ดารา ถ้าเกิดไม่เคยทำบุญอย่างอื่นตกนรกหมด เพราะทำให้คนยึดติด

ในห้อง 'กฎแห่งกรรม - ภพภูมิ' ตั้งกระทู้โดย WebSnow, 8 สิงหาคม 2005.

  1. WebSnow

    WebSnow ผู้ก่อตั้งเว็บพลังจิต ทีมงาน Administrator

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 เมษายน 2003
    โพสต์:
    8,695
    กระทู้เรื่องเด่น:
    129
    ค่าพลัง:
    +64,020
    ถาม : เมื่อตะกี้ผมเล่าให้น้องเขาฟังครับ เรื่องดารา ถ้าเกิดไม่เคยทำบุญอย่างอื่นตกนรกหมด เพราะทำให้คนยึดติดก็รู้สึกเอ๊ะ ในเมื่อดารามันทำสัมมาอาชีวะแล้วทำไมต้องไปตกนรกด้วยในเมื่อเถ้าเขาไม่ทำเขาก็ไม่มีกิน ?
    ตอบ : มันเป็นมิจฉาทิฏฐิ คือ สิ่งที่เขาทำมันค้านกับธรรมะที่แท้จริง เพราะว่าสิ่งที่เขาทำมันเป็นมายา มันทำให้คนหลงยึดติดอยู่ สังเกตไหมล่ะว่านางอิจฉาเข้าไปในตลาดดีไม่ดีเจอเปลือกทุเรียนก็รองเท้าขว้างเอานั่นน่ะ คนมันยึดขนาดนั้น พระพุทธเจ้าสอนให้ละ ไอ้พวกนี้ทำให้ยึด มันตรงกันข้ามกับสิ่งที่พระพุทธเจ้าสอนเรียกว่ามิจฉาทิฏฐิ โทษของมิจฉาทิฏฐินี่มันหนักมากนะ อเวจีทีเดียว น่าสงสารมากเลย ในพระไตรปิฎกมีอยู่คือ พระตาลปุตตคามินีเถระ ท่านเป็นนักแสดงที่มีชื่อเสียงมาก ได้รับการอบรมมาจากวงการนักแสดงเขาบอกไว้ว่า บุคคลที่สร้างความรื่นเริงให้แก่ผู้อื่นจะได้เป็นสหายของเทวดาชั้นดาวดึงส์ ก็คือว่าจะได้ไปเกิดที่นั่น ภาษาบาลีฟังยากมันต้องแปลเป็นไทยอีกทีหนึ่ง ท่านเองท่านก็ยึดมั่นในจุดนั้นมา
    คราวนี้พอไปเปิดการแสดงที่เมืองสาวัตถี ได้ยินมาว่าสมณโคดมทราบเรื่องทุกอย่าง ได้โอกาสก็เข้าไปกราบทูลถามพระพุทธเจ้าว่า สิ่งที่ท่านทำจะให้ท่านได้เกิดบนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์จริงไหม พระพุทธเจ้าท่านบอกว่า ดูก่อน มายาการ อย่าเพิ่งให้ิเราพยากรณ์เลย ท่านเองตื้อถามถึง ๓ วาระ พอถึงครั้งที่ ๓ พระพุทธเจ้าบอกว่าลงอเวจีมหานรก คราวนี้ดีตรงที่ว่าท่านเชื่อ นั่งร้องไห้เลยถามว่าทำยังไงถึงจะรอดได้ พระพุทธเจ้าบอกว่าบวชแล้วปฏิบัติ ไม่นานท่านก็เป็นพระอรหันต์รอดไป ถ้าไม่เชื่อก็ซวย คราวนี้มันมีตัวอย่างอยู่ ไอ้ดาราวัยรุ่นธรรม์โทณวนิก น่ะ ไอ้ที่มันตายดูคนไปงานศพมันกี่หมื่น ถ่ายหนังสือพิมพ์ออกมาเห็นแล้วตกใจมันทำให้คนติดได้ขนาดนั้นแล้วไอ้ดาราเพลงร็อคของญี่ปุ่น มันมากันทีคนแห่กันไปดอนเมืองรถติดบรรลัยวายวอดเลย คนติดมันขนาดไหน แต่มันเป็นการยึดในทางที่ผิด จริง ๆ แล้วการปฏิบัติมันต้องปล่อย ยึดเมื่อไหร่ก็อยู่แค่นั้นแหละ
    ถาม : แต่มันเป็นเรื่องทางโลกนะครับ ไม่มีก็ไม่ได้
