ชาดก...ว่าด้วยมนต์มายาหญิง สำหรับผู้ปฏิบัติทุกท่าน

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย ยศวดี, 26 กุมภาพันธ์ 2012.

  1. ยศวดี

    ยศวดี ยายแก่แล้ว*_*

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2010
    โพสต์:
    4,255
    กระทู้เรื่องเด่น:
    11
    ค่าพลัง:
    +5,796
    <TABLE class=tborder id=post5429757 style="BORDER-RIGHT: rgb(239,239,239) 1px solid; BORDER-TOP: rgb(239,239,239) 1px solid; WORD-SPACING: 0px; FONT: 16px arial, verdana, geneva, lucida, 'lucida grande', arial, helvetica, sans-serif; TEXT-TRANSFORM: none; BORDER-LEFT: rgb(239,239,239) 1px solid; COLOR: rgb(0,0,0); TEXT-INDENT: 0px; BORDER-BOTTOM: rgb(239,239,239) 1px solid; WHITE-SPACE: normal; LETTER-SPACING: normal; BACKGROUND-COLOR: rgb(255,255,255); background-origin: initial; background-clip: initial; border-image: initial; orphans: 2; widows: 2; webkit-text-size-adjust: auto; webkit-text-stroke-width: 0px" cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR vAlign=top><TD class=alt2 style="BORDER-TOP-WIDTH: 0px; BORDER-RIGHT: rgb(255,255,255) 1px solid; BORDER-BOTTOM-WIDTH: 0px; FONT: 12pt verdana, geneva, lucida, 'lucida grande', arial, helvetica, sans-serif; BORDER-LEFT: rgb(255,255,255) 1px solid; COLOR: rgb(0,0,0); BACKGROUND-COLOR: rgb(247,243,247); background-origin: initial; background-clip: initial; border-image: initial" width=175>whimsicle
    สมาชิก

    [​IMG]

    วันที่สมัคร: Mar 2011
    ข้อความ: 128
    พลังการให้คะแนน: 25[​IMG]


    </TD><TD class=alt1 id=td_post_5429757 style="BORDER-RIGHT: rgb(255,255,255) 1px solid; FONT: 12pt verdana, geneva, lucida, 'lucida grande', arial, helvetica, sans-serif; COLOR: rgb(0,0,0); BACKGROUND-COLOR: rgb(239,235,239); background-origin: initial; background-clip: initial"><CENTER>ชาดกว่าด้วยมนต์มายาหญิง

    </CENTER>
    <HR style="COLOR: rgb(255,255,255); BACKGROUND-COLOR: rgb(255,255,255)" SIZE=1><OBJECT id=DCF253312470 height=250 width=300 classid=clsid:d27cdb6e-ae6d-11cf-96b8-444553540000>
























    <embed src="http://s0.2mdn.net/1016559/Innity300x250.swf" flashvars="moviePath=http://s0.2mdn.net/1016559/&moviepath=http://s0.2mdn.net/1016559/&clickTag=http%3A//ad-apac.doubleclick.net/6k%253Bh%253Dv8/3c27/f/70/%252a/q%253B253312470%253B0-0%253B0%253B77191865%253B4307-300/250%253B46598556/46615214/1%253B%253B%257Esscs%253D%253fhttp%3A//avp.innity.com/click/avncl.php%3Fcampaignid%3D5348%26adid%3D47447%26zoneid%3D25638%26pubid%3D2099%26ex%3D1330311905%26pcu%3D%26url%3Dhttp%253a%252f%252fwww.lufthansa.com/th/en/europe-economy-promo%253FWT.mc_id%253Donlad&clickTagFB=http%3A//ad-apac.doubleclick.net/6k%253Bh%253Dv8/3c27/f/70/%252a/q%253B253312470%253B0-0%253B0%253B77191865%253B4307-300/250%253B46598556/46615214/1%253B%253B%257Esscs%253D%253fhttp%3A//avp.innity.com/click/avncl.php%3Fcampaignid%3D5348%26adid%3D47447%26zoneid%3D25638%26pubid%3D2099%26ex%3D1330311905%26pcu%3D%26url%3Dhttp%3A//ad-apac.doubleclick.net/clk%3B253311774%3B77192605%3Bj" width="300" height="250" type="application/x-shockwave-flash" quality="high" swliveconnect="true" wmode="opaque" name="DCF253312470" base="http://s0.2mdn.net/1016559" allowscriptaccess="never"></OBJECT>
    [​IMG]


