คิดอย่างไรกับ การอถิฐานขอ นิพพาน

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย pichak, 5 มีนาคม 2011.

  1. pichak

    pichak Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    309
    ค่าพลัง:
    +69
    -เห็นมีครูบาอาจารย์บางองค์ท่านแนะว่า จะได้นิพพานแบบตรง ๆ เลย
    "ขอน้อมบารมีตั้งแต่อดีตชาติรวมจนถึงปัจจุบัน ให้ได้นิพพาน ในกาลบัดนี้ด้วยเทอญ"
    แล้วเหตุ ปัจจัยจะเข้ามาเชื่อมร้อยเอง

    -หรือจะให้ทะลุทะลวงข้ามนิพพานไปเลย "ขอน้อมบารมีตั้งแต่อดีตชาติรวมจนถึงปัจจุบัน ให้ได้นิพพาน ในกาลบัดนี้ และเข้าสู่เนื้อหาการโปรดสัตว์ ในกาลบัดนี้ด้วยเทอญ"

    ขอเมตตา ครับ
     
  2. Phanudet

    Phanudet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    8,434
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +15,647
    ไม่ใช่ว่าอย่างงู้อย่างนี้นะ....ของมีเหตุต้องมีผล.....

    อธิษฐานแล้วมันได้จริงนี่เขาได้กันทั่วบ้านทั่วเมือง....

    นิพพานมันจะได้กันทุกคนหละครับ....สำคัญแต่ว่ามีคุณธรรมคู่เคียงนิพพานหรือเปล่าเท่านั้นเอง....
     
  3. pim_jai

    pim_jai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    305
    ค่าพลัง:
    +568
    คิดว่าดีนะคะ เพราะจัดเป็นอธิษฐานบารมี ขนาดองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ายังต้องมีอธิษฐานบารมีเลย เวลาทำบุญกุศลก็ปรารถนาพระโพธิญาณ ท่านก็อธิษฐานมาเรื่อยๆจนสำเร็จ

    ส่วนเราเป็นสาวกก็ควรมีอธิษฐานบารมีเหมือนกัน ทำบุญกุศลทุกอย่างปรารถนาพระนิพพานคือความไม่กลับมาเกิดอีก แต่ผลจะเกิดได้ก็ต้องทำเหตุปัจจัยให้เหมาะสม มรรคผลจะเกิดก็ต่อเมื่อมีอิทธิบาท4ครบ และบุญกุศลทั้งหมดจากอดีตชาติกับปัจจุบันชาติมารวมตัวกัน มรรคผลถึงจะเกิด ทุกอย่างเป็นไปตามเหตุปัจจัยและวาระของมัน ถ้ายังไม่ถึงวาระที่จะได้ บุญยังไม่มารวมตัวกันมันก็ยังไม่ได้หรอกค่ะ ต้องทำไปเรื่อยๆอย่างสม่ำเสมอเมื่อถึงเวลาแล้วก็จะได้เองค่ะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 5 มีนาคม 2011
  4. ElFMan

    ElFMan สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    17
    ค่าพลัง:
    +3
    อฐิษฐาน ไม่ได้แปลว่า ขอ นะครับ

    อฐิษฐาน แปลว่าตั้งใจมั่นจนกว่าจะสำเร็จ

    ส่วนเรื่องการอฐิษฐานเพื่อหวังพระนิพพานในชาตินี้เป็นเรื่องที่ ดีอย่างยิ่งครับ
    แต่ผู้อฐิษฐานก็ต้องตรวจดูอฐิษฐานบารมีของตนเองด้วยนะครับ ว่าเราอยู่ขั้นใหน
     
  5. pichak

    pichak Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    309
    ค่าพลัง:
    +69
    -เคยได้ยินพระอาจารย์ที่เทศน์เกี่ยวกับ กัปการกำเหนิด กัป การกำเหนิดพระพุทธเจ้า ว่ากาลนี้เกิดขึ้นเพราะอะไรเป็นเหตุ เช่น กัลป์นี้ต้องมีพระพุทธเจ้า 5 กัปป์ ซึ่งนี่คือกัปที่ 4 และช่วงกึ่งพุทธกาล 5 พันปีนี้ จะมียุคพระศรีอารย์ เข้ามาสร้างบุญสัมพันธุ์อีกรอบ

    -ถ้าเรารีบใช้กาลเวลาให้เป็นประโยชน์ อธิฐานบารมี นิพพาน เหตุ และ ปัจจัย จะหันเข้ามาเชื่อม ย้ำคับ ว่าจะค่อยๆ หันเข้ามาหาเรา ตามเหตุ ตามปัจจัย มิต้องเพียรให้หนัก ทำให้หนัก ทำให้จริง ถ้าทำจริงก็ต้องไปบวช ไปอยู่ในป่าแล้ว ทิ้งอาชีพแล้วหละซิครับ หมายถึงอาศัยปัจจัยภายนอกเข้าเกื้อกูลครับ

