คุณคิดอย่างไง กับการเผยแผ่พุทธศาสนา ในยุค กึ่งพุทธกาล ?

ในห้อง 'พุทธศาสนา และ ธรรมะ' ตั้งกระทู้โดย 5th-Lotus, 4 ตุลาคม 2009.

  1. 5th-Lotus

    5th-Lotus เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    354
    ค่าพลัง:
    +306
    เคยเขียนไว้ที่เวบลานธรรม
    เลยเอามาโพสแถวนนี้อีกหน
    เนื่องในโอกาส วัน ....มหาปวราณา ....อิอิ

    ---------------------------------------------
    คุณคิดอย่างไง กับการเผยแผ่พุทธศาสนา ในยุค กึ่งพุทธกาล ?
    ( เมื่อเปรียบเทียบกับ ศาสนาอื่น )



    อืม...แม้ตัวตนของอิฉันจะเป็น คนไม่มีศาสนา
    แต่ในเมื่อพ่อกับแม่กรอกประวัติตอนเกิด ให้อิฉันนับถือพุทธ
    อิฉันก็ขอใช้... สิทธิ... ของการเป็น พุทธตามทะเบียนบ้าน
    เข้ามาโพส กระทู้นี้ ให้ทุกท่านได้อ่านนะเจ้าคะ ^ - ^


    เนื่องด้วย อิฉันอ่านกระทู้ในเวบลานธรรม
    เห็นบางกระทู้พูดถึงเรื่อง
    การ ชักชวนผู้อื่น ปฏิบัติธรรม แล้วทำไม่ค่อยจะสำเร็จ
    อิฉันเลยนึกถึงบางศาสนา แฮะ
    รู้ไหม ถ้าพูดกันตรง ๆ
    แบบวงการสื่อสารมวลชน แล้ว
    การเผยแผ่ศาสนาพุทธในยุค กึ่งพุทธกาล นี่...
    มันเป็นอะไรที่....ดูอ่อนหัดทางการตลาดเป็นอย่างมาก
    ( ขอโทษถ้าคำที่ใช้ทำให้ใครอ่านแล้วไม่พอใจ )


    เท่าที่อิฉันรู้เห็นมา เดี๋ยวนี้ บางศาสนา น่ะ
    เขาใช้หลัก 4P กันไปไกล แล้วนะคุณ
    เขาจึง ...เข้าถึง... มวลชน ได้มากกว่าไง
    ทั้งแจกหนังสือสวย ๆ
    มีหน้าปกและการจัดรูปเล่มก็น่าสนใจ
    เนื้อหาในเล่มก็มีคนดังมาชี้ชวนให้เลื่อมใส ในศาสนาของเขา
    ( เขาบรรจงเลือกเฟ้นถ้อยคำมาใช้ได้ลงตัวมาก ๆ)
    ทั้งโหม สปอตโฆษณา ทางทีวี
    ทั้งยืนแจกหนังสือหน้าโรงเรียน
    ทั้งออกบูธตอนงานเทศกาลปีใหม่
    แถมยังเคาะประตูบ้านอย่างกับสาวมิสทีนด้วยนะ ( แม่อิฉันก็เจอ)
    นี่ยังไม่รวม แบบเรียนสำหรับเด็ก อนุบาล ที่เขาแจก อีก
    ( หลานอิฉันก็ไปรับแจกมา เล่มหนึ่ง )


    อะโหย พลิก ๆ ดูแล้ว อิฉัน ก็ขำนะ
    ถ้ามองในลักษณะ การฝึกทักษะให้เด็ก
    แบบเรียนเล่มนี้ มีคุณภาพมาก ๆ

    แต่แหม ๆ ช่างเป็นการฝึกทักษะการอ่านการเขียน
    ให้เด็กเล็ก ๆได้อย่างแนบเนียนมั่ก ๆ
    เฮ้อ นี่เขาเล่นจะปลูกฝังความเชื่อ ในหัวเด็ก
    ตั้งแต่ยังตัวกระเปี๊ยกเชียวหรือนี่
    ฉลาดเหลือเกิน ...อิฉันล่ะนับถือ
    กับกลยุทธ์ทางการตลาดของเขาจริง ๆ


    และ สิ่งนี้แหล่ะ ที่ทำให้อิฉัน รับรู้ว่า
    ทำไม จึงมี หลายคน เลื่อมใส
    เต็มใจที่จะ เปลี่ยนศาสนา
    แล้วโบกมือลา ความเป็นพุทธมามกะ
    อืม....มันก็เรื่อง โลก ๆ ธรรมดา ล่ะนะ


    ยาขม กับ ลูกอม ?
    คนเราจะชื่นชม สิ่งไหนมากกว่ากันล่ะ ?
    คนส่วนใหญ่จะบากหน้าซมซานกลับมาหายาขม
    ก็ต่อเมื่อเกิดทุกข์ตรมจนทนไม่ไหว
    ขณะที่ ลูกอมนั้นไซร้ อร่อยลิ้นกินไม่เบื่อ
    ใครล่ะจะเชื่อ ว่า มันทำให้ฟันผุได้
     
  2. 5th-Lotus

    5th-Lotus เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    354
    ค่าพลัง:
    +306
    เรื่องนี้มันทำให้ อิฉัน นึกถึง
    วีรกรรมแผลง ๆ สมัย ประถม 5 ของเด็กหญิงคนหนึ่ง นะ
    สมมุติว่า ชื่อ หนูบัวฯ( อีกตามเคย ) ^ - ^
    .......................................................
    สมัยประถม 5 หนูบัวฯ เห็นผู้ใหญ่ท่าทางใจดี
    มายืนแจก หนังสือรูปวาดสีสวย ๆ ที่หน้าประตู ร.ร.
    ตอนหลังเธอถึงรู้ว่า มันเป็น หนังสือเกี่ยวกับ ศาสนาอื่น
    ปกหลังของหนังสือ บอกว่า
    ถ้าสนใจจะอ่านรายละเอียดมากกว่านี้
    เขียน จม. แจ้งที่อยู่มา เขาจะส่งหนังสือเล่มใหญ่มาให้

    คุณครูไม่กล้าว่าอะไร พวกที่มายืนแจกหนังสือหรอกนะ
    แต่คุณครูกลับสั่งห้ามเด็ดขาด
    ไม่ให้ลูกศิษย์ลูกหาอ่าน หนังสือเล่มนั้น
    พร้อมกับสำทับ ประมาณ
    " ใครดื้อด้าน ริอ่านติดต่อ
    กับกลุ่มคนเหล่านี้ จะถูกทำโทษ "

    ฟังแล้ว เด็กหญิงบัวฯไม่เถียงสักคำ
    แต่ขยับมือเขียน จม. ไปหาคนเหล่านั้นทันที
    ด้วยความอยากรู้อยากเห็นแบบเด็ก ๆ
    ที่ยิ่งห้ามเหมือนยิ่งยุ

    แล้วทางนั้นก็ส่ง หนังสือกระดาษอาร์ต อย่างดี
    สีสดใส มาให้เธอ 1 เล่ม
    เนื้อหาในเล่มก็พูดถึง พระเจ้า ( God )
    กับ อาณาจักรสวรรค์ ของท่าน
    การสร้างโลก การกำเนิดมนุษย์
    และชีวิตที่เต็มไปด้วยบาปตั้งแต่แรกเกิด
    ของสิ่งมีชีวิตที่เรียกว่าคน

    นั่นเป็นครั้งแรก ๆ ในวัยเด็ก
    ที่หนูบัวฯ ได้รับรู้ถึง ศรัทธาจริต ที่แตกต่างกัน
    ของสิ่งมีชีวิตที่เรียกว่า คน ( แต่ละศาสนา)
    และที่น่าขำคือ พุทธตามทะเบียนบ้านอย่างเธอ
    อ่าน เรื่องอาณาจักรสวรรค์ ของพระเจ้า ( God )
    ก่อนที่จะอ่าน สุวรรณสาม
    หรือ อ่านเรื่อง พระเวชสันดร ด้วยซ้ำ

    แต่ทั้ง ชาดก หรือ พระคำภีร์
    ก็หาได้ซึมซับเข้าหัวไอ้เด็กนอกคอก อย่างเธอไม่
    เธอเลือกรับเอาเฉพาะสิ่งที่เธออยากจะรับ
    เธอเลยได้แต่ ปรัชญาการใช้ชีวิต
    เกร้ดความรู้ ประวัติศาสตร์ เทคนิคการวาดภาพ
    และ การใช้ภาษาที่สละสลวย มาแค่นั้นเอง
    หาได้เลื่อมใสศรัทธากับศาสนาใด ๆ เลย
     
  3. 5th-Lotus

    5th-Lotus เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    354
    ค่าพลัง:
    +306
    เมื่อปีที่แล้ว อดีตพุทธมามกะ (ที่หันไปเปิดใจรับศาสนาอื่น)
    มายืนนั่งคุยกับเธอ เกือบ หก ชั่วโมงด้วยเรื่องสัพเพเหระ
    และ ความเลื่อมใสศรัทธาในพระเจ้า ( God ) ของเขา
    เธอฟังแล้วก็ได้แต่ยิ้ม ไม่พูดแย้งอะไร
    ก็แค่รู้สึกว่า ถ้า...ลูกกวาด...มันทำให้พี่เขามีความสุข ( ชั่วคราว )
    ทำให้พี่เขาเป็นคนดีของสังคมได้
    มันก็เป็นเรื่องที่น่ายินดีมิใช่หรือ

    และ พอพี่เขารู้ว่า หนูบัวฯ เป็นคนไม่มีศาสนา
    เขาจึงเป็นธุระจัดหาหนังสือ*** มาให้อ่าน
    เพราะหวังดีอยากให้เธอได้เปิดใจรับ พระเจ้า( God ) ของเขาบ้าง
    เธอจะได้มีชีวิตที่เปี่ยมสุข แบบที่เขาเป็น
    อนิจจา เธออ่านจนจบเล่ม
    แล้ว ซึบซับมาได้แค่ หลักการตลาดของมืออาชีพ เท่านั้นเอง

    พี่เขาเล่าว่า การที่ใครสักคนจะโชคดี
    ได้รับเกียรติ ให้เผยแผ่ศาสนา ของเขาสู่คนรอบข้าง นั้น
    ต้องเรียน และ ผ่านการอบรมเป็นเป็นคอร์ส
    เพื่อให้ รู้และเข้าใจในศาสนานั้น อย่าง ถ่องแท้
    ( และคาดว่า คงได้รับการอบรมเรื่อง จิตวิทยาชุมชน ด้วย )
    PR ของ ศาสนาเขา ช่างทรงภูมิดีจังแฮะ หนูบัวนึกทึ่ง
    และ พอ แหงะ มาดู PR ของศาสนาตามทะเบียนบ้านของเธอบ้าง
    เธอก็ได้แต่ปลง เจ้าผีตองเหลือง
    ที่มาเป็น PR ( ในข่าวหน้าหนึ่ง )
    ให้กับพุทธศาสนาบ่อย ๆ
    คงช่วยให้ใครมาเลื่อมใสศรัทธา
    ในพุทธศาสนาได้ไม่มากนักหรอก

    อืม...หนูบัวเคยถามพี่คนนั้น ว่า
    เคยอ่าน หนังสือธรรมะ ของชาวพุทธบ้างไหม ?
    พี่เขาบอกว่า เคย หัวหน้าเขายื่น
    หนังสือ ศาสนาเปรียบเทียบ ให้อ่าน
    แต่มันไม่ถูกจริตของเขานัก
    เพราะ คนวิเคราะห์ คือชาวพุทธ
    ดังนั้น เขาจึงเห็น ความลำเอียง (ฉันทาคติ) ในนั้นเต็มไปหมดเลย
    และไม่คิดที่จะอ่านหนังสือเหล่านั้นจนจบเล่ม

    ฟังดูแล้ว หนูบัวฯก็เลยได้แต่ ปลง ๆ ขำ ๆ ตามเคย
    เธอเองก็เห็นด้วยกับพี่เขา(ในบางเรื่อง ) นะ
    การมีหนอนหนังสือจอมตะกละ สิงอยู่ในร่าง
    ทำให้เธออ่านหนังสือมาค่อนข้างเยอะ
    และพอจะตีความ สารแฝงระหว่างบรรทัด ได้บ้าง


    ดังนั้นเมื่อเธอ พบเจอกับ หนังสือธรรมะ
    ที่ปรุงแต่งโดย ศรัทธาจริตชน หลาย ๆ เล่ม
    (ยิ่ง ประเภท เบสส์ เซลเลอร์ ด้วยน่ะนะ)
    จึงมีความรู้สึกว่าบางครั้งความเลื่อมใส ศรัทธา
    และ ความปรารถนาดี ที่มีอยู่ในตัวอักษร ของหนังสือเหล่านั้น
    ก็แทบจะกระเด็นมากระทบลูกตาเธอเลยทีเดียว

    เปล่าหรอกนะ เธอไม่ได้ต่อต้าน
    หรือ ประณาม ศรัทธาของใคร
    เพียงแต่บางครั้ง
    รู้สึกเสียดาย ข้อคิดดีและแนวปฏิบัติดี ๆ
    ในหนังสือเหล่านั้น ต่างหาก
    ศรัทธาที่เปี่ยมล้นของผู้เขียน
    ย่อมโน้มนำ หลายคนเข้าสู่โลกธรรมได้ไม่ยาก

    แต่ทว่ามันก็เป็นอุปสรรค
    ในการสื่อสารกับผู้อ่านหลายคน ( เช่น คนต่างศาสนา )ด้วย
    วาสนาจริต ไม่ใช่คำที่เธอคำนึงถึง ในเรื่องนี้
    แต่มันเป็นเรื่องของ ศิลปะในการทำให้ผู้อ่านถูกจริต
    และ จิตวิทยาในการทำตัวกลมกลืน
    เป็นพวกเดียวกันกับคนอ่านต่างหาก

    หนังสือที่ทำให้คนอ่านรู้สึกถูกคุกคาม
    รู้สึกด้อย และ รู้สึกว่า ถูกแบ่งแยก
    ว่า เขาเป็นคนละพวกกับ คนเขียน
    มันคงไม่...ได้ใจ... คนอ่านนักหรอก
    ( อันนี้เป็นข้อคิด ที่ได้เรียนรู้ต่อยอด
    จาก ข้อความ ห้าหก บรรทัดในหนังสือ
    เรื่อง ฮันนิบาล เลคเตอร์ ของโทมัส แฮริส )

    อืม....การทำให้ผู้อ่านที่มีวาสนาจริตดี
    เกิดความเลื่อมใสและศรัทธา
    ที่จะลองปฏิบัติ ธรรมนั้น
    เป็นเรื่องยากอยู่เหมือนกัน
    แต่การจะทำให้ผู้อาภัพวาสนาจริต
    เกิดความเลื่อมใสศรัทธา
    และหันมาปฏิบัติธรรม นั้นยากยิ่งกว่า

    หนูบัวฯ เองก็ไม่มีความสามารถ พอที่จะทำหรอกนะ
    เพียงแต่ เธออยากบ่นเรื่อยเปื่อย
    เล่าความฟุ้งซ่านในใจ ที่เธอได้พบเจอ ....รู้เห็น ...
    แล้ว ปรุงแต่ง มันออกมาเป็นตัวหนังสือ
    ให้ชาวบ้านได้รับรู้ก็เท่านั้น

    อย่างไรเสีย พุทธทำนาย ก็บอกไว้ว่า
    พุทธศาสนา นั้น จะ เกิดขึ้น ตั้งอยู่ และ ดับไป
    เมื่อครบห้าพันปี อยู่แล้ว นี่
    จงอย่าเศร้าหมองไปเลยนะท่านผู้อ่านทั้งหลาย
    ใครล่ะจะปฏิเสธ ธรรมนิยาม
    เรื่อง หลักไตรลักษณ์ได้ ?
    -------------------------------------
    อืม...เล่าสู่กันฟัง
    และ แลกเปลี่ยนความคิดเห็นเจ้าค่ะ
    ขอบคุณนะคะที่ทนอ่านจนจบ ^ - ^
    แก้ไขโดย บัวเหล่าที่ 5 เมื่อ 14 พ.ย. 51 - 12:37
    ____________________________________
    ต่างคน.......ต่างจิต........คิดต่าง
    ต่างคน.......ต่างความ.....ต่างเห็น
    ต่างคน.......ต่างโต.........ต่างเป็น
    ต่างคน.......จึงเห็น..........ต่างกัน
    คำเตือน ! ตัวอักษรที่ฉันพิมพิ์ลงไปทั้งหมดนั้น
    เป็นเพียงความคิดเห็นและมุมมองส่วนบุคคล
    โปรดอย่าได้นำไปอ้างอิง / ใช้เป็น Reference
    ในการทำข้อสอบ หรือ ตอบคำถามใด ๆให้กับชีวิตเลย
    และหากท่านอายุต่ำกว่า 18 กรุณาอย่านั่งอ่านคนเดียว
    ( ควรมีผู้ปกครองอยู่ด้วยเพื่อคอยชี้แนะ ^ - ^ )
    จากคุณ : บัวเหล่าที่ 5 [ ตอบ: 14 พ.ย. 51 12:36 ] แนะนำตัวล่าสุด 24 ก.ย. 51 | สมาชิกลานธรรมถาวร | ตอบ: 79 | ฝากข้อความ |
     
  4. aubasok

    aubasok เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    235
    ค่าพลัง:
    +483
    แสดงความคิดเห็นได้ดีครับ

    ผมมีคำถามหนึ่งหากเราเป็นชาวพุทธเนื่ย มีความปรารถนาดีที่จะเผยแผ่ศาสนายังต่างประเทศ จะใช้กลยุทธแบบให้ที่จะทำให้คนที่ไม่รู้จักพุทธศาสนาเลยเข้าใจและมีความเลื่อมใสที่จะปฏิบัติตาม
     
  5. B5234T5

    B5234T5 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 เมษายน 2005
    โพสต์:
    142
    ค่าพลัง:
    +210
    หนังสือต่างๆ ดีหรือไม่ดีนั้น ตัดสินได้ด้วยตัวท่านเอง.....

    การปฏิบัติกิจทางศาสนาโดยไม่ทราบเหตุผลความมุ่งหมายย่อมไร้ประโยชน์
    สังเกตได้จากรอบๆตัวเรา...

    ไม่ทราบว่ามีใครได้ดูรายการวู้ดดี้ทางช่อง ๙ แล้วมั่งครับ??? ท่านว.วชิรเมธีตอบคำถามได้ดีมากเลย...
     
  6. natspdo

    natspdo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    1,041
    ค่าพลัง:
    +1,505
    ผมคงไม่กล้าไปเปรียบเทียบครับ เพราะยังไม่เข้าถึงแก่นแท้ของศาสนาอื่นครับ ท้องฟ้าที่ว่าสีฟ้า ยังมีหลายสีหลากเวลา หมุนวนกันไป ถึงแม้พุทธทำนายจะกล่าวไว้ เมื่อดับไปแล้ว ก็ต้องมีศาสนาเกิดขึ้นมาอีก มีศาสดาขึ้นมาอีก อาจไม่ใช้คำว่า "พุทธ" แต่ใช้คำอื่น และก็ดำรงอยู่และดับไป ความหลงที่ทำให้หลงทางยังมีอีกมาก สิ่งที่ไม่รู้ก็มีอีกมากมาย ณ ขณะนี้ก็คง ศึกษาธรรม ให้เห็นจริง ไม่ให้เป็นแบบ "ใบลานเปล่า" ที่มีแต่ความรู้และไม่เข้าใจ
     
  7. กรวี

    กรวี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มกราคม 2009
    โพสต์:
    113
    ค่าพลัง:
    +263
    พุทธศาสนาเป็นการค้าเหรอค่ะถึงต้องใช้กลยุทธทางการตลาดกะเค้าไปด้วย..?
    การนับถือศาสนาหนึ่งนั้นๆ น่าจะเกิดขึ้นจากจิตส่วนลึก ความศรัทธาที่อยู่ในจิตส่วนลึกของแต่ละบุคคล ไม่ใช่ดวงจิตฉาบฉวยที่มองแค่รูปภายนอกไม่ใช่เหรอค่ะ?
    ความศรัทธาที่เกิดขึ้นมาจากจิตนั้น ย่อมดำรงอยู่ได้มั่นคง และยืนยาวมากว่าความรู้สึกฉาบฉวยค่ะ... ถ้าหากว่าเราเข้าใจอะไรผิดก้อขอโทษด้วยค่ะ
     
  8. 5th-Lotus

    5th-Lotus เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    354
    ค่าพลัง:
    +306
    อืม....ขออภัย ที่ หายหัวไปซะนาน
    บังเอิญเพิ่งได้ อมยิ้มคืนที่ พันติ๊ป เลยเห่อของใหม่
    กลับ ไปฟัด กะ แก๊ง สามลิง ที่ ถิ่นเก่า อิอิ

    เอาล่ะ ไงก็ มาช้า ยังดี กว่า ไม่มา
    อิฉัน เข้ามาตอบกาทู้
    และ ตัด ริบบิ้น ปิดกาทู้ เจ้าค่ะ อิอิ


    คุณ แพนโดร่า เอ๊ย aubasok
    อ้าง
    ผมมีคำถามหนึ่งหากเราเป็นชาวพุทธเนื่ย
    มีความปรารถนาดีที่จะเผยแผ่ศาสนายังต่างประเทศ จะใช้กลยุทธแบบใด
    ที่จะทำให้คนที่ไม่รู้จักพุทธศาสนาเลยเข้าใจและมีความเลื่อมใสที่จะปฏิบัติตาม
    ------------------------------------
    ถ้า บ่ ช่าย ชาวพุทธ ตอบได้ป่ะ กูรู้อย่างอิฉันจะตอบให้ฟัง
    เรื่อง การทำมาร์เกตติ้ง นี่ อิฉันขั้นเทพ อิอิ

    แบบ พระพุทธทาส กับ หลวงปู่ชา มั้ง
    ออกแนว เซน กับ ปรัชญา มั้ง
    เพราะมัน เท่ห์ดี ไม่งั้นจะมี ฝรั่งตาน้ำข้าว
    หอบผ้าหอบผ่อน มาขอโกนหัวบวชกับท่านเหรอ
    ไม้เชื่อไปคุ้ย พระฝรั่งวรำพึงถึงหลวงพ่อชา มาอ่านดิ 5555

    ส่วนนิทานก่อนนอน ประเภทชาดก อิทธิปาฏิหารย์
    เดินเจ็ดก้าวแล้วมีบัวบานมารองตีน
    หรือ ดินแดนดุสิตบุรีวงบุญพิเศษเฟส 2
    นี่เอาไปโยนทิ้งไปเลย ดีกว่ามั้ง
    สอนเฉพาะ ใบไม้ในกำมือก็พอ
    เรื่องของ กรรมนิยาม และ ธรรมนิยาม
    มันก็ตรงไปตรงมาอยู่แล้วนี่
    เพียงแต่ สาวกสมณะโคดม
    นิยมปรุงแต่งให้มันวิลิศมาหรา เองนิ

    เฮ้ออออ แต่ก็นั่นแหล่ะนะ
    นานาจิตัง ของงี้ มันก็แล้วแต่
    จริต 6 ชนิด ในสิ่งมีชีวิตที่เรียกว่าคน อ่ะ
    ที่สำคัญ ของงี้ มันต้อง รู้เอง เห็นเอง เป็นเอง ( และ เง็งเอง ) มั้ง
    แบบว่า กมฺมุนา วตฺตตี โลโก อิอิ

    อืม....อิฉัน มัน ปัจเจกชน นะ คุณ
    แล้วก็ ไม่ใช้ พีอาร์ ของเหล่า พุทธบริษัท ซะด้วยดิ
    ถ้าสาวกสมณะโคดม อยากทำการตลาดนัก
    ก็หาไอเดียเอาเองดิ ไม่เกี่ยวอะไรกะอิฉัน อิอิ


    คุณ Chem
    อ้าง
    -------------------------------
    การปฏิบัติกิจทางศาสนา
    โดยไม่ทราบเหตุผลความมุ่งหมายย่อมไร้ประโยชน์
    สังเกตได้จากรอบๆตัวเรา...
    -----------------------------
    หวัดดีจ้าสหายเกรียน
    เห็นด้วย ( บางส่วน )กับ คุณนะ
    แต่อิฉันว่า มันเป็น อิทัปปัจจยตา มั้ง
    มีทั้ง เหตุ และ ผล
    จนเกิดจุดมุ่งหมาย
    แต่ จะ มุ่ง จะ หมาย ( ปอง ) อะไรนั้น

    บางคน แสวงหา สิ่งซึ่งสนองกิเลส
    บางคน แสงหา สิ่งซึ่งสนองตัณหา
    แต่จะมีสักกี่คนล่ะ
    ที่แสวงหา เพื่อ ไม่แสวงหา

    อันนี้มันก็ กมฺมุนา วตฺตตี โลโก กุ๊ก ๆ 55555
    อืม....ถ้าเราไม่มองหา เราก็ก็มิอาจมองเห็น นี่นะ
    เฮ้ออออ
    "......ปัจจัตตัง เวทิตัพโพ วิญญูฮีติ......"
    เน๊าะ คุณ เน๊าะ


    คุณ natspdo
    อ้าง
    --------------------
    ผมคงไม่กล้าไปเปรียบเทียบครับ เพราะยังไม่เข้าถึงแก่นแท้ของศาสนาอื่นครับ ท้องฟ้าที่ว่าสีฟ้า ยังมีหลายสีหลากเวลา หมุนวนกันไป ถึงแม้พุทธทำนายจะกล่าวไว้ เมื่อดับไปแล้ว ก็ต้องมีศาสนาเกิดขึ้นมาอีก มีศาสดาขึ้นมาอีก อาจไม่ใช้คำว่า "พุทธ" แต่ใช้คำอื่น และก็ดำรงอยู่และดับไป ความหลงที่ทำให้หลงทางยังมีอีกมาก สิ่งที่ไม่รู้ก็มีอีกมากมาย ณ ขณะนี้ก็คง ศึกษาธรรม ให้เห็นจริง ไม่ให้เป็นแบบ "ใบลานเปล่า" ที่มีแต่ความรู้และไม่เข้าใจ
    -----------------------

    โถ ๆๆๆๆๆๆ
    ถล่มตัวเอง ซะจิง นะพ่อคุณ
    แล้วงี้ อิฉัน หรือ จะกล้าไปหาเรื่องคุณ
    ปกติเคยแต่ ตบตีกับพวกเสือใบลาน
    มาเจอ อย่างคุณนี่ สะบัดมีดไม่ได้เลยแฮะ
    ไงก็ขอให้ ศึกษาธรรม จน เห็นจริง นะเจ้าคะ
    คุณ เสือซ่อนเล็บ อิอิ


    คุณ กรวี
    อ้าง
    -------------------------------------------
    พุทธศาสนาเป็นการค้าเหรอค่ะถึงต้องใช้กลยุทธทางการตลาดกะเค้าไปด้วย..?
    การนับถือศาสนาหนึ่งนั้นๆ น่าจะเกิดขึ้นจากจิตส่วนลึก ความศรัทธาที่อยู่ในจิตส่วนลึกของแต่ละบุคคล ไม่ใช่ดวงจิตฉาบฉวยที่มองแค่รูปภายนอกไม่ใช่เหรอค่ะ?
    ความศรัทธาที่เกิดขึ้นมาจากจิตนั้น ย่อมดำรงอยู่ได้มั่นคง และยืนยาวมากว่าความรู้สึกฉาบฉวยค่ะ... ถ้าหากว่าเราเข้าใจอะไรผิดก้อขอโทษด้วยค่ะ
    ----------------------------
    อันนี้ ก็ไม่รู้ค่ะ ว่า พุทธะ เป็นสินค้าไหม
    แต่ก็เห็น มีแบรนด์ตั้งเยอะตั้งแยะ นี่ ค้าาาาาา
    ทั้งแบรนด์ ลูกแก้วใส ๆ พร้อมแพคเกจ สร้อยส้มตำแหวนไก่ย่าง
    แบรนด์สแกนกรรม พร้อมโปรโมชั่น สมัครทันที ตัดกรรมฟรีให้ 1 ปี
    แบรนด์มหายาน มหายืดดดด กะ แบรนด์ เถรกวาดลานวัด เอ๊ย เถรวาท ฯนฯ
    โอ๊ย อีกเยอะ แยะ คุณก็เลือกแบรนด์ ให้ถูกจริตละกัน
    ว่าจะให้ อันไหน เป็น แบรนด์กู อันไหน เป็น แบรนด์มึง หุหุ

    ส่วนการ
    การนับถือศาสนาหนึ่งนั้นๆ น่าจะเกิดจากอะไร นั้น
    อิฉันก็ไม่รู้ เหมือนกันจ้า เพราะว่า
    บัวเหล่าที่ 5 มันขี้เกียจนับถือสาดหนาอ่ะ
    ( ถือไว้นาน ๆ มันเมื่อย อิอิ )

    ที่สำคัญ ศรัทธา น่ะ ทำลายง่ายจะตายไปคุณ
    รู้หลักจิตวิทยา ให้เชี่ยวฯ ซะหน่อย
    ก็กล่อมให้เคลิ้มได้แล้วจ้า ( ถ้าอยากจะทำนะนะ อิอิ )
    เฮ้อออออ
    ผู้เห็น ฟามจิง ศรัทธา ย่อมไม่จำเป็น อาเมนนนนน



    [​IMG]
     
  9. 5th-Lotus

    5th-Lotus เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    354
    ค่าพลัง:
    +306
    เอาล่ะ ต่อไป เป็น ฟามคิดเห็น ชาวบ้าน ที่ เคยโพสไว้
    อิฉัน เอามาให้อ่านเล่น เป็น วิทยาทาน อิอิ


    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="95%" border=0><TBODY><TR><TD><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=2><TBODY><TR><TD width="100%" bgColor=#204080 colSpan=2 rowSpan=2>
    • <B><BIG><BIG>คุณคิดอย่างไร กับการเผยแผ่พุทธศาสนา ในยุค กึ่งพุทธกาล ( เมื่อเปรียบเทียบกับ ศาสนาอื่น ) <!--InformVote=0--><SCRIPT language=JavaScript>MsgStatus(Msv[0], 0);</SCRIPT>[​IMG] [​IMG] </BIG></BIG></B>
      <!--MsgIDBody=0-->เคยเขียนเรื่องนี้ ไว้ ที่

      .....