    ตอบ : ก็มันไม่มีก็ได้ถ้าหากว่าคนเราพอใจมีธรรมะประกอบอยู่แต่ บังเอิญว่าคนเรามันไม่สนใจจะหันมาหาธรรมะ มันสนใจแต่ทางด้านโน้นจริง ๆ แล้วพวกนี้น่าสงสารมาก การแสดงแสง สี เสียง อะไรต่าง ๆ ก็ดี ที่มันเกิดขึ้นมาเพื่อกระตุ้นในเรื่องของรูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส เหล่านี้มันทำให้ปีติเกิดขึ้นในใจชั่วคราว ทำให้จิตมันฟูขึ้นมา ทำให้รู้สึกว่ามีความสุข แต่มันเป็นความสุขที่เกิดจากการกระตุ้นภายนอก มันไม่เหมือนกับการรักษาศีลเจิรญภาวนาที่เป็นความสุข ที่เป็นปีติที่เกิดขึ้นจากภายใน มันอยู่ยั้งยืนยงกว่าเพราะมันเพาะสร้างขึ้นมาเอง แต่ว่าอันโน้นมันเกิดจากการกระตุ้นภายนอก
    เมื่อขาดสิ่งกระตุ้นนั้นมันก็ขาดไป พวกนี้ก็จะเกิดอาการทุกข์ขึ้นมา ทุกข์ตรงที่ว่า เอ๊ะ ทำไมไอ้ความสุขที่เคยมีมันหายไปก็ตะเกียกตะกายไปหาอีก ก็ต้องไปกินเหล้าเมายา ไปเต้นรำ ไปเข้าคลับ เข้าบาร์กัน เข้าโรงหนัง ฟังเพลง ไปกรี๊ดกันมันถึงจะมันส์
    ถาม : พวกนักร้องก็เหมือนกันเหรอครับ
    ตอบ : เหมือนกันหมด พวกนี้ส่วนใหญ่แล้วทำให้คนยึดติด ถ้าไม่เคยทำบุญอื่นมาในลักษณะที่เรียกว่ากำลังใจทรงตัวน่ะนะ โอกาสรอดอเวจีน้อยเต็มที น่าสงสาร
    ถาม : อย่างนี้พวกนักฟุตบลมันก็เกี่ยวเนื่องไหมครับ ?
    ตอบ : มันก็มีสิทธิ์เหมือนกัน
    ถาม : อย่างพวกแมนยู ลิเวอร์พูล อาร์เซนอล
    ตอบ : พวกนี้จริง ๆ มันไม่น่าโทษเขานะไอ้คนระยำดันไปติด
    ถาม : เลยพาเขาซวยไปด้วย
    ตอบ : ต้องดูเจตนาของเขา ถ้าเจตนาของเขาคือว่าวางลีลาจะมีท่าแปลก ๆ อะไรออกมาเพื่อดึงดูดใจคน ไอ้นี่เจตนาชัดเลย โทษ ๑๐๐%ถ้าหากว่าเป็นอาชีพของตัวเองทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุดคนอื่นจะเป็นอย่างไรเราไม่เกี่ยว นี่โอกาสรอดยังมีเยอะ คราวนี้แบบแรกมันจะเยอะ เป็นแบบแรกซะเกือบหมด
    ถาม : ตายแน่ เดวิด เบคแฮม (หัวเราะ) โห ทั้งสามีภรรยาเลย
    ตอบ : เอาให้ถึงเวลาก็ไปดูแล้วกัน ถ้าคนไปติดเขาเองน่ะจริง ๆ แล้ว โทษเขาไม่มี แต่ว่าพวกนี้ส่วนใหญ่เจตนาหาจุดเด่นขึ้นมาเพื่อดึงดูดไง มันช่วยได้เยอะชื่อเสียงของตัวเองก็ได้เงินทองก็มากขึ้น
    ถาม : คือว่าถ้าเป็นดาราก็คิดซะว่าเราทำหน้าที่ของเรา
    ตอบ : คือทำหน้าที่ของเราให้ดีที่สุดไป แล้วถึงเวลาเรื่องของบุญ ของบาปของอะไรบาปเราก็ละบุญเราก็ทำให้จิตใจมันเกาะบุญมากกว่าบาป โอกาสรอดมันก็มี
    ถาม : เอาใจเป็นที่ตั้งเหรอครับ ?
    ตอบ : ทุกอย่างมันเกิดที่ใจ มโนปุพพังคมาธัมมา
     
