ดับทุกข์-ทุกข์ดับ ที่..."อารามแห่งความดับทุกข์”

ในห้อง 'วัดและศาสนสถาน' ตั้งกระทู้โดย paang, 14 เมษายน 2009.

  1. paang

    paang เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 เมษายน 2005
    โพสต์:
    9,492
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +34,328
    [​IMG]



    ปัจจุบัน มีวัดร้างอยู่เป็นจำนวนมาก หลายแห่งกลายเป็นเพียงสถานที่ซึ่งมีไว้เพียงท่องเที่ยวเพื่อให้ระลึกถึงความยิ่งใหญ่ของพระพุทธศาสนา เมื่อครั้งที่เคยรุ่งเรือง


    ขณะที่แนวโน้มของพระภิกษุในประเทศไทยได้ลดจำนวนลงไปจากปีละ ๓ แสนรูป เหลือเพียงแสนกว่ารูป บางส่วนเบี่ยงเบนทางเพศ บางส่วนเป็นพระที่ศึกษาเพื่อเตรียมจะสึกออกไปทำงานประกอบอาชีพในทางโลก บางส่วนเตรียมสึกไปแต่งงาน นี่คือสถานการณ์ของพระพุทธศาสนาที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน

    ท่านผู้รู้และปฏิบัติชอบท่านหนึ่ง แสดงทัศนะเอาไว้ว่า “ที่เป็นเช่นนี้ เนื่องจากพระส่วนหนึ่งไม่มีความรู้ในพระธรรม จึงไม่สามารถครองตนรักษาศีลอย่างบริสุทธิ์ได้ ซึ่งสวนทางกับฆราวาส ที่อยู่ในยุคที่ต้องการไขว่คว้าหาธรรมะดีๆ มาเป็นตัวช่วยในการนำทางชีวิต ดังนั้นสงฆ์ไม่ว่าพระภิกษุ หรือภิกษุณี ที่ถือเอาการปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ เดินตามคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าอย่างเคร่งครัด น่าจะเป็นที่พึ่งในยามยากให้แก่ชาวบ้านได้ดีในยามนี้”

    สถานปฏิบัติธรรมแห่งหนึ่งที่จะเขียนถึง คือ สำนักปฏิบัติธรรมนิโรธาราม ต.ดอยแก้ว อ.จอมทอง จ.เชียงใหม่ อันมีความหมายเป็นมงคลว่า “อารามแห่งความดับทุกข์”

    โดยมีวัตถุประสงค์หลักของการก่อตั้งสำนักมี ๒ ประการ คือ ๑.เพื่ออนุเคราะห์แก่สตรีที่ตั้งใจมาดำเนินชีวิตบนวิถีแห่งศีล สมาธิ ปัญญา ตามรอยพระพุทธเจ้า โดยมี ท่านแม่ชี นันทญาณี เป็นผู้อบรมสั่งสอน ตามพระพุทธพจน์

    และ ๒.เพื่อรองรับผู้ปฏิบัติธรรมจากหน่วยงานราชการ เอกชน และผู้สนใจใฝ่ธรรมทั่วไป ที่ได้ติดต่อขอเข้ารับการอบรมธรรมะ ทั้งในรูปแบบค่ายอบรม และเข้ามาปฏิบัติเป็นการส่วนตัว