      วันนี้ตัณหา ของอิฉัน มันเลย อยากจะเอามา ถก แถวนี้ อ่ะค่ะ ^ - ^ <!--MsgFile=0-->


      <CENTER><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 border=0><TBODY><TR><TD><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" bgColor=#222244 border=0><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD vAlign=top bgColor=#000000 rowSpan=2><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" bgColor=#204080 border=0><TBODY><TR><TD width=10></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD align=left bgColor=#000000 colSpan=2><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 bgColor=#204080 border=0><TBODY><TR><TD width=10></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></CENTER>จากคุณ : <!--MsgFrom=0-->นู๋บี - บัวเหล่าที่ 5 [​IMG] [​IMG] - [ <!--MsgTime=0-->12 ก.พ. 52 18:24:48 <!--MsgIP=0-->] [​IMG]

      <!--EcardSend=0--><!--pda content="end"--><!--Begin Console-->

      <HR align=left width="93%" color=#e0e0e0 SIZE=1><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=3 width="87%" border=0><TBODY><TR><TD align=middle>[SIZE=-2]หน้าหลัก[/SIZE]</TD><TD align=middle>[SIZE=-2]แจ้งลบ[/SIZE]</TD><TD align=middle>[SIZE=-2]bookmark[/SIZE]</TD><TD align=middle>[SIZE=-2]ส่งต่อกระทู้[/SIZE]</TD><TD align=middle>[SIZE=-2]พิมพ์[/SIZE]</TD><TD align=middle>[SIZE=-2]โหวตกระทู้[/SIZE]</TD><TD align=middle>[SIZE=-2]เก็บเข้าคลังกระทู้[/SIZE]</TD><TD align=middle>[SIZE=-2]กระทู้ก่อนหน้า[/SIZE]</TD><TD align=middle>[SIZE=-2]กระทู้ถัดไป[/SIZE]</TD></TR></TBODY></TABLE>
      <!--End Console-->​
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD vAlign=top bgColor=#000000 rowSpan=2><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" bgColor=#403e68 border=0><TBODY><TR><TD width=10></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD align=left bgColor=#000000 colSpan=2><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 bgColor=#403e68 border=0><TBODY><TR><TD width=10></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>​

    <!--pda content="begin"-->



    <HR align=center width="90%" color=#f0f0f0><!--pda content="end"-->
      • <!--MsgIDTop=1-->
        <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 border=0><TBODY><TR><TD><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" bgColor=#222244 border=1><TBODY><TR><TD>
        • [​IMG] <!--WapAllow1=Yes--><!--pda content="begin"-->ความคิดเห็นที่ 1 <!--InformVote=1--><SCRIPT language=JavaScript>MsgStatus(Msv[1], 1);</SCRIPT><A class=inlineimg title=Surprised href="javascript<img src=" smilieid="34" http: palungjit.org images smilies omg-smile.gif? border="0" alt="">penInformWindow(1)">[​IMG] [​IMG] <!--EcardManage=1--><!--EcardSend=1-->



        • <!--MsgIDBody=1-->ไม่ได้อ่านกระทู้ที่คุณอ้างถึง (ยาวโพด)



          เคยฟังเทศน์ของหลวงตาพระมหาบัวท่านประมาณว่า "การเผยแพร่ศาสนาที่ดีที่สุดคือทำตัวเองฝึกตัวเองให้ดี ให้ถึงที่สุด"



          ผมก็เห็นจริงตามนั้นเพราะอย่างวันอาทิตย์ที่ผ่านมา งานบุญประทายข้าวเปลือกที่วัดป่าบ้านตาด ชาวต่างชาติทั้งฝรั่ง คนดำ นฯลฯ ก็ข้ามน้ำข้ามทะเลมาที่วัดเอง และมาด้วยความสนใจจริง <!--MsgFile=1-->



          จากคุณ : <!--MsgFrom=1-->AnotherPractitioner [​IMG] [​IMG] - [ <!--MsgTime=1-->12 ก.พ. 52 19:09:57 <!--MsgIP=1-->] [​IMG]



          <!--pda content="end"-->​
        </TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD vAlign=top bgColor=#000000 rowSpan=2><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" bgColor=#403e68 border=0><TBODY><TR><TD width=10></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD align=left bgColor=#000000 colSpan=2><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 bgColor=#403e68 border=0><TBODY><TR><TD width=10></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>



        <!--pda tag="<hr align=center width=90%>"--><!--MsgIDBottom=1--><!--MsgIDTop=2-->
        <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 border=0><TBODY><TR><TD><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" bgColor=#224444 border=1><TBODY><TR><TD>
        • [​IMG] <!--WapAllow2=Yes--><!--pda content="begin"-->ความคิดเห็นที่ 2 <!--InformVote=2--><SCRIPT language=JavaScript>MsgStatus(Msv[2], 2);</SCRIPT><A class=inlineimg title=Surprised href="javascript<img src=" smilieid="34" http: palungjit.org images smilies omg-smile.gif? border="0" alt="">penInformWindow(2)">[​IMG] [​IMG] <!--EcardManage=2--><!--EcardSend=2-->



        • <!--MsgIDBody=2-->อยากจะบอกว่า ไหนๆก็มีล็อคอินใหม่ในพันทิป ก็เหมือนเป็นคนใหม่ไปแล้ว..


          อย่าห่วง อย่าพะวง หรือยึดติดกับความคิด หรือความเห็นเดิมๆของตัวเองเลยครับ


          (เพราะเห็นเจ้าของกระทู้ อ้างกระทู้เก่าของตัวเองในเว็บลานธรรมตลอดเลยครับ)



          ...อยากเห็นอะไรใหม่ๆ บ้างครับ





          ส่วนการเผยแผ่พระพุทธศาสนาในยุคนี้..


          (ขอตอบคำถามในกระทู้ด้วยนะครับ..


          กลัวโดนเจ้าของกระทู้เหน็บว่าไม่ยอมตอบคำถาม :p





          .. นอกจากเรื่องของการปฏิบัติตนเองดีแล้ว ดังความเห็นที่ 1


          (ซึ่งเรื่องนี้เห็นได้ตั้งแต่ในสมัยพุทธกาล เพียงแค่จริยวัตรของพระอัสสชิ


          ก็ทำให้พระสารีบุตรเลื่อมใส จนเข้ามาขอฟังธรรม เป็นต้น)




          หากมองในแง่ของสิ่งภายนอก ปัจจุบันก็มีการนำเทคโนโลยีมาใช้กันมากขึ้น


          โดยเฉพาะอินเทอร์เน็ท ทำให้การศึกษาธรรมและปฏิบัติธรรมง่ายขึ้น


          ทั้งการค้นคว้าพระไตรปิฎก หรือการเผยแพร่พระธรรมคำสอน


          ทั้งในรูปแบบไฟล์เสียง mp3 หรือไฟล์หนังสือแบบ pdf


          (ซึ่งทำให้การจัดเก็บไฟล์ง่ายขึ้นด้วย)



          .. หรืออย่างพวกเทคโนโลยีที่รองรับการใช้งานไฟล์พวกนี้


          เช่น เครื่องเล่น mp3 ขนาดเล็ก ซึ่งทำให้เข้าถึงรับฟังธรรมะได้ง่ายขึ้นไปอีก


          ไม่ว่าจะในขณะเล่นกีฬาหรือทำกิจกรรมอื่นๆ และสามารถปฏิบัติพร้อมตามไปด้วยได้



          นี่ยังรวมทั้งเว็บบอร์ดที่เราใช้สนทนากันอยู่ในขณะนี้


          ก็ยิ่งมีส่วนช่วยในการเผยแผ่พระพุทธศาสนาเป็นอย่างมากด้วยเช่นกัน




          ซึ่งหากเทียบกับศาสนาอื่นแล้ว


          การประยุกต์เทคโนโลยีกับการเผยแผ่ศาสนา


          ในประเด็นเด่นๆเหล่านี้ คงไม่แตกต่างกันมากนักครับ <!--MsgFile=2-->



          จากคุณ : <!--MsgFrom=2-->He-Who-Must-Not-Be-Named [​IMG] - [ <!--MsgTime=2-->12 ก.พ. 52 20:10:03 <!--MsgIP=2-->] [​IMG]




          <!--pda content="end"-->​

        </TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD vAlign=top bgColor=#000000 rowSpan=2><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" bgColor=#403e68 border=0><TBODY><TR><TD width=10></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD align=left bgColor=#000000 colSpan=2><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 bgColor=#403e68 border=0><TBODY><TR><TD width=10></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>​




        <!--pda tag="<hr align=center width=90%>"--><!--MsgIDBottom=2--><!--MsgIDTop=3-->
        <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 border=0><TBODY><TR><TD><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" bgColor=#222244 border=1><TBODY><TR><TD>
        • [​IMG] <!--WapAllow3=Yes--><!--pda content="begin"-->ความคิดเห็นที่ 3 <!--InformVote=3--><SCRIPT language=JavaScript>MsgStatus(Msv[3], 3);</SCRIPT><A class=inlineimg title=Surprised href="javascript<img src=" smilieid="34" http: palungjit.org images smilies omg-smile.gif? border="0" alt="">penInformWindow(3)">[​IMG] [​IMG] <!--EcardManage=3--><!--EcardSend=3-->





        • <!--MsgIDBody=3-->ชงเรื่อง เขียนเอง สรุปเองไว้หมดแล้วนี่ ก็ตามนั้นแหละ <!--MsgFile=3-->



          จากคุณ : <!--MsgFrom=3-->Natty_TT [​IMG] [​IMG] - [ <!--MsgTime=3-->12 ก.พ. 52 20:12:11 <!--MsgIP=3-->] [​IMG]




          <!--pda content="end"-->​

        </TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD vAlign=top bgColor=#000000 rowSpan=2><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" bgColor=#403e68 border=0><TBODY><TR><TD width=10></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD align=left bgColor=#000000 colSpan=2><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 bgColor=#403e68 border=0><TBODY><TR><TD width=10></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>​




        <!--pda tag="<hr align=center width=90%>"--><!--MsgIDBottom=3--><!--MsgIDTop=4-->
        <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 border=0><TBODY><TR><TD><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" bgColor=#222244 border=1><TBODY><TR><TD>
        • [​IMG] <!--WapAllow4=Yes--><!--pda content="begin"-->ความคิดเห็นที่ 4 <!--InformVote=4--><SCRIPT language=JavaScript>MsgStatus(Msv[4], 4);</SCRIPT><A class=inlineimg title=Surprised href="javascript<img src=" smilieid="34" http: palungjit.org images smilies omg-smile.gif? border="0" alt="">penInformWindow(4)">[​IMG] [​IMG] <!--EcardManage=4--><!--EcardSend=4-->





        • <!--MsgIDBody=4-->ในศาสนาพุทธ คนไหนทำดี คนนั้นย่อมได้ คนไหนทำชั่ว ย่อมได้รับผลชั่ว



          ใครทำตามพระสัทธรรมของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ย่อมเจริญไปตามส่วนของระดับภูมิธรรมที่ปฏิบัติ ให้ผลได้ไม่จำกัดกาล



          เราทำดีจักได้ดี ทำชั่วจักได้ชั่ว



          ซึ่งเป็นไปตามกฏแห่งกรรม ไม่ต้องรอให้ใครมาตัดสิน



          ปล



          จขกท มีกล่าวถึง พุทธพยากรณ์ ที่ว่า ศาสนาพุทธจะมีอายุ แค่ 5000 ปี ซึ่งเป็นความจริงตามนั้น แต่นั้นไม่ได้หมายความว่า พวกเรา พุทธศาสนิกชน ทั้งหลายจะไม่ต้องทำอะไรเลย ศาสนาพุทธจะดำรงอยู่ได้เพราะได้รับความร่วมมือ จาก พุทธบริษัททั้ง 4 ถ้าเห็นอะไรไม่ดีไม่งาม ให้พึงช่วยกันแก้ไข ไม่ใช่ให้เพิกเฉย



          เปรียบดัง มนุษย์ ณ ตอนนี้ จะช้าเร็วก็อยู่ได้ไม่เกิน 200 ปี ก็ต้องตาย ถามว่า ถ้าเกิดไม่สบาย ก็ต้องหายา มารักษา ไปหาหมอ ไม่ใช่คิดว่า ยังไงก็ต้องตาย ก็ปล่อยเลยตามเลย <!--MsgFile=4-->



          จากคุณ : <!--MsgFrom=4-->Reiez [​IMG] [​IMG] - [ <!--MsgTime=4-->12 ก.พ. 52 22:36:46 <!--MsgIP=4-->] [​IMG]




          <!--pda content="end"-->​

        </TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD vAlign=top bgColor=#000000 rowSpan=2><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" bgColor=#403e68 border=0><TBODY><TR><TD width=10></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD align=left bgColor=#000000 colSpan=2><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 bgColor=#403e68 border=0><TBODY><TR><TD width=10></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>​




        <!--pda tag="<hr align=center width=90%>"--><!--MsgIDBottom=4--><!--MsgIDTop=5-->
        <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 border=0><TBODY><TR><TD><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" bgColor=#222244 border=1><TBODY><TR><TD>
        • [​IMG] <!--WapAllow5=Yes--><!--pda content="begin"-->ความคิดเห็นที่ 5 <!--InformVote=5--><SCRIPT language=JavaScript>MsgStatus(Msv[5], 5);</SCRIPT><A class=inlineimg title=Surprised href="javascript<img src=" smilieid="34" http: palungjit.org images smilies omg-smile.gif? border="0" alt="">penInformWindow(5)">[​IMG] [​IMG] <!--EcardManage=5--><!--EcardSend=5-->





        • <!--MsgIDBody=5-->ทุกศาสนา สอนให้ทำดี ตามหลักธรรม



          แต่ปัญหา อยู่ที่คน ที่คิดว่าตัวเองรู้จริง ในศาสนาตนเอง



          เท่าที่สังเกตดู ศาสนาพุทธ น่าจะพ้นทุกข์ด้วยตัวเอง



          ศาสนาคริสต์ ช่วยคนอื่นให้พ้นทุกข์ จะได้อยู่กับพระเจ้า



          ก็เลยออกมาแนว การตลาด



          ส่วนคนที่ เป็นตัวของตัวเอง ก็คิดค้นแนวคิดของตัวเองขึ้นมาเผยแพร่ ซึ่งก็ได้อธิพล จากศาสนาอื่นมาเป็นความคิดของตัวเอง <!--MsgFile=5-->



          จากคุณ : <!--MsgFrom=5-->eyes_only (ลำชี) [​IMG] [​IMG] - [ <!--MsgTime=5-->13 ก.พ. 52 10:28:04 <!--MsgIP=5-->] [​IMG]




          <!--pda content="end"-->​

        </TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD vAlign=top bgColor=#000000 rowSpan=2><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" bgColor=#403e68 border=0><TBODY><TR><TD width=10></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD align=left bgColor=#000000 colSpan=2><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 bgColor=#403e68 border=0><TBODY><TR><TD width=10></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>​



        <!--pda tag="<hr align=center width=90%>"--><!--MsgIDBottom=5--><!--MsgIDTop=6-->​



        <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 border=0><TBODY><TR><TD><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" bgColor=#222244 border=1><TBODY><TR><TD>
        • [​IMG] <!--WapAllow6=Yes--><!--pda content="begin"-->ความคิดเห็นที่ 6 <!--InformVote=6--><SCRIPT language=JavaScript>MsgStatus(Msv[6], 6);</SCRIPT><A class=inlineimg title=Surprised href="javascript<img src=" smilieid="34" http: palungjit.org images smilies omg-smile.gif? border="0" alt="">penInformWindow(6)">[​IMG] [​IMG] <!--EcardManage=6--><!--EcardSend=6-->



        • <!--MsgIDBody=6-->ถึงคุณ AnotherPractitioner


          ก็เพราะมัน ยาวววววววววววววววววววว น่ะดิ



          อิฉันถึง ต้อง โยงลิงค์ ไป



          คนอ่านจะได้ไม่ลายตากับตัวหนังสือแยะ ๆ



          ขี้เกียจโพส ให้เปลือง เมมโมรี่ ของพันธ์ทิพย์ อ่ะ



          ประมาณว่า ใครอยากอ่าน ก็ คลิ๊ก ไปอ่าน



          ใครขี้เกียจ ก็ไม่ต้องอ่าน อิอิ



          แต่ อิฉัน เห็นด้วยกับคุณเรื่องการ


          "การเผยแพร่ศาสนาที่ดีที่สุดคือทำตัวเองฝึกตัวเองให้ดี ให้ถึงที่สุด"



          ( บางส่วนน่ะ)



          อิฉันคิดว่า มันเป็นเรื่องของ ใครทำใครได้นะ


          ส่วนคนรอบข้างเห็นแล้วจะเลื่อมใส ศรัทธา



          จนเกิดการ เผยแผ่ ต่อ หรือไม่ มันเก๊าะ ขึ้นอยู่กับ



          วาสนาจริต ของสัตว์โลก



          อย่าลืมดิ พระนักปฏิบัติหลาย ๆ รูปนั้น


          มักจะ ปลีกวิเวก นะ ท่านไม่ได้จะมานั่งเผยแผ่ฯ หรอกเจ้าค่ะ







          ถึง คุณ He-Who-Must-Not-Be-Named


          รู้สึกคุณจะเป็นห่วงเป็นใย อิฉันจังเลยเน๊าะ



          การมีล็อคอินใหม่ในพันทิพย์



          มันศักสิทธิเหมือนศีลล้างบาป



          หรือ การกลับชาติมาเกิด เชียวหรือเจ้าคะ หืมห์



          แล้วมันจะ ขัดเกลา ขันธสันดาน อิฉัน ได้เลยเหรอเนี่ย ? อิอิ



          ที่สำคัญ ถ้าอิฉันจะโพสข้อความอะไรก็แล้วแต่


          อิฉันไม่คิดจะปกปิด รากเหง้า และ กำพืด ของตัวเอง อ่ะค่ะ



          จะ นู๋บี จะ บัวเหล่าที่ 5 คุณ บัวหุบ หรือ คุณ บัวผ่อง



          มันก็ อัตตา ของอิฉัน ทั้งนั้น นิ



          คิดว่า คนอ่าน ควรจะรู้ไว้ ว่า อิฉันมีที่มาที่ไปไง



          จะได้ไม่มาหลงคารม หลงเสน่ห์ อิฉันจนหัวปักหัวปำไง เจ้าคะ อิอิ



          แล้ว ไอ้เรื่อง " อ้างกระทู้เก่าของตัวเองในเว็บลานธรรมตลอด"


          มันก็แล้วแต่กรณีนะ



          ถ้าไปตอบกระทู้ ชาวบ้าน หาก อิฉันเห็นว่า ข้อเขียนที่เคยเขียนไว้



          มันเข้ากันได้กับคำถามองกระทู้นั้น ๆ หรือ มีประโยชน์กับ จขกท



          อิฉัน เก๊าะ โยงลิงค์ อ่ะดิ เขียนใหม่ ทำไม ให้มันเมื่อยมือเมื่อยนิ้วล่ะ




          ส่วน ในกรณี ตั้งกระทู้ เอง


          ก็จะโยง ลิงค์ ที่ตัวกระทู้ ถ้า เห็นว่า ข้อความมัน ยาวววววววววว



          และที่เอากระทู้เก่าที่ลานธรรม มาเขย่าใหม่ที่พันธ์ทิพย์



          ก็เพราะ อิฉัน ชอบลับเขี้ยวกับคน เอ๊ย แลกเปลี่ยนความคิดเห็น กับชาวบ้านไง



          ก็เลยเอามาสุมหัวคุยกันที่นี่ อีกแห่ง



          เพราะ คนที่นี่ ใช่ว่า จะเคยอ่านกระทู้เหล่านั้น ทุกคนนิ



          ที่สำคัญ ถ้า จะตั้งกระทู้สักอันขึ้นมาถกกัน


          การได้อ่านความเห็นที่หลากหลาย



          ย่อมทำให้คนอ่านหูกว้างตากว้าง ขึ้น



          อิฉัน เลยเอามาให้ ผู้ที่ยังไม่รู้ ได้อ่าน เปิดหูเปิดตา น่ะเจ้าค่ะ



          ( เผื่อว่า เขาจะมีความใฝ่รู้อยากเห็นมุมมอง ที่หลากหลาย )



          แต่ถ้าใคร คิดว่า ตัวเองเป็น ผู้รู้แล้ว ก็อ่านข้ามไปก็ได้นิ


          ลิงค์ แค่บรรทัดเดียว มันไม่เปลืองเมมโมรี่ ในพันธ์ทิพย์ นักหรอกค่า



          แล้ว อิฉันก็ไม่ได้ โยงลิงค์ เวบขายของซะหน่อยนิ



          อ้อ ขอบคุณเจ้าค่ะ ที่ โยงลิงค์ มาให้อ่าน


          ตอนแรก ก็นึกว่าเป็น กระทู้เรื่อง การเผยแผ่ฯ ที่เคยมีคนตั้งไว้



          ที่ไหนได้ ดันกลายเป็น กระทู้เรื่อง คุณบัวผ่อง ที่อิฉันตั้งไว้ซะนี่ อิอิ



          ขอบคุณเจ้าค่ะ คุณ ตุ๊กแก ที่คอยติดตามผลงาน



          จมูกไว เอ๊ย หูไวตาไว ดีเหมือนกันนะเนี่ย



          ขนาดเหน็บ ข้ามกระทู้ ยังรู้ อีกแฮะ



          สงสัยวันหลัง ต้อง เหน็บ ข้ามเวบ ซะล่ะมั้ง เนี่ย อิอิ <!--MsgEdited=6-->[SIZE=-1]แก้ไขเมื่อ 15 ก.พ. 52 13:20:30[/SIZE] <!--MsgFile=6-->



          จากคุณ : <!--MsgFrom=6-->นู๋บี - บัวเหล่าที่ 5 [​IMG] [​IMG] - [ <!--MsgTime=6-->15 ก.พ. 52 13:19:50 <!--MsgIP=6-->] [​IMG]



          <!--pda content="end"-->​

        </TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD vAlign=top bgColor=#000000 rowSpan=2><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" bgColor=#403e68 border=0><TBODY><TR><TD width=10></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD align=left bgColor=#000000 colSpan=2><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 bgColor=#403e68 border=0><TBODY><TR><TD width=10></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>​



        <!--pda tag="<hr align=center width=90%>"--><!--MsgIDBottom=6--><!--MsgIDTop=7-->
        <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 border=0><TBODY><TR><TD><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" bgColor=#222244 border=1><TBODY><TR><TD>
        • [​IMG] <!--WapAllow7=Yes--><!--pda content="begin"-->ความคิดเห็นที่ 7 <!--InformVote=7--><SCRIPT language=JavaScript>MsgStatus(Msv[7], 7);</SCRIPT>[​IMG]
        • [​IMG] <!--EcardManage=7--><!--EcardSend=7-->



          <!--MsgIDBody=7-->ถึง คุณ Natty_TT


          แหม ๆ อิฉันตั้งกระทู้มา ถก กันนะ เจ้าคะ


          ไม่ใช่ เล่นตระกร้อลอดบ่วง


          หรือ เดี่ยวไมโครโฟน ให้ฟัง


          ดังนั้น ความคิดเห็นของทุกท่าน ที่โพส


          จึงช่วยให้อิฉัน เห็นอะไร ๆ ได้มากขึ้นน่ะ




          อ้อ ขอบคุณ สำหรับ กิฟท์ ในกระทู้ เหล้า นะเจ้าคะ


          แปลกใจเหมือนกันที่มีคนมาให้กิฟท์ นึกว่าจะถูกเฉ่งซะอีก 555


          แต่ก็ไม่รู้เหมือนกัน ว่า อ่านกระทู้นี้แล้ว


          คุณอาจจะอยากเอากิฟท์คืนก็ด้ายยยย อิอิ







          ถึงคุณ Reiez


          ดีใจจัง ที่คุณ กล่าวถึง พุทธพยากรณ์


          แกว่งปากหาเท้ามาตั้งนาน


          ก็เพิ่งจะมีคุณนี่แหล่ะ ที่พูดเรื่องนี้ ขึ้นมาอิอิ



          เฮ้อ โชคดีนะที่อิฉัน เป็นแค่คน หยิบยืม วิถีแห่งพุทธ ไปใช้


          ไม่ใช่ พวก แก่น กระพี้ หรือ เปลือก


          จึงไม่ต้องไปวิตกจริต เหนื่อยยากกับเรื่องของ คนอื่น อิอิ


          ปัจเจก ก็งี้แหล่ะคุณ แบ่บว่า


          แค่ตัวเองยังจะเอาตัวไม่รอด เล๊ยยย


          เก๊าะเลยขี้เกียจ สร้างเรือโนอาห์ มาขนสรรพสัตว์ ข้ามห้วงทุกข์ ไงหุหุ



          สนิม เกิดจาก เหล็ก เสมอ นิ


          ขยัน ขัด เท่าไร มันก็ไม่หมดหรอกจ้า


          นอกจาก มันจะผุกร่อนจนไม่เหลือเนื้อเหล็ก แล้วน่ะ


          อย่ายึดมั่นถือมั่นกับการขัดจนล้าล่ะ ( อิฉันเกรงว่า คุณจะเหนื่อย ^ - ^ )






          ถึงคุณ eyes_only (ลำชี)


          เห็นด้วยกับคุณ และ คำว่า


          "ทุกศาสนา สอนให้ทำดี ตามหลักธรรม


          แต่ปัญหา อยู่ที่คน ที่คิดว่าตัวเองรู้จริง ในศาสนาตนเอง"



          อิฉันเอง ก็ มักจะขบขันกับ


          พวก คน ที่คิดว่าตัวเองรู้จริง ( แต่ไม่ค่อยจะ ปฏิบัติ ) เหมือนกันอ่ะ


          รวมทั้ง พวกที่ ( คิดว่า ) ตัวเองปฏิบัติจนถึงพร้อม ด้วย


          อารมณ์ขันพิเรนทร์ ของบัวเหล่าที่ 5 น่ะคุณ ไม่มีอะไรหรอกเจ้าค่ะ อิอิ




          อิฉันไม่ได้คิดจะเผยแพร่ หรอก ค่า ( ขี้เกียจ ) ^ - ^


          แค่ เม้าส์แตกมันส์ ๆ ก็มีคนหาว่า


          เป็น สปาย มาบ่อนทำลาย พุทธศาสนาแล้วนิ


          คงมิกล้า ใช้คำว่า เผยแพร่ หรอก ค่าาาาา


          ยังไม่อยากถูกตรึงไม้กางเขน แบบพระเยซู ^ - ^



          แต่อิฉัน ชอบ คำพูดในบทสัมภาษณ์ ของ ท่าน โกเอนก้า อ่ะ


          http://www.skyd.org/html/sekhi/50/goenka.html


          </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>









     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 13 ตุลาคม 2009
  10. 5th-Lotus

    5th-Lotus เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    354
    ค่าพลัง:
    +306
    ความคิดเห็นที่ 1 : (ระนาด) อ้างอิง |

    ศาสนาพุทธสอนให้รู้ทันกิเลส และ ไม่เป็นทาสของกิเลส แบบนี้จึงไม่ถูกใจคนส่วนมาก ดังนั้นจึงเผยแผ่ยากครับ

