จิต

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย รสมน, 13 ธันวาคม 2009.

  1. รสมน

    รสมน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    1,451
    ค่าพลัง:
    +2,047
    จิต เจตสิก รูป เกิดขึ้นเมื่อมี "ปัจจัยปรุงแต่ง" เท่านั้น
    ซึ่งภาษาบาลีเรียก (ปัจจัยปรุงแต่ง) ว่า
    "สังขารธรรม"

    .

    เช่น "การเห็น" ย่อมเกิดขึ้นไม่ได้
    ถ้าไม่มี "จักขุปสาทรูป" และ "สิ่งที่ปรากฏทางตา" (รูปารมณ์)

    .

    เช่น "เสียง"
    เกิดขึ้นได้เพราะเหตุปัจจัย เมื่อเกิดขึ้นแล้วต้องดับไป
    สภาพธรรม ที่เกิดขึ้นเพราะเหตุปัจจัย ย่อมดับไป เมื่อเหตุปัจจัยดับไป.

    บางครั้ง เราเข้าใจว่า เสียงยังดังอยู่
    แต่ที่คิดว่าเสียงยังดังอยู่นานนั้น ตามความเป็นจริงแล้ว
    เป็นรูป (เสียง-สัททรูป) ที่เกิด-ดับ-สืบต่อกันหลายขณะ.

    .

    ปรมัตถธรรมที่ ๔ คือ " นิพพาน"
    นิพพาน เป็นสภาพธรรมที่ดับกิเลส
    นิพพาน เป็นอารมณ์ที่รู้แจ้งได้ทางมโนทวาร (เท่านั้น)

    .

    เมื่อประพฤติปฏิบัติตาม "หนทางที่ถูกต้อง"
    ก็จะเป็นปัจจัยที่นำไปสู่ นิพพาน
    หนทางที่ถูกต้อง หมายถึง การอบรมเจริญปัญญา
    เพื่อรู้แจ้ง "ลักษณะของสภาพธรรม"
    ตามปกติ ตามความเป็นจริง.

    .

    นิพพาน เป็น นามธรรม
    แต่ นิพพาน ไม่ใช่ จิต และ เจตสิก
    เพราะสภาพธรรมที่เป็น นิพพาน ไม่เกิดและไม่ดับ
    นิพพาน เป็นสภาพธรรมที่ไม่มี "ปัจจัยปรุงแต่ง"
    ซึ่งภาษาบาลี เรียกว่า "วิสังขารธรรม"

    นิพพาน ไม่เกิด เพราะเป็นสภาพธรรมที่ไม่มีปัจจัยปรุงแต่ง
    เพราะฉะนั้น นิพพานจึงไม่ดับ.

    จิต และ เจตสิก เป็นนามธรรมที่รู้อารมณ์
    นิพพาน เป็นนามธรรมที่ไม่รู้อารมณ์
    แต่ นิพพาน เป็นอารมณ์ของจิตและเจตสิกได้.!.

    นิพพาน เป็น อนัตตา
    คือ ไม่ใช่สัตว์ บุคคล ตัวตน.

    .

    เพราะฉะนั้น
    ปรมัตถธรรม คือ สภาพธรรมที่มีจริง มี ๔ ประเภท
    คือ
    รูปปรมัตถ์ จิตปรมัตถ เจตสิกปรมัตถ์ นิพพานปรมัตถ์

    จิตปรมัตถ์ เจตสิกปรมัตถ์ รูปปรมัตถ์ เป็น "สังขารธรรม"
    (หมายถึง สภาพธรรมที่มีปัจจัยปรุงแต่ง มีการเกิดขึ้น และดับไป
    และ เป็น อนัตตา เพราะว่า ไม่ใช่สัตว์ บุคคล ตัวตน)

    แต่ นิพพาน เป็น "วิสังขารธรรม"
    (หมายถึง สภาพธรรมที่ไม่มีปัจจัยปรุงแต่ง ไม่เกิด จึงไม่ดับ
    และ เป็น อนัตตา เพราะว่า ไม่ใช่สัตว์ บุคคล ตัวตน)

    .

    เมื่อศึกษาพระธรรม
    จำเป็นที่จะต้องเข้าใจว่า
    สภาพธรรมใด เป็นปรมัตถธรรมประเภทใด
    มิฉะนั้นแล้ว "คำสมมติ-บัญญัติ" ต่าง ๆ
    อาจจะทำให้เราเข้าใจผิดได้
    ตัวอย่างเช่น
    เราควรเข้าใจว่า สภาพธรรมที่เรียกว่า "ร่างกาย" เป็นต้นนั้น
    เป็น รูปปรมัตถ์

    .

