนผังตั้งไว้เป็นแบบฉบับ


    จะไปสู่จุดต่างๆ ก็ต้องมีทางที่ตรงแน่วไปสู่จุดนั้นๆผู้ต้องการไปสู่จุดต่างๆ จุดใดก็เดินตามสายทางซึ่งจะไปสู่จุดนั้นไม่ปลีกแวะไม่ลดละจุดนั้นก็ย่อมเป็นที่มุ่งหวังคือถึงได้ตามความประสงค์นี่ละที่เรียกว่าสวากขาตธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้าท่านสอนไว้อย่างนี้เป็นสิ่งที่ถูกต้องที่เรียกว่า สฺวากฺขาโต ภควตา ธมฺโมดังเราชาวพุทธได้สวดกันอยู่เสมอพระธรรมอันพระผู้มีพระภาคตรัสไว้ชอบแล้ว


    คำว่าชอบก็หมายถึงถูกต้องรับรองทุกแง่ทุกมุมสมบูรณ์เต็มที่เรียกว่า สาตฺถํ สพฺยญฺชนํ เกวลปริปุณฺณํ ปริสุทฺธํ พฺรหมฺจริยํ ปกาเสสินี่เราทั้งหลายก็เคยสวด พระองค์ประกาศพรหมจรรย์คือธรรมอันยอดเยี่ยมไว้เพื่อโลกสมบูรณ์บริบูรณ์ทั้งอรรถทั้งพยัญชนะทั้งเหตุทั้งผลทั้งส่วนต่ำส่วนกลางส่วนสูงไม่มีที่ตำหนิและไม่มีใครจะสามารถพูดได้โดยถูกต้องโดยไม่มีที่ตำหนิเหมือนอย่างพระพุทธเจ้า


    ตามธรรมดาคำพูดเราถ้าพูดไปหลายๆ ประโยค อาจจะมีประโยคแปลงปลอมเข้ามาแฝงด้วยสมมุติว่าวันหนึ่งเราพูดได้ร้อยเปอร์เซ็นต์อาจจะปลอมเสีย๒๐% ก็ได้จริงเพียง๘๐%เท่านั้นนี่เป็นความรู้เป็นคำพูดที่เกิดจากความรู้ของสามัญชนนำออกมาพูดความจริงจึงไม่สมบูรณ์ มีความบกพร่องอยู่อย่างนั้นเรื่อยๆ ไปไม่ว่าเราพูดไม่ว่าท่านผู้ใดพูดจะต้องมีส่วนบกพร่องอยู่เช่นนั้นไม่สมบูรณ์ตั้งแต่ต้นจนอวสาน


    แต่หลักธรรมะคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้าแม้จะมีถึง๘๔,๐๐๐พระธรรมขันธ์ล้วน แล้วแต่พระองค์ท่านเป็นผู้ตรัสพระองค์เดียวก็ตาม จะแยกออกจากธรรมหมวดใดบทใด มาพิจารณาว่าธรรมบทนั้นหมวดนั้น ในจำนวนมากเท่านั้นได้ขาดตกบกพร่อง ไม่สมบูรณ์ตามหลักที่ว่าสวากขาตธรรมคือตรัสไว้ชอบเลย มีอยู่ประมาณเท่านั้น อย่างนี้ไม่มีใครจะสามารถคัดค้านพระพุทธเจ้าได้ฉะนั้นธรรมะของพระพุทธเจ้าจึงสามารถทรงโลกทรงธรรมได้ตลอดมาถึงปัจจุบันนี้นับแล้วได้๒๕๑๑ปีนี้แล้ว นับแต่วันพระองค์ท่านนิพพานมา แล้วยังจะคงที่หรือคงเส้นคงวาไปอีกคงคำว่าสวากขาตธรรมไปอีก คือตรัสไว้ชอบอย่างนี้ตลอดไป