    ศาสนาอื่นสอนให้รักพระเจ้า เอาใจพระเจ้า แล้วพระเจ้าจะประทานสิ่งที่เราต้องการมาให้ง่ายๆ แบบนี้เป็นการคล้อยตามกิเลส จึงถูกใจคนส่วนมาก ดังนั้นจึงเผยแผ่ได้ง่ายกว่าครับ

    จากคุณ : ระนาด [ ตอบ: 14 พ.ย. 51 13:43 ] แนะนำตัวล่าสุด 23 ม.ค. 51 | สมาชิกลานธรรมถาวร | ตอบ: 2075 | ฝากข้อความ |


    ความคิดเห็นที่ 2 : (arnupong) อ้างอิง |

    ใครจะอย่างไร อะไรก็ไม่สน ผมเกิดในพุทธศาสนานี้ถ้าจะให้ตายก็พร้อมที่จะตายในพุทธศาสนานี้ ถ้าจะได้เกิดก็จะเกิดและจะตายในพุทธศาสนานี้จนกว่าจะนิพาน สาธุ
    แก้ไขโดย arnupong เมื่อ 14 พ.ย. 51 - 19:22
    จากคุณ : arnupong [ ตอบ: 14 พ.ย. 51 19:15 ] แนะนำตัวล่าสุด 24 ธ.ค. 50 | สมาชิกลานธรรมถาวร | ตอบ: 220 | ฝากข้อความ |


    ความคิดเห็นที่ 3 : (Aurora) อ้างอิง |

    คุณบัวคะ ที่คุณเล่ามาคล้ายๆดิฉันเลย ตอนเด็กๆเรียน ม.ต้น ก็เคยอยากรู้คำสอนศาสนาอื่นเลยลองสมัครเรียน "พระคริสต์ธรรมทางไปรษณีย์" ที่ลงในหนังสือพิมพ์
    พอส่งคำขอสมัครไป แป๊บเดียวเขาก็เริ่มส่งบทเรียนมาให้ทีละบท จบหนึ่งบทก็ตอบคำถามข้อสอบท้ายบทส่งไป เขาก็ส่งบทต่อไปมาให้ level 1 ดูเหมือนจะ 10 บท ดิฉันก็สอบได้ ด้วยคะแนนเยี่ยมมาก (ก็เปิดตำราตอบน่ะ แล้วส่งข้อสอบกลับไปทางไปรษณีย์) ก็เรียน level 2 ต่อ อีก 10 บท ปรากฏว่า พอถึงบทสุดท้าย ในข้อสอบถามว่า คุณยินดีให้เจ้าหน้าที่ไปพบเพื่อแนะนำคำสอนไหม, คุณคิดจะเปลี่ยนศาสนารึเปล่า ดิฉันเลยเลิก ไม่ส่งคำตอบไปอีกเลย ทั้งที่อยากได้ประกาศนียบัตรมาก (พวกบ้าเรียนน่ะค่ะ)
    เหตุที่เลิกก็คือ ขณะที่เรียนเรื่องศาสนาเขา เกิดความขัดแย้งในใจตลอด รู้สึกว่าขาดเหตุผล ไม่สามารถพิสูจน์ได้ แต่ยอมรับอย่างนึงว่า การเผยแพร่ของเขาเป็นเชิงรุกมาก เพราะพอดิฉันเลิกเรียน ต่อมาเขาก็มีจดหมายมาตามหลายครั้ง ส่งคนมาหาถึงบ้านก็มี ถ้าใจไม่แข็งพอคงโดนชักจูงไปแหงๆ
    มีคนรู้จักไปแต่งงานกับคนคริสต์(ฝ่ายหญิง) แล้วโดนข้อแม้ว่าต้องเปลี่ยนศาสนาตามฝ่ายหญิง เขาก็ยอมเปลี่ยน เพราะผู้หญิงบอกว่าศาสนาพุทธไม่เห็นจะดี งมงายจะตาย เชื่ออะไรไร้สาระไม่มีเหตุผล เราฟังแล้วหน้าชาเลย อยากจะบอกเขาว่าไอ้ที่คุณเห็น มันเป็นเนื้องอก เป็นพวกนับถือผีสาง เทพเจ้า โชคลาง เซ่นสรวงบูชา บ้าทำบุญหวังเป็นเศรษฐีถูกหวยล็อตเตอรี่ ไม่ใช่พุทธเลยแม้แต่น้อย
    จริงๆก็พยายามเอาตัวรอดค่ะ แต่ถ้าดูๆแล้วสามารถบอกทางใครได้บ้าง ก็ลองพยายามดู ได้แค่ไหนก็แค่นั้น แล้วแต่บุญวาสนาของแต่ละคน
    ____________________________________
    อหํ นาโคว สงฺคาเม เราจักอดทนต่อคำเสียดสีของคนอื่น
    จาปาโต ปติตํ สรํ เหมือนพญาคชสาร ในสนามรบ
    อติวากฺยํ ติติกฺขิสฺสํ ทนลูกศรที่ปล่อยออกไปจากคันธนู
    ทุสฺสีโล หิ พหุชฺชโน เพราะว่าคนโดยมาก ทุศีล
    จากคุณ : Aurora [ ตอบ: 14 พ.ย. 51 20:21 ] แนะนำตัวล่าสุด 19 ม.ค. 51 | สมาชิกลานธรรมถาวร | ตอบ: 389 | ฝากข้อความ |


    ความคิดเห็นที่ 4 : (ฐานิโย) อ้างอิง |

    ต้องใช้ปัญญา นิดนึง แล้วจะรู้ว่า
    ศาสนาพุทธ เป็น ศาสนา แห่งเหตุ และ ผล นะครับ
    ไม่เรียกร้อง ให้เชื่อ
    ไม่เรียกร้องให้ศรัทธา
    ให้ทดลองปฎิบัติ ดีแล้วค่อยเชื่อ ค่อยศรัทธา
    ไม่สอนให้งมงาย
    แค่นี้ก็ กินขาด แล้วครับ
    ____________________________________
    "นับตั้งแต่นี้ต่อไป ร่างกายนี้จะไม่ใช้เพื่อเบียดเบียนทำลายใคร แต่จะเพียรพยายามอย่างที่สุดเพื่อให้ร่างกายนี้เป็นที่สถิตแห่งเมตตาธรรม การุณยธรรม และ มุติตาธรรมตลอดไป จนกว่าจะแตกสลายกลายเป็นธุลี กลับคืนสู่ธรรมชาติในที่สุด"
    จากคุณ : ฐานิโย [ ตอบ: 14 พ.ย. 51 20:22 ] แนะนำตัวล่าสุด 06 ก.ค. 50 | สมาชิกลานธรรมถาวร | ตอบ: 459 | ฝากข้อความ |โฮมเพจ | MSN |


    ความคิดเห็นที่ 5 : (ปัญญา) อ้างอิง |

    อ้างอิง (Aurora @ 14 พ.ย. 51 - 20:21)
    ตอนเด็กๆเรียน ม.ต้น ก็เคยอยากรู้คำสอนศาสนาอื่นเลยลองสมัครเรียน "พระคริสต์ธรรมทางไปรษณีย์" ที่ลงในหนังสือพิมพ์ พอส่งคำขอสมัครไป แป๊บเดียวเขาก็เริ่มส่งบทเรียนมาให้ทีละบท จบหนึ่งบทก็ตอบคำถามข้อสอบท้ายบทส่งไป เขาก็ส่งบทต่อไปมาให้ level 1 ดูเหมือนจะ 10 บท
    ศาสนาพุทธ เป็นศาสนาแห่งปัญญา
    ไม่มีปัญญา เข้าไม่ถึง
    ไม่มีปัญญา ไม่รู้ทิศทาง
    ไม่มีปัญญา จะไม่พ้นทุกข์
    อย่าไปเห็นว่า สบาย คือความสุข เพราะที่แท้จริง เป็นอาการของทุกข์ที่มันลดลงเท่านั้นเอง ไม่นานมันก็เกิดมีขึ้นมาอีก ก็ทุกข์ต่อละครับ
    เหมือนกันเลยครับ คุณ Aurora ผมก็เรียนแบบนี้เหมือนกัน ส่งคำตอบและบทเรียนทางไปรษณย์ แล้วก็จะส่งกลับมาเป็นบทเรียนที่ยากขึ้นๆ แล้วก็ส่งไปส่งมา จบแล้วจะได้ใบประกาศครับ แต่พอเรียนไปถึงบทที่ 2 ผมเลยหยุดเรียน เพราะไม่มีเงินค่าแสตมป์ ทั้งๆที่มันแค่ดวงละ 2 บาทเอง หรือจะเป็นบุญของเราก็ไม่รู้ที่ได้สั่งสมมา เพราะมันก็ทุกข์เหลือเกิน ทุกข์แบบไม่มีจะกิน บังเอิืญว่าเป็นคนชอบเรียน ชอบค้นคว้าหาความรู้ตลอดเวลา ก็เลยเรียน
    แล้วก็ไม่จบจริงๆ จากนั้นมาก็ไม่เคยเข้าวัดอีกเลย แต่ก็ไม่ได้ไปเข้าโบสถ์ คงนับถือพระพุทธศาสนาเหมือนเดิม แต่ไม่ค่อยได้ไปว้ดเท่านั้นเอง เพราะไปทีไร เวลาจะกินข้าววัด ผมต้องหนีกลับบ้าน เพราะเคยกินครั้งหนึ่งแล้ว กินไปกินมา ในขนมหวานถ้วยนั้น มีกระทั่งหางปลาแขยง ด้วย แสดงว่าเขาเอาอาหารหวานคาว ปนกันทุกอย่างเลย จากนั้นมาก็ไม่เคยกินข้าววัดสักครั้ง เพราะกินแล้วมันรู้สึกเลี่ยนมาก
    ..........แตุ่ทุกวันนี้กินครับ มีอะำไรก็กินอย่างนั้น ขนมหวาน+คาว ปนกันในถ้วยเดียว กินแล้วก็อร่อยดีเหมือนกัน รสชาดก็ธรรมดา เพราะมั่นใจว่าสุกทุกอย่างแล้ว ไม่ได้ยึดกับรสชาดอะไรอีกเลย ขอให้สุกเป็นใช้ได้
    ____________________________________
    ปลูกมะเขือ ได้ผลมะเขือฉันใด
    ปลูกความดีความชั่วก็ได้ผลฉันนั้น
    (ขยันปลูก ขยันใส่ปุ๋ยพรวนดิน บ่อยๆ ยิ่งเห็นผลไวนะ จะบอกให้)
    ******************************
    ไม่มีที่อยู่ในโลกนี้สำำหรับผู้รู้เห็น ดี-ชั่ว ว่าแท้ที่จริงมันก็อันเดียวกัน
    ------------------------------------------
    ธรรมะไม่ได้อยู่ไกล มันอยู่แค่่ตรงนี้(หัวใจ)
    โลกคือใจ ใจคือโลก เห็นใจคือเห็นโลก ใจแตกคือโลกแตก
    โลกแตกโลกก็ดับ โลกดับทุกข์ก็ดับ
    ความรู้นี้มาได้ไง ไม่ทราบ แต่เหมือนเป็นความรู้เก่าๆแต่ปางไหนก็รู้อีกเหมือนกัน
    จากคุณ : ปัญญา [ ตอบ: 14 พ.ย. 51 21:44 ] แนะนำตัวล่าสุด 24 ต.ค. 51 | สมาชิกลานธรรมถาวร | ตอบ: 1247 | ฝากข้อความ |โฮมเพจ |


    ความคิดเห็นที่ 6 : (baballius) อ้างอิง |

    พุทธศาสนาเป็นของคนกลุ่มน้อยแต่ไหนแต่ไรแล้วอะครับ ครูบาอาจารย์ก็สอนกันว่า
    "พอเราเข้าใจธรรมะแล้ว เห็นคนที่ควรบอกต่อก็บอกต่อ
    แต่ถ้าไม่เจอคนที่ควรบอกต่อ..ก็เฉยๆ ซะ"
    ในบางมุมการเผยแพร่ไปในวงกว้างอาจจะเป็นตัวทำลายแก่นของศาสนาด้วยซ้ำไป
    เพราะถ้าคนเป็นร้อยล้านพันล้านระบุว่าตนเป็นพุทธ แต่ไม่รู้เรื่องสติปัฏฐานเลย
    แล้วก็เผยแพร่แต่เรื่องการทำดี ทำบุญ แล้วบอกต่อกันไปเรื่อยๆ..คนกลุ่มนี้ก็เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
    เมื่อปราศจากสติปัฏฐาน ก็ขาดการเจริญสติ เจริญปัญญา..
    ซึ่งจะยิ่งทำให้หลักธรรมของพุทธแท้ๆ หายากไปเรื่อยๆ
    คือหาที่ไรก็เจอแต่พุทธเทียมๆ ที่มีอยู่นับพันล้านคนข้างต้น
    สู้มีคนไม่มากที่เป็นพุทธ แล้วส่วนใหญ่ในจำนวนนี้เข้าใจหลักสติปัฏฐาน
    น่าจะเกิดประโยชน์มากกว่า
    เพราะเมื่อใดที่คนภายนอกเกิดสนใจพุทธศาสนาขึ้นมาแล้วก้าวเข้ามาแสวงหา
    เขาจะได้มีโอกาสพบสิ่งที่ถูกต้องได้มากขึ้น
    เพื่อทำให้เกิดประโยชน์แก่ตนเอง และจะได้สืบทอดไว้ให้แก่คนอื่นๆ ต่อไป

    ____________________________________
    ดับแล้วที่ที่จากมา..ไม่พบที่ที่อยากไป
    ดับแล้วผู้ที่จากไกล..ไม่พบใครที่อยากเจอ
    จากคุณ : baballius [ ตอบ: 14 พ.ย. 51 23:52 ] แนะนำตัวล่าสุด 28 ก.ค. 49 | สมาชิกลานธรรมถาวร | ตอบ: 307 | ฝากข้อความ |


    ความคิดเห็นที่ 7 : (ทรง) อ้างอิง |

    เพราะพุทธศาสนาไม่ใช่โฆษนาชวนเชื่อ ไม่ได้ติดอยู่แค่ศรัทธา เป็นศาสนาแห่งการคิดและปฏิบัติ
    การเผยแพร่พุทธศาสนาต้องพร้อมทั้งสองอย่าง คือ ผู้ฟังพร้อมจะฟัง และผู้พูดรู้ธรรมที่จะควรแสดง ยากอยู่ที่เดียว ขนาดพูดให้คนรอบข้างที่มีพื้นฐานเป็นพุทธ เข้าใจธรรมะยังยากเลย นับอะไรกับคนที่ไม่มีพื้น ยกเว้นว่าเขาจะหาค้นหาเหตุแห่งทุกข์ และทางออกจริงๆ พร้อมที่จะฟัง และมีผู้พูด ผู้อธิบายที่ตรงกับสิ่งที่เขาค้นหาถีงจะพอดีกัน
    วิธีที่ จขกท พูดมาก็ดีครับ เป็นการเพิ่มคนที่ศรัทธามากขึ้น โอกาสที่จะทำพาไปเป็นปัญญาก็จะมากขึ้น ถ้าไม่่ติดอยู่แค่ศรัทธาเท่านั้น
    จากคุณ : ทรง [ ตอบ: 15 พ.ย. 51 01:40 ] ยังไม่แนะนำตัว | สมาชิกลานธรรมทั่วไป | ตอบ: 102 | ฝากข้อความ | ip:125.25.129.255


    ความคิดเห็นที่ 8 : (JChai) อ้างอิง |

    แถวบ้านแม่ผมจะเป็นตึกแถว จะเจอการเผยแผ่ศาสนาและนิกายต่างๆในเชิงรุกเป็นประจำ
    เรื่องศาสนาอื่น พี่บัวเหล่าที่ 5 และ พี่ aurora พูดไปแล้ว ผมคงไม่พูด
    แต่เรื่องนิกายอื่นๆ ที่นอกเหนือจากที่พี่บัวเหล่าที่ 5 และ พี่ aurora พูด ที่เจอเองคือการเผยแผ่ของเขา เน้นที่ความ "ร่ำรวย" ซึ่งต่างจากศาสนาเรา
    เจอมาหลายนิกายหลายลัทธิที่โดนใจคนแถวบ้าน จุดเด่นคือ จะเป็นลักษณะ "ขอได้ ไหว้แล้วรวย เห็นผลทันที " บ้านแม่ผมจะล้อมรอบด้วยคนที่นับถือลัทธิเหล่านี้
    ไม่นานๆ ก็จะมีการมาปิดบ้าน พร้อมผู้นำของเขา สวดมนต์ขอพรเทพ ในภาษาต่างๆ โดยเชื่อว่าสวดเสร็จจะถูกหวย จะรวย จะมีลาภก้อนใหญ่เข้ามา << ซึ่งอันนี้ ต่างจากศาสนาพุทธโดยสิ้นเชิง เหมือนทุกท่านที่แสดงความคิดเห็นก่อนหน้านี้ ว่า ศาสนาพุทธเป็นศาสนาแห่งปัญญา
    แต่ลัทธิพวกนี้จะเป็นเหมือนการลงทุนในบุญกุศล ทำบุญสิบบาทได้คืนร้อยบาท ซึ่งการตลาดแบบนี้โดนใจคนทั่วไปครับ
    ****จากการเฝ้าสังเกตมาเป็นแรมปี ผมพบว่า บ้านที่เข้าลัทธิเหล่านี้และผ่านการทำพิธีกรรมเหล่านี้ (ซึ่งก็มักจะทำกันหลายๆครั้ง เพื่อให้ชลัง) ก็ไม่ได้ถูกหวยหรือมีลาภก้อนใหญ่อย่างที่ผู้นำเขากล่าวอ้างเลยครับ ***
    ***************
    หลายครั้งต่อหลายครั้งที่เอาซีดีธรรมะหรือหนังสือสวดมนต์ไปวางตามวัดหรือมูลนิธิ
    มักจะโดนถามว่า-- ทำไปแล้วได้อะไร
    ผมก็มักจะตอบว่า -- ซีดีธรรมะ ที่แจก เราดูเองแล้วรุ้สึกดี เลยอยากให้คนอื่นดูบ้าง
    ก็มักจะทำหน้างง ไม่เชื่อ หรือมองแบบเยาะเย้ยประมาณว่าเราต้องมีไรแอบแฝง มาขายของหรือเปล่า บางคน (จนถึงปัจจุบันก็น่าจะเกิน 20 คนแล้ว)จะถามต่อว่า ทำแล้วถูกหวยแยะเหรอ เป็นการแก้บนหรือเปล่า ทำแล้วฝันเห็นเลขเลยเหรอ
    หลักๆมักจะมุ่งประเด็นมาที่เรื่องการถูกหวยมากกว่า เลยทำให้ผมคิดว่า ตรงนี้อาจจะยากในการเผยแผ่พุทธศาสนา

    แต่ผมกลับพบว่า หากเราเจอคนที่กำลังทุกข์มากๆกับชีวิต ไม่ว่าจะเป็นเรื่องใดก็ตาม เช่นความรัก (อันนี้แยะสุด) งาน ครอบครัว
    หากเขาเปิดใจรับ และเราสละเวลา ชี้แนะ แนะนำเขา เขาจะเข้าถึงและเข้าใจหลักคำสอนในศาสนาพุทธได้ง่ายครับ และเปลี่ยนตัวเองไปในทางที่ดีขึ้นครับ
    แก้ไข โดยเพิ่มข้อความหลังเครื่องหมาย**
    แก้ไขโดย JChai เมื่อ 15 พ.ย. 51 - 06:36
    ____________________________________
    เราไม่มีปัญญาที่จะมีเงินถึงล้าน
    แต่เราก็สามารถทำประโยชน์อันมีค่าถึงร้อยล้านพันล้านอยู่
    อย่าไปมัวหาเงินอยู่เลย มาทำประโยชน์กันดีกว่า
    นั่นคือ
    ทำให้เพื่อนร่วมโลกของเรารู้จักดับทุกข์ หยุดเห็นแก่ตัว
    พุทธทาสภิกขุ
    ***
    เวบที่ขอสำเนาซีดีธรรมะได้
    www.cddhamma.com
    www.namjaidham.com
    จากคุณ : JChai [ ตอบ: 15 พ.ย. 51 06:22 ] แนะนำตัวล่าสุด 28 พ.ย. 50 | สมาชิกลานธรรมถาวร | ตอบ: 723 | ฝากข้อความ | MSN |


    ความคิดเห็นที่ 9 : (คนใจร้าย) อ้างอิง |

    เคยดูสารคดี ตามรอยพระพุทธเจ้า ของบริษัท พาโนรามา ที่เคยออกอากาศทางช่อง 9 มีอยู่ประโยคหนึ่ง ที่ผมประทับใจมาก และผมรู้สึกว่า สิ่งที่พระพุทธเจ้าต้องการเผยแพร่ คือหลักธรรม คือแนวคิด คือพระไตรปิฎก หาใช่ต้องการเผยแพร่พระบารมี หรือตัวตนของพระองค์ไม่ หลังจากพระพุทธเจ้าเสด็จปรินิพพาน สิ่งที่เหลือคือคำสั่งสอนที่ตอนหลังรวบรวมจนกลายเป็นพระไตรปิฏก สิ่งที่เหลือไม่ใช่พระพุทธรูป เพราะฉะนั้นการเผยแพร่พุทธศาสนาที่แท้จริงคือการเผยแผ่ถึงหลักธรรม พระไตรปิฏก ไม่ได้เผยแผ่พระพุทธรูปหรือพระศาสดา จึงเผยแผ่ได้ยากกว่าเพราะต้องให้คนที่เข้าใจจริง ๆ
    เปรียบเทียบง่ายๆ ไม่ต้องเทียบกับศาสนาอื่น ปัจจุบันนี้ พระสงฆ์หรือวัดที่มีวัตถุมงคล จะโด่งดังและเป็นที่นับถือ มากกว่าพระสงฆ์ที่เทศนา หรือสั่งสอนตามหลักธรรมท่่ีแท้จริง ผมไม่ได้หมายความว่าผมจะไม่นับถือพระที่สร้างวัตถุมงคลนะ เพราะพระเหล่านี้ ท่านก็สอดแทรก หลักธรรม คำสอนให้ฟังอยู่เสมอ (แต่การสร้างวัตถุมงคลก็เป็นการตลาดชนิดหนึ่งที่สามารถถึงคนให้เข้าวัดและสนใจศาสนามากขึ้น) เพราะฉะนั้นไม่ใช่แค่พระสงฆ์ที่มีหน้าที่เผยแผ่ศาสนา ต้องเป็นเราทุกคนที่ต้องช่วยกันให้คนรอบกายเราเข้าใจอย่างแท้จริง
    ____________________________________
    จากคุณ : คนใจร้าย [ ตอบ: 15 พ.ย. 51 10:09 ]
    ความคิดเห็นที่ 10 : (cygnus) อ้างอิง |

    เลิกงานตอนเย็น ๆ มักจะเห็นลุงแก่ ๆ คนหนึ่ง ดูหน้าตาแล้วน่าจะเป็นชาวเกาหลีนั่งอยู่บนสะพานลอย ในมือก็ถือเครื่องขยายเสียงเล็ก ๆ เปิดเทปเรื่องราวคำสอนเกี่ยวกับพระเจ้าไว้ ข้าง ๆ ก็เป็นกล่องใส่หนังสือไว้คอยแจกแก่คนเดินข้ามสะพานลอยที่ผ่านไปมา...
    แกก็นั่งของแกไปเรื่อย คนเดินผ่านไปมา ใครสนใจก็จะหยิบหนังสือในกล่องไปอ่าน ดู ๆ แล้วจากคนที่เดินผ่านสิบยี่สิบคนจะมีคนหยิบหนังสือจากกล่องของแกซักหนึ่งเล่มได้มั่ง
    เห็นแล้วก็เฉย ๆ นะไม่ได้สนใจอะไรมาก ก็ได้แต่คิดในใจ... เออแน่ะ ลุงคนนี้ศรัทธาในพระเจ้าแกช่างเยอะจริง ๆ นะ อายุปูนนี้แล้วยังลงทุนข้ามน้ำข้ามทะเลมาเผยแพร่ศาสนาถึงที่นี่ สงสัยอยู่เหมือนกันว่าแกมาด้วยศรัทธาล้วนๆ หรือด้วยแรงจูงใจอะไรหรือเปล่าหนอ เดี๋ยวนี้เขาเผยแพร่ศาสนาเผยแพร่ความเชื่อกันแบบนี้แล้วเนอะ..
    จากคุณ : cygnus [ ตอบ: 15 พ.ย. 51 10:19 ] แนะนำตัวล่าสุด 23 ส.ค. 48 | สมาชิกลานธรรมทั่วไป | ตอบ: 493 | ฝากข้อความ | ip:124.120.170.99


    ความคิดเห็นที่ 11 : (นิติกรรม) อ้างอิง |

    ผมก็เป็นคนหนึ่งที่ตอนเด็กๆส่งจ.ม.ไปขอหนังสือ ความคิดตอนนั้นก็คือชอบอยากได้หนังสือพวกนิทานที่มีภาำพประกอปสวยๆมาอ่าน อ่านไปก็ไม่ค่อยเข้าใจอะไรรู้แต่ว่าเนื้อเรื่องสนุกน่าติดตามดี พอดีพี่แถวบ้านเข้านับถือด้วยว่างๆพี่เขาก็จะเอาหนังสือที่มีภาพสวยๆนี่แหละมาให้อ่าน บางที่ก็มานั่งเล่าเรื่องประกอบภาพในหนังสือให้ฟัง จำได้ว่าตอนนี้ชอบฟังมากๆ แต่เขาก็ไม่ชวนให้ไปนับถือนะคงเพราะผมยังเด็กอยู่ ตอนเรีัยนมหาวิทยาลัยก็เคยไปโบสถ์บ้างแต่คิดว่ามันไม่ใช่สำหรับเราก็เลยไม่ไปอีก
    ช่วงที่สนใจธรรมะใหม่ๆ ก็อยากให้คนอื่นมาสนใจเหมือนกัน ก็เลยเข้าใจเพื่อนๆที่ชอบชวนไปโบสถ์เขาเห็นว่ามันดี(สำหรับเขา)ก็เลยอยากให้คนอื่นๆ(เราทั้งผม)ได้รับรึไปเจอสิ่งดีๆที่เขาได้เจอมา
    หลังๆผมไม่ค่อยชวนรึอยากให้มาสนใจธรรมะ ผมคิดว่าถ้าตัวผมยังไม่ดีพอ พูดอะไรใครเขาก็ไม่ค่อยเชื่อ ก็เลยตัดสินใจว่าจะทำตัวให้ดีตามหลักคำสอนของพระพุทธเจ้าใ้ห้ได้ก่อนเรื่องเผยแผ่ต่อ ถ้าหลายๆคนเห็นผมเปลียนไปในทางที่ดีเขาจะเข้ามาถามผมเอง รึไม่ก็ต้องดูว่าคนที่คุยด้วยคิดทางเดียวกันไหมถ้าใช่ก็คุยเรื่องพวกนี้ได้แล้วให้cd dvd หนังสือธรรมะบ้างตามโอกาส แต่ถ้าคิดคนละทางก็ไม่คิดจะเปลี่ยนความคิดเขา และยินดีที่จะเป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน เพราะยังไงๆทุกศาสนาก็สอนให้ทุกๆคนเป็นคนดีด้วยกันทั้งนั้น เพียงแต่จุดมุ่งหมายต่างกันบ้าง ก็ไม่เห็นเป็นไร ใช่ทุกๆคนในโลกนี้จะอยากนิพพานกันหมดโลกซะเมื่อไหร่ จะไปใส่ใจทำไมเอาตัวเอง(ผม)ให้รอดก่อนเถอะ
    ____________________________________
    นักปฏิบัติธรรมมือใหม่
    จากคุณ : นิติกรรม [ ตอบ: 15 พ.ย. 51 14:06 ] แนะนำตัวล่าสุด 01 ธ.ค. 51 | สมาชิกลานธรรมถาวร | ตอบ: 21 | ฝากข้อความ |


