ความหมายของ...วัด

ในห้อง 'พุทธศาสนา และ ธรรมะ' ตั้งกระทู้โดย เทพออระฤทธิ์, 25 สิงหาคม 2009.

  1. เทพออระฤทธิ์

    เทพออระฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    4,573
    กระทู้เรื่องเด่น:
    4
    ค่าพลัง:
    +22,048
    [​IMG]



    เรื่องของวัดวัดหลวง วัดราษฎร์ วัดร้าง

    วัด หมายถึง สถานที่ทางพระพุทธศาสนา ซึ่งปกติมีพระอุโบสถ พระวิหาร พระเจดีย์ รวมทั้งมีพระภิกษุสงฆ์อาศัย<O:pที่มาของคำว่า”วัด” บางคนอธิบายว่า มาจากคำว่า “วตวา”ในภาษาบาลี แปลว่า เป็นที่สนทนาธรรม บ้างก็ว่ามาจาก”วัตร”อันหมายถึงกิจปฏิบัติหรือหน้าที่ของพระภิกษุที่พึงกระทำ หรือแปลอีกอย่างว่าการจำศีล ภาวนา หรือสถานที่ ที่พระภิกษุสงฆ์ใช้ปฏิบัติภาระกิจที่พึงกระทำนั่นเอง<O:pในสมัยพุทธกาลนั้น มีการใช้คำว่า “อาราม” เป็นคำเรียกชื่อศาสนสถานในทางพุทธศาสนาที่ใช้เรียกเสนาสนะที่มีศรัทธาถวายพระพุทธองค์ เช่น “เชตวนาราม” หรือชื่อเต็มว่า “เชตวเนอนาถบิณฑิกสสอาราเม”ซึ่งมีความหมายว่า “สวนของอนาถบิณฑที่ป่าเชต” หรือ <O:p“เวฬุวนาราม”หรือ “บุปผาราม” เป็นต้น “อาราเม” หรือ”อาราม”ในคำอ่านของไทยแปลว่าสวน นอกจากนี้ในเวลาต่อมายังมีคำที่ใช้เรียกอีกอย่างว่า “วิหาระ”หรือ “วิหาร”<O:pการแบ่งประเภทของวัด

    ในประเทศไทยมีวัดเป็นจำนวนมาก หากแบ่งวัดออกตามพระราชบัญญัติคณะสงฆ์ พ.ศ.2505 ก็จะมี 2 ลักษณะ คือวัดที่ได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมา และสำนักสงฆ์ วัดที่ได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมา คือ วัดที่มีอุโบสถเป็นที่ทำสังฆกรรม คำว่า วิสุงคามสีมา หมายถึง เขตพื้นที่ที่พระภิกษุสงฆ์ขอพระราชทานพระบรมราชานุญาตเพื่อใช้จัดตั้งวัดขึ้น แต่ในทางปฏิบัตินั้นเป็นการขอพระบรมราชานุญาตเฉพาะแต่บริเวณที่ตั้งพระอุโบสถเท่านั้นส่วนสำนักสงฆ์ คือ สถานที่ตั้งพำนักอาศัยของหมู่พระภิกษุสงฆ์ ซึ่งไม่ได้ขอพระบรมราชานุญาตใช้ผืนที่ดินแห่งนั้นเพื่อจัดตั้งเป็นวัดขึ้น ดังนั้นสำนักสงฆ์จึงไม่มีโรงพระอุโบสถเพื่อใช้เป็นที่ทำสังฆกรรม วัดที่ได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมา จึงถือว่าเป็นวัดที่ถูกต้องและมีฐานะเป็นนิติบุคคลตามกฎหมาย<O:pถ้าแบ่งตามสำดับความสำคัญก็แบ่งออกได้เป็น พระอารามหลวง หรือ วัดหลวง วัดราษฎร์ และวัดร้าง<O:pวัดหลวง หรือ พระอารามหลวง คือ วัดที่พระมหากษัตริย์หรือพระบรมวงศานุวงศ์ เช่น สมเด็จพระบรมราชินี สมเด็จพระยุพราช ทรงสร้างหรือทรงบูรณะปฏิสังขรณ์เป็นการส่วนพระองค์ หรือเป็นวัดที่ราษฎรสร้างหรือบูรณะปฏิสังขรณ์น้อมเกล้าน้อมกระหม่อมถวายเป็นวัดหลวง ในปัจจุบันนี้ วัดที่จะถวายเป็นพระอารามหลวงได้นั้นต้องมีลักษณะถูกต้องตามระเบียบกระทรวงศึกษาธิการ วาด้วยการขอยกวัดราษฎร์ขึ้นเป็นพระอารามหลวง พ.ศ.2518 จึงจะนับเป็นพระอารามหลวงได้<O:pวัดราษฎร์ คือ วัดที่ประชาชนทั่วไปสร้างหรือปฏิสังขรณ์ขึ้นตามศรัทธา และได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมาถูกต้องตามกฎหมายจากทางราชการแล้ว(ถ้ายังไม่ได้ฯก็ยังคงสภาพเป็นเพียง สำนักสงฆ์)<O:p</O:p
    วัดร้าง คือ วัดที่ทรุดโทรม ไม่มีพระสงฆ์พำนักอาศัยจำพรรษาทางราชการจขึ้นทะเบียนไว้ ซึ่งหากบูรณะได้อาจยกเป็นวัดมีพระสงฆ์ต่อไป โดยดำเนินการตามระเบียบกระทรวงศึกษาธิการ ว่าด้วยการยกวัดร้างเป็นวัดมีพระสงฆ์ พ.ศ.2514<O:p</O:p

