ญาณต่างๆและประสบการณ์เล็กๆน้อยของผม

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย แจ๊กซ์69, 3 เมษายน 2012.

แท็ก: แก้ไข
  1. แจ๊กซ์69

    แจ๊กซ์69 ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    3,142
    ค่าพลัง:
    +1,962
    เจโตปริยญาณและประโยชน
    เจโตปริยญาณ แปลว่า รู้ใจคน คือ รู้อารมณ์จิตใจคนและสัตว์ว่าขณะนี้ เขามีอารมณ์จิตเป็นอย่างไร มีความสุขหรือทุกข์ หรือมีอารมณ์ผ่องใส เพราะไม่มี อะไรมารบกวนจิตใจให้ขุ่นมัวที่เรียกว่า อุเบกขารมณ์ คือ อารมณ์เฉย ๆ ไม่มีสุข และทุกข์เจือปน รู้จิตของผู้นั้น แม้แต่จิตของเราเองว่า มีกิเลสอะไรเป็นกิเลสนำ คือมีอะไรกล้า ในขณะนี้จิตของผู้นั้นเป็นจิตประกอบด้วย กุศล หรือ อกุศล เป็นจิต ของท่านผู้ทรงฌาน หรือ เป็นจิตประกอบด้วยนิวรณ์รบกวน เป็นพระอริยะ ชั้นใด การจะรู้จิตของท่านผู้ใดว่ามีอารมณ์จิตของผู้ทรงฌานหรือเป็นพระอริยะ อันดับใดนั้น เราเองต้องเป็นผู้ทรงฌานระดับเดียวกันหรือสูงกว่า การจะรู้ว่าท่าน ผู้นั้นเป็นพระอริยเจ้าหรือไม่และระดับใด เราก็ต้องเป็นพระอริยะด้วย และมีระดับ
    เท่าหรือสูงกว่า ท่านที่มีฌานต่ำกว่าจะรู้ระดับฌานของท่านผู้ได้ฌานสูงกว่า
    ไม่ได้ ท่านที่ไม่ได้ทรงความเป็นอริยะ จะรู้คุณสมบัติทางจิตของพระอริยะไม่ได้ ท่านที่เป็นพระอริยะต่ำกว่าจะรู้ความเป็นพระอริยะสูงกว่าไม่ได้ กฏนี้
    เป็นกฏตายตัว ควรจดจำไว้ อย่าพยากรณ์บุคคลผู้ทรงคุณสูงกว่าถ้า
    ไม่ได้อะไรเลย ก็จงอย่ากล้าพยากรณ์ผู้อื่น เพราะพยากรณ์พลาดจาก
    ความเป็นจริงมีโทษหนักในทางปฏิบัติ เพราะเราจะกลายเป็นโมฆโยคี
    ไป คือประกอบความเพียรด้วยการไร้ผล ในฐานะที่อาจเอื้อมยกตน
    เหมือนพระอริยะเป็นกรรมหนักมากควรละเว้นเด็ดขาด
    เจโตปริยญาณ นี่ไม่ใช่การดูการพูดการกระทำนะ สามารถเดาใขได้ทันทีแม้ไม่ต้องดู

    ส่วนประสบการณ์ของผมคือ

    มองลูกหมาแป๊ปเดียวรู้ทันทีว่าลูกหมานั้นตาย ก็ยังงงว่าตัวรู้ได้ไงแล้วก็เข้าไปตรวจสอบยิ่งงงเลยลูกหมานอนตายตอนนั้นแม่หมาก็ยังไม่รู้นึกว่าลูกหมานอนอยู่

    สัมผัสจิตของแม่หมาตัวนึงที่ลูกเพิ่งตายไปจนกระทั่งผมร้องไห้ตามว่ามันใจของมาตัวนั้นเฝ้ามากแค่ไหน