    ความคิดเห็นที่ 12 : (บัวเหล่าที่ 5) อ้างอิง |

    อืม...ในสายตาเด็กเภสัชอย่างอิฉันแล้ว
    เจ้าตัวกิเลสตัณหา นี่
    มันก็เหมือน...มะเร็งใจที่ต้องกำจัดทิ้ง มั้ง
    พุทธศาสนา เลย เหมือน ยาเคมีบำบัด น่ะ
    กิน แล้ว หายขาด
    แต่อาการข้างเคียง (S/E )มันแยะ
    ทั้ง ผมร่วง น้ำหนักลด
    คลื่นไส้ อาเจียน เบื่ออาหาร
    ผู้คนเลยขยาด ไม่กล้าข้องแวะไง
    มีไม่กี่คนหรอกนะ
    ที่ ทน S/E ของมันไปได้จนตลอดรอดฝั้ง
    สุดท้าย... มวลชน...
    เลยหันไปพึ่งพา ไสยศาสตร์
    และศาสนาประเภท เทวนิยม ไง
    เพราะมันเหมือน ลูกอมผสมสเตียรอยด์ อ่ะ
    ทั้งอร่อย กินแล้วเห็นผลเร็ว
    ทำให้ หายปวดหายเมื่อย
    ผิวพรรณเปล่งปลั่ง เลือดลมดูสมบูรณ์ดี
    หายปวดหายเมื่อย
    แถมเจริญอาหารอีกด้วย
    แต่เคราะห์หามยามซวย กินบ่อย ๆ
    ก็อาจจะได้ อาการหน้าบวม
    กระดูกบาง ต้อหิน และ ติดเชื้อง่าย ( กดภูมิฯ )
    มาเป็นของชำร่วย ด้วย
    จำได้ว่า ตรั้งหนึ่ง ...
    ตอนที่เหล่าผู้เผยแผ่
    มาอ่านพระคัมภีร์ ให้ ฟัง ( ถึงในบ้าน )
    อุบาสิกาตัวอย่าง แบบคุณนายแก้วดี
    ก็ ปฏิเสธคนไม่เป็น ซะด้วย
    เลยยอม นั่งฟังเขาพูด ด้วยความจำใจ
    จากนั้น ก็๋มาบ่นออด ๆ
    ถาม อิฉัน ประมาณ ว่า
    "แม่ไม่เข้าใจ น่ะ
    ทำไม เขาต้องห้ามไหว้พระ
    พระ*** คืออะไร
    อยู่ในอาณาจักรพระเจ้า เป็นไง
    มันจะ เหมือน สวรรค์ชั้นดาวดึงส์ ที่แม่รู้จักไหม ? "
    โชคดีที่ก่อนหน้านั้น หนึ่งอาทิตย์
    อิฉัน อ่าน "ไอสไตน์พบ พระพุทธเจ้าเห็น "มาบ้าง
    เลยพอจะรู้เรื่อง ภพภูมิ ทั้ง 31 แบบงู ๆ ปลา ๆ
    แล้ว กล้อมแกล้ม ตอบแม่ไปได้มั่ง
    ถึงข้อดีของการเกิดในภพภูมิมนุษย์
    และข้อเสียของการเสวยสุขในสวรรค์ชั้นฟ้า
    พร้อมกับ ตบท้ายประมาณว่า ว่า
    " ตราบใดที่เรายังเป็นปุถุชน ที่ไม่รู้จักพอ
    หากเรายังตัดกิเลสตัณหาออกจากใจไม่ได้
    ไม่ว่าจะอยู่ในอาณาจักรพระเจ้า
    ในสวรรค์ชั้นฟ้า แดนสุขาวดี
    หรือ อยู่ใน ยุคพระศรีอารย์
    มันก็ยังเกิดการเปรียบเทียบกับบุคคลรอบข้าง
    แล้วเราก็เกิดทุกข์ ได้ ทั้งนั้นแหล่ะ "
    ก็ไม่รู้เหมือนกัน ว่า
    การอธิบายอย่างนี้
    จะทำให้ แม่ เข้าใจไหม ?
    เพราะ แม่เป็นพวกศรัทธาจริตชนผู้เปี่ยมล้น
    เชื่อเรื่องบาปบุญคุณโทษ
    อยากขึ้นสวรรค์ กลัวนรก
    แต่อนิจจา คุณแม่ที่รัก ของอิฉัน
    ไม่เคยรู้จัก ขันธ์ 5 เลย
    ถ้าจะคุยเรื่อง ขันธ์ 5 นี่
    อิฉันต้องบากหน้า
    ไปคุยกับคนเกลียดวัด แบบคุณสมานพ่ออิฉันนะ
    คิดแล้วก็ตลก ดี เฮ้อ..โลกนี้มันช่างขาดสมดุลจริง ๆแฮะ
    แม่อิฉันปฏิบัติธรรมจนเป็นปกติ ( ในชีวิตประจำวัน ) เก่งมากเลยนะ
    แม่มองเห็น ธรรม(ดา)ของโลก
    แม่มองเห็น ธรรม ( ชาติ ) ของคน
    แม่จึงไม่ค่อยโกรธเคืองใคร
    แม่รู้จักปล่อยวาง แม่ไม่ค่อยยึดติด
    ดวงจิตของแม่จึงแจ่มใส เสมอ
    เพราะ ขันธสันดาน และ ขันธจริต ของแม่
    มีคุณภาพสูง มาแต่กำเนิดน่ะ
    น่าเสียดาย ที่ แม่ขาดภูมิรู้ ไปหน่อย
    และ ต้องมาวุ่นวายกับเรื่อง โลก ๆ หลายอย่าง
    ( ทั้งเรื่อง หลายน เรื่องลูกชาย ลูกสะใภ้ )
    แม่เลยขาดโอกาสในการปฏิบัติธรรมไ
    ส่วน คุณพ่ออิฉัน
    นั่นก็ ภูมิรู้สูงจนสุดสอย
    แต่ค่อนข้างอาภัพ วาสนาจริต
    พ่อจึง อุดมไปด้วย โทสะ และ โมหะจริต
    ก็เลยเหินห่างทางธรรม
    จนกู่ไม่กลับเสียแล้ว
    แค่เห็น ชายผ้าเหลือง
    พ่อก็อ้าปากจะนินทาแล้วล่ะ เฮ้อ
    อืม...บ่นซะเพลิน ขอโทษค่ะ
    ขอพูดเรื่อง ถูกเคาะประตูบ้าน
    มาอ่านพระคัมภีร์ให้ฟังต่อ เจ้าค่ะ
    หลัง ๆ มานี่ พอแม่ถูกรบเร้า ให้ฟัง พระคำภีร์บ่อยเข้า
    แม่ก็มา โอดครวญ กับ อิฉัน ว่า
    "แล้วต่อไป แม่จะเปิดประตูบ้าน ให้เขาเข้ามาดีไหม
    แม่กลัวเขาเสียใจ เลยไม่กล้าปฏิเสธ เขาน่ะ "
    อิฉันเลยบอกคุณนายแก้วดี ไปว่า
    " ในเมื่อเขามาเผยแผ่ฯ
    ด้วยความรู้สึกปรารถนาดี
    แม่ก็ทน ๆฟัง ไปเหอะ น่า
    รักษาน้ำใจคนอื่นไว้บ้าง
    มันก็ไม่เสียหายอะไรนี่
    ได้บุญดีออก ไงซะ ฉันก็เชื่อว่า
    อุบาสิกาตัวอย่าง แบบ แม่น่ะ
    ก็ หัวแข็ง พอที่จะไม่ไปเข้ารีต กับเขาหร็อก "
    แหม ? อิฉันพูดซะดีเชียวนะ
    แต่พอพวกนั้น มาบุกบ้านจริง ๆ
    อิฉันนี่แหล่ะ ที่เผ่น ออกจากบ้านคนแรก (ทั้ง ๆ ที่ฝนตกปรอย ๆ)
    ส่วนคุณสมาน ก็หลบในห้องนอน เงียบกริ๊บ ( แต่เงี่ยหูเก็บข้อมูล )
    โดยทิ้งให้ อุบาสิกา ตัวอย่าง
    ให้ ต้อง เผชิญหน้า กับ คนพวกนี้ เพียงลำพัง
    แหะ...แหะ...
    คือ อิฉันรู้ ขันธสันดาน ของตัวเองดี น่ะ
    ว่า ปากมันไว แค่ไหน
    ขืนนั่งฟัง อิฉันได้ ปาฐกถา เรื่อง 31 ภพภูมิ
    และ ขันธ์ 5 ให้เขาฟัง แหง๋ ๆ
    อิฉันไม่อยากทำร้ายจิตใจใครน่ะ
    แต่ก็ไม่ใจเย็นพอ ที่จะฟังเขาพูดด้วย
    เลยเผ่นดีกว่าไง เฮ้อ
    เล่าสู่กันฟังน่ะเจ้าค่ะ ^ - ^
    ____________________________________
    ต่างคน.......ต่างจิต........คิดต่าง
    ต่างคน.......ต่างความ.....ต่างเห็น
    ต่างคน.......ต่างโต.........ต่างเป็น
    ต่างคน.......จึงเห็น..........ต่างกัน
    คำเตือน ! ตัวอักษรที่ฉันพิมพิ์ลงไปทั้งหมดนั้น
    เป็นเพียงความคิดเห็นและมุมมองส่วนบุคคล
    โปรดอย่าได้นำไปอ้างอิง / ใช้เป็น Reference
    ในการทำข้อสอบ หรือ ตอบคำถามใด ๆให้กับชีวิตเลย
    และหากท่านอายุต่ำกว่า 18 กรุณาอย่านั่งอ่านคนเดียว
    ( ควรมีผู้ปกครองอยู่ด้วยเพื่อคอยชี้แนะ ^ - ^ )
    จากคุณ : บัวเหล่าที่ 5 [ ตอบ: 15 พ.ย. 51 15:19 ] แนะนำตัวล่าสุด 24 ก.ย. 51 | สมาชิกลานธรรมถาวร | ตอบ: 79 | ฝากข้อความ |


    ความคิดเห็นที่ 13 : (Louis) อ้างอิง |

    อ่านกระทู้นี้แล้วนึกถึงกระทู้นี้ขึ้นมาคะ
    จุดประกายการทำMarketingธรรมะ ลองเข้าไปอ่านดูเล่นๆนะคะ
    มีหลายท่านเข้ามาแสดงความคิดสร้างสรรค์ไว้เพียบเลย
    อันนี้เป็นความเห็นของคุณดังตฤณในกระทู้คะ
    ได้อ่านทีไรเป็นต้องสะกิดใจทุกที
    ว่ากันถึงไอเดีย
    ช่วงนี้เศรษฐกิจไม่เอื้อให้เราทำอะไรที่ต้องใช้เงินมากเป็นเวลานานๆ
    ถ้านึกถึงสื่อแบบเข้าตาคนสัญจร
    ผมคิดว่าที่ไม่ต้องลงทุนมากก็เช่นสติกเกอร์ติดกระจกท้ายรถ
    อาจเป็นข้อความกินใจช่วยกันคิด
    แล้วชี้มาที่ larndham.net หรือ dharmaathand.com ก็ได้
    สำหรับข้อความหรือบทความของผมนั้น
    ถ้ามีส่วนช่วยให้กุศลเจตนาของคุณดิตจูสำเร็จได้ก็ยินดีครับ
    แต่ก่อนอื่นคงต้องระดมความคิดร่วมกัน
    ผมขอเสนอความเห็นเป็นภาพกว้างๆดังนี้
    ๑) ช่องทางกว้างใหญ่นั้น
    อาจเข้าถึงตาคนได้มาก
    แต่ถ้าถึงแค่ตาก็เหมือนไฟไหม้ฟาง
    ต้องมีวิธีที่จะต้องเจาะเข้าไปให้ถึงความคิด
    ซึ่งแปลว่าต้องอาศัยทั้งเงิน เวลา และกำลังคนมหาศาล
    ๒) ช่องทางแคบเล็กนั้น
    อาจเข้าถึงตาคนได้น้อย
    แต่ถ้าเข้าไปถึงความคิดได้
    ก็จะค่อยๆมีฐานที่มั่นคง
    และถ้าแพร่ขยายกระจายไปแบบเทียนต่อเทียน
    ก็เหมือนเริ่มต้นแทบไม่ต้องลงทุนมากมาย
    แต่สิ่งที่ได้คือความมั่นคงยั่งยืน
    ทำความเข้าใจดีๆ
    ทั้ง ๒ ข้อนี้ยังไม่ได้คัดค้านหรือสนับสนุนนะครับ
    ผมเห็นกุศลจิตและศักยภาพของคุณดิตจู
    แต่ขณะเดียวกันก็เคยเห็นมา
    ว่าการใช้ทุนใหญ่ในช่องทางกว้างนั้น
    มักนำมาซึ่งความเหน็ดเหนื่อย ยากลำบาก
    หรือไม่ก็นำไปสู่ผลประโยชน์และความขัดแย้งต่างๆนานา
    มีทางเดียวที่จะทำได้อย่างสบายใจ
    คือเราต้องเป็นนายทุนและเจ้าของไอเดียแบบเบ็ดเสร็จ
    ไม่ต้องถามความเห็นคนอื่น
    ไม่ต้องตัดสินใจร่วมกับใครเลย
    แค่คุณดิตจูมีความคิดทำเพื่อพระศาสนา
    ก็ถือว่าเป็นกำลังหนึ่งของพระศาสนาแล้ว
    อนุโมทนานะครับ
    จากคุณ : Louis [ ตอบ: 15 พ.ย. 51 20:14 ] แนะนำตัวล่าสุด 13 พ.ย. 50 | สมาชิกลานธรรมถาวร | ตอบ: 240 | ฝากข้อความ | MSN |


    ความคิดเห็นที่ 14 : (fandaoj) อ้างอิง |

    ในตอนเด็กเคยตื่นตาตื่นใจไปกับเพลงและความน่าสนุกของคริสต์ แต่ก็ไม่ได้สนใจไปมากกว่านั้น เป็นพุทธก็เป็นพุทธทะเบียนบ้านที่ไม่ได้รู้เรื่องของพุทธเท่าไร และไม่ได้เข้าใจในคำสอนเลย เนื่องจากชีวิตไม่เคยต้องทุกข์จริงๆ และก็เป็นคนดื้อด้วยเลยมีศาสนาแบบมึนๆมาเรื่อยๆ
    แต่แล้วเมื่อราวสองปีก่อนก็ได้พบทุกข์หนัก ของจริง แล้วก็ไม่รู้ทำไมถึงอยากอ่านธรรมะขึ้นมา เลยค่อยๆศึกษาที่ละนิดหน่อย และก็ได้รู้ว่าที่พระพุทธเจ้าตรัสไว้ ไม่มีผิดเลย ทุกข์มีจริงและทางดับทุกข์ก็มีจริง จากนั้นมาก็เลยทีละนิดทีละหน่อยมาจนทุกวันนี้ค่ะ
    ____________________________________
    กะถัมภูตัสสะ เม รัตตินทิวา
    วันคืนล่วงไป ๆ บัดนี้เราทำอะไรอยู่
    จากคุณ : fandaoj [ ตอบ: 16 พ.ย. 51 23:05 ] แนะนำตัวล่าสุด 26 ต.ค. 50 | สมาชิกลานธรรมถาวร | ตอบ: 115 | ฝากข้อความ |


    ความคิดเห็นที่ 15 : (doyjaar) อ้างอิง |

    อ้างอิง
    อืม...ในสายตาเด็กเภสัชอย่างอิฉันแล้ว
    เจ้าตัวกิเลสตัณหา นี่
    มันก็เหมือน...มะเร็งใจที่ต้องกำจัดทิ้ง มั้ง
    พุทธศาสนา เลย เหมือน ยาเคมีบำบัด น่ะ
    กิน แล้ว หายขาด
    แต่อาการข้างเคียง (S/E )มันแยะ
    ทั้ง ผมร่วง น้ำหนักลด
    คลื่นไส้ อาเจียน เบื่ออาหาร
    ผู้คนเลยขยาด ไม่กล้าข้องแวะไง
    มีไม่กี่คนหรอกนะ
    ที่ ทน S/E ของมันไปได้จนตลอดรอดฝั้ง

    ตัวยาคืออะไร ตัวยาเป็นอย่างไร
    ผลข้างเคียงเป็นอย่างไร อะไรบ้างคือผลข้างเคียง
    เป็นนักศึกษานั้นดี เป็นนักค้นคว้านั้นดี เป็นนักประยุกต์นั้นดี
    แต่ถ้าทำแบบครึ่ง ๆ กลาง ๆ นั้นแย่ เจ้าของสถานศึกษาเขาจะตำหนิเอาได้
    "เรียนอะไรขอให้เรียนเสียอย่างเดียว แต่ให้เชี่ยวชาญเถิดจะเกิดผล" สุนทรภู่
    เป็นนักศึกษาจงเชี่ยวชาญ แตกฉานในสิ่งที่ศึกษา
    เป็นนักประยุกต์จงเชียวชาญในการประยุกต์
    ประยุกต์ กับ บิดเบือนนั้นต่างกัน (อย่างไรนั้นไม่รู้ ขอให้ศึกษาเอาเอง)
    ขอให้คิด และตอบตนเองก่อน ก่อนจะตอบผู้อื่น
    เจริญในธรรม
    ____________________________________
    พญามารไม่เลือกกาลสถานที่จะเล่นงานเรา แล้วทำไมเราต้องเลือกกาลสถานที่จะสู้กับมันด้วย ไม่เลือก ทุกที่ทุกเวลาเป็นที่ปฏิบัติได้หมดเลย มันมาเมื่อไรสู้กับมันเมื่อนั้น
    จากคุณ : doyjaar [ ตอบ: 17 พ.ย. 51 19:11 ] แนะนำตัวล่าสุด 15 พ.ย. 51 | สมาชิกลานธรรมถาวร | ตอบ: 151 | ฝากข้อความ | MSN |


    ความคิดเห็นที่ 16 : (บัวเหล่าที่ 5) อ้างอิง |

    อืม...อิฉันเพิ่งกลับมาจากประชุมที่บางกอกอ่ะ
    ไม่ได้เข้ามาเพ่นพ่านที่นี่เสียหลายวัน
    ตะวานพอมาเปิดดูกระทู้ที่ตัวเองตั้งไว้
    ก็เลยรู้สึกว่า...งานเข้า...อีกแล้วสิตู ^ - ^
    โดยเฉพาะเมื่อมานั่งอ่าน
    ความคิดเห็นที่ 15 อ่ะนะ
    " ยิ่ง เห็นความคิด เห็นปรุงแต่ง
    แล้ว ก็ เห็น ขุ่นมัว (เล็กน้อย ) ด้วย
    ทั้งจาก ตัวผู้ที่มาโพสความเห็น
    และ จาก ตัว จขกท. เองน่ะนะ
    น่าเสียดายที่อิฉันดูจิตเล่นเป็นแค่งานอดิเรก
    เลย... เลือก...ที่จะ...ไม่ดับ... อย่างมืออาชีพ
    อิฉันชอบ เบิ่งจิต ( ดูด้วยความอยากรู้อยากเห็น )
    แล้วปล่อยให้จริตมัน ปรุงแต่ง ฟุ้งซ่าน ไปเรื่อย ๆ มากกว่า "
    งั้นอิฉันขออนุญาต ตอบทีละประเด็นเลยก็แล้วกันนะ
    ดูซิว่า ทักษะในการ ...บิดเบือน...ข้อมูล ของอิฉัน
    จะยังช่ำชองเหมือนสมัยเรียนมหาลัยหรือเปล่า
    ตอนนั้นน่ะ อิฉันใช้ปากหว่านล้อม
    จนเพื่อนทั้งห้าคนในกลุ่มอภิปราย
    คล้อยตาม อิฉัน แล้วโหวตให้
    สตรีผู้อาภัพ ในนิทานสอนใจ
    กลาย หญิงคนชั่ว ไปเลยนะ
    ส่วนอาจารย์วิทยากร ใน class
    ฟังแล้วก็อึ้งจนพูดอะไรไม่ออก
    นอกจากเอ่ยปาก เรียกอิฉันว่า " อาจารย์แม่ "
    -------------------------------------------
    อ้าง :
    อืม...ในสายตาเด็กเภสัชอย่างอิฉันแล้ว
    เจ้าตัวกิเลสตัณหา นี่
    มันก็เหมือน...มะเร็งใจที่ต้องกำจัดทิ้ง มั้ง
    พุทธศาสนา เลย เหมือน ยาเคมีบำบัด น่ะ
    กิน แล้ว หายขาด
    แต่อาการข้างเคียง (S/E )มันแยะ
    ทั้ง ผมร่วง น้ำหนักลด
    คลื่นไส้ อาเจียน เบื่ออาหาร
    ผู้คนเลยขยาด ไม่กล้าข้องแวะไง
    มีไม่กี่คนหรอกนะ
    ที่ ทน S/E ของมันไปได้จนตลอดรอดฝั่ง

    ตัวยาคืออะไร ตัวยาเป็นอย่างไร
    ผลข้างเคียงเป็นอย่างไร อะไรบ้างคือผลข้างเคียง
    -----------------------------
    เฮ้อ ตลกดีนะ อ่านแล้ว นึกถึง
    เจ้าเพื่อนบังเกิดเกล้าคนหนึ่งแฮะ
    คนที่ เคยสอนอิฉันว่า
    " สิ่งที่เราเห็น อาจมิใช่ สิ่งที่มันเป็น " อ่ะนะ
    และเจ้าเพื่อนที่เคารพ คนนี้ อีกนั่นแหล่ะ ที่
    มานั่งเถียงกับอิฉัน ฉอด ๆ บอกว่า
    ---------------------------------------------
    " "ความจริง" ไม่ใช่เรื่องของการมองต่างมุม
    แต่ต้องเป็นการมองแบบองค์รวม (holistic)
    คุณมองเพียงด้านใดด้านหนึ่งของความจริง
    คุณก็อาจพลาดได้
    การมุ่งสู่ความจริงจึงไม่เหมือนการเจียดยารักษาโรค
    เพราะโรคมีหลากหลาย แต่ความจริงมีหนึ่งเดียว
    คุณอาจมีหนทางมุ่งสู่ความจริงหลายทาง
    เหมือนที่มีหลายวิธีรักษาโรคมะเร็ง
    แต่ความจริงมีเพียงหนึ่งเดียว
    ไม่เหมือนโรคมะเร็งที่มีเป็นร้อย "
    ตอนนั้น อิฉัน ตอบมันไปว่า
    " เห็นด้วยนะกับสิ่งที่คุณเตือนว่า
    การมองเพียงด้านใดด้านหนึ่งของความจริง อาจพลาดได้
    แต่ทำไมคุณถึงคิดว่า
    การมุ่งสู่ความจริงจึงไม่เหมือนการเจียดยารักษาโรคล่ะ
    คุณใช้อะไรเป็นบรรทัดฐานในการพิจารณา ?
    แล้ว ทำไมถึงคิดว่า ความจริงมีเพียงหนึ่งเดียว
    แต่โรคมะเร็งมีเป็นร้อย
    แน่ใจหรือ ว่าคุณกำลังมองความจริงอย่างภาพรวม ?
    ทุกสิ่งมันอยู่ที่ บรรทัดฐาน และหลักเกณฑ์
    ที่เราใช้ตัดสินต่างหาก
    คำถามเดียวกัน บางทีอาจมีคำตอบได้หลายอย่างก้อได้นะ
    ซึ่งทุกคำตอบมันก้อถูกต้องในแบบของมัน
    แต่คำตอบที่เราต้องการคือ
    คำตอบที่ตรงกับบรรทัดฐานที่เราใช้พิจารณาต่างหาก "
    ----------------------------------------------------------
    อืม...ตอนนั้น อิฉันตอบมันไปงี้นะ
    ส่วนตอนนี้ อิฉัน ก็ยังยืนยันคำตอบเดิม ๆ
    เหมือนสมัยเมื่อสิบปีก่อน แหล่ะ
    แต่เพื่อเห็นแก่ครูบาอาจารย์
    ที่อิฉัน จำหน้าไม่ค่อยจะได้ (เพราะ โดดเรียนประจำ )
    จึงขอวิสัชนาเพื่อรักษาหน้า อาจารย์
    ที่อิฉันลงทะเบียนเรียนวิชาของท่าน
    โดยตอบกระทู้ถามดังนี้
    ------------------------------------------
    ตัวยาคืออะไร ตัวยาเป็นอย่างไร
    ผลข้างเคียงเป็นอย่างไร อะไรบ้างคือผลข้างเคียง
    ---------------------------------
    จริง ๆ อิฉัน มันก็แค่...กูรู้... น่ะนะ ไม่ใช่...กูรู ...
    แล้วก็ช่ำชองเฉพาะ เรื่อง
    ยา Postinor กับ GPO-vir เท่านั้น
    หาได้ เชี่ยวชาญ เรื่อง ยาเคมีบำบัดไม่
    คงไม่มี...ภูมิ... มาให้ใครทดสอบหรอกนะ
    จึงแนะนำคุณได้แค่ บทความข้างล่างนี้
    ลองอ่านให้เข้าใจเสียก่อนนะ


    อืม...จริง ๆ อยากทำ link เป็น ภาษาปะกิต
    ประมาณ CCIS หรือ US . FDA ให้อ่านด้วยซ้ำนะ
    แต่อย่าดีกว่า สมัยเรียน พวกเรา ก็อ้าปาก
    เรียนแบบท่องจำ แบบ feed learning กันมาเยอะแล้ว
    ดังนั้น โต ๆ กันแล้วนิ
    อยากรู้อะไรก็ขวนขวายหาอ่านเอาเองเหอะ
    ถึงจะไม่ ยึดถือ พระรัตนตรัย
    แต่สาวก กูเกิ้ล ที่ยึดถือ เสิร์ชเอนจิ้น เป็นสรณะ อย่างอิฉัน
    คงแนะนำคุณได้แค่นี้แหล่ะ
    อิฉันขี้เกียจเกินกว่า
    จะมานั่งป้อน กล้วยขูด กับ เนสตุ้ม
    ให้เด็กคนไหนแล้วล่ะ
    เฮ้อ เข้าใจความรู้สึกของ ตาเฒ่าโสเครติส จริง ๆ เล๊ย
    ว่าทำไมถึงไม่ชอบโกนหัวปลอมตัวเป็น อิกคิวซัง
    อ้อ กรณีมีข้อสงสัยหรืออาการผิดปกติ
    ในระหว่างรักษาด้วยยาเคมีบำบัด
    ปรึกษาได้ที่ ศูนย์ให้ยาเคมีบำบัด
    โรงพยาบาลสงขลานครินทร์ โทรศัพท์ 0-7445-1785
    นะเจ้าคะ ( อันนี้ บอกไว้เพื่อเป็น"วิทยาทาน" ) ^ - ^
    อืม... จริง ๆ สิ่งที่ อิฉันต้องการ จะบอกคือ
    ถ้า กิเลสตัณหา มันเหมือน มะเร็งใจ
    พุทธศาสนา มันก็เหมือน เคมีบำบัด ที่ใช้รักษามะเร็งอ่ะ
    ศีล สมาธิ วิปัสสนา และ สติปัฐฐาน 4 ไง ล่ะ คือ ตัวยา
    การถูกโดดเดี่ยว การต้องเจ็บปวดเมื่อถูกเยาะเย้ย
    ว่า " เฮ้ย ไปบวชซะไป๊ ท่าทางจะรุ่งกว่านี้"
    แล้วก็ความรู้สึกทรมาน เวลาต้องฝืนทน ปฏิบัติธรรม
    ความรู้สึกทุกข์ เวลา ที่ต้องปฏิบัติธรรมไงล่ะ คือ อาการข้างเคียง
    ภูมิรู้ วาสนาจริต และ ขันธสันดาน
    ของคน( แต่ละคน)มันต่างกันนะ
    ไม่งั้น จะมีคนมาโพสโอดครวญ ในเวบลานธรรม หรือ
    ว่า เขาทุกข์ เพราะ การฝืนทนถือศีล
    เขาทุกข์ เวลา ต้องนั่งสมาธิ เดินจงกรม

    หรือ ทุกข์ เมื่อ จิตใต้สำนึก ( Id )
    มันแอบน้อยใจเล็ก ๆ
    ที่ชาวบ้านเขาเอา อัตตาของเรา
    ไปนินทาว่า เป็น ท่านเจ้าอาวาส ?
    นี่ไงอาการข้างเคียงของ ตัวยา ( การปฏิบัติธรรม )
    ก็ไม่ได้คิดจะซ้ำเติมใครหรอกนะ
    เพียงแต่ในเมื่อ ใครบางคนเคย บอกอิฉันว่า
    " ไม่ศรัทธา ก็ไม่เป็นไร ขอให้ซื่อสัตย์กับตัวเอง ก็พอ "
    นี่อิฉันก็กำลัง...ซื่อสัตย์ ...กับ ตัวเองอยู่ไงล่ะ
    ถ้า วาจาขวานผ่าซาก
    และพฤติกรรม โต้กลับ แบบ Projection ของ อิฉัน
    มันไปกระทบกระเทือน
    ไปทำให้ใครต้องตะขิดตะขวงใจ ก็ขออภัยด้วย
    อิฉันขี้เกียจ ปรุงแต่ง วจีกรรม ที่ฝืนจริตตัวเอง
    แม้จะรู้ดีว่า ถึงอิฉัน จะไร้ความสามารถ
    มิอาจจะเขียนคน ให้เป็น เทวดา ได้
    แต่อิฉันก็มีพรแสวงพอ
    ที่จะเขียนลิ่มเซียนยี้ให้เป็นนางชีผู้บริสุทธิ์ ได้ก็แล้วกันล่ะ
    ( ถ้าอยากจะทำ น่ะนะ)