    สำนักปฏิบัติธรรมนิโรธาราม ประกอบไปด้วยภิกษุณี และสามเณรี ที่อยู่ร่วมกันกว่า ๒๐ รูป ถือเป็นแห่งแรกของประเทศไทย ที่มีนักบวชสตรีอยู่ร่วมเป็นคณะสงฆ์ โดยหากเป็นภิกษุณีจะถือศีล ๓๑๑ ข้อ ส่วนสามเณรีนั้น ถือศีล ๑๐ ข้อ ทั้งหมดยึดถือการปฏิบัติตนตั้งอยู่ในศีล ภาวนา สมาธิ อย่างเคร่งครัด กินอาหารมังสวิรัติวันละมื้อเดียว ไม่สวมใส่รองเท้า ไม่ใช้เงิน และฝึกฝนการปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ มีวิถีชีวิตในแบบกินง่ายอยู่ง่าย เน้นความสมถะ ไม่เบียดเบียน มุ่งศึกษาพระธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้า จากพระไตรปิฎก เพื่อการพ้นทุกข์ มี ภิกษุณีนันทญาณี หรืออดีต แม่ชีรุ้งเดือน สุวรรณ เป็นประธานภิกษุณีสงฆ์
    จากที่ได้เข้าร่วมค่ายปฏิบัติธรรมเป็นระยะเวลา ๕ วัน ระหว่างวันที่ ๑๖-๒๐ มีนาคม ๒๕๕๒ ร่วมกับกลุ่มนักศึกษาชายหญิง ของคณะอุตสาหกรรมการเกษตร มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ กว่า ๑๐๐ ชีวิต และยังมีผู้เข้าร่วมปฏิบัติธรรมอีกหลากหลายอาชีพ ที่เดินทางเข้ามาเพื่อศึกษาหาความรู้ทางธรรมเป็นการส่วนตัวอีกจำนวนหนึ่ง ท่ามกลางบรรยากาศของสถานที่ซึ่งสงบร่มรื่น และเป็นใจอย่างยิ่ง กับความตั้งใจมาใฝ่ดีให้สัมฤทธิผล

    การเข้ามาปฏิบัติธรรมที่ สำนักปฏิบัติธรรมนิโรธาราม นั้น สิ่งที่ผู้ปฏิบัติธรรมควรเตรียมมา คือ ชุดสีขาว และของใช้ตามจำเป็น เช่นไฟฉาย รองเท้าแตะ และของใช้ส่วนตัว สำหรับทำความสะอาดร่างกายเท่านั้น ส่วนสิ่งฟุ่มเฟือย หรือเครื่องสำอาง เครื่องประดับต่างๆ ให้งดเว้น

    ในฐานะผู้ไม่เคยเข้าร่วมปฏิบัติธรรมมาก่อน ได้เคยผ่านเข้ามาสอบถามกับภิกษุณีปัญญาวรี ที่สำนักปฏิบัติธรรมนิโรธารามครั้งหนึ่ง ท่านตอบสั้นๆ เพียงว่า
    “การมาปฏิบัติธรรมในที่แห่งนี้ เตรียมแต่ชุดขาวมาก็พอ แต่หากไม่มีก็ไม่เป็นไร วัดมีให้ ขอเพียงให้เตรียมใจมาปฏิบัติธรรมก็พอแล้ว”

    อย่างไรก็ตาม การเปิดค่ายปฏิบัติธรรมของนิโรธารามนั้น จะไม่มีการเรียกเก็บค่าใช้จ่ายใดๆ ไม่ว่าจะเป็นค่ากิน-อยู่ หรือค่าวิทยากร กับผู้เข้าปฏิบัติธรรม ที่ผ่านมาหากหน่วยงานใด จะติดต่อเข้ามาขอเปิดค่ายปฏิบัติธรรม ทางภิกษุณีนันทญาณีจะจัดสรรเวลาในการเปิดอบรมให้ แต่ในส่วนของค่าใช้จ่าย ในเรื่องอาหารการกิน การจัดการค่าย โดยใช้สถานที่ของนิโรธารามนั้น หน่วยงานผู้ร้องขอจัดค่าย จะเป็นฝ่ายดูแลจัดการค่าใช้จ่ายเอง ทั้งเรื่องการจัดจ้างแม่ครัวและค่าอาหาร วัดเพียงแต่มอบหมายให้นักบวชสตรีเข้ามาดำเนินการบรรยาย อบรมการปฏิบัติธรรมะ และให้โดยไม่รับค่าตอบแทน

    ส่วนเมื่อเข้ามาอยู่ร่วมค่าย หรือเป็นผู้ปฏิบัติธรรมที่นิโรธารามแล้ว ผู้นั้นจะต้องรักษาศีล ๘ คือ งดเว้นไม่ฆ่าสัตว์ ไม่ลักทรัพย์ ไม่ละเมิดประพฤติผิดในกาม ไม่พูดปด ไม่ดื่มสุราเมรัย และเพิ่มเติมข้อปฏิบัตินอกเหนือจากศีล ๕ ขึ้นมาอีก คือ งดเว้นการร้องรำทำเพลง-ดูมหรสพ และฮัมเพลง งดเว้นนอนบนฟูก หรือที่นอนหมอนสูง งดเว้นการใช้เครื่องสำอาง แป้ง ของหอมทุกชนิด และงดสวมใส่เครื่องประดับต่าง ๆ