    ลำดับชั้นของวัดหลวง<O:p</O:p

    พระอารามหลวงนั้น แต่ละวัดอาจมีฐานะ หรือระดับชั้นแตกต่างกันออกไป การจัดลำดับชั้นของวัดหลวง เริ่มมีขึ้นในรัชกาลพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว เมื่อ พ.ศ.2458 ซึ่งทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้จัดระเบียบแบ่งชั้นพระอารามหลวงออกเป็น 3 ชั้น คือ ชั้นเอก ชั้นโท และชั้นตรี แต่ละชั้นยังแยกระดับออกไปอีกหลายระดับ โดยมีสร้อยต่อท้ายชื่อวัดตามฐานะดังนี้<O:p</O:p
    พระอารามหลวง ชั้นเอก ได้แก่ วัดที่มีความสำคัญ มีเจดียสถานบรรจุพระบรมอัฐิ หรือเป็นวัดที่มีเกียรติสูง มี 3 ระดับ คือ<O:p</O:p
    1.ราชวรมหาวิหาร<O:p</O:p
    2.ราชวรวิหาร<O:p</O:p
    3.วรมหาวิหาร<O:p</O:p
    พระอารามหลวง ชั้นโท ได้แก่วัดที่มีเจดียสถานสำคัญ หรือวัดที่มีเกียรติ มี 4 ระดับ คือ
    <O:p</O:p1.ราชวรมหาวิหาร<O:p</O:p
    2.ราชวรวิหาร<O:p</O:p
    3.วรมหาวิหาร<O:p</O:p
    4.วรวิหาร<O:p</O:p
    พระอารามหลวง ชั้นตรี ได้แก่วัดที่มีเกียรติ วัดประจำหัวเมือง หรือวัดที่มีความสำคัญชันรอง มี3ระดับ คือ<O:p</O:p
    1.ราชวรวิหาร<O:p</O:p
    2.วรวิหาร<O:p</O:p
    3.วัดที่ไม่มีสร้อยต่อท้าย(สามัญ)<O:p</O:p

    ชนิดและขนาดแห่งพระอารามหลวง<O:p</O:p

    1.ราชวรวิหาร คือ พระอารามที่พระมหากษัตริย์ สมเด็จพระราชินีสมเด็จพระยุพราช ทรงสร้างและปฏิสังขรณ์เป็นการส่วนพระองค์
    2.วรวิหาร คือ พระอารามที่พระมหากษัตริย์ สมเด็จพระราชินีสมเด็จพระยุพราช ทรงสร้างและปฏิสังขรณ์ พระราชทานเป็นเกียรติยศแก่ผู้ต่ำศักดิ์ลงมาแก่วัด รวมทั้งวัดที่ประชาชนสร้างหรือปฏิสังขรณ์และทรงรับไว้เป็นพระอารามหลวง ควรยกเป็นเกียรติยศ ซึ่งจัดได้ว่าเป็นวัดที่มีเกียรติ<O:p</O:p
    3.ราชวรมหาวิหาร คือ พระอารามชนิดราชวรวิหารที่เป็นพระอารามใหญ่โต และมีของก่อสร้างใหญ่โต<O:p</O:p
    4.วรมหาวิหาร คือ พระอารามชนิดวรวิหารที่เป็นอารามใหญ่โตและมีของก่อสร้างใหญ่โต<O:p</O:p
    5.สามัญ คือ พระอารามหลวงที่ไม่เข้าในหลักเกณฑ์ดังกล่าว จะไม่มีสร้อยต่อท้ายชื่อ คงใช้เฉพาะชื่อวัดเท่านั้น<O:p</O:p
    ระเบียบเกี่ยวกับการสร้างวัด

