ความสุขปีใหม่ เข้าใจสังคมานุภาพ

ในห้อง 'พุทธศาสนา และ ธรรมะ' ตั้งกระทู้โดย NoOTa, 1 มกราคม 2007.

  1. NoOTa

    NoOTa Super Moderator ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    20,125
    กระทู้เรื่องเด่น:
    349
    ค่าพลัง:
    +64,492
    ความสุขปีใหม่ เข้าใจ'สังคมานุภาพ'

    ความสุขปีใหม่ เข้าใจ "สังคมานุภาพ"

    โดย ประเวศ วะสี



    เนื่องในวาระดิถีขึ้นปีใหม่พุทธศักราช 2550 อันเป็นกลางพุทธศตวรรษที่ 26 ผมขออวยพรให้เพื่อนคนไทยทุกคนประสบความสุขสวัสดี อะไรเป็นความดีงาม เป็นมงคล เป็นขวัญ เป็นศรี ขอให้สิ่งดีๆ เหล่านั้นจงอุบัติแก่ท่านทั้งหลายโดยทั่วกัน อวย แปลว่าให้ พร คือ วระหรือสิ่งที่ประเสริฐ อะไรที่เป็นสิ่งที่ประเสริฐท่านพึงให้แก่กันและกัน การให้หรือการมีน้ำใจเพื่อเพื่อนมนุษย์จะทำให้ท่านมีความสุข มีความภูมิใจในตัวเอง มีความปีติ มีความรู้สึกว่ามีศักดิ์ศรี มีความกล้าหาญ เราถูกสอนมาว่าทำอะไรต้องเอาความรู้ เป็นตัวตั้งเสียจนเคยชิน ความรู้มีความสำคัญ แต่ถ้าเอาความรู้เป็นตัวตั้งเราจะมีความกลัว ไม่มั่นใจ กลัวเราจะไม่รู้จริง กลัวคนอื่นจะรู้ดีกว่าเรา ต้องเอาใจเป็นตัวตั้งจึงจะพบความสุข การมีน้ำใจต่อเพื่อนมนุษย์จะทำให้เกิดความกล้าหาญไม่กลัวอะไร การที่มีน้ำใจต่อคนอื่นทำให้รู้สึกมีเกียรติ มีศักดิ์ศรี มีศักยภาพที่จะทำอะไรดีๆ

    ความรู้สึกว่าตัวเองมีเกียรติ มีศักดิ์ศรี มีคุณค่าแห่งความเป็นคน มีศักยภาพที่จะทำอะไรดีๆ จะทำให้มีสุขภาวะอย่างยิ่ง มีความปีติและความสุขซึมซ่านทั้งเนื้อทั้งตัว เป็นความสุขที่แท้จริง อันไม่เกี่ยวกับเงิน ตำแหน่ง หรือยศฐาบรรดาศักดิ์ใดๆ ทั้งสิ้น

    การมีเงิน มีตำแหน่ง มียศฐาบรรดาศักดิ์ ไม่อาจมีกับคนทุกคน และไม่แน่ว่าจะอวยให้เกิดความสุขที่แท้จริงได้

    แต่ความรู้สึกมีศักดิ์ศรีและมีคุณค่าแห่งความเป็นคนสามารถเกิดขึ้นกับคนทุกคน และทำให้เกิดความสุขอันประณีตลุ่มลึก อันเป็นความสุขที่แท้จริง

    อันที่จริงมนุษย์มีศักยภาพมากที่จะเข้าถึงความจริง ความดี และความงาม ซึ่งจะทำให้มีความสุขและการอยู่ร่วมกันด้วยสันติ แต่มนุษย์ก็ถูกจำกัดศักยภาพเป็นอย่างมาก ประดุจถูกจองจำไว้ในคุกที่มองไม่เห็น สิ่งที่มาจำกัดศักยภาพของมนุษย์คือจิตสำนึกและความสัมพันธ์ในสังคม จิตสำนึกที่เล็กและความสัมพันธ์ทางดิ่ง เป็นพันธนาการที่จองจำมนุษย์ไว้ไม่ให้มีศักยภาพ