    จนกระทั่งไม่มีใครสามารถอาจเอื้อมที่จะประพฤติปฏิบัติตามพระองค์ท่านได้ความจริงนั้นแม้จะมีอยู่ก็ไม่ปรากฏเพราะไม่มีผู้นำออกมาประพฤติปฏิบัติให้ปรากฏทั้งเหตุทั้งผล เพื่อโลกจะได้ชมหรือได้บูชา จะว่าธรรมของพระพุทธเจ้าสูญหายไปก็ถูก เพราะไม่มีใครสามารถจะค้นเจอได้ที่เรียกว่าสฺวากฺขาโต ภควตา ธมฺโม มีความสมบูรณ์แน่นอนถูกต้องอย่างนี้ไม่มีใครจะสามารถพูดให้ถูกต้องโดยสมบูรณ์ตั้งแต่ต้นจนอวสานเหมือนพระพุทธเจ้าฉะนั้น จึงเป็นที่บูชากราบไหว้ของไตรภพ ไตรโลกธาตุ เทวดา อินทร์ พรหม ยมยักษ์ได้กราบไหว้ เพราะไม่มีใครจะสู้คำแน่นอนเหมือนพระพุทธเจ้าได้

    นิยฺยานิโก
    หรือ นิยยานิกธรรมเมื่อผู้ประ พฤติปฏิบัติตามแล้วผลจะต้องเป็นไปเพื่อถอดถอน สิ่งซึ่งกังวลยุ่งเหยิงที่เรียกว่ากองทุกข์ นับแต่ส่วนหยาบจนถึงส่วนละเอียดสุดออกได้เป็นลำดับๆจนตามเสด็จพระพุทธเจ้าทันที่เรียกว่าสำเร็จมรรคผลนิพพานทางทุกแง่ทุกมุมพระโอวาททุกบททุกบาทสอนเพื่อถอดเพื่อถอนสอนเพื่อให้เป็นคนดี สอนเพื่อให้เป็นคนรู้คนฉลาดไม่ใช่สอนเพื่อความโง่แก่สัตว์ทั้งหลาย ไม่ได้สอนเพื่อให้สัตว์ทั้งหลายกอบโกยเอาทุกข์มาเผาผลาญตนเองแต่สอนเพื่อจะถอดถอนทุกข์ สอนแก้ความโง่เขลาเบาปัญญาของตนทั้งนั้นเพราะฉะนั้นธรรมะคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้าจึงไม่ปรากฏว่าเป็นข้าศึกต่อโลกตั้งแต่กาลไหนๆ มานอกจากโลกจะได้อาศัยเท่านั้น


    นี่อธิบายถึงเรื่องคำว่านิพพานของพระพุทธเจ้า เลยเตลิดมาถึงธรรมะตอนนี้เมื่อพระพุทธเจ้ายังทรงพระชนม์อยู่ ได้ทรงประกาศศาสนาเพื่อประโยชน์แก่บรรดาสัตว์ทั้งหลายโดยพระองค์เองบ้างโดย สาวกทั้งหลายที่มีความเชื่อความเลื่อมใส และประพฤติปฏิบัติตามพระองค์ได้ตรัสรู้มรรคผลนิพพานขึ้นมา แล้วประกาศสอนช่วยพระภาระของพระพุทธเจ้าให้เบาลงบ้างและเพื่อศาสนาจะได้กว้างขวางโดยรวดเร็วบ้าง พอพระพุทธเจ้านิพพานแล้วเท่านั้นศาสนธรรมที่พระองค์ท่านจะทรงประกาศโดยพระองค์เอง ก็เป็นอันว่าระงับดับไปในขณะนั้นทีเดียวนอกจากนั้นสาวกก็ประกาศสอนกันมา และประพฤติปฏิบัติตามจนกระทั่งถึงทุกวันนี้ส่วนพระพุทธเจ้าก็หมดในพระรูปพระกายไม่ปรากฏ จึงเรียกว่านิพพานซึ่งตรงกับวันนี้