    --------------------------------------------
    อ้าง
    เป็นนักศึกษานั้นดี เป็นนักค้นคว้านั้นดี
    เป็นนักประยุกต์นั้นดี
    แต่ถ้าทำแบบครึ่ง ๆ กลาง ๆ นั้นแย่
    เจ้าของสถานศึกษาเขาจะตำหนิเอาได้
    --------------------------------------------
    เฮ้อ อ่านแล้วรู้สึก เหมือน ถูก เด็กมาถอนหงอก
    โดยไม่ต้องเสียเงินจ้างเลยแฮะ ( ดีจัง ประหยัดตังค์ด้วย ) ^ 0 ^
    อืม...อ่านแล้วนึกถึงใครคนหนึ่งที่มาโพส ในกระทู้ อิฉันแฮะ
    ไอ้กระทู้ เมื่อ พุทธเทียม ...ถก... กับ พุทธแท้น่ะนะ
    ใครคนนั้นเอ่ยว่า
    " เพราะเกิดต่าง..จึงเรียนต่าง..จึงรู้ต่าง..จึงเห็นต่าง
    จึงอีกหลายต่าง..จึงมีกรรมต่าง..จึงเกิดต่าง"
    มันทำให้อิฉันนึกถึง สโลแกน ท้ายนามแฝง อิฉันนะ
    สโลแกน ที่ เกิดขึ้น ตั้งอยู่ แต่ยัง ไม่ดับไป ที่ว่า
    ต่างคน ต่างจิต คิดต่าง
    ต่างคน ต่างความ ต่างเห็น
    ต่างคน ต่างโต ต่างเป็น
    ต่างคน จึงเห็น ต่างกัน
    อ่ะนะ คุณคิดว่า
    คนที่ไร้ซึ่ง ศรัทธาจริต โดยสิ้นเชิง
    คนที่ ไม่ยอมเข้าพิธีรับปริญญา ( เพราะความขี้เกียจ )
    จน สถานศึกษาต้องโทรมาตามหา อย่างอิฉันเนี่ยนะ
    จะยึดติด กับ สิ่งสมมุติ ที่เรียกว่า สถาบันการศึกษา
    สมณะ พระ และ ครูบาอาจารย์
    ไม่ค่อยถูกโฉลก กับอิฉันนักหรอก
    ประสบการณ์แต่เก่าก่อน มันสอนมาน่ะ
    ทำให้ อิฉันไม่ค่อยประทับใจคนกลุ่มนี้เท่าไร
    ไว้วันหลัง อิฉันจะเขียน
    "โอ้ อนิจจา ! ระบบการศึกษาแบบไทย ๆ "
    มาให้ทุกท่านอ่านก็แล้วกัน
    ตลกดี แฮะ ตอนที่อิฉันเขียนเปรียบเทียบ
    กิเลสตัณหา กับ มะเร็งใจ
    แล้ว อุปมาว่า พุทธศาสนา เหมือนเคมีบำบัด น่ะนะ
    อิฉันยังคิดอยู่เลยว่า ถ้า อาจารย์ที่คณะ มาเห็นข้อเขียนของอิฉัน
    ท่านคงน้ำตาไหลพราก ๆ ด้วยความซาบซึ้ง
    ที่ลูกศิษย์ช่างเข้าใจคิดเปรียบเทียบ ให้เห็นภาพ
    แต่ก็นั่นแหล่ะนะ ข้อความบางอย่าง
    มันก็สื่อความหมายให้เข้าใจได้
    เฉพาะแวดวงวิชาชีพของตัวเองเท่านั้น
    ว่าแต่
    -------------------------
    ถ้าทำแบบครึ่ง ๆ กลาง ๆ นั้นแย่
    ------------------------
    คุณปรุงแต่ง และ ใช้ อะไรมายึดมั่นถือมั่น
    เป็นบรรทัดฐานล่ะ ว่า สิ่งไหน คือ ครึ่ง ๆ กลาง ๆ
    ถ้า ครึ่ง ๆ กลาง ๆ ของคุณ หมายถึง
    การบอกเพียงบางส่วน บอกไม่หมด
    ไม่ยอมใช้เทคนิค feed learning
    ไม่ยอม ป้อนกล้วยขูดกับเนสตุ้ม ใส่ปากคนอ่าน ที่อ้ารอ
    อิฉันก็ยืดอกยอมรับนะ
    ว่า อิฉัน ...เลือก... ที่จะเป็นคนแย่ ๆ แบบที่คุณตำหนินะ
    เด็กเภสัชมัก พูดเล่น ๆ กับชาวบ้านเสมอ
    ว่า พวกเราเรียนรู้เหมือน เป็ด น่ะ
    ช่วยไม่ได้นิ หลักสูตรการเรียนการสอน
    มันออกแบบมางี้น่ะ
    กวีขี้เมาคนหนึ่งที่มักจะก๊งเหล้าก่อนแต่งกลอน
    ก็สอนแนวคิดบางอย่างให้อิฉันเหมือนกันนะ
    เขาบอกว่า
    " แม้นใครรักรักมั่งชังชังตอบ
    ให้รอบคอบ คิดอ่าน นะหลานหนา
    รู้สิ่งใด ไม่สู้ รู้วิชา
    รู้รักษาตัวรอดเป็นยอดดี "
    อืม... ถ้า กาลิเลโอ มีโอกาสอ่านพระอภัยมณี
    เขาคงรู้จักท่านโยคี กับ สุดสาคร
    เขาคงจะรู้จักทั้ง ประยุกต์ และ บิดเบือน
    แล้วไม่ต้องพบกับชะตากรรมอันน่าสมเพช
    จนถูกเรียกว่า ผู้เกิดก่อนกาล กระมัง
    รายละเอียดเป็นอย่างไรนั้นไม่รู้
    ขอให้ศึกษาเอาเอง (เพราะ ขี้เกียจพิมพ์แล้ว)
    จริงสิ สโลแกน อันใหม่ ยาวดีนี่ คุณ doyjaar
    อ่านแล้ว อิฉัน ปรุงแต่ง
    และ ฟุ้งซ่าน ได้เตลิดเปิดเปิงเลยทีเดียว
    น่าเสียดายนะ ที่อิฉัน ชอบ ประโยค คลาสสิคที่ว่า
    " มารไม่มี บารมีไม่เกิด " มากกว่า อ่ะ
    เลยมองเจ้ากิเลสตัณหา เป็นแค่จอมมารตัวแสบ
    ที่ถ้อยทีถ้อยอาศัย อยู่ด้วยกันอย่างเพื่อนคู่กัด
    มากกว่าจะมองเห็นมันเป็นศัตรูที่ต้องต่อสู้ด้วยนะ
    บางทีการเล่นหมากฮอส (กับคอมพิวเตอร์)บ่อย ๆ
    จนเลือกได้ว่า จะ แพ้ หรือ จะ ชนะ ตาไหน
    มันก็สอน อะไร ให้ อิฉันแยะเลยนะ
    เคยอ่าน การ์ตูนเรื่อง หมัดเทพเจ้าดาวเหนือ หรือเปล่าล่ะ
    เจ้าตัวร้ายในเรื่องใช้ความสามารถ
    ต่อสู้กับสิงโตจนฆ่ามันได้ภายในชั่วพริบตา
    ขณะที่เจ้าสิงโตร้าย อีกตัว
    ยอมสยบให้ เคนชิโร่ ราวกับลูกแมวเชื่อง ๆ
    โดยที่เขาไม่ต้องออกแรงกระดิกนิ้วสู้กับมันเลย
    ไง เห็น ความคิด เห็น ปรุงแต่งอะไรในนี้บ้างล่ะ ?
    หรือว่า ...ดับ...หมดเลย?

    ว้า บ่นเรื่อยเปื่อยอีกแล้ว เอาเป็นว่า
    อิฉันใช้เวลา คิด ... ปรุงแต่ง
    และ ฟุ้งซ่าน กับตัวเอง มาหนึ่งคืนเต็ม ๆ แล้ว ( เชียวนะ )
    จึงมาโพสตอบคนอื่นเจ้าค่ะ
    ส่วนคนอื่น อ่านตัวหนังสือ ของอิฉันแล้ว
    จะ ปรุงแต่ง และ ฟุ้งซ่าน ไปทางใดนั้น อิฉันไม่รู้ ?
    แล้วก็จะก้มหน้าก้มตารับวิบากที่เกิดขึ้น ทั้ง ๆ ที่ไม่รู้นี่แหล่ะ
    อัตตาหิ อัตตาโน นาโถ นะเจ้าคะ ^ - ^

    ____________________________________
    ต่างคน.......ต่างจิต........คิดต่าง
    ต่างคน.......ต่างความ.....ต่างเห็น
    ต่างคน.......ต่างโต.........ต่างเป็น
    ต่างคน.......จึงเห็น..........ต่างกัน
    คำเตือน ! ตัวอักษรที่ฉันพิมพิ์ลงไปทั้งหมดนั้น
    เป็นเพียงความคิดเห็นและมุมมองส่วนบุคคล
    โปรดอย่าได้นำไปอ้างอิง / ใช้เป็น Reference
    ในการทำข้อสอบ หรือ ตอบคำถามใด ๆให้กับชีวิตเลย
    และหากท่านอายุต่ำกว่า 18 กรุณาอย่านั่งอ่านคนเดียว
    ( ควรมีผู้ปกครองอยู่ด้วยเพื่อคอยชี้แนะ ^ - ^ )
    จากคุณ : บัวเหล่าที่ 5 [ ตอบ: 22 พ.ย. 51 10:18 ] แนะนำตัวล่าสุด 24 ก.ย. 51 | สมาชิกลานธรรมถาวร | ตอบ: 79 | ฝากข้อความ |


    ความคิดเห็นที่ 17 : (หญิงวรรณ) อ้างอิง |

    แนะนำว่า Don't Feed the Troll
    มงคลชีวิตข้อแรก อเสวนา จ พาลานํ ตามนั้นค่ะ
    จากคุณ : หญิงวรรณ [ ตอบ: 22 พ.ย. 51 12:40 ] ยังไม่แนะนำตัว | สมาชิกลานธรรมทั่วไป | ตอบ: 5 | ฝากข้อความ | ip:125.25.147.118


    ความคิดเห็นที่ 18 : (explorer) อ้างอิง |

    ขอเสนอความเห็นค่ะ
    explorer คิดว่า ศีลธรรมขั้นพื้นฐาน ต่างก็มีในทุกศาสนา แต่การเป็นคนดีก็ยังไม่ได้หมายความว่าหมดทุกข์
    แต่แก่นแท้ของพุทธเป็นเรื่องของปัญญา ความรู้ตามความเป็นจริงที่จะนำไปสู่การดับทุกข์โดยสิ้นเชิง ที่ทุกคนสามารถทำให้มีขึ้นมาได้หากทำจริงปฏบัติจริงด้วยตัวเอง
    explorer ว่าชาวพุทธที่ทำจริงปฏิบัติจริง ย่อมซาบซึ้งถึงพระธรรมที่องค์พระพุทธเจ้าท่านพากเพียรจนตรัสรู้ และมีพระเมตตาสั่งสอน คงไม่มีใครเปลี่ยนแปลงเพราะสื่อโน้มน้าวจากศาสนาอื่น
    ศาสนาพุทธนั้น มีดีอยู่ในตัวอยู่แล้ว เป็นเครื่องพิสูจน์
    จากตัวของ explorer เองที่เป็นคริสต์ตั้งแต่เกิด ศึกษาข้อพระธรรมในศาสนาคริสต์มาเป็นเวลากว่า 20 ปี ตลอดจนชาวต่างประเทศหลายๆคนที่ได้รู้จัก คนที่นับถือศานาอื่น หากได้มีโอกาสมาลองพิสูจน์ลองปฏิบัติจริงๆในศาสนาพุทธ ก็ยากที่จะปฏิเสธถึงความเป็นเหตุเป็นผลความจริงที่ประกาศชัดเจนอยู่ในตัวของศาสนาพุทธ
    และเมื่อพบกับสิ่งที่จริงแท้แล้ว ก็ต้องคว้าโอกาสไว้ คงไม่กลับไปฉวยเอาความสุขที่ไม่เที่ยงอีก
    เจริญในธรรมค่ะ



    จากคุณ : explorer [ ตอบ: 22 พ.ย. 51 13:46 ] ยังไม่แนะนำตัว | สมาชิกลานธรรมถาวร | ตอบ: 584 | ฝากข้อความ |


    ความคิดเห็นที่ 19 : (ฉันขอให้เธอโชคดี) อ้างอิง |

    แลกเปลี่ยนข้อมูลกับเจ้าของกระทู้นะคะ
    จากการสังเกตพูดคุยกับเพื่อนต่างศาสนาหรือแม้กระทั่งต่างลัทธิไปจนถึงผู้ไม่นับถือศาสนา หรือกลุ่มชาวพุทธไทยหัวใจพราหมณ์ - ฮินดูหลายต่อหลายคนพบว่า
    ที่ศาสนาพุทธไม่ถูกตาต้องใจเขานั้น เพราะจุดมุ่งหมายปลายทางของพุทธเรานั้น ไม่ใช่อย่างที่เขาหวังนั่นก็คือ "นิพพาน" เมื่อนิพพานของเราคือความว่าง ความสิ้นไปของกิเลส และการดับ กลุ่มผู้ไม่มุ่งนิพพานที่เป็นความว่างนั้น เขาจะไม่ค่อยชอบใจว่า เขาทำดีมาแทบตาย ทำดีๆๆๆ ก็หวังจะได้ไปอยู่ในที่ที่ดี เพราะฉะนั้น เขามักจะเชื่อมากกว่า เมื่อมีใครมาบอกว่า ถ้าทำดีแบบเขา ตายไปแล้วจะได้ไปอยู่ในดินแดนบรมสุข ดินแดนพระเจ้า ฯลฯ เช่นนี้ คนที่มุ่งพระนิพพานจริงๆ ก็เหลือไม่กี่คน เมื่อเป็นเช่นนี้ แม้กระทั่งลัทธิหรือนิกายในศาสนาพุทธเราเอง ก็ยังมีคนตีความไปเป็นอย่างนั้น ว่าตอนนี้พระพุทธเจ้าของเราอยู่ในดินแดนนิพพาน มีการเข้าเฝ้าพระพุทธเจ้าได้ เป็นต้น เพื่อให้คนมาเชื่อมาศรัทธามากขึ้น
    อีกประการหนึ่ง พระพุทธเจ้าทรงห้ามเด็ดขาดเรื่องการโชว์อภินิหาร พระองค์ต้องการให้ศาสนาพุทธมีดีที่คำสอน เป็นศาสนาของปัญญา ดังนี้ ความน่าประทับใจในศาสนาพุทธจึงน้อย ไม่ฟู่ฟ่า ดิฉันเองได้เคยพบลัทธิที่ได้อ้างว่า ศาสนาพุทธเป็นเพียงส่วนหนึ่งของเขา มีการให้อรหันต์จี้กงมาประทับร่างคนเพื่อเผยแผ่ธรรมะ สังเกตว่าเป็นวิธีจูงใจคนได้ไม่น้อยทีเดียว เมื่อเป็นเช่นนี้เราเองก็จะเห็นการกลายร่างของพระพุทธรูปและพระเครื่อง ที่เดิมมีเพื่อเป็นสัญลักษณ์ให้ระลึกถึงพระพุทธองค์ เตือนใจให้ทำดี กลายเป็นศาตรากันภัย เป็นวัตถุเรียกทรัพย์ เป็นอะไรอีกหลายต่อหลายอย่างที่ชวนให้หลงทางจริงๆ
    ทีนี้ คนเรา พอความงมงาย ชนะความศรัทธาซะแล้ว จบเลย
    ลองหลงแล้วก็เปลี่ยนยาก


    จากคุณ : ฉันขอให้เธอโชคดี [ ตอบ: 22 พ.ย. 51 13:48 ]

    ความคิดเห็นที่ 20 : (คนข้างวัด) อ้างอิง |

    ขอบคุณคุณบัวเหล่าที่ 5 ที่ตั้งกระทู้นี้ขึ้นมา
    ดิฉันเองกำลังใช้ความพยายามอย่างสูง ที่จะเขียนอะไรเล็กๆ น้อยๆ ให้คนใกล้ชิดได้อ่าน
    เพื่อหันมาปฏิบัติธรรมอย่างจริงจัง
    รวมทั้งอยากช่วยเผยแผ่พระพุทธศาสนาด้วย
    ได้อ่านความเห็นคุณบัวเหล่าที่ 5 แล้ว ก็ได้ความคิดหลายอย่างที่ดี
    เลยอยากรบกวนว่า
    การเขียนหนังสือเกี่ยวกับธรรมะ ที่จะให้ได้ผลในการจูงใจคนได้ดีนั้นควรมีลักษณะอย่างไรบ้างคะ
    ดิฉันจะได้นำไปใช้เป็นหลักในการเขียนต่อไป
    ไม่ทราบรบกวนเกินไปหรือเปล่าคะ
    ขอบคุณมาล่วงหน้าด้วยค่ะ
    จากคุณ : คนข้างวัด [ ตอบ: 22 พ.ย. 51 14:03 ] แนะนำตัวล่าสุด 03 ก.ย. 49 | สมาชิกลานธรรมถาวร | ตอบ: 31 | ฝากข้อความ |


    ความคิดเห็นที่ 21 : (doyjaar) อ้างอิง |

    ทุกข์ หมายถึง ทนอยู่ไม่ได้ สิ่งใดทนอยู่ไม่ได้ สิ่งนั้นเป็นทุกข์
    ทุกข์ไม่ได้แปลว่า โศกเศร้า เสียใจ ทุกร้อน ทุกใจ เพราะสิ่งเหล่านี้เป็นเพียงส่วนหนึ่งของ ทุกข์เท่านั้น ทุกข์หมายรวมเอาทุกสิ่ง ทั้งสิ่งมีชีวิต และสิ่งไม่มีชีวิต พระพุทธเจ้าไม่ได้สอนแค่ให้ขึ้นสวรรค์ หรือ ลงนรก แต่สอนให้อยู่เหนือทุกสิ่ง โดยเริ่มที่ตัวเราเอง คือให้อยู่เหนือตัวเอง อยู่เหนือกาย อยู่เหนือใจตัวเอง ไม่ถูกกาย ใจของเราเองครอบงำได้ แม้ความตายก็ไม่อาจครอบงำได้ (กลัวตาย หมายถึงยังถูกตัวเองครอบงำอยู่)
    อยู่เหนือตัวเองได้ เอาชนะตัวเองได้ ไม่ถูกตัวเองครอบงำได้ ทั้งกายทั้งใจก็ครอบงำเราไม่ได้ นั่นหมายถึงอยู่เหนือทุกสิ่งด้วย
    ก้อนหินหนึ่งก้อน ประกอบขึ้นจากโมเลกุล
    โมเลกุลประกอบขึ้นจาก การเรียงตัวของอะตอมธาตุ
    อะตอมธาตุประกอบขึ้นจากพลังงานที่อัดแน่น ต่างขั้ว และรวมตัวกันด้วยสมดุล
    วันใดที่สมดุลนั้นขาดไป เช่นอิเล็คตรอนที่วิ่งวนอยู่ ตัวใดตัวหนึ่งเกิดมีพลังงานมากเอาชนะแรงดึงดูดของนิวเคลียสได้ มันจะหลุดออกจากก้อนหิน ก้อนหินจะเสียสมดุล ก้อนหินจะแตก และกลายเป็นก้อนหินสองก้อน สามก้อน หรือมากกว่านั้น (ยังไม่นับรวมเอาปัจจัยสภาพแวดล้อมที่จะทำให้มันแตกได้อื่น ๆ อีกหลายปัจจัย) สภาพแห่งการเสียสมดุลคือ สภาพทุกข์ คือสภาพทนอยู่ไม่ได้
    สิ่งใดกำลังอยู่ในสมดุล สิ่งใดกำลังเสียสมดุล สิ่งใดกำลังปรับสภาพสมดุล สิ่งนั้นเป็นทุกข์
    ใจคน รักษาสมดุล เสียสมดุล ปรับสภาพสมดุล ในทุกเสี้ยววินาที จึงกล่าวได้ว่าใจเป็นทุกข์
    กายคน รักษาสมดุลคือมีชีวิตอยู่ เสียสมดุลคือตาย(คนเราตายแทบจะทุกนาที ถ้าผมจำไม่ผิด เซลล์คนเราจะเปลี่ยนใหม่ยกชุดคือหมดอายุทั้งร่างประมาณ 6 เดือน นั่นคือคนเราเกิดและตายปีละประมาณ 2 ครั้ง เพียงแต่มันไม่ได้ตายพร้อมกัน แต่ผลัดกันตาย เริ่มจากเซลล์ผิวหนัง และเซลล์เม็ดเลือด เป็นต้นไป ยกเว้นเซลล์สมองที่มีแต่จะตายและไม่สร้างใหม่) ปรับสภาพสมดุลคือกิน ถ่าย ออกกำลัง พักผ่อน ในทุกเสี้ยววินาที จึงกล่าวได้ว่ากาย เป็นทุกข์
    ทุกสิ่งล้วนเป็นไปโดยกลไกแห่งธรรมชาติ ไม่มีใครฝืนธรรมะ หรือธรรมชาติได้ ผู้ปฏิบัติธรรมคือผู้ ปฏิบัติให้ถึงซึ่งความธรรมดา ของธรรมะ หรือธรรมชาติทั้งปวง จึงไม่มีผลข้างเคียงใด ๆ ทั้งสิ้น ผู้ที่เห็นว่าการปฏิบัติเพื่อให้ถึงซึ่งความธรรมดาของสิ่งทั้งปวงมีผลข้างเคียง คือลำบาก คือทรมาน คือไม่สบายกายไม่สบายใจ แสดงว่ายังถูกครอบงำอยู่(โมหะ) หรือปฏิบัติผิดทางสายกลางนั่นเอง เพราะถ้าถูกทางต้องสบายทั้งกายและใจตั้งแต่วินาทีแรกที่เริ่มปฏิติเลยทีเดียว ที่มีผลข้างเคียงคือยังอ้อยอิ่ง ยังเสียดายสภาพที่เป็นอยู่ คือกิเลสกำลังเสียสมดุล และเจ้าตัวกิเลสมันก็กำลังปรับสภาพให้คืนสมดุลอยู่ จึงเป็นสภาพที่ดูเหมือนจะย่ำแย่ สภาพโอครวญ (ผมเคยโอครวญ แต่ปัจจุปัน อาการนั้นไม่มีในผมแล้ว แทบจะสิ้นเชิง) ปฏิบัติธรรม จะดีขึ้นตั้งแต่เริ่ม ไม่ต้องรอ 3 วัน 5 วัน หรือเป็นปีถึงจะเห็นผล คือจะเห็นผลตั้งแต่วินาทีแรกที่เริ่มปฏิบัติเลย(แต่ต้องเป็นแนวทางที่ถูกต้องเท่านั้นคือทางสายกลาง)
    การที่ผู้ปฏิบัติธรรมหลายท่านโอดครวญว่าลำบาก ว่าเหนื่อย เมื่อย ทรมาน นั่นไม่ใช่เป็นแค่คนเหล่านั่นแต่จะเกิดขึ้นกับทุกคน ที่เดินทางสายนี้ ไม่เว้นแม้แต่พระพุทธเจ้า ที่ต้องเจอกับความทรมานต่าง ๆ นานา(คือ กิเลส) แต่หลาย ๆ ท่านเป็นคนใจเด็ด ปากแข็งและไม่ยอมแพ้ง่าย ๆ ท่านจึงไม่โอดครวญ แต่ไม่ได้แปลว่าไม่ทรมาน ที่ทรมานเพราะฤทธิ์เดชของเจ้าตัวกิเลสตัณหานั้นมีมากมายเหลือเกิน (ผมเรียกมันว่า "พญามาร") เมื่อท่านจะเดินไปจากมัน จะเดินไปหาธรรมะ คือจะไปกินอาหารร้านอื่น จะเอาเงินไปลงทุนที่บริษัทอื่น ย้ายไปเมืองอื่น เปลี่ยนนิสัย เปลี่ยนสันดาน ท่านคิดหรือว่าเจ้าของร้านอาหาร เจ้าของบริษัทเดิม คือเจ้าตัวกิเลสนี้ มันจะยอมให้ท่านเปลี่ยนได้ง่าย ๆ นั่นคือ มันจะหาเล่ห์กล หาอุบาย หาเหยื่อมาล่อ ทำทุกวิถีทาง เพื่อไม่ให้เราไปจากมัน เราจึงต้องอดทนต่อสิ่งยัวยุทั้งปวงของกิเลส ซึ่งทำได้ยาก ต้องใช้ความอดทน ความพยาม ความเพียร ใช้กำลังมาก จึงต้องทรมานในเบื้องต้น แต่ในท่ามกลางเป็นต้นไป ท่านจะสบาย เมื่อท่านเปลี่ยนเส้นทางได้ คือเปลี่ยนโคตรได้ แต่ไม่ได้หมายความว่าระหว่างที่กำลังพยายามเปลี่ยนจากโคตรของกิเลสไปเป็นโคตรอีกโคตรหนึ่งที่อยู่เหนือกิเลสนี้ จะพบเจอแต่ความลำบากนะครับ มันลำบากทั้งที่สุข คือ ลำบากที่ต้องอดทนต่อกิเลส แต่สุขที่ไม่ได้อยู่ภายใต้การควบคุม ครอบงำของกิเลส หลายท่านสุขถึงขนาดไม่ต้องกิน ไม่ต้องนอน 3 วัน 7 วันเลยทีเดียว แค่เริ่มต้นเปลี่ยนเส้นทาง เปลี่ยนโคตรยังสุขขนาดนี้ แล้วถ้าเปลี่ยนโคตรได้ จะสุขแค่ได้ก็ลองพิจารณาดูเอาเองเถิด
    ทั้งหมดที่ผมกล่าวมานี้เป็นสิ่งที่พระพุทธเจ้าท่านค้นพบ ท่านสอนมาทั้งสิ้น แต่ไม่มีในตำรา แต่จะรู้ได้ในผู้ปฏิบัติเท่านั้น(สุข) รู้ได้เฉพาะตน เหมือนกับเราหิวน้ำแล้วให้ผู้อื่นกินแทนเรา เราก็ไม่สามารถหายหิวน้ำได้ ธรรมของพระพุทธองค์ก็เช่นกัน ต้องลงมือปฏิบัติด้วยต้นเองเท่านั้นถึงจะรู้ จะเที่ยวไปถามผู้อื่น หรืออ่านตำรานั้นไม่ได้ผลอะไร
    ความโกรธ ความเกลียด ความเดือดเนื้อร้อนใจ เมื่ออ่านกระทู้นี้ไม่มีในผมเลย มีแต่ความปรารถนาดี คิดดีต่อท่านเจ้าของกระทู้เท่านั้น หากท่านเจ้าของกระทู้เข้าใจเป็นอย่างอื่นต้องขออภัย ต้องขอโทษเป็นอย่างสูงที่ทำให้ขุ่นมัว
    ตั้งคำถามขึ้นก็เพื่อให้ท่านเจ้าของกระทู้คือ คุณบัวเหล่าที่ 5 นั้นได้ตอบตัวเอง ซึ่งผมได้เน้นย้ำมาตลอดว่าให้ตอบตนเองก่อนที่จะตอบผู้อื่น นั่นหมายความว่า เมื่อตอบตนเองได้ว่าเป็นอย่างไร ก็ไม่จำเป็นต้องตอบคนอื่นเลยว่าเขากล่าวหาเราถูก หรือผิด เพราะถ้าเป็นดังที่คุณบัวเหล่าที่ 5 กล่าวมาจริงคือ เป็นผู้ไร้ศรัทธา นั่นหมายถึงว่า คุณไม่แคร์ใคร จึงเหมาะอย่างยิ่งที่จะตอบตนเอง ไม่จำเป็นต้องตอบใคร
    ผู้ศึกษาธรรม ผู้ปฏิบัติธรรม ทุกท่านก็ทำเพื่อตอบตนเอง ไม่ได้ทำเพื่อจะไปตอบใครเช่นกัน ผมก็คนหนึ่งที่กำลังหาคำตอบให้ตนเอง ซึ่งได้แนวทางในการหาคำตอบจากชายชื่อ เจ้าชายสิทธัตถะ ซึ่งท่านได้พบคำตอบแล้ว และนำมาบอกแก่คนอื่นให้รู้คำตอบตามพระองค์
    ขอให้ซื่อสัตย์ต่อตนเอง และไม่โกหกตนเองอย่างนี้ต่อไปครับ เป็นสิ่งดีครับ น่าชื่นชม
    ผู้ได้ซื่อสัตย์ต่อตนเอง ผู้นั้นชื่อได้ว่าซื่อสัตย์ต่อผู้อื่นเช่นกัน
    เจริญในธรรม
    ____________________________________
    พญามารไม่เลือกกาลสถานที่จะเล่นงานเรา แล้วทำไมเราต้องเลือกกาลสถานที่จะสู้กับมันด้วย ไม่เลือก ทุกที่ทุกเวลาเป็นที่ปฏิบัติได้หมดเลย มันมาเมื่อไรสู้กับมันเมื่อนั้น
    จากคุณ : doyjaar [ ตอบ: 22 พ.ย. 51 14:12 ] แนะนำตัวล่าสุด 15 พ.ย. 51 | สมาชิกลานธรรมถาวร | ตอบ: 151 | ฝากข้อความ | MSN |


