เรื่องเด่น ความแตกต่างของพระอริยะกับผู้วิเศษเรามักสับสน ท่านปยุตฺโต ได้เมตตาแยกให้กระจ่าง

ในห้อง 'พุทธศาสนา และ ธรรมะ' ตั้งกระทู้โดย ษิตา, 2 กุมภาพันธ์ 2017.

  1. ษิตา

    ษิตา ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มิถุนายน 2006
    โพสต์:
    10,209
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,230
    ค่าพลัง:
    +34,711
    ความแตกต่างของพระอริยะกับผู้วิเศษเรามักสับสน ท่านปยุตฺโต ได้เมตตาแยกให้กระจ่าง

    1401011-2.jpg
    พระอริยะกับผู้วิเศษต่างกันอย่างไร?

    ถ้าเราเข้าใจข้อนี้แล้ว เราก็จะอยู่ในสถานการณ์ปัจจุบันได้ดีขึ้น เพราะประชาชนในปัจจุบันนี่สับสนมาก มักเอาความเป็นผู้วิเศษกับความเป็นพระอริยะเป็นอันเดียวกันเสีย ถ้าอย่างนี้แล้วหลักพระศาสนาก็จะสับสนแล้วก็เสื่อมด้วย

    ผู้วิเศษ คืออะไร เรามักจะเรียกคนมีฤทธิ์นั่นเองว่าเป็นผู้วิเศษ เช่น โยคี ฤาษี ดาบส ก่อนพุทธกาล ก่อนที่พระพุทธเจ้าจะอุบัติขึ้นก็มีโยคี ฤาษี ดาบส เยอะ อยู่ในป่า ได้ฌานสมาบัติ ได้โลกียอภิญญา มีฤทธิ์ มีปาฏิหาริย์ หูทิพย์ ตาทิพย์ อะไรต่าง ๆ เหล่านี้ เราเรียกได้ว่าเป็นผู้วิเศษ คือผู้มีฤทธิ์นั่นเอง


    tnews_1484449082_7735.jpg



    1401011-1.jpg

    1401012-1.jpg

    ลองมาดูความหมายของ “พระอริยะ” ว่าคืออะไร?

    พระอริยะ คือท่านผู้ไกลจากกิเลส เป็นผู้ประเสริฐ เพราะไกลจากกิเลส ไกลจากกิเลสก็คือ หมดจากโลภะ โทสะ โมหะ หรือว่ากำจัดความโลภ โกรธ หลง ให้ลดน้อยเบาบางลง กิเลสน้อยลงไป ๆ จนกระทั่งว่าเป็นอริยะ อย่างสูงสุดคือเป็นพระอรหันต์ ซึ่งหมดจากกิเลสทั้ง 3 อย่าง คือ โลภ โทสะ โมหะ เป็นผู้บริสุทธิ์ ประเสริฐสูงสุด

    อย่างนี้แยกได้หรือยัง?

    ผู้วิเศษไม่จำเป็นต้องเป็นอริยะ

    พระพรหมคุณาภรณ์ (ป. อ. ปยุตฺโต)

    ที่มา: หนังสือ “คำถามสำหรับชาวพุทธ”, http://swis.act.ac.th/

    1401013-1.jpg


    1401013-2.jpg


    ข่าวโดย : กิตติ ทีนิวส์ / สำนักพิมพ์ กรีนปัญญาญาณ/ ทีมข่าวปัญญาญาณ – ทีนิวส์




    ------------
    ที่มา
    http://panyayan.tnews.co.th/contents/220250/
     
  2. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,427
    ค่าพลัง:
    +35,048
    ชัดเจนที่สุด
     
  3. บ้องแบ้ว

    บ้องแบ้ว นางฟ้าผู้น่ารัก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    3,293
    กระทู้เรื่องเด่น:
    105
    ค่าพลัง:
    +5,301
    สาธุค่ะพระคุณเจ้า ขอเลือกเป็นพระอริยะเจ้าค่ะ ขอเดินตามรอยทางองค์สัมมาสัมพุทธเจ้าค่ะ
     
  4. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,427
    ค่าพลัง:
    +35,048
    พูดแบบทั่วๆไปนะครับ
    ถ้าสังเกตุเพิ่มเติมจากบทความ
    จะพบว่า โลกียอภิญญาจะเรียกว่า
    ผู้วิเศษหรือผู้มีฤิทธิ์ แต่มีหลักสังเกตุเพิ่ม
    อีกว่า พวกนี้มันเสื่อมได้ ไม่แน่นอน...
    ซึ่งผู้ที่เป็นแบบนี้ มักจะติดในลาภ ยศ สุข สรรเสริญ
    อย่างใดอย่างหนึ่ง