    วันประสูติวันตรัสรู้วันนิพพานตรงกับวันนี้วันเดียว ทั้งสามกาลมารวมอยู่ในวันนี้วันเดียวบรรดาเราทั้งหลายซึ่งเป็นชาวพุทธและทั่วประเทศไทยวันนี้ได้ทำการสักการะบูชา ทำความระลึกถึงคุณงามความดีของพระองค์ที่ได้ประสิทธิ์ประสาทให้แก่โลกและกราบไหว้บูชาความศักดิ์สิทธิ์วิเศษของพระองค์ท่านแม้จะนิพพานไปแล้ว คุณสมบัติที่ได้สอนโลกไว้ยังปรากฏอยู่ ผลเป็นเช่นไรเหตุเป็นเช่นไรคงดั้งเดิมไว้เช่นนั้น ไม่ทรงรื้อถอนไปตามพระพุทธเจ้า ศาสนายังคงที่ดีอยู่คงเส้นคงวาจัดเป็นสวากขาตธรรมอยู่ตามเดิมเช่นเดียวกับพระองค์ยังทรงพระชนม์อยู่


    ฉะนั้นเราที่เป็นชาวพุทธ โปรดได้นำธรรมะคำสั่งสอนเหล่านี้ไปเป็นเข็มทิศทางเดินของเรา จะเป็นผู้สม่ำเสมอไม่โลดโผนคำว่าสม่ำเสมอนั้นเป็นสิ่งที่งามความประพฤติก็เสมอคำพูดจาก็เสมอความประพฤติทุกด้านเป็นไปด้วยเหตุผลท่านเรียกว่าสม่ำเสมอถ้าขัดแย้งต่อเหตุต่อผลไม่จัดว่าเป็นความสม่ำเสมอ เรียกว่าเป็นลุ่มๆดอนๆสูงๆต่ำๆถ้าเป็นวัตถุจะเป็นเครื่องใช้ก็ไม่ดีถ้าเป็นอาหารก็ไม่อร่อยเพราะไม่เสมอต้นเสมอปลายหลักธรรมะคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้าเป็นอย่างนี้ และมีหลายขั้นไม่ว่าจะเป็นเด็กผู้ใหญ่หนุ่มสาวเพศพระเพศเณรที่เรียกว่านักบวชมีแยกแยะไว้ทุกแง่ทุกมุม ไม่ให้เสียความหวังของผู้สนใจใคร่ต่อธรรมของพระองค์ท่านจะนำไปประพฤติปฏิบัติเพื่อผลสำหรับตัวเอง


    คำว่าธรรม ถ้าจะเทียบเหมือนด้านวัตถุแล้ว เหมือนกับรสอาหารที่ปรากฏตัวอยู่ ให้รู้สึกอยู่ด้วยชิวหาประสาทของผู้รับประทานแต่ไม่ปรากฏเป็นตัวเป็นตนเป็นด้านวัตถุ เช่นเดียวกับรสชาติที่ซึมซาบอยู่ในอาหารเช่นนั้น จะเป็นอาหารประเภทใดก็ตามส่วนวัตถุที่เป็นอาหารนั้นเรามองเห็นได้ด้วยตาเนื้อของเราส่วนรสที่แฝงอยู่ในนั้น เราไม่สามารถจะมองเห็น แต่ก็ต้องอาศัยวัตถุคืออาหารชิ้นนั้นๆเป็นที่สถิตอยู่ของรสอาหารธรรมะแม้จะเป็นธรรมชาติที่มองไม่เห็นก็ตาม แต่ก็อาศัยผู้ปฏิบัติคือเราๆท่านๆซึ่งเป็นตัววัตถุโดยตรงคือเป็นมนุษย์เป็นหญิงเป็นชายเป็นเด็กเป็นผู้ใหญ่เป็นนักบวชเป็นฆราวาสนี้แลเป็นผู้ปฏิบัติธรรม


