ดุดวงเพื่ออะไร เฮ้ยยยย จริงดิ ดูไปทำไม

​

อยากฝากถึงเพื่อนๆห้องดูดวงนะครับ

ดวงก็คือแผนที่กรรมของเรา การดูดวงก็คือการกางแผนที่นั้นเอง
แต่คนที่กำลังตกทุกข์มักสนใจเรื่องดวงชะตาว่าต้องทำยังไงต้องแก้ยังไง
อันนี้เข้าใจครับ ความทุกข์คนเราบางทีต้องการที่พึ่งเพื่อความสบายใจ
แต่หากดวงคุณไม่ดีคำพยากรณ์ก็บวกว่าคุณ"ซวยจริงๆ"คุณก็คงจิตตกกัน
แทนที่จะสบายใจก็ทุกข์หนักเข้าไปอีก แต่หากพยากรณ์มาว่าเดี่ยวก็ดี ก็สบายใจ

ฉนั้นการดูดวงเป็นสิ่งที่เราพึ่งได้ในระดับหนึ่งเท่านั้นนะครับ เพราะรู้ไปมันก็แก้ไขอะไรได้ไม่มาก ย้อนกลับมาดูปัจจุบันดีกว่า ในเมื่อพรหมลิขิต(กูไม่เชื่อ)
แต่คงปฏิเสธไม่ได้ว่า***กรรมลิขิต*** ก็เป็นที่ทราบกันดี หันมาหมั่นเจริญสติ มีศีลธรรม ทำบุญให้ทาน ตามกำลังวันละเล็กละน้อย นั้นแหละครับ พลิกชีวิตได้ดี ตัวเราลิขิตกรรมตัวเอง ทำไมต้องให้คนอื่นลิขิตกรรมเรา

ก็มีประสบกราณ์ที่ผมเจอมามากมาย เมื่อชีวิตพวกเขาตกต่ำ เขาเลือกที่จะปฏิบัติธรรม ชีวิตก็ดีตามลำดับ และดีอย่างมีสติด้วย ก็เห็นมามากนะครับ


ก็อยากเตือนไว้นะครับ ค่าครูดูดวง ถ้าแพงเกินอย่านะครับ เพราะเราทุกข์ใจแล้วต้องไปทุกข์เพิ่มกับหมอดูทำไม
หมอดูมีทั้งหมอดูเมตตา และ หมอดูการตลาดนะครับ ควรระวัง

บางครั้งแม่นจริงดีจริง แต่เล่นซะเราตัวเบานั้นก็ไม่ควรนะครับ

ก็อย่างที่บอกนะครับ วิถีพุทธดีที่สุดแก้ไขได้แน่นอนชัวร์ ดูดวงแค่น้ำจิ้ม อย่าไปถือมันมาก

***ถึงแม้แต่คุณจะได้ผูกดวงพิชัยสงคราม หรือทำยันต์หนุนดวง หรือทำอะไรก็ตามที่หนุนดวงให้ดีขึ้น
ครูบาอาจารย์ท่านก็มีข้อกำหนดให้อยู่ในศีลธรรมอยู่ดี***

 

ทำทานแก่สัตว์เดรัจฉาน 100 ครั้ง ผลบุญยังน้อยกว่าทำทานกับคนไม่มีศีลแม้เพียงครั้งเดียว
ทำทานกับคนไม่มีศีล 100 ครั้ง ผลบุญยังน้อยกว่าทำทานกับผู้มีศีล 5 แม้เพียงครั้งเดียว
ให้ทานผู้มีศีล 5 มากถึง 100 ครั้ง ผลบุญยังน้อยกว่าให้ทานผู้มีศีล 8 แม้เพียงครั้งเดียว
ให้ทานผู้มีศีล 8 มากถึง 100 ครั้ง ผลบุญยังน้อยกว่าถวายทานผู้มีศีล 10 แม้เพียงครั้งเดียว
ถวายทานผู้มีศีล 10 มากถึง 100 ครั้ง ผลบุญยังน้อยกว่าถวายทานแด่สมมุติสงฆ์แม้เพียงครั้งเดียว
ถวายทานแด่สมมติสงฆ์ 100 ครั้ง ผลบุญยังน้อยกว่าถวายทานแก่พระโสดาบันแม้เพียงครั้งเดียว
ถวายทานแด่พระโสดาบัน 100 ครั้ง ผลบุญยังน้อยกว่าถวายทานแก่พระสกิทาคามี แม้เพียงครั้งเดียว
ถวายทานพระสกิทาคามี 100 ครั้ง ผลบุญยังน้อยกว่าถวายทานพระอานาคามีแม้เพียงครั้งเดียว
ถวายทานพระอนาคามี 100 ครั้ง ผลบุญยังน้อยกว่าถวายทานให้พระอรหันต์ แม้เพียงครั้งเดียว
ถวายทานแก่พระอรหันต์ 100 ครั้ง ผลบุญยังได้น้อยกว่าถวายทานแก่พระปัจเจกพุทธเจ้า แม้เพียงครั้งเดียว

