จิตใต้สำนึก กับ กฎแห่งกรรม

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย nyeb, 9 เมษายน 2008.

  1. nyeb

    nyeb สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มกราคม 2008
    โพสต์:
    28
    ค่าพลัง:
    +21
    ในหนังสือ เดอะท็อปซีเคร็ต ได้อธิบาย เรื่องจิตใต้สำนึก ไว้ดังนี้

    จิตใต้สำนึกไม่มีทางเชื่อมต่อกับทวารห้า คือ ตา หู จมูก ลิ้น กาย โดยตรง ดังนั้นมันจะไม่รับรู้ว่าคุณเห็นอะไร ได้ยินอะไร แต่จะบันทึกเฉพาะส่วนที่เป็นความรู้สึกไว้ พร้อมกับภาพในใจเท่านั้น ถ้าภาพในใจเห็นการล่า เห็นความตาย แล้วความรู้สึกที่เกิดขึ้นคือสนุก พอใจ มีความสุข จิตใต้สำนึกมันจะบันทึกไว้แค่ว่า ฆ่า ความตาย พอใจ สนุก มีความสุข

    จิตใต้สำนึกเปรียบเสมือนคอมพิวเตอร์ที่มีฐานข้อมูลขนาดใหญ่ ซึ่งจะเก็บข้อมูลส่วนของความรู้สึก พร้อมกับเหตุการณ์นั้นไว้ เมื่อในอนาคต มีเหตุการณ์แบบเดียวกันเกิดขึ้นซ้ำ มันจะจับคู่เหตุการณ์นั้นเข้ากับความรู้สึกที่เก็บไว้ในฐานข้อมูลโดยอัตโนมัติ ที่ประหลาดคือมันจับคู่ผิด เช่น เห็นว่าการฆ่า หรือ การถูกฆ่า เป็นความสุข เพราะถูกป้อนข้อมูลไว้อย่างนั้น

    จุดอ่อนที่สำคัญอย่างหนึ่งของจิตใต้สำนึกก็คือ มักจะแปลความหมายผิดไปตามความรู้สึกยกตัวอย่างเช่น ความสนุกที่เกิดขึ้นจากการล่าสัตว์ จิตใต้สำนึกจะแปลความหมายว่าสิ่งนั้นคือความสุข และเก็บข้อมูลนั้นไว้ เมื่อเหตุปัจจัยเหมาะสมไม่ว่าในภพนี้หรือภพหน้า จิตใต้สำนึกจะเหนี่ยวนำให้ได้เข้าไปอยู่ในสถานการณ์นั้นอีกครั้ง แต่บทบาทจะกลับกัน เพราะมีเจ้ากรรมนายเวรเกิดขึ้น เขาจะตกเป็นผู้ถูกล่าบ้าง


    จิตใต้สำนึกเป็นทาสผู้ซื่อสัตย์ และมีพลังเหลือเฟือ แต่มีจุดอ่อนคือ มันจะเข้าใจเจ้านายผิดอยู่บ่อยๆ จนบางครั้ง กลับกลายเป็นการทำลายเจ้านายแทนที่จะช่วยให้ดีขึ้น

    จิตสำนึกและจิตใต้สำนึก จะทำงานแยกส่วนกัน แม้ภายหลัง จิตสำนึกจะรู้ว่าสิ่งนั้นเป็นทุกข์ ไม่ใช่สุข แต่ตราบใดที่พลังในจิตใต้สำนึกยังไม่หมด มันก็จะส่งผลต่อไปเรื่อยๆ ยกตัวอย่างเช่น คนที่ติดการพนัน ติดสุรา นารี จิตสำนึกจะรู้ว่าไม่ใช่เรื่องดี แต่ก็ไม่สามารถหักห้ามใจได้ หรือภรรยาที่ถูกทำร้าย รังแก แต่ใจก็ยังรักสามี ในความคิดเธอรู้ว่าสิ่งนั้นเป็นทุกข์ แต่จิตใต้สำนึกมันก็จะเหนี่ยวนำให้เธอต้องตกอยู่ในสถานการณ์นั้นต่อไป จนกว่าจะหมดพลัง ความรู้สึกรักจึงจะหายไป ความรู้สึกรักนั้นไม่ใช่เรื่องบังเอิญ แต่เกิดจากครั้งหนึ่ง เธอเคยไปทำร้ายคนที่รักเธอ แล้วจิตใต้สำนึกมันเข้าใจเป็นว่า การทำร้ายคือการแสดงความรัก และคนที่ถูกทำร้ายจะสนองตอบด้วยความรัก เหมือนกับคนที่ถูกทำให้เจ็บปวดแล้วมีความสุขที่ทางจิตวิทยาเรียกว่า มาโซคิสซ์ ก็เป็นการทำงานในระดับของจิตส่วนลึก พวกมาโซคิสซ์ ถ้ามาจับคู่กับ ซาดิสซ์ จะเหมาะสมมาก ฝ่ายหนึ่งมีความสุขกับการทำให้คนอื่นเจ็บปวด อีกฝ่ายเจ็บปวดแล้วมีความสุข สิ่งที่เกิดขึ้นไม่ใช่เรื่องบังเอิญ แต่เป็นกรรมเก่าที่สนองในระดับของจิตใต้สำนึก