    หัวหน้าของผู้ปฏิบัติธรรมหรือผู้รับผิดชอบในตัวเองและในธรรมทั้งหลายก็คือใจใจคือธรรมชาติที่รู้ๆ อยู่เช่นเวลาท่านเทศน์อย่างนี้รู้อยู่ได้ยินอยู่นี้แลท่านเรียกว่าใจธรรมะซึ่งไม่สามารถมองเห็นด้วยตาเนื้อเช่นเดียวกับใจที่มีอยู่ในร่างกายนี้แล แต่ไม่สามารถมองเห็น ธรรมะจึงต้องอาศัยอยู่ในธรรมชาติอันนี้ได้ คืออาศัยใจผู้มีใจเป็นธรรมะจะแสดงอากัปกิริยาออกมาทางใดความประพฤติด้านใด จะเป็นไปด้วยความสวยงามน่าดูน่าชมฟังก็ไพเราะเสนาะโสต มีเหตุมีผล ไม่ทำเอาแบบสุ่มเดา ไม่ไปตามความอยากฉุดลากไปแต่ไปด้วยเหตุด้วยผล ทำอะไรไตร่ตรองเรียบร้อยแล้วค่อยทำนี่ท่านเรียกว่าใจที่มีธรรม นำความประพฤติทางกายวาจาให้เป็นธรรมไปด้วยผลที่ปรากฏขึ้นจากใจที่มีธรรมก็ทำตนให้มีความสุขความสบายนี่ท่านเรียกว่าธรรม


    ที่มีอยู่ในตู้ในหีบในคัมภีร์นั้นนั้นเป็นชื่อของธรรมเช่นเดียวกับชื่อของยาที่มีอยู่ในหนังสือแต่ตัวยาจริงๆ ไม่ใช่ตัวหนังสือตัวหนังสือนั้นเป็นแผนหรือเป็นตำราที่ชี้บอกยาชนิดนั้นๆ ผู้ต้องการยาก็ไปหาเอาตามตำราที่ชี้บอกนี่ธรรมะที่ท่านสอนที่เขียนไว้ในตู้ในคัมภีร์นั้น ท่านเรียกว่าธรรมะเหมือนกันเรียกว่าตำราของธรรมธรรมจริงๆ จะมีอยู่ที่ใจของคนเพราะผู้ปฏิบัติธรรมก็คือคน ถ้าทำชั่วผลจะปรากฏขึ้นที่นี่ทำดีผลก็จะปรากฏเป็นสุขขึ้นที่นี่ ไม่ได้ไปปรากฏขึ้นในคัมภีร์คัมภีร์ทั้งหมดจะมีมากน้อยชี้เข้ามาที่กายวาจาใจของมนุษย์และสัตว์นี้เท่านั้นผู้ทำดีทำชั่วไม่ใช่อื่นไกลที่ไหนนอกไปจากตัวของคนและสัตว์คัมภีร์ไม่มีทางที่จะไปทำดีทำชั่ว ไม่มีโอกาสที่จะไปนรก สวรรค์ไม่มีโอกาสที่จะไปติดคุกติดตะรางไปเป็นคนชั่วเสียหายที่ไหนนอกจากคนเท่านั้น


    เพราะฉะนั้นศาสนธรรมจึงต้องสอนลงมาที่คนเพราะดีก็คือคนจะทำให้ดีชั่วก็คือคนจะทำให้ชั่วได้ รับความทุกข์ความลำบากหรือความสุขความสบาย ก็คือคนประพฤติตัวให้เป็นไปเช่นนั้นต่างหาก ศาสนาจึงสอนลงที่นี่ไม่ได้สอนไปที่อื่นใดทั้งนั้น ฉะนั้นเราทุกๆ ท่านที่ได้เกิดมาเป็นมนุษย์นี้ชื่อว่าเรามีลาภอันประเสริฐดังภาษิตที่ได้ยกขึ้นไว้ ณ เบื้องต้นนั้นว่ากิจฺโฉ มนุสฺสปฏิลาโภการที่ได้มาเกิดเป็นมนุษย์นี้เป็นลาภอันประเสริฐท่านว่าอย่างนี้ทำไมถึงว่าเป็นลาภอันประเสริฐเล่า เพราะมนุษย์นี้มีฐานะสูงกว่าสัตว์มากมายความรู้ความฉลาดก็มีมากกว่าสัตว์และรู้ดีชั่วทุกอย่างด้วย