    ความคิดเห็นที่ 22 : (damrong121) อ้างอิง |

    พระผู้มีพระภาคเจ้าพระองค์นั้น เป็นผู้แจกจ่ายธรรม
    เป็นพระอรหันต์ ตรัสรู้ดีโดยชอบด้วยพระองค์เอง
    ทรงถึงพร้อมด้วยวิชชาและจรณะ(ความรู้และความประพฤติ)
    เสด็จไปดี(คือไปที่ใดก็ยังประโยชน์ให้ที่นั้น) ทรงรู้แจ้งโลก
    ทรงเป็นสารถีฝึกคนที่ควรฝึก หาผู้อื่นเปรียบมิได้
    ทรงเป็นศาสดาของเทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย
    ทรงเป็นผู้ตื่น ทรงเป็นผู้แจกจ่ายธรรม
    ศาสนานี้พระพุทธเจ้าแจกธรรมฟรีมาตั้งแต่เริ่มแรกศาสนาครับ
    พระธรรม เป็นสิ่งที่พระผู้มีพระภาคเจ้าได้ตรัสไว้ดีแล้ว
    เป็นสิ่งที่ผู้ศึกษาและปฏิบัติ พึงเห็นได้ด้วยตนเอง
    เป็นสิ่งที่ปฏิบัติได้ และให้ผลได้ไม่จำกัดกาล
    เป็นสิ่งที่ควรกล่าวกะผู้อื่นว่า ท่านจงมาดูเถิด
    เป็นสิ่งที่ควรน้อมเข้ามาใส่ตัว
    เป็นสิ่งที่ผู้รู้ก็รู้ได้เฉพาะตน ดังนี้...
    นี้เป็นการทำโฆษณาครับ
    สงฆ์สาวกของพระผู้มีพระภาคเจ้า ปฏิบัติดีแล้ว
    สงฆ์สาวกของพระผู้มีพระภาคเจ้า ปฏิบัติตรงแล้ว
    สงฆ์สาวกของพระผู้มีพระภาคเจ้า ปฏิบัติเพื่อรู้ธรรมเป็นเครื่องออกจากทุกข์แล้ว
    สงฆ์สาวกของพระผู้มีพระภาคเจ้า ปฏิบัติสมควรแล้ว
    ได้แก่บุคคลเหล่านี้ คือ คู่แห่งบุรุษ ๔ คู่ นับเรียงตัวบุรุษได้ ๘ บุรุษ
    นั้นแหละ สงฆ์สาวกของพระผู้มีพระภาคเจ้า
    เป็นผู้ควรแก่สักการะที่เขานำมาบูชา
    เป็นผู้ควรแก่สักการะที่เขาจัดไว้ต้อนรับ
    เป็นผู้ควรรับทักษิณาทาน
    เป็นผู้ที่บุคคลทั่วไปควรทำอัญชลี
    เป็นเนื้อนาบุญของโลก ไม่มีเนื้อนาบุญอื่นยิ่งกว่า ดังนี้.
    นี้เป็นทั้งผลิตภัณฑ์ รูปลักษณ์ เครือข่าย แถมบริการหลังการขายด้วยนะครับ
    อาจจะใช้ภาษาหยาบโล้นไป แต่สมมุติสงฆ์สมัยนี้ก็ใช้การเทศน์เข้าถึงประชาชนนะครับ(เทศน์เหล่ กลอน)
    ส่วนอริยสงฆ์หลังจากกึ่งพุทธกาลที่ถือวัตรธุดงสมัยนี้ก็เปลี่ยนมาเป็นรูปสำนักปฏิบัติธรรม
    เน้นกลุ่มเป้าหมายต่างๆกันไปไม่เว้นแต่กลุ่มต่างประเทศนะครับ
    จากเดิมบ้าน วัด โรงเรียน มีความสัมพันธ์กันมาก ท่านจขกท.จึงเป็นพุทธโดยทายาทแบบค่อยๆปลูกฝังจะถือเป็นเรื่องความเคยชิน เช่น ผมเรียนอยู่โรงเรียนวัดบ้านสันพระเนตร (ตอนหลังครูใหญ่อ้างใบอนุญาตก่อตั้งรร.ไม่มีคำว่าวัด)แต่รั้ววัดกับโรงเรียนติดกัน ชาวบ้านใส่บาตรฟังเทศน์ทุกวันพระ(กำนันมักนำข่าวสารจากทางการมาประกาศด้วย) พอเด็กเรียนจบป.๖ เด็กที่จนพ่อแม่ก็ให้บวชสามเณรเรียนต่อ(พ่อแม่จัดงานบวชนาคได้เงินก้อนไปใช้หนี้สินรุงรังที่มีมานาน) ปัจจุบันกฎหมายการศึกษาสภาพเศรษฐกิจได้แยกเด็กต้องทำงาน พ่อแม่ก็ต้องทิ้งไร่นาทำงานภาคการผลิต(เด็กปั้มน้ำมัน เด็กเสริฟ นักร้อง พนักงานขายของห้างฯใหญ่ คนใช้) ความสัมพันธ์ระหว่างเศรษฐกิจ ชาวบ้านกับวัดค่อยๆขาดลง ลูกชาวบ้านไม่นิยมบวชบางวัดแทบร้าง ชาวบ้านที่ร่ำรวยหน่อยก็ทำบุญเอาหน้าวัดข้างบ้านไม่เหลียวแลคิดว่าไหว้ลูกชาวบ้าน ต้องเดินทางไกลๆไปทำบุญถึงจะดูดี(สมัยก่อนพระดีเขาไปนิมนต์มาไว้วัดตัวเอง) สร้างแต่โบถส์วิหารหาเงินเข้าวัดแต่วัดแทบไม่มีพระ
    ในเมื่อผู้ใหญ่ของบ้านเมืองยังไม่มีคุณธรรมขั้นพื้นฐาน(ศีลห้า) ก็ควรสรุปว่าการเผยแผ่พระพุทธศาสนาล้มเหลว ไม่สามารถปลูกฝังด้านจริยธรรม ชาวบ้านไม่ถือเอาเป็นธุระ เมื่อคนอื่นคิดเอาเป็นธุระกับว่ากล่าวขัดขวาง
    แลกเปลี่ยนกับ จขกท.ครับ พระพุทธศาสนาเมื่อมีคนปฏิบัติธรรมอยู่เชื่อว่าต้องมีมรรคผลนิพพานครับ

    ทำแต่ความดี ละเว้นความชั่ว ทำจิตใจให้เบิกบาน

    ____________________________________
    ทางสายกลาง คือ สภาวะ ณ ปัจจุบันขณะ
    ระหว่าง ผัสสะ เวทนา กำกับด้วยสติชอบ สมาธิชอบ และปัญญารู้ตามจริง
    จากคุณ : damrong121 [ ตอบ: 22 พ.ย. 51 20:21 ] แนะนำตัวล่าสุด 08 พ.ค. 50 | อยู่ระหว่างการภาคทัณฑ์ | ตอบ: 637 | ฝากข้อความ |Yahoo |
     
  11. 5th-Lotus

    5th-Lotus เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    354
    ค่าพลัง:
    +306
    ความคิดเห็นที่ 23 : (บัวเหล่าที่ 5) อ้างอิง |

    ถึงทุก ๆ ท่าน
    ขอบคุณสำหรับทุก ๆ ความเห็น ที่หยิบยื่นให้นะเจ้าคะ
    ( ว่าจะขอบคุณตั้งนานแล้ว แต่มัวบ่นเพ้อเจ้อ
    จนลืมพูดทุกทีเล๊ย แหะ...แหะ... ^ - ^ )
    -----------------------------------------
    เรียนคุณ วรรณ
    อ้าง - คุณวรรณ
    แนะนำว่า Don't Feed the Troll
    มงคลชีวิตข้อแรก อเสวนา จ พาลานํ ตามนั้นค่ะ
    -----------------------------------------
    ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ
    อย่างน้อยการที่คุณยอม เสวนากับอิฉัน
    มันก็การันตีได้ระดับหนึ่ง
    ว่า อิฉัน มิใช่คนพาล แหะ...แหะ...
    รู้ไหม คำแนะนำของคุณ มันทำให้อิฉันนึกถึง
    ข้อความบางอัน ที่ โพส
    และ มันก็ เกิดขึ้น ตั้งอยู่ และ ดับไป ในเวบลานธรรมจังเลย
    ตอนนั้น อิฉันโพส ในกระทู้ที่...ดับสูญ... นั้นว่า
    -----------------------------------------------
    จริงสิ อิฉันไม่ค่อยได้ฟัง ว.วชิรเมธี นักหรอกนะ
    แค่บังเอิญเปิดเจอในทีวี บ้างบางครั้ง เท่านั้นเอง
    แต่อ่านข้อความที่คุณโพสไว้ หลาย ๆ อันแล้ว
    จึงอยากจะบอกคุณ( จขกท นั้น )ว่า อิฉันถือศีล 5 ก็ จริง
    ทว่า อิฉัน ก็ไม่ได้ยึดหลัก มงคล 38 เจ้าค่ะ
    ดังนั้น คำว่า
    อเสวนา จพาลนํ บัณฑิตตา จเสวนา
    จึงเอามาใช้กับอิฉันไม่ค่อยจะได้นักหรอก
    เพราะอิฉันเคารพทั้งบัณฑิตและคนพาล
    และพยายามเรียนรู้ว่า
    ทุกคนที่ผ่านเข้ามาในชีวิตของอิฉัน
    ล้วนแล้วแต่เป็น...ครู...ของอิฉัน เจ้าค่ะ
    -------------------------------------------------
    อืม...ถึงตอนนี้ กระทู้นั้นจะดับสูญ ไปนานแล้ว
    อิฉันก็ยังยืนยันที่จะปฏิเสธมงคลชีวิตข้อนี้อยู่ดีนะ
    อิฉันเสวนาได้กับทุก ๆ คน ที่ให้เกียรติมาเสวนากับอิฉัน
    ยกเว้นคนเดียว ที่อิฉัน ไม่กล้าเสวนาด้วย
    องคุลีมาร ตอนยังไม่บวช !
    อิฉันขี้เกียจเป็นนางเอกเรื่อง ดรรชนีนาง น่ะเจ้าค่ะ
    แบ่บว่า รู้รักษาตัวรอดเป็นยอดดี
    แบบที่ท่านกวีเอก พูดไงคะ แหะ...แหะ...


    เรียน คุณ explorer
    ขอบคุณเจ้าค่ะ สำหรับความคิดเห็น ( อิฉันก็คิดคล้าย ๆ คุณอ่ะ )
    และยินดีกับ อดีต"ลูกแกะของพระเจ้า " ด้วยนะเจ้าคะ
    ที่ดั้นด้นรอนแรมมา จนเห็นดวงตาธรรม ^ - ^

    เรียน คุณ ฉันขอให้เธอโชคดี
    ขอบคุณเจ้าค่ะ สำหรับการแลกเปลี่ยน
    เห็นด้วยกับคุณในหลายประเด็น
    ดีใจกับคุณ ที่ ความศรัทธาของคุณเอาชนะ ความงมงายมาได้
    แต่ก็ไม่เคยเสียใจหรอกนะเจ้าคะ
    ที่อิฉันกลายเป็นคน ไร้ซึ่งศรัทธาจริตโดยสิ้นเชิง ^ - ^

    เรียน คุณ คนข้างวัด
    ------------------------------------
    อ้าง - การเขียนหนังสือเกี่ยวกับธรรมะ
    ที่จะให้ได้ผลในการจูงใจคนได้ดีนั้น
    ควรมีลักษณะอย่างไรบ้างคะ
    ดิฉันจะได้นำไปใช้เป็นหลักในการเขียนต่อไป
    ไม่ทราบรบกวนเกินไปหรือเปล่าคะ
    ขอบคุณมาล่วงหน้าด้วยค่ะ
    ---------------------------------------------
    ไม่รบกวนหรอกค่าาาาาาาาาา
    ดีใจด้วยซ้ำเจ้าค่ะที่คุณชอบกระทู้ที่อิฉันตั้ง
    ถ้าอยากเขียนหนังสือให้ดูดี
    อิฉันแนะนำให้คุณไปอ่าน
    เขียนให้คนเป็นเทวดา ของ ดังตฤณ ที่
     
  12. 5th-Lotus

    5th-Lotus เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    354
    ค่าพลัง:
    +306
    เพราะอิฉันเองก็กำลังจะหาเวลา
    ไปนั่งอ่านเหมือนกันแหะ...แหะ...

    แต่ถ้า คุณ อยากเขียน ลิ่มเซียนยี้ ให้เป็นนางชีผู้บริสุทธิ์
    แนะนำให้คุณอ่าน

    อืม... ก็ไม่รู้ว่า การโม้แบบน้ำท่วมทุ่งที่อิฉันโพสในนั้น
    จะทำให้คุณ ...เห็น... อะไร บ้างนะ
    แต่อิฉันอยากจะบอกคุณว่า
    ถ้าเราเรียนรู้ที่จะรัก และ เคารพ อักษรทุก ๆ ตัวในโลกนี้
    โดยไม่ยึดติดว่ามัน อยู่ในหนังสือเล่มไหน
    ตัวอักษรเหล่านั้น ก็จะตอบแทนน้ำใจของคุณ
    ด้วยการสอนให้คุณเรียนรู้วิธีการเขียนที่ดี เองแหล่ะ
    มั่วนิ่มตอบน่ะเจ้าค่ะ อิฉันมันพวก
    ชอบเขียนนัก ๆ ไม่ใช่นักเขียนหรอกเจ้าค่ะ
    อย่าเชื่อน้ำมนต์อะไรกับ อิฉันนักเลยเจ้าค่ะ
    ถ้าว่าง ๆ นี่ก็ว่าจะเขียน " เมื่อข้าพเจ้า ...เบิ่งจิต... "
    ไว้เล่าประสบการณ์ขำ ๆ เกี่ยวกับการ เบิ่งจิต ของตัวเองด้วยอ่ะค่ะ
    อ้อ เดี๋ยวไง อิฉันจะ ส่ง ศีล 5 ในฮาเร็ม ( ฉบับร่าง )
    ไปขอแลกเปลี่ยนเรียนรู้กับคุณ นะเจ้าคะ ^ - ^

    เรียน คุณน้อง...doyjaar ที่เคารพ ?
    ขออนุญาต ยึดติด และเรียกตามลำดับอาวุโส
    ในฐานะที่ คุณพี่บัวฯ ลืมตามาดูโลกก่อนคุณน้อง ก็หลายปีอยู่ ^ 0 ^
    ตอนแรก อ่านข้อความที่คุณน้อง โพส แล้ว
    คุณพี่ก็มาทั้งขำ แล้วก็ฟุ้งซ่านวิตกจริต ต่อ ประมาณว่า
    " ตายแหล่ว นี่ อาจารย์ " Bio-chem"
    ตามเลคเชอร์เรื่องโมเลกุล และ เซลพื้นฐานให้ฟังเชียวหรือนี่?
    หรือว่า วิบาก ของการโดดเรียน วิชานี้สมัยละอ่อน
    จะตามมาเลคเชอร์สอนตูอีกรอบล่ะเนี่ย เฮ้อ...? "
    อย่างเรื่อง เซล ที่คุณน้องพยายามจะบอกนั้น
    คุณพี่เคยตั้งคำถาม และ คุยกับ หนูปูเป้ ( รูมเมท )
    ตั้งแต่สมัยอยู่ปี หนึ่งแล้วจ้า
    ตอนนั้นคุณน้องคงยังใส่ขาสั้น
    เดินหัวเกรียนไปเรียน ม . 1 อยู่เลยมั้ง ^ - ^

    ก็อย่างว่า ล่ะนะ นานาจิตตัง น่ะคุณน้อง
    สงสัยสมัยเรียน คุณพี่คงโดดมากไปหน่อย
    เลย เรียนต่าง และ รู้ต่าง จากคุณน้อง ในบางเรื่อง
    คุณพี่จึงมองว่า ทุกอย่างล้วนอนิจจัง ที่ไม่ควรจะยึดมั่นถือมั่น
    สุดท้ายเก๊าะเลยกลายมาเป็น คนไร้ซึ่งศรัทธาจริตโดยสิ้นเชิง งี้ไง
    วิชาคณิตศาสตร์ สมัย ม. 4
    สอนให้คุณพี่กลายเป็นคนที่ มองว่า
    ความโศกเศร้า เสียใจ แความน่ารำคาญ เล็ก ๆ น้อย ๆ ฯลฯ
    คือ Sub Set ของ ความทุกข์ อ่ะ
    และ ไม่ว่า ทุกข์หยาบ หรือ ทุกข์ละเอียด
    ล้วนเป็นสิ่งที่คุณพี่จะต้องเขี่ยทิ้งออกจากชีวิต
    วิชาเคมี สมัย ม.ปลาย สอนให้คุณพี่เรียนรู้เรื่อง
    อะตอม ควอนตัม การเสถียรของธาตุ
    สเปคตรัม และ การคายพลังงานของ อิเลคตรอน
    คุณพี่เลยรู้จัก ที่จะนำ ก๊าซเฉื่อย และ กัมตรังสี มาใช้ประโยชน์
    โดยระมัดระวังไม่ให้มันเกิดโทษ กับตัวเอง
    และ วิชา ตรรกศาสตร์ ที่น่าเบื่อ สมัย ม.ปลาย อีกเช่นกัน
    ที่สอนให้พี่ รู้ถึง ความเหมือนที่แตกต่าง
    และ ความแตกต่างที่เหมือนกัน
    ดร. พระมหา...... เอ ไม่เอ่ยชื่อดีกว่า เน๊าะ
    เดี๋ยวพระอาจารย์สมัยมัธยมของคุณพี่จะขายขี้หน้า
    ที่หลวมตัวรับ คุณพี่ เป็น ลูกศิษย์ก้นกุฏิ
    แต่ พระ'จารย์ คงไม่ตำหนิ พี่หรอกมั้ง
    เพราะท่านมีความอดทนอดกลั้นกะพี่ เป็นอย่างยิ่ง
    ขนาด คุณพี่ถามไปว่า
    " พระ'จารย์ขาาาาาาาาาาาา
    ถ้า พระพุทธเจ้าเคยเกิดเป็น นกกระจาบ เป็น ลิงเป็นช้าง แล้ว
    ท่านเคยเกิดเป็น อะมีบา-พารมีเซียม ไหมคะ "
    ท่านยังไม่ว่าสักคำเล๊ยยยย คุณน้องเอ๋ย ^ - ^
    เอาเป็นว่า พระ'จารย์ ของคุณพี่
    ท่านสอนให้ โยนไม้บรรทัดทุกอันในโลกทิ้ง
    แล้วมองทุกอย่างตามความเป็นจริง
    โดยไม่ยึดติด กับ อุปทาน....ขัน ทั้ง 5 ( ใบ ) ...อ่ะ
    คุณพี่จึงเรียนรู้ว่า
    หมากับคน เหมือน ๆ กัน
    พระกับหมา ก็เหมือน ๆ กัน
    นิพพานกับก้อนหินก็มีความเหมือนกัน
    แต่ในความเหมือน ๆ ของทุก ๆ สิ่งนั้น
    ย่อม มีความแตกต่างเสมอ
    แหะ...แหะ...เพราะคุณพี่ พอจะมั่วนิ่มเรื่องนี้ได้บ้างน่ะ
    พระ' จารย์ ท่านเลยรับคุณพี่เป็นลูกศิษย์ก้นกุฏิ
    ไม่งั้น ท่านคงไม่กล้าเอ่ยปากถามความเห็น
    ให้คุณพี่เป็นคนตัดสิน
    ชีวิตเด็ก ม.ปลาย ที่ติด ร. คนหนึ่ง
    ว่าจะให้เขา ตอบคำถามสอบผ่าน วิชา พุทธศาสน์ หรือไม่ หรอกนะ
    แต่คงเพราะ ขันธจริต และ ขันธสันดาน ของคุณพี่
    มันไม่ค่อยจะได้ มาตราฐานกระมัง
    คุณพี่เลยใช้ชีวิตเรื่อย ๆ เปื่อย ๆ
    และ ไม่เคย...โอดครวญ....กับทุกสิ่งที่ผ่านเข้ามาในชีวิต
    ( แต่อาจจะมีบ่นเล็ก ๆ น้อย ๆ บ้าง ตามประสา ผู้หญิงปากมาก ^ - ^ )
    อย่างตอนที่ ถูกชักนำเข้าสู่วงการ...ปฏิบัติธรรม
    คุณพี่ก็ไม่เคยจะต้อง โอดครวญ เลยนิ
    ตอนถูกขอร้อง( แกมบังคับ )
    ให้ไป ปฏิบัติธรรม ในโครงการ "ทำมาทำไม"
    เบื่อหน่ายคำคำเทศนา กับศรัทธาจริตคน มาก ๆ
    คุณพี่เก๊าะหาเรื่อง...ทดสอบ ภูมิรู้... พระวิทยากร แก้เซ็ง
    พอท่านสอนให้เดินจงกรม
    คุณพี่เก๊าะหัดเดินแคทวอล์คในวัด
    จนได้ สมถะกรรมฐานติดตัวมานิดหน่อย
    และครั้นพอถูกพระคุณเจ้า
    คาดคั้นให้รับปากเรื่อง ถือศีล 8 มาก ๆ
    คุณพี่เก๊าะ เข้าสู่ ฏิบัติการแหกค่ายปฏิบัติธรรม
    แต่พระวิทยากร ท่านคงสงสาร
    อยากกระเตง...บัวเหล่าที่ 5 ...ให้โผล่พ้นน้ำมั้ง
    เลยสั่งให้ โต้โผที่จัดงาน โทรมาตามคุณพี่ถึง โรงบาล
    เพื่อให้คุณพี่ ถ่อสังขารไปปฏิบัติธรรมต่อ

    อืม....ตอนนั่งสมาธิ พอง่วงคุณพี่ก็หลับ เบื่อ ก็เลิก
    ตอนเดินจงกรมรอบโรงบาลครั้งแรกในชีวิต
    ก็มีบ่นนิด ๆ ว่า เจ็บตีน ช่วง หนึ่งนาทีแรก
    แต่จากนั้น ทุกอย่างมันก็นิ่ง เพลินกับการเดินจนลืมเจ็บ
    เพราะถ้า ตีนมันเล่นตัว มาก ๆ
    คุณพี่คงเลิก การปฏิบัติธรรม
    เหมือน สลัด รองเท้าเก่า ๆ ทิ้งไปแล้วมั้ง
    เพราะ สำหรับคุณพี่แล้ว
    ธรรม ต้องปฏิบัติ เพื่อพ้นทุกข์
    ไม่ใช่ปฏิบัติแล้วยิ่งจมปลักอยู่กับความทุกข์
    อันนี้มิใช่คอนเซปท์ ของคุณพี่ฮ่ะ
    เจ้าหิริโอตะปะ ผู้จัดการส่วนตัวของคุณพี่
    มันคงรู้สันดานคุณพี่ดีมั้ง
    เลยวิ่งไปล็อบบี้ เจ้าจริตทั้งหลาย แหล่
    ไม่ให้งอแง เวลาคุณพี่ปฏิบัติธรรม
    ดังนั้น พญามาร จึงไม่เคยเป็นอริกับคุณพี่
    อย่างมากมันก็เป็น แค่ ไอ้เพื่อนรักหักเหลี่ยมโหดที่น่าเอ็นดู
    Possitive Thinking แบบนาตาลี ในโฆษณา บีเอสซี ไง
    ถ้าเราคิดบวก มโนกรรมเราก็จะบวก
    แล้วชีวิตแบบ บวก ๆ มันก็จะตามมา
    ไม่ต้องผวาตื่นมาแบบหวาดระแวง ว่ามีผีชัตเตอร์มาล้อมเตียง
    อืม....คุณพี่ไม่เคยคิดจะเปลี่ยน โคตรของกิเลส หรอกนะ
    แต่ คุณพี่พยามเรียนรู้ที่จะอยู่กับมัน
    แบบ คู่เวรคู่กรรมด้วยความชื่นมื่นน่ะ
    ประมาณ โกโบริ กับ อังศุมาลิน ไงไอ้น้อง
    ถ้าเรามอง พญามาร เป็นศัตรู
    รบกี่ครั้ง อย่างมากมันก็แค่ เสมอ
    หรือ ชนะแบบสะบักสะบอม
    แถมต้องมีชีวิตอยู่ด้วยความระแวงว่า รอบ ๆ ตัวมีแต่ผู้ปองร้าย
    ไม่เอาละ คุณพี่ไม่ชอบ อยู่แบบนั้นมันไม่สงบ
    คุณพี่ เลยไม่มอง พญามาร เป็นศัตรู อ่ะ
    แต่ เลือกที่จะมอง พญามาร เป็น คุณพ่อของพี่
    ถ้าเราสวมรอยเป็น ธิดาพญามาร
    ปีศาจคงขยาดไม่กล้าทำอะไรเราหรอกมั้ง
    เฮ้อ คุณพี่ชอบกินอาหารร้านเดิม ๆ ที่คุ้นลิ้น อ่ะค่ะ
    จึงไม่คิดจะเปลี่ยนแปลงไปกินอาหารร้านอื่น
    หรือเอาเงินไปลงทุนที่บริษัทอื่น
    แต่ ลูกค้าอย่างคุณพี่จะเข้าแทรกแซง
    และ เทคโอเวอร์( ฮุบกิจการ) ของมันอ่ะ
    อืม....เป้าหมายในชีวิตของพวกเรามันต่างกันน่ะ
    คุณน้องน่ะขวนขวายเลือก
    ที่จะมุ่งไปสู่ โลกแห่งโลกุตระ ( Super Ego )
    ไง เหนื่อย ไหมล่ะ ที่เต้นไปตาม ความอยาก ไม่อยากน่ะ
    ไง หนักไหมล่ะ กับ ไม้บรรทัดที่แบกบนหัวน่ะ
    อืม....คนขี้เกียจอย่างคุณพี่ คงแก่เกินกว่า
    จะวิ่งตามทางสายนฤพานแล้วล่ะ เฮ้อ
    แล้วก็ขี้เกียจเกินกว่าจะแบกไม้บรรทัดไว้บนหัว ด้วย
    คุณพี่เลยเลือกที่จะรักษา สมดุลของ โลกียะ และ โลกุตระ แทนอ่ะ

