ชำระใจ หลวงปู่เทสก์

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย ผ่อนกรรม, 25 กรกฎาคม 2013.

  1. ผ่อนกรรม

    ผ่อนกรรม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    63
    ค่าพลัง:
    +400
    ชำระใจ

    นครราชสีมาเมื่อก่อนพุทธศตวรรษ ๒๔๗๐ อาจกล่าวได้ว่า

    ไม่เคยมีพระกัมมัฏฐานสายพระอาจารย์ใหญ่มั่น ภูริทัตโตจาริกไปเลย

    เนื่องเพราะต่างได้ยินกิตติศัพท์ เล่าขาน ว่าคนในจังหวัดนี้

    มีใจอำมหิตเหี้ยมโหดนัก

    ต่อมาเมื่อสมเด็จมหาวีระวงศ์(อ้วน) สมัยดำรงสมณศักดิ์

    เป็นพระธรรมปาโมกข์ นิมนต์พระอาจารย์สิงห์ ขันตยาคโม

    พระอาจารย์มหาปิ่น ปัญญพโลลงไป แล้วพ.ต.ต. หลวงชาญนคม

    ผู้กองเมือง เกิดศรัทธาเลื่อมใสถวายที่ข้างหัวรถไฟให้สร้างวัดป่านั้นหรอก

    จึงเริ่มมีรูปอื่นทยอยตามไป

    ในปีพุทธศักราช ๒๔๗๕ อันเป็นปีประวัติศาสตร์แห่งการเปลี่ยนแปลง

    ระบอบการปกครอง พระอาจารย์เทสก์ เทสรังสี ได้จำพรรษาที่วัดป่าสาลวัน

    ท่ามกลางความรุ่มร้อนของอากาศ

    “เราไม่ชอบอากาศร้อน แต่กัดฟันอดทนต่อสู้ทำความเพียรไม่ท้อถอย”

    พระอาจารย์เทสก์เล่าประสบการณ์ธรรมในพรรษานี้ว่า

    “สติที่เราอบรมดีแล้วสงบอยู่ตลอดทั้งกลางวันกลางคืนนั้น

    บางครั้งก็รวมเข้าภวังค์ แล้วก็หายไปเลยเป็นเวลานานนับชั่วโมงก็มี

    แล้วไม่ทำให้เกิดปัญญาอะไรเลย”


    สภาพการทางจิตเช่นนี้ แต่เดิมพระอาจารย์เทสก์ ทั้งพยายามแก้ด้วยตนเอง

    และขอให้พระอาจารย์ท่านอื่น ช่วยเหลือแก้ไขให้ เป็นเวลานาน แต่ก็ไม่เป็น

    ผลสำเร็จ

    “มาคราวนี้เราแก้ได้แล้วด้วยตนเอง นั่นคือ คอยจับจิตที่มันรวมเข้าเป็นภวังค์

    ซึ่งมีอาการเผลอ ๆสติ แล้วน้อมส่งไปยินดีในความสงบสุข

    จนเผลอสติแล้วก็รวมเข้าสู่ภวังค์ เมื่อเราจับตรงที่มันเผลอ ๆ

    น้อมไปหาความสงบสุขอันละเอียดนั้นแล้ว รีบตั้งสติให้แข็งแกร่ง

    ปรารภอารมณ์ที่หยาบ ๆ เพ่งพิจารณานอก ๆ

    อย่าให้เข้าไปหาความสงบสุขได้ ก็จะหายไปทันที

    พูดง่าย ๆ ว่าอย่าให้จิตรวมได้ ให้เพ่งพิจารณาอยู่เฉพาะกายนี้แห่งเดียว”

    อาการอย่างนี้พระอาจารย์เทสก์เป็นมานานนับ ๑๐ ปี

    แม้จะปรารภความเพียรอย่างจริงจังครั้งแล้วครั้งเล่า แต่เมื่อมีอารมณ์

    มากระทบจิตก็ยังหวั่นไหว

    “จึงเกิดความสงสัยในพระธรรมวินัยขึ้นมาว่า ความบริสุทธิ์

    มรรค ผล นิพพาน อันสุดยอดในพุทธศาสนานี้เห็นจะไม่มีเสียแล้วกระมัง

    คงจะยังเหลือแต่ฌานสมาบัติอันเป็นโลกีย์เท่านั้นเอง”
    พระอาจารย์เทสก์เล่า

    แม้จะสงสัย แต่กระนั้นก็มิได้หมดสิ้นความเพียร ยังคงปรารภต่อไป

    ท่ามกลางความร้อนรุ่มของอากาศ

    “วันหนึ่ง จิตรวมอย่างน่าประหลาดใจ คือรวมใหญ่เข้าสว่างอยู่คนเดียว

    แล้วมีความรู้ชัดเจนสว่างจ้าอยู่ที่เดียว จะพิจารณาอะไร ๆ

    หรือมองดูแง่ไหนในธรรมทั้งปวงก็หมดความลังเลสงสัย

    ในธรรมวินัยนี้ทั้งหมด คล้ายๆ กับว่าเรานี้ถึงที่สุดแห่งธรรมทั้งปวงแล้ว”

    พระอาจารย์เทสก์กล่าวว่า

    “แต่เราก็มิได้สนใจในเรื่องนั้นมีแต่ตั้งใจไว้ว่า

    ไฉนหนอเราจะชำระใจของเราให้บริสุทธิ์หมดจด

    เราทำได้ขนาดนี้แล้วจะมีอะไร และดำเนินต่อไปอย่างไร”




    น้อมกายใจลงกราบด้วยเศียรเกล้า _/I\_ สาธุ สาธุ สาธุ


    คัดจากหนังสือ:: เรื่องของหลวงปู่เทสก์





     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 26 กรกฎาคม 2013

แชร์หน้านี้

Loading...