    ส่วนคนผมจะสามารถเดาใจได้เป็นบางครั้งบาง ครั้งของผมคือมามันมาเองใช้ไม่เป็นไม่ได้ตั้งใจใช้เหมือนรู้ทางรู้ถึงหัวใจเค้าว่าเป็นแบบนี้แบบร่างอตารกวนเว็บก็รู้สึกว่าเป็นคนนี้ว่าเป็นคนนั้น บางครั้งเจอใครที่ไม่รู้จักที่นี่คุ้นคุ้นตาเหมือนรู้จักเค้าเหล่านั้นทันทีว่าเค้าคิดอะไรอยู่มีเยอะครับนึกไม่ค่อยออกเท่าไร
    --------------------------------------------------------------------------------------------------------
    ทิพยโสตญาณ
    ญาณนี้เป็นญาณในอภิญญาหก เป็นญาณที่สองรองจากอิทธิฤทธิญาณทิพยโสตญาณนี้
    เป็นญาณสร้างประสาทหูให้มีคุณสมบัติพิเศษกว่าประสาทหูธรรมดา สามารถฟังเสียงจากที่ไกล
    เกินหูสามัญจะได้ยินได้ เสียงเบาเสียงละเอียด เช่น เสียงอมนุษย์ เสียงเปรต เสียงอสุรกายที่นิยม
    เรียกกันว่าเสียงผี เสียงเทวดา เสียงพรหมและเสียงของท่านที่เข้าถึงจุดจบของพรหมจรรย์
    ทิพยโสตญาณ ถ้าทำให้เกิดมีได้แล้ว จะฟังเสียงต่างๆ ตามที่กล่าวมาแล้วได้อย่างอัศจรรย์


    ประสบการณ์ของผมคือ เริ่มตั้งแต่มีเสียงในหัวรบกวน ต่อมาเริ่มแนะนำเรื่องต่างๆ ต่อมาเริ่มคอยเตือน ผมไ้ด้เล็กๆน้อยๆไม่ถึงกับขั้นสุดยอดหรอกครับ

    --------------------------------------------------------------------------------------------------------
    ทิพยจักษุญาณทิพยจักษุญาณนั้น เริ่มมีผลตั้งแต่จิตเข้าสู่อุปจารฌาน
    มีผลในการรู้บ้างพอสมควร เช่น รู้สวรรค์ นรก และเหตุการณ์ต่าง ๆ ได้บ้างไม่ถึง
    กับรู้ตาย รู้เกิด คือตายแล้วไปเกิดที่ใด ผู้ที่มาเกิดนั้น มาจากไหน รู้เหตุการณ์เพียง
    ผิวเผินกว่านั้น เช่น รู้โรค ว่า เป็นโรคอะไร หายได้ด้วยวิธีใด คนนี้จะมีเคราะห์ดี
    เคราะห์ร้ายประการใด รู้เหตุในอดีตและอนาคตได้บ้างพอสมควร รู้สวรรค์ นรกได้บ้าง
    แต่ไม่แจ่มใสนัก พูดจากับเทวดาและพรหมได้บ้างคำสองคำ ภาพเทวดาและพรหม
    ก็หายไป ภาพที่เห็นก็ไม่เห็นนานประเดี๋ยวก็หายไป จะเอาเรื่องราวที่เป็นการเป็นงาน
    ที่ต้องใช้เวลานาน ๆ ก็ต้องกำหนดจิตกันบ่อยครั้ง ทั้งนี้เพราะ สมาธิเพียงอุปจาร-
    สมาธิ
    ยังเป็นสมาธิที่ทรงกำลังให้สงบอยู่ได้ไม่นาน ถ้าเปรียบก็คงเหมือนเด็กเพิ่งสอน
    เดิน ยืนไม่ได้นาน ยืนเดินได้ชั่วขณะก็ล้ม ต้องลุก ๆ เดิน ๆ อยู่อย่างนั้น กว่าจะเดินถึง
    ที่หมายก็ต้องล้มลุกบ่อย ๆ ทิพยจักษุญาณระดับอุปจารฌานก็เหมือนอย่างนั้น การเห็น
    ก็ไม่ชัดเจนแจ่มใส ยังเห็นไม่เต็มตัว เห็นบนไม่เห็นล่าง เห็นหน้าไม่เห็นขาอย่างนี้
    เป็นต้น ต่อเมื่อได้สมาธิที่ค่อย ๆ ฝึกฝนไปนั้นเข้าถึงฌาน ๔ และเข้าฌานออกฌาน
    ชำนิชำนาญดีแล้วความตั้งมั่นมีมากดำรงอยู่ได้นานตามความต้องการ ทิพยจักษุญาณ
    ก็มีสภาพเข้าเกณฑ์สมบูรณ์ ใช้งานได้สะดวก เห็นภาพเต็ม พูดกันได้ตลอดเรื่อง
    รู้ละเอียดจนถึงผลของการตาย การเกิด รู้เหตุรู้ผลครบถ้วน ตอนชำนาญในฌาน ๔ นี้
    ท่านเรียกว่า จุตูปปาตญาณ ความจริงก็ทิพยจักษุญาณนั่นเอง แต่เป็น ทิพย-
    จักษุญาณที่มีฌานเต็มขั้น
    ทิพยจักษุญาณขั้นฌานโลกีย์นี้ แม้จะเป็นญาณที่มีฌาน
    เต็มขั้นก็ตาม การรู้การเห็นจะให้ชัดเจนแจ่มใสคล้ายกลางวันนั้นไม่ได้ อย่างดีก็มอง
    เห็นได้มัว ๆ คล้ายเห็นภาพเวลาพระอาทิตย์ลับแล้วเป็นเวลาใกล้ค่ำ เห็นภาพดำ ๆ
    พอรู้ได้ว่าอะไรเป็นอะไร จะเห็นชัดเจนตามสมควรได้ต่อเมื่อเข้าถึงความเป็น
    พระอรหันต์ ท่านเปรียบการเห็นด้วยอำนาจทิพยจักษุญาณนั้นไว้ดังนี้