    <O:p ดังนั้นจึงเป็นเรื่องอันตรายมาก กับการเกิดความสุขบนความทุกข์ของผู้อื่น เพราะจิตใต้สำนึกจะเข้าใจผิด บันทึกไว้ทันทีว่า สิ่งนี้คือความสุข และพยายามจะขวนขวายสถานการณ์เช่นนั้นให้เกิดขึ้นซ้ำ โดยที่เจ้าตัวเองไม่มีทางรับรู้ได้เลย เมื่อเกิดเหตุการณ์นั้นขึ้นก็จะไม่เข้าใจ และสงสัยว่า เป็นกรรมมาแต่ชาติปางไหน ทั้งๆที่เป็นผู้สร้างเงื่อนไขขึ้นมาเอง จากวิธีคิดแท้ๆ

    ในอุบัติเหตุต่างๆ เราจะเห็นคนมุงดูอยู่เป็นจำนวนมาก สภาพจิตภายในของคนมุงแต่ละคน จะสร้างเงื่อนไขนั้นขึ้นมา ใครที่ดูด้วยความสะใจ หาไม่รู้ไม่ว่า จิตเขากำลังบันทึกความรู้สึกนั้นไว้ และสักวันหนึ่งเหตุการณ์นั้นจะต้องเกิดขึ้นกับเขาอย่างไม่คาดคิด เพราะจิตใต้สำนึกเข้าใจเป็นว่า เหตุการณ์แบบนี้สะใจ

    ในทางตรงกันข้าม ผู้ที่เข้าไปช่วยเหลือผู้ประสบอุบัติเหตุด้วยใจบริสุทธิ์ ปรารถนาจะให้ผู้อื่นพ้นทุกข์ จิตใต้สำนึกจะบันทึกไว้ว่า เหตุการณ์เช่นนี้เป็นทุกข์ และ ไม่ควรเกิดขึ้น ต้องพยายามหลีกเลี่ยง ความสุขในใจที่ได้จากการช่วยเหลือให้ผู้อื่นพ้นทุกข์ จะฝังเข้าไปในจิต และ ในอนาคตเมื่อเขาทุกข์ จะมีคนมาช่วยเขาอย่างไม่คาดคิดเช่นกัน เพราะจิตใต้สำนึกรู้ว่าสิ่งนี้ทำให้มีความสุข

    เป็นเรื่องอันตรายมาก ถ้าเราไปเกิดความรู้สึกบวกขึ้น กับเหตุการณ์ลบใดๆก็ตาม ไม่ว่า จะเป็นอุบัติเหตุ การหย่าร้าง การประสบเคราะห์กรรมของบุคคลอื่น ฯลฯ เพราะเหตุการณ์ลบนั้น จะย้อนกลับมาหาเราอย่างแน่นอน เพียงแต่รูปแบบจะไม่ซ้ำเดิม เพราะเหตุปัจจัยต่างกัน

    เหตุการณ์บวกของคนอื่น เช่นการประสบความสำเร็จ ได้เลื่อนตำแหน่ง ความร่ำรวย ฯลฯ ก็เช่นเดียวกัน ถ้าตอบสนองด้วยการคิดลบ เช่น อิจฉาริษยา น้อยใจ เสียใจ ฯลฯ ความคิดเหล่านี้ จิตใต้สำนึกจะแปลผลเป็นว่า ตัวเราไม่ต้องการอย่างนั้น เนื่องด้วยเพราะมีเหตุการณ์แบบนี้ขึ้น เราถึงเกิดอารมณ์ทางลบ ด้วยความหวังดีของจิตใต้สำนึก จะบันดาลให้เราไม่มีโอกาสได้เจอเหตุการณ์แบบนั้นอีก ซึ่งก็คือ จะไม่มีวันร่ำรวย ไม่ได้เลื่อนตำแหน่ง ไม่ประสบความสำเร็จ ฯลฯ

    วิธีแก้ไขก็คือ ให้ร่วมแสดงความยินดีจากใจจริง กับผู้ที่โชคดี ได้ดี หรือประสบความสำเร็จ สร้างความรู้สึกบวกขึ้นในจิตให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ เพื่อส่งสัญญานไปยังจิตใต้สำนึกว่า ฉันก็ต้องการแบบนี้นะ ช่วยฉันที