  2. จิตฺตคุโณ ภิกขุ

    จิตฺตคุโณ ภิกขุ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    19
    ค่าพลัง:
    +37
    เจริญพร
    เคยมีมาในธรรมบทตอนหนึ่งว่า
    มีนักดนตรีคนหนึ่ง เป็นที่ชื่นชอบของชนทั้งหลาย ทุกครั้งที่เขาบรรเลงเพลงนั้น
    ผู้คนจะร้องรำกันสนุกสนาน วันหนึ่งนั้น เขาได้พบพระผู้มีประภาคเจ้าจึงถามว่า
    "ข้าแต่พระองค์ ข้าพเจ้าทำให้คนเป็นสุขเพียงนี้ เมื่อสู่สัมปรายภพ จะสู่พิมานชั้นใด"
    พระผู้มีประภาคเจ้าทรงนิ่งอยู่เช่นนั้น
    เขาจึงเอ่ยถามถึง ๓ ครั้ง พระพุทธองค์จึงทรงตรัสตอบไปว่า
    "ดูกรเธอเอ๋ย อันชนโดยปกติ มักมีสติแลสัมปชัญญะเป็นเครื่องประคับประคองตนไว้
    แต่เมื่อเสียงเพลงของเธอดังขึ้น เขาเหล่านั้นล้วนร้อง รำ เสมอด้วยคนผู้เป็นบ้า
    นั่นมิใช่กุศล แต่เป็นอกุศล แต่หน้าต่อไปเมื่อกายแตก เธอจะต้องสู่นิรย (นรก) ฉันนั้นแล"
    นักดนตรีคนนั้นถึงกับร้องให้ออกมาและในที่สุดก็ทูลขออุปสมบทไม่กลับไปเล่นดนตรีอีกเลย
     
  3. Sittirat

    Sittirat เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    91
    ค่าพลัง:
    +821
    ในพระไตรปิฏกบอกไว้ว่า

    อาชีพที่ควรห้ามเด็ดขาดคือ
    1.ค้าสุรา
    2.ค้าอาวุธ
    3.ค้ายาพิษ
    4.ค้าเนื้อสด (คน)
    5.ค้าสัตว์

    อาชีพที่ควรละเว้นคือ
    1.พวกเต้นกินรำกิน (อาชีพที่สร้างความบรรเทิงทั้งหลาย) เพราะไปมอมเมาผู้อื่นให้ลุ่มหลง

    *อาชีพที่กล่าวมาทั้งหมด หากใครทำ ต้องไปนรกครับ*
     
  4. incubird

    incubird สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    16
    ค่าพลัง:
    +12
    แล้วนักดนตรี ตกนรกไปแล้วจะถูกลงโทดอย่างไรครับ ทั้งนักดนตรีกลางคืน นักดนตรีออกเทป แล้วนักดนตรีห้องอัด และ ครูสอนดนตรีจะโดนด้วยหรือปล่าวครับ มีวิธีแก้ไหม เพราะความรู้ผมที่จะประกอบอาชีพอื่นไม่มีอะไรนอกจากดนตรี กับ ศิลปะแล้วครับ
     
  5. ผู้เดินทาง

    ผู้เดินทาง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    203
    ค่าพลัง:
    +407
    บนสวรรค์ก็มีนักดนตรี มีการฟ้อนรำ เยอะมากด้วย (พวกคนธรรม์เล่นดนตรี พวกนางฟ้าฟ้อนรำ) ดังนั้นให้รู้จักแยกแยะอารมณ์และเจตนา ระหว่างความบันเทิงส่วนตัว และการมอมเมาให้ลุ่มหลง

    หากเราตั้งเจตนาว่าเล่นดนตรีก็เพื่อหาเลี้ยงชีพ และ/หรือเพื่อการบันเทิงผ่อนคลายทั้งตนและผู้ฟัง ไม่ได้มีเจตนาให้ใครมาคลั่งใคล้ ลุ่มหลงในตัวเราหรือในเพลงที่เล่น และเพลงที่เล่นก็ไม่ได้มีลักษณะที่กระตุ้นอารมณ์หยาบๆ เช่นความกร้าวร้าวรุนแรง ความโกรธ ความกำหนัด ความเศร้าเสียใจอย่างรุนแรง อันล้วนก่อให้เกิดภาวะลุ่มหลงขาดสติไปในทางอารมณ์อกุศลหยาบๆเหล่านั้น เช่นนี้แล้วก็ไม่มีเหตุอันรุนแรงขนาดจะทำให้ตกสู่อบายภูมิครับ

    บนสวรรค์จะเล่นเพลงเบาๆสบายๆน่ารื่นรมณ์ เช่นพวกเพลงคลาสิก เพลงไทยเดิม เป็นต้น

    ในภูมิเถื่อนๆที่มีแต่พวกกร้าวร้าวมารวมกัน ก็จะเล่นเพลงเถื่อนๆชวนให้กร้าวร้าวครับ

    ในภูมิที่มีแต่ความเหงาหงอยสร้อยเศร้า ก็จะเล่นแต่พวกเพลงเศร้าๆชวนให้เหงาเศร้าเสียใจ
     

แชร์หน้านี้

Loading...