    ๑. พระสัมมาสัมพุทธเจ้า เห็นได้คล้ายดูภาพในเวลากลางวัน ที่มีอากาศ
    แจ่มใส
    ๒. พระปัจเจกพุทธเจ้า เห็นได้คล้ายกลางคืน ที่มีพระจันทร์เต็มดวง ไม่มี
    เมฆหมอกปิดบัง
    ๓. พระอัครสาวกซ้ายขวา เห็นได้คล้ายคนจุดคบเพลิง
    ๔. พระสาวกปกติ เห็นได้คล้ายตนจุดประทีป คือตะเกียงดวงใหญ่ที่มีแสง
    น้อยกว่าคบเพลิง
    ๕. พระอริยะเบื้องต่ำกว่าพระอรหันต์ มีการเห็นได้คล้ายแสงสว่างจาก
    แสงเทียน
    ๖. ท่านที่ได้ฌานโลีย์ เห็นได้คล้ายแสงสลัวในเวลาพระอาทิตย์ลับขอบฟ้า
    ระดับการเห็นไม่สม่ำเสมอกันอย่างนี้ เพราะอาศัยความหมดจดและกำลัง
    บารมีไม่เสมอกัน นำมากล่าวไว้เพื่อทราบ เมื่อท่านได้และถึงแล้ว จะได้ไม่สงสัย มี
    นักปฏิบัติส่วนใหญ่ที่ทำได้แล้ว และเกิดเห็นไม่ชัดได้มาถามบ่อย ๆ จึงเขียนไว้เพื่อรู้