    อ้าง
    --------------------------------------------
    ความโกรธ ความเกลียด ความเดือดเนื้อร้อนใจ
    เมื่ออ่านกระทู้นี้ไม่มีในผมเลย
    มีแต่ความปรารถนาดี คิดดีต่อท่านเจ้าของกระทู้เท่านั้น
    หากท่านเจ้าของกระทู้เข้าใจเป็นอย่างอื่นต้อง
    ขออภัย ต้องขอโทษเป็นอย่างสูงที่ทำให้ขุ่นมัว
    -------------------------------------------------
    อ้าว งั้นอ่านตัวหนังสือ คุณน้องแล้ว
    คุณพี่ก็ปรุงแต่งฟุ้งซ่านไปเองอ่ะดิ
    อ่านความเห็นคุณน้องแล้ว คุณพี่ก็บ่นเป็นหมีกินผึ้ง
    ทั้งขำทั้งเคือง อุวะ ไอ้หมอนี่ ทำไมถามอะไรจุกจิก
    หยุมหยิมอย่างกับผู้หญิงเลยวุ้ย
    เท่าที่เขียนไว้ในสมุดเบิ่งจิต
    ก็ขุ่นมัวราว 3 วิ + 6 วิ ได้มั้ง( อืม..ก็ โอ นะ ยังพอรับได้)
    นี่ดีนะ ที่โพสครั้งล่าสุด
    คุณน้องไม่มาทวงค่าจ้างถอนหงอก
    ไม่งั้น คุณพี่อาจปรุงแต่งจนขุ่นมัวอีกราวหลาย ๆ นาที ^ - ^
    แต่ก็นั่นแหล่ะ น่ะ ช่วงนี้ สภาวะทางจิตของคุณพี่ มันไม่เสถียร
    สังขารมันเดี้ยง ฮอร์โมนไม่ปกติ
    สตรีเวลามีระดู ก็งี้ แหล่ะ คุณน้อง
    โปรดอย่าได้ถือสาเลย
    อ้าง
    -------------------------------
    ผู้ศึกษาธรรม ผู้ปฏิบัติธรรม ทุกท่านก็ทำเพื่อตอบตนเอง
    ไม่ได้ทำเพื่อจะไปตอบใครเช่นกัน ผมก็คนหนึ่งที่กำลังหาคำตอบให้ตนเอง
    ซึ่งได้แนวทางในการหาคำตอบจากชายชื่อ เจ้าชายสิทธัตถะ
    ซึ่งท่านได้พบคำตอบแล้ว และนำมาบอกแก่คนอื่นให้รู้คำตอบตามพระองค์
    ขอให้ซื่อสัตย์ต่อตนเอง และไม่โกหกตนเองอย่างนี้ต่อไปครับ
    เป็นสิ่งดีครับ น่าชื่นชม
    ผู้ได้ซื่อสัตย์ต่อตนเอง ผู้นั้นชื่อได้ว่าซื่อสัตย์ต่อผู้อื่นเช่นกัน
    -------------------
    อืม...คนที่ปฏิบัติธรรมเป็นงานอดิเรก อย่าง คุณพี่ ก็เพิ่งจะรู้นะเนี่ย
    ว่า ที่ ทำ ๆ เล่น ๆ อยู่จนถึง ทุกวันนี้ คุณพี่ ทำ เพื่อ ตอบ ตัวเอง
    แหม ? นึกว่า ทำไว้เถียงชาวบ้านซะอีก แหะ...แหะ...
    สงสัยเราจะเดินคนล่ะขั้วแล้วล่ะแฮะ
    เพราะ ในการปฏิบัติธรรมนั้น
    คุณพี่ ไม่เคยคิดจะใช้ แนวทางของชายชื่อ .. เจ้าชายสิทธัตถะ ... หรอกนะ
    โอรสกษัตริย์ที่เกิดจากความใคร่คนนั้นไม่น่าสนใจเท่าไร
    แต่คุณพี่ ใช้แนวทางของ... พระสมณโคดม... ต่างหาก
    สิ่งมีชีวิตทั้งสอง นี้ เหมือน และ ต่างกันยังไงไม่รู้ ขอให้ศึกษาเอาเอง
    อ้อ ขอเตือนด้วยความหวังดี ?
    ในฐานะผู้ไร้ซึ่งศรัทธาจริตโดยสิ้นเชิง
    ในฐานะ ที่ เกิดก่อน เห็นก่อน รู้ก่อน( และ ถูกน้ำร้อนลวกมาก่อน)
    จงอย่าชื่นชม คนเป็น ๆ ทุกคนที่ได้รู้จัก ที่ได้ผ่านเข้ามาในชีวิต
    ตราบใดที่ยังหายใจ คน ๆ นั้น ย่อมสร้างวิบากกรรมได้เสมอ
    จนกระทั่ง สิ้นลม นั่น แหล่ะ จึงจะตัดสินได้ ( แค่บางส่วน )
    ว่า เขา น่าชื่นชม หรือไม่
    และผู้ใดซื่อสัตย์ ต่อตัวเอง
    ก็มิได้หมายความว่า ผู้นั้นต้องซื่อสัตย์ต่อคนรอบข้าง
    การซื่อสัตย์ต่อ ( ตัณหา ) ของตัวเอง ของผู้หญิงคนหนึ่ง
    ทำให้ ผู้ชายคนหนึ่ง ต้องถูกทรยศ มาแล้วนะ
    อันนี้ คุณพี่เรียนรู้มาจาก อาฮุย กะ ลิ่มเซียนยี้ ในฤทธิ์มีดสั้น อ่ะ ^ - ^
    เรียน คุณ damrong121
    อิฉัน ก็เด็กวัดเหมือนกัน เจ้าค่ะ สมัยประถม
    บ้านก็ใกล้วัด ร.ร. ประถม ก็ รั้วติดวัด
    ตอนอยู่ ม.ปลาย รั้ว ร.ร. ก็ยังติดวัด
    แถมตอนอยู่มหาวิทยาลัย ก็มี วัดอยู่แถว ๆ ม.
    น่าเสียดายที่ การอยู่ใกล้วัด
    ทำให้ อิฉัน... เห็น... อะไรที่น่าขำ มาตั้งแต่เด็ก
    และเมื่อโตขึ้น ภาพที่ปรากฏหราตามหน้าหนึ่ง นสพ .
    ก็ทำให้อิฉันเห็นผีตองเหลืองที่แอบเอาจีวรมาห่ม
    เห็นจิ้งเขียว เห็น สีกาอรปวีณา
    เห็นการกระเจิง ของลูกแก้ว
    แล้วมานั่งขำ กับพระลิขิตที่ไม่ค่อยขลัง
    แถมตอนหลัง ยังได้รับรู้อีกว่า
    ท่านสมณะบางรูปต้องมีบอดี้การ์ด ( เหมือน โป๊บ เลยแฮะ )
    เฮ้อ... สุดท้าย อิฉัน จึงเรียนรู้ว่า สนิมเกิดจากเหล็ก
    บ่นให้ฟัง เฉย ๆ เจ้าค่ะ ^ - ^


    ____________________________________
    ต่างคน.......ต่างจิต........คิดต่าง
    ต่างคน.......ต่างความ.....ต่างเห็น
    ต่างคน.......ต่างโต.........ต่างเป็น
    ต่างคน.......จึงเห็น..........ต่างกัน
    คำเตือน ! ตัวอักษรที่ฉันพิมพิ์ลงไปทั้งหมดนั้น
    เป็นเพียงความคิดเห็นและมุมมองส่วนบุคคล
    โปรดอย่าได้นำไปอ้างอิง / ใช้เป็น Reference
    ในการทำข้อสอบ หรือ ตอบคำถามใด ๆให้กับชีวิตเลย
    และหากท่านอายุต่ำกว่า 18 กรุณาอย่านั่งอ่านคนเดียว
    ( ควรมีผู้ปกครองอยู่ด้วยเพื่อคอยชี้แนะ ^ - ^ )
    จากคุณ : บัวเหล่าที่ 5 [ ตอบ: 25 พ.ย. 51 18:59 ] แนะนำตัวล่าสุด 24 ก.ย. 51 | สมาชิกลานธรรมถาวร | ตอบ: 79 | ฝากข้อความ |


    ความคิดเห็นที่ 24 : (ชมสม) อ้างอิง |

    หัวข้อกระทู้ของคุณ ทำให้ผมนึกถึงคำถามที่ผมเคยได้รับ
    เพื่อนผมเคยถามว่า "ถ้านายมีอำนาจเต็ม หรือได้เป็นพระสังฆราช
    นายจะทำยังไงกับการเผยแพร่พระศาสนา"
    ในตอนนั้นไม่สามารถตอบได้เลย
    ถึงตอนนี้ก็ยังตอบไม่ได้
    แต่ใหน ๆก็มาเจอคำถามแนวเดียวกันอีกครั้ง
    เอาเป็นว่าจะลองกล้อมแกล้มคุยกันแบบรู้บ้างไม่รู้บ้างก็แล้วกันนะครับ
    --------------------------
    ในความเข้าใจของผม ศาสนาพุทธ ไม่ได้สอนให้เราเป็น
    อภิมหา อมตะ ซูปเปอร์มนุษย์แต่อย่างใด
    แต่สอนให้เรารู้ และ เข้าใจ ในธรรมดาของโลกที่ปรากฏ
    และยอมรับมันในความเป็นมนุษย์ธรรมดานี่แหละ
    แต่เป็นผู้ที่รู้จักเลือกในการปฏิบัติตน ให้เหมาะสม
    กับภาวะที่ประสบ ตามแต่อัธยาศัย
    เรามีมหาคัมภีร์ ที่ชาวบ้านล้านตลาดไม่ต้องการ
    เพราะมันคล้ายจะกลายเป็นคัมภีร์ไร้อักษรเมื่อเค้าเปิดอ่านมัน
    เนื่องจากเต็มไปด้วยข้อความที่ มีแต่ หมอโรคจิต
    ที่ศึกษามาอย่างดีและยาวนานจึงจะเข้าใจได้ตลอดทั้งเล่ม
    รวมถึงการแสดงถึงแผนภูมิของการแสดงอาการของจิตที่ละเอียด
    ลึกซึ้งมากเสียจนแม่ค้าเอาไปเมาส์กันไม่ได้สนุกปาก
    มันจึงกลายเป็นมหาสุวรรณคัมภีร์ที่มีค่ากับ หมอโรคจิต หรือ นักศึกษาแพทย์เท่านั้น
    ส่วนชาวบ้านจะรักษาคัมภีร์นั้นก็เพียงโดยบริบทที่ว่า
    นักศึกษาแพทย์คนต่อไปจะได้มีไว้ศึกษา เผื่อวันใดที่ป่วยเป็นโรคจิต
    จะได้มีคนรักษาได้ หรือพอรู้เรื่องมาคุยกันให้ฟุ้งพอสบายอกสบายใจได้
    -------------------------
    ทุกวันนี้สังคมโลกเรา ศรัทธาในวัตถุกันมากขึ้น
    แต่ศาสนาเป็นเรื่องของจิต คนจะเข้าหาศาสนา
    เมื่อรู้สึกว่าขาดความมั่นคงในจิตหรือชีวิต
    (ในยุคนี้สมัยนี้ก็คือขาดความมั่นคงทางวัตถุนั่นเอง)
    และทุกวันนี้ คนที่เข้าหาศาสนาเพราะ
    ต้องการความมั่นคงทางวัตถุ เพื่อให้จิตรู้สึกมั่นคง
    ซึ่งไม่ตรงกันกับวิธีการใช้ชีวิตของชาวพุทธเดิมเราในหลายประเด็น
    เช่น พุทธเรามุ่งการทำจิตให้มั่นคงเป็นหลัก และ เรื่องการให้ทาน เป็นต้น
    แต่ผู้เผยแพร่ศาสนาพุทธเราก็แก้เกมส์ โดยการบอกว่า "ให้ เพื่อได้มากกว่า"
    เห็นได้จากยุทธการลูกแก้ว ที่ติดตลาดไปแล้ว
    รวมถึงความสำเร็จของ จตุคามซีรีส์
    ก็เป็นเครื่องยืนยัน ศรัทธาอย่างนี้ได้เป็นอย่างดี
    -------------------------
    ศาสนาทุกศาสนา ตั้งอยู่ได้เพราะศรัทธาของผู้คนในสังคม
    และศรัทธาของคนก็มักแสดงออกในวิธีการใช้ชีวิตของบุคคลนั้น ๆ
    เมื่อวิถีศรัทธาของคนเป็นไปในแนวทางที่ไม่สอดคล้องกับวิธีปฏิบัติของศาสนาเดิม
    บุคคลและศาสนาย่อมห่างกันออกไป
    การจะให้ศาสนาดำรงอยู่ได้ และเผยแพร่ได้มากขึ้น
    ก็ต้องมีวิถีปฏิบัติที่สอดคล้องกับวิถีชีวิตของผู้คนในสังคม
    จนสามารถเกิดเป็นวัฒนธรรมชุมชนได้
    -------------------------
    ปัจจุบัน วิถีชีวิตของพระสงฆ์ กับ ฆราวาส
    แทบจะเรียกได้ว่า ต่างคนต่างอยู่เลยที่เดียว
    ชาวบ้านก็วุ่นกับการหาทรัพย์สินเงินทอง
    สมมุติสงฆ์ก็วุ่นตามแบบสมมุติสงฆ์
    พระที่รู้และเข้าสภาพของกายใจ ก็ไปอยู่ในป่า หรือชนบท
    แล้วอะไรมันจะเกิดครับ
    -------------------------
    จากคุณ : ชมสม [ ตอบ: 26 พ.ย. 51 04:35 ] แนะนำตัวล่าสุด 15 ต.ค. 51 | สมาชิกลานธรรมถาวร | ตอบ: 32 | ฝากข้อความ |


    ความคิดเห็นที่ 25 : (explorer) อ้างอิง |

    อ้างอิง
    ยินดีกับ อดีต"ลูกแกะของพระเจ้า " ด้วยนะเจ้าคะ

    อ้างอิง
    ที่ดั้นด้นรอนแรมมา จนเห็นดวงตาธรรม ^ - ^

    I'm still far away from this point.. but i hope one day i can ..
    anyway.. I assume this is the one of the best wishes ^__^

    (i'm sorrry about typing in english because i'm using the school computer)





    จากคุณ : explorer [ ตอบ: 26 พ.ย. 51 12:48 ] ยังไม่แนะนำตัว | สมาชิกลานธรรมถาวร | ตอบ: 584 | ฝากข้อความ |


    ความคิดเห็นที่ 26 : (บัวเหล่าที่ 5) อ้างอิง |

    เรียน คุณสมชม
    อ้าง
    --------------------
    ปัจจุบัน วิถีชีวิตของพระสงฆ์ กับ ฆราวาส
    แทบจะเรียกได้ว่า ต่างคนต่างอยู่เลยที่เดียว
    ชาวบ้านก็วุ่นกับการหาทรัพย์สินเงินทอง
    สมมุติสงฆ์ก็วุ่นตามแบบสมมุติสงฆ์
    พระที่รู้และเข้าสภาพของกายใจ ก็ไปอยู่ในป่า หรือชนบท
    แล้วอะไรมันจะเกิดครับ
    -----------------------------------
    เก๊าะเกิด การ ...ดับสูญ...ของพุทธศาสนา
    ตาม พุทธทำนาย ไง เจ้าคะ
    นาทีทอง มีแค่ ห้าพันปี เท่านั้น
    ตลกดี ตอนแรก ที่ อิฉัน บ่น
    เรื่อง การกระเจิงของลูกแก้ว
    แล้วโยงไปถึง พระลิขิต
    กับบอดี้การ์ดของสมณะ
    อิฉันยังวิตกจริตอยู่เลยนะว่า
    จะไปกระทบศรัทธาจริตของใครไหม
    แต่ก็ดีใจนะที่คุณหยิบประเด็นนี้ขึ้นมาพูดต่อ
    ขอบคุณนะเจ้าคะ สำหรับความคิดเห็น
    อ่านแล้ว มันทำให้อิฉันนึกถึง
    ความรู้ สมัยเรียน ฟาร์-ค็อก ( เภสัชพฤษศาสตร์ )
    ว่าด้วยเรื่อง แก่น กระพี้ และ เปลือก จังแฮะ
    และก็ได้ เรียนรู้ว่า แก่น คือ สิ่งเลอค่า
    แต่ว่า แก่น ก็ คือ ส่วนที่ ตายแล้วของต้นไม้
    ถ้าไม่มี เปลือก มาหล่อเลี้ยง
    แก่น ก็ต้อง ดับสูญ ตาม ธรรมนิยาม
    ตาม กฏไตรลักษณ์ นั่นแหล่ะ
    ความสัมพันธ์ แบบ symbiosis
    ที่เคยเรียนชีวะ สมัยมัธยม น่ะเจ้าค่ะ ^ - ^
    ----------------------------
    เรียนคุณ explorer
    สิ่งที่มาค่า ที่สุดในชีวิตของคน
    คือ ก้าวแรก ที่เริ่มต้น เจ้าค่ะ
    เมื่ออดีต ลูกแกะ ของพระเจ้า
    ละทิ้ง เรือ โนอาห์ กับ สวน อีเดน
    แล้ว แปลงร่างเป็น ดอกบัว
    สักวัน ดอกบัวนั้น คงได้บานเหนือน้ำจนได้แหล่ะ
    ส่วนอิฉันนั้น ยังอยากจะหยอกล้อ
    กับ เจ้างูร้าย ในสวนอีเดน อยู่อ่ะ
    เลยเป็นได้แค่ ...บัวเหล่าที่ 5 ... เท่านั้น แหะ...แหะ... ^ - ^
    ไงก้อ เป็นกำลังใจให้ คุณพบหนทาง
    ที่จะเดินออกไปจาก ป่า แห่ง อวิชชา เจ้าค่ะ
    เจอเมื่อไร ทิ้งแผนที่ไว้ให้อิฉัน ด้วยนะเจ้าคะ ^ 0 ^
    ____________________________________
    ต่างคน.......ต่างจิต........คิดต่าง
    ต่างคน.......ต่างความ.....ต่างเห็น
    ต่างคน.......ต่างโต.........ต่างเป็น
    ต่างคน.......จึงเห็น..........ต่างกัน
    คำเตือน ! ตัวอักษรที่ฉันพิมพิ์ลงไปทั้งหมดนั้น
    เป็นเพียงความคิดเห็นและมุมมองส่วนบุคคล
    โปรดอย่าได้นำไปอ้างอิง / ใช้เป็น Reference
    ในการทำข้อสอบ หรือ ตอบคำถามใด ๆให้กับชีวิตเลย
    และหากท่านอายุต่ำกว่า 18 กรุณาอย่านั่งอ่านคนเดียว
    ( ควรมีผู้ปกครองอยู่ด้วยเพื่อคอยชี้แนะ ^ - ^ )
    จากคุณ : บัวเหล่าที่ 5 [ ตอบ: 26 พ.ย. 51 17:36 ] แนะนำตัวล่าสุด 24 ก.ย. 51 | สมาชิกลานธรรมถาวร | ตอบ: 79 | ฝากข้อความ |


    ความคิดเห็นที่ 27 : (Burapa_wanno) อ้างอิง |

    ปัจจุบัน พุทธ ก็ไม่ใช่พุทธแล้วล่ะมั้งค่ะ มี พราหมณ์ มี เทพ มี วิญญาณ มี เซ่นเจ้า คนทรงเจ้า มากมาย เยอะแยะ แถมยังมี หมอดู 1900 อีก เป็น นับ ร้อยเจ้า
    เวลา มีปัญหา ก็ ให้ไปแก้บน สะเดาะเคาระห์ อย่างนั้น อย่างนี้ เหตุและผล อยู่ตรงไหน ? คันที่เท้า เกาที่หัว แล้วจะหายคันอย่างไง?
    คน = สื่อกลาง สำคัญ ระหว่าง หลักธรรม กับ คนด้วยกัน
    คน = เอา ความคิด ตน เอา จริต ตน เอาอคติ ของตน รัก ชอบ โกรธ เกลียด มาปรุงแต่ง หลัก ธรรม
    คน = หาประโยชน์ จาก หลักธรรมที่ตนปรุงแต่งขึ้นมา
    คนเชื่อ = เหยื่อ
    หมอดู พระ คนทรงเจ้า ศิษยาภิบาล ผู้รับใช้พระเจ้า = พ่อค้าคนกลาง = รับทั้งทรัพย์ รับทั้งการเคารพสักการะ
    เคารพ
    Burapa_wanno
    จากคุณ : Burapa_wanno [ ตอบ: 26 พ.ย. 51 22:37 ] แนะนำตัวล่าสุด 26 พ.ย. 51 | สมาชิกลานธรรมทั่วไป | ตอบ: 4 | ฝากข้อความ | ip:58.8.204.216


    ความคิดเห็นที่ 28 : (doyjaar) อ้างอิง |

    ความรู้มาก ประสบการณ์สูง อายุมาก
    .
    เจริญในธรรม
    ____________________________________
    พญามารไม่เลือกกาลสถานที่จะเล่นงานเรา แล้วทำไมเราต้องเลือกกาลสถานที่จะสู้กับมันด้วย ไม่เลือก ทุกที่ทุกเวลาเป็นที่ปฏิบัติได้หมดเลย มันมาเมื่อไรสู้กับมันเมื่อนั้น
    จากคุณ : doyjaar [ ตอบ: 27 พ.ย. 51 07:34 ] แนะนำตัวล่าสุด 15 พ.ย. 51 | สมาชิกลานธรรมถาวร | ตอบ: 151 | ฝากข้อความ | MSN |


    ความคิดเห็นที่ 29 : (jinda7) อ้างอิง |

    ทำงานอยู่ในโรงเรียนคริสต์เตียนค่ะ คริสต์สอนให้รักพระเจ้า พระเจ้ารักเรา พระเจ้ายอมตายเพื่อเรา คนเราทุกคนต่างแสวงความรัก แสวงหาความมีตัวตน เมื่อคริสต์เน้นในเรื่องความรัก จึงเข้าถึงคนได้ง่ายกว่า

    แต่พุทธบอกถึงการไม่ยึดมั่น ถือมั่น ทุกอย่างไม่ใช่ของเรา เปลี่ยนแปลงเสมอ ซึ่งยากสำหรับคนทั่วไปที่จะทำใจได้ ถ้าไม่ได้ถูกฝึก จึงยากที่คนทั่วไปจะเข้าถึง
    และศาสนาคริสต์ไม่จำเป็นต้องฝึกรู้ ฝึกดูใจ แค่อ่านพระคัมภีร์ เชื่อในคำสอนของพระเจ้าสุดจิตสุดใจ รักพระเจ้าสุดจิตสุดใจ เมื่อคนเรามั่นใจในตัวตนว่าเรามีคุณค่ามีสิ่งยึดมั่นจิตใจก็ทำให้คนที่มีปัญหาเดินเข้าหาพระเจ้าได้ง่ายมากขึ้น
    แต่เจี๊ยบเป็นพุทธนะค่ะ เคยมีปัญหาคิดจะเข้าหาพระเจ้าเหมือนกัน แต่เจอหนังสือเข็มทิศชีวิตเข้าซะก่อน และหนังสือของ ดร.สนอง วรอุไร ก็เริ่มเข้าใจศาสนาพุทธ และเริ่มรู้ว่าความสุขของเราไม่ได้อยู่ที่สิ่งที่คนอื่นมอบให้เรา แต่อยู่ที่ตัวเราเอง
    ศาสนาพุทธอยู่กับเราตั้งแต่เราลืมตาดูโลก ตามพ่อแม่ เด็กเห็นแค่การทำบุญ ใส่บาตร แต่ไม่เคยรู้ลึกซึ้ง ในหนังสือที่สอนก็มีแต่ภาษาบาลี ถึงจะแปลเป็นภาษาไทย แต่ก็ไม่ได้เข้าใจอะไรมากนัก แล้วคนไทยจะเข้าถึงศาสนาพุทธได้ยังไง ในเมื่อในหนังสือเรียนนั้นยากจะเข้าใจ
    คงต้องเหมือนที่คุณเจ้าของกระทู้บอก ว่าต้องเปลี่ยนหลักการตลาดค่ะ
    จากคุณ : jinda7 [ ตอบ: 27 พ.ย. 51 12:58 ]

    ความคิดเห็นที่ 30 : (saimon) อ้างอิง |


    ไม่เห็นทุกข์ ก็ไม่เห็นธรรม
    ผู้คนจำนวนมากเห็นธรรมจากทุกข์
    และมีคนทุกข์จำนวนมาก เลือกดับชีวิตตัวเอง
    เสียดายที่ไม่เลือกเดินทางมาพบพระธรรมก่อน
    อ๋อ ? ตอนเด็กก็เหมือนเจ้าของกระทู้ แต่โชคดีที่มีบุญจึงไม่ได้ไปไหน



    จากคุณ : saimon [ ตอบ: 28 พ.ย. 51 11:58 ] แนะนำตัวล่าสุด 23 มิ.ย. 49 | สมาชิกลานธรรมถาวร | ตอบ: 36 | ฝากข้อความ |


    ความคิดเห็นที่ 31 : (โพธิสัตว์) อ้างอิง |

    ตราบที่มีคนปฏิบัติตามมรรคแล้วเห็นผลจริง ศาสนาก็ดำรงอยู่ได้ ก็มันเป็นอย่างนี้มานานแล้วด้วย
    จากคุณ : โพธิสัตว์ [ ตอบ: 28 พ.ย. 51 17:25 ] แนะนำตัวล่าสุด 18 ก.พ. 49 | สมาชิกลานธรรมทั่วไป | ตอบ: 152 | ฝากข้อความ | ip:118.174.192.98


    ความคิดเห็นที่ 32 : (มุ่งเต็มใจ) อ้างอิง |

    พระพุทธศาสนา
    ไม่ใช่ประเสริฐด้วยปัญญาเท่านั้น แต่เลิศประเสริฐได้นานัปการ
    มีคุณหาประมาณไม่ได้
    บุคคลทุกประเภทสามารถเข้าถึงคุณตามฐานะทั้งโดยตรงและโดยอ้อม
    บัณฑิตผู้มีปัญญาไม่สามารถกล่าวตำหนิพระพุทธศาสนาได้เลย
    หลังกึ่งพุทธกาลพระพุทธศาสนาที่มีความเจริญอันเป็นมงคลอยู่โดยปกติอยู่แล้ว จะกลับมามีผู้คนนับถือเพิ่มมากขึ้นอีกครับ สาธุๆๆ
    ธรรมะสวัสดีครับ

    -----------------------------------------------------------------------------------------
    "พุทโธ โพเธยยัง มุตโต โมเจยยัง ติณโณ ตาเรยยัง"
    "เมื่อรู้แล้ว จักช่วยผู้อื่นรู้ด้วย เมื่อพ้นทุกข์แล้ว จักช่วยผู้อื่นพ้นทุกข์ด้วย เมื่อข้ามโอฆะแล้ว จักช่วยผู้อื่นข้ามโอฆะด้วย"
    "เมื่อได้พุทธภูมิ อภิเษกพระสัมมาสัมโพธิญาณแล้ว จักช่วยให้ผู้อื่นได้พุทธภูมิ อภิเษกพระสัมมาสัมโพธิญาณด้วย"
    ____________________________________
    "ส่งเสริมเขาไป เดินทางก้าวไม่หยุด ก็ถึงจุดหมายได้" ล.ป.เลี่ยม ฐิตธัมโม วัดหนองป่าพง อุบลราชธานี มอบให้ ณ ชมรมพุทธ ทีโอที ในมหามงคลวโรกาส ครบรอบ79-80พรรษาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช ธันวาคม2549
    "พุทโธ โพเธยยัง มุตโต โมเจยยัง ติณโณ ตาเรยยัง"
    "เมื่อรู้แล้ว จักช่วยผู้อื่นรู้ด้วย เมื่อพ้นทุกข์แล้ว จักช่วยผู้อื่นพ้นทุกข์ด้วย เมื่อข้ามโอฆะแล้ว จักช่วยผู้อื่นข้ามโอฆะด้วย"
    "เมื่อได้พุทธภูมิ อภิเษกพระสัมมาสัมโพธิญาณแล้ว จักช่วยให้ผู้อื่นได้พุทธภูมิ อภิเษกพระสัมมาสัมโพธิญาณด้วย"
    จากคุณ : มุ่งเต็มใจ [ ตอบ: 28 พ.ย. 51 18:27 ] ยังไม่แนะนำตัว | สมาชิกลานธรรมถาวร | ตอบ: 4409 | ฝากข้อความ |


    ความคิดเห็นที่ 33 : (mamapapa) อ้างอิง |

    เอ่อ ดิฉันว่า ถ้าคิดกันในแง่การตลาดแล้ว หนังสือของ คุณดังตฤณ หลายๆ เล่ม พอจะเข้าเค้านะคะ (ไม่ใช่ทุกเล่มนะคะ)
    อย่างเรื่องเกี่ยวกับความรัก, เสียดายคนตายไม่ได้อ่าน ฯลฯ
    แต่คงเหมาะกับคนที่ผ่านชีวิตมาสักระยะหนึ่งแล้ว และเด็กคงไม่อ่าน เพราะตัวหนังสือเยอะเกิน
    นิทานชาดก พอจะได้ค่ะ
    ส่วนของศาสนาคริสต์ เคยได้รับค่ะ รูปสวย ชอบค่ะ ลงทุนกระดาษดี แต่อ่านแล้วไม่อิน(ตั้งแต่มัธยมค่ะ) ใจคงไม่ไปทางนั้น
    ศาสนาอื่นยิ่งอ่านยิ่งงงๆ ค่ะ 555 แต่ไม่ได้ว่าไม่ดีนะคะ พอดีว่า จริตเราอาจจะเข้าได้กับพุทธ น่ะค่ะ
    ยิ่งปฏิบัติแล้วได้จริง เห็นจริงตามนั้น ก็ยิ่งรู้สึกสนุกค่ะ (ใช้คำว่า สนุกนะคะ ถูกต้องแล้ว)
    จากคุณ : mamapapa [ ตอบ: 28 พ.ย. 51 20:04 ] แนะนำตัวล่าสุด 23 ก.พ. 51 | สมาชิกลานธรรมถาวร | ตอบ: 41 | ฝากข้อความ |


    ความคิดเห็นที่ 34 : (peterderpan) อ้างอิง |

    ไม่เห็นทุกข์ ก็ไม่เห็นธรรม
    ผู้คนจำนวนมากเห็นธรรมจากทุกข์
    ผมเห็นด้วยกับประโยคนี้นะ