    ในสมัยหนึ่ง พระพุทธเจ้าประทับอยู่วัดเชตวันเมืองสาวัตถีในวัฏสงสารที่เราเวียนว่ายเกิดดับตามกฎแห่งกรรมอันเป็นธรรมดานี้ มิมีผู้ใดที่สามารถหลุดพ้นปวงกรรมนี้ได้เลย พุทธกาลสมัยหนึ่งณ พระเชตะวันมหาวิหารกาลนั้น มีภิกษุสงฆ์ผู้ตกทุกข์ด้วยเหตุจากอิสตรีเข้ากวนกิเลสมิให้ดื่มด่ำธรรมรสได้ดุจเดิม กิเลสจากหญิงนั้นทำให้บุตรแห่งพระสมณโคดมรูปหนึ่ง ซมซานเป็นยิ่งนักพระพุทธเจ้ารู้เช่นนั้นจึงกำหนดภิกษุสงฆ์ผู้หมองเศร้าให้เข้าเฝ้า ณ พระคัณฑกุฏี

    “ดูก่อนภิกษุสีหน้าท่านชั่งเศร้าหมองยิ่งนัก เรารู้ถึงการเป็นทุกข์ของท่าน”

    “พระพุทธองค์โปรดช่วยกระผมให้เห็นทางสว่างด้วยเถอะครับ”

    พระพุทธทรงตรัสว่า
    “ชื่อว่าหญิง ย่อมก่อกวนพรหมจรรย์ของเพศสมณะผู้ตั้งใจบำเพ็ญเพียรเสมอในอดีตชาตินั้น บัณฑิตก็เคยแสดงให้รู้แจ้งถึงอันตรายจากกิเลสในใจหญิงมาก่อน”

    แล้วทรงเล่าอดีตนิทานที่เป็นเรื่องจริงจากการระลึกชาติของพระองค์แก่ภิกษุนั้น

    [​IMG]

    กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว ในเมืองพาราณสีมีพราหมณ์ตระกูลสูง ได้จุดไฟตั้งไว้ตั้งแต่วันลูกชายเกิดไม่ให้ดับเป็นเวลา ๑๖ ปีแล้ว บุตรชายเติบโตขึ้นมาท่ามกลางการดูแลอย่างหวงแหนจากผู้เป็นพ่อและแม่เป็นอย่างยิ่งบุตรเขาเปรียบเสมือนหัวแก้วแหวนของบิดา มารดา ซึ่งมีความปรารถนาจะให้ลูกออกบวชมากกว่าครองเรือน

    [​IMG]



    พราหมณ์หนุ่มบุตรชายเป็นชายหนุ่มรูปงามฐานะดีและมีภูมิรู้ จึงเป็นที่หมายปองของสตรีทั่วไป และการที่เขายังอยู่ในวังวนของกิเลส ในวัยหนุ่มจึงทำให้รู้สึกชื่นชอบในหญิงสาวที่เข้ามาหลงใหลในตัวเขาเช่นกัน ซึ่งนางพราหมณีผู้เป็นแม่ต้องคอยกำราบห้ามปรามอยู่มิเคยเว้น

    “แม่หญิงผู้นี้มาอีกแล้ว เป็นผู้หญิงยิงเรือแท้ๆ ไม่รู้จักรักนวลสงวนตัว มาหาผู้ชายอยู่ได้ไม่เว้นวัน เข้าไปในบ้านเถอะลูก อย่าไปเสวนากับแม่พวกนี้เลย”

    ท่านแม่แต่น้องนางคนนี้ น่ารักดีนะ ลูกอยากคุยกับเธอ”
    [​IMG]

    และแล้ววันหนึ่งที่ตลาด

    “วันนี้โชคดีไม่มีคุณแม่มาคุม เกี้ยวแม่หญิงได้เต็มที่”

    “อุ๊ย มีผู้ชายหน้าตาดีมองมาทางเราด้วย นั่นแน่ะ หรือว่าเค้าแอบชอบเรานะ” “ผู้ชายอะไรก็ไม่รู้หล้อหล่อ สูงเท่บาดใจ”

    “แต่ละนางแต่ละนางสวยงามไปหมดคนนี้ก็สวย ไม่รู้จะเลือกใครดี เมื่อไหร่จะได้แต่งงานกับเขาเสียที ” พราหมณ์หนุ่มรำพัน

    [​IMG]


    แม้บุตรชายจะใคร่แต่งงานมีเหย้ามีเรือนเพียงใด บิดามารดา กลับไม่ให้การสนับสนุนเลย วันหนึ่ง มารดาเรียกลูกชายมาบอกว่า