    ประสบการณ์ของผมคือ เห็นเมืองสัมภเวสี เห็นภพหลังที่เราออกจากกายหยาบ สวรรค์ยังเป็นก้อนเมฆอยู่เลยเพราะผมชอบนั่งเฉยๆไม่ได้อธิฐานอะไรให้มันไหลไปเอง+กับไม่รู้จะอธิฐานยังไงไม่เป็นด้วย แต่สังเกตุว่า เมืองสัมภเวสีผมจะเห็นง่ายมากแปลกดีครับแล้วก็ได้อย่างที่พิมพ์ไว้ข้างบนผิวเผินแค่นั้นเองครับ
    --------------------------------------------------------------------------------------------------------
    อตีตังสญาณ
    อตีตังสญาณ ญาณนี้เป็นญาณรู้เรื่องในอดีต คือเหตุการณ์ที่ล่วงมาแล้วทั้งในชาติ
    ปัจจุบันและหลายแสนหลายล้านชาติ อาการของญาณนี้ดูเป็นญาณที่มีสภาพเช่นเดียวกันกับ
    ปุพเพนิวาสานุสสติญาณ แต่ทว่าปุพเพนิวาสานุสสติญาณนั้น ท่านหมายเอาการรู้เรื่องหนหลัง
    ของตนเอง อตีตังสญาณนี้ ท่านหมายเอาการรู้เรื่องหนหลังของคน สัตว์ และสิ่งของ สถานที่
    ภายนอกตนออกไป สำหรับกฎการกระทำเพื่อรู้ ก็ไม่มีอะไรแตกต่างกัน เพียงแต่กำหนดจด
    ถามในเรื่องของ คน สัตว์ สิ่งของ สถานที่นั้นๆ เท่านั้น การกำหนดรู้นั้นในขั้นแรกให้กำหนดจิต
    เพื่อรู้ก่อน ถ้ากำหนดรู้ ยังรู้ไม่ชัดเจน ท่านให้กำหนดจิตถาม การกำหนดจิตเพื่อรู้และถามก็ทำ
    ดังที่กล่าวมาแล้วคือ เข้าฌาน ๔ ออกจากฌาน ๔ มาหยุดอยู่เพียงอุปจารสมาธิ แล้วกำหนดรู้
    หรือกำหนดถามแล้วเข้าฌาน ๔ ออกจากฌาน ๔ มาหยุดอยู่เพียงอุปจารฌาน เท่านี้ก็จะรู้เรื่อง
    ละเอียด คือภาพในอดีตจะปรากฏแก่จิตคล้ายดูภาพยนต์ และรู้เรื่องไปตลอดเหมือนกับเราร่วม
    ความเป็นไปกับภาพนั้น สร้างความเพลิดเพลินเจริญใจเป็นอันมาก พวกฤาษีมุนีไพร และท่านที่
    ได้ฌานสมาบัติ จนได้ฌานต่างๆ ที่ท่านอยู่ป่าช้า ป่าใหญ่ ภูเขาถ้ำต่างๆ จัดว่าเป็นสิ่งที่สงัดเงียบ
    ปราศจากผู้คนอยู่อาศัยท่านคิดว่า ท่านพวกนี้ท่านอยู่กันอย่างพระพุทธรูป คือหมดเรื่องรู้และการ
    เพลิดเพลินต่าง ๆ นั้นตามที่คนส่วนมากเข้าใจกัน ความจริงเป็นความเข้าใจที่ผิดถนัดตามความ
    จริงแล้วท่านเป็นผู้อยู่สงัดจริง แต่เป็นการสงัดจากสังคมที่เป็นบาป คือกลุ่มชนที่หนาด้วยกิเลส
    และตัณหา แต่ทว่าท่านมีความเพลิดเพลินรื่นเริงในส่วนที่เป็นกุศล คือเพลิดเพลินในญาณเป็น
    เครื่องรู้ ท่านสามารถสังคมกับเทวดาและพรหม สนทนาปราศรัยโดยธรรม มีความชื่นบานในการ
    รู้เรื่องในอดีตและกาลต่อไปในอนาคตรู้ความเกิดขึ้นและความสูญสลายตน ของสรรพวัตถุและสิ่ง
    ที่มีชีวิต เอาสิ่งเหล่านั้นมาเปรียบเทียบกับตน เพื่อความรู้แจ้งในอนัตตา เป็นการฝึกฝน
    สั่งสมอารมณ์วิปัสสนาญาณให้แจ่มใส ตัดกังวลภายในและภายนอก คือตัดกังวลความห่วงใยใน
    ร่างกายจนเกินพอดี รู้สภาพว่ากายนี้ต้องพังทลายแน่นอน และเห็นสภาพภายนอกที่เป็นสรรพวัตถุ
    ที่จะต้องสลายตัวเช่นเดียวกัน ตัดความมัวเมาในตนและสรรพวัตถุภายนอกเสียได้โดยสิ้นเชิงมี
    ความหวังในพระนิพพานได้อย่างแน่นอน ผลของอตีตังสญาณสร้างความเพลิดเพลินในการรู้เรื่อง
    ราวในอดีต และสร้างพลังจิตให้เกิดปัญญาในส่วนวิปัสสนาญาณได้อย่างนี้ ฉะนั้น ท่านจึงนิยม
    สร้างสมาธิให้ได้ฌาน ๔ และสร้างญาณให้เกิดแก่จิตเพื่อหวังในมรรคผลนิพพานเพราะการได้
    ทิพยจักษุญาณแล้วถ้าปฏิบัติเพื่อมรรคผลนิพพานย่อมเป็นไปได้อย่างถูกต้อง ไม่หลงผิด ทั้งนี้ถ้า
    คิดสงสัยในปฏิปทาของตนว่า จะผิดหรือถูกประการใดก็เข้าฌาน ออกฌานอธิษฐานถามได้ เป็น
    การศึกษาโดยตรงจากท่านที่บรรลุแล้วเป็นแนวทางที่ถูกที่ตรงและไม่มีอะไรยากอย่างพวกเรา
    สอนกันเองดังที่ท่านอาจารย์ท่านหนึ่งในจังหวัดพระนคร ในสมัยปัจจุบันนี้ท่านเคยพูดในสถานที่
    อบรมนักปฏิบัติว่า การปฏิบัติสมณธรรม ต้องทำไปให้ถึงระดับ ได้อาจารย์ที่ไม่ใช่มนุษย์แล้วคอย
    รับการสั่งสอนจากท่านนั้น ๆ เป็นการปฏิบัติกรรมฐานที่เข้าระดับกรรมฐานที่เอาตัวรอดได้ถ้า
    นักปฏิบัติทั้งหลายยังคอยคำสอนของอาจารย์ที่เป็นมนุษย์ฝ่ายเดียว หรือแกะหนังสือดูตำราเป็น
    สำคัญแล้วท่านนักปฏิบัติท่านนั้นยังเอาตัวไม่รอด ท่านพูดของท่านอย่างนี้ถูกขอท่านผู้อ่านฟังของ
    ท่านไว้ แล้วสนใจปฏิบัติให้ได้ถึงจะทราบว่า คำพูดของท่านตรงต่อความเป็นจริงทุกประการ


