คุณรู้จัก"สามก๊ก" ไหม? & รวบรวมข่าวสาร บทวิจารณ์ "มหากาพย์สามก๊ก"

​

อยากรู้ว่า พี่ๆน้องๆ ที่เข้ามาในเวปพลังจิต เคยอ่าน หรือ ดู หรือ ได้ยิน เรื่องสามก๊กไหมน่ะครับ และคิดอย่างไรกับเรื่องสามก๊ก

ช่วยกันแสดงความคิดเห็นด้วยนะครับ และ ผมจะรวบรวมข่าวสาร เหตุการณ์ บทวิจารณ์ต่างๆทั้งไทย และเทศ เกี่ยวกับสามก๊กมาไว้ที่นี่นะครับ ท่านใดที่สนใจ หรือเป็นคอสามก๊ก โปรดติดตามกันด้วยนะครับ(f)

__________________________________________________________________



สามก๊ก: ฉบับนักบริหาร By ศ.เจริญ วรรธนะสิน





<HR style="COLOR: #ffffff" SIZE=1><!-- / icon and title --><!-- message -->



สวัสดีสมาชิกทุกๆท่านนะครับ ผมอยากเสนอ มุมมองสำหรับการมองโลกที่เต็มไปด้วย กิเลส ตัณหา แก่งแย่ง ชิงดี ผ่านทางวรรณกรรม "สามก๊ก" ซึงเมื่อเอ่ยถึงวรรณกรรมนี้ หลายๆท่านคงรู้จักดี ว่าเป็นวรรณกรรมแห่ง เล่ห์เหลี่ยม แผนอุบาย การชิงไหว ชิงพริบ แต่ทั้งหมดนั้นก็คือกิเลส ตัณหา อันสะท้อน สันดานมนุษย์ ที่มีอยู่ในทุกคนแต่ทว่าจะมีมากน้อยแค่ไหนเท่านั้น วรรณกรรมสามก๊กนั้นได้ชำแหละ นิสัย พฤติกรรม อุบาย ชั้นเชิง ความอยากได้ใคร่ดี ของบุคคลที่วนเวียนในโลกียะ ได้เด่นชัดมาก ซึ่งได้เป็นคติเตือนใจผมมากทีเดียว

ดังนั้นจึงอยากจะเผยแพร่ออกไป เพื่อให้ทุกท่านที่ได้เคยอ่านแล้วก็ดี ยังไม่เคยอ่านก็ดี ได้เรียนลัดรู้นิสัย สันดาน ของบุคคลที่วนเวียนรอบตัวท่าน ว่ามีลักษณะเหมือนคนใดคนหนึ่งในสามก๊กนี้หรือไม่? เพื่อวางใจให้ถูก เพราะที่ผมเห็นๆมานั้น คนมีที่ศึกษาธรรมะจะมองโลกชั้นเดียว จึงมีโอกาสที่จะถูกเล่ห์เหลี่ยมของคนในสังคมที่มีหลายชั้นหลอกลวงเอาได้ เราจึงควรรู้เท่าทันเล่ห์เหลี่ยมนั้นเหมือนมีเกราะคุ้มกันเรานอกจาก ธรรมะที่เรามีอยู่ แต่หากเป็นปัญญาที่ได้จากสามก๊ก ซึ่งบางคนที่ไม่เคยได้อ่าน อาจจะสามารถแยกแยะคนได้ แต่บางคนยังอ่อนต่อโลก เหมือนนกตัวน้อยๆบินออกจากรัง โอกาสที่ภัยรอบๆตัวต่างๆ มาทำร้ายก็มีสูง


เกริ่นไปพอเป็นที่ข้าใจแล้วนะครับ ก็จะเข้าเรื่องว่า ตอนนี้ ศ.เจริญ วรรธนะสิน ผู้ที่เคยสร้างความเกรียวกราว เรื่อง ภาพยนต์ "สามก๊กฉบับนักบริหาร" เมื่อ10กว่าปีก่อนมานั้น