    เราถูกกักขังอยู่ในจิตสำนึกและทรรศนะอันคับแคบ อะไรที่คับแคบก็จะบีบคั้น การบีบคั้นคือความทุกข์ การหลุดพ้นจากความบีบคั้นคืออิสรภาพ คือความสุข ความสุขคือความเป็นอิสระหลุดพ้นจากความบีบคั้น ความคับแคบคือความไม่จริง ความจริงนั้นกว้างใหญ่ไพศาล สรรพสิ่งทั้งหมดเชื่อมโยงเป็นหนึ่งเดียวกัน เพราะจิตเล็กมนุษย์จึงไม่เข้าถึงความจริงที่ใหญ่ ทำให้เห็นและคิดแบบแยกส่วน ทำให้บีบคั้น ขัดแย้งและรุนแรง

    ถ้าต้องการความสุขต้องมีจิตใหญ่ หรือจิตสำนึกใหม่ (New Consciousness) ที่เข้าถึงความจริง เห็นความเชื่อมโยงของสรรพสิ่งไปสู่ความเป็นทั้งหมด หรือความเป็นหนึ่งเดียวของทั้งหมด ถ้าเข้าถึงความจริงก็จะประสบความงาม และเกิดความรักอันไพศาลต่อเพื่อนมนุษย์และสรรพธรรมชาติทั้งหมด อันเป็นไปเพื่อความสุขและการอยู่ร่วมกันอย่างสันติ

    โครงสร้างทางสังคมกำหนดพฤติกรรมทางสังคม

    สัมพันธภาพทางดิ่งระหว่างผู้มีอำนาจที่อยู่ข้างบนกับผู้ไม่มีอำนาจที่อยู่ข้างล่าง เป็นโครงสร้างที่บีบคั้น ทำให้เกิดความทุกข์ มีการเรียนรู้น้อย และพฤติกรรมเบี่ยงเบนต่างๆ เช่น การเฉื่อยงาน การซ่อนข้อมูล การนินทาว่าร้าย การออกใบปลิว การลอบแทงข้างหลัง ในองค์กรทั้ง 5 ประเภท ล้วนมีสัมพันธภาพทางดิ่ง คือ การเมือง ราชการ การศึกษา ธุรกิจ และศาสนา คนทั้งหมดจึงตกอยู่ในสภาพถูกจองจำในโครงสร้างทางดิ่งขององค์กร

    สังคมใดที่มีสัมพันธภาพทางดิ่ง เศรษฐกิจจะไม่ดี การเมืองจะไม่ดี และศีลธรรมจะไม่ดี และจะไม่มีทางดี ตราบใดถ้ายังไม่ปรับเปลี่ยนสัมพันธภาพที่ทุกคนมีความเท่าเทียมกัน และสามารถรวมตัวร่วมคิดร่วมทำอย่างกว้างขวาง ที่เรียกว่ามีความเป็นประชาสังคม (Civil Society)

    คนไทยจะมีความสุขและมีการอยู่ร่วมกันอย่างสันติได้ก็ต่อเมื่อเข้าใจและจัดความสัมพันธ์ระหว่างอำนาจ 3 ประเภท ได้อย่างถูกต้อง อำนาจ 3 ประเภท คือ

    1.อำนาจรัฐหรือพลานุภาพ อำนาจรัฐอันมีมาแต่เดิม เป็นอำนาจที่ติดอาวุธ คือมีกองทัพและตำรวจ จึงถือเป็นอำนาจที่ใช้พละกำลัง หรือพลานุภาพ