    กิจวัตรประจำวันของผู้ปฏิบัติธรรม ประกอบด้วย การสวดมนต์ทำวัตรเช้าเย็น ร่วมกับนักบวช ฝึกภาวนาด้วยการเดินจงกรม นั่งสมาธิ บริโภคอาหารมังสวิรัติสองมื้อ คือ เวลา ๐๗.๐๐ น.และ ๑๑.๓๐ น.โดยงดรับประทานอาหารขบเคี้ยวทุกชนิด หลังเวลา ๑๒.๐๐ น.เป็นต้นไป

    ตารางชีวิตในสถานธรรมแห่งนี้ คือ การตื่นนอน ๐๓.๓๐-๐๔.๐๐ น. และเข้านอนไม่เกิน ๒๔.๓๐ น. ห้ามส่งเสียงดัง และทำความเพียรด้วยการช่วยเหลือทำความสะอาดวัดตามสมควร

    กรณีของผู้ปฏิบัติธรรมที่เป็นชาย นิโรธารามจะอนุญาตให้เข้ามาปฏิบัติธรรมภายในวัดได้แบบไปกลับ แต่จะอนุญาตให้ค้างแรมในวัดได้ เฉพาะช่วงที่มีการเปิดค่ายปฏิบัติธรรมเท่านั้น

    สำหรับตัวอย่างของการบรรยายธรรม ที่ภิกษุณีนันทญาณีได้สอนเรื่อง ความจริงไว้ว่า “ร่างกายเป็นเพียงกองดินน้ำลมไฟ ประกอบไปด้วยถุงทุกข์ เช่น ถุงเลือด ถุงขี้ ถุงน้ำเลือด ถุงน้ำเหลือง ที่ต้องคอยดับทุกข์ ด้วยการกิน ด้วยการถ่าย ไม่ควรยึดติด สุดท้ายก็ต้องตาย ดังนั้นไม่ควรไปยึดติด ไม่ควรไปยึดถือ ไม่ควรหลงใหลว่าเป็นของเรา

    "เมื่อชีวิตของทุกๆ คนเป็นถุงดินน้ำไฟลม เป็นถุงขี้ซึม และเป็นถุงทุกข์ ที่ต้องคอยดับทุกข์ ดังนั้นจึงไม่จำเป็นที่เราจะต้องมานั่งผ่อนบ้านราคาแพงๆ เพื่อให้ถุงขี้ซึมได้อยู่ หรือให้ถุงขี้ซึมต้องไปนั่งอยู่ในรถวอลโว่ราคาแพงๆ” ภิกษุณีนันทญาณี อธิบาย และยกตัวอย่างจนทำให้หลายคนเห็นภาพ

    นอกจากการเตือนสติ ให้เรามองกายเป็นเพียงกองดินน้ำไฟลม เพื่อที่จะไม่ต้องไปยึดติดว่า กายเป็นของเรา ภิกษุณีนันทญาณี และคณะนักบวชสตรีของนิโรธาราม ยังงดเว้นการบริโภคเนื้อสัตว์ แต่บริโภคมังสวิรัติวันละมื้อเดียว เพื่อละเว้นการเบียดเบียนสัตว์ พร้อมกับยกตัวอย่างว่า


    หากใครกินกุ้งเต้น วันหนึ่งก็อาจจะต้องประสบเคราะห์กรรมเหมือนกุ้ง คือไปเต้นในซานติก้าผับ



    be happy1

    ที่มา คมชัดลึก
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  2. HONGTAY

    HONGTAY ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    36,548
    กระทู้เรื่องเด่น:
    151
    ค่าพลัง:
    +147,895

    คนเราหลงขันธ์ 5 หลงโลกกันมากครับ เพราะสังคมสอนให้เราอยู่กับกิเลสตั้งแต่เราเกิด ซึ่งหากขาดผู้รู้คอยแนะนำ ก็เป็นการยากที่จะสอนให้คนรุ่นใหม่รู้จักละขันธ์ 5 ละความมีตัวตน ละกิเลสได้
     

แชร์หน้านี้

Loading...