    ส่วนประสบการณ์ของผมคือ เวลาอ่านบันทึก เรื่องต่างๆจะเห็นภาพอดีตเหล่านั้นครับ เช่นเรื่องผีถ้าเรื่องไหนไม่จริงมันจะไม่เห็นภาพเหมือนดูภาพยนต์ จะรู้เลยว่าไม่ใช่เรื่อง ตอนแรกอ่านพวกเรื่องก็นึกว่าตัวเองคิดไปเองจินตาการไปเองตอนหลังมันเริ่มชัดขึ้นเวอร์ ก็เช็คแล้วเช็คอีกไปๆมาๆเราไม่ได้คิดเองนี่หว่ามันเกิดขึ้นมาเอง พอไปอ่านเรื่องเล่าเกี่ยวกับสวรรค์ก็ไม่ชัดเห็นรางเหมือนทิพจักขุญาณเลยผมก็เริ่มสงสัยว่าใชแน่ๆแต่แค่ผิวเผินครับ
    ---------------------------------------------------------------------------------------------------------
    ญาณพวกนี้ป็นผลมากจากฝึกปฏิบัติง่ายๆธรรมดามันไหลไปเองถ้าใครจะมาให้ผมดูโน่นดูนั่นผมดูไม่เป็นหรอกครับเพราะว่ามันเป็นประสบการณ์คล้ายว่าบังเอิญประมาณนี้อ่ะครับ พักหลังผมเลื่อมเสื่อมไม่ค่อยได้ทบทวนติดการ์ตูนและอื่นๆมากไปเลยไม่เอาเวลามาทบทวนเท่าที่ควร เสื่อมตัวนี้คือขันต์นะ ไม่ใช่ญาณ สังเกตุได้ว่าพักหลังผมจะหลุดง่ายหน่อย
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 3 เมษายน 2012
  2. ประกายพลอย