    ” ลูกรัก แม่ได้จุดไฟตั้งไว้ในวันที่ลูกเกิดเรื่อยมา ถ้าหากเจ้าประสงค์จะไปพรหมโลก จงเข้าป่าบูชาพระอัคนิเทพเจ้าเถิด ถ้าอยากจะครองเรือน จงไปเรียนศิลปวิทยากับอาจารย์ทิศาปาโมกข์ ณ เมืองตักกสิลาเถิด ”

    ลูกชายตัดสินใจเดินทางไปเรียนที่เมืองตักกสิลาจนสำเร็จแล้วกลับมาบ้าน ส่วนมารดาไม่อยากจะให้ลูกชายครองเรือนอยากจะแสดงโทษของสตรีหวังให้ลูกชายออกบวช จึงส่งลูกชายให้กลับไปเรียนอสาตมนต์ที่สำนักของอาจารย์ ณ เมืองตักกสิลาอีก

    ธรรมะจะทำให้ลูกเห็นทางสว่างของชีวิตพ้นจากบ่วงกรรมได้”
    “เมื่อบวชแล้ว พอสิ้นอายุขัยจากโลกนี้ เจ้าก็จะได้ไปเกิดในพรหมโลกเจ้าเชื่อแม่เถอะ เปลี่ยนความคิดที่จะแต่งงาน มาออกบวชเถอะนะ”

    “เป็นนักบวชแบบนี้เหรอท่านแม่ ลูกยังหนุ่มยังแน่น ขอลูกเอาดีทางโลกก่อนเถอะจ๊ะ”

    “ หากเจ้าจะเอาดีทางโลก เพราะก่อนที่จะครองเรือนเจ้าต้องรอบรู้ศิลปศาสตร์ทางโลกก่อนเจ้าจึงจะเป็นสามีที่ดีได้”

    จงเลือกเรียนกับอาจารย์ที่ยังโสดนะลูก ท่านจะได้มีเวลาสอนได้มาก เจ้าจะได้จบโดยเร็วนะลูกนะ”

    “เฮ้อ..ต้องรีบเรียนรีบกลับ เราจะได้กลับมาแต่งงานกับน้องหญิงคนสวยเร็วๆ” บุตรพราหมณ์เดินทางทางสู่ทิสาปาโมกข์อยู่หลายวันก็พบกับอาจารย์คนโสดตามที่มารดาสั่งไว้ จึงได้ฝากตัวเป็นศิษย์และเริ่มเรียนวิทยาการจากอาจารย์ตั้งแต่วันนั้น

    วันเวลาผ่านไป ชายหนุ่มรูปงามบุตรพราหมณ์ได้เรียนจนสำเร็จวิทยาการตามกำหนดจึงรีบล่ำลาอาจารย์กลับบ้าน “จำเริญรุ่งเรืองเถิดเมื่อเจ้าได้เป็นใหญ่เป็นโตแล้ว ก็อย่าลืมอาจารย์นะ โชคดี ไปดีมาดีนะ”

    [​IMG]

    “ศิษย์ขอกราบลา ศิษย์รำลึกพระคุณอาจารย์เสมอ”

    ระหว่างนั่นแลเห็นศิษย์คนอื่น
    “อะไรเนี่ย จบก่อนเราอีกมาทีหลังจบก่อนเราอีก เรียนมาหลายปีแล้วยังไม่จบซักที ”

    บุตรพราหมณ์ใช้เวลาเดินทางไม่กี่วันก็มาถึงบ้านเกิดเมืองนอน แต่เมื่อพรรณนาถึงวิชาทั้งหมดที่ร่ำเรียนมา ท่านพ่อแม่ทั้งสองกลับยังไม่พอใจ

    “เจ้าไปเรียนตั้ง 3-4 ปี เพิ่ม มีแค่นี้หรอ”

    “โธ่..นี่ก็ตั้งมากมายแล้วนะท่านแม่ คิดว่าลูกเรียนมาหมดครบถ้วนแล้ว”

    “ครบถ้วนแล้วรึ เออ..แล้วอสาตมนต์ละ เจ้าเรียนแล้วรึยัง”

    “มีด้วยหรือท่านแม่ ข้าไม่เห็นอาจารย์สอนให้ข้าเลย” อสาตมนต์เนี่ยเป็นวิชาพิเศษที่น้อยคนนักจะได้เรียนรู้

    โอ๊ย..นี่ลูกต้องกลับไปเรียนอสาตมนต์กับอาจารย์อีกแล้วหรือ โธ่เมื่อไหร่ลูกจะได้แต่งงานละท่านแม่”

    [​IMG]