ถวายทานแก่พระปัจเจกพุทธเจ้า 100 ครั้ง ผลบุญยังได้น้อยกว่าถวายทานแด่พระสมเด็จสัมมาสัมพุทธเจ้า แม้เพียงครั้งเดียว
ถวายทานแด่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า 100 ครั้ง ยังได้บุญน้อยกว่าการถวายสังฆทานที่มีพระพุทธเจ้าเป็นประธาน แม้จะถวายเพียงครั้งเดียว
ถวายสังฆทานที่มีพระพุทธเจ้าเป็นประธาน 100 ครั้ง ยังได้บุญน้อยกว่าถวายวิหารทานครั้งเดียว
ถวายวิหารทาน 100 หลัง ยังได้บุญน้อยกว่าให้ธรรมทานครั้งเดียว
ให้ธรรมทาน 100 ครั้ง ยังได้บุญน้อยกว่าการให้อภัยทานครั้งเดียว

**การให้อภัยทาน(ธรรมทาน) ย่อมชนะเสียซึ่งทานทั้งปวง

อภัยทาน 100 ครั้ง บุญยังน้อยกว่าการถือศีล 5 แม้เพียงครั้งเดียว
ถือศีล 5 มากถึง 100 ครั้ง บุญยังน้อยกว่าถือศีล 8 แม้เพียงครั้งเดียว
ถือศีล 8 มากถึง 100 ครั้ง บุญยังน้อยกว่าการถือศีล 10 ครั้งเดียว ( ถือศีล 10 คือบวชเป็นสามเณร)
บวชเป็นสามเณร รักษาศีลไม่ด่างพร้อย 100 ปี บุญยังน้อยกว่าผู้อุปสมบทเป็นพระ แม้บวชเพียงวันเดียว

พระพุทธเจ้าตรัสในเบื้องปลายว่า

“แม้จะได้อุปสมบทเป็นภิกษุ รักษาศีลครบ 227 ข้อ ไม่เคยขาด ไม่ด่างพร้อย 100 ปี บุญกุศลยังน้อยกว่าผู้ที่ทำสมาธิให้จิตสงบ(ฌาน) แม้นานเพียงไก่กระพือปีก”


ผู้ใดเข้าฌาน นาน 100 ปีและไม่เสื่อม บุญยังน้อยกว่า
"ผู้ที่มองเห็นความเป็นจริงว่า สรรพสิ่งทั้งหลายไม่เที่ยง มาจากการปรุงแต่ง เป็นอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา แม้จะเห็นเพียงชั่วขณะจิตก็ตาม

 

** เห็นด้วยอย่างยิ่ง **

 

ดวงคือกรรม ในเมื่อดวงคือกรรม แล้วกรรมคืออะไรหากไม่ใช่การกระทำของเราเอง ถ้าเราอยากดวงดี ย่อมไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากสร้างกรรมดีแก้ไขปรับปรุงพฤติกรรมและพัฒนาตนเองไปในทางที่ดี ซึ่งเป็นวิธีแก้กรรมและแก้ดวงเพียงวิธีเดียวเท่านั้น ​

 

แต่การดูดวงก็เป็นศาสตร์อย่างหนึ่งที่มีความแม่นยำอย่างมาก เพราะมีมาตั้งแต่สมัยโบราณกาล ในสมัยก่อน ก่อนที่พระมหากษัตริย์จะออกศึกทำสงครามนั้นก็ต้องมีการตรวจดวงเมืองกันก่อนเสมอ เพราะฉะนั้นการดูดวงก็ไม่ใช่เป็นสิ่งที่ไรเหตูผล แต่ก็เป็นการบอกบางอย่างเพื่อที่จะให้ลดความประมาทน้อยลงนั่นเอง ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ข้นอยู่กับตัวเราเองแทบทั้งสิ้น