    ประกายพลอย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 มกราคม 2010
    โพสต์:
    616
    ค่าพลัง:
    +452
    แต่สำหรับผมแล้ว คุณสุดยอดครับ

    น่าสนใจสุดๆ ขอบคุณณมากหลาย

    ที่นำประสบการณ์มาเล่าสู่กันฟัง

    ({) ฟันธงคราบ
     
  3. ยศวดี

    ยศวดี ยายแก่แล้ว*_*

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2010
    โพสต์:
    4,255
    กระทู้เรื่องเด่น:
    11
    ค่าพลัง:
    +5,796
    เป็นกำลังใจ ให้เสมอ ครับท่าน โมทนาในทุกบุญกุศลที่ทำคะ
     
  4. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,427
    ค่าพลัง:
    +35,048
    เป็นการเริ่มต้นที่ดีครับ..การรู้การเห็นบางอย่างอาจชัดเจนทั้งในเรื่องสภาพแวดล้อม รายละเอียดในการเห็นต่างๆ..และระดับภพภูมิที่สูงยิ่งขี้นเรื่อยๆไปครับ..และบางครั้งก็เกิดจากการที่ท่านปรากฎให้เห็น ไม่ว่าจะลืมตาหรือว่าอยู่ในโหมดหลับตา..หากเราใช้สมาธิควบคู่กับการเดินปัญญาเพื่อลด ละกิเลส จนเบาบางลงเรื่อยๆ..เพียงแต่ว่าการเห็นพระอริยะบางท่านมองว่าไม่ใช่ประเด็นหลักเพื่อการหลุดพ้น.

    .แต่ก็อย่างว่าเป็นระหว่างทางที่ผู้ปฎิบัติจะต้องได้พบได้เจอด้วยตัวเองเพราะปลายทางก็อย่างเดียวกัน..อย่างน้อยใช้วัดระดับกิเลสของเรา ณ เวลานั้นได้แม้ว่าจะไม่นานก็ตาม..และหากยิ่งระหว่างทางได้ พบคุยอโหสิกรรม กับเจ้ากรรมนายเวรเราที่เลื่อนภพภูมิยิ่งๆขี้นไปด้วยแล้วหากจะยิ่งดีกว่า(ส่วนประโยชน์ของการฝึกวิชาพิเศษต่างๆ) การทำตัวเพื่ออยู่เหนือบุญเหนือบาปเพราะ..ชัดๆพูดกันตรงๆ..เพียงแต่ผมมองว่าการสัมผัสของคุณ จกทข. ยังบังคับไม่ได้ดังใจ.แต่เป็นการเริ่มต้นสัมผัสกับแดนไตรภูมิทีดี.และระดับภพภูมิอาจจะสูงกว่านี้แล้วก็ได้ แต่ไม่ได้เล่า รวมทั้งรายละเอียดสภาพแวดล้อมก็ไม่ได้บอก ว่าเห็นสีสรรเป็นอย่างไร..เลยไม่สามารถจะคาดคะเนได้..ได้แต่อนุโมทนาสาธุประมาณนี้ครับ...ยังไงก็ขอบคุณที่เล่าให้ฟังครับ...
    ส่วนคุณกสิณ 9 เค้าเก่งและอาจารย์เค้าก็เก่งครับ นิสัยเป็นอย่างนี้เองเพราะเค้าก็สัมผัสเรื่องภพภูมิมามากพอสมควร.และเรื่อง กสิณทำนามธรรม..ให้เป็นรูปธรรมได้ เค้าทำได้เก่งจริงๆต้องยอมรับ ถ้าไม่ผิดคนนะครับ..เพราะผมไปพิสูจน์มาแล้ว...
    ยังไงขอบคุณอีกครั้งนะครับที่เล่าสู่กันฟัง..
    อนุโมทนาสาธุครับ..
     