    แต่ชายหนุ่มก็เดินทางไปหาอาจารย์ยังสำนักทิสาปาโมกข์เมืองตักศิลาอีกครั้ง แต่ปรากฏว่าอาจารย์ได้พามารดาผู้แก่ชรา เคยเลี้ยงดูท่านเข้าไปอยู่ในป่าเสียแล้ว อาจารย์มีมารดาผู้แก่ชรามีอายุได้ ๑๒๐ ปีอยู่คนหนึ่ง ท่านจะเป็นผู้ปรนนิบัติมารดาด้วยตนเอง ไม่ว่าจะเป็นการอาบน้ำ ป้อนข้าว ป้อนน้ำตลอดมา ผู้คนชาวเมืองจึงรังเกลียดท่าน ท่านจึงได้พามารดา เข้าไปอาศัยอยู่ในป่าแห่งหนึ่ง เมื่อเห็นลูกศิษย์กลับมาหาอีกครั้ง อาจารย์ทราบว่า ต้องการจะมาเรียน"อสาตมนต์" จึงเข้าใจเจตนาของมารดาของเขา

    [​IMG]

    “โอ้..อาจารย์รู้จักวิชานี้ด้วยหรือ ดีใจจังเลย ท่านจะสอนวิชานี้ให้ข้าใช่มั๊ย”

    “ใช่อาจารย์จะสอนวิชาอสาตมนต์ให้ก็ได้แต่เธอต้องดูแลมารดาแทนอาจารย์นะ”

    “ครับอาจารย์แล้วข้าต้องทำอย่างไรบ้างละ”

    “เจ้าต้องอาบน้ำ ถูนวดให้ท่านอย่าได้รังเกียจ ที่สำคัญขณะที่ปรนนิบัติเจ้าต้องพรรณนาความงามของท่านไปด้วยเสมอเจ้าจงอาบน้ำ ป้อนข้าว ป้อนน้ำ มารดาของเรา ปรนนิบัติด้วยการนวดมือ เท้า ศีรษะและหลังของท่าน พร้อมกับพูดยกย่องคำหวานเป็นต้นว่า คุณแม่ครับ ถึงจะแก่เฒ่าแล้ว ร่างกายของคุณแม่ยังดูกระชุ่มกระชวยอยู่เลย สมัยเป็นสาวคุณแม่คงจะสวยสะคราญหาที่เปรียบไม่ได้ ถ้าหากมารดาของเราพูดอะไรกับเจ้า ต้องบอกให้เราทราบทั้งหมดห้ามปิดบัง เจ้าทำเช่นนี้ถึงจะได้อสาตมนต์

    “เป็นการพูดปดเหตุใดข้าจะต้องพรรณนาความงามของหญิงชราด้วยท่านอาจารย์”

    “เอาเถอะน่า มันเป็นอีกวิธีหนึ่งที่จะใช้ปรนนิบัติหญิงผู้มีพระคุณของอาจารย์ เจ้าทำไปเถอะ เจ้าก็เยินยอไปสมัยอดีตที่ยังสาวของนางสิ ให้เกิดความหลงปลื้ม


    [​IMG]

    เขาได้ปรนนิบัติมารดาของอาจารย์เช่นนั้นตลอดมา จนนางคิดว่าหนุ่มน้อยคนนี้คงต้องการอภิรมย์กับเราเป็นแน่นอนในที่สุดกิเลสก็เข้ากุมจิตใจหญิงแก่ให้เผลอรักใคร่ชายหนุ่มเข้าจนได้ วันหนึ่งนางจึงถามชายหนุ่มว่า

    “เธอพูดจริงรึพ่อหนุ่ม ชั้นงามอย่างนั้นจริงๆ เรอะ ชั้นทนฟังความหวานของเธอไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว”

    คุณแม่ใจเย็นๆ ก่อนนะครับ”

    “ชั้นสวยถูกใจเธอใช่มั๊ยละ เธอต้องการชั้นอย่างงั้นใช่ไหม๊ ถ้าอย่างนั้นนะ เรามาอยู่กินกันที่นี่เลยเถอะ”

    “ไม่ได้หรอกครับคุณแม่ เดี๋ยวอาจารย์ต้องเอาตายแน่ๆ

    ” ถ้าเช่นนั้น เจ้าจงฆ่าลูกฉันเสียสิ ”เขากล่าวว่า

    ผมเรียนหนังสือกับท่าน จะให้ฆ่าท่านได้อย่างไร ”
    นางพูดว่า
    ” ถ้าหากเธอไม่ทอดทิ้งฉันจริง ฉันจะฆ่าเขาเอง ”
    ธรรมดาหญิงส่วนมากไม่น่ายินดี มีลับลมคมใน ถึงจะแก่แล้วก็ยังมีกิเลสราคะถึงกับคิดจะฆ่าลูกชายตนเอง