    ผู้ที่จะได้มาเกิดเป็นมนุษย์ ต้องเป็นผู้มีภูมิธรรมสมควรจะเป็นมนุษย์เช่นเดียวกับตึกห้างร้านใหญ่ๆที่มีราคาแพงๆทัพพสัมภาระเครื่องจะปลูกสร้างควรจะเป็นตึกเป็นห้างต้องเพียงพอ ไม่เช่นนั้นก็จะกลายเป็นกระต๊อบไปจะเรียกว่าตึกว่าห้างว่าร้านไม่ได้เขาจะเรียกเพียงกระต๊อบเท่านั้นข้อนี้ก็ฉันนั้นเหมือนกัน ทัพพสัมภาระคือคุณงามความดีที่เราบำเพ็ญมา สมควรจะเป็นมนุษย์ได้นั้นแลจึงจะอุบัติขึ้นมาเป็นมนุษย์ได้ถ้าหากว่าภูมิไม่สามารถเช่นนั้นก็กลายเป็นกระต๊อบไปที่เรียกว่ากำเนิดของสัตว์ประเภทต่างๆนั้นเทียบเหมือนกระต๊อบเพราะไม่ค่อยมีความหมายอะไรนักไปที่ไหนก็มองเห็นกันทั่วๆ ไปไม่เป็นที่สะดุดตาสะดุดใจ


    ดังที่เราเดินผ่านมาเห็นกระต๊อบนาเขาเป็นอย่างไรบ้างเป็นที่สะดุดตาเราว่าเป็นของที่มีคุณค่าน่าต้องการไหมไม่มีใครต้องการและไม่มีใครสะดุดตาสะดุดใจแต่ไปเห็นห้างร้านใหญ่ๆที่มีความแน่นหนามั่นคงความสวยงามมาก จะมีความรู้สึกอย่างไรไม่ว่าใจท่านใจเราจะมีความรู้สึกเช่นเดียวกันฉะนั้นความเป็นมนุษย์จึงมีความแปลกต่างจากสัตว์อยู่มากมายยิ่งเรารักษาระดับความเป็นมนุษย์ของเราไว้ได้แล้ว เรายิ่งจะเลื่อนฐานะจากความเป็นมนุษย์นี้ไปอีกเป็นชั้นๆ มนุสฺสามนุสฺโส มนุสฺสเปโต มนุสฺสเทโว นั่นมนุษย์มีหลายประเภท ถ้าเราไม่สามารถจะรักษาระดับความเป็นมนุษย์ของเราไว้ได้ด้วยความประพฤติเหลวแหลก ก็กลายเป็นมนุสฺสเปโต มนุสฺสาติรัจฉานในร่างแห่งมนุษย์


    คือกายเป็นมนุษย์จริงแลแต่ใจนั้นกลายเป็นสัตว์เดรัจฉานเป็นเปรตเป็นผีไปเสียทำความเดือดร้อนแก่บ้านเมือง ไปที่ไหนชาวบ้านเดือดร้อนทุกหย่อมหญ้าประเภทนั้นเขาเรียกว่ามนุษย์ที่เป็นผีหรือว่าเป็นเปรตเป็นผีในร่างแห่งมนุษย์ไม่รู้บุญรู้บาปไม่รู้ดีรู้ชั่วกลายเป็นสัตว์เดรัจฉานไปในร่างแห่งมนุษย์นี่ถ้าไม่สามารถประคับประคองระดับของมนุษย์ ด้วยความประพฤติอันดีงามให้สมกับภูมิมนุษย์ไว้ได้ จะกลายลงไปเป็นเช่นนั้น