  5. jubganoi

    jubganoi สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    100
    ค่าพลัง:
    +13
    แล้วผมเป็นอย่างไรบ้างครับ
     
  6. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,427
    ค่าพลัง:
    +35,048
    ผมไม่ทราบครับ..ผมไม่มีความสามารถอะไรพิเศษครับ..
    ขอบคุณครับ..
     
  7. GhostHead

    GhostHead เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    1,010
    ค่าพลัง:
    +1,878
    [​IMG]หลอนอีกแล้ว....
     
  8. ยศวดี

    ยศวดี ยายแก่แล้ว*_*

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2010
    โพสต์:
    4,255
    กระทู้เรื่องเด่น:
    11
    ค่าพลัง:
    +5,796
    โอมเพี้ยง.......เจ้าจงกลัวข้า เพราะข้าจะเป็นทุกอย่าง ที่เจ้าคิด....อิอิ......ดีชั่วขอให้เจ้ารู้ตัวของเจ้าเอง ประเสริฐสุดแล้ว ร๊_า๊_ก_นะ่จุ๊บๆ
     
  9. Bull_psi

    Bull_psi เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    889
    ค่าพลัง:
    +1,445
    ผมเองก็มีเรื่องแปลกๆแบบคุณ
    ผมนั่งสมาธิออกสมาธิ
    1.มีกรงหนูแฮมสเตอร์อยู่ตรงหน้าผมมันน่ารักมากกำลังแทะเมล็ดทานตะวัน มีเสียงว่าตายในหัว วันรุ่งขึ้นมันตายจริงตัวแข็งเลย ทั้งที่ไม่มีอาการมาก่อน
    2.มีคนให้ลูกหมาผมมา ผมเอามาเลี้ยง ในหัวได้ยินว่าตาย เช้ามาตี5 มันวิ่งออกไปโดนรถชนตาย
    3.ทั้งอยู่หน้าเวบไม่อยู่หน้าเวบรู้ความรู้สึกได้หมด
    4.รู้ความรู้สึก บางทีรู้มาเป็นคำคีย์เวิร์ดของชุดข้อมูล
    5.บางทีสงสัยว่า คนนี้เค้าไปทำอะไรมา มันมีความรู้เกิดขึ้นเอง จริงป่าวอุปทานไม่รู้ผมไม่ได้อยากรู้เรื่องคนอื่น
    6.ตอนฝึกมโนมยิทธิใหม่ๆจับภาพพระติดตาตลอดจนกลับมาบ้าน ถามไรขึ้นเป็นภาพเลย ภาพแบบเงาสลัวขาวดำ แปลกดี

    ถ้ามีของเก่าน่าจะฝึกจริงจังนะครับ จะทำประโยชน์ให้ศาสนาได้มาก
    เรื่องพยากรณ์สงเดช ใครพลาดพลั้งไปขอขมาพระรัตนตรัยครับ ขอขมาพระพุทธเจ้าสมาทานศีล สมาทานกรรมฐาน ผิดแล้วแก้ไขครับแล้วอย่าทำอีก อย่าเสียขวัญเสียกำลังใจ อย่าทำตัวเสียเปล่าเป็นโมฆะโยคีไรนั้นอ่ะครับ
     
