ช้างเผือก

ในห้อง 'หลวงพ่อเล็ก วัดท่าขนุน' ตั้งกระทู้โดย tamsak, 26 มิถุนายน 2009.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. tamsak

    tamsak ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กันยายน 2004
    โพสต์:
    7,857
    กระทู้เรื่องเด่น:
    22
    ค่าพลัง:
    +161,172
    ถาม : .............(ไม่ชัด)....................

    ตอบ: ก็บางทีมันเป็นปาน แต่ถึงขนาดดำทั้งลิ้นไม่มี ก็อย่างพระนเรศวรไง เขาเรียกเจ้าชายลิ้นดำ ของพม่าเขาเรียกอย่างนั้น เพราะว่าลิ้นท่านเป็นปาน แล้วไอ้แฝดจอมแสบของกระเหรี่ยงก๊อดอามี่นั่นน่ะ ลูเธอร์กับจอห์นนี่ นั่นก็ลิ้นดำ เขาถึงได้เชื่อว่าเป็นของที่พระเจ้าส่งมา ไปๆ มาๆ เด็กพระเจ้าส่งมาอดข้าวมากๆ ยอมโดนจับดีกว่า ไม่มีจะกิน ทางฝั่งพม่ามันก็ต้อนไม่มีที่จะไป ฝั่งไทยก็ประเภทบล็อกเอาไว้จนไม่มีที่จะปล้นหาของกินไปได้ ก็เลยต้องยอมแพ้ ตอนนี้น่าจะอยู่สหรัฐซะมั้ง ไทยเรามันก็ดีอยู่อย่างหนึ่ง จะปล้น จะฆ่าจะอะไรมากันก็ตาม ถ้าหากว่าจับกันได้ก็ยังอุตส่าห์เห็นแก่มนุษยธรรมมั่ง ถ้าเป็นทหารพม่าป่านนี้มันเจี๋ยนไปละ...มีอะไรที่เป็นสัญลักษณ์พิเศษ มักจะเป็นพระโพธิสัตว์มาเกิด

    ถาม : ทำไมต้องเป็นสีดำ ?

    ตอบ: ก็พูดถึงว่าดำเลยไง ดำเลยมันมี อย่างช้างเผือก ๑๐ ตระกูล จะมีอุโบสถหัตถี สีกายเหมือนทองคำ ฉัตทันต์หัตถี สีกายเหมือนแผ่นเงิน ปัณฑรหัตถีสีขาวเหมือนสังข์ขัด ตามพหัตถี สีกายเหมือนทองแดง คังไคยหัตถี สีเหมือนน้ำไหล คงจะดำระยับเลย ปิงคลหัตถี เขาว่ามีกลิ่นกายหอมเหมือนแก่นไม้กฤษณา ไล่ไปเรื่อยๆ ๆ จนกว่าจะครบ ๑๐ ตระกูล และแต่ละตระกูลนี่ ตั้งแต่อุโบสถหัตถี ไล่ลงมาๆ จะมีกำลังเหนือตระกูลอื่นเป็น ๑๐ เท่า ๑๐ เท่าตลอด

    ถ้ามาถึงประเภทช้างปกตินี่ อุโบสถหัตถีนี่จะมีกำลังเท่ากับช้างปกติ ๑๐๐ เท่า ก็ในชีวิตน่ะยังไม่ได้เห็นช้างเผือกจริงๆ จัง นอกจากของพม่ากับลาว ของเรานี่ยังไม่เห็นจริงๆ ของพระนี่ก็นางพญาคำแก้วมิ่งเมืองลาวนั่นตามพหัตถีสีทองแดงแจ่มจ้าเลย ขนทุกเส้นยังกะลวดทองแดงใหม่ๆ เลย ตอนที่สมเด็จพระเทพฯ เสด็จไปครั้งแรก เขาพาไปดู อายุคงประมาณซัก ๒-๓ ปี ยังไม่ถึง ๕ ปี งามจริงๆ แล้วมาตอนหลังเขาได้พระยาไชยมงคลมาอีกตัวหนึ่ง พระยาไชยมงคลนี่เป็นช้างเลี้ยงของชาวบ้านมานานถึง ๓๐ ปีแล้ว