    ถ้าสามารถประพฤติปฏิบัติปรับปรุงแก้ไขตนให้อยู่ในระดับของมนุษย์ได้และให้ยิ่งขึ้นไปกว่านั้นก็กลายเป็น มนุสฺสเทโวคือกายเป็นมนุษย์แต่ใจมีอรรถมีธรรมมีความเมตตาสงสารรู้จักท่านรู้จักเรารู้จักบุญคุณต่อท่านผู้มีคุณรู้จักวิธีปฏิบัติต่อตัวว่าสิ่งใดถูกสิ่งใดผิดไม่ ทำเอาตามความอยากที่ฉุดลากให้พาเป็นไป แต่ทำตามเหตุผล เมื่อสิ่งใดถูกแล้วพยายามทำสิ่งนั้น จะยากลำบากไม่เป็นของสำคัญ แต่จะทำให้ได้ตามหลักกฎเกณฑ์ที่เหตุผลชี้บอกไว้หรือเป็นคนมีความรักความดีเสมอรักศีลรักธรรมรักตัวก็ชื่อว่ารักธรรม


    เพราะการบำเพ็ญทุกอย่างในบรรดาคุณงามความดีทั้งหลาย จะต้องบำเพ็ญเพื่อตัวทั้งนั้นส่วนที่มีมากขึ้นหรือคนอื่นจะได้รับผลประโยชน์จากเรานั้นเป็นผลที่พลอยได้คนที่มีใจเป็นศีลเป็นธรรมมีหิริโอตตัปปะละอายต่อบาปต่อกรรมต่อความชั่วช้าลามก มีความห้าวหาญรื่นเริงบันเทิงเชื่อเลื่อมใสต่อคุณงามความดีต่อบุญต่อกรรมคนประเภทนี้แลเป็นเทพภายในใจในร่างแห่งมนุษย์นี้แลเลื่อน ขึ้นไปเป็นลำดับ ถ้าสามารถประพฤติปฏิบัติตนให้ยิ่งขึ้นไปยิ่งกว่านั้นจนสำเร็จเป็นมรรคผล นิพพานขึ้นมา ก็กลายเป็นวิสุทธิเทพขึ้นไปเป็นชั้นๆถึงขั้นพระอรหันต์เรียกว่าวิสุทธิเทพเป็นผู้หมดจดภายในจิตใจโดยสิ้นเชิงผู้นั้นแลจะอยู่ที่ไหนก็เป็นผู้ประเสริฐในร่างแห่งมนุษย์นี้แล


    ร่างกายนี้ก็เป็นก้อนธาตุ ส่วนผสมเช่นเดียวกับโลกทั่วๆ ไปแต่ใจนั้นเป็นใจที่บริสุทธิ์วิมุตติพุทโธตรัสรู้ธรรมตามเสด็จพระพุทธเจ้าได้นี่ชื่อว่าเป็นผู้ประเสริฐ ในมนุษย์คนเดียวนี้แลแปรสภาพได้หลายอย่างจากความประพฤติจากความรู้ความเห็นที่ตนได้สดับตรับฟังมาแล้วอย่างไรนำไปดัดแปลงตนเองถ้าเราเห็นว่ามนุษย์เป็นของที่มีคุณค่าเราก็ต้องสงวนความเป็นมนุษย์ของเราด้วยความประพฤติดีงาม อย่าให้เป็นไปในสุ่มสี่สุ่มห้ายิ่งเราได้ศึกษามากเท่าไรแล้วก็ยิ่งจะสงวนศักดิ์ศรีของตนให้มากคือความประพฤติดี อย่าให้ความรู้ท่วมหัวแล้วเอาตัวไปไม่รอดอย่างนี้ใช้ไม่ได้ผิดเพราะครูอาจารย์ไม่ว่าจะเป็นทางโลกทางธรรมสอนลูกศิษย์ต้องสอนเพื่อความรู้ความฉลาดสอนเพื่อความเป็นคนดีปฏิบัติ หน้าที่การงานให้เป็นประโยชน์ ได้รับผลประโยชน์ทั้งตนและผู้อื่น ไปที่ไหนคนมีความยินดีชมเชยสรรเสริญเหมือนพ่อแม่กับบุตรเห็นกันฉะนั้น