    แต่สำหรับพระอริยะหรือผู้ห่างไกลจากกิเลส
    ไม่ใช่ว่าท่านจะไม่มีคุณวิเศษเหล่านี้เลย
    ท่านมีได้ของท่านเองเช่นกัน เราเรียกว่าโลกุตระอภิญญา
    คือเป็นคุณวิเศษที่มันไม่เสื่อมและมีพัฒนาขึ้นได้เรื่อยๆ
    แปรผันตามระดับกิเลสที่ลดน้อยลงได้แค่ไหน
    สังเกตุได้ง่ายๆว่า ท่านเหล่านี้ จะไม่ติด ในลาภ ยศ
    สุข สรรเสริญ ครับ

    นี่คือหลักสังเกตุว่า อริยะไม่จำเป็นจะต้องเป็นผู้วิเศษ
    หมายความว่า ท่านที่เป็นอริยะอาจไม่มีคุณวิเศษเลยก็ได้
    หรือท่านที่เป็นอริยะอาจมีคุณวิเศษก็ได้

    แต่หลักๆการสังเกตุง่ายๆในท่านที่มีคุณวิเศษหรือไม่มีคุณวิเศษ
    ให้สังเกตุดูว่า ท่านใดที่ยังติดในลาภ ยศ สุข สรรเสริญอยู่

    ถ้าท่านยังติดอยู่ แม้มีคุณวิเศษก็ไม่ถือว่าเป็นอริยะครับ
    แต่ถ้าท่านมีคุณวิเศษด้วยแต่ไม่ติดในลาภยศสุขสรรเสริญ
    ถือว่าเป็นอริยะที่มีคุณวิเศษด้วย
    แต่ถ้าท่านไม่มีคุณวิเศษแต่ไม่ติดในลาภยศสุขสรรเสริญ
    ก็ถือว่าท่านเป็นอริยะแต่ไม่มีคุณวิเศษครับ....

    ต้องสังเกตุและแยกดีๆนะครับ..
    เพื่อบางท่านอ่านแล้วอาจจะไปตีความ
    เข้าข้างตัวเองได้ว่า ตัวเองเป็นอริยะได้
    ไม่จำเป็นต้องมีคุณวิเศษเพราะคุณวิเศษถ้า
    ในบุคคลที่พอมีสัมผัสได้หรืออย่างน้อยๆเคยเห็น
    ผีเห็นอะไรได้ถ้ามันจะเกิดมีมันจะเกิดได้ของมันเองครับ
    หรือไปคิดว่าท่านที่มีคุณวิเศษ
    ไม่ใช่อริยะเลย เพราะเราไม่ได้ดูตรงคุณวิเศษเป็นเกณฑ์
    อย่างเดียวนะครับ

    เราดูจาก โทสะ โมหะ โลภะ ที่มีอยู่ในใจท่านนั้น
    ที่จะไม่ได้ดึงเอา ลาภ ยศ สุข สรรเสริญเข้ามาจน
    กลายเป็นตัวตนของตัวเอง ว่าท่านกำจัดสิ่งเหล่านี้
    ได้มากน้อยแค่ไหน พวกนี้ล้วนแล้วแต่เป็นนามธรรม
    ซึ่งเราไม่สามารถที่จะไปคิดเอาได้ จากการเห็นเพียง
    แค่ภายนอกหรือพฤติกรรมการแสดงออกครับ
    แต่เรารู้ได้จากการปฏิบัติให้เข้าถึงด้วยตัวเราเอง
    ไม่ว่าเราจะปฏิบัติแล้วเราจะมีคุณวิเศษหรือไม่มีก็ตาม
    เพราะเรื่องแบบนี้ถ้าเราปฏิบัติแล้ว เราจะรู้ตัวเราเองดีที่สุด

    ถ้าเราไม่มีคุณวิเศษเราก็ดูว่า เราตัด โมหะ โทสะ โลภะ
    ได้มากน้อยแค่ไหนอย่างเดียวก็พอ
    ถ้าเรามีคุณวิเศษเราก็ดูว่า คุณวิเศษเรามันพัฒนาขึ้น
    เรื่อยๆไหม มันเสื่อมไหม ถ้าเสื่อมแสดงว่า
    คุณวิเศษที่เรามีอยู่(โดยมากจะคิดเอาเองว่าวิเศษ)
    มันยังเป็นโลกียะอยู่ครับ


    ถ้าไม่เสือมก็แสดงว่าเป็นโลกุตระ และมาดูว่า
    เราตัด โมหะ โทสะ โลภะ ได้มากน้อยแค่ไหนเช่นเดียว
    กันกับบุคคลที่ไม่มีคุณวิเศษ....

    แต่ถ้ามีคุณวิเศษ แต่ยังมีโมหะ โทสะ โลภะ ยึดใน
    ลาภยศสุขสรรเสริญ คุณวิเศษที่มี ยังมีเสื่อมได้
    ใช้เวลานาน อย่างนี้เรียกว่า ผู้วิเศษที่เป็นโลกียะอภิญญา
    และไม่ใช่อริยะครับ

    ปล.หวังว่าจะเข้าใจภาพรวมนะครับ....
     

แชร์หน้านี้

Loading...