    คราวนี้ขอลาเขาก็เหมือนของไทยสมัยก่อนก็คือว่า พอใช้งานจนถึงหน้าฝน ทำงานไม่ได้แล้วก็ปล่อยเข้าป่าไปหากิน ช้างที่ปล่อยเข้าป่าเขาจะมีโซ่พันคอไปด้วย ถึงเวลาได้เดินไปหาตามเสียงใช่ไหม ปรากฏว่าเขาก็ทำอย่างนั้นมาทุกปี ถึงเวลาก็ไปตามคืนๆ ปรากฏว่าปี ๓๐ นี่ไปตามคืนมากลายเป็นช้างขาวจ๋องทั้งตัวเลย ตอนแรกเขาสงสัยอยู่อย่างเดียวว่า ช้างตัวนี้เฉลียวฉลาดมาก ควาญพูดอะไรไม่ต้องบังคับเลย เขาเข้าใจและทำตามได้ แล้วลักษณะท่าทางสง่างาม เวลาเดิน เวลาอะไรจะอยู่คนเดียวเดี่ยวโดดจะไม่เข้าร่วมฝูงกับใคร แล้วเวลาผ่านช้างอื่น ช้างอื่นจะหลีกให้หมด เขาก็รู้อยู่แค่นั้น

    ปรากฏว่าพอตามกลับมากลายเป็นช้างขาวเผือกผ่องไปทั้งตัว เขาก็เลยเพิ่งจะรู้ว่า ที่แท้แม่ช้างเห็นตั้งแต่แรกว่าลูกตัวเองเป็นช้างเผือก ก็เลยกลัวว่าจะเป็นอันตราย เพราะว่ามนุษย์เห็นเดี๋ยวเสร็จแน่ ก็คงไปหาพวกยางไม้พวกอะไรมาพ่นเสียจนดำปี๋ไปทั้งตัว อีคราวนี้...ก็คงมีอายุซัก ๓๐ ปีอะไรอย่างนั้น แล้วยางมันก็เสื่อมสภาพ เสื่อมสภาพไปโดนโคลนโดนเลน โดนอะไรมามั่ง ลอกหลุดหมด ขาวผ่องไปเลย ก็เลยขึ้นระวางเป็นช้างดีอยู่ทางเมืองลาว

    ถาม: ................................................

    ตอบ: แล้วมาปี ๒๕๓๗ ปีที่ได้พระยาไชยมงคลมาด้วย ในหลวงก็เสด็จเปิดสะพานมิตรภาพแล้วข้ามไปค้างฝั่งลาวด้วย ไปทำโครงการพระราชดำริห้วยซอนห้วยซั่วนั่นน่ะทางฝั่งลาว

    ลาวสมัยที่เป็นอาณาจักรศรีโคตรบูรณ์ ที่พระยาศรีโคตรบูรณ์ครองเมืองลาวอยู่ คราวนี้ในสมัยที่พระยาศรีโคตรบองแกครองอาณาจักรศรีโคตรบูรณ์อยู่น่ะ แกเป็นผู้ได้อภิญญาก็เลยประเภทที่เรียกว่าอยู่ยงคงกระพัน ใครก็ฆ่าไม่ได้ บรรดาศัตรูของอาณาจักรศรีโคตรบูรณ์ก็เลยช่วยกัน ติดสินบนคนข้างในให้ช่วยจัดการที ถึงขนาดเสียสละลูกสาวเข้าไปเพื่อให้เป็นเมีย จะได้รู้ว่ามีจุดอ่อนที่ไหน ก็อย่างว่านั่นแหละ พอเจอมารยา ๕๐๐ เล่มเกวียนเข้าก็เผลอบอก บอกว่ามีจุดอ่อนอยู่อย่างเดียวคือเวลานั่งถ่าย ถ้าใครเอาหอกสวนขึ้นมาก็ตาย