มาบัดนี้ ศ.เจริญ ได้กลับมาเขียนสามก๊กฉบับนักบริหาร อีกครั้งหนึ่ง ซึ่งได้ตีพิมพ์ใน นสพ.ผู้จัดการรายสัปดาห์ ซึ่งผมจะพยายามนำมาลงไว้ทุกตอน ตั้งแต่ต้นจนจบ ซึ่งอ.ได้เขียนมาเมื่อวันที่ 19 ก.ค.50 นี้เองครับ ลองช่วยกันวิจารณ์ในตอนแต่ละตอนด้วยนะครับ เหมือนกับเราย้อนกลับไปในยุคนั้นกันอีกครั้งหนึ่งนะครับ

ติดตามได้ที่นี่เลยครับ Click >> สามก๊ก: ฉบับนักบริหาร By ศ.เจริญ วรรธนะสิน

 

ตัวละครเด่น ๆ

ขงเบ้ง ผู้หยั่งรู้ฟ้าดิน

กวนอู ขุนพลคู่ใจ
จูล่ง เก่งที่สุด

เล่าปี่,กวนอูและเตียวหุย

โจโฉ เลวกว่านี้ไม่มีอีกแล้ว

สุมาอี้ (กุนซือโจโฉ)

แฮหัวเอียน
ซุนกวน


ซุนเซก
เตียวเสี้ยน สวยมาก

 

รู้จักโจโฉคนเดียวครับ ตอนนี้เป็นเพื่อนรุ่นน้องทำงานด้วยกันที่บริษัทครับ

 

เอาไปอีกตัวเด่น ๆ

ลิโป้ พ่ายต่อความรัก
ตั้งโต๊ะ


ชุนเจียน
เบ้งเฮ็ก


โจรโพกผ้าเหลือง

อ้วนสุด

 

เคยดู อยู่ แต่ไม่จบ ครับ... พี่ครับไปหารูปพวกนี้มาจากไหนหรอครับ สวยดีนะ

 

ขอบคุณ คุณปอตำมะลังมากๆครับ สำหรับรูป อิอิ ใหญ่ดีชอบๆ และ คุณนายฉิม และ คุณเทวดาขงเบ้ง ครับที่มาร่วมแสดงความคิดเห้นกัน ว่าแต่คุณเทวดาขงเบ้ง เล่นตั้งชื่อเทวดา เลยสงสัยคงจะชอบเป็นพิเศษนะครับ (f)

 

หนังสือก็อ่านมาหลายรอบ แต่ไม่จบบริบูรณ์
ทีวี ก็ชอบดู แต่ดูข้ามไปข้ามมาไม่ต่อเนื่อง
วีดีโอ ก็ดู แต่ว่า ดูข้ามแผ่นวิ่งไปวิ่งมาน่าเวียนหัว
เกมส์ก็เล่น ตั้งแต่สมัยเป็นดอสโหมด (DOS)
และเกมส์บนวินโดวส์ก็เล่น ประเภทตะลุยด่าน
(แต่ต้องซื้อหนังสือเฉลยเกมส์) อ่านะ แบร่ๆๆๆ

กว่าจะเล่นจบแต่ละด่าน นี่รากเลือด เพราะว่า
เกมส์ต้องมีความรู้ทางด้านประวัติศาสตร์ตัว

ผลสุดท้ายมาเจอด่านโจโฉเข้า ไปไม่ถูกทาง
ด่านเล่าปี่พอว่า แต่ด่านโจโฉ นี่ขอ บ๊าย บาย

ถามว่า ชอบตัวละครไหน เราชอบ "กวนอู" อ่ะ
และดูเหมือนว่า เค้าจะเป็นเทพ คนนึง เชียวนะนั่น

ไม่รู้สิ ทุกตัวละคร เราชอบ "กวนอู" ส่วนตัวรองๆ
ก็คือ "โจโฉ" และ "ตั๋งโต๊ะ" แต่หมั่นไส้ "เล่าปี่"
พอเห็นเล่าปี่ บีบน้ำตา แล้วเกิดบันดาลโทสะ อ่ะ

ไม่รู้สิ บางที เราอาจจะเป็น "มารยักษ์" มาเกิดมั๊ง?