    นิพพาน เป็น "สภาพธรรมที่ดับสังขารธรรมทั้งปวง"
    เพราะฉะนั้น
    พระอรหันต์ที่ดับขันธปรินิพพาน จึงไม่มีการเกิดอีกเลย.

    .
    "สังขารธรรม"
    คือ
    จิต เจตสิก รูป
    เป็นสภาพธรรมที่ไม่เที่ยง (อนิจจัง)
    และเป็นสภาพธรรมเป็นทุกข์ เพราะไม่เที่ยง (เกิด-ดับ)

    .

    ธรรมทั้งหลาย เป็น อนัตตา
    หมายความว่า ไม่ใช่สัตว์ บุคคล ตัวตน
    (สพฺเพ ธมฺมา อนตฺตา)
    เพราะฉะนั้น
    "สังขารธรรม" ทั้งหลาย ไม่เที่ยง จึงเป็นทุกข์.

    .

    แต่ ธรรมทั้งหลาย
    คือ จิต เจตสิก รูป นิพพาน (วิสังขารธรรม)
    เป็น อนัตตา

    เรื่องการฟังพระธรรมนั้นสำคัญมากเพราะการฟังธรรมนั้น
    จะเกิดปัญญาให้สะสมไปในภพหน้าได้ เหมือนเมื่อได้ยินเสียงกลองแล้ว
    ไม่ว่านานเท่าไหร่ถ้าได้ยินขึ้นมาอีกก็สามารถจำได้
    และการเจริญวิปัสสนา และสมถะก็สะสมเช่นเดียวกับ เห็นไหมว่า
    การฟังธรรม เจริญวิปัสสนา เป็นสิ่งสำคัญ
    เพราะฉะนั้นควรฟังธรรม กันเถอะ
    เอาบุญมาฝากได้ถวายสังฆทาน เจริญวิปัสสนา ให้ธรรมะเป็นทาน
    ตื่นแต่ดึกสวดมนต์ นั่งสมาธิ เดินจงกรม กำหนดอิริยาบทย่อย
    เจริญอนุสติ 6 อย่าง และได้อนุโมทนากับผู้ใส่บาตรตอนเช้าตามถนนหนทาง
    ได้กรวดน้ำ ถวายข้าวพระพุทธรูป สักการะพระธาตุ และเมื่อวานนี้ คุณป้าได้
    ทำข้าวต้มมัดเยอะมากไปแจกเด็กเป็นหลายพันคน และที่ผ่านมาได้ไปบอกบุญกับเพื่อน ประมาณ 40 กว่าคนได้ช่วยกันบอกบุญ ได้ มาประมาณ 10000 กว่าบาท
    เสร็จแล้วก็เอาไปซื้อของเล่นขนม อุปกรณืการศึกษา และเสณ็จแล้วก็
    ไปที่ศูนญื เลี้ยงเด็กกำพร้า ซึ่งมีประมาณ หลายร้อยชีวิต ได้ดูแลเด็ก ให้เด็กเพลิดเพลิน สนุก และได้เลี้ยงอาหารเด็กด้วย และที่ผ่านมานั้นได้มีรถวิ่งมาชน
    ในขณะที่ขับรถซึ่งรถที่วิ่งมาชนนั้นวิ่งมาผิดเลน รถก็พังยับเยินแต่ดีนะที่ตัวเองไม่เป็นอะไรมากแค่มีแผลตามตัว ในขณะนั้นก็ให้อภัยแก่คนขับรถและไม่เอาค่าใช้จ่ายใดๆทั้งสิ้นเราบาดเจ็บแค่นี้ดีกว่าเสียชีวิตไม่เป็นอะไรหรอกเราไม่เอาผิดกับคุณหรอก และเมื่อวานนี้ได้เดินจงกรมหลายชั่วโมง และนั่งสมาธิ เสร็จแล้วก็เจริญอนุสติ 8 อย่าง และฟังธรรมจนหลับอบ่างมีสติ และวันนี้ตั้งใจว่าจะเดินจงกรม สวดมนต์ นั่งสมาธิ กำหนดอิริยาบทย่อย ขอให้อนุโมทนาบุญด้วย
     

แชร์หน้านี้

Loading...