  10. ยศวดี

    ยศวดี ยายแก่แล้ว*_*

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2010
    โพสต์:
    4,255
    กระทู้เรื่องเด่น:
    11
    ค่าพลัง:
    +5,796
    ไม่อยากรุ้หรอก แต่มันเรียกไรดี (ทะลึ่งรู้)อิอิ และก็ไม่อยาก เห็น เพราะไม่มีประโยชน์ ยัง ความเดือดร้อนมาให้ก็เท่านั้นเอง
    รู้แบบนี้ มีหลายท่าน เขาว่าบ้า คงเหมือน (เด็กโดนทำแท้งในวัด มีเป็นพันเป็นหมื่นศพ) เพราะเขาให้เอาแอบไว้ อย่าได้ นำออกว่า ประมาณนั้นมั๊ง คือไม่ยอมรับความจริงเพราะยังไม่ถึงเวลา แต่ถ้า คนเหล่านี้ มารวมตัวกันก็มีฮา เพราะ เห็นเหมือนกัน ในนี้ก็หลายท่านอยู่นะจ๊ะ
    เก่งไม่เหมือนกัน คนที่ไม่รู้ก็ล่วงเกินซะจนชาตินี้อยู่ร่วมชาติกันไม่ได้ก็มี แต่เค้าคงลืมไปว่า ผู้ที่รู้ทั้งหลายเหล่านี้ บุพกรรมเก่าเขามาดีมากๆ แบ็คดีอยู่แล้ว เลวไม่ลง ว่างั้นเถอะ ไม่ตกนรกซะก่อนก็จะไปทางที่เขาตั้งใจ สุ้ๆนะจ๊ะเพื่อนๆ

    อันนี้เลยน่ากลัวมากๆ มีคนจ้องหาประโยชน์ กับสิ่งเหล่านี้ และ จ้องครอบงำใว้ใช้งาน โปรดระวังกันให้ดีดี ท่านทั้งหลาย เมื่อไม่ได้ดังหวังก็ ทำให้มีเหตุการณ์ต่างๆที่จะเอาให้ถึงชีวิต อันนี้ข้าพเจ้า คิดว่าตัวเองจะไม่รอดเป็นแน่แท้ โดนจนชินไปเลย เลยต้องเรียนรู้ที่จะมีชีวิตอยู่กับมัน โดยใช้สติให้มากที่สุด รู้ทั้งรู้นะ อโหสิกรรมให้เขาไป เราก็ ต้องเพียรให้มากกว่าเดิม
    เพราะมันจะมาในคราบ นักบุญ หลอกให้ตายใจ แล้วใช้อาหาร เป็น สื่อ ก็ โปรดระวังกันด้วย
    (สู้ๆท่านทั้งหลายบอกตัวเองด้วยนะเนี้ย)

     
  11. แจ๊กซ์69

    แจ๊กซ์69 ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    3,142
    ค่าพลัง:
    +1,962
    ขอขอบคุณทุกท่านที่ให้เกียรติมาแสดงความเห็น
     
  12. หม้อหุงข้าว..!

    หม้อหุงข้าว..! เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    1,103
    ค่าพลัง:
    +1,072
    [​IMG]
     
  13. แจ๊กซ์69

    แจ๊กซ์69 ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    3,142
    ค่าพลัง:
    +1,962
    ญาณ = ข้าวสาร 1 ถัง 1 ถัง = 20 ลิตร

    แต่ที่ผมได้ญาณ(ข้าวสาร 1 ถัง) แค่ประมาณ 3-5 ลิตร

    แล้วถามว่า ข้าวสาร 3-5 ลิตร ใช้หุงกินได้ไหม
     
  14. Saber

    Saber เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    5,941
    กระทู้เรื่องเด่น:
    19
    ค่าพลัง:
    +11,819
    ได้ครับ

    แต่อยู่ที่คนกิน ว่า กิน 1 มื้อ กินไป กี่ ถังดีกว่า

    แล้ว ข้าวที่มี พอให้กินไหม
     
  15. jim1

    jim1 สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    31
    ค่าพลัง:
    +5
    ดีจังค่ะ คงจะยิ่งดี ถ้าใช้ไปในทางช่วยเหลือคนที่เดือดร้อน คงคลายความทุกข์ให้เขาได้บ้าง ขออนุโมทนาค่ะ
     

แชร์หน้านี้

Loading...