    สมัยก่อนที่นั่งถ่ายเขาทำเป็นเล้าสูงขึ้นไป แล้วก็จะมีที่กั้นล้อมอยู่ประมาณแค่อกแค่คอ แล้วข้างล่างเขาจะขุดเป็นหลุมอยู่ คราวนี้พอเขารู้อย่างนั้น ก็แอบไปตอนเช้ามืดที่เขาไปถ่าย ก็เอาหอกแทงสวนขึ้นไป ก่อนแกจะตายแกก็เลยสาปเอาไว้ว่า แกเองไม่เคยทำผิดคิดร้ายกะใคร ในเมื่อคนอื่นปองร้ายแกอย่างนี้ ถึงได้อาณาจักรนี้ไปจากแกก็ตาม จะหาความเจริญไม่ได้จนกว่าจะมีช้างเผือก หินฟู งูใหญ่ และพระราชาเป็นธรรมิกราชมาเหยียบแผ่นดินถึงจะเจริญได้

    มาคราวนี้ช้างเผือกแกได้แล้ว ๒ ตัว หินฟู หินลอยน้ำนี่เขาบอกว่าสะพานมิตรภาพนี่แหละ มันลอยข้ามโขงไปเลย งูใหญ่ก็คือถนน เลื้อยไปถึงไหน กินคนที่นั่นเขาว่า คราวนี้ก็เหลืออยู่อย่างเดียว พระราชาผู้เป็นธรรมิกราช ก็อย่าลืมว่าในหลวงของเราไม่ได้ออกไปต่างประเทศมา ๒๗ ปีเต็มๆ แล้ว ยอมข้ามไปลาวแล้วค้างคืนด้วย ตอนนั้นเสาวรสบอกว่าถ่ายรูปหมดเป็นม้วนเลย วิ่งไปหน้าเป็นอยู่ใกล้ๆ แล้ว ให้เพื่อนถ่ายไปเรื่อย นานๆ ได้อยู่ใกล้ชิดพระยุคคลบาทซะที เพราะว่าฝั่งโน้นก็มีแต่ลาว ฝั่งของเรานอกจากข้าราชบริพารแล้วก็มีแต่นักข่าว มันไม่น่าหมั่นไส้เหมือนตอนอยู่ฝั่งไทย เขาก็เลยถ่ายมันซะหมดไปหลายม้วนเลย เขาบอกว่าถ้าได้ช้างเผือก หินฟู งูใหญ่ และพระราชาผู้เป็นธรรมิกราชมาเหยียบแผ่นดิน ลาวถึงจะเริ่มเจริญขึ้นได้ ตอนนี้ก็เริ่มแล้ว ลาวเป็นคอมมิวนิสต์พิลึกพิลั่น เป็นคอมมิวนิสต์ที่ใส่บาตรกันทุกวัน เป็นคอมมิวนิสต์ที่ประเภทรักเชื้อพระวงศ์เป็นอย่างมาก

    ตอนนี้ลาวจะทูลเชิญสมเด็จพระเทพฯ ไปเป็นปกติเลย เอะอะก็แม่นางเทพ แม่นางเทพใช่มั้ย ? ส่วนอีกตัวหนึ่งก็เพิ่งไปเจอที่ย่างกุ้งมาเมื่อต้นปี ช้างเผือกตัวนี้ได้มาจากยะไข่อายุประมาณ ๕ ปี ที่ถ่ายรูปมาที่ให้น้องเล็กเขาไปซีร็อกซ์นั่นแหละ เห็นสวยขนาดนั้นมั้ยล่ะ หายากนะ ตาแดงไปด้วย คือว่าถ้าดูลักษณะแล้วถึงเขาจะไม่เป็นช้างเผือก ลักษณะก็งามกว่าปกติอยู่แล้วนะ อ้วนท้วนสมบูรณ์เลย แต่ว่ามันทรมานสัตว์มากเกินไป ย่างกุ้งร้อนจะตับแตก ในเมื่อย่างกุ้งร้อนจะตับแตก มันดันเอาช้างไปอยู่กลางโรง แล้วก็อยู่กลางแจ้งด้วย ไม่มีน้ำคอยฉีดให้ ทรมานเขาจริงๆ ไอ้เราเองก็ไม่รู้จะร้อนยังไง ได้แต่ปลงอนิจจัง ถึงจะมีวาสนาบารมีเสวยชาติขนาดนั้นแล้วต้องไปตากแดดอยู่ทั้งวันตูก็ไม่เอาละวะ