    2.อำนาจเงินหรือธนานุภาพ ในระบบทุนนิยม เงินมีขนาดใหญ่และมีอำนาจมาก เรียกว่าเป็นธนานุภาพ ตามปกติธนานุภาพก็จะพยายามมาใช้อำนาจรัฐให้เป็นประโยชน์แก่ตน แต่บางครั้งก็จะใช้เงินเข้ามายึดอำนาจทางการเมืองเสียเลย เช่น รัฐบาลทักษิณ เมื่ออำนาจรัฐและอำนาจเงินเข้ามารวมกันจะทำให้อำนาจในสังคมเสียดุลอย่างรุนแรง อะไรที่เสียดุลยภาพอย่างรุนแรงก็จะวิกฤต

    ทั้งอำนาจรัฐและอำนาจเงินล้วนเป็นอำนาจทางดิ่ง (ดูรูป) อำนาจทางดิ่งอาจจะใช้แก้ปัญหาในครั้งโบราณได้ เช่น การเก็บภาษี การควบคุมคน และการต่อสู้กับการรุกรานจากภายนอก แต่ปัจจุบันสังคมมีความซับซ้อนและมีปัญหาเชิงโครงสร้างมากมาย เช่น ความยากจน ความอยุติธรรมในสังคม การรุกรานทางเศรษฐกิจจากภายนอก อำนาจทางดิ่งแก้ปัญหาที่ซับซ้อนไม่ได้ ดังที่รัฐบาลทักษิณมีอำนาจมาก แต่แก้ปัญหาหลักๆ ในสังคมไม่ได้เลย เป็นต้น

    3.อำนาจทางสังคม (สังคมานุภาพ) อำนาจทางสังคมเป็นอำนาจทางราบอันเกิดจากการรวมตัวร่วมคิดร่วมทำด้วยความเสมอภาค มีการเรียนรู้หรืออำนาจทางปัญญา มีอำนาจของความถูกต้องหรือธัมมานุภาพ ส่งเสริมความเข้มแข็งของชุมชนท้องถิ่น การอนุรักษ์วัฒนธรรม การอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม การเคารพศักดิ์ศรีและคุณค่าความเป็นคนของคนทุกคน ใช้สันติวิธีและแนวทางมัชฌิมาปฏิปทา

    สังคมานุภาพ มาจากคำว่า สังคม+อานุภาพ เพื่อให้ล้อกับพลานุภาพ หรืออำนาจของการใช้พละกำลัง และธนานุภาพหรืออำนาจของการใช้เงิน สังคมานุภาพคือประชาธิปไตยที่แท้จริง+ปัญญานุภาพ+ธัมมานุภาพ ด้วยประชาธิปไตยที่แท้จริงหรือสังคมานุภาพ (+ปัญญานุภาพ+ธัมมานุภาพ) เท่านั้น สังคมจึงจะมีพลังพอที่จะฝ่าฟันความซับซ้อนของสังคมปัจจุบันไปสู่ความร่มเย็นเป็นสุขได้

    สังคมานุภาพไม่ควรคิดทำลายอำนาจรัฐและอำนาจเงิน แต่ดึงเข้ามาทำงานร่วมกัน อำนาจรัฐและอำนาจเงินก็ควรส่งเสริมความเติบโตของอำนาจทางสังคม เพราะจะทำให้เกิดดุลยภาพของอำนาจทั้งสามในสังคมต่อเมื่อมีดุลยภาพของอำนาจในสังคม สังคมจึงจะมีความเป็นปกติและยั่งยืน

    ปี 2550 คงจะมีความผันผวนทางการเมือง เศรษฐกิจ และสังคมมาก ขอให้เพื่อนคนไทยตั้งสติให้ดี พยายามทำความเข้าใจเรื่องจิตสำนึกใหม่ และ "สังคมานุภาพ" พลังของจิตสำนึกใหม่ และพลังของ "สังคมานุภาพ" อันมหาศาลเท่านั้นที่จะพาเราออกจากวิกฤตการณ์แห่งยุคสมัย

    ขอให้เพื่อนคนไทยมีความสุขสวัสดี


    ----------------------------------------------
    Ref.
    http://www.matichon.co.th/matichon/matichon_detail.php?s_tag=01act04010150&day=2007/01/01
     

แชร์หน้านี้

Loading...