 

ขุนพลที่สำคัญทั้งสามก๊ก

ไปโหลดมาจากเกมส์ dynasty (ps 2)

 

เคยอ่าน สนุกดี

 

สามก๊ก รู้จัก
สามโคก ก็รู้จักอยู่ปทุมธานี
ี

 

เคยอ่านฉบับการ์ตูน 60 เล่มน่ะครับ
สนุกมากมาย

 

พี่ปานโสม ถ้าพี่อยากจะเรียนจริงๆ ผมพอสอนได้นะครับ เพราะจบพวกคาร์แรกเตอร์ดีไซน์มาจากญี่ปุ่นเนี่ยแหละ วาดการ์ตูน วาดภาพอะไรพวกนี้พอสอนได้น่ะครับ อิอิ แต่ผลงานอาจจะไม่สวยเท่าเขานา เพราะผมมันยังมือสมัครเล่นครับ

www.geocities.com/raquaz วาดได้ประมาณนี้แหละครับ อิอิ

 

เคยอ่าน มาบ้างแต่ไม่จบ..เพราะว่ามันยาว
ก็เลยเปลี่ยนมาเป็นดูซีรีย์แทน ก็ไม่จบอีก 555

แต่ตอนนี้ดู จูมง แทนไปซะแย้ว.... (deejai)


ประโยคฮิตติดปากจาก สามก๊กคือ
" รู้เค้า....รู้เรา รบ 100 ครั้ง ชนะ 100 ครั้ง "

 

เหตุการณ์ของสามก๊กฉบับนักบริหาร กำลังเข้มข้นเข้าไปทุกขณะ "ซุนวู" ปรมาจารย์ด้านกลยุทธ์ ผู้รังสรรค์"ตำราพิชัยสงคราม"อันกึกก้อง จะรู้ไหมว่าบัดนี้ มีบุรุษอาชาไนยทั้งน้อยใหญ่ ต่างนำสรรพวิชาในตำรานั้น เข้ามาสัปประยุทธ์กัน เพียงเพื่ออำนวยสุขให้แก่ประชาราษฎร พิทักษ์ราชวงค์องค์ฮ่องเต้อย่างแท้จริง? หรือเพียงเพื่อประโยชน์ของตนและพวกพ้องเท่านั้น?


ท่านเป็นผู้ตัดสิน ! (kiss)

(โลกโลกีย์มีอะไรมากมายหลายชั้นหลายเชิง ขอให้มีสติอยู่ทุกขณะ รู้ให้เท่าทันทั้งตนและบุคคลที่พบเจอ ก็จักไม่ได้รับบาดแผล สาธุครับ ขอให้เจริญในธรรม)

 

ชอบครับเรืองนี้

ว่าแต่กระทู้นี้ถึงขั้นเป็นหลุมดำเลยเหรอนี่

 

ผมมาตั้งเองน่ะครับ ไม่รู้จะตั้งไว้ห้องไหน เลยตั้งไว้ห้องนี้ซะเลยย(sing)

______________________

ต่อจากนี้ไปผมจะรวบรวมข่าวสารเกี่ยวกับสามก๊กมาไว้ที่นี่นะครับ ท่านใดที่สนใจ หรือเป็นคอสามก๊ก โปรดติดตามกันนะครับ (b-2love)

 