    การคิดบวกต่อความสำเร็จของบุคคลอื่น จะเกิดการถ่ายเท จุดบวกของบุคคลนั้นเข้ามาที่ตัวเรา การที่เขาเจริญก้าวหน้า ย่อมต้องมีสิ่งที่ดีอยู่แน่นอน ถ้าเราชื่นชมยินดีในความสำเร็จของเขา คิดถึงเฉพาะส่วนบวก ก็จะรับเอาองค์ประกอบที่ทำให้เกิดความสำเร็จนั้นเข้ามาสู่ตัวเองโดยอัตโนมัติ การสนใจจุดบวกของใครสักคน ก็เหมือนกับการเพาะเมล็ดพันธ์แห่งคุณสมบัตินั้นให้เบ่งบานขึ้นในใจเรา

    <O:pยิ่งถ้าสามารถอธิษฐานให้ทุกคนได้รับสิ่งดีๆ ประสบความสำเร็จ ขอให้ทุกคนสมความปรารถนา คำอธิษฐานนั้นจะเหมือนบูมเมอร์แรง มันจะวิ่งย้อนกลับมาหาตัวเอง เพราะขณะอธิษฐานด้วยใจที่เป็นสุข จิตใต้สำนึกจะรับรู้ว่า สิ่งที่อธิษฐานคือความสุข และจะจัดหามาให้ตามนั้นในอนาคต

    ในทางตรงกันข้าม ถ้าเป็นฝ่ายที่ประสบโชค มีฐานะเหนือกว่าคนอื่น แล้วพออวดให้คนอื่นอิจฉาได้ จะรู้สึกมีความสุข จิตใต้สำนึกจะเข้าใจเป็นว่า ความอิจฉาคือความสุข และมันจะทำให้กลายเป็นคนมีจิตริษยา โดยอัตโนมัติ ดังนั้นฟันธงไปได้เลยว่า คนที่ชอบอวด ก็คือคนที่มีจิตอิจฉาริษยาอยู่ในตัว และวันหนึ่งในอนาคตข้างหน้า เขาก็จะทนทุกข์ทรมานกับความอิจฉา แต่คราวนี้เขาเล่นเป็นบทคนอิจฉา ไม่ใช่คนถูกอิจฉาเหมือนในครั้งแรก จิตใต้สำนึกจะจัดให้ เพราะคิดว่าเป็นสิ่งที่ทำให้มีความสุข

    <O:pเช่นเดียวกับคนที่ชอบดูถูกคนอื่น เขาจะเซ็นส์สิทีฟ มีความรู้สึกไวต่อการถูกคนอื่นดูถูกรุนแรงกว่าปกติ ความรู้สึกไวที่ฝังอยู่ในจิตนี้เอง จะดึงดูดสถานการณ์นั้นเข้ามาหาตัวเขา แต่บทบาทในครั้งต่อไปเขาจะเกิดทุกขเวทนาอย่างรุนแรงจากการถูกดูถูก ไม่ใช่สุขเวทนาที่ได้ดูถูกคนอื่นเหมือนครั้งก่อน

    </O:pจิตใต้สำนึก คือพลังจักรวาล มีพลังแฝงนับแสนนับล้านเท่าของจิตสำนึก และสามารถติดต่อกับจิตใต้สำนึก ของคนอื่นๆได้ด้วย มันเป็นตัวควบคุมทุกอย่าง ตั้งแต่ระบบฮอร์โมนของร่างกาย สัญชาตญาณ จินตนาการ อารมณ์ ความเชื่อมั่น แรงบันดาลใจ หรือแม้กระทั่งการเกิดใหม่ และมีความสามารถที่เหนือมิติที่สี่ ดังนั้นจึงไม่ต้องสงสัยว่า มันจะสามารถดลบันดาลสิ่งต่างๆให้เกิดขึ้นได้ราวปาฎิหาริย์จริงหรือ

    จิตใต้สำนึกจะไม่เข้าใจสมมติบัญญัติของโลกสามมิติ เช่น จำนวนเงิน แต่มันจะบันทึกไว้ในรูปของความรู้สึกแทน ดังนั้นคนที่ทำบุญสิบบาทด้วยความรู้สึกที่ศรัทธาเต็มเปี่ยม กับการทำบุญหนึ่งแสนบาท ด้วยศรัทธาเท่ากัน ข้อมูลที่บรรจุไว้ในจิตใต้สำนึกจะเท่ากัน
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 9 เมษายน 2008
  2. ฐาณัฏฐ์

    ฐาณัฏฐ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2008
    โพสต์:
    6,197
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +4,075
    ขอบคุณครับ
     
  3. เด็กชายพชร

    เด็กชายพชร Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    150
    ค่าพลัง:
    +98
    ขอบคุณเจ้าของกระทู้ที่นำมาให้อ่านคะ
     
  4. ThesLong

    ThesLong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กุมภาพันธ์ 2006
    โพสต์:
    412
    ค่าพลัง:
    +827
    แล้วถ้าไม่ยินดียินร้าย ละ
    กฏของการดึงดูด มันจะทำงานยังไง
     

แชร์หน้านี้

Loading...