ซอยเปลี่ยวใจ

ในห้อง 'เรื่องผี' ตั้งกระทู้โดย vacharaphol, 28 กุมภาพันธ์ 2006.

  1. vacharaphol

    vacharaphol เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    8,849
    ค่าพลัง:
    +27,172
    "อรอนงค์" เล่าประสบการณ์ขนหัวลุกเมื่อนั่งตุ๊กๆ เข้าซอยบ้านเพื่อน

    ดิฉันไม่ค่อยเชื่อเรื่องภูตผีปีศาจเท่าไรนัก อาจจะเป็นเพราะอยู่ในย่านเจริญของกรุงเทพฯ มาแต่เล็กแต่น้อย ผู้คนคึกคัก รถราแล่นขวักไขว่แทบทั้งวันทั้งคืน ถึงแม้ตอนดึกรถจะน้อยแต่ดิฉันก็หลับสนิทไปแล้วค่ะ

    พ่อแม่ก็สอนว่าให้เชื่อถืออย่างมีเหตุมีผล ถ้าหลงเชื่ออะไรแบบหลับหูหลับตา จะทำให้เราเป็นคนงมงายได้ง่ายๆ

    เรื่องผีๆ สางๆ ก็อย่าไปเชื่อว่ามีจริง โลกนี้เป็นโลกของคน โลกของสิ่งที่มีชีวิต คนหรือสัตว์เมื่อถึงคราวก็ต้องล้มตายไปตามกฎของธรรมชาติ เพื่อให้ทายาทรุ่นต่อๆ มามีที่ทางเพื่อดำเนินชีวิตต่อไป...คนที่ตายแล้วก็จะทิ้งไว้แต่ความทรงจำสำหรับลูกๆ หลานๆ เพียงอย่างเดียวเท่านั้นเอง

    ข้อสำคัญคือดิฉันไม่เคยถูกผีหลอกสักครั้งเดียว

    เมื่อตอนปลายปี 2547 นี่เองค่ะ ดิฉันได้ประสบกับเหตุการณ์แปลกประหลาด เล่าให้ใครๆ ฟังก็งุนงงไปตามๆ กัน เพราะเชื่อว่าดิฉันไม่ได้พูดปด หรือไม่มีเหตุผลที่จะมากุเรื่องขึ้นเองแต่ก็หาคำอธิบายไม่ได้จนกระทั่งทุกวันนี้

    ดิฉันขอเล่าให้ท่านพิจารณานะคะ

    บ้านดิฉันอยู่แถวท่าน้ำศรีย่าน มีเพื่อนสนิทหลายคนที่คบกันมานับสิบๆ ปีแล้ว พวกเรามักจะไปมาหาสู่กันเสมอ นัดพบกันเดินห้างบ้าง หาอะไรกินบ้าง มีทุกข์สุขอะไรก็เล่าสู่กันฟัง

    "ต้อย" คือเพื่อนสนิทมากๆ คนหนึ่งที่คบกันมาตั้งแต่สมัยเรียนสาธิต แถมอยู่ไม่ไกลกันด้วย เพราะต้อยอยู่ในซอยใกล้ๆ สถานีรถไฟสามเสนนี่เอง

    ซอยนี้เข้าได้หลายทางค่ะ จากถนนพระรามห้าก็ได้ แต่ค่อนข้างหลายเลี้ยว หรือจะเข้าทางหลังสถานีรถไฟก็ได้ ส่วนอีกทางหนึ่งที่ดิฉันสะดวกที่สุดสำหรับดิฉันเวลาไปหาเพื่อนคือเข้าทางฝั่งตรงข้ามกรมสรรพสามิต ถนนนครไชยศรี

    ดิฉันนั่งรถเมล์สาย 14 ออกจากต้นทางราว 15 นาทีก็ถึงจุดหมายแล้ว

    วันเกิดเหตุต้อยนัดเพื่อนๆ มากินข้าวเย็นที่บ้านเธอ บอกว่าไม่ต้องเอาอะไรติดไม้ติดมือมาหรอก แต่เธอเป็นเจ้าภาพ ดิฉันกับเพื่อนๆ โทรศัพท์ถามกันว่ามีใครรู้บ้างว่าเป็นโอกาสพิเศษอะไร? แต่ไม่มีใครรู้สักคน

    ราวๆ ห้าโมงเย็นดิฉันก็ชวนน้องสาวขึ้นรถเมล์ไปด้วย เราซื้อผลไม้ไปฝากแม่เพื่อนตามสมควร แหม...จะไปมือเปล่าก็กระไรอยู่นะคะ

    พอรถลงสะพานได้ไม่นานก็ถึงป้ายแรก เราเตรียมตัวจะลงป้ายถัดไปซึ่งใกล้ปากซอยมากที่สุด แต่ลืมไปว่าป้ายนี้ถ้าไม่มีคนขึ้นรถมักจะไม่จอด โดยเฉพาะมินิบัส...วันนั้นก็เช่นกัน

    รถแล่นเลยซอยบ้านของต้อยไปจอดเอาป้ายหน้า ก่อนจะถึงสี่แยกทางรถไฟ ฝั่งตรงข้ามคือวัดไพรงาม (วัดจอมสุดาราม)