    -หรือใครจะลังเลสงสัย ก็อธิฐานเลย กับพุทธอรหันต์(เฉพาะกาลนี้) เพราะอาจจมีใครบางคนเป็นลูกหลานท่าน (เรือลำใหญ่สีฟ้าแล่นมาแต่แดนไกลโพ้น เมื่อเรื่อลำใหญ่แล่นมา ก็ขออย่าให้รอช้า รีบขึ้นเรือนั้นไป)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 5 มีนาคม 2011
  6. GhostHead

    GhostHead เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    1,010
    ค่าพลัง:
    +1,878
    หลายๆ ท่านเขียนผิดนะครับ

    คำที่ถูกเขียนแบบนี้ครับ "อธิษฐาน"
     
  7. pichak

    pichak Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    309
    ค่าพลัง:
    +69
    -หลายๆ ท่านยังยึดมั่นบารมี ยึดบุญกุศล ว่าไม่บริบูรณ์ก็ได้นิพพานไม่ได้ ข้อหน้าสังเกตุคือ ขออธิษฐาน แล้วเหตุปัจจัย เหตุปัจจัย จะเข้ามาเขื่อม ส่ิงใดผุ้ใดขาดอะไร เดี๋ยวก็มีเหตุปัจจะเข้าให้เติมเต็มเอง เพียงแต่สร้างเหตุไว้ก่อน แล้วปัจจัยก็จะเข้ามาสนับสนุนเองครับ
     
  8. bluebaby2

    bluebaby2 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 กันยายน 2010
    โพสต์:
    2,471
    ค่าพลัง:
    +4,288
    ก็ดีนะครับจิตเราจะได้เกาะพระนิพพานแต่ระวังเจ้ากรรมนายเวรนะตรับ เพราะ
    พอรู้เราตั้งใจจะไปนิพพานก็รีบมาทวงหนี้เลย ถ้ากรรมชั่วเยอะๆ การอธิษฐาน
    ไปนิพพานอาจจะเป็นการเบิกบาปมาใช้ในช่วงแรกก็ได้ครับ อย่างผู้ที่จะมาเกิด
    เป็นชาติสุดท้ายนี่ต้องรับกรรมหนักกว่าคนอื่นเขา 3 - 7 เท่าเพราะเป็นร่างกาย
    สุดท้าย แต่ก็พูดยากครับจะนิพพานถ้าไม่เอาจริงเอาจังมันก็ทำให้แจ้งไม่ได้
    หรอกครับ
     
  9. numbernine

    numbernine เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    76
    ค่าพลัง:
    +285
    ผมอยากนิพพาน ตั้งแต่ยังไม่รู้จักคำว่านิพพาน

    ผมอยากนิพพาน ตั้งแต่ยังไม่รู้จักนิพพาน

    ความอยากนิพพานของผมเริ่มตอนอายุประมาณ 12 ขวบ
    คือวันนึงนั่งเล่นอยู่หน้าบ้านกับพี่สาว ผมก็นั่งคิดอยู่คนเดียวว่า ชาติหน้าเราจะเกิดเป็นอะไรดีนะ ผมก็เลยว่าเราเกิดเป็นนกดีกว่าจะได้บินไปไหนก็ได้ มีอิสระ โผบินอยู่ในท้องฟ้า ซักพักก็มีภาพหนังสติ๊กเข้ามาขวาง ทำให้นึกถึงความตายเข้ามา เลยบอกตัวเองว่าไม่อยากเป็นนกแล้ว ขอเป็นปลาดีกว่าจะได้ดำน้ำไปนู่นนี่ แต่พอมาคิดดูพ่อของเราก็เป็นชาวประมง ท่าทางเป็นปลาจะหนีความทุกข์กับาความตายไม่พ้น พอคิดดูใหม่ก็นึกว่าเราเกิดเป็นก้อนหินท่าจะดี จะได้ไม่มีใครทำร้าย ไม่เจ็บ ไม่ตาย แต่พอมานึกดู ก็คิดได้ว่าหากเราเป็นก้อนหิน เราก็จะไม่ได้เที่ยว ไม่ได้กิน ไม่เอาแล้ว

    หลังจากนั้นผมก็พยายามคิดอีกว่า เราจะเกิดเป็นอะไรดีที่ไม่มีทุกข์ มีแต่ความสบาย แต่ผมก็หาไม่เจอเนื่องด้วยผมคิดว่า แท้จริงแล้วนั้นทุกสิ่งในโลกแล้วต้องแตกดับไปตามกาลเวลา เราต้องรับไม่ได้แน่หากเราต้องพลัดพรากจากของที่เรารัก คนที่เรารัก ผมก็เลยบอกพี่สาวว่า ชาติหน้าผมจะไม่เกิดแล้วนะไม่เป็นอะไรทั้งสิ้นไม่เป็นคน ไม่เป็นเทวดาและไม่เป็นอะไรเลย นั้นเป็นความคิดแบบเด็ก ๆ