วันที่ 22 สิงหาคม พ.ศ. 2550 ปีที่ 30 ฉบับที่ 10756​

"ป๋าไหว"ชี้เมืองไทยเข้ายุคสยามสามก๊ก​

​

เมื่อวันที่ 21 สิงหาคม นายไสว พราหมณี อดีต ส.ว.นครราชสีมา กล่าวว่า ไม่มั่นใจว่าการเลือกตั้งจะมีขึ้นภายในเดือนธันวาคมนี้ตามที่นายกรัฐมนตรีเคยประกาศไว้ เพราะผลการออกเสียงประชามติในบางภาคบางพื้นที่มีคะแนนที่ไม่เห็นด้วยจำนวนมาก อาจทำให้ฝ่ายที่มีอำนาจไม่มั่นใจว่าจะได้รับชัยชนะเหนือกลุ่มอำนาจเก่าหรือไม่ เชื่อว่าตราบใดที่ผู้มีอำนาจไม่มั่นใจว่าจะชนะการเลือกตั้ง การเลือกตั้งก็จะไม่เกิดขึ้น ฉะนั้น การเลือกตั้งครั้งนี้จะมีความรุนแรงมาก เพราะจะมีการใช้กลไกของรัฐทุกรูปแบบมาสกัดกั้นกลุ่มอำนาจเก่า มีการเตะสกัด และเด็ดหัวฝ่ายคู่แข่ง เหมือนกรณีของนายสมัคร สุนทรเวช อดีตผู้ว่าฯกทม. ถูกเล่นงานเรื่องการทุจริตใน กทม.​

นายไสวกล่าวว่า เดิมมีแนวคิดจะตั้งพรรคการเมืองใหม่ร่วมกับอดีต ส.ว. และนายสุชน ชาลีเครือ อดีตประธานวุฒิสภา แต่ได้ยุติแนวคิดดังกล่าว และไปสมัครเป็นสมาชิกพรรคพลังประชาชนแล้ว อันเป็นผลมาจากการทำประชามติร่างรัฐธรรมนูญ ซึ่งส่งผลให้มีการแตกแยกทางความคิดอย่างหนัก และแบ่งขั้วการเมืองที่ชัดเจนขึ้น ถึงขั้นมีคนเรียกว่าเป็นสยามสามก๊ก ประกอบด้วย ก๊กลอนดอน ก๊กสี่เสา และก๊กสมานฉันท์​

 

วันที่ 26 สิงหาคม พ.ศ. 2550 ปีที่ 17 ฉบับที่ 6114​

ภาพปูนปั้นสามก๊ก ผนังวัดโอกาส

คอลัมน์ เป็นไปได้



<TABLE cellSpacing=5 cellPadding=1 width="20%" align=left border=0><TBODY><TR bgColor=#400040><TD>

</TD></TR></TBODY></TABLE>วัดโดยทั่วไปที่คนส่วนใหญ่เคยเข้าไปทำบุญ สักการะพระประธานในโบสถ์ เมื่อเงยหน้าแหงนมองไปรอบๆ ฝาผนัง มักจะพบเห็นแต่ภาพเขียนพุทธประวัติ

แต่สำหรับวัดโอกาส ตั้งอยู่เลขที่ 552 ถนนสุนทรวิจิตร (ติดกับตลาดอินโดจีนริมน้ำโขง) อ.เมือง จ.นครพนม สังกัดคณะสงฆ์มหานิกาย มีถาวรวัตถุเช่นเดียวกับวัดอื่นๆ ยกเว้นโบสถ์ไม่มีกำแพงแก้ว ไม่มีเมรุไว้ฌาปนกิจ ปัจจุบันมีพระครูศรีปริยัติการ เป็นเจ้าอาวาส

กล่าวถึงวัดนี้ตั้งเมื่อ พ.ศ.1994 เดิมชื่อว่า วัดพระศรีบัวบานพระเจ้าติ้ว ก่อนเปลี่ยนชื่อเมื่อ พ.ศ.2081 มาเป็นวัดโอกาสในปัจจุบัน มีสิ่งสักการะที่ศักดิ์สิทธิ์ประดิษฐานในหอพระ คือ พระติ้ว-พระเทียม กำแพงวัดทิศเหนือมีศาลจีนสร้างก่อนวัดชื่อว่า ศาลเจ้าพ่อหมื่น