    ความจริงไม่มีปัญหานะคะ เพราะถึงลงป้ายที่แล้วเราก็ต้องนั่งตุ๊กๆ เข้าซอยอยู่ดี เพราะบ้านต้อยอยู่ค่อนข้างลึก ดิฉันเลยรอรถตุ๊กๆ ตั้งใจว่าแล้วแต่คนขับเขาเถอะ จะไปเลี้ยวซ้ายที่สี่แยกแล้วเข้าซอยทางหลังสถานีรถไฟก็ได้ หรือจะย้อนไปเข้าซอยที่เราเพิ่งเลยมาก็ได้ ระยะทางไม่ห่างกันนัก

    อ้อ! ดิฉันมาหาต้อยบ่อยๆ ตั้งหลายปีมาแล้ว จำได้ว่าตอนแรกค่ารถตุ๊กๆ แค่ 10 บาท จนถึง 20 บาทแน่ะค่ะ

    อากาศเริ่มเย็นลงทุกที รถราที่แล่นผ่านไปมาก็หนาตาขึ้น แต่ไม่มีรถว่างสักคัน...หน้าหนาวค่ำเร็วนะคะ ราวหกโมงเย็นก็พลบค่ำแล้ว...น้องสาวบอกว่าไปแท็กซี่ดีกว่า ดิฉันตกลง คิดว่าระยะใกล้ๆ แค่นี้มิเตอร์คงจะยังไม่กระดิกจาก 35 บาทหรอก แต่ก็ตั้งใจว่าจะจ่ายให้ 40 บาท

    รถแท็กซี่ว่างก็เกิดไม่มีเลยแม้แต่คันเดียว!

    ที่น่าโมโหคือบางคันเปิดไฟ "ว่าง" แต่เราโบกมือเรียกก็แล่นผ่านไปเพราะมีผู้โดยสารน่ะซีคะ

    "พี่อ้อมๆ ตุ๊กๆ มาแล้วค่ะ" น้องสาวร้องอย่างโล่งอก จัดการโบกรถเข้ามาจอด บอกจุดหมายแล้วก้าวขึ้นทันที...พอดีต้อยโทร.เข้ามือถือ ถามว่าตอนนี้อยู่ไหนยะ? ดิฉันก็บอกว่าอยู่บนรถที่กำลังแล่นเข้าซอยบ้านหล่อนน่ะซี...อีกแป๊บเดียวก็ถึงแล่วย่ะ!

    เอ๊ะ...รถตุ๊กๆ ไม่ได้ย้อนกลับนะคะ แต่เลี้ยวซ้ายก่อนถึงสี่แยกซะด้วยซ้ำ

    ดิฉันเข้าซอยนี้มาสิบกว่าปีแล้ว ไม่เคยรู้เลยว่ามีซอยแคบๆ ก่อนถึงสี่แยกด้วยล่ะ! คนขับซิกแซ็กน่าดู จนมาโผล่ที่ซอยใหญ่หลังสถานีรถไฟ...ต้อยเคยบอกว่าด้านนี้เขาเรียกว่า "ซอยเปลี่ยวใจ"

    จำได้ว่าเคยเข้ามาจากถนนใหญ่ 2-3 ครั้ง ผ่านซอยแรกทางซ้ายมือก็รู้ว่า เป็นซอยตัน จนถึงซอยถัดไปนั่นแหละค่ะถึงจะเลี้ยวไปทางถนนนครไชยศรี หรือทะลุออกถนนพระรามห้าได้ ต้อยบอกว่าชื่อหมู่บ้านฟักไข่

    จนกระทั่งถึงหน้าบ้านต้อยเรียบร้อย จ่ายไป 20 บาท ตุ๊กๆ ก็แล่นลิ่วไปข้างหน้า...เพื่อนๆ มาถึงครบแล้ว ที่สนามหน้าบ้านเปิดไฟสว่างไสว มีโต๊ะอาหารและเครื่องดื่มแทบเต็มโต๊ะ มีข่าวดีว่าแม่ของต้อยซื้อหวยบนดินถูกเลขท้าย 658 ทั้งตรงและโต๊ดตัวละ 100 บาท ได้เงินถึงหกหมื่นบาทแน่ะค่ะ

    ไม่ช้าดิฉันก็นึกได้ เล่าเรื่องตุ๊กๆ พาเข้าทางลัดที่หน้าวัดไพรงาม ต้อยกลับหัวเราะว่าดิฉันเล่าเรื่องตลก เพราะมีซอยนั้นก็จริงแต่คับแคบมาก เข้าได้แค่มอเตอร์ไซค์เท่านั้นเอง น้องสาวดิฉันต้องช่วยยืนยันอีกคน คราวนี้นิ่งเงียบกันไปหมด....

    ในที่สุดต้อยก็บอกว่าโลกเรามีเรื่องแปลกๆ นับไม่ถ้วน...เมื่อคราว 3-4 ปีก่อน มีตำรวจมาซุ่มจับมือปืน "เล็ก ลำตะคอง" เกิดต่อสู้กันตอนใกล้รุ่งจนคนร้ายโดนยิงตายคาที่ตรงปากซอยนั่นเอง....ไม่ทราบว่าดิฉันโดนผีหลอกหรือเปล่า แต่นึกแล้วขนลุกค่ะ!

     
  2. วิญญาณนิพพาน

    วิญญาณนิพพาน ทีมงานอาสาฯ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 เมษายน 2008
    โพสต์:
    22,286
    กระทู้เรื่องเด่น:
    51
    ค่าพลัง:
    +21,002
    เล่าเรื่องได้สนุก ชวนติดตาม และหลอนดีครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...