    วันนี้ผมอายุยี่สิบสี่ เพิ่งมาเข้าใจเมื่อไม่กี่ปีมานี้เองว่า สิ่งที่เราเคยคิดตอนยังเด็ก นั้นเป็นสัจธรรมที่พระพุทธองค์ทรงแสดง ตั้งแต่นั้นมาจิตของผมก็ปักที่พระนิพพานตลอด อธิษฐานเสมอว่าขอนิพพานในชาตินี้ หากไม่ได้จริง ๆ ขอนิพพานในยุคพระศรีอารย์เป็นอย่างน้อย อธิษฐานไปก่อนบวกกับการปฏิบัติแบบเท่าที่จะทำได้ ถึงแม้ว่าจะทำได้หรือไม่ก็ตาม

    แต่สังเกตุตัวเองนะครับว่าหลังจากอธิษฐานไปแล้ว กรรมที่ทำตามเร็วมากแบบวันต่อวัน เดือนต่อเดือน
    จนทุกวันนี้ กลัวแม้กระทั่งการฆ่ามดฆ่ายุงจนเลิกฆ่าไปหลายเดือนแล้ว และพยายามอยู่ในศีล 5 เท่าที่จะทำได้แต่ก็ไม่ได้รู้สึกว่าตัวเองลำบากเลยนะครับ อาจมีบ้างเหมือนกันที่พลาดพลั้งไป แต่ก็คิดเสมอว่าเราเป็นพุทธบุตรขององค์ตถาคต ท่านคงเมตตาสังเคราะห์เราบ้าง สุดท้ายแล้ว ถึงหรือไม่ถึงค่อยว่ากัน

    แล้ว จขกท ล่ะครับอธิษฐานด้วยหรือเปล่า
    ขอให้เจริญในธรรมครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 6 มีนาคม 2011
  10. เด็กอนุบาล

    เด็กอนุบาล เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กรกฎาคม 2007
    โพสต์:
    689
    ค่าพลัง:
    +4,156
    การอธิษฐานขอพระนิพพาน เป็นเหตุหนึ่งที่ทำให้ถึงพระนิพพาน
    ผู้ที่จะถึงพระนิพพานต้องสร้างเหตุแห่งการถึงพระนิพพานให้ครบสมบูรณ์

    สรุปว่าดีครับ ขาดข้อนี้ก็ไม่ถึงพระนิพพานครับ เพราะถ้าขาดก็เหตุไม่ครบครับ
    แต่เหตุอื่นก็ต้องสร้างด้วย เหตุอื่นสร้างไม่ครบก็ไม่ถึงพระนิพพานครับ
    เหตุอื่นมีอะไรบ้างก็คือไล่ดูตามบารมีสิบนะครับ ลองไล่ตรวจดูบ่อยๆ ทุกวันๆ จะได้ไม่ประมาทในการสร้างเหตุ ครูบาอาจารย์ท่านเน้นจุดนี้ เราจะได้ไม่พลาดผลครับ

    ศาสนาพุทธเป็นศาสนาแห่งเหตุผลครับ เหตุไม่ครบ ผลก็ไม่เกิด
     
  11. เด็กอนุบาล

    เด็กอนุบาล เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กรกฎาคม 2007
    โพสต์:
    689
    ค่าพลัง:
    +4,156
    ก็ยังถือว่าการอธิษฐานพระนิพพานชาตินี้คุ้มค่ามากครับ เมื่อเทียบกับความทุกข์ในการเวียนว่ายตายเกิดต่อไปเพื่อมารับกรรมเก่าและกรรมใหม่ เสี่ยงอย่างยิ่งที่ผู้ปรารถนาการเวียนว่ายตายเกิด ไม่เด็ดเดี่ยวในพระนิพพานมากพอจะไปเกิดในทุคคติ เช่นบางชาติเป็นหมาขี้เรือน บางชาติเป็นคนพิการ บางชาติเป็นขอทาน บางชาติตกนรกหมกไหม้ทรมานที่สุด

    แต่เมื่ออธิษฐานแล้ว ถ้าทำทาน ศีล ภาวนาทุกวันและหมั่นอุทิศบุญให้เจ้ากรรมนายเวรและขออโหสิกรรม รวมถึงอุทิศุบุญให้ท่านเทพเจ้าและครูบาอาจารย์ผู้มีพระคุณทั้งหลายให้ท่านช่วยคุ้มครอง ชีวิตก็น่าจะไม่โดนกรรมเล่นงานหนักขนาดสามเท่าเจ็ดเท่ามั๊งครับ

    ในทางกลับกัน ผมเชื่อว่าการอธิษฐานพระนิพพานชาตินี้น่าจะทำให้ชีวิตเป็นสุขขึ้นด้วยนะครับ เพราะถ้าผลของการอธิษฐานทำให้ชีวิตแย่เกินไปจนจิตกังวล ก็ไม่เอื้อต่อการเข้าพระนิพพานในชาตินี้สิครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 6 มีนาคม 2011
  12. ปุณฑ์

    ปุณฑ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กันยายน 2008
    โพสต์:
    2,760
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +4,692
    อธิษฐานไม่ใช่การขอ แต่เป็นความตั้งใจที่จะทำให้ได้สิ่งที่มุ่งหวังนั้น