    ครูอาจารย์ไม่ว่าจะเป็นทางโลกทางธรรม สอนลูกศิษย์ต้องมุ่งให้ลูกศิษย์ดีทั้งนั้นถ้าได้ทราบข่าวว่าลูกศิษย์คนนั้นไม่ดีๆ ครูอาจารย์ก็รู้สึกไม่สบายใจ และยังขายหน้าครูอาจารย์อีกเสียเพียงคนเดียวยังต้องเสียถึงครูถึงอาจารย์ไปอีก ถ้าเราดีครูบาอาจารย์ก็พลอยดีไปด้วยเป็นสิริมงคลแก่ตัวของเรา


    วันนี้แสดงธรรมะก็รู้สึกจะแสดงไปมากหน่อย หากว่าได้ผิดพลาดในตอนใดก็ดีหวัง ว่าได้รับอภัยจากบรรดาท่านที่มา และวันนี้ขอขอบคุณและอนุโมทนากับบรรดาท่านทั้งหลายทุกๆ ท่านที่อุตส่าห์มาจากหน่วยต่างๆ ที่ได้มาทำประโยชน์ บำเพ็ญประโยชน์ให้โลกได้รับความร่มเย็นเพราะคนที่ก้าวเข้ามาหาหมอนั้น ล้วนแล้วตั้งแต่เป็นคนจนตรอกจนมุม หาทางแก้ไขตัวเองหรือช่วยตัวเองไม่ได้เราได้ช่วยคนที่จนตรอกจนมุมเช่นนั้นจึงชื่อว่า เราได้บำเพ็ญประโยชน์อย่างเต็มที่ บุญก็เห็นประจักษ์ใจมีความเย็นอกเย็นใจว่าเราได้ปฏิบัติเต็มกำลังในหน้าที่ของเราด้วยนอกจากนั้นคนไข้ก็หายไปด้วยชื่อว่าเราบำเพ็ญประโยชน์


    เพราะคำว่าหมอย่อมเป็นเหมือนบิดามารดาของคนไข้ไม่ว่าคนไข้ประเภทใด เมื่อมองเห็นหมอแล้วรู้สึกมีความยิ้มแย้มแจ่มใส ประหนึ่งว่ายังไม่ได้ใส่ยาเลยก็หายไปแล้วโรคเพราะความดีใจนี่เป็นความรู้สึกของคนไข้ที่มีต่อหมอดังนั้นเราผู้เป็นหมอก็กรุณาได้ให้ความเมตตาอบอุ่นแก่คนไข้เต็มสติกำลังความสามารถของเราการปฏิบัติต่อคนไข้มารยาทความประพฤตินี้เป็นโอสถอันหนึ่งซึ่งจะมองข้ามไปไม่ได้อัธยาศัยใจคอโอบอ้อมอารีเอาอกเอาใจคนไข้นี่เป็นสิ่งสำคัญถ้าเป็นยาก็เป็นโอสถอันหนึ่ง ทำใจคนไข้ให้ดีมองเห็นหมอแล้วมีความอบอุ่นเย็นอกเย็นใจสบายไปหมดยิ่งได้รับยาเข้าแล้วก็หายไปเลยทีเดียวหากว่า ไม่หายจะตายไปคนไข้ก็ไม่ได้แสลงใจกับหมอ คนที่เป็นญาติเป็นมิตรที่ไปเกี่ยวข้องกับคนไข้ ก็มีความภาคภูมิใจว่าหมอได้มีเมตตาอย่างเต็มที่แล้ว ตายไปก็เป็นสิ่งสุดวิสัยของผู้นั้นเอง