วัดดังกล่าวสมัยก่อนเป็นแหล่งที่อยู่อาศัยของคนจีน เป็นศูนย์กลางค้าขาย ทุกปีในช่วงฤดูหนาวสมาคมพ่อค้า จ.นครพนม และชาวไทยเชื้อสายจีน จัดนำคณะงิ้วมาจัดแสดง 6 วัน 6 คืน เพื่อฉลองศาลเจ้าพ่อหมื่น

สำหรับศาลาการเปรียญวัดนี้มี 2 หลัง หลังเดิมก่ออิฐถือปูน 2 ชั้น ติดกำแพงวัด (ข้างตลาดอินโดจีน) มีอายุเก่าแก่ 48 ปี ชำรุดทรุดโทรมตามกาลเวลา ก่อนนี้ปิดตาย ล่าสุดเจ้าอาวาสรูปปัจจุบัน นำช่างฝีมือมาซ่อมแซมกระเบื้องหลังคาและฝ้าเพดาน ป้องกันน้ำรั่วซึม

พบว่าบนชั้น 2 เมื่อเหลียวมองไปรอบๆ ฝาผนังชั้น 1 เหนือบานหน้าต่าง และฝาผนังชั้นบนค้ำด้วยเสา 8 เสา กลายเป็นว่าแทนที่จะมีภาพเขียนพุทธประวัติ เล่าความเป็นมาของพระพุทธเจ้าทรงประสูติ ตรัสรู้ ปรินิพพาน หรือภาพชาดก

กลับพบว่าเป็นภาพปูนปั้นนูนต่ำสามก๊ก !!

นับเป็นช่องเหนือหน้าต่างมี 30 ภาพ กั้นเป็นช่อง ช่องละ 1 เมตร ชั้นบนมี 23 ภาพ รวมแล้ว 55 ภาพ สำหรับหน้าบันชั้นล่างมีภาพปูนปั้นใหญ่พิเศษยาวร่วม 3 เมตร เป็นภาพกวนอูหน้าแดงเทพเจ้าแห่งความซื่อสัตย์ถือง้าวขี่ม้าคุ้มครองเมียของเล่าปี่

และยังมีภาพของจูล่ง เข้ามาช่วยหูหยินของเล่าปี่ ที่อุ้มลูกเล่าปื่ชื่อว่าอาเต้า ซึ่งจะเป็นกษัตริย์แทนเล่าปี่ชื่อว่าเล่าเซี้ยน เป็นตอนที่จูล่งมาตามหาเมียของเล่าปี่ แล้วมอบเด็กให้จูล่ง ก่อนกระโดดน้ำตาย เนื่องจากหากไป 2 คน จะเป็นภาระกับการไล่ล่าของพวกโจโฉ

พระครูวิชิต พัฒนคุณ รักษาการเจ้าคณะอำเภอเมืองนครพนม อดีตเจ้าอาวาสวัดโอกาส กล่าวว่า ในสมัยที่บวชเป็นสามเณรวิชัย ช่วงนั้นพระครูสุนทรกัลยาณพจน์ (คำพันธ์ กลฺยาโน) อดีตเจ้าอาวาสรูปที่ 8 นำช่างชาวญวน 3 พี่น้อง คือ ช่างเผือก ช่างเฮือง ช่างก่ำ ปั้นภาพนูนต่ำสามก๊กจากหนังสือภาษาจีน 3 เล่ม มีภาพสีประกอบ เน้นให้ปั้นแต่ตอนที่สำคัญ ก่อนระบายสีใช้เวลาทำ 1 ปีเศษ จึงแล้วเสร็จ เพื่อไว้เตือนสติพระ-เณรและเป็นปริศนาธรรมให้อนุชนรุ่นหลังได้ศึกษา

ใครมีเวลาลองไปดูของจริงกัน !