    ผมเป็นคาทอลิก ครับ เคร่งด้วย แต่ผมเจริญวิปัสสนา
    นั่งสมาธิ เคารพคำสั่งสอนของทั้ง พระพุทธองค์ และ พระเยซู
    ส่วนใหญ่ คล้ายๆกันมาก ถ้าได้อ่านในพระคัมภีร์
    แต่ที่ผมไม่ค่อยได้ธรรมะ จากคาทอลิกคือ เรื่องของการเห็นจิตใจของตัวเอง
    พระพุทธองค์ทรงแยกไว้ชัดเจนทุกหมวดหมู่ ในหมวด กิเลสมีกี่ดวง
    มันชัดเจนมาก
    สุดท้ายทุกศาสนาสอนให้เป็นคนดีครับ ผมเห็นธรรมะใน 2 ศาสนาใกล้เคียงกัน
    เห็นเหตุ เห็นผล คล้ายๆกัน แต่ให้เข้าถีงธรรมต่างกันเท่านั้น

    ส่วนเรื่องการใช้งบต่างๆกระดาษสีอะไรเนี่ย
    ที่จริงผมก็ไม่ค่อยเห็นด้วยครับ
    ผมอยากให้ทุกๆคน เผยแพร่ความดี ไม่จำกัดศาสนา
    เข้าใจหลักธรรม อย่างถ่องแท้ ปฎิบัติตัวให้ถูก ให้ดี
    แล้วก็มีวิธีถ่ายทอดให้ดีด้วย
    โลกใบนี้คุณคงเคยเห็นครูหลายๆท่านเป็นคนเก่ง แต่ถ่ายทอดไม่ดี บางครั้งนักเรียนก็
    ไปงมต่อมากมาย นานแสนนาน คงต้องแยกเรื่องกิเลสออกจาก
    ศิลปะการถ่ายทอด พระพุทธองค์บางครั้งยังทรงใช้อุบายในทางธรรมเพื่อให้
    พระบางรูปเข้าถึงธรรม เพราะท่านเข้าใจเหตุผลเบื้องหลัง โมหะของคน

    ส่วนเรื่องศาสนา ผมยืนยันว่าเขาสอนให้เป็นคนดีเหมือนๆกันครับ
    อย่าไปมองเลยครับ มองส่วนที่คล้ายๆกับทางพุทธก็ได้ รับมาแต่สิ่งที่ทำให้ชีวิตเราดี
    ถ้าคิดว่าไม่ดีก็อย่าทำตามนะครับ ผมว่างั้นนะ

    เจริญในธรรม
    จากคุณ : peterderpan [ ตอบ: 28 พ.ย. 51 22:05 ] ยังไม่แนะนำตัว | สมาชิกลานธรรมทั่วไป | ตอบ: 12 | ฝากข้อความ | ip:125.24.35.132


    ความคิดเห็นที่ 35 : (peterderpan) อ้างอิง |


    ลอง download ฟังให้ครบทุกหมวดนะครับ ดีอย่างยิ่ง
    ถ้าเราใช้สื่อในการเผยแผร่ธรรม แล้วทำให้ทุกคนเป็นคนดีขึ้น
    ยึดศีล 5 พระบัญญัติ 10 ประการให้มากขึ้น
    ( มีส่วนเหมือนกันมากๆ )
    เจริญขึ้น ไม่เบียดเบียนทำผิดกันมากขึ้น
    ศาสนาไหนๆก็ทำให้โลกเจริญ
    จากคุณ : peterderpan [ ตอบ: 28 พ.ย. 51 22:13 ] ยังไม่แนะนำตัว | สมาชิกลานธรรมทั่วไป | ตอบ: 12 | ฝากข้อความ | ip:125.24.35.132


    ความคิดเห็นที่ 36 : (ดิตจู) อ้างอิง |

    - เพื่อนๆคิดว่ามีคนไทยกี่คนที่ใช้email ของ hotmail ครับ??????
    - ถ้าใน web hotmail มี การลงโฆษณา web ลานธรรมซักเดือนล่ะครับ.....คิดว่าในเวลาเดือนนึงจะมีคนคลิกเข้าwebลานธรรมมาดูกี่คน?????
    - แล้วคนที่เข้ามาดูwebลานธรรม..จะมีกี่คนที่สนใจและเริ่มปฎิบัติธรรม?????
    มาช่วยกันคิดวิธีการเผยแพร่ศาสนาในยุคกึ่งพุทธกันดีกว่า
    จากคุณ : ดิตจู [ ตอบ: 28 พ.ย. 51 23:55 ] ยังไม่แนะนำตัว | สมาชิกลานธรรมถาวร | ตอบ: 50 | ฝากข้อความ |


    ความคิดเห็นที่ 37 : (ดิตจู) อ้างอิง |

    - สมาชิกลานธรรมกี่คนที่เล่น MSN????
    - ถ้าทุกคนใช้ชื่อ MSNของตัวเองว่า www.larndham.netแล้ว......จะมีเพื่อนของสมาชิกลานธรรมกี่คนที่จะลองเข้าweb ลานธรรม??????
    - แล้วคนที่เข้าwebจะมีกี่คนที่สนใจและเริ่มปฏิบัติธรรม???????
    จากคุณ : ดิตจู [ ตอบ: 29 พ.ย. 51 00:18 ] ยังไม่แนะนำตัว | สมาชิกลานธรรมถาวร | ตอบ: 50 | ฝากข้อความ |


    ความคิดเห็นที่ 38 : (ดิตจู) อ้างอิง |

    ถ้าสมาชิกลานธรรมทุกคนแปะstricker คำว่า www.larndham.net ไว้ท้ายรถ จะช่วยให้คนรู้จักเวปลานธรรมเพิ่มขึ้นมั๊ย????
    ปล. ถ้าใครแปะแล้วขับรถดีๆนะครับอย่าไปขับปาดหน้าเค้าล่ะ...เดี๋ยวเค้าจะด่าบุพการีผู้แปะแล้วลามไปถึงweb ลานธรรมด้วย..... อิอิ ^_^
    จากคุณ : ดิตจู [ ตอบ: 29 พ.ย. 51 00:25 ] ยังไม่แนะนำตัว | สมาชิกลานธรรมถาวร | ตอบ: 50 | ฝากข้อความ |


    ความคิดเห็นที่ 39 : (สุขใจ ชำนาญ) อ้างอิง |

    อันนี้ขอแซว และขยายความหน่อยนะคะ postinor เป็นยาคุมหลังร่วมเพศ ส่วน GPO-vir เป็นยาต้ายไวรัส มักจะใช้กับคนไข้โรคเอดส์
    จากคุณ : สุขใจ ชำนาญ

    ความคิดเห็นที่ 40 : (Peachinmind) อ้างอิง |

    ผมไม่ยึดศาสนา ผมมองที่สัจจธรรม เราต้องถามตัวเองว่าเราอยู่เพืออะไร หากเราแสวงการดับทุกข์ แล้วเมือเราพิจาณาธรรมทีละข้อไม่ว่าศาสนาใดก็ตาม หากให่เราละความอยาก ละความโกรธและพยาบาท และความหลงไปในทางไม่ถูกต้อง ก็อนุโมทนาสาธุครับ
    จากคุณ : Peachinmind [ ตอบ: 29 พ.ย. 51 09:33 ] แนะนำตัวล่าสุด 18 พ.ย. 51 | สมาชิกลานธรรมถาวร | ตอบ: 64 | ฝากข้อความ |


    ความคิดเห็นที่ 41 : (โพธิสัตว์) อ้างอิง |

    สัจจะธรรมแท้มีเพียงหนึ่งเดียว พระพุทธเจ้าเป็นผู้กล่าวสัจจะนั้น
    จากคุณ : โพธิสัตว์ [ ตอบ: 29 พ.ย. 51 13:38 ] แนะนำตัวล่าสุด 18 ก.พ. 49 | สมาชิกลานธรรมทั่วไป | ตอบ: 152 | ฝากข้อความ | ip:118.174.221.164


    ความคิดเห็นที่ 42 : (แมท) อ้างอิง |

    อยากจะ marketing คุณบัวฯ แทนค่ะ อยากจะชวนคุณบัวฯ ศึกษาพระธรรมอย่างเต็มๆ ดิฉันคิดว่าคุณบัวฯ ก็มีความรู้ที่ดีในพระพุทธศาสนาแต่มีบางอย่างที่ทำให้ไม่ก้าวเข้ามาเต็มๆ จึงอยากเชิญชวนคุณบัวตัดสิ่งรุงรังนั้นออกและก้าวเข้าสู่เส้นทางสายเอกนี้ด้วยอีกท่านหนึ่งนะคะ
    ไม่ว่าอย่างไรก็ขอให้เจริญในธรรมค่ะ

    ____________________________________
    ควรรีบทำความเพียรในวันนี้ทีเดียว
    ใครเล่าจะรู้ว่าความตายจะมีมาในวันพรุ่งนี้
    ความผัดเพี้ยนด้วยพญามัจจุราช ผู้มีเสนาน้อยใหญ่นั้นย่อมไม่ได้เลยทีเดียว
    (พระพุทธภาษิตในเทวตาสํยุตฺต วิตฺตสูตร หน้า ๕๕)
    จากคุณ : แมท [ ตอบ: 30 พ.ย. 51 01:41 ] ยังไม่แนะนำตัว | สมาชิกลานธรรมถาวร | ตอบ: 269 | ฝากข้อความ |


    ความคิดเห็นที่ 43 : (Aurora) อ้างอิง |

    อ้างอิง (ดิตจู @ 29 พ.ย. 51 - 00:25)
    ถ้าสมาชิกลานธรรมทุกคนแปะstricker คำว่า larndham.net ไว้ท้ายรถ จะช่วยให้คนรู้จักเวปลานธรรมเพิ่มขึ้นมั๊ย????
    ปล. ถ้าใครแปะแล้วขับรถดีๆนะครับอย่าไปขับปาดหน้าเค้าล่ะ...เดี๋ยวเค้าจะด่าบุพการีผู้แปะแล้วลามไปถึงweb ลานธรรมด้วย..... อิอิ ^_^
    (ดิตจู @ 29 พ.ย. 51 - 00:25)
    เข้าท่ามากค่ะ
    ว่าแต่ถ้าคนเข้ามามากserverของลานธรรมจะรับไหวมั้ยคะเนี่ย
    ทำsticker เมื่อไหร่บอกด้วยนะคะ จะเอาไปแปะด้วยคน
    ____________________________________
    อหํ นาโคว สงฺคาเม เราจักอดทนต่อคำเสียดสีของคนอื่น
    จาปาโต ปติตํ สรํ เหมือนพญาคชสาร ในสนามรบ
    อติวากฺยํ ติติกฺขิสฺสํ ทนลูกศรที่ปล่อยออกไปจากคันธนู
    ทุสฺสีโล หิ พหุชฺชโน เพราะว่าคนโดยมาก ทุศีล
    จากคุณ : Aurora [ ตอบ: 01 ธ.ค. 51 09:10 ] แนะนำตัวล่าสุด 19 ม.ค. 51 | สมาชิกลานธรรมถาวร | ตอบ: 389 | ฝากข้อความ |


    ความคิดเห็นที่ 44 : (กอบ) อ้างอิง |

    เรียนคุณดิตจู ครับ
    ถ้าจะทำแค่แนะนำลานธรรม อย่าทำดีกว่าครับ ^_^
    ทำแนะนำให้คนอื่น ๆ รู้จักธรรมะของพระพุทธเจ้าไปเลยครับ

    เช่น แปะท้ายรถไปเลยครับ "รถติดแล้ว ใจเป็นยังไง" "ถูกแซงแล้ว โกรธ หรือเปล่า" "สาวสวยอยู่ข้างหน้า ใจเราเป็นไง" 5555
    รู้สึกเคยมีกระทู้อันนี้อยู่อันนึงครับ เคยตั้ง เคยคุยกันเหมือนกันเรื่องการทำสติ๊กเกอร์แบบนี้ นานแล้วครับ เดี๋ยวคงมีพนักงานขุดกระทู้ขุดมาดู (ถ้ายังไม่หายไปพร้อมกับฐานข้อมูลที่เสียหายครั้งก่อนนะครับ)
    พระธรรมคำสอนในพระพุทธศาสนา ไม่ได้แนะนำด้วยการชวนเชื่อ หรือเน้นเรื่องผลประโยชน์ทำแล้วรวยอะไรหรอกครับ
    แต่ท่านชวนมาพิสูจน์ ให้รู้ด้วยใจจริง ๆ ว่าธรรมะอันพระพุทธเจ้าแสดงไว้ดีแล้ว นั้นดับทุกข์ได้จริงๆ และได้ในเร็ววัน แค่ทกุข์เพราะโกรธ แล้วเรามีสติรู้ทัน โกรธก็หายได้ทันทีเลยถ้ารู้จริง ๆ มีสติทัน
    สิ่งนี้คือสิ่งที่พระพุทธเจ้าสอนไว้ ครับ ท่านท้าให้พิสูจน์
    ที่ท่านให้สาวกสอนพระพุทธศาสนา ท่านไม่ได้บอกให้หาสมาชิกเยอะ ๆ สักนิดครับ
    แต่ท่านให้สอนเพื่อนำประโยชน์ สุข แสดงธรรมะเพื่อดับทุกข์ ดับกิเลส แก่มหาชนทั้งหลาย ครับ
    ตั้งหลักใหม่นะครับ ว่าพระพุทธเจ้าสอนธรรมะ เผยแพร่ธรรมะเพื่ออะไร
    ใช่เพื่อต้องการสมาชิกเยอะ ๆ หรือไม่ครับ

    ____________________________________
    ลานธรรมย้ายเสร็จแล้ว เชิญใช้กันตามสะดวกครับ ^_^
    -----------------
    ขอให้สนทนาธรรมกันด้วยพื้นฐานของเมตตาเป็นที่ตั้ง
    ถ้อยทีถ้อยอาศัยกัน เห็นอกเห็นใจกัน
    ตั้งจิตไว้ที่เมตตา คิดช่วยเหลือผู้อื่น เพื่อเป็นการสร้างบุญกุศลให้แก่ตนเอง และต่อพุทธศาสนาโดยรวม
    โอกาสดีอันนี้ คือใช้โอกาสตอบกระทู้เพื่อสร้างกุศลให้ตนเองและส่วนรวมได้มากขึ้น
    โอกาสร้ายอันนี้ คือ ใช้ตอบกระทู้ด้วยกิเลส อันก่ออกุศลต่อตนเองและส่วนรวมมากขึ้น
    ขอให้พิจารณาสร้างกุศล เว้นอกุศลกันเถิดครับ
    สุดท้ายคือ "อย่าทะเลาะกัน" คร้าบบบบบบบบ
    จากคุณ : กอบ [ ตอบ: 01 ธ.ค. 51 09:51 ] แนะนำตัวล่าสุด 02 มิ.ย. 49 | เจ้าหน้าที่ระบบ | ตอบ: 9035 | ฝากข้อความ | MSN |


    ความคิดเห็นที่ 45 : (มุ่งเต็มใจ) อ้างอิง |

    อ้างอิง
    ขอนำบทความเกี่ยวกับเรื่องพระพุทธคุณ
    มาให้ท่านที่สนใจได้อ่านกันนะครับ

    จากคุณ : มุ่งเต็มใจ [ ตอบ: 01 ธ.ค. 51 17:52 ] ยังไม่แนะนำตัว | สมาชิกลานธรรมถาวร | ตอบ: 4409 | ฝากข้อความ |


    ความคิดเห็นที่ 46 : (บัวเหล่าที่ 5) อ้างอิง |

    อ้าง คุณ peterderpan
    -----------------------------
    ผมเป็นคาทอลิก ครับ เคร่งด้วย
    แต่ที่ผมไม่ค่อยได้ธรรมะ จากคาทอลิก
    คือ เรื่องของการเห็นจิตใจของตัวเอง

    ผมเห็นธรรมะใน 2 ศาสนาใกล้เคียงกัน
    เห็นเหตุ เห็นผล คล้ายๆกัน
    แต่ให้เข้าถีงธรรมต่างกันเท่านั้น
    ---------------------------------
    เห็นด้วยกับ คุณเจ้าค่ะ
    อิฉันก็มีเพื่อนบังเกิดเกล้า คนหนึ่ง เป็น คาทอลิกเจ้าค่ะ
    แต่เคร่งหรือเปล่าไม่รู้ รู้แต่เคยเป็นบาทหลวงฝึกหัด อยู่พักหนึ่ง
    ก่อนตัดสินใจมาใช้ชีวิตแบบปุถุชน
    เมื่อประมาณ สิบปีก่อนเขาเคยให้
    หนังสือของ Anthony De Mello , S.J. กับ อิฉันน่ะ
    Anthony De Mello , S.J.
    อาจารย์ฝ่ายชีวิตและจิต
    นักเขียนต้องห้ามในสายตาผู้ใหญ่คาทอลิก
    " รวมเรื่องสั้นไร้สาระ นิทานเล่มสุดท้ายของนักเขียนต้องห้าม "
    เฮ้อ นี่ยังอ่านไม่จบเลย
    ก็ว่า เดี๋ยวจะอ่านเหมือนกัน
    สิบปีผ่านไปคงไม่สายเท่าไรหรอกมั้ง
    หนังสือเล่มนี้มันทำให้ฉันเห็น ความเชื่อมโยงบางอย่าง
    ของทั้งสองศาสนา ( เมื่อหลายเดือนก่อนนะ )
    บางทีตัวหนังสือที่ต่างกัน
    มันก็สื่อความหมายอะไรที่คล้ายกันได้
    " ภาษาที่ไพเราะที่สุดนั้น... คือความเงียบ
    กิจการที่ดีที่สุดนั้น ......... คือการไม่กระทำ
    และ การเปลี่ยนแปลงที่ดีที่สุดนั้น.....
    คือการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นเองโดยบังเอิญ..... "
    สำหรับฉัน
    ภาษาที่ไพเราะที่สุดนั้น... คือความเงียบ ------> ฉันเห็นพระเตมีย์ใบ้
    กิจการที่ดีที่สุดนั้น ......... คือการไม่กระทำ ---> ฉันเห็น อกรรม
    และ การเปลี่ยนแปลงที่ดีที่สุดนั้น.....
    คือการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นเองโดยบังเอิญ-----> ฉันเห็น เจตนา
    เด็กเภสัชน่ะ เรียนรู้ที่จะใช้ประโยชน์
    จากทั้งเคมีบำบัด และ สเตียรอยด์ นะเจ้าคะ
    " ถ้าท่านถูกศัตรูตบ แก้มขวา จงเอียงแก้มซ้ายให้ศัตรู "
    รู้ไหม ? เมื่อก่อนอิฉันเคยขบขันและนึกหยันกับประโยคนี้นะ
    แต่ตอนนี้ อิฉันกลับ นับถือ คนที่ทำแบบนี้ได้นะ
    ถ้าปล่อยวางอัตตาไม่ได้
    ถ้า ไร้ซึ่งพรหมวิหาร 4 แล้ว
    คน ๆ นั้นทำแบบนี้ไม่ได้หรอกนะ
    อิฉันเองก็อยากทำได้แบบนี้เหมือนกัน
    แต่ยังหรอกนะ อุปทานขันทั้ง 5 ใบ ยังมีอีกแยะ

    อ้าง คุณ สุขใจ ชำนาญ
    -----------------------------------
    อันนี้ขอแซว และขยายความหน่อยนะคะ
    postinor เป็นยาคุมหลังร่วมเพศ
    ส่วน GPO-vir เป็นยาต้ายไวรัส มักจะใช้กับคนไข้โรคเอดส์
    --------------------------------------
    ไม่คิดเลยว่า จะมีคน...ตามดูรู้ทัน...
    ถึงชื่อยาที่อิฉันเขียนเลยนะ
    คุณนี่ เก่งจังแฮะ เป็น พี่สาวโคนัน หรือเปล่าเจ้าคะ ^ - ^

    อ้าง คุณ แมท
    --------------------------
    อยากจะ marketing คุณบัวฯ แทนค่ะ
    อยากจะชวนคุณบัวฯ ศึกษาพระธรรมอย่างเต็มๆ
    ดิฉันคิดว่าคุณบัวฯ ก็มีความรู้ที่ดีในพระพุทธศาสนา
    แต่มีบางอย่างที่ทำให้ไม่ก้าวเข้ามาเต็มๆ
    จึงอยากเชิญชวนคุณบัวตัดสิ่งรุงรังนั้นออก
    และก้าวเข้าสู่เส้นทางสายเอกนี้ด้วยอีกท่านหนึ่งนะคะ
    --------------------------
    ขอบคุณในความปรารถนาดีเจ้าค่ะ ^ - ^
    ถ้าจะทำ marketing กับ อิฉัน น่ะ
    ต้องมี พริตตี้ น่ารัก ๆ มาออดอ้อนนะ
    อิฉันเป็นโรคแพ้ความสวย ^ - ^
    อืม... จริง ๆ พุทธะ เป็น เรื่องของการปฏิบัติ
    และ รู้จักปล่อยวางนะ
    ถ้าเรายังยึดติด กับ กฎ กรอบ
    และศรัทธาจริต มากเกินไป มันก็เหนื่อย
    อิฉันเลยตัดสิ่งรกรุงรังทั้งหลายออก
    เพื่อ หันมาปฏิบัติ อย่างเดียวไง
    ทาน ศีล สมาธิ วิปัสสนา และการตามดูรู้ทันจิต
    นั่นแหล่ะ สิ่งที่อิฉันกำลังทำอยู่
    ปัญญา มันไม่ได้เกิดจาก
    การกราบไหว้ พระโพธิสัตว์พันครั้งหรอกนะเจ้าคะ
    เด็กเภสัชอย่างอิฉัน ไม่เคยคิด
    จะ ยึดติดกับ เปลือก หรือ แก่น กระพี้ อ่ะ
    เราไม่เคยคิดจะเอาผ้าสามสีไปผูกต้นไม้ เพื่อกราบไหว้บูชา
    เพื่อหล่อหลอมจิตวิญญาณตัวเองให้เป็นหนึ่งเดียวกับต้นไม้
    แต่เราเรียนรู้ที่จะนำทุก ๆ ส่วนของต้นไม้มาใช้ประโยชน์เจ้าค่ะ
    อ้าง คุณ กอบ
    ----------------------------------
    พระธรรมคำสอนในพระพุทธศาสนา
    ไม่ได้แนะนำด้วยการชวนเชื่อ
    หรือเน้นเรื่องผลประโยชน์ทำแล้วรวยอะไรหรอกครับ
    แต่ท่านชวนมาพิสูจน์ ให้รู้ด้วยใจจริง ๆ
    ว่าธรรมะอันพระพุทธเจ้าแสดงไว้ดีแล้ว นั้นดับทุกข์ได้จริงๆ
    และได้ในเร็ววัน แค่ทกุข์เพราะโกรธ
    แล้วเรามีสติรู้ทัน โกรธก็หายได้ทันทีเลยถ้ารู้จริง ๆ มีสติทัน
    สิ่งนี้คือสิ่งที่พระพุทธเจ้าสอนไว้ ครับ ท่านท้าให้พิสูจน์
    ที่ท่านให้สาวกสอนพระพุทธศาสนา
    ท่านไม่ได้บอกให้หาสมาชิกเยอะ ๆ สักนิดครับ
    แต่ท่านให้สอนเพื่อนำประโยชน์ สุข
    แสดงธรรมะเพื่อดับทุกข์ ดับกิเลส แก่มหาชนทั้งหลาย ครับ
    ---------------------------------
    เห็นด้วยอย่างยิ่ง เพราะอิฉันเองก็คิดว่า
    พุทธศาสนา ไม่ช่าย ประกันชีวิต เอไอเอ เช่นกัน
    ดังนั้นจึงไม่จำเป็นต้องวิ่งหาลูกค้า เพื่อกินค่าคอมมิชชั่น
    เพียงแต่เสียดายนิดหน่อย ที่หลักปฏิบัติดี ๆ
    ( ศีล สมาธิ วิปัสสนา และ สติปัฏฐาน )
    มันไม่ได้ถูกนำมาใช้ประโยชน์
    กับสิ่งมีชีวิตที่เรียกว่า คน อย่างเต็มที่ ^ - ^

    จากคุณ : บัวเหล่าที่ 5 [ ตอบ: 01 ธ.ค. 51 17:56 ]
    ความคิดเห็นที่ 50 : (กอบ) อ้างอิง |

    อ้างอิง
    เห็นด้วยอย่างยิ่ง เพราะอิฉันเองก็คิดว่า
    พุทธศาสนา ไม่ช่าย ประกันชีวิต เอไอเอ เช่นกัน
    ดังนั้นจึงไม่จำเป็นต้องวิ่งหาลูกค้า เพื่อกินค่าคอมมิชชั่น
    เพียงแต่เสียดายนิดหน่อย ที่หลักปฏิบัติดี ๆ
    ( ศีล สมาธิ วิปัสสนา และ สติปัฏฐาน )
    มันไม่ได้ถูกนำมาใช้ประโยชน์
    กับสิ่งมีชีวิตที่เรียกว่า คน อย่างเต็มที่ ^ - ^

    แม้ในสมัยพระพุทธกาล พระพุทธเจ้ายังมีพระชนมายุอยู่ ก็มีคนที่สนใจธรรมะที่พระองค์สอนครับ
    และก็มีอีกพวกที่ไม่สนใจธรรมะที่พระองค์สอนครับ
    เป็นปรกติธรรมดาของโลกครับ ^_^
    พระพุทธเจ้าท่านตรัสไว้ว่าท่านเป็นผู้ชี้ทาง ส่วนคนจะเดินหรือไม่ท่านก็ช่วยไม่ได้ครับผม


    จากคุณ : กอบ [ ตอบ: 02 ธ.ค. 51 11:13 ]
    ความคิดเห็นที่ 51 : (บัวเหล่าที่ 5) อ้างอิง |

    เรียน คุณ มุ่งเต็มใจ
    ขอบคุณที่เอารูปสวย ๆ มาโพส
    มันทำให้อิฉันได้เรียนรู้เทคนิคการถ่ายรูปแยะเลย
    ว่าแต่คุณกำลัง ปูพรม
    ทำ marketing อะไรอยู่หรือเปล่าเอ่ย ?
    ระวังเหอะ เดี๋ยวถูก จขกท . เก็บค่าเช่าที่ ไม่รู้ด้วยนะ ^ - ^
    ขอสารภาพตามตรง อิฉันอ่านข้อความที่คุณโพส
    ด้วยความยากลำบากเป็นอย่างยิ่ง ( และอ่านไม่จบ )
    คือ ภาษามันสวย มัน ขลัง และเข้าถึงยากน่ะ
    ก็เหมือนเวลาที่อิฉันเห็น พระไตรปิฎก
    เป็นยาขมหม้อใหญ่ นั่นแหล่ะ
    เข้าใจที่คุณ peterderpan
    พูดเลยนะว่า
    โลกใบนี้คุณคงเคยเห็นครูหลายๆท่านเป็นคนเก่ง
    แต่ถ่ายทอดไม่ดี
    บางครั้งนักเรียนก็ไปงมต่อมากมาย นานแสนนาน
    คงต้องแยกเรื่องกิเลสออกจากศิลปะการถ่ายทอด
    พระพุทธองค์บางครั้งยังทรงใช้อุบายในทางธรรมเพื่อให้
    พระบางรูปเข้าถึงธรรม
    เพราะท่านเข้าใจเหตุผลเบื้องหลัง โมหะของคน

    แต่ไม่ว่าอย่างไร ขอบคุณเจ้าค่ะ
    ที่ให้เกียรติมาแจมในกระทู้ ^ - ^
    ปล.
    อืม...ตะคืน อิฉัน อ่าน
    ตอบปัญหาวิชาใจ ของ ทพ. สม มาล่ะ
    เลยได้รู้เรื่อง...
    ไอสไตน์ ที่รัก ของ อิฉัน
    เขาประกาศว่า ตนไม่นับถือศาสนาใด ๆ
    แต่เขาก็อดที่กล่าวไม่ได้ว่า
    ศาสนาในดวงใจของเขา คือ ศาสนาพุทธ
    คุณว่า ถ้า อิฉันพูดเลียนแบบ ไอดอลของอิฉันมั่ง
    จะถูกเก็บค่า ลิขสิทธิ์ ไหมเนี่ย ?^ - ^
    แก้ไขโดย บัวเหล่าที่ 5 เมื่อ 03 ธ.ค. 51 - 12:33

    [​IMG]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 13 ตุลาคม 2009
  13. 5th-Lotus

    5th-Lotus เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    354
    ค่าพลัง:
    +306
    เอาล่ะ ! ตัดริบบิ้น ปิดกาทู้ เจ้าค่ะ

    บ๊าย บายยยยยยยยยยยยยยยยย

    [​IMG]
     

แชร์หน้านี้

Loading...