    การจะขอให้บารมีตั้งแต่อดีตชาติถึงปัจจจุบัน มารวมให้ได้นิพพาน แล้วเหตุปัจจัยจะมาเชื่อมร้อยเอง
    ที่น่าสนใจคือ จะขอจากใคร ให้เป็นผู้มาเชื่อมร้อยบารมีตนแต่อดีตถึงปัจจุบันให้นิพพาน
    ประเด็นต่อมา คือ บารมีที่ทำมาแต่อดีตถึงปัจจับัน มันเป็นเหตุปัจจัยให้นิพพานจริงหรือ หรือที่ทำมาล้วนแต่เป็นเหตุให้วนเวียนอยู่ในสังสารวัฏ ซึ่งกฏแห่งกรรมเขาทำหน้าที่อยู่แล้ว ไม่ต้องขอก็ได้

    ส่วนบารมีอะไรที่อยากทำ การอธิษฐานก็คือความมุ่งมั่นในการจะทำ การระลึกถึงคำอธิษฐานย้ำการอธิษฐาน ก็เพื่อเตือนให้ตัวเองมีความมุ่งมั่นต่อไป
    การอธิษฐานเพื่อนิพพาน ก็ต้องดูเหตุให้ถึงนิพพานต้องกระทำสิ่งใด อะไรที่ต้องทำต่อไป

    นิพพานมาขอเอาจากใครไม่ได้หรอก


    แต่ถ้าอยากไปแดนนิพพาน สถานที่ฝ่ายโลกุตตระแสดงกายธรรมในการติดต่อกับฝ่ายบัญญัติเพราะฝ่ายบัญญัติยังตกอยู่ในสังสาร ก็ลองไปฝึกมโนมยิทธิดู แบบนี้ครูบาอาจารย์อาจใช้กำลังสมาธิช่วยได้(กำลังพระ)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 6 มีนาคม 2011
  13. Cyan

    Cyan Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2010
    โพสต์:
    23
    ค่าพลัง:
    +54
    อนุโมทนาสาธุกับธรรมทานจากทุกท่านค่ะ
    เคยอ่านมาว่า การอธิษฐาน คือ การวางเป้าหมายให้ตัวเองไม่หลงทาง
    แต่การอธิษฐานนั้นหากมีความโลภ เช่น ขอให้ถูกหวยหรือรวย ก็จะไม่ใช่อธิษฐานบารมี

    ส่วนตัวดิฉันเองก็อธิษฐานเป็นประจำ ตื่นมาตอนเช้าและก่อนนอน
    เคยเป็นเหมือนที่คุณ numbernine ว่า ตั้งแต่เริ่มอธิษฐานขอพระนิพพาน
    กรรมชั่วใดๆ ที่เคยทำในอดีต กลับส่งผลในปัจจุบัน ราวกับว่ากลัวเราไม่ใช้หนี้คืน
    เจ็บป่วยเข้าโรงพยาบาลเป็นปกติ เลยทำให้ทุกวันนี้ แม้แต่มดแมลงก็ไม่กล้าเบียดเบียนเขา
    เดินหนียุงตัวเดียวไปอยู่ห้องอื่น ใครว่าบ้าไม่เป็นไร แต่ไม่อยากให้ศีลด่างพร้อย

    อีกอย่าง อาจารย์ที่เคารพนับถือท่านเคยสอนมาว่า อย่าคิดว่าการอธิษฐานเป็นความโลภ
    หากอธิษฐานเพื่อบรรลุมรรคผล นั่นคือ อธิษฐานบารมีค่ะ

    แม้หนทางพระนิพพานจะยาวไกลสำหรับบางคน หรือแค่เอื้อมสำหรับบางคน
    ในเมื่อจิตตั้งมั่นจะไปพระนิพพานแล้ว ขอให้เพียรพยายามปฏิบัติเพื่อหลุดพ้นกันดีกว่าค่ะ
    ขอให้ทุกท่านเข้าสู่กระแสพระนิพพานโดยเร็วนะคะ
     
  14. pichak

    pichak Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    309
    ค่าพลัง:
    +69
    1.การจะขอให้บารมีตั้งแต่อดีตชาติถึงปัจจจุบัน มารวมให้ได้นิพพาน แล้วเหตุปัจจัยจะมาเชื่อมร้อยเองที่น่าสนใจคือ จะขอจากใคร ให้เป็นผู้มาเชื่อมร้อยบารมีตนแต่อดีตถึงปัจจุบันให้นิพพาน
    - ครูบาอาจารย์็ที่เคารพในใจ
    - พระประธาน
    - ผู้เดินทางธรรมมีองค์คุณ องค์ธรรม ผู้คุ้มครอง (อย่างเช่น มาบอกในฝัน ว่า ให้ทำโน้น ทำนี่ หรือ มาทดสอบ มาเฉยธรรม ท่านดูและอยู่) ท่านสามารถเชื่อมร้อยได้
    - น้อมบารมีครูบาอาจารย์เชื่อมร้อยได้ เพราะบารมีเราอาจจะไม่ถึง แต่อาศัยความสัมพันธุ์เรากับครูบาอาจารย์
    - อื่นๆ นึกไม่ออกและ
    - เขาเรียกว่า อาศัยเหตุปัจจัยภายนอกมาเกื้อหนุน(เดินไม่เหนื่อยมาก) ตรงทางจะตกไปสู่ไหน ๆ ก็ขอให้ไปตรงทางพระนิพพาน