    เสร็จแล้วรู้สึกว่ายังไง ประเทศเฮงๆ ซวยๆ ในสายตาเราเขามีของดี๊ดี อย่าลืมว่าของเขาแต่ละคน เขามีคนดี มีคนสร้างบุญบารมีมาเหมือนกัน ถึงวาระถึงเวลาของสิ่งที่สมควรเป็นของคู่บารมีคู่แผ่นดินของเขาก็ปรากฏขึ้น ของเรานี่เดี๋ยวรอปลายรัชกาลที่ ๙ ต้นรัชกาลที่ ๑๐ สารพัดของดีๆ มันก็จะประดังกันมาเอง ถึงเวลานั้นประเภทต่างประเทศนี้ ประเทศไหนประเทศนั้นแหละ คงหาขนตาไม่ค่อยได้หรอก อิจฉาตาร้อนขนตาไหม้หมด ตอนนี้ให้เขาไปก่อน ของที่ดีมากให้เขาไปก่อน เดี๋ยวของดีมากกว่าถึงดีมากที่สุดแล้วเราค่อยเอา ในชีวิตถ้าหากว่าเผลอๆ ไปเจอไอ้ประเภทช้างสีทองผ่องอร่ามมาเลย เราคงคิดว่าเขาพ่นสีมา มันมีจริงๆ

    ตอนแรกเราก็ได้ยินแต่พระยาฉัตทันต์ พระยาฉัตทันต์ พระพุทธเจ้าเสวยพระชาติใช่มั้ย ? แต่ปรากฏว่าว่าตระกูลฉัตทันต์นั่นน่ะ สีขาวผ่องเหมือนแผ่นเงิน แล้วแผ่นเงินมันไม่ใช่ขาวอย่างเดียว แต่ว่าตระกูลที่สูงกว่าคือ อุโบสถหัตถี อุโบสถหัตถีสีกายเหมือนทองคำ ถัดมาก็ฉัตทันต์หัตถีสีขาวเหมือนแผ่นเงิน ไล่ลงไปเรื่อย เรื่อยๆ สีขาวนี่ยังมีปัณฑรหัตถี ปัณฑรหัตถีเขาอบกว่า สีเหมือนอย่างกะดอกบัวขาว หรือเหมือนสังข์ขัด ตามพหัตถี สีเหมือนทองแดง คังไคยหัตถี ปิงคลหัตถี กาฬวะกะหัตถี กาฬวะกะหัตถีนี่ดำเหมือนนิล