    ชายหนุ่มได้บอกเรื่องทุกอย่างแก่อาจารย์ อาจารย์ได้ยินมารดาคิดถึงขนาดจะฆ่าตนก็ตกใจและเสียใจ แต่ด้วยณาณก็กำหนดรู้ว่ามารดาของตนกำลังจะสิ้นชีพด้วยหัวใจวายในวันนี้ จึงเรียกให้ลูกศิษย์ไปตัดต้นมะเดื่อมาทำเป็นรูปหุ่นเท่าตัวให้นอนในที่นอน คลุมผ้าทั่วร่าง ผูกราวเชือกไว้เสร็จแล้ว มอบขวานให้ลูกศิษย์นำไปมอบให้มารดา บอกว่าอาจารย์เข้านอนแล้ว

    [​IMG]

    นางเดินไปตามราวเชือกแล้วเงื้อขวานจามลงบนหุ่นไม้นั้นหวังให้ตายคาที่ พอเกิดเสียงดังกึก จึงทราบว่าฟันถูกไม้ ทันใดนั้นเองลูกชายก็โผล่มาถามว่าแม่ทำอะไร นางทราบว่าถูกหลอกแล้ว จึงล้มลงสิ้นใจตาย ณ ที่นั้นนั่นเอง ความที่จริงถ้านางไม่เดินมาก็จะนอนตายที่ศาลาของตนเองอยู่แล้ว นางเดินมาด้วยอำนาจกิเลสตัณหา
    อาจารย์ได้ทำการเผาศพมารดาแล้วเรียกลูกศิษย์มาสอนว่า

    ” อสาตมนต์ไม่มีดอก ขึ้นชื่อว่าหญิงส่วนมาก ไม่รู้จักจืดจาง มารดาของเจ้าส่งเจ้ามาเพื่อให้รู้จักโทษของหญิง บัดนี้ เจ้าเห็นโทษของมารดาเราแล้ว พึงทราบว่าผู้หญิงโดยมากที่ขาดการบำเพ็ญเป็นผู้มีใจโลเลและยึดมั่นถือมั่นในรูปกาย พวกนางอยู่ได้และเป็นสุขเมื่อมีใครกล่าวชื่นชม ความงามซึ่งสตรีถือเป็นสิ่งสำคัญสูงสุด ”

    แล้วให้เขากลับบ้าน เมื่อชายหนุ่มกลับไปถึงบ้าน มารดาจึงถามว่า

    ” บัดนี้เจ้าจักบวชหรือจะครองเรือน ”

    เขาได้ตัดสินใจออกบวชเพราะเห็นโทษของหญิง

    ในสมัยพุทธกาลหญิงชรา กำเนิดเป็น ภิกษุณี ภัททกาปิลานี
    บิดาของชายหนุ่ม กำเนิดเป็น พระมหากัสสป
    ลูกศิษย์ กำเนิดเป็น พระอานนท์
    อาจารย์เสวยพระชาติเป็น พระสัมมาสัมพุทธเจ้า



    </TD></TR></TBODY></TABLE></P>
     
  2. purivat

    purivat เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กันยายน 2010
    โพสต์:
    227
    ค่าพลัง:
    +254
    สุดยอด สนุกดีครับ.........
     
  3. tuta868248

    tuta868248 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 มิถุนายน 2006
    โพสต์:
    563
    ค่าพลัง:
    +1,116
    โมทนาสาธุคะ อนุโมทนาบุญด้วยคะ ถ้าหากดวงตาไม่เห็นธรรม จิตไม่เข้มแข็ง ย่อมแพ้กิเลสกาม ผู้หญิงช่างร้ายกาจจริงๆนะคะ บุญรักษานะคะ
     
  4. GUYTHUM

    GUYTHUM เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2008
    โพสต์:
    1,354
    ค่าพลัง:
    +1,088
    สอนเหมือนกับวัดธรรมกายเลย ....4444:cool:
     
  5. GhostHead

    GhostHead เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    1,010
    ค่าพลัง:
    +1,878
    ที่ใดมีรัก ที่นั่นมีทุกข์....เฮ้อ.....อกหัก...อกหัก...[​IMG]
     
  6. นราสภา

    นราสภา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    1,961
    ค่าพลัง:
    +356
    อกหักจากใคร มา ครับ

    ไปอกหัก จากใคร ที่ใหนมารึครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...