    2.ประเด็นต่อมา คือ บารมีที่ทำมาแต่อดีตถึงปัจจับัน มันเป็นเหตุปัจจัยให้นิพพานจริงหรือ หรือที่ทำมาล้วนแต่เป็นเหตุให้วนเวียนอยู่ในสังสารวัฏ ซึ่งกฏแห่งกรรมเขาทำหน้าที่อยู่แล้ว ไม่ต้องขอก็ได้
    - เป็นการตั้งเข็มทิศครับว่าจะไปทางใด และ เปรียบใครอยากแสดงความสามารถขึ้นมาบนเวที

    - เมื่อไปกราบครูบาอาจารย์ ขณะเดียวท่านก็รู้แล้ว ว่าเราทำอะไรมาบ้าง ติดขัอะไร ขออะไร ส่วนไหนทีขาด ก็เติมเต็มให้บริบูรณ์ เปรียบดัง เขาไม่อยากได้ไปแก้ไขให้เขา เขาก็ไม่สน แต่เราแสดงเจตนาแล้ว เหตุ ปัจจัย จะเข้ามาสนับสนุนเอง เพียงเรายกมือแสดงตัวไว้ก่อน

    3.ส่วนบารมีอะไรที่อยากทำ การอธิษฐานก็คือความมุ่งมั่นในการจะทำ การระลึกถึงคำอธิษฐานย้ำการอธิษฐาน ก็เพื่อเตือนให้ตัวเองมีความมุ่งมั่นต่อไป
    การอธิษฐานเพื่อนิพพาน ก็ต้องดูเหตุให้ถึงนิพพานต้องกระทำสิ่งใด อะไรที่ต้องทำต่อไป
    - เราไม่รู้ว่าเราขาดเกิน สิ่งใด แต่เราตั้งเป้าเอาไว้ เหตุ และ ปัจจัย จะเข้ามาเติม ต้องทำอะไรเพิ่ม ต้องเดินอย่างไร ต้องไปกราบครูบาอาจารย์ ที่ไหน ประมาณนี้
    - ถ้าเชื่อมั่นในการเดินทางธรรมว่า ไม่ได้เดินทางคนเดียว แต่มีผู้ดูอยู่ มีผู้เห็นอยูรอบ ๆ ตัวเราก็มี แต่เราไม่เห็นเอง ไม่ต้องใช้ตาทิพย์ดู ตาเนื้อปกติก็เห็นได้ ว่าสิ่งที่ไม่เห็นใช่ว่าไม่มี เห็นกลางวันแสก ๆ เลยครับ
    - นิพพาน

    4.นิพพานมาขอเอาจากใครไม่ได้หรอก
    - ใช่ครับ ขอไม่ได้ แต่เราสร้างเหตุ เอาไว้ก่อน ว่าเรายกมือขึ้นว่าเราต้องการ ก็จะมีปัจจัยเข้ามา บอกละเอียดไม่ได้ ต่างคนสร้างกุศลมา มาก น้อย ใหญ่ ไม่เสมอกัน จึงมีการตอบรับที่ต่างกันไป เฉพาะตน
    - ก็นั่งสมาธิ บางคนก็ทำไม่ได้ ให้ตายก็ทำไม่ได้ แต่ทำไมเราทำได้ง่าย นั่นคือ เหตุ - ปัจจัย ว่าทำไมเราต่างกัน

    5.แต่ถ้าอยากไปแดนนิพพาน สถานที่ฝ่ายโลกุตตระแสดงกายธรรมในการติดต่อกับฝ่ายบัญญัติเพราะฝ่ายบัญญัติยังตกอยู่ในสังสาร ก็ลองไปฝึกมโนมยิทธิดู แบบนี้ครูบาอาจารย์อาจใช้กำลังสมาธิช่วยได้(กำลังพระ)
    - งง กับคำถามครับ
    - ศึกษาลายละเอียดเกี่ยวกับนิพพานเพิ่มเติมคับ จะไ้ด้เชื่อมร้อยได้ เพราะเอาการปฎิบัติ ญาน ฌาน ไปใช้กับนิพพานไม่ได้ ต้องทิ้ง องค์ฌาน องค์ญาน ทั้งหมด พอหลาย ๆ ท่าน พอเจอทิ้ง ก็ว่าบ้า บำเพ็ญมาตั้งนานให้ทิ้ง ไม่เอา นี่ขนาดได้แล้วยังไม่ยอมทิ้ง ถ้าเรายังไม่ได้ ก็น่าจะทิ้งได้ง่ายกว่า
    - นิพพาน จะต้องไม่มีอะไร ตัญหา องค์ฌาน องค์ญาน ไม่ยึดสิ่งใด ปล่อย คลาย วาง ว่างเอง(ข้อนี้สอบถามครูบาอาจารย์ก่อนนะคับ ค่อยตอบ) แล้วฤทธิ์อะไรที่เคยสั่งสมมา จะมาเอง บอกให้ก็ได้ จะได้ไม่สงสัย แต่อย่าเก็บเอาไว้เป็นตัญหานะครับ เพราะความอยากได้นิพพานเพราะมีฤทธิ์ ก็แป๊คอีก
    - นิพพาน ใช้คำว่าได้นิพพานคับ ไม่ใช่แดนนิพพาน นิพพานไม่ใช่สถานที่
    คำจำกัดหรือสังเหตุ จะใช้คำว่า ไร้ตัว ไร้ตน ได้นิพพาน นิพพานไม่ใช่อะไร ไม่ใช้คำว่าสภาวะ เพราะสภาวะยังมีการกำหนด พอเลิกกำหนดก็ไม่มีสภาวะ