    มีกฎหมายเกี่ยวกับคณะสงฆ์ตราขึ้นเป็นฉบับแรก คือพระราชบัญญัติลักษณะปกครองคณะสงฆ์ ร.ส.121 ได้กำหนดหลักเกณฑ์และวิธีดำเนินการต่าง ๆ ไว้ การสร้างวัดนั้นต้องได้รับพระบรมราชานุญาตก่อน วัดได้รับพระบรมราชานุญาตให้สร้างเช่นนี้ เรียกว่า ที่สำนักสงฆ์ เป็นวัดที่ยังไม่ได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมา เมื่อได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมาแล้ว เรียกว่า อาราม ถ้าเป็นวัดหลวงเรียกว่า พระอารามหลวง ถ้าเป็นวัดราษฎร์เรียกว่า อารามราษฎร์ ต่อมาได้มีพระราชบัญญัติคณะสงฆ์พุทธศักราช 2484 ตราขึ้นเป็นฉบับที่สองใช้แทนฉบับแรก กฎหมายฉบับที่สองนี้ให้มีกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ขั้นตอน วิธีการสร้างวัด และตั้งวัดไว้ โดยให้คณะกรรมการอำเภอออกใบอนุญาตให้สร้างวัด กระทรวงศึกาธิการเป็นผู้ออกประกาศการตั้งวัดภายหลังจากที่ได้ใช้กฎหมายฉบับที่ 2 มาเป็นเวลานานพอสมควร ได้มีพระราชบัญญัติคณะสงฆ์ พ.ศ.2505 ซึ่งเป็นฉบับปัจจุบันตราขึ้นมาเป็นฉบับที่ 3 แทนฉบับที่ 2 การสร้างและตั้งวัดให้ดำเนินการตามกฎกระทรวงเช่นเดียวกับฉบับก่อน แต่การสร้างวัดกรมการศาสนาจะเป็นผู้ออกหนังสืออนุญาต ส่วนการตั้งวัดยังคงให้การะทรวงศึกษาธิการเป็นผู้ออกประกาศเช่นเดิม<O:p</O:p
    <O:p</O:p
    วัดประจำรัชกาล

    วัดซึ้งเป็นวัดประจำรัชกาลนั้น มักจะเป็นวัดที่พระมหากษัตริย์ท่านทรงสร้างหรือปฏิสังขรณ์ และให้ความสนใจกับวัดนี้เป็นพิเศษ หรือมีความผูกพันกับวัดนี้มาก ๆ เมื่อพระองค์สวรรคต พระบรมอัฐิก็จะถูกนำไปบรรจุอยู่ที่ฐานของพระประธาน แต่การประกาศว่าวัดไหนเป็นวัดประจำรัชกาลนี้ ไม่ได้มีการประกาศออกเป็นทางการ เพียงแต่เกิดจากการที่คนพูดกันว่าวัดนี้เป็นวัดประจำรัชกาลนี้ ๆ และดูจากความผูกพันที่พระองค์ท่านทรงมีให้กับวัดนั้น ๆ มากกว่าดังต่อไปนี้<O:p</O:p
    รัชกาลที่ 1 คือ วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม ราชวรมหาวิหาร (วัดโพธิ์)<O:p</O:p
    รัชกาลที่ 2 คือ วัดอรุณราชวราราม ราชวรวิหาร (วัดแจ้ง)<O:p</O:p
    รัชกาลที่ 3 คือ วัดราชโอรสาราม ราชวรวิหาร<O:p</O:p
    รัชกาลที่ 4 คือ วัดราชประดิษฐ์สถิตมหาสีมาราม ราชวรวิหาร<O:p</O:p
    รัชกาลที่ 5 คือ วัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม ราชวรวิหาร<O:p</O:p
    รัชกาลที่ 6 คือ วัดบวรนิเวศวิหาร ราชวรวิหาร<O:p</O:p
    รัชกาลที่ 7 คือ วัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม ราชวรวิหาร<O:p</O:p
    รัชกาลที่ 8 คือ วัดสุทัศนเทพวราราม ราชวรมหาวิหาร<O:p</O:p
    รัชกาลที่ 9 อาจจะเป็นหนึ่งในสามวัดนี้คือ วัดโสธรวราราม วรวิหาร จ.ฉะเชิงเทรา วัดญาณสังวราราม จ.ชลบุรี และ วัดพระราม 9 กาญจนาภิเษก กรุงเทพฯ<O:p</O:p

    <O:p





    ที่มา...<DIR>หนังสือชื่อ



    </DIR>ชมรมสนทนาภาษาธรรม





    <DIR>สโมสรการไฟฟ้านครหลวง 1 สิงหาคม 2551



    </DIR>

     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 75842.jpg
      75842.jpg
      ขนาดไฟล์:
      51.5 KB
      เปิดดู:
      5,721
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 25 สิงหาคม 2009

แชร์หน้านี้

Loading...