    ทุกๆ ท่านที่มาบำเพ็ญประโยชน์แต่ละครั้งๆจึงจัดว่าได้บุญมากคือให้ความสุขแก่คนอื่นความสุขก็ต้องย้อนมาหาเราไม่ไปที่ไหนต้องย้อนมาหาเรานี่แลการทำดีต่อผู้อื่น ไม่ว่าผู้ใดก็เท่ากับเราทำดีเพื่อเราเช่นเดียวกันตามหลักธรรมของพระพุทธเจ้าท่านสอนไว้อย่างนั้นนี่จัดว่าเป็นกรรมดีกุศลกรรมทำลงไปที่ไหนก็เป็นผลดีขึ้นมาสำหรับเรา กรรมชั่วทำคนอื่นให้เดือดร้อน แทนที่จะทำให้หนำใจให้สมใจเราแต่กลับกลายมาเราเป็นผู้ได้รับความทุกข์เพราะกรรมชั่วของตนที่ทำไปนั้นเสียนี่ท่านเรียกว่า อกุสลาธรรม หรือ อกุสลา ธมฺมา หรืออกุศลกรรม


    หลักศาสนาสอนให้เชื่อกรรมกรรมหมายถึงการกระทำคิดออกมาภายในใจก็จัดเป็นกรรมคือกระทำทางใจ พูดออกทางวาจาก็เรียกว่ากรรม เพราะได้เคลื่อนไหวออกมาแล้วทำทางกายก็เรียกว่ากรรมเราอยู่ในกรอบของกรรม ฉะนั้นโปรดได้ใคร่ครวญกลั่นกรองเรื่องกรรมที่ตนจะพึงทำด้วยดี อย่าทำแบบสุ่มสี่สุ่มห้าเมื่อผิดพลาดลงไปแล้วจะเดือดร้อนเมื่อภายหลัง ไม่ดีเลยองค์สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้าทรงเน้นนักเรื่องของกรรม ให้เลือกเฟ้นให้ดีปัจจุบันมีความเป็นอยู่ด้วยความราบรื่นในความประพฤติ อนาคตจะแจ่มใสเพราะอนาคตต้องไปจากปัจจุบันคือวันนี้ถ้าเราพยายามปรับปรุงตนเองให้ดีไปตั้งแต่วันนี้เป็นลำดับๆวันหน้าก็พยายามปรับปรุงเช่นนี้ ปีหน้าเดือนหน้าไหนก็ต้องเป็นคนดีตลอดไปดีตลอดสาย


    ถ้าเราต้องการอยากดีเฉยๆแต่มองข้ามความประพฤติที่จะควรให้ดีนั้นเสีย แม้จะปรารถนาเท่าไรก็ไม่มีหวังนี่ตามหลักธรรมท่านสอนอย่างนั้นฉะนั้นโปรดได้พากันนำไปพินิจพิจารณาส่วน ใดที่เห็นว่าสมควรแก่วิสัยของตนก็โปรดได้นำไปประพฤติปฏิบัติ กำจัดสิ่งที่เป็นภัยซึ่งมีอยู่ในตัวของเราทุกๆ ท่านให้หมดไป ด้วยหลักธรรมะที่พระพุทธเจ้าตรัสไว้ชอบแล้วนี้และขออำนวยพรให้แก่บรรดาท่านทั้งหลายทุกๆ ท่านได้มีความสุขความเจริญปรารถนาสิ่งใดก็ขอได้สมหวังตามความมุ่งมาดปรารถนาโดยทั่วกันเอวังก็มีด้วยประการฉะนี้


    คัดลอกจาก http://www.luangta.com/thamma/thamma_talk_text.php?ID=1748&CatID=2
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 26 ธันวาคม 2011

แชร์หน้านี้

Loading...