    6.สำหรับผู้ที่อธิษฐานแล้วกรรมมาตามอย่างจรวด
    - ก็รีบๆสร้างกุศลแล้วอุทิศให้เขาไป และอย่าลืมขออโหสิกรรม ไม่ว่าเราเป็นผู้กระทำ หรือ เป็นผู้ถูกกระทำ บัดนี้ข้าพเจ้าสำนึกแล้ว ขออโหสิ ต่อหน้าพระที่บ้าน โดยใช้ธูป 16 ดอก น้อมบารมีครูบาอาจารย์ เป็นการเชื่อมร้อย
    - ทำไมต้องเป็นธูป 16 ดอก เคยมีบางวัดบอกว่า เป็นการขอบารมีจากที่อื่นครับ ผิดถูกผมไม่เกี่ยวนะคับ<!-- google_ad_section_end -->
     
  15. bluebaby2

    bluebaby2 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 กันยายน 2010
    โพสต์:
    2,471
    ค่าพลัง:
    +4,288
    กลายเป็นคุณ numbernine ไปซะแล้ว ถ้าเคยอธิษฐานจริงก็น่าจะรู้ว่ากรรมมันติดจรวดอย่างไร แบบจะเอากันให้ตายไปเลย แต่ถ้าบุญตามทันก็อย่างหลวงปู่เณรคำเรียกว่่าสุดยอดก็ว่าได้ คือมันเป็นการเร่งโซ่กรรมถ้าเป็นบุญก็ดีไป ถ้าบาปมากก็หนักครับ นิพพานนั้นมันไม่ใช่สถานที่ครับ แต่ไอ้ที่เคยมโนขึ้นไปดูมันก็มีอยู่แต่โดยเนื้อแท้แล้วนิพพานไม่ใช่สถานที่ เหมือนกับสวรรค์โดยเนื้อแท้ก็ไม่ใช่สถานที่รอบตัวแต่เป็นประสบการณ์ แล้วอย่างที่มันเป็นสถานที่ วิมาณทองอะไรพวกนี้มันก็มีอยู่
     
  16. ปุณฑ์

    ปุณฑ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กันยายน 2008
    โพสต์:
    2,760
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +4,692
    สีน้ำงเงินอ้างอิงคุณpichak

    1.การจะขอให้บารมีตั้งแต่อดีตชาติถึงปัจจจุบัน มารวมให้ได้นิพพาน แล้วเหตุปัจจัยจะมาเชื่อมร้อยเองที่น่าสนใจคือ จะขอจากใคร ให้เป็นผู้มาเชื่อมร้อยบารมีตนแต่อดีตถึงปัจจุบันให้นิพพาน
    - ครูบาอาจารย์็ที่เคารพในใจ
    - พระประธาน
    - ผู้เดินทางธรรมมีองค์คุณ องค์ธรรม ผู้คุ้มครอง (อย่างเช่น มาบอกในฝัน ว่า ให้ทำโน้น ทำนี่ หรือ มาทดสอบ มาเฉยธรรม ท่านดูและอยู่) ท่านสามารถเชื่อมร้อยได้
    - น้อมบารมีครูบาอาจารย์เชื่อมร้อยได้ เพราะบารมีเราอาจจะไม่ถึง แต่อาศัยความสัมพันธุ์เรากับครูบาอาจารย์
    - อื่นๆ นึกไม่ออกและ
    - เขาเรียกว่า อาศัยเหตุปัจจัยภายนอกมาเกื้อหนุน(เดินไม่เหนื่อยมาก) ตรงทางจะตกไปสู่ไหน ๆ ก็ขอให้ไปตรงทางพระนิพพาน
    ท่าจะมีคนรวมบารมีอดีตถึงปัจจุบันให้หลายคนนะ ก็ดีไม่ต้องทำเอง
    แต่คุณว่าปฏิบัติธรรมโดยไม่ต้องทำอะไรนี่นา
    แต่บารมีนี่ต้องทำใช่ไหม ทำแล้วก็ให้คนอื่นมารวมให้ไปนิพพาน พยายามเข้าใจจนได้นะเนี่ย