 

ยอดกุนซือสามก๊ก [30 ส.ค. 50 - 19:24]

<TABLE class=text cellSpacing=0 cellPadding=0 width=780 border=0><TBODY><TR><TD align=middle><TABLE class=text cellSpacing=0 cellPadding=0 width="85%" border=0><TBODY><TR><TD>

ช่วงแรกๆของสามก๊ก ขับเคี่ยวกันอยู่แค่สองก๊กครับ อ้วน-เสี้ยว ก๊กใหญ่ที่สุด ต้นทุนสังคมสูง จากความเป็นขุนนางตระกูลเก่าแก่ วันๆมีแต่ผู้คนหลั่งไหลเข้าไปหา


ต่างจากโจโฉ ต้นทุนน้อย พึ่งฝีมือตัวเอง หลังปราบโจรโพกผ้าเหลืองได้ ด้วยกำลังพลเพียงครึ่งหมื่น บารมีก็เริ่มเพิ่มพูน มีกำลังพล 30 หมื่น ตั้งฐานที่มั่นอยู่เมืองกุนจิ๋ว
ตอนนี้...เริ่มมีคนเห็นโจโฉอยู่ในสายตา...ซุนฮก กุนซือใหญ่ตีจากอ้วนเสี้ยวมาอยู่ด้วย ทั้งยังแนะนำปวงปราชญ์แห่งเองฉวน นับแต่ ซุนฮิว เทียหยก เล่าหัว หมันทอง ลิเกียน มอกาย และกุยแก มาร่วมทีม


สามก๊ก ฉบับคนกันเอง ภาคสอง เอื้อ อัญชลี ผู้เขียน ถามอาป๊าว่า โจโฉรักใครมากที่สุด อาป๊าตอบว่า​

 

<TABLE height=34 cellSpacing=0 cellPadding=0 width=780 border=0><TBODY><TR><TD style="PADDING-LEFT: 30px">นายก?ไม่อ้วน [3 ก.ย. 50 - 19:28]

​

</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE class=text cellSpacing=0 cellPadding=0 width=780 border=0><TBODY><TR><TD align=middle><TABLE class=text cellSpacing=0 cellPadding=0 width="85%" border=0><TBODY><TR><TD>

ภาพอ้วนเสี้ยว...หนึ่งผู้นำ...ในพิชัยสงครามสามก๊ก...ของ สังข์ พัธโนทัย แต่งแบบขุนนางจีน รูปร่างอย่างนักรบ...ธรรมดา... ไม่อ้วน ไม่ลงพุง...เหมือนชื่อ...



เอื้อ อัญชลี เขียนไว้ในสามก๊ก ฉบับคนกันเอง ภาคสอง ว่า บุคลิกร่วมของอ้วนเสี้ยว...เป็นคนชอบทำเรื่องเล็กให้เป็นเรื่องใหญ่ เป็นเจ้าของความคิด...ปราบ 10 ขันที ที่กำเริบเสิบสานอยู่ในราชสำนัก
ส่งเทียบเชิญขุนศึกภูธร รวมทั้งตั๋งโต๊ะ เข้าเมืองหลวง กลายเป็นชักศึกเข้าบ้าน
ภาพอ้วนเสี้ยวในจินตนาการ ของ หลอ กวน จง ผู้แต่งสามก๊ก ดูจะเป็นผู้ร้าย แต่ เอื้อ อัญชลี บอกว่า ความจริงอ้วนเสี้ยวมีภาพดี มีคุณสมบัติของพระเอก มากกว่าโจโฉ
ตระกูลอ้วนเสี้ยว เป็นขุนนางใหญ่ราชวงศ์ฮั่นตะวันออก ขึ้นชั้นเป็นเสนาบดีสืบทอดกันถึงสี่ชั่วอายุคน ถือเป็นขุนนางแถวหน้า โจโฉเติบโตมาด้วยกัน

แต่ก็เป็นแค่​