    ถ้าเราดูช้างในปัจจุบันดูง่าย ตัวไหนที่ล่ำสันสูงใหญ่ ถ้าเปรียบกับตัวอื่นแล้วเรารู้สึกว่าขาเขาสั้น ขาเขาอ้วนๆ สั้นๆ นะ อันนั้นเลือกไว้ได้เลย นั่นแหละช้างที่มีกำลังมหาศาลจริงๆ ช้างที่เรารู้สึกว่าถึงเขาตัวใหญ่ แต่มันสูงเพรียวเหมือนกับคนขายาว กำลังจะน้อยมันปะทะกันเมื่อไหร่ให้ ๓ ต่อ ๑ เลย เพราะฉะนั้นช้างประมาณ ๑๐๐ เชือกนี่ จะหาลักษณะที่ว่านี้ชัก ๑๐ ก็ยาก ส่วนใหญ่จะเป็นพวกขายาว ดูง่าย ไม่ต้องดูอะไรมากหรอก ดูหุ่นแค่นั้นพอ ประเภทอ้วนๆ ล่ำๆ เหมือนอย่างกะคนมะขามข้อเดียว รีบเลือกไว้เลย นั่นน่ะดีแน่ล่ะ แล้วค่อยไปดูอย่างอื่น อย่างเช่นว่าลักษณะเป็นยังไง หูตาเป็นยังไง หางเป็นยังไง ที่ศูนย์อนุรักษ์ช้างลำปางเขามีวิธีผ่าจ้าน

    ผ่าจ้านก็คือแยกลูกช้างออกจากแม่ช้าง เพื่อเอามาฝึกหัด แล้วก็ไปโดนพวก N.G.O. มันว่าข้อหาทารุณสัตว์ใช่มั้ย ? พิธีกรรมนี่มันเป็นภูมิปัญญาชาวพื้นบ้านมาเลยนะ พิธีผ่าจ้านเนี่ย เขาจะมีการประเภทปลุกเสกแล้วก็จะตัดไม้ไผ่มาจักตอก พอถึงเวลาเสร็จพิธีแล้วก็ฉีกไม้ไผ่ออกเป็น ๒ ซีก ทำให้ความสัมพันธ์ของความเป็นแม่ลูกมันขาดกันไปเลย ซึ่งไม่น่าจะเป็นไปได้ แต่มันเป็นน่ะ เป็นจริงๆ แล้วไม้นั่นน่ะ อย่าเอาเข้ามาในบ้านเชียวนะ รับรองได้ว่าแตกยับเยินกันทั้งบ้านเลย มันอาถรรพ์ถึงขนาดนั้น
    เพราะงั้นเวลาผ่าจ้านเสร็จแล้วเขาจะเอาไม้ไปทิ้งไว้ในป่าลึก กลัวคนที่มันไม่รู้ไปเก็บเข้าบ้านไป แล้วมาปัจจุบัน เขาว่าไปโดนข้อหาทารุณช้างเข้า ตัวเอย่างมันเห็นๆ ก็คือแม่ช้าง ลูกช้างจริงๆ มันรักกันจะขาดใจ พอทำพิธีเสร็จเรียบร้อยแม่เหมือนกับลืมลูกไปเลย ลูกขอแม่ก็ไม่สนใจ เพื่อที่ว่าจะได้ฝึกมันได้ง่าย

    เพราะฉะนั้นเรื่องอย่างนี้ไม่เชื่ออย่าลบหลู่ ไสยศาสตร์มีจริงนะ ไม่งั้นตั้งแต่โบราณจนปัจจุบันของเรามา ของเราอาศัยช้างมาตลอด ไม่ว่าจะเป็นการชักลากซุง ช่วยในการทำมาหากินก็ดี เป็นพาหนะเดินทางก็ดี ถึงขนาดออกศึกออกสงคราม ขนาดทางจีนเขาบันทึกไว้เขาเรียกคนไทยว่าพระเจ้าช้างเผือก






    สนทนากับพระเล็ก สุธมฺมปญฺโญ
    เดือนพฤศจิกายน ๒๕๔๕(ต่อ)
    ณ บ้านอนุสาวรีย์ฯ





    .
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 26 มิถุนายน 2009
  2. oomsin2515

    oomsin2515 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    2,934
    ค่าพลัง:
    +3,393
    ขออนุโมทนาสาธุธรรม เป็นอย่างสูง ครับ<!-- google_ad_section_end -->
     
  3. oomsin2515

    oomsin2515 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    2,934
    ค่าพลัง:
    +3,393
    ขออนุโมทนาสาธุธรรม เป็นอย่างสูง ครับ<!-- google_ad_section_end -->
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...