    2.ประเด็นต่อมา คือ บารมีที่ทำมาแต่อดีตถึงปัจจับัน มันเป็นเหตุปัจจัยให้นิพพานจริงหรือ หรือที่ทำมาล้วนแต่เป็นเหตุให้วนเวียนอยู่ในสังสารวัฏ ซึ่งกฏแห่งกรรมเขาทำหน้าที่อยู่แล้ว ไม่ต้องขอก็ได้
    - เป็นการตั้งเข็มทิศครับว่าจะไปทางใด และ เปรียบใครอยากแสดงความสามารถขึ้นมาบนเวที
    - เมื่อไปกราบครูบาอาจารย์ ขณะเดียวท่านก็รู้แล้ว ว่าเราทำอะไรมาบ้าง ติดขัอะไร ขออะไร ส่วนไหนทีขาด ก็เติมเต็มให้บริบูรณ์ เปรียบดัง เขาไม่อยากได้ไปแก้ไขให้เขา เขาก็ไม่สน แต่เราแสดงเจตนาแล้ว เหตุ ปัจจัย จะเข้ามาสนับสนุนเอง เพียงเรายกมือแสดงตัวไว้ก่อน
    อ้อ ก็ดีให้คนอื่นช่วยต่อไป ขาดเกินนี่ให้คนอื่นจัดให้นะ


    3.ส่วนบารมีอะไรที่อยากทำ การอธิษฐานก็คือความมุ่งมั่นในการจะทำ การระลึกถึงคำอธิษฐานย้ำการอธิษฐาน ก็เพื่อเตือนให้ตัวเองมีความมุ่งมั่นต่อไป
    การอธิษฐานเพื่อนิพพาน ก็ต้องดูเหตุให้ถึงนิพพานต้องกระทำสิ่งใด อะไรที่ต้องทำต่อไป
    - เราไม่รู้ว่าเราขาดเกิน สิ่งใด แต่เราตั้งเป้าเอาไว้ เหตุ และ ปัจจัย จะเข้ามาเติม ต้องทำอะไรเพิ่ม ต้องเดินอย่างไร ต้องไปกราบครูบาอาจารย์ ที่ไหน ประมาณนี้
    - ถ้าเชื่อมั่นในการเดินทางธรรมว่า ไม่ได้เดินทางคนเดียว แต่มีผู้ดูอยู่ มีผู้เห็นอยูรอบ ๆ ตัวเราก็มี แต่เราไม่เห็นเอง ไม่ต้องใช้ตาทิพย์ดู ตาเนื้อปกติก็เห็นได้ ว่าสิ่งที่ไม่เห็นใช่ว่าไม่มี เห็นกลางวันแสก ๆ เลยครับ
    - นิพพาน
    เห็นอะไรมาหรือ กลางวันแสกๆ น่ะ เห็นนิพพานหรือ เป็นอย่างไรล่ะ


    4.นิพพานมาขอเอาจากใครไม่ได้หรอก
    - ใช่ครับ ขอไม่ได้ แต่เราสร้างเหตุ เอาไว้ก่อน ว่าเรายกมือขึ้นว่าเราต้องการ ก็จะมีปัจจัยเข้ามา บอกละเอียดไม่ได้ ต่างคนสร้างกุศลมา มาก น้อย ใหญ่ ไม่เสมอกัน จึงมีการตอบรับที่ต่างกันไป เฉพาะตน
    - ก็นั่งสมาธิ บางคนก็ทำไม่ได้ ให้ตายก็ทำไม่ได้ แต่ทำไมเราทำได้ง่าย นั่นคือ เหตุ - ปัจจัย ว่าทำไมเราต่างกัน
    ก็ยกมือไปนะ จะสร้างเหตุอะไรต่อไป ก็รอให้คนอื่นมาช่วยบอกต่อไปนะ


    5.แต่ถ้าอยากไปแดนนิพพาน สถานที่ฝ่ายโลกุตตระแสดงกายธรรมในการติดต่อกับฝ่ายบัญญัติเพราะฝ่ายบัญญัติยังตกอยู่ในสังสาร ก็ลองไปฝึกมโนมยิทธิดู แบบนี้ครูบาอาจารย์อาจใช้กำลังสมาธิช่วยได้(กำลังพระ)
    - งง กับคำถามครับ
    - ศึกษาลายละเอียดเกี่ยวกับนิพพานเพิ่มเติมคับ จะได้เชื่อมร้อยได้ เพราะเอาการปฎิบัติ ญาน ฌาน ไปใช้กับนิพพานไม่ได้ ต้องทิ้ง องค์ฌาน องค์ญาน ทั้งหมด พอหลาย ๆ ท่าน พอเจอทิ้ง ก็ว่าบ้า บำเพ็ญมาตั้งนานให้ทิ้ง ไม่เอา นี่ขนาดได้แล้วยังไม่ยอมทิ้ง ถ้าเรายังไม่ได้ ก็น่าจะทิ้งได้ง่ายกว่า
    - นิพพาน จะต้องไม่มีอะไร ตัญหา องค์ฌาน องค์ญาน ไม่ยึดสิ่งใด ปล่อย คลาย วาง ว่างเอง(ข้อนี้สอบถามครูบาอาจารย์ก่อนนะคับ ค่อยตอบ) แล้วฤทธิ์อะไรที่เคยสั่งสมมา จะมาเอง บอกให้ก็ได้ จะได้ไม่สงสัย แต่อย่าเก็บเอาไว้เป็นตัญหานะครับ เพราะความอยากได้นิพพานเพราะมีฤทธิ์ ก็แป๊คอีก
    - นิพพาน ใช้คำว่าได้นิพพานคับ ไม่ใช่แดนนิพพาน นิพพานไม่ใช่สถานที่
    คำจำกัดหรือสังเหตุ จะใช้คำว่า ไร้ตัว ไร้ตน ได้นิพพาน นิพพานไม่ใช่อะไร ไม่ใช้คำว่าสภาวะ เพราะสภาวะยังมีการกำหนด พอเลิกกำหนดก็ไม่มีสภาวะ
    ต้องไปศึกษาเรื่องธรรมกาย(ไม่ใช่วัดธรรมกาย) ขี้เกียจอธิบาย เพราะไม่แน่สำหรับบางคนอาจจะเข้าใจยากกว่าเรื่องนิพพานอีก เอาพอประมาณ ที่นี่เป็นเรื่องของการติดต่อฝ่ายโลกุตตระซึ่งดับขันธ์ห้า ไม่ตกอยู่ในภพภูมิ ไม่ใช่ตัวตน แต่ต้องใช้บัญญัติในการติดต่อกับฝ่ายบัญญัติซึ่งตกอยู่ในภพภูมิ ไม่เช่นนั้นก็ไม่สามารถสื่อสารกันได้ ช่างมันเถอะ แดนนิพพานไม่จำเป็นต้องเกิดขึ้นกับใครเลยก็ได้ แต่ถ้าเกิดขึ้นกับใคร ก็เป็นเพียงนิมิต ไม่ต่างจากความไม่เที่ยงของโลกต่างๆ เป็นการสื่อสารกับฝ่ายโลกุตตระ


    <!-- google_ad_section_end -->
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 6 มีนาคม 2011
  17. Samarnl

    Samarnl เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    2,287
    ค่าพลัง:
    +4,704
    เท่าที่อ่านของท่านผู้รู้ทั้งหลายพูดถึงอธิษฐานขอให้เข้าถึงพระนิพพาน

    ถ้าหากเราเอาแต่อธิษฐานอย่างเดียวจะเข้าถึงไหม ก็ไม่น่าจะเป็นไปได้
    ถ้าเราไม่ต้องอธิษฐาน แต่เราเดินตามทางองค์มรรค 8 จะเข้าถึงไหม ก็น่าจะเป็นไปได้
    ถ้าเราปฏิบัติตามทางองค์มรรค 8 แม้จะไม่เป็นมัคสมังคีย์ แต่สุคติเป็นที่หวังได้
    ถ้าเราปฏิบัติตามทางองค์มรรค 8 ถ้าให้เป็นมัคสมังคีย์ ก็เข้าถึงได้

    เพราะองค์มรรค 8 เป็นเอกายมมรรค เป็นทางสายเดียว เป็นทางสายเอก
    เป็นทางสายกลาง เป็นหนทางที่เข้าถึง พระนิพพาน แล้วจะมีอะไรอีกหรือ....
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 8 มีนาคม 2011
  18. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,427
    ค่าพลัง:
    +35,048
    ปล.ส่วนตัวนะครับ...
    ถึงจุดหนึ่งถึงแม้ไม่คิด..ก็มีความคิดผุดขี้นมาเอง..
     
  19. itipizo

    itipizo Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    178
    ค่าพลัง:
    +86
    เราไปติดสมมุติของภาษา
    ซึ่งทิ้งรากเหง้าความหมายเดิมของ อธิษฐาน

    ชาวพุทธ อธิษฐาน เพื่อสำทับไว้บ่อยในจิตตนว่า
    ฉันจะทำสิ่งนี้ ย้ำชัดเป้าหมายไว้ให้ติดจิตติดกับใจ
    ไม่ให้ออกนอกทาง เราตั้งใจมั่นเพื่อกระทำสิ่งนั้น
    นี่คือ อธิษฐาน ของชาวพุทธ ที่แปลว่า
    ผู้รู้ ผู้ตื่น และเบิกบานแล้ว มีปกติทำกัน

    อธิษฐานบารมี
     
  20. guaregod

    guaregod เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    962
    ค่าพลัง:
    +1,009
    ขออ่ะขอได้ไม่เป็นไร แต่จะได้ไม่ได้ก็อีกเรื่อง
    มันก็เหมือนขอให้รวยเป็นเศรษฐีอ่ะครับ ถ้าไม่ทำงานไม่หาเงินนอนรอกินรอไปวันๆก